ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? อันตรายไหม ? ฉีดครั้งแรกมีข้อควรรู้อะไรบ้าง ?
เขียนโดย beauty_content
วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลา 13.38 น.
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 15.14 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? อันตรายไหม ? ฉีดครั้งแรกควรระวังอะไรบ้าง ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? อันตรายไหม ? ฉีดครั้งแรกมีข้อควรรู้อะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ในคนที่มีริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาดำ ขอบตาคล้ำ เบ้าตาลึก มีถุงใต้ตานูนที่ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น และแก่กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเติมเต็มใต้ตาให้กลับมาตื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ดวงตากลับมาดูสดใส อ่อนเยาวขึ้นได้ เป็นหนึ่งในหัตการที่คนส่วนใหญ่เลือกทำเป็นอย่างแรก ๆ เพื่อใบหน้าที่ดูเด็กลง
ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้นว่า คืออะไร ? เหมาะ-ไม่เหมาะกับใครบ้าง ? ช่วยอะไร ? อันตรายไหม ? ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตาบอด จริงไหม ? ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร ?
ใช้ยี่ห้อไหนดี ? 1CC ราคาเท่าไหร่ ? อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด พร้อมวิธีป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eyes Filler) คือการนำสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA มาฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา ที่มีปัญหาร่องลึก มีริ้วรอย มีความหมองคล้ำ เพื่อเติมให้ผิวบริเวณนั้นดูเต็ม สมดุล มีความเรียบเนียน สม่ำเสมอกัน ทำให้ผิวดูกระชับ ยืดหยุ่น ร่องลึกใต้ตาตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะ-ไม่เหมาะ กับใครบ้าง ?
ขอบคุณภาพจาก V Square Clinic
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับ
- ผู้ที่มีปัญหาตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ มีถุงใต้ตา มีริ้วรอยใต้ตา
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด เจ็บตัว
- ผู้ที่ไม่ต้องการเติมไขมันใต้ตา
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว ไม่อยากพักฟื้นนาน
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึกจากกระดูก หรือไขมันทรุดตัวลงตามวัย
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดำจากพันธุกรรรม หรือจากโรคภูมิแพ้
ขอบคุณภาพจาก V Square Clinic
ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่เหมาะกับ
- ผู้ที่ผิวหนังบริเวณใต้ตา มีการอักเสบติดเชื้อ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์ แพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา (Lidocaine)
- ผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด เลือดหยุดไหลยาก
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- ผู้ที่กำลังกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาสูติแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ที่เป็นโรคเริม หรืองูสวัด หากฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้กำเริบกว่าเดิม
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไร ?
ขอบคุณภาพจาก V Square Clinic
- ช่วยเติมเต็มใต้ตา ร่องน้ำตา ให้ดูตื้นขึ้น
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยใต้ตา
- ช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตา เพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ไม่ดูเหนื่อยโทรม
- ช่วยให้ถุงใต้ตากระชับขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่อันตราย หากเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง รู้เทคนิคการฉีดหลบเส้นเลือดใต้ตา ฉีดถูกชั้นผิว เลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ และประเมินจำนวน CC ถูกต้องกับตำแหน่ง รวมถึงใช้ตัวยาฟิลเลอร์แท้มีคุณภาพ ผ่านอย. ก็จะมีความปลอดภัย เห็นผลลัพธ์ที่ดี ไม่เป็นก้อนหลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตาบอด จริงไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตาบอด ไม่เป็นความจริงเสมอไปค่ะ พบได้น้อยมาก เนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่มีโครงข่ายเส้นเลือดน้อย โอกาสถูกเข็มแทงเข้าเส้นเลือดจึงมีน้อย หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตาบอด แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม เคสฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด ส่วนใหญ่มักเกิดจากการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคนที่ไม่ใช่แพทย์ เป็นพยาบาล หมอปลอม หมอกระเป๋า ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ตำแหน่งเส้นเลือด ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดผิดเทคนิค ผิดชั้นผิว ไม่รู้วิธีแก้ไขเมื่อเกิดความผิดพลาด ทำให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด จนเส้นเลือดอุดตัน ไม่ไปหล่อเลี้ยงตาจนทำให้ภาวะการมองเห็นบกพร่อง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงแนะนำให้เลือกสถานที่ฉีด แพทย์ที่ฉีด รวมถึงตรวจสอบตัวยาที่ฉีดว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ อย่างรอบคอบค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม ดูอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm |
✖ ไม่มีมีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง ✖ เลข lot. ไม่ตรงกัน 4 จุด บริเวณกล่อง ซอง สติกเกอร์ หลอด ✖ ไม่สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้กับบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) |
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane |
✖ ไม่มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่อง ✖ ไม่มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง ✖ ไม่มีสติกเกอร์ โมโนแกรม คำว่า “VOID” ✖ เลข lot. ไม่ตรงกัน 2 จุด บริเวณข้างกล่องและหลอด ✖ ไม่มีQR CODE ให้สแกน ด้วยแอปพลิเคชัน Eztracker เพื่อตรวจสอบยาแท้ ✖ ไม่สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) |
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero |
✖ ไม่มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง ✖ เลข lot ไม่ตรงกัน 3 จุด บริเวณกล่อง สติกเกอร์ หลอด ✖ ไม่สามารถโทรเช็คเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) |
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่เจ็บค่ะ ก่อนฉีดจะมีบริการแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บอยู่แล้ว อีกทั้งในตัวยาฟิลเลอร์เองก็มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ด้วย จึงทำให้ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตารู้สึกเจ็บน้อยลงหรือไม่เจ็บเลย ในบางคนอาจรู้สึกถึงเข็มและตัวยาฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปบ้างเพียงเล็กน้อยค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ค่ะ ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล แพทย์ผู้ฉีดจะทำการประเมิน และเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมให้ด้วยตัวเอง เพื่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด คุ้มค่า ฉีดออกมาแล้วใต้ตาสวย เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
สำหรับ ราคา/คุณสมบัติ ของฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ/รุ่น มีดังนี้ค่ะ
Juvederm ฟิลเลอร์ประเทศอเมริกา
รุ่น |
คุณสมบัติ |
ราคา |
|
เนื้อแน่น ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ |
14 ,000/cc |
|
เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป |
14,000/cc |
|
เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก |
18,000/cc |
Restylane ฟิลเลอร์ประเทศสวีเดน
รุ่น |
คุณสมบัติ |
ราคา |
|
เนื้อแน่นปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี |
14,000/cc |
|
เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบางๆ |
13,000/cc |
|
เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับเก็บรายละเอียด ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ |
14,000/cc |
|
เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด |
13,000/cc |
|
เนื้อแน่น เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึก สำหรับคนผิวบาง |
14,000/cc |
Belotero ฟิลเลอร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รุ่น |
คุณสมบัติ |
ราคา |
|
เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก |
13,000/cc |
|
เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา only |
13,000/cc |
ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ซีซี ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้จำนวน 2-4 CC ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล ที่มีมาก-น้อยแตกต่างกันไปตามอายุและพฤติกรรมการใช้ชีวิต แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแนะนำจำนวน CC ให้เหมาะสมกับปัญหา ตามความต้องการและงบประมาณของคนไข้
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. แพทย์ประเมินระดับปัญหาใต้ตาของคนไข้ และสอบถามประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ด้านอื่น ๆ
2. แพทย์แนะแนวทางแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ด้วยการแนะนำจำนวน CC และเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
3. พนักงานทำความสะอาดผิวและแปะยาชา รอประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
4. แพทย์แกะกล่องตัวยาฟิลเลอร์ให้คนไข้เห็นอย่างเปิดเผย ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้คนไข้มั่นใจได้ว่าใช้ตัวยาฟิลเลอร์แท้
5. แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยใช้เข็มที่มาพร้อมในกล่องตัวยาฟิลเลอร์
6.แพทย์ให้ส่องกระจก เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ใต้ตาด้านที่ฉีดแล้ว กับด้านที่ยังไม่ได้ฉีด
7. หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จแล้ว คนไข้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองและรับยาลดบวม ก่อนกลับบ้านใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น
8. แพทย์นัดติดตามผลการเปลี่ยนแปลง หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์
อาการที่อาจเกิดขึ้น หลังฟิลเลอร์ใต้ตา
อาการทั่วไป หลังฟิลเลอร์ใต้ตา คือ อาการบวมแดง เขียวช้ำ พร้อมกับอาการคันเล็กน้อย จากรอยเข็มหลังฉีดในช่วง 3 - 7 วันแรก แล้วจะค่อย ๆ ยุบลง ฟิลเลอร์เข้าที่ เริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นใน 14 วัน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา หรือกดนวด ป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่
อาการอันตราย หลังฟิลเลอร์ใต้ตา คือ อาการใต้ตาบวมเป็นก้อนไม่หาย ผิวใต้ตานูน อักเสบ ร้อน มีสีแดงหรือคล้ำเกินไป รู้สึกปวดขึ้นมากกว่าปกติ มีตุ่ม หรือก้อนหนองบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้เป็นอาการผิดปกติ แสดงถึงการติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์อักเสบ หรือแพ้ฟิลเลอร์ ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ ด้วยการรับยาหรือฉีดสลายฟิลเลอร์ออก (เฉพาะผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์แท้มาก่อนเท่านั้น)
วิธีป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
✔ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด
✔ เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เปิดอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาต11หลัก
✔ ดูรีวิวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
✔ เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
✔ เลือกใช้ตัวยาฟิลเลอร์แท้ ได้คุณภาพ ผ่านอย.
วิธีดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อควรปฎิบัติ - ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดแตะ แกะ เกา หรือกดนวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
- หลังฉีดสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ โดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที ไม่ควรขัด ถู หรือนวดหน้าแรง ๆ
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น เลเซอร์ร้อน ตากแดด
- อยู่แต่ในที่อากาศเย็น ๆ จะช่วยลดอาการบวมได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 1.5 - 2 ลิตร เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นาน
- ในช่วงแรกอาจปวดระบมตามรอยเข็ม สามารถกินยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการได้
- งดทาครีม บริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- งดทำทรีตเม้นต์และซาวน่า 14 วัน
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะทำให้ยุบบวมช้า เห็นผลช้า
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง
- งดอาหารประเภทรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด
- เลี่ยงการทานอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อน ๆ เช่น ชาบู หมูกะทะ ปิ้งย่าง
ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จากนั้นรอฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 2- 3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่
รีวิวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งอายุเฉลี่ยของฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อปกติอยู่ที่ 6 - 24 เดือน ดังนี้
- Juvederm Voluma 18 เดือน
- Juvederm Volite 8-12 เดือน
- Juvederm Volux 18-24 เดือน
- Restylane Defyne 18 เดือน
- Restylane Vital Light 6-12 เดือน
- Restylane Vital 12 เดือน
- Restylane Perlane lyft 12 เดือน
- Restylane Classic 12 เดือน
- Belotero Volume 18 เดือน
- Belotero Soft 6 - 12 เดือน
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด มีความปลอดภัยสูง เห็นผลลัพธ์เร็ว ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น หากสนใจ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด รวมถึงเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาฟิลเลอร์แท้ รับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ