มันมาจากป่า
-
เขียนโดย Glasz
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 01.42 น.
8 ตอน
1 วิจารณ์
10.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 15.39 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
5) สิ่งที่คาดไม่ถึง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ท้องฟ้ามืดครึ้ม หิมะและฝนน้ำแข็งที่ตกลงมาพร้อมกับสายลมที่พัดแรงทำให้สภาพการมองเห็นไม่ค่อยดีนัก ฉันกับเพื่อนของฉันจึงตัดสินใจว่าจะหาแว่นอีกทีในวันพรุ่งนี้หลังจากที่เดินหาได้ซักพักแต่ไม่พบ ถึงแม้ว่าแว่นของฉันจะหายไปแต่โชคดีที่ฉันยังมีแว่นสำรองอีกอันเก็บไว้ที่ห้องพัก ดังนั้นฉันจึงกะว่าจะกลับห้องพักเลยหลังออกจากบริเวณเนินปราสาทแห่งนี้
ช่วงที่ฉันกับเพื่อนรอเพื่อนคนอื่นๆลงจากเนินปราสาท พวกเราจึงคุยเรื่องแว่นที่หายไป เพื่อนของฉันบอกว่าเขาเห็นฉันเดินที่บริเวณแห่งนั้นเพียงคนเดียวไม่มีใครอยู่เลยจึงเรียกฉันเพื่อที่จะชวนไปเดินดูบริเวณอื่น แต่ฉันกลับไม่ได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียกเลย จากนั้นเพื่อนของฉันจึงร้องเรียกฉันเรื่อยๆเพื่อให้ฉันหยุดเดิน แต่ว่าน่าแปลกที่เพื่อนของฉันบอกว่าตัวฉันไม่ได้ยินเสียงเรียกเลยทั้งๆที่ฉันและเขายืนห่างกันไม่มากแถมเรียกเสียงดังด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่ได้ยิน ซึ่งตัวฉันเองยอมรับเลยว่าช่วงเวลานั้นฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเดินตามหลังฉันอยู่ สิ่งที่เห็นมีแค่ผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนเพื่อนคนนั้นทุกอย่างทั้งความสูง สีผม ทรงผม การแต่งตัว ท่าทางการเดิน ฯลฯ ที่ทำให้ฉันคิดว่านั่นคือเพื่อนของฉันแน่นอน ส่วนทางฉันก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ปราสาทหลังนั้นให้เพื่อนของฉันฟังเช่นเดียวกันซึ่งเพื่อนอีกสามคนก็เดินลงมาหาพวกเราพอดี
พวกเราทั้งสองคนได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนที่เหลือฟังเนื่องจากพวกเขาเห็นพวกเราคุยกันอย่างซีเรียส ซึ่งเพื่อนสองคนที่เป็นคนไทยก็อาสาขึ้นไปยังเนินปราสาทอีกครั้งเพื่อหาแว่นตาที่หายไป ส่วนเพื่อนชาวต่างชาติก็พูด " I'm so scared." สองถึงสามครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นประโยคสั้นๆแต่สามารถบรรยายความรู้สึกของทุกคนได้อย่างดีเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปหลายสิบนาที พวกเราสามคนยืนรอเพื่อนที่ขึ้นไปยังเนินปราสาทเพื่อหาแว่นท่ามกลางสายลมที่พัดหิมะและฝนน้ำแข็งเข้ามาปะทะพวกเรา นอกจากสภาพอากาศกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดูอึมครึม วังเวง และเยือกเย็นขึ้นไปอีก บรรยากาศตอนนี้มันทำให้ฉันนึกถึงหนังผีฝรั่งที่มีปราสาทผีสิงหลังใหญ่ที่อยู่กลางป่าในช่วงฤดูหนาวขึ้นมาทันที ความสนุกสนานที่ได้เดินสำรวจสถานที่ต่างๆเมื่อกี้หายไปพริบตาหลังจากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้เพื่อนต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถึงแม้ว่าเพื่อนๆบอกว่าไม่ต้องคิดมากและมันไม่ใช่ความผิดของใครเลยก็ตาม แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี แถมยังอดคิดไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงปริศนาที่มีลักษณะเหมือนเพื่อนของฉันคนนั้น !!!
พวกเราสามคนต่างจ้องมองไปที่บันไดทางขึ้นปราสาทโดยหวังว่าจะเห็นเพื่อนสองคนเดินลงมาอย่างปลอดภัยเพราะตอนนี้ตามบันไดและบริเวณปราสาทมีทั้งหิมะและฝนน้ำแข็งเกาะอยู่จึงทำให้ลื่นมาก พวกเรารอจนเกือบ 20 นาทีก็พบเพื่อนทั้งสองคนเดินลงมาจากเนินปราสาทอย่างปลอดภัยพร้อมกับยื่นแว่นตามาให้ฉัน หลังจากขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์ไปหาแว่นตาให้ในสภาพอากาศแบบนี้ฉันจึงถามว่าเจอแว่นที่ไหน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็ตอบว่า "เจอแว่นที่ขอบระเบียงด้านหลังปราสาท ซึ่งเกือบจะตกจากระเบียงอยู่แล้ว" บอกเลยว่าคำตอบนี้ทำฉันอึ้งไปชั่วขณะ เพราะฉันจำได้แม่นเลยว่าฉันยื่นแว่นให้ผู้หญิงที่เหมือนเพื่อนของฉันที่ระเบียงก็จริง แต่ไม่ได้ฝากแว่นที่ขอบระเบียงแน่นอน แถมฉันกับเพื่อนก็เดินหาที่ระเบียงหลายรอบอย่างละเอียดแล้วแต่ไม่เจอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่แว่นจะไปอยู่ตรงขอบระเบียง ถ้าหากลมพัดแว่นไปก็ต้องเป็นลมที่แรงมากๆจึงสามารถพัดไปไกลจากจุดที่ฉันฝากแว่นได้ ซึ่งฉันมั่นใจว่าลมไม่ได้พัดไปแน่ๆเพราะมีปราสาทบังทิศทางลมไว้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าแว่นอาจจะถูกย้ายจากอีกที่ไปยังขอบระเบียงโดยวิธีอะไรก็ตามหรือแว่นน่าจะตกอยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วซึ่งถ้าหากเป็นกรณีหลังย่อมหมายความว่าฉันอาจจะเห็นภาพลวงตาว่าฉันฝากแว่นตรงบริเวณที่ห่างจากระเบียง แต่ในความเป็นจริงฉันฝากแว่นที่ขอบระเบียงก็เป็นได้ นอกจากนี้บริเวณที่ฉันเดินตามผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็อยู่แถวๆจุดที่ฝากแว่นไว้เช่นเดียวกัน ถ้าหากฉันไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกแล้วล่ะก็ ฉันอาจจะก้าวพลาดตกจากขอบระเบียงของปราสาทก็เป็นได้ ถ้าหากตกลงไปที่ระดับความสูงของเนินปราสาทแห่งนี้แล้วก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฉันและเพื่อนๆได้รู้ว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว...และก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...แต่มันอาจทำให้ถึงตายได้"
ช่วงที่ฉันกับเพื่อนรอเพื่อนคนอื่นๆลงจากเนินปราสาท พวกเราจึงคุยเรื่องแว่นที่หายไป เพื่อนของฉันบอกว่าเขาเห็นฉันเดินที่บริเวณแห่งนั้นเพียงคนเดียวไม่มีใครอยู่เลยจึงเรียกฉันเพื่อที่จะชวนไปเดินดูบริเวณอื่น แต่ฉันกลับไม่ได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียกเลย จากนั้นเพื่อนของฉันจึงร้องเรียกฉันเรื่อยๆเพื่อให้ฉันหยุดเดิน แต่ว่าน่าแปลกที่เพื่อนของฉันบอกว่าตัวฉันไม่ได้ยินเสียงเรียกเลยทั้งๆที่ฉันและเขายืนห่างกันไม่มากแถมเรียกเสียงดังด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่ได้ยิน ซึ่งตัวฉันเองยอมรับเลยว่าช่วงเวลานั้นฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเดินตามหลังฉันอยู่ สิ่งที่เห็นมีแค่ผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนเพื่อนคนนั้นทุกอย่างทั้งความสูง สีผม ทรงผม การแต่งตัว ท่าทางการเดิน ฯลฯ ที่ทำให้ฉันคิดว่านั่นคือเพื่อนของฉันแน่นอน ส่วนทางฉันก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ปราสาทหลังนั้นให้เพื่อนของฉันฟังเช่นเดียวกันซึ่งเพื่อนอีกสามคนก็เดินลงมาหาพวกเราพอดี
พวกเราทั้งสองคนได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนที่เหลือฟังเนื่องจากพวกเขาเห็นพวกเราคุยกันอย่างซีเรียส ซึ่งเพื่อนสองคนที่เป็นคนไทยก็อาสาขึ้นไปยังเนินปราสาทอีกครั้งเพื่อหาแว่นตาที่หายไป ส่วนเพื่อนชาวต่างชาติก็พูด " I'm so scared." สองถึงสามครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นประโยคสั้นๆแต่สามารถบรรยายความรู้สึกของทุกคนได้อย่างดีเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปหลายสิบนาที พวกเราสามคนยืนรอเพื่อนที่ขึ้นไปยังเนินปราสาทเพื่อหาแว่นท่ามกลางสายลมที่พัดหิมะและฝนน้ำแข็งเข้ามาปะทะพวกเรา นอกจากสภาพอากาศกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดูอึมครึม วังเวง และเยือกเย็นขึ้นไปอีก บรรยากาศตอนนี้มันทำให้ฉันนึกถึงหนังผีฝรั่งที่มีปราสาทผีสิงหลังใหญ่ที่อยู่กลางป่าในช่วงฤดูหนาวขึ้นมาทันที ความสนุกสนานที่ได้เดินสำรวจสถานที่ต่างๆเมื่อกี้หายไปพริบตาหลังจากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้เพื่อนต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถึงแม้ว่าเพื่อนๆบอกว่าไม่ต้องคิดมากและมันไม่ใช่ความผิดของใครเลยก็ตาม แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี แถมยังอดคิดไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงปริศนาที่มีลักษณะเหมือนเพื่อนของฉันคนนั้น !!!
พวกเราสามคนต่างจ้องมองไปที่บันไดทางขึ้นปราสาทโดยหวังว่าจะเห็นเพื่อนสองคนเดินลงมาอย่างปลอดภัยเพราะตอนนี้ตามบันไดและบริเวณปราสาทมีทั้งหิมะและฝนน้ำแข็งเกาะอยู่จึงทำให้ลื่นมาก พวกเรารอจนเกือบ 20 นาทีก็พบเพื่อนทั้งสองคนเดินลงมาจากเนินปราสาทอย่างปลอดภัยพร้อมกับยื่นแว่นตามาให้ฉัน หลังจากขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์ไปหาแว่นตาให้ในสภาพอากาศแบบนี้ฉันจึงถามว่าเจอแว่นที่ไหน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็ตอบว่า "เจอแว่นที่ขอบระเบียงด้านหลังปราสาท ซึ่งเกือบจะตกจากระเบียงอยู่แล้ว" บอกเลยว่าคำตอบนี้ทำฉันอึ้งไปชั่วขณะ เพราะฉันจำได้แม่นเลยว่าฉันยื่นแว่นให้ผู้หญิงที่เหมือนเพื่อนของฉันที่ระเบียงก็จริง แต่ไม่ได้ฝากแว่นที่ขอบระเบียงแน่นอน แถมฉันกับเพื่อนก็เดินหาที่ระเบียงหลายรอบอย่างละเอียดแล้วแต่ไม่เจอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่แว่นจะไปอยู่ตรงขอบระเบียง ถ้าหากลมพัดแว่นไปก็ต้องเป็นลมที่แรงมากๆจึงสามารถพัดไปไกลจากจุดที่ฉันฝากแว่นได้ ซึ่งฉันมั่นใจว่าลมไม่ได้พัดไปแน่ๆเพราะมีปราสาทบังทิศทางลมไว้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าแว่นอาจจะถูกย้ายจากอีกที่ไปยังขอบระเบียงโดยวิธีอะไรก็ตามหรือแว่นน่าจะตกอยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วซึ่งถ้าหากเป็นกรณีหลังย่อมหมายความว่าฉันอาจจะเห็นภาพลวงตาว่าฉันฝากแว่นตรงบริเวณที่ห่างจากระเบียง แต่ในความเป็นจริงฉันฝากแว่นที่ขอบระเบียงก็เป็นได้ นอกจากนี้บริเวณที่ฉันเดินตามผู้หญิงปริศนาคนนั้นก็อยู่แถวๆจุดที่ฝากแว่นไว้เช่นเดียวกัน ถ้าหากฉันไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกแล้วล่ะก็ ฉันอาจจะก้าวพลาดตกจากขอบระเบียงของปราสาทก็เป็นได้ ถ้าหากตกลงไปที่ระดับความสูงของเนินปราสาทแห่งนี้แล้วก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฉันและเพื่อนๆได้รู้ว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว...และก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...แต่มันอาจทำให้ถึงตายได้"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ