HIFU กับ BOTOX ต่างกันอย่างไร?
-
เขียนโดย Phetployy
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.47 น.
1 ตอน : Botox กับ Hifu ต่างกันอย่างไร?
0 วิจารณ์
2,092 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 16.01 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) HIFU กับ BOTOX ต่างกันอย่างไร?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความHIFU กับ BOTOX ต่างกันอย่างไร?
เชื่อว่าคงไม่มีใคร ไม่รู้จักการฉีด โบท็อกซ์ (Botulinum toxin A) ที่เป็นการฉีดเพื่อมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว และเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆเช่น ริ้วรอยหางตา หน้าผาก ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ความรู้สึก และช่วยปรับรูปหน้า โดย Botox ในท้องตลาดจะมีประเภทและยี่ห้อที่แตกต่างกันมากมายซึ่งจะมีระยะเวลาอยู่ได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ
ข้อดีของ Botox
แก้ปัญหาริ้วรอยได้
ช่วยปรับรูปหน้าเรียวเล็กลง
ปลอดภัย เห็นผลเร็ว ผลข้างเคียงน้อย
ข้อเสียของ Botox
อาจมีผลกับการขยับกล้ามเนื้อบางส่วน เช่นการเคี้ยวอาหาร
ใบหน้าอาจดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ
ผลไม่ถาวร การฉีด1 ครั้ง จะอยู่ได้ 3 – 6 เดือน อยู่ที่การดูแลรักษา
4. ห้ามทำกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น อบไอน้ำ สตรีม
ต้องเตรียมตัวก่อนฉีด ไม่แนะนำให้ทานอาหารเสริมบางชนิดเพราะจะทำให้เลือดออกง่ายบวมแดง หรืออาจจะต้องหยุดวิตามินก่อนประมาณ7วัน
เครดิตภาพจาก โอเรียนน่าคลินิก
ดังนั้นปัจจุบันในวงการความงามเลยมีการพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย แต่ใบหน้ายังดูธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง นั่นคือ Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นอีก 1 วิธีที่ดีที่สุดในการยกกระชับใบหน้า และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จากทางการแพทย์ทั่วโลก โดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้เกิดความร้อนใต้ชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด (SMAS) โดยสามารถกำหนดความลึกได้ โดยการทำ Hifu จะทำให้เซลล์ผิวเกิดการบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนโดยส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอ จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อผิวชั้นบนเหมือนการฉีด โบท็อกซ์ ที่อาจเกิดการบวม ช้ำ เขียว บริเวณที่ฉีดได้ แต่การทำ Hifu จะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ใต้ชั้นผิวเท่านั้น โดยสามารถทำได้ในบริเวณกรอบหน้า หรือได้ทั้งใบหน้า
เครดิตภาพจาก โอเรียนน่าคลินิก
ข้อดีของ Hifu
1.มีเทคนิคพิเศษในการยิงตามแนวแพทย์ศัลยกรรมเพื่อให้ได้ลัพธ์ที่ดีที่สุด
2.สามารถปรับหัวยิงได้หลายขนาด
3.ไม่เจ็บตัวไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัยไม่มีความเสี่ยง
4.เห็นผลทันที 30% หลังการทำ และจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 30 วัน
5.ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา, หางตา, ร่องแก้ม, ลดเหนียง, คางสองชั้น, หน้าผาก, มุมปาก, ปรับโครงหน้า, ลดไขมันที่แก้ม
6.หน้าดูเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง
7.สามารถอยู่ได้ราว 4 - 6 เดือน อยู่ที่การดูแล
ข้อเสียของ Hifu
1.อาจจะมีการเมื่อยตึงที่ใบหน้า ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
สรุปง่ายๆ ก็คือ การทำ โบท็อกซ์ จะใช้ตัวยาที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า ส่วน Hifu เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ยิงลงไปในชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น สามารถเก็บริ้วรอยเล็กๆได้ดี
แต่อย่างไรในการหัตถการนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทำนะคะ ต้องการปรึกษาการฉีด Botox และ Hifu ปรึกษาฟรีที่ Orianna Clinic โดย โอเรียนน่าคลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานมืออาชีพ คอยให้คำแนะนำกับทุกปัญหาความงามและใช้เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกที่วงการแพทย์ยอมรับ
แถมเดินทางสะดวกมากๆ ติดบีทีเอสเซ็นต์หลุยส์ค่ะ โทร.084-2464445 / Line @orianna
ข้อมูลจาก : Goal PR Consulting
เชื่อว่าคงไม่มีใคร ไม่รู้จักการฉีด โบท็อกซ์ (Botulinum toxin A) ที่เป็นการฉีดเพื่อมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว และเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆเช่น ริ้วรอยหางตา หน้าผาก ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ความรู้สึก และช่วยปรับรูปหน้า โดย Botox ในท้องตลาดจะมีประเภทและยี่ห้อที่แตกต่างกันมากมายซึ่งจะมีระยะเวลาอยู่ได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ
ข้อดีของ Botox
แก้ปัญหาริ้วรอยได้
ช่วยปรับรูปหน้าเรียวเล็กลง
ปลอดภัย เห็นผลเร็ว ผลข้างเคียงน้อย
ข้อเสียของ Botox
อาจมีผลกับการขยับกล้ามเนื้อบางส่วน เช่นการเคี้ยวอาหาร
ใบหน้าอาจดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ
ผลไม่ถาวร การฉีด1 ครั้ง จะอยู่ได้ 3 – 6 เดือน อยู่ที่การดูแลรักษา
4. ห้ามทำกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น อบไอน้ำ สตรีม
ต้องเตรียมตัวก่อนฉีด ไม่แนะนำให้ทานอาหารเสริมบางชนิดเพราะจะทำให้เลือดออกง่ายบวมแดง หรืออาจจะต้องหยุดวิตามินก่อนประมาณ7วัน
เครดิตภาพจาก โอเรียนน่าคลินิก
ดังนั้นปัจจุบันในวงการความงามเลยมีการพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย แต่ใบหน้ายังดูธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง นั่นคือ Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นอีก 1 วิธีที่ดีที่สุดในการยกกระชับใบหน้า และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จากทางการแพทย์ทั่วโลก โดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้เกิดความร้อนใต้ชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด (SMAS) โดยสามารถกำหนดความลึกได้ โดยการทำ Hifu จะทำให้เซลล์ผิวเกิดการบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนโดยส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอ จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อผิวชั้นบนเหมือนการฉีด โบท็อกซ์ ที่อาจเกิดการบวม ช้ำ เขียว บริเวณที่ฉีดได้ แต่การทำ Hifu จะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ใต้ชั้นผิวเท่านั้น โดยสามารถทำได้ในบริเวณกรอบหน้า หรือได้ทั้งใบหน้า
เครดิตภาพจาก โอเรียนน่าคลินิก
ข้อดีของ Hifu
1.มีเทคนิคพิเศษในการยิงตามแนวแพทย์ศัลยกรรมเพื่อให้ได้ลัพธ์ที่ดีที่สุด
2.สามารถปรับหัวยิงได้หลายขนาด
3.ไม่เจ็บตัวไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัยไม่มีความเสี่ยง
4.เห็นผลทันที 30% หลังการทำ และจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 30 วัน
5.ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา, หางตา, ร่องแก้ม, ลดเหนียง, คางสองชั้น, หน้าผาก, มุมปาก, ปรับโครงหน้า, ลดไขมันที่แก้ม
6.หน้าดูเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง
7.สามารถอยู่ได้ราว 4 - 6 เดือน อยู่ที่การดูแล
ข้อเสียของ Hifu
1.อาจจะมีการเมื่อยตึงที่ใบหน้า ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
สรุปง่ายๆ ก็คือ การทำ โบท็อกซ์ จะใช้ตัวยาที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า ส่วน Hifu เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ยิงลงไปในชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น สามารถเก็บริ้วรอยเล็กๆได้ดี
แต่อย่างไรในการหัตถการนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทำนะคะ ต้องการปรึกษาการฉีด Botox และ Hifu ปรึกษาฟรีที่ Orianna Clinic โดย โอเรียนน่าคลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานมืออาชีพ คอยให้คำแนะนำกับทุกปัญหาความงามและใช้เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกที่วงการแพทย์ยอมรับ
แถมเดินทางสะดวกมากๆ ติดบีทีเอสเซ็นต์หลุยส์ค่ะ โทร.084-2464445 / Line @orianna
ข้อมูลจาก : Goal PR Consulting
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ