กาเบรียล ไนต์ ภาค แหวนแห่งมิติ

-

เขียนโดย GUEST1759244270

วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 22.02 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  128 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 22.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เข้าเมืองเอซิเนีย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เอริคจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลเข้มกับดวงตาสีเทา  ที่ดูคุ้นตา  การแต่งกายที่ค่อนข้างแปลก  เหมือนมาจากอาณาจักรอื่น  และหากมองประเมินจากสายตาน่าจะมีอายุห่างจากเขาเป็นสิบปี ทำไมเด็กหนุ่มที่อายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบถึงมาอยู่ในถ้ำคนเดียวกลางป่าได้

            “นายมาจากอาณาจักรอื่นใช่ไหม” เอริคตั้งคำถาม

            “จะพูดแบบนั้นก็ได้” กาเบรียลเอ่ย มิติอื่นกับอาณาจักรอื่น ก็น่าจะเหมือน ๆ กันไหม

            “แล้วมาทำอะไรที่อาณาจักรซอเซอรี่   รึว่ามาสอบเข้า?”

            “สอบเข้า?” กาเบรียลทวนสิ่งที่ชายตรงหน้าถาม

            “ก็สอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยวิทซาเดไง ไม่ใช่รึ ?” เอริคเลิกคิ้ว

            “อ่อ อ้อ ใช่แล้ว ผมมาที่นี่เพราะจะมาสอบเข้าเรียนวิทยาลัยที่นี่  มันมีชื่อเสียงมากนี่ใช่ไหม” กาเบรียลจำชื่อวิทยาลัยนี้ได้  คุณตาคนนั้นบอกว่ามันคือสถานที่ที่เขาจะหาวิธีซ่อมแหวนได้ !

            “มีชื่อเสียงมากนี่งั้นเหรอ?  วิทยาลัยวิทซาเดคือวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกนี้  ทุกปีจะมีคนหลายพันคนหลั่งไหลมาจากทุกอาณาจักรทั่วโลกเพื่อมาสอบเข้า แต่มีคนที่สอบผ่านได้เข้าเรียนแค่ปีละหกสิบคนเท่านั้น  นายอยากจะมาเรียนที่นี่  แต่กลับไม่รู้ข้อมูลพวกนี้เลยหรือ” เอริคจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย

            “แหม ผมก็พอรู้ข้อมูลมาบ้างแหละฮะ  แต่ไม่ได้รู้ละเอียดขนาดนั้น  ผมก็เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ต้องเร่ร่อนเพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่เด็ก  ทำงานเสี่ยงอันตรายมาสารพัด  เพื่อเก็บออมเงินไว้ หวังจะสอบเข้าเรียนต่อที่นี่ได้  จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง  แต่ดันโดนโจรดักปล้นกลางทาง   จนเงินทองที่สะสมมาทั้งชีวิตหายไปจนหมด  ดีที่ชะตายังไม่ถึงฆาตมีจอมเวทโผล่มาช่วยเหลือผมไว้  แล้วยังมอบยาวิเศษให้เพราะรู้สึกสงสารผม  ตอนนี้ก็ได้แต่หมดอาลัยตายอยากเพราะหมดหวังที่จะไปสอบเข้าเรียนที่นี่แล้ว” กาเบรียลร่ายประวัติชีวิตที่แต่งขึ้นมา    สด ๆ   ร้อน ๆ ให้คนตรงหน้าฟัง  ตอนนี้จะถือว่าเขากำพร้าไร้ญาติขาดมิตรก็คงไม่ผิดนักหรอก  กาเบรียลมองเห็นแววตาแห่งความเห็นใจจากชายที่อยู่ตรงหน้า  สงสัยเรื่องโจ๊กจากเขาคงฟังสมจริงอยู่ไม่น้อย

            “ถ้านายต้องการจะสอบเข้าเรียนที่นี่ เดี๋ยวฉันจะพานายไปเอง ค่าสมัครสอบไม่กี่เซอโร  ฉันจ่ายให้เอง  นายช่วยชีวิตฉันไว้นี่นะ  ว่าแต่นายชื่ออะไรเจ้าหนู  ฉันเอริคนะ  เอริค มอนซารี” เอริคเอ่ย

            “ผมชื่อกาเบรียลครับ  กาเบรียล  ไนต์ ” แค่ชื่อคงไม่ต้องโกหกหรอก เพราะโลกนี้  มีใครรู้จักเขาซะที่ไหน

            “นายอายุเท่าไหร่แล้วกาเบรียล” เอริคเอ่ยถาม

            “ผมอายุสิบแปดครับเอริค” กาเบรียลตอบ

            “งั้นเรียนฉันว่าพี่เถอะ เพราะฉันแก่กว่านายสิบปีได้” เอริคบอก แล้วกล่าวเสริม

            “ด้านนอกนั่น  มีคนที่ตามไล่ล่าฉันอยู่  เราซ่อนตัวต่อจนถึงรุ่งสางก่อนค่อยออกเดินทางดีกว่า  แต่พูดแล้วก็น่าแปลกใจนะ  ตอนที่สติของฉันกำลังหมดลง ฉันเหมือนมองเห็นแสงสว่างวาบมาจากพุ่มไม้ข้างทาง  ฉันเลยพุ่งตัวเข้าตรงพุ่มไม้นั้น  ก่อนที่สติจะดับวูบไป    พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็เจอกับนายในถ้ำแห่งนี้  บางทีดวงของฉันเองก็คงยังไม่ถึงฆาตเหมือนกัน    ถึงได้บังเอิญมาเจอกับนาย”  เอริคกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

            กาเบรียลกระตุกมุมปากตอบกลับไป  มันคงไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้อยู่หรอกกระมัง     ที่คุณตาคนนั้นดันมอบยาวิเศษให้กับเขา  แล้วอยู่ ๆ เขาก็เจอเข้ากับคนป่วย  ที่พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้มาให้รักษา  และยังจะพาเขาไปสอบเข้าโรงเรียนที่เป็นเป้าหมายอีก  แหม ! ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่มีใครบางคนบงการให้เกิดจริง ๆ

 

            รถม้าขนาดเล็กที่เอริคใช้เงินซื้อมาหลังจากที่พวกเขาเดินออกจากป่ามาได้    ช่วงสาย ๆ  กำลังวิ่งเข้าสู่เขตเมืองเอซิเนีย  ซึ่งเป็นรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง  โดยไม่ได้ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใด  ไม่มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองเหมือนดังอาณาจักรอื่น แต่กลับเป็นเมืองที่มีความแข็งแกร่งทางด้านเวทมนตร์มากที่สุด เพราะมีสภาจอมเวททั้งแปดเป็นผู้คอยดูแลเมืองนี้ ซึ่งได้สร้างมนต์มหามนตราที่มีพลานุภาพในการป้องกันอาคมฝ่ายมืดได้ทุกรูปแบบ

            กาเบรียลนั่งฟังเอริคบอกเล่าข้อมูลของเมืองเอซิเนีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่วิทยาลัยวิทซาเดตั้งอยู่  เขาซักถามบ้างในบางประเด็นที่สงสัย ซึ่งเอริคก็อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟังอย่างใจเย็น

            “งั้นก็แสดงว่าพี่เอริคก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่เหรอฮะ” กาเบรียลเอ่ยถาม

            “ใช่แล้ว ฉันเรียนจบจากที่นี่ไปหลายปีแล้ว พึ่งมีโอกาสได้กลับมาที่นี่ไม่กี่ครั้ง” เอริคตอบ

            “งั้นพี่ก็น่าจะรู้วิธีสอบเข้า”

            “เรื่องรู้น่ะรู้แน่ ๆ  แต่มันเป็นเรื่องที่คนทั่วไปต่างก็รู้อยู่แล้วนะกาเบรียล เพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร แต่นายที่มีความฝันที่จะมาเข้าเรียนที่นี่ต่างหาก  ทำไมถึงไม่รู้” เอริคส่วยหัว

            “คือผมมัวแต่ใช้ชีวิตเอาตัวรอดไปวัน ๆ  เลยยังไม่มีเวลาหาข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่าไหร่ฮะ” กาเบรียลรีบแก้ตัว

 

            รถม้าคันเล็กกำลังวิ่งเข้าสู่เขตชุมชน กาเบรียลที่แหวกม่านคุยกับเอริคที่เป็นคนขับรถม้ามาตลอดทางเริ่มสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง นี่เขากำลังมองวิถีชีวิตของคนที่อยู่ต่างโลกต่างมิติอยู่นะ !

            “คึกคักกว่าเดิมอยู่นะ  ไม่ได้กลับมาหลายปี  ดูเหมือนด้านหน้าจะมีตลาดอยู่  จอดแวะหาของกินก่อนแล้วกัน” เอริคกล่าว เขาบังคับเกวียนไปจอดหน้าร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง  พอพูดถึงอาหารกาเบรียลก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหิวขึ้นมา  พวกเขากินปลาย่างที่เหลือตั้งแต่เมื่อคืนไปตอนเช้าก่อนออกเดินทาง  ตอนนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงมาแล้ว  เขารีบเดินตามเอริคไปติด ๆ พวกเขาเลือกนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าต่างซึ่งมองเห็นเกวียนที่จอดอยู่ได้พอดี

            “รับอะไรดีจ๊ะ หนุ่ม ๆ ” เสียงถามจากเจ้าของร้านที่ท่าทางใจดีดังขึ้น

            “ขออาหารที่ขึ้นชื่อของทางร้านมาสักสามสี่อย่างแล้วกันครับ” เอริคเอ่ย

            “ได้จ้ะ รอสักครู่นะ” เจ้าของร้านตอบแล้วเดินกลับไปที่หลังร้าน

            “ไหนพี่ว่ามีคนมาเข้าสอบหลายพันคน  ผมยังไม่เห็นคนเยอะเท่าไหร่เลยนะ”    กาเบรียลเอ่ยถาม   

            “นี่มันยังอยู่นอกตัวเมืองเอซิเนีย ส่วนใหญ่คนมาเข้าสอบเขาพักข้างในตัวเมืองกันนู่น อีกอย่างตอนนี้ยังเหลือเวลาก่อนถึงวันรับสมัครอีกสามวัน  คนส่วนใหญ่จะมาถึงก่อนเวลารับสมัครแค่วันเดียว” เอริคตอบ

            “แบบนี้จะมีที่พักเหลือเหรอฮะ  มาก่อนแค่หนึ่งวัน” กาเบรียลสงสัย

            “ส่วนมากคนที่มาจากต่างอาณาจักรจะเดินทางมาด้วยรถม้ากัน เขาก็เลือกพักในรถม้าของตนเองนั่นแหละ ” เอริคอธิบาย

            “แล้วต้องใช้หลักฐานหรือเอกสารในการสมัครสอบไหม  ผมเป็นแค่เด็กเร่ร่อน  ชื่อก็เป็นครูใหญ่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นคนตั้งให้  ไม่มีหลักฐานยืนยันหรือใบรองรองอะไรหรอกนะฮะ”  กาเบรียลยังสวมบทบาทเดิมต่อไป จะให้เขาเอาเอกสารอะไรมายืนยันล่ะ เขาไม่ใช่คนที่โลกนี้สักหน่อย

            “ไม่ต้องหรอก สมัครสอบไม่ต้องใช้เอกสารอะไร แค่กรอกข้อมูลทั่วไปเท่านั้นเอง วิทยาลัยวิทซาเด ใครก็เข้าเรียนได้ ขอแค่สอบผ่าน ก็แปลว่านายมีคุณสมบัติและความสามารถเพียงพอ ต่อให้นายเป็นแค่ขอทาน นายก็ไปร่วมเรียนกับเจ้าชายเจ้าหญิงจากอาณาจักรต่าง ๆ ได้” เอริคอธิบาย

            “หือออ พี่เอริค ที่นี่มีเชื้อพระวงศ์มาเรียนด้วยรึ ” กาเบรียลถามอย่างตกใจ

            “นายลืมที่ฉันบอกไปรึเปล่า ว่าวิทยาลัยนี้คือวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก  จบการศึกษาจากที่นี่ได้  นอกจากจะหางานดี ๆ ทำได้แล้ว  ยังเป็นที่ยอมรับถึงเรื่องความรู้ความสามารถอีกด้วย”

            “แล้วผมจะเอาความสามารถอะไรไปสอบเข้าได้ล่ะเนี่ย” ให้เขาไปสอบแข่งกับพวก  ที่สามารถจ้างคนมาติวข้อสอบได้ล่วงหน้าแบบนี้  ใครจะไปสู้  เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าโลกแห่งนี้การเรียนการสอนเป็นแบบไหน  ความฉลาดของเขาที่พกติดตัวมา จะมีประโยชน์รึเปล่าเหอะ อย่างแรกเลยคือต้องมีการใช้เวทมนตร์ล่ะ  แล้วเขามีเวทมนตร์ซะที่ไหนกัน !

 

 

            “ด่านแรกนายน่าจะพอไหวอยู่มั้ง เป็นการทดสอบพลังเวท คะแนนส่วนนี้คิดเป็น เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลย ” เอริคว่า

            “พี่เอาอะไรมามั่นใจในตัวผมล่ะ ผมใช้เวทมนตร์ไม่เป็นด้วยซ้ำ” กาเบรียลอยากร้องไห้

            “ใช้เวทมนตร์ไม่เป็น? บ้าน่า แต่นายมีพลังเวทนี่ ฉันลองทดสอบดูแล้ว นายมีรังสีของพลังเวทอยู่รอบตัว ทำไมถึงใช้ไม่เป็น” เอริคกล่าวอย่างตกใจ

            “พี่อย่าลืม ผมมันแค่เด็กกำพร้า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ผมโตมา  มีคนมีพลังเวทซะที่ไหน ใครจะมาสอนผม  ใช้ล่ะ” กาเบรียลตอบ เขามาจากโลกอื่นนี่  ที่นั่นมีคนใช้เวทมนตร์ที่ไหน  หรือถ้าจะมีก็คงถูกเผาไปตั้งแต่ยุคกลางแล้ว

            “ช่างเถอะ ด่านตอนสอบเข้า นายยังไม่ต้องใช้เวทมนตร์หรอก เป็นการทดสอบระดับของพลังเวทจากจอมเวททั้งแปด ถ้านายสอบเข้าได้ค่อยเข้าไปเรียนรู้ในวิทยาลัยเอาละกัน ” เอริคตัดบท

           

            เวลาบ่ายคล้อย รถม้าที่เอริคขับกำลังมุ่งหน้าสู่ประตูเมืองเอซิเนีย ซึ่งมีกำแพงขนาดใหญ่  ล้อมรอบตัวเมืองเอาไว้ ทหารที่เฝ้าตรงหน้าประตูเมืองไม่ได้เคร่งครัดในการตรวจคนที่เข้าไปในเมืองสักเท่าไหร่  เพียงแค่มองผ่าน ๆ ก็ปล่อยให้รถม้าแต่ละคันเข้าไปได้  กาเบรียลและ    เอริคผ่านเข้าสู่ประตูเมืองมาได้อย่างราบรื่น

            “เพราะที่นี่มีคาถาคุ้มกันที่ทรงพลังใช่ไหมฮะ  ทหารเลยไม่เคร่งครัดเรื่องตรวจคนเข้าเมืองสักเท่าไหร่  เหมือนแค่มองผ่าน ๆ ” กาเบรียลเอ่ยถาม

            “ถูกแล้ว เวทมนตร์มหามนตราเป็นคาถาคุ้มกันที่ทรงพลังมาก พวกจอมเวทฝ่ายมืดไม่สามารถเข้ามาในเมืองนี้ได้ ” เอริคตอบ

            “แล้วไม่กลัวเรื่องขโมยขโจรบ้างหรอพี่” กาเบรียลสงสัย

            “ใครจะกล้ามาสร้างเรื่องที่เมืองนี้กันล่ะ แม้จะเข้ามาได้ง่าย แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะกลับออกไปได้ง่ายเหมือนที่คิดหรอกนะ ไม่มีอะไรรอดพ้นจากหูตาของจอมเวททั้งแปดหรอก” เอริคอธิบาย

            งั้นก็เหมือนเดินเข้ามาในกรงขังเลยน่ะสิ  ให้ตาย ! เขาคิดถูกไหมนี่ ที่เลือกมาสอบเข้าเรียนที่เมืองนี้ กาเบรียลได้แต่โอดครวญในใจ

            ผ่านประตูเมืองเข้ามา สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนรูปทรงแปลก ๆ ยิ่งเข้ามา   สู่ใจกลางของเมืองมากเท่าไหร่ยิ่งพบเจอตึกสูง และอาคาร ที่มีรูปร่างแปลกตามากขึ้นเรื่อย ๆ กาเบรียลมองอย่างตื่นตาตื่นใจ  ตอนแรกเขาคิดว่าโลกนี้อาจจะล้าหลังมากกว่านี้ซะดี  เพราะจากที่เจอว่าต้องเดินทางด้วยรถม้า  แต่พอเข้ามาในเมืองแห่งนี้ถึงพบว่าที่นี่มีลักษณะคล้ายมหานครที่เขาอยู่มากทีเดียว  เพียงแต่ไม่มีรถยนต์ เครื่องบินก็ไม่มี หรือที่นี่อาจจะยังไม่ได้เรียนรู้การสร้างเครื่องยนต์กลไก  คิดมาถึงตรงนี้  กาเบรียลก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น  รึเขาจะลองเป็นคนแรกที่สร้างรถยนต์ขึ้นบนโลกแห่งนี้ !

            “ตื่นเต้นมากเลยรึ เห็นจ้องมองรอบ ๆ ตาโต ไม่พูดไม่จา ที่นี่ต่างจากอาณาจักรของนายมากไหม” เอริคเอ่ยถาม

            “เออ.. ก็ค่อนข้างต่างอยู่เยอะฮะ เมืองที่ผมอยู่เป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีอะไร แต่ที่นี่ดูยิ่งใหญ่มากทีเดียว” กาเบรียลตอบเลี่ยง ๆ

            “เศรษฐกิจที่นี่ค่อนข้างดี เพราะมีคนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาสอบเข้าเรียน ไหนจะช่วงปลายปีการศึกษา ที่มีการแข่งขันประลองศาสตร์ต่าง ๆ ระหว่างหอพักทั้งสี่หลังในวิทยาลัยวิทซาเด ซึ่งเป็นเหมือนงานเทศกาลประจำปี  ผู้คนจะแห่เข้าเมืองมาเพื่อรอชมการแข่งขัน” เอริคเอ่ย

            “มีการประลองด้วย ! ”

            “แน่นอนสิ ก็เป็นเหมือนการทดสอบรอบสุดท้ายของแต่ละปี ว่าเราเรียนรู้อะไรได้บ้างหลังจากที่เรียนไปหนึ่งปี” เอริคอธิบาย

            กาเบรียลทำสีหน้ายุ่งยาก ความคิดที่จะสอบเข้าเรียนที่นี่มีแต่จะยิ่งถดถอยลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ  เขาอยากมาเข้าเรียนเพราะอยากหาวิธีซ่อมแหวนเพื่อกลับบ้าน แต่ดูเหมือนการเรียนที่นี่จะมีเรื่องยุ่งยากอยู่ไม่น้อย แต่เขาจะคิดมากทำไมนักหนาล่ะเนี่ย จะสอบเข้าได้รึเปล่าเหอะ กาเบรียลส่ายหัว ก่อนจะหันไปมองขบวนของรถม้าที่เริ่มขยับช้าลง เพราะพอเข้ามาสู่ใจกลางเมือง การจราจรก็ดูหนาแน่นขึ้น

            “เราจะไปจอดนอนแถวหน้าโรงเรียนเหรอฮะ” กาเบรียลเอ่ยถามคนขับ

            “ไม่หรอก ฉันอุตส่าห์อาสาพานายมาสมัครเข้าเรียน คงไม่ให้อยู่แบบอัตคัดแบบนั้น เราจะไปพักโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ กับวิทยาลัย ฉันพอรู้จักกับเจ้าของโรงแรม ” เอริคตอบ

            กาเบรียลเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่กำลังบังคับรถม้าให้เลี้ยวไปยังทิศตะวันออก    ของเมือง เอริคน่าจะมีประวัติที่ไม่ธรรมดา เพราะถ้าขนาดมีเส้นสายจนรู้จักกับเจ้าของโรงแรมที่อยู่ตรงย่านเศรษฐกิจของเมือง แล้วสามารถเข้าพักได้  โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าห้องพักจะไม่ว่างในช่วงที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองแบบนี้ บ๊ะ ! เขาอาจจะได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตของมิตินี้เข้าก็ได้

            เอริคบังคับรถม้าไปจอดหน้าโรงแรมขนาดใหญ่โต ที่อยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นตัวอักษรวิจิตร กาเบรียลตวัดสายตามองผ่าน ๆ ก่อนจะหันขวับมามองตัวอักษรเหล่านั้นอีกครั้งอย่างตกใจ ‘วิทยาลัยวิทซาเด’ อักษรเหล่านั้นอ่านได้แบบนี้ แต่ที่ทำให้เขาตกใจไม่ใช่ข้อความที่เจอ แต่เป็นคำถามว่า ทำไมเขาสามารถอ่านตัวอักษรแปลก ๆ เหล่านั้นได้ต่างหาก ! เขามั่นใจว่าเขาพึ่งได้เห็นอักษรเหล่านี้เป็นครั้งแรก ชีวิตนี้ไม่เคยเรียนภาษานี้แน่นอน แต่ทำไมเขาถึงเข้าใจภาษานี้  สรุปตัวเขาเป็นใครกันแน่? พ่อกับแม่มีความลับอะไร   ที่ปิดบังเขาไว้  รึพ่อกับแม่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่มิติแห่งนี้ แต่หนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่อีกโลก? คุณตาที่มอบแหวนให้เขาคนนั้นยังพูดอีกว่าเป็นญาติกับเขา  ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าแกอาจจะหลอกอำเขาเล่นเท่านั้น  ตอนนี้นอกจากภารกิจที่ต้องหาวิธีซ่อมแหวน  สิ่งที่กาเบรียลต้องการจะรู้คือเรื่องเกี่ยวกับคุณตาปริศนาคนนั้น  และชาติกำเนิดของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา