เปลี่ยนหุ่นป้อมเป็นหุ่นปังด้วย Coolsculpting เทคโนโลยีการสลายไขมัน

Coolsculpting อีกหนึ่งวิธีการสลายไขมันส่วนเกินที่ได้รับความนิยมมากขึ้นปัจจุบัน เพราะเห็นผลเร็ว ปลอดภัย ไม่มีแผลให้เจ็บตัว ใครอยากกำจัดไขมันส่วนเกินและมีสัดส่วนที่เป๊ะปัง ต้องฟังทางนี้

จะพาไปรู้จัก Coolsculpting คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting พร้อมวิธีการเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลหลังทำ

สารบัญ Coolsculpting

1. Coolsculpting คืออะไร ?
2. หลักการทำงานของ Coolsculpting
3. ทำ Coolsculpting ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
4. ข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting
5. การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
6. การดูแลหลังทำ Coolsculpting

Coolsculpting คืออะไร ?

Coolsculpting คือ การสลายไขมันด้วยความเย็นติดลบ ผ่านกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ได้อย่างถาวร โดยมีระบบ Freeze detect ที่ช่วยตรวจและควบคุมความเย็นในผิวชั้นบนไม่ให้มากเกินไป จึงปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ

ทั้งนี้ในระหว่างการทำ Coolsculpting คนไข้สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูหนัง หรืออ่านหนังสือไปด้วยได้ และที่สำคัญหลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Coolsculpting ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

หลักการทำงานของ Coolsculpting

Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันได้ถึง 20 - 30% ต่อการทำ 1 ครั้ง โดยเครื่องจะส่งความเย็นอุณหภูมิ -11°C ลงลึกเข้าสู่ชั้นไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ความเย็นที่เทียบเท่ากับระดับจุดเยือกแข็งจะทำให้ไขมันตาย เปลี่ยนแปลงสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง และลดจำนวนลงก่อนถูกร่างกายกำจัดออกไปเองตามธรรมชาติ ส่วนเซลล์ไขมันที่เหลืออยู่จะจัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้ผิวกระชับและรูปร่างได้สัดส่วนที่เป๊ะปังมากขึ้น

ทำ Coolsculpting ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Coolsculpting สามารถสลายไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดยากได้หลายจุด แต่ละจุดจะใช้หัวเครื่องที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม

• ต้นแขน : ช่วยแก้ปัญหาต้นแขนใหญ่ ต้นแขนหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
• หน้าท้อง เอว : ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมหน้าท้อง ห่วงยางรอบเอว
• สะโพก : ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ลดขนาดสะโพกให้เล็กลง มีรูปร่างสมส่วนขึ้น
• ต้นขา : ช่วยแก้ปัญหาขาเบียด ต้นขาใหญ่ ต้นขาไม่เรียวสวย

ข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting

การทำ Coolsculpting เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมปานกลาง และต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด หากใครที่มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไป หรือมีค่า BMI มากกว่า 35 อาจเห็นผลลัพธ์ได้น้อยและช้า ซึ่งการดูดไขมันจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

นอกจากนี้ คนที่แพ้ความเย็น คนที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ คนที่ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ คนที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด รวมถึงคนที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร ไม่แนะนำให้ทำ Coolsculpting เพราะอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้

การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting

ก่อนทำ Coolsculpting ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรให้ยุ่งยาก สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เหมือนก่อนการทำทรีทเม้นท์ทั่วไป เพราะไม่ได้เป็นการผ่าตัด คนไข้สามารถเข้าไปปรึกษาและตรวจประเมินกับคุณหมอที่คลินิกได้เลย

การดูแลหลังทำ Coolsculpting

หลังทำ Coolsculpting อาจมีอาการปวดบวมประมาณ 7 - 10 วัน และจะเริ่มเห็นผลว่าชั้นไขมันยุบใน 1 เดือน และจะเห็นผลเต็มที่ในเวลา 3 เดือน ซึ่งคนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แนะนำให้หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสม 

สรุป

Coolsculpting ถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีในการสลายไขมัน ตอบโจทย์คนที่มีไขมันสะสม และต้องการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน โดยเฉพาะในจุดที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา สะโพก เป็นต้น เพราะไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ผิวบริเวณที่ทำจะตึงกระชับ สัดส่วนเล็กลง ช่วยให้คุณมั่นใจกับหุ่นได้มากขึ้น