10 ข้อน่ารู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ที่มือใหม่ต้องอ่านก่อนตัดสินใจ
เขียนโดย admin_beautypost
วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 14.10 น.
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14.17 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) 10 ข้อน่ารู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์สวยเป๊ะ ปลอดภัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ เป็นตัวช่วยปรับรูปหน้าและเติมร่องลึกให้ดูเด็กขึ้นแบบไม่ต้องพักฟื้น แต่ก่อนจะตัดสินใจฉีดครั้งแรกควรรู้ให้ครบ ทั้งข้อดี ข้อควรระวัง และเทคนิคการเลือกคลินิกที่ปลอดภัย มาดูกันว่า 10 ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง ? จะได้ไม่พลาดและได้ผลลัพธ์สวยสมใจค่ะ
1. ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิว เพื่อเพิ่มมิติให้หน้าและแก้ปัญหาร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ หรือคาง สารที่นิยมคือ Hyaluronic Acid (HA) เพราะมีความใกล้เคียงกับสารในร่างกาย ทำให้ไม่เป็นอันตรายและสลายเองได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง การฉีด Filler จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เหมาะกับคนที่อยากดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องพักฟื้นนานค่ะ
2. ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาอะไร ?
หลายคนหันมาฉีดฟิลเลอร์ เพราะช่วยแก้ได้หลายปัญหา เช่น
- ใต้ตาหมองคล้ำ มีถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส
- ร่องแก้มลึก ริ้วรอยร่องแก้ม ทำให้ดูแก่กว่าวัย
- ริมฝีปากบาง ขาดความอวบอิ่ม ดูไม่โดดเด่น
- รูปหน้าไม่เข้ารูปหรือไม่ชัดเจน เช่น คางสั้น หน้าผากแบน ขมับตอบ
- ปัญหาผิวแห้งกร้าน มีริ้วรอย หรือขาดความชุ่มชื้น จนดูไม่เรียบเนียน
การฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มร่องลึก เพิ่มมิติให้ใบหน้า เติมความอิ่มฟูให้ปากและผิว ทำให้ดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ขึ้นค่ะ
3. การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ ถือเป็นหัตถการยอดนิยมที่หลายคนเลือก เพราะมีข้อดีหลายอย่าง เช่น
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ปลอดภัย เมื่อเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น จึงลดความเสี่ยงและไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผล
- ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ปรับรูปหน้าและเติมเต็มร่องลึกได้ละมุนกว่าวิธีอื่น
- เหมาะกับจุดที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือคาง
- ความเสี่ยงในการวางยาสลบต่ำมาก เพราะเป็นการฉีดแบบเฉพาะจุด
- สามารถปรับแก้และเติมเพิ่มได้เรื่อย ๆ ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ
4. ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?
ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ทำจาก Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์และความงาม จุดเด่นคือสามารถสลายได้เอง 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง จึงสามารถฉีดซ้ำหรือเติมเพิ่มได้โดยไม่เป็นอันตราย
การฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ใช่หัตถการที่อันตราย หากเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติค่ะ
5. ฟิลเลอร์ ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? แต่ละจุดใช้กี่ CC ?
การฉีดฟิลเลอร์ สามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และแก้ปัญหาผิวได้หลายจุด โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาและรูปหน้าเดิมของแต่ละคน โดยตำแหน่งยอดนิยมมีดังนี้
- หน้าผาก (3-5 CC) ช่วยปรับโหนกหน้าผากให้โค้งละมุน เพิ่มมิติให้ใบหน้า
- ขมับ (2-4 CC) เติมขมับที่ตอบให้ใบหน้าดูอิ่ม มีสัดส่วนที่สมดุล
- ใต้ตา (2-4 CC) แก้ปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอย หรือความหมองคล้ำ ใบหน้าดูสดใสขึ้น
- ร่องแก้ม (2-4 CC) ลดร่องแก้มลึก ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
- แก้มส้ม (1-2 CC) เติมแก้มให้มีวอลลุ่ม ใบหน้าดูมีชีวิตชีวา
- คาง (1-2 CC) เสริมความยาวคางให้ใบหน้าเรียวสวยเป็น V Shape
- ริมฝีปาก (1-2 CC) เติมปากให้ทรงสวย อวบอิ่ม และดูชุ่มชื้น
6. ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เลือกฉีดจุดไหนก่อนดี ?
สำหรับคนที่เริ่มฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก จุดที่แพทย์มักแนะนำให้เริ่มทำก่อน คือบริเวณที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุด ช่วยปรับใบหน้าให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นได้ทันทีค่ะ โดยจุดบริเวณนั้นคือ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา : เติมเต็มเบ้าตาลึก ลดรอยคล้ำและถุงใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูสดใส
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ช่วยลดร่องลึกที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า คืนความสดใสให้ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์ปาก : เติมริมฝีปากให้มีความอวบอิ่ม แก้ปัญหาปากบาง ปากแห้ง หรือปากไม่เป็นทรง
7. ก่อน-หลังฉีด Filler ควรเตรียมตัวและดูแลอย่างไร ?
เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ และวิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้
- งดการใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Vitamin E, St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng เพื่อป้องกันการช้ำ
- งดการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว และงดโกนหรือดึงขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดทำคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด Filler เพื่อลดความเสี่ยงบวมช้ำ
- หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาบางชนิดเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ในบางเคสแพทย์อาจให้ยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวม เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำหรืออักเสบ
ดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา หรือกดนวดจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ ในช่วง 3 วันแรก
- อาการบวม แดง หรือเขียวช้ำเป็นเรื่องปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 4-5 วัน
- อยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก หรือตากแดด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ตัวและคงผลลัพธ์ได้นาน
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- อย่าขยับผิวหรือบีบจุดที่ฉีดมาก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน
- งดอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ เช่น อาหารเผ็ดจัด อาหารหมักดอง อาหารหวานจัด หรืออาหารดิบที่ไม่สะอาด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะทำให้ยุบบวมช้าและลดอายุการคงตัวของฟิลเลอร์
8. ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าได้ทันทีประมาณ 70-80% โดยฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติเต็มที่ภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วง 4-5 วันแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับค่ะ
9. ฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม ?
ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะคงผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น และจุดที่ฉีด โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) ที่ผ่านการรับรองจาก อย. จะมีอายุการคงตัวประมาณ 6–18 เดือน บางยี่ห้อหรือรุ่นอาจอยู่ได้นานถึง 24 เดือน
ทั้งนี้ การดูแลหลังฉีด และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ของ ฟิลเลอร์ อยู่ได้นานขึ้นและดูสวยเป็นธรรมชาติค่ะ
10. เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างไร ให้ปลอดภัย ?
เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ควรพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังนี้
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตและการจดทะเบียนถูกต้อง
- ฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และสามารถตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพได้
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และสามารถตรวจสอบกับบริษัทผู้นำเข้าได้ทุกกล่อง
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจ
สรุป 10 ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
จาก 10 ข้อข้างต้นจะเห็นได้ว่า ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าและเติมเต็มร่องลึกให้ดูเด็กขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลให้ครบทุกมุม รวมถึงการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ