คืนหลอนวันคลอดลูก
เขียนโดย Minibook
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.16 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566 21.20 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) คืนหลอนวันคลอดลูก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสวัสดีค่ะคุณรี้ดที่รักทุกท่านวันนี้ไรท์มีเรื่องเล่าหลอนๆจากครูสมัยไรท์เรียนชั้นประถมมาเล่าให้ฟังและเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในช่วง 40 ปีก่อน
นามสมมุติครูของไรท์คือครูสาว ในช่วงที่ครูตั้งท้องอยู่พ่อของครูเป็นคนที่มีวิชาคาถาอาคม และในสมัยนั้นไม่มีโรงพยาบาลเวลาคลอดลูกจึงเรียกหมอตำแยให้ไปทำคลอด เวลาคนใกล้จะคลอดลูกกลิ่นของเด็กอ่อนมันหอมหวนและผีปอบก็เป็นผีที่น่ากลัวมากๆในสมัยนั้น ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านในเวลายามวิกาลสักคนตั้งแต่หกโมงเย็นทุกคนในหมู่บ้านก็จะเริ่มเตรียมตัวปิดบ้านนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ และในขณะที่ครูสาวกำลังเจ็บท้องใกล้คลอดนั้น สุนัขที่อยู่รอบๆหมู่บ้านก็ต่างพากันหอนเสียงดังกังวานไปทั่วทิศทาง
ครูสาวทั้งตกใจและหวาดกลัวเพราะเธอรู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัวอีกทั้งบรรยากาศก็วังเวงน่ากลัวมีแต่เสียงสุนัขต่างพากันหอนตามกันเป็นทอด ระหว่างที่ทำคลอดกับหมอตำแยอยู่นั้นลมแรงก็พัดโบกใส่ประตูและบานหน้าต่างเสียงดัง
หมอตำแยก็เร่งทำคลอดให้ครูสาวเพราะเลือดเธอออกมามากเหลือเกินแต่เด็กยังไม่ออกมาสักที
" โอ๊ย ยายฉันเจ็บเหลือเกิน "
" ทนก่อนนะสาวเฮ้ย เดี๋ยวลูกเอ็งก็ออกมาแล้ว เอ้าเบ่งอีกรอบ "
ครูสาวเบ่งอีกรอบจนสุดแรงแล้วก็มีลมพัดแรงโหมใหญ่พัดกระหน่ำจนหน้าต่างบ้านเปิดออก ครูสาวหันหน้าตามีเสียงบานประตูเปิดแล้วก็พบเข้ากับยายแก่คนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้ลำใหญ่ ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมายังครูสาวตาไม่กระพริบแล้วแลบลิ้นยาวเลียริมฝีปากไปมา
" ยาย !!!! "
ครูสาวอุทานออกมาด้วยความหวาดกลัวตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพบเห็นผีที่มีตัวเป็นๆแบบนี้เลยเธอเคยได้ยินแต่คนอื่นเขาพูดกันว่าผีปอบมีหน้าตาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตนเองเธอก็ไม่เชื่อ
ร่างกายผอมแห้ง ผมสีขาวยาวถึงก้น ดวงตาสีแดงก่ำ เล็บสีดำแหลมและยาว ทั้งหมอตำแยและครูสาวต่างก็พากันผวากับสิ่งที่เห็นเธอแทบจะหมดแรงคลอดลูก หมอตำแยยังคงทำหน้าที่ต่อไปถึงแม้จะกลัวมากก็ตามแต่ชีวิตของสองแม่ลูกนี้สำคัญกว่า เธอจึงเรียกสติครูสาวให้หันมามองหน้าเธอแทน อย่าไปจ้องมองผีตนนั้นเดี๋ยวจะโดนมนต์สะกดมันได้
ครูสาวเบ่งทารกสุดกำลังเฮือกใหญ่และแล้วเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆก็คลอดออกมาเธอหมดกำลังจากการคลอดลูกจนหมดสติไป หมอตำแยที่อยู่ในสถานะการณ์คับขันแบบนั้นก็เรียกขอความช่วยเหลือจากพ่อครูสาว พ่อของครุสาวกลับมาจากไปงานที่วัดมาพอดี ผีปอบตนนั้นพยายามจะเข้ามากินเด็กให้ได้ เด็กน้อยก็ร้องไห้เสียงดัง เสมือนกันเธอรับรู้ว่ากำลังจะมีอันตรายมาถึงตัว แต่เพราะพ่อครูสาวได้นำสายสินมาอ้อมรอบบ้านเอาไว้มันจึงเข้ามาไม่ได้ แต่มันก็ไม่ยอมไปไหนนั่งเฝ้ามองอาหารอันโอชะอยู่บนกิ่งไม้อยู่อย่างนั้น
เมื่อพ่อครูสาวมาถึงก็ได้จัดการและร่ายมนต์คาถาใส่นางผีร้ายตนนั้น
" มึงจะออกไปจากเขตบ้านกูไหม "
แผล็บ ๆๆๆ
" กูไม่ไป กูจะรอกินลูกกับหลานมึง "
ผีปอบกล่าวด้วยวาจาเกรี้ยวกราดไม่เกรงกลัวยังคงพยายามกระโดดไปมาเกาะกิ่งไม้ต้นนี้ต้นนั้นเพื่อคอยสะกดจิตครูสาวให้ตื่นขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นผล พ่อของครูสาวมีวิชาพอตัวจึงสวดมนต์ท่องคาถาบทสำคัญและหยิบน้ำมนต์กับข้าวสารเสก เขวี้ยงไปที่ผีปอบตนนั้น ผีปอบร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด เสียงร้องโหยหวนดังลั่นอยู่ในโสตประสาทของทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น
สุดท้ายพ่อครูสาวจึงใช้วิธีเด็ดขาดกับผีร้ายเมื่อมันเห็นหม้อที่พ่อหมอเตรียมมามันก็ทำท่าบอกกล่าวว่ากับพ่อหมอ
" กูไปก็ได้ แต่มึงระวังตัวไว้เถอะอย่าเผลอล่ะ "
ก่อนจะไปมันก็ได้ฝากคำขู่เอาไว้กับพ่อหมอ นี่เป็นเรื่องเล่าจากครูสาวสมัยที่ท่านคลอดลูกกับหมอตำแย ท่านเล่าว่าเหตุการณ์ที่พบเจอมันน่ากลัวมากๆแต่หลังจากนั้นครูก็ไม่ได้พบเจอกับผีปอบตนนั้นอีกเลยคุณรีดคิดว่ายังไงบ้างคะผีตนนั้นหายไปไหนหรือเพราะยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปเลยไม่มีใครได้พบอีก
เพื่อนๆเชื่อเรื่องผีปอบกันไหมคะ แวะมาพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์การหลอนกับไรท์ได้นะคะ ไว้เดี๋ยวไรท์จะนำเรื่องราวประสบการณ์หลอนมาเล่าให้ฟังอีกทั้งจากคนรอบข้างและตัวของไรท์เอง
สำหรับวันนี้ขอบคุณรีดเดอร์ที่
น่ารักนะคะที่แวะเข้ามาอ่านเรื่องเล่าของไรท์ ☺️
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ