แสงสีฟ้า คืออะไร ? เจอได้ที่ไหน ? ป้องกันอย่างไร ? บทความนี้มีคำตอบ
-
เขียนโดย beauty_content
วันที่ เมื่อวาน เวลา 11.40 น.
1 ตอน
0 วิจารณ์
33 อ่าน
แก้ไขเมื่อ เมื่อวาน 11.44 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) แสงสีฟ้า (Blue Light) คืออะไร ? เจอบ่อย ๆ ส่งผล กระทบอะไรบ้าง ? ป้องกันได้อย่างไร ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงสีฟ้า
แสงสีฟ้า (Blue Light) เป็นคลื่นแสงพลังงานสูงที่พบได้ทั้งในธรรมชาติและจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในยุคดิจิทัลเราสัมผัสแสงนี้มากขึ้นผ่านหน้าจอต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อดวงตา ผิวหนัง และการนอนหลับ ในบทความนี้ จะอธิบายถึงความหมาย ผลกระทบ และวิธีป้องกันตัวจากแสงสีฟ้า ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
คลิกอ่านหัวข้อ แสงสีฟ้า
แสงสีฟ้า คืออะไร ?
ปัจจุบันเจอแสงสีฟ้าจากที่ไหนได้บ้าง ?
อันตรายแสงสีฟ้า ที่ส่งผลต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง ?
วิธีป้องกันแสงสีฟ้า ทำอย่างไรได้บ้าง ?
แสงสีฟ้า คืออะไร ?
แสงสีฟ้า คือ คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400-500 นาโนเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ แสงสีฟ้ามีพลังงานสูงและสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่ผิวหนังและดวงตาได้ลึกกว่าแสงสีอื่น ๆ และเป็นแสงที่มีพลังงานสูงใกล้เคียงรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) อีกด้วย
ปัจจุบันเจอแสงสีฟ้าจากที่ไหนได้บ้าง ?
แสงแดด
แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์
หลอดไฟ LED หลอดฟลูออเรสเซนต์ และหลอดประหยัดพลังงาน
โทรทัศน์และจอแสดงผลต่าง ๆ จอโฆษณาดิจิทัล จอแสดงผลในยานพาหนะ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าจอแสดงผล
อันตรายแสงจากสีฟ้า ที่ส่งผลต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง ?
แสงสีฟ้าเป็นแสงที่มองเห็นได้จากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ ซึ่งการรับแสงสีฟ้าในปริมาณมากสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้หลายด้าน ดังนี้
ผลกระทบต่อดวงตา
ทำให้ตาล้า แห้ง และระคายเคือง
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต้อกระจก
อาจเร่งการเสื่อมของจอประสาทตา
รบกวนการมองเห็นในที่มืด
อาจส่งผลต่อการพัฒนาสายตาในเด็ก
ผลกระทบต่อผิวหนัง
เร่งการเสื่อมของผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย
อาจกระตุ้นการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
ทำให้ผิวหน้ามันง่ายขึ้น
ผลกระทบต่อการนอนหลับ
ยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ควบคุมการนอน
ทำให้นอนหลับยากและคุณภาพการนอนลดลง
การตระหนักถึงอันตรายเหล่านี้และใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสม จะช่วยลดผลกระทบจากแสงสีฟ้าได้
วิธีป้องกันแสงสีฟ้า ทำอย่างไรได้บ้าง ?
วิธีป้องกันสายตาจากแสงสีฟ้า
ใช้แว่นตากรองแสงสีฟ้าจากหน้าจอ เมื่อต้องใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน
หยอดน้ำตาเทียมอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการตาแห้ง
ติดตั้งฟิล์มกรองแสงบลูไลท์บนหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ
ปรับการตั้งค่าหน้าจอ ลดความสว่าง ใช้โหมดกลางคืนหรือโหมดถนอมสายตา
พักสายตาเป็นระยะ โดยใช้กฎ 20-20-20 (ทุก 20 นาที มองไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที)
จำกัดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะก่อนนอน ปรับแสงในห้องให้เหมาะสม
จัดสภาพแวดล้อม ใช้หลอดไฟที่ปล่อยแสงสีฟ้าน้อย
วิธีดูแลและป้องกันผิวจากแสงสีฟ้า
ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน A และ วิตามิน C
ทำหัตถการ หรือทรีทเม้นต์ เช่น การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยกรด เลเซอร์หน้าใส
ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป หรือมีส่วนผสมป้องกันแสงสีฟ้า
สรุปเรื่องแสงสีฟ้า ที่ส่งผลต่อผิวและดวงตา
แสงสีฟ้าเป็นคลื่นแสงพลังงานสูงที่พบได้ทั้งจากธรรมชาติและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การสัมผัสกับแสงสีฟ้ามากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อดวงตาและผิวหนัง เช่น ทำให้ตาล้า เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตา และเร่งการเสื่อมของผิว
การป้องกันทำได้โดยใช้อุปกรณ์กรองแสงสีฟ้า ปรับการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวที่เหมาะสม การตระหนักถึงผลกระทบของแสงสีฟ้าและใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยรักษาสุขภาพตาและผิวในระยะยาวได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://drvsquare.com/knowledge/blue-light/
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ