จัดฟันที่ไหนดี ขอมาแชร์วิธีเลือกคลินิกปัง ๆ
เขียนโดย FK12
วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.04 น.
แก้ไขเมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 14.10 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) จัดฟันที่ไหนดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจัดฟันที่ไหนดี จัดฟันมีกี่แบบ แบบไหนที่ใช่คุณ
จัดฟัน เป็นวิธีในการแก้ปัญหาฟันซ้อน ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันสบคร่อม ฟันบิดเก ที่ใครหลายคนไม่ต้องการ ให้เรียงตัวสวย และพร้อมยิ้มได้อย่างมั่นใจ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้นนะคะ การจัดฟัน ยังช่วยในเรื่องของประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวด้วย เพราะบางครั้งฟันที่ห่างหรือสบคร่อม อาจเป็นต้นเหตุของการเคี้ยวอาหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากฟันไม่ได้สบกันอย่างถูกตำแหน่ง เมื่อจัดฟันแล้ว ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
การจัดฟัน มีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน จะแบ่งออกตามลักษณะและวิธีของการจัดฟัน ส่วนมากจะเป็นเครื่องมือที่ยึดติดกับฟัน แต่ก็มีบางประเภทที่สามารถถอดออกได้ค่ะ รวมไปถึงเรื่องของการ จัดฟันราคา ของแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย เราไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่าการจัดฟันทั้ง 4 แบบมีอะไรกันบ้าง
1. การจัดฟันแบบแบร็กเก็ตธรรมดา
การจัดฟันแบบแบร็กเก็ตธรรมดา คือการจัดฟันที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรกคือแบบสีโลหะ และ แบบที่ สองคือแบบเซรามิก ซึ่งการทำงานของแบร็กเก็ตจะเหมือนกัน คือแบร็กเก็ตจะเป็นตัวกำหนดตำแหน่งของฟัน จะสามารถควบคุมฟันให้ไปตามทิศทางที่ต้องการได้ ให้แรงดึงฟันได้เหมือนกันทั้งสองแบบ แต่แบบเซรามิกก็จะดูสวยงามกว่า เพราะมองไม่เห็นสีโลหะ เมื่อมีความพิเศษ ราคาก็จะแตกต่างกันด้วยนั่นเองค่ะ แบบเซรามิกก็เลยราคาสูงกว่าแบบโลหะเล็กน้อย การจัดฟันแบบนี้ จะเหมาะกับคนที่ต้องการลูกเล่นในการเปลี่ยนสียางทุกเดือน ราคาก็จะอยู่ที่ 35,000 – 50,000 บาท เห็นราคาแบบนี้ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะการจัดฟันกับเราจะสามารถผ่อนจ่ายได้ในราคาย่อมเยาว์ แบบที่คุณไม่ต้องกังวลเลยทีเดียว
ข้อดีของการจัดฟันแบบแบร็กเก็ตธรรมดา
-ราคาเข้าถึงได้
-มีลูกเล่นในการเปลี่ยนสียางจัดฟัน
-สามารถแก้ไขปัญหาได้ฟันได้ทุกรูปแบบ
ข้อด้อยของการจัดฟันแบบแบร็กเก็ตธรรมดา
-ใช้เวลานานกว่าแบบอื่น ๆ
-แรงเสียดทานเยอะ อาจทำให้มีการปวดฟันได้
2. การจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้น (AOSC)
การจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้น หรือที่เรียกกันว่า AOSC เป็นการจัดฟันที่มีการทำงานของแบร็กเก็ตเหมือนกับการจัดฟันแบบธรรมดาในชั้นแรก เพียงแต่ชั้นที่สองจะทำงานแบบให้แรงน้อย ๆ และลดแรงเสียดทาน เรียกได้ว่าเป็นการช่วยกันทำงานของแบร็กเก็ตทั้งสองชั้น ช่วยลดแรงเสียดทาน และร่นระยะเวลาการจัดฟันนั่นเองค่ะ สรุปก็คือการจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบธรรมดานั่นเอง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลูกเล่นเพิ่มขึ้นในการเปลี่ยนสียาง และคนที่ต้องการร่นระยะเวลาในการจัดฟันด้วย การจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้น จะอยู่ที่ 40,000 – 60,000 บาท ค่ะ
ข้อดีของการจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้น (AOSC)
-ลดแรงเสียดทานได้ ทำให้อาการปวดฟันที่เกิดจากแรงดึงฟันลดน้อยลง
-มีลูกเล่นในการเปลี่ยนสียางจัดฟันมากขึ้น เพราะสามารถใส่ยางได้ 2 สีในครั้งเดียว
-สามารถแก้ไขปัญหาได้ฟันได้ทุกรูปแบบ
ข้อด้อยของการจัดฟันแบบแบร็กเก็ตสองชั้น (AOSC)
-ราคาจะสูงกว่าแบบธรรมดา
-สำหรับบางคนจะรู้สึกว่าเหล็กจัดฟันนูนออกมามากกว่า เนื่องจากมีสองชั้น
3. การจัดฟันแบบดามอน
การจัดฟันแบบดามอน จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะเหมือนกันค่ะ จะมีแบบ ดามอน คิว (Damon Q) ที่จะเป็นสีโลหะ กับแบบดามอนเคลียร์ (Damon Clear) ที่เป็นสีใสหรือสีเดียวกับเนื้อฟัน แบบดาม่อนจะเป็นแบร็คเก็ตที่มีตลับเปิดปิด ใส่ลวดเข้าไปล็อกกับดามอนได้โดยไม่ต้องใช้ยางรัด ราคาจะอยู่ที่ 60,000 – 80,000 บาท จะเหมาะกับคนวัยทำงาน ที่ไม่มีเวลามาพบแพทย์บ่อย ๆ หรือกลัวว่าใส่ยางแล้วจะดูเด็กไป รวมถึงไม่อยากเปลี่ยนสียาง และอยากจัดฟันให้ให้เร็วขึ้น แอดมินแนะนำให้จัดฟันแบบดามอนเลยค่ะ หรือในบางเคสดามอนสามารถลดความจำเป็นในการถอนฟันได้ด้วยน้า
ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน
-แรงเสียดทานจะน้อย ทำให้เคลื่อนฟันได้เร็ว
-ร่นระยะเวลาในการจัดฟัน
-ลดความจำเป็นในการถอนฟัน
-ไม่ต้องมาพบแพทย์บ่อย ๆ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสียาง
-สามารถแก้ไขปัญหาได้ฟันได้ทุกรูปแบบ
ข้อด้อยของการจัดฟันแบบดามอน
-มีราคาสูง
-ไม่สามารถเล่นสียางได้
4. การจัดฟันแบบใส
การจัดฟันใสเป็นการจัดฟันแบบไม่มีเครื่องมือที่เป็นลวดเหล็ก แต่จะเป็นเครื่องมือที่ทำมาจากพลาสติกที่เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี มีสีใส จนทำให้แทบจะมองไม่ออกเลยว่าจัดฟันอยู่ ซึ่งตัวเครื่องมือก็จะถูกออกแบบมาให้เป็นเฉพาะของบุคคลไปนะคะ การจัดฟันแบบใสจะใช้กับคนที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถใช้จัดกับคนที่มีปัญหาฟันที่ซับซ้อนได้ค่ะ ราคาก็จะแพงกว่าการจัดฟันแบบอื่น ๆ เรียกว่าแพงที่สุดเลยก็ว่าได้ จัดฟันราคา จะอยู่ที่ประมาณ 60,000-150,000 บาทนั่นเองค่ะ
ข้อดีของการจัดฟันแบบใส
-คนไข้จะสามารถเห็นผลลัพธ์ของการจัดฟันได้ตั้งแต่ตอนที่มาปรึกษาจัดฟัน
-สามารถถอดเครื่องมือมาทำความสะอาดได้
-มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน
ข้อด้อยของการจัดฟันแบบใส
-มีราคาสูง
-ใช้ได้กับคนที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาฟันได้ทุกรูปแบบ
จัดฟันที่ไหนดี จัดครั้งแรกแบบนี้ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
จัดฟันครั้งแรก หลายคนคงกังวลว่าจะต้องเตรียมตัวยังไงให้พร้อมในการจัดฟันบ้าง เราก็เลยเอา 5 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนจัดฟันมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านและนำไปเตรียมความพร้อมในการจัดฟันกันดูนะคะ
1. ก่อนจัดฟัน สำคัญคือเคลียร์ช่องปาก
ในการจัดฟัน เราจำเป็นที่จะต้องมีการเคลียร์ช่องปาก หรือก็คือการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน รักษารากฟัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เลย เราจำเป็นที่จะต้องเตรียมสภาพเหงือกและฟันของเราให้พร้อมต่อการจัดฟัน เพราะว่าในตอนที่เราติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว หากเกิดปัญหาฟันผุหรือปัญหารากฟันขึ้นมา การรักษาก็จะยากขึ้น อาจต้องถอดเครื่องมือเพื่อทำการรักษาให้เสร็จก่อนแล้วจึงใส่เครื่องมืออีกครั้ง เสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงินมากกว่าเดิมด้วยนะ เราแนะนำว่าทำให้จบตั้งแต่รอบแรกจะดีกว่าค่า
2. อาการปวดระหว่างจัดฟัน
จัดฟันที่ไหนดี จัดที่ที่ไม่เจ็บได้ไหม คำตอบคือ จะจัดที่คลินิกทำฟันที่ไหนก็ต้องพบเจอกับอาการเจ็บทั้งนั้นค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะ เพราะอาการเจ็บจะอยู่กับเราประมาณ 3-5 วันแรก หลังการเคลื่อนฟันเท่านั้นค่า
3. จัดฟัน ทำความสะอาดต้องใส่ใจ
หลังจากจัดฟันแล้ว การทำความสะอาดฟันของเพื่อน ๆ จะเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะเพื่อน ๆ จะต้องใส่ใจในการดูแลรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ เนื่องจากเศษอาหารที่รับประทานเข้าไป อาจไปติดอยู่ตามซอกฟัน และหากดูแลไม่ดี นั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญของอาการฟันผุได้ค่ะ
4. จัดฟันแล้ว การทานอาหารต้องเปลี่ยน
ผู้ที่จัดฟันควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความแข็ง หรือเหนียว เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องมือจัดฟันเกิดความเสียหายหรือชำรุดได้นั่นเองค่ะ
5. จัดฟัน ใช้เวลานานเท่าไหร่กันนะ
ในการจัดฟัน ส่วนมากจะใช้เวลาอยู่ที่ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟันและการดูแลของแต่ละคน เพราะฉะนั้นต้องมาตามนัดคุณหมอทุกเดือน และต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้ระยะเวลาในการจัดฟันเป็นไปตามแผนการรักษาของคุณหมอนะคะ
จัดฟันที่ไหนดี เลือกคลินิกจัดฟันที่ปลอดภัยง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
การที่จะเลือกคลินิกจัดฟันนั้นก็ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง จะดูแค่ รีวิว จัดฟัน อย่างเดียวก็ไม่มากพอที่จะทำให้เชื่อถือได้ การเลือกสถานที่จัดฟัน อน่างแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยก็คือ ความปลอดภัยในการรักษา คลินิกที่เลือกใช้บริการจะต้องมีความน่าเชื่อถือ ทั้งเรื่องสถานที่ บุคลากร และเครื่องมือต่าง ๆ ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะการที่เราจัดสินใจจัดฟันเท่ากับว่าเราฝากผลลัพธ์เกือบทั้งหมดให้กับทันตแพทย์ไปแล้ว จัดฟันราคา ถูก แต่คลินิกไม่ได้มาตรฐาน อันนี้ก็ไม่เอานะค้า อีกอย่างคลินิกที่ใช้บริการจะต้องเดินทางสะดวก เพราะการจัดฟันจะต้องไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือบ่อย ๆ แอดมินแนะนำให้หาคลินิกที่ราคาถูก เดินทางสะดวก และมีรีวิวเยอะ ก็จะสามารถวางใจให้ดูแลฟันของเราได้แล้วค่า
4 ขั้นตอนก่อนจัดฟัน
จัดฟัน ที่ไหนดี ก็ได้รู้วิธีเลือกกันไปแล้ว หลายคนคงอยากทราบต่อใช่ไหมคะว่า กว่าที่จะมีเหล็กจัดฟันมาอยู่ในปากเรา เราต้องทำอะไรก่อนหน้านั้นบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
1. ปรึกษาจัดฟัน
ในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพช่องปากของเรา และวางแผนการรักษาร่วมกับคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2. X-Ray + พิมพ์ปาก
หลังจากตรวจสุขภาพช่องปากและวางแผนจัดฟันแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ X-Ray และ พิมพ์ปาก เพื่อดูโครงสร้างของใบหน้าและกระดูกขากรรไกร และทำโมเดลฟันเพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของฟันในแต่ละเดือนนั่นเอง
3. เคลียร์ช่องปาก
เป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดฟันเลยก็ว่าได้ค่ะ เราจำเป็นต้องเคลียร์ให้ครบ จบในครั้งเดียว ทั้งขูดหินปูน ถอนฟัน รักษารากฟัน หรืออุดฟัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฟันตามมาหลังติดเครื่องมือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่สภาพฟันของแต่ละคนด้วยนะคะ ว่าต้องทำมากน้อยแค่ไหน บางรายอาจไม่ต้องถอนฟัน ขึ้นอยู่กับการวางแผนของทันตแพทย์เจ้าของเคสค่า
4. ติดเครื่องมือจัดฟัน
ขั้นตอนที่ใครหลายคนรอคอยมาถึงแล้วค่ะ นั่นก็คือการติดเครื่องมือจัดฟันนั่นเอง ขั้นตอนนี้อาจจะทำให้รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย แต่อีกสักพักก็จะหายไปเอง ใครที่ติดเครื่องมือจัดฟันแล้วก็อย่าลืมยิ้มโชว์กล้องเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะคะ วันที่ฟันสวยแล้วเราจะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับการรอคอยเลยล่ะค่ะ
การดูแลหลังจัดฟัน สำคัญนะ
การจัดฟันจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ประมาณ 2-3 ปี เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะต้องมีเครื่องมือติดในปากอยู่ตลอด ทำให้เราต้องใส่ใจในการดูแลรักษาความสะอาดมากขึ้นด้วยนั่นเอง
การทำความสะอาดฟันหลังจัดฟัน
การใช้ แปรงสีฟัน จัดฟัน เป็นส่วนช่วยหนึ่งในการทำความสะอาดฟัน เพราะแปรงจะถูกออกแบบมาเพื่อคนจัดฟันโดยเฉพาะ รวมไปถึงการใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ น้ำยาบ้วนปาก และไหมขัดฟัน ก็จะช่วยให้ทำความสะอาดช่องปากได้อย่างสะอาดเกลี้ยงเกลามากยิ่งขึ้น
การรับประทานอาหารหลังจัดฟัน
การรับประทานอาหารสำหรับคนจัดฟัน จะมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีลักษณะแข็งเกินไปหรือเหนียวเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายได้
อาหารที่คนจัดฟันควรหลีกเลี่ยงได้แก่
อาหารที่มีลักษณะแข็งหรือเหนียว เช่น น้ำแข็ง หมูกรอบ ถั่ว กระดูกหมู หมากฝรั่ง เป็นต้น
ผลไม้ที่มีเนื้อกรอบหรือต้องกัดแทะ เช่น ข้าวโพด หรือแอปเปิ้ล ไม่ควรกัดแทะทั้งลูก ควรหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วรับประทาน
การมาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
แน่นอนว่าในการจัดฟัน มักจะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาเสมอ ทั้งในเรื่องของลวดจัดฟันทิ่มกระพุ้งแก้ม ที่แม้ว่าแก้ได้ด้วย ขี้ผึ้ง จัดฟัน ที่คุณหมอให้มาก็ตาม หรือแบร็กเก็ตจัดฟันหลุดเพราะเผลอไปกินของแข็งเข้า ก็เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องพบเจออยู่แล้ว นอกจากการดูแลให้ดี การพบแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือและสอบถามวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ระหว่างจัดฟันก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน เพื่อไม่ให้การรักษายาวนานกว่าระยะเวลาที่วางแผนไว้ ควรไปตามนัดทุก ๆ ครั้งจะดีที่สุดนะคะ
จัดฟันที่ Teeth Talk Dental Clinic
จัดฟันที่ Teeth Talk Dental Clinic
- ทันตแพทย์เกียรตินิยมอันดับ 1
- ใส่ใจในการตรวจและวางแผนการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้มีความทันสมัย ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
- ราคาเข้าถึงง่าย และเหมาะสม
- มีทันตแพทย์ประจำคลินิกทุกวัน
เพื่อน ๆ ที่สงสัยว่า จัดฟันที่ไหนดี คงได้คำตอบกันไปแล้วใช่ไหมคะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดอยากจะจัดฟัน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหาข้อมูลจากตรงไหนดี
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ