มันมาจากป่า
-
เขียนโดย Glasz
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 01.42 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
10.64K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 15.39 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
7) เชื่อหรือไม่เชื่อ ???
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ สิ่งที่เพื่อนของฉันพูดออกมาทำเอาฉันมองหน้าเพื่อนอย่างอึ้งๆพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม แน่นอนว่าเพื่อนของฉันรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากหน่อย จึงได้รีบพูดต่อ " รู้นะว่ามันเชื่อยาก แต่สิ่งที่ฉันเห็นในรูปถ่ายคือวิญญาณสามตนที่สิงอยู่ในรูปปั้นคนสามคนที่ตั้งอยู่กลางป่าสนนั่นจริงๆ และหมอกประหลาดรูปร่างคนที่ยืนข้างๆเธอตอนที่พวกเราถ่ายรูปหน้าภัตตาคารก็คือดวงวิญญาณหนึ่งในสามตนนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไล่เขาไปแล้ว" เพื่อนของฉันพูด
" ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วดวงวิญญาณอีกสองตนที่เหลือล่ะ ?" ฉันถามด้วยความกลัวหน่อยๆ
" ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เชื่อสิ...คอยดูนะรูปที่เธอถ่ายในวันพรุ่งนี้จะไม่มีหมอกประหลาดโผล่มา" เพื่อนของฉันพูดด้วยความมั่นใจ
" ว่าแต่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันก็แค่ถ่ายรูปเฉยๆนะ ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลยซักหน่อย ?" ฉันถามเพื่อนด้วยความสงสัย
" เขาคงไม่พอใจเรื่องถ่ายรูปนั่นแหละ ตอนนั้นเธอใช้แสงแฟลชตอนถ่ายรูปใช่มั้ย?" เพื่อนของฉันถาม
" ใช่...ก็ตอนนั้นในป่ามันดูมืดๆครึมๆก็เลยใช้แสงแฟลชเข้าช่วย นี่อย่าบอกนะว่าที่ดวงวิญญาณตามติดฉันและทำเอาฉันเกือบไปนอนเฝ้าด้านล่างของเนินปราสาทก็เพราะแสงแฟลช ?" ฉันถามเพื่อนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เพื่อนของฉันมองมาที่ฉันพร้อมพยักหน้าสามครั้ง...
.
.
.
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันตอนนั้นคือ "อะไรของ...วะ" ความรู้สึกกลัวที่มีหายไป แต่ความรู้สึกโมโหเข้ามาแทนที่ แค่แสงแฟลชภาพเดียวทำเอาทริปท่องเที่ยวของฉันเกือบล่ม
" ก็แบบเหมือนเราโดนใครไม่รู้แอบถ่ายรูปเราแล้วเราก็โกรธเขา หรือไม่ก็เหมือนแบบจู่ๆโดนใครก็ไม่รู้เอาแสงไฟมาจ่อที่หน้าโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวแล้วมันทำให้เราตกใจมาก ถ้าเป็นพวกเราโดนแบบนั้นก็ต้องไม่พอใจเหมือนกัน พวกเขาคงไม่ต่างจากพวกเรา ยิ่งพวกวิญญาณชอบอยู่ตามที่มืดและอับชื้นหรือเย็นๆด้วยแล้ว ความรู้สึกก็คงเหมือนโดนใครก็ไม่รู้บุกถึงถิ่นแล้วมาสร้างความไม่พอใจให้อีก ใจเขาใจเราเธอ..." เพื่อนของฉันอธิบาย
" แล้วฉันต้องไปขอขมาต่อหน้ารูปปั้นคนสามคนในป่าสนนั่นมั้ย ?" ฉันถามเพื่อนหลังจากที่รู้สึกใจเย็นลง
" ไม่ต้อง ฉันเจรจาและไล่เขาไปแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเราถ่ายรูปกันที่หน้าภัตตาคารแล้ว เธอจำได้มั้ยรูปที่ฉันถ่ายให้เธอแล้วมีหมอกประหลาดคล้ายคนยืนอยู่ข้างเธอ ฉันเองแหละที่เป็นคนบอกให้เขาแสดงตัวออกมาตอนถ่ายรูป ตอนแรกฉันไม่เห็นเขาหรอก รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนที่แว่นตาเธอหายไปแล้ว ยิ่งเธอพูดยืนยันว่าฉันเป็นคนรับฝากแว่นตาของเธอไว้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่างานนี้เกี่ยวข้องกับพลังงานบางอย่างแน่นอน ตอนนั้นที่ฉันเรียกเธอ 8 ครั้งแล้วเธอไม่หันมาเลยรู้มั้ยตอนนั้นเธอเดินไปข้างหน้าเหมือนกับคนโดนสะกดมนตร์ในหนังหรือละคร แต่ดีนะที่เธอรู้สึกตัวหันกลับมาตอบฉัน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันอาจจะวิ่งไปดึงตัวเธอไว้แล้ว" เพื่อนของฉันพูด
" เธอไปเจรจาและไล่เขาตอนไหน ? ฉันก็เห็นเธอถ่ายรูปกับพวกเราตลอด" ฉันถามเพื่อนด้วยความสงสัย
" ตอนที่ฉันถ่ายรูปแล้วเขาแสดงตัวออกมาในรูปแบบหมอกที่มีลักษณะคล้ายคน ฉันเลยสวดมนต์และบอกเขาไปว่าถ้าเพื่อนฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจก็ขอโทษแทนเพื่อนแล้วกัน แล้วก็อย่ามารบกวนกันอีกเลย หลังจากนั้นฉันก็เลยบอกเธอว่าขอถ่ายรูปเธออีกรอบ นั่นก็เพราะเพื่อต้องการเช็คว่าเขารับรู้และไปจากเธอแล้วหรือยัง ก็อย่างที่เธอเห็นรูปที่สองไม่มีหมอกอย่างว่าเลย นั่นก็แปลว่าเขารับรู้และไปแล้ว..." เพื่อนของฉันเล่าให้ฟัง
" อ๋อ..." ฉันพูดพร้อมพยักหน้าเข้าใจ
" ฉันเข้าใจนะว่าเรื่องแบบนี้มันเชื่อยาก เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอนะ รอดูวันพรุ่งนี้ได้เลย...เธอจะไม่เจอหมอกประหลาดนั่นอีก เธอจะได้รูปสวยๆเยอะเลย" เพื่อนของฉันพูดและอมยิ้มเล็กน้อย
บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ได้แต่รอให้ถึงวันรุ่งขึ้นเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เพื่อนของฉันพูด หลังจากที่คุยกันเสร็จฉันจึงจัดการลบรูปภาพเจ้าปัญหาทั้งหลายทิ้งไปเพื่อความสบายใจของตัวฉันเอง ในใจลึกๆของฉันได้แต่หวังว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ดีของฉันเหมือนที่เพื่อนของฉันพูดไว้
" ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วดวงวิญญาณอีกสองตนที่เหลือล่ะ ?" ฉันถามด้วยความกลัวหน่อยๆ
" ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เชื่อสิ...คอยดูนะรูปที่เธอถ่ายในวันพรุ่งนี้จะไม่มีหมอกประหลาดโผล่มา" เพื่อนของฉันพูดด้วยความมั่นใจ
" ว่าแต่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันก็แค่ถ่ายรูปเฉยๆนะ ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลยซักหน่อย ?" ฉันถามเพื่อนด้วยความสงสัย
" เขาคงไม่พอใจเรื่องถ่ายรูปนั่นแหละ ตอนนั้นเธอใช้แสงแฟลชตอนถ่ายรูปใช่มั้ย?" เพื่อนของฉันถาม
" ใช่...ก็ตอนนั้นในป่ามันดูมืดๆครึมๆก็เลยใช้แสงแฟลชเข้าช่วย นี่อย่าบอกนะว่าที่ดวงวิญญาณตามติดฉันและทำเอาฉันเกือบไปนอนเฝ้าด้านล่างของเนินปราสาทก็เพราะแสงแฟลช ?" ฉันถามเพื่อนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เพื่อนของฉันมองมาที่ฉันพร้อมพยักหน้าสามครั้ง...
.
.
.
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันตอนนั้นคือ "อะไรของ...วะ" ความรู้สึกกลัวที่มีหายไป แต่ความรู้สึกโมโหเข้ามาแทนที่ แค่แสงแฟลชภาพเดียวทำเอาทริปท่องเที่ยวของฉันเกือบล่ม
" ก็แบบเหมือนเราโดนใครไม่รู้แอบถ่ายรูปเราแล้วเราก็โกรธเขา หรือไม่ก็เหมือนแบบจู่ๆโดนใครก็ไม่รู้เอาแสงไฟมาจ่อที่หน้าโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวแล้วมันทำให้เราตกใจมาก ถ้าเป็นพวกเราโดนแบบนั้นก็ต้องไม่พอใจเหมือนกัน พวกเขาคงไม่ต่างจากพวกเรา ยิ่งพวกวิญญาณชอบอยู่ตามที่มืดและอับชื้นหรือเย็นๆด้วยแล้ว ความรู้สึกก็คงเหมือนโดนใครก็ไม่รู้บุกถึงถิ่นแล้วมาสร้างความไม่พอใจให้อีก ใจเขาใจเราเธอ..." เพื่อนของฉันอธิบาย
" แล้วฉันต้องไปขอขมาต่อหน้ารูปปั้นคนสามคนในป่าสนนั่นมั้ย ?" ฉันถามเพื่อนหลังจากที่รู้สึกใจเย็นลง
" ไม่ต้อง ฉันเจรจาและไล่เขาไปแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเราถ่ายรูปกันที่หน้าภัตตาคารแล้ว เธอจำได้มั้ยรูปที่ฉันถ่ายให้เธอแล้วมีหมอกประหลาดคล้ายคนยืนอยู่ข้างเธอ ฉันเองแหละที่เป็นคนบอกให้เขาแสดงตัวออกมาตอนถ่ายรูป ตอนแรกฉันไม่เห็นเขาหรอก รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนที่แว่นตาเธอหายไปแล้ว ยิ่งเธอพูดยืนยันว่าฉันเป็นคนรับฝากแว่นตาของเธอไว้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่างานนี้เกี่ยวข้องกับพลังงานบางอย่างแน่นอน ตอนนั้นที่ฉันเรียกเธอ 8 ครั้งแล้วเธอไม่หันมาเลยรู้มั้ยตอนนั้นเธอเดินไปข้างหน้าเหมือนกับคนโดนสะกดมนตร์ในหนังหรือละคร แต่ดีนะที่เธอรู้สึกตัวหันกลับมาตอบฉัน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันอาจจะวิ่งไปดึงตัวเธอไว้แล้ว" เพื่อนของฉันพูด
" เธอไปเจรจาและไล่เขาตอนไหน ? ฉันก็เห็นเธอถ่ายรูปกับพวกเราตลอด" ฉันถามเพื่อนด้วยความสงสัย
" ตอนที่ฉันถ่ายรูปแล้วเขาแสดงตัวออกมาในรูปแบบหมอกที่มีลักษณะคล้ายคน ฉันเลยสวดมนต์และบอกเขาไปว่าถ้าเพื่อนฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจก็ขอโทษแทนเพื่อนแล้วกัน แล้วก็อย่ามารบกวนกันอีกเลย หลังจากนั้นฉันก็เลยบอกเธอว่าขอถ่ายรูปเธออีกรอบ นั่นก็เพราะเพื่อต้องการเช็คว่าเขารับรู้และไปจากเธอแล้วหรือยัง ก็อย่างที่เธอเห็นรูปที่สองไม่มีหมอกอย่างว่าเลย นั่นก็แปลว่าเขารับรู้และไปแล้ว..." เพื่อนของฉันเล่าให้ฟัง
" อ๋อ..." ฉันพูดพร้อมพยักหน้าเข้าใจ
" ฉันเข้าใจนะว่าเรื่องแบบนี้มันเชื่อยาก เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอนะ รอดูวันพรุ่งนี้ได้เลย...เธอจะไม่เจอหมอกประหลาดนั่นอีก เธอจะได้รูปสวยๆเยอะเลย" เพื่อนของฉันพูดและอมยิ้มเล็กน้อย
บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ได้แต่รอให้ถึงวันรุ่งขึ้นเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เพื่อนของฉันพูด หลังจากที่คุยกันเสร็จฉันจึงจัดการลบรูปภาพเจ้าปัญหาทั้งหลายทิ้งไปเพื่อความสบายใจของตัวฉันเอง ในใจลึกๆของฉันได้แต่หวังว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ดีของฉันเหมือนที่เพื่อนของฉันพูดไว้
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ