Miss U r touch voice body smell and smile.
-
เขียนโดย Margarine
วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.13 น.
1 บท
0 วิจารณ์
1,890 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 16.15 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) Miss U r touch voice body smell and smile.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMiss U r touch voice body smell and smile.
ความคิดถึง 5 ประการ
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์แสงแดดสาดส่องจ้าสว่างทั่วห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ม่านสีฟ้าอ่อนตบกระทบแสงพระอาทิตย์เป็นทางพอเห็นละอองฝุ่นบางๆ เสียงเด็กเล็ก เด็กโตเล่นกันสนุกสนานตามถนน สายลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ร่มรื่น วันนี้เป็นเช้าวันหยุดที่สดใสของทุกคน แน่นอนมันควรจะเป็นของฉันด้วย แต่ไม่..ฉันไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมามันจะเป็นวันสดใสของฉันได้
ฉันพยายามลุกจากเตียงที่นอนร้องไห้มาตลอดทั้งคืน พยายามขยับตาบวมแดงช้ำให้เปิดกว้างต้อนรับวันใหม่ วันที่ฉันต้องกลับมาเริ่มต้นทนกับความรู้สึกแสนเศร้าอีกครั้ง แม้มันเป็นการทรมานความรู้สึกของฉันไปตลอดทั้งวันฉันก็ยินดีที่จะต้องตื่นขึ้นมากับความเจ็บปวดมันอาจลำบากหน่อยยิ่งในช่วงกลางดึกแต่ฉันก็ผ่านไปได้ทุกคืน ว่าด้วยเรื่องของความเจ็บปวด หลายๆคนอาจให้ความหมายของคำว่าความเจ็บปวดแตกต่างกันออกไป แต่ความเจ็บปวดสำหรับฉันแล้วมันคือความคิดถึง “ความคิดถึงที่ทำได้แค่คิดถึง” นี่สิคือความเจ็บปวดของฉัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในบทความนี้ฉันยกให้เป็นความคิดถึงก็แล้วกัน เชื่อว่าหลายคนมีความคิดถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงการตายจาก แต่หมายถึงการจากลา แต่การจากลานั้นไม่ได้หายไปซะหมดเพียงแต่หลงเหลือ กลิ่น กาย ร่องรอย สิ่งของที่สร้างไว้ด้วยกัน ที่เรียกว่าความคุ้นเคย ความผูกพัน และความทรงจำ ฉันคิดว่าการที่เราได้มองเห็นสิ่งที่มีความหมายกับใครสักคนทำให้เราจดจำในเรื่องดีๆและสิ่งดีๆที่ได้ทำไว้ด้วยกัน แต่ความจริงแล้วมันยิ่งเจ็บปวดเมื่อการที่เรามองไปหาสิ่งนั้นแล้วเจ้าของตอนนี้ไม่ใช่คำว่าสองแต่กลับเหลือฉันเพียงคนเดียว ฉันยังไม่พร้อมที่จะปรับทัศนคติหรือมุมมองในการจากลาของคนที่ฉันรักได้ แต่ฉันก็คิดว่าฉันจะทำมันได้สักวัน
ฉันลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนนี้มันทำหน้าที่แค่โชว์เวลาให้ฉันดูเท่านั้น จากที่เคยต้องหยิบขึ้นมาส่งข้อความหาใครบางคนและใครบางคนนั้นก็ตอบรับข้อความกลับมาเช่นกันตอนนี้ฉันทำได้แค่มองหน้าที่ของมัน เมื่อรู้เวลาแล้วว่าต้องทำอะไรสมองและความเคยชินกลับบอกว่าให้โทรหาเขา ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องสัญลักษณ์บนจอถอนหายใจแล้วปิดมันลง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรเขาจะยังอยู่ในกิจวัตรของฉันเสมอ การใช้ชีวิตแบบเดิมที่ไม่เหมือนเดิมมันช่างแสนลำบาก ลำบากกับความรู้สึกที่ต้องผ่านไปให้ได้ในแต่ละวัน คนเราจะเข้มแข็งเมื่อไหร่กันนะที่ต้องอยู่กับความคิดถึงเจ้าของของสิ่งที่ที่เกือบจะ 90% ที่อยู่ในห้องของตัวเอง ฉันหยิบเสื้อที่ครั้งหนึ่งฉันเคยใส่มันไปในสถานที่ที่งดงามที่สุดที่ฉันได้เคยไป กางเกงที่ฉันสวมซึ่งแมตซ์กับรองเท้าที่เขาซื้อให้ เสื้อคลุมที่ใส่แล้วดูเหมือนฝาแฝดสีฟ้าสว่างสดใสเดินไปก็มีแต่คนมอง พร้อมหมวกใบโปรดกับน้ำหอมคู่ใจ ภาพเก่าๆกลับมาเหมือนฉันมีประตูโดเรมอนหรือทรานแมดชีนหรืออะไรสักอย่าง ฉันคิดถึงลมพัดอ่อนๆ การสัมผัสของเท้าที่กระทบกับทรายร้อนๆในเวลานั้นแสงแดดมันแรงแต่เราสองคนก็จะประสานมืออุ่นๆแล้วเดินไปด้วยกัน มือนุ่มๆคู่นั้นที่ฉันไม่ได้จับมันอีกฉันวางทุกอย่างลง พับเก็บเข้าที่รองเท้าเก็บเข้ากล่องหมวกแขวนไว้อย่างนั้นไม่แตะไม่ต้องสัมผัส ฉันฮึบแล้วเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อธรรมดาและกางเกงเชยๆกับรองแตะโง่ๆ ออกจากบ้านและนึกถึงแต่เรื่องอาหาร ขนม และน้ำปั่น อาจจะช่วยให้ภาพนั้นตัดออกไปได้ ภาพอันแสนสุขที่เจ็บปวด ต่อไปนี้ฉันตัดปัญหาโดยการไม่ใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นและพยายามเลือกตัวอื่นเพื่อเซฟความรู้สึกของฉันเอง ข้างนอกช่างน่าเบื่อไม่มีอะไรน่ากินเอาซะเลยฉันกลับเข้ามาบ้านหยิบขนมกล่องหนึ่งที่เขาซื้อให้มันวางไว้อยู่หน้าทีวีฉันหยิบมาเคี้ยวอย่างอร่อยจนกระทั่ง ภาพที่ฉันนั่งกินขนมอวดเขามันลอยขึ้นมาเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนสะใจตอนฉันกินจนน้ำหนักขึ้นดังก้องขึ้นมาในหัว รอยยิ้มที่มีความสุข สายตาที่ภูมิใจในตัวเองผุดขึ้นมาทันทีในเวลานั้น ฉันตัดสินใจเลิกกินขนมกล่องนั้นและวางไว้ที่เดิมไม่กินมันอีก ฉันนั่งเขี่ยโทรศัพท์แบบซังกะตายเดินเล่นวนในบ้านนับแสนรอบได้ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืด อย่างน้อยช่วงเวลากลางวันของฉันก็หมดไปโดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยดวันนี้ฉันทำได้แล้ว แต่แล้วฉันเลื่อนไปเจออัลบั้มหนึ่งเป็นอัลบั้มรูปที่ทำไมผู้หญิงกับผู้ชายสองคนเขาดูมีความสุขกันเหลือเกิน คลิปสั้นๆที่มีความหมายพวกนั้นดึงดูดให้ฉันดูจนครบ ชายหญิงที่ไปเที่ยวด้วยกัน ชายหญิงที่แค่กินหมูทอดก็ทำให้ภาพเหมือนมีชีวิตที่มีความสุขได้ ฉันน้ำตาคลอและปิดมันลง หลายคนบอกให้ฉันลบอัลบั้มทุกอย่างทิ้งไปเพื่อการเติบโตความรู้สึกที่ดีขึ้น ฉันตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่มีวันลบหลักฐานที่มีค่าเหล่านั้น ฉันไม่ได้เสียดายเวลาเพียงแต่ว่าฉันรุ้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นแบบนั้นอีกแล้ว ฉันข่มน้ำตาไม่ให้ไหล เปิดแชทคุยกับเพื่อนๆให้มากขึ้นเปิดเพลงที่ไม่เศร้าจนเกินไปและไม่เปิดเพลงที่มีความทรงจำด้วยกัน แม้มันจะบรรเทาได้บ้างแต่ก็ทำให้ฉันรู้ว่าเวลาที่ใครๆบอกว่าช่วยได้ สำหรับฉันเวลายิ่งทำให้คิดถึงถึงแม้จะช่วยเรื่องการปรับตัวได้ไม่มากแต่ก็ยังกล้าที่จะปรับตัวได้ ฉันจะคิดถึงในแบบที่ฉันเจ็บปวดน้อยที่สุดต่อไปและจะไม่ลืมเรื่องราวที่สวยงามที่ไม่รู้ว่าจะมีวันที่ฉันได้เจอเรื่องราวสวยงามแบบนี้อีกไหม ฉันเช็ดน้ำตาแล้วหลับตาลงภาวนาให้ฉันเข้มแข็งได้สักวัน...
( ฉันสะดุ้งตื่นมากลางดึกเพราะความฝันที่มีเขาอยู่ในนั้นหยิบโทรศัพท์ดูเวลาเช็ดน้ำตาแล้ววางมันลง นี่ฉันต้องเริ่มต้นใหม่อีกแล้วสินะ.. )
Ost. Moon & Again- blackbeans
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกวันของผู้หญิงคนหนึ่ง
มาการีน.
ความคิดถึง 5 ประการ
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์แสงแดดสาดส่องจ้าสว่างทั่วห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ม่านสีฟ้าอ่อนตบกระทบแสงพระอาทิตย์เป็นทางพอเห็นละอองฝุ่นบางๆ เสียงเด็กเล็ก เด็กโตเล่นกันสนุกสนานตามถนน สายลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ร่มรื่น วันนี้เป็นเช้าวันหยุดที่สดใสของทุกคน แน่นอนมันควรจะเป็นของฉันด้วย แต่ไม่..ฉันไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมามันจะเป็นวันสดใสของฉันได้
ฉันพยายามลุกจากเตียงที่นอนร้องไห้มาตลอดทั้งคืน พยายามขยับตาบวมแดงช้ำให้เปิดกว้างต้อนรับวันใหม่ วันที่ฉันต้องกลับมาเริ่มต้นทนกับความรู้สึกแสนเศร้าอีกครั้ง แม้มันเป็นการทรมานความรู้สึกของฉันไปตลอดทั้งวันฉันก็ยินดีที่จะต้องตื่นขึ้นมากับความเจ็บปวดมันอาจลำบากหน่อยยิ่งในช่วงกลางดึกแต่ฉันก็ผ่านไปได้ทุกคืน ว่าด้วยเรื่องของความเจ็บปวด หลายๆคนอาจให้ความหมายของคำว่าความเจ็บปวดแตกต่างกันออกไป แต่ความเจ็บปวดสำหรับฉันแล้วมันคือความคิดถึง “ความคิดถึงที่ทำได้แค่คิดถึง” นี่สิคือความเจ็บปวดของฉัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในบทความนี้ฉันยกให้เป็นความคิดถึงก็แล้วกัน เชื่อว่าหลายคนมีความคิดถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงการตายจาก แต่หมายถึงการจากลา แต่การจากลานั้นไม่ได้หายไปซะหมดเพียงแต่หลงเหลือ กลิ่น กาย ร่องรอย สิ่งของที่สร้างไว้ด้วยกัน ที่เรียกว่าความคุ้นเคย ความผูกพัน และความทรงจำ ฉันคิดว่าการที่เราได้มองเห็นสิ่งที่มีความหมายกับใครสักคนทำให้เราจดจำในเรื่องดีๆและสิ่งดีๆที่ได้ทำไว้ด้วยกัน แต่ความจริงแล้วมันยิ่งเจ็บปวดเมื่อการที่เรามองไปหาสิ่งนั้นแล้วเจ้าของตอนนี้ไม่ใช่คำว่าสองแต่กลับเหลือฉันเพียงคนเดียว ฉันยังไม่พร้อมที่จะปรับทัศนคติหรือมุมมองในการจากลาของคนที่ฉันรักได้ แต่ฉันก็คิดว่าฉันจะทำมันได้สักวัน
ฉันลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนนี้มันทำหน้าที่แค่โชว์เวลาให้ฉันดูเท่านั้น จากที่เคยต้องหยิบขึ้นมาส่งข้อความหาใครบางคนและใครบางคนนั้นก็ตอบรับข้อความกลับมาเช่นกันตอนนี้ฉันทำได้แค่มองหน้าที่ของมัน เมื่อรู้เวลาแล้วว่าต้องทำอะไรสมองและความเคยชินกลับบอกว่าให้โทรหาเขา ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องสัญลักษณ์บนจอถอนหายใจแล้วปิดมันลง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรเขาจะยังอยู่ในกิจวัตรของฉันเสมอ การใช้ชีวิตแบบเดิมที่ไม่เหมือนเดิมมันช่างแสนลำบาก ลำบากกับความรู้สึกที่ต้องผ่านไปให้ได้ในแต่ละวัน คนเราจะเข้มแข็งเมื่อไหร่กันนะที่ต้องอยู่กับความคิดถึงเจ้าของของสิ่งที่ที่เกือบจะ 90% ที่อยู่ในห้องของตัวเอง ฉันหยิบเสื้อที่ครั้งหนึ่งฉันเคยใส่มันไปในสถานที่ที่งดงามที่สุดที่ฉันได้เคยไป กางเกงที่ฉันสวมซึ่งแมตซ์กับรองเท้าที่เขาซื้อให้ เสื้อคลุมที่ใส่แล้วดูเหมือนฝาแฝดสีฟ้าสว่างสดใสเดินไปก็มีแต่คนมอง พร้อมหมวกใบโปรดกับน้ำหอมคู่ใจ ภาพเก่าๆกลับมาเหมือนฉันมีประตูโดเรมอนหรือทรานแมดชีนหรืออะไรสักอย่าง ฉันคิดถึงลมพัดอ่อนๆ การสัมผัสของเท้าที่กระทบกับทรายร้อนๆในเวลานั้นแสงแดดมันแรงแต่เราสองคนก็จะประสานมืออุ่นๆแล้วเดินไปด้วยกัน มือนุ่มๆคู่นั้นที่ฉันไม่ได้จับมันอีกฉันวางทุกอย่างลง พับเก็บเข้าที่รองเท้าเก็บเข้ากล่องหมวกแขวนไว้อย่างนั้นไม่แตะไม่ต้องสัมผัส ฉันฮึบแล้วเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อธรรมดาและกางเกงเชยๆกับรองแตะโง่ๆ ออกจากบ้านและนึกถึงแต่เรื่องอาหาร ขนม และน้ำปั่น อาจจะช่วยให้ภาพนั้นตัดออกไปได้ ภาพอันแสนสุขที่เจ็บปวด ต่อไปนี้ฉันตัดปัญหาโดยการไม่ใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นและพยายามเลือกตัวอื่นเพื่อเซฟความรู้สึกของฉันเอง ข้างนอกช่างน่าเบื่อไม่มีอะไรน่ากินเอาซะเลยฉันกลับเข้ามาบ้านหยิบขนมกล่องหนึ่งที่เขาซื้อให้มันวางไว้อยู่หน้าทีวีฉันหยิบมาเคี้ยวอย่างอร่อยจนกระทั่ง ภาพที่ฉันนั่งกินขนมอวดเขามันลอยขึ้นมาเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนสะใจตอนฉันกินจนน้ำหนักขึ้นดังก้องขึ้นมาในหัว รอยยิ้มที่มีความสุข สายตาที่ภูมิใจในตัวเองผุดขึ้นมาทันทีในเวลานั้น ฉันตัดสินใจเลิกกินขนมกล่องนั้นและวางไว้ที่เดิมไม่กินมันอีก ฉันนั่งเขี่ยโทรศัพท์แบบซังกะตายเดินเล่นวนในบ้านนับแสนรอบได้ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืด อย่างน้อยช่วงเวลากลางวันของฉันก็หมดไปโดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยดวันนี้ฉันทำได้แล้ว แต่แล้วฉันเลื่อนไปเจออัลบั้มหนึ่งเป็นอัลบั้มรูปที่ทำไมผู้หญิงกับผู้ชายสองคนเขาดูมีความสุขกันเหลือเกิน คลิปสั้นๆที่มีความหมายพวกนั้นดึงดูดให้ฉันดูจนครบ ชายหญิงที่ไปเที่ยวด้วยกัน ชายหญิงที่แค่กินหมูทอดก็ทำให้ภาพเหมือนมีชีวิตที่มีความสุขได้ ฉันน้ำตาคลอและปิดมันลง หลายคนบอกให้ฉันลบอัลบั้มทุกอย่างทิ้งไปเพื่อการเติบโตความรู้สึกที่ดีขึ้น ฉันตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่มีวันลบหลักฐานที่มีค่าเหล่านั้น ฉันไม่ได้เสียดายเวลาเพียงแต่ว่าฉันรุ้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นแบบนั้นอีกแล้ว ฉันข่มน้ำตาไม่ให้ไหล เปิดแชทคุยกับเพื่อนๆให้มากขึ้นเปิดเพลงที่ไม่เศร้าจนเกินไปและไม่เปิดเพลงที่มีความทรงจำด้วยกัน แม้มันจะบรรเทาได้บ้างแต่ก็ทำให้ฉันรู้ว่าเวลาที่ใครๆบอกว่าช่วยได้ สำหรับฉันเวลายิ่งทำให้คิดถึงถึงแม้จะช่วยเรื่องการปรับตัวได้ไม่มากแต่ก็ยังกล้าที่จะปรับตัวได้ ฉันจะคิดถึงในแบบที่ฉันเจ็บปวดน้อยที่สุดต่อไปและจะไม่ลืมเรื่องราวที่สวยงามที่ไม่รู้ว่าจะมีวันที่ฉันได้เจอเรื่องราวสวยงามแบบนี้อีกไหม ฉันเช็ดน้ำตาแล้วหลับตาลงภาวนาให้ฉันเข้มแข็งได้สักวัน...
( ฉันสะดุ้งตื่นมากลางดึกเพราะความฝันที่มีเขาอยู่ในนั้นหยิบโทรศัพท์ดูเวลาเช็ดน้ำตาแล้ววางมันลง นี่ฉันต้องเริ่มต้นใหม่อีกแล้วสินะ.. )
Ost. Moon & Again- blackbeans
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกวันของผู้หญิงคนหนึ่ง
มาการีน.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ