กระบี่เหมันต์ใต้เงาจันทร์

3.3

เขียนโดย หนิงเซียน

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 19.01 น.

  6 บท
  4 วิจารณ์
  338 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2568 07.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำร่างสูงในชุดคลุมยาวสีดำทำมาจากขนจิ้งจอกอย่างดี ใบหน้าของบุรุษผู้นี้งดงามราวสตรีผิวพรรณหมดจด ดวงตาคมดุจตาเหยี่ยว บนศรีษะปักปิ่นทองล้อมด้วยอัญมณี เดินมาพร้อมกับชายร่างสูงสวมชุดที่ทำจากผ้าแพรไหมสีดำปักลายดอกบัวหิมะที่เอวมีกระบี่สีขาวขลับกำลังเดินเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก เวลานี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว

 

“ คารวะองค์ไท่จื่อ”

ร่างสูงขององครักษ์ลับผู้หนึ่งทำความเคารพชายผู้มาเยือนในยามวิกาลนี้ สายตาคมดุจเหยี่ยวแฝงความไม่พอใจที่องครักษ์สะเพร่าเปิดเผยเรียกฐานะของเขาแทนที่จะเรียกเขาว่าคุณชายแน่นอนตอนนี้

พวกเขาออกมานอกวังย่อมไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ถึงฐานะที่แท้จริง

“ มันยอมบอกรึยังว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร ”

ร่างสูงของหลี่จวิ้นเอ่ยถามสายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างของขันทีผู้หนึ่งที่ถูกจับตัวมาโทษฐานคือปองร้ายองค์ชายรองหลี่เซวียน

“ ตอนนี้มันยังไม่ยอมพูดอะไรข้าน้อยคิดว่าคงเป็นพวกกล้าตายพ่ะย่ะค่ะขนาดเราใช้พิษ เหล็กร้อน เครื่องทรมานทุกอย่างมันยังไม่ยอมพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง ” 

องครักษ์ผู้ชำนาญการทรมานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

' แน่ล่ะหมอนี่กล้าหาญไม่ก็สมองคงมีปัญหา

ถึงได้กล้าผลักองค์ชายรองตกสระบัว'

" อดอาหารมัน ไม่ต้องให้มันกินอะไรทั้งนั้นแม้แต่น้ำ “

หลี่จวิ้นเอ่ยคำสั่งก่อนจะหันมองไปทางที่องครักษ์ข้างกายเขาวิ่งมาด้วยท่าทีร้อนใจนัยตาคมมองร่างชายตรงหน้าที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ข้างกายเขามาถึง 9 ปีศิษย์เอกของนักกระบี่หลิวเมิ่งหลินเจ้าของกระบี่ ไม่ลืม ผู้คิดค้นเพลงกระบี่วายุพิรุณนาม ‘ เฟิงหลิน ’

 

“ คุณชายขอรับคนของเราที่แฝงตัวในตำหนักเฉิงหยางฝู่แจ้งข่าวมาว่าพบคนน่าสงสัยสองคนสวมชุดดำบนศรีษะคลุมผ้าและสวมหน้า กากคาดว่าจะเป็นองครักษ์เงาของฝ่าบาท ”

“ บอกให้คนของเราถอยออกมาครึ่งนึงอีกครึ่งคอยเฝ้าระวังถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่ต้องส่งข่าวมา ”

“ ขอรับคุณชาย”

“ เรากลับกันก่อนเถอะ ”

“ ขอรับ ”

 

ร่างสูงทั้งสอง หายไปในเงาของความมืดเสียงฝีเท้าของอาชาศึกสองตัว

ดังขึ้นในยามราตรีมุ่งหน้าสู่ วังหลวง

สามวันต่อมา ณ.ตำหนักบูรพา 

นิ้วเรียวยาวกดลงที่ขมับคล้ายอยากให้อาการปวดศรีษะบรรเทาลง

บนโต๊ะหนังสือเต็มไปด้วยตำราหลากหลายเวลานี้เพิ่ง*ยามเหม่าเท่านั้นสายตาคมหันมองออกทางหน้าต่าง นึกถึงเรื่องราวเมื่อสมัยเป็นเด็ก

ในตอนนั้น…เขาเพิ่งจะอายุเพียง 7 ขวบ

 

14 ปีก่อน…..

“ เร็วๆ สิเจ้าอยากตายรึไง ชักช้าเยี่ยงนี้ ” 

นางกำนัลผู้หนึ่งกำลังตวาดนางกำนัลหญิงอีกคนด้วยท่าทีร้อนใจ

“ แต่นั่นคือองค์ชายรองเลยนะวางยาองค์ชายโทษกุดหัวทั้งตระกูลเลยนะ ”

“ ถ้าเจ้าไม่บอกข้าไม่บอกใครจะมากุดหัวเจ้า ”

เสียงนางกำนัล สองคนทะเลาะกันที่ทางเดินห่างจากห้องเครื่องไม่มากนักร่างเล็กขององค์ชายองค์โตหลี่จวิ้นแอบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง

( พวกนาง นางกำนัลของตำหนักน้องรองนี่ทำอย่างไรดี )

ไวเท่าความคิดร่างของหลี่จวิ้นสาวเท้าเข้าไปในตำหนักเฉิงหยางฝู่

ชวนน้องชายของเขาเขียนหนังสือเมื่อเห็นนางกำนัลทั้งสอง

นำขนมมามือเล็กรีบแย่งจานขนมมาไว้ที่ตนหลี่จวิ้น นำเข็มเหล็ก

ขึ้นมาทดสอบพิษ มือบางของนางกำนัลอ่อนแรงทำถ้วยขนมตกแตกดัง

เพล้งงงงง...... เรียกความสนใจขององครักษ์หน้าตำหนัก

“ ขนมของน้องข้ามีพิษ ทหารจับนางชั่วสองคนนี้ตามข้าไป

เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ” 

หลี่จวิ้นออกคำสั่งทหารมากมายต่างตกใจก่อนจะรีบจับตัวนางกำนัลทั้งสองไว้

“ ไม่นะ!!องค์ชายเพคะบ่าวไม่ได้ตั้งใจนะเพคะองค์ชายได้โปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย ” 

นางกำนัลคนหนึ่งร้องไห้ก้มลงกราบนางคิดเพียงว่าองค์ชาย

เป็นเพียงเด็กไม่ประสา 7-8 ขวบไหนเลยจะฉลาดรู้เรื่องพิษเยี่ยงนี้

“ บ่าวถูกบังคับองค์ชายไว้ชีวิตบ่าวด้วย” 

เสียงอ้อนวอนของนางกำนัลอีกคนเตือนสติของหลี่จวิ้น 

(จริงสิ ตอนที่พวกนางคุยกันเหมือนว่านางกำนัลคนนี้จะถูกข่มขู่จริงๆ )

หลี่จวิ้นคิดทบทวน

*ยามเหม่า เท่ากับ 05.00-07.00

 

ฉึกลูกธนูพุ่งออกมาจากที่ลับปักเข้าที่กลางอกของนางกำนัลทั้งสอง 

“คุ้มกันองค์ชาย ” 

เสียงเหล่าองครักษ์รักษาพระองค์ร้องตระโกนผู้คนในตำหนักต่างวิ่งหนีเหล่านางกำนัลบางคนวิ่งบางคนหมอบกับพื้น

 

นับแต่นั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าชีวิตในวังหลวงแทบทุกที่ไร้ซึ่งที่ปลอดภัย

ถ้าอยากมีชีวิตรอดเขาต้องตั้งใจให้มากกว่านี้ เพื่อน้องชายของเขา

และตัวเขาเองเขาจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียน โดยเฉพาะเรื่องการแพทย์

ตำรับยารักษา ยาพิษ การเดินหมาก รวมถึงตำราสงคราม

เมื่ออายุสิบสองปีเขาได้ส่งจดหมายลับฉบับหนึ่งไปให้กับอูอันโหว

ท่านตาของเขาเพื่อเชิญท่านอาจารย์ จากเหล่าศิษย์ของอี้เทียน

นักกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ให้มาสอนเพลงกระบี่ให้

เขาแต่ใครเล่าจะคิดว่าคนที่มาหาใช่เพียงศิษย์ของอี้เทียนไม่

กลับเป็นท่านอาจารย์ของอี้เทียน หรือก็คือท่านปรมาจารย์นักพรต

ผู้เร้นกายในหุบเขาเหมันต์ หุบเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี

เป็นที่ๆสิ่งมีชีวิตยากที่จะดำรงอยู่

 

“ ถ้าเจ้าต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเจ้า ต้องแลกมาด้วยสิ่งหนึ่งที่คุ้มค่ากว่ากันเสมอ จำเอาไว้หลี่จวิ้น...หากเจ้าอยากแข็งแกร่งกว่านี้ เจ้าต้องอดทนให้มากขึ้นไปอีก ”  

ท่านนักพรตเอ่ยขึ้นสายตาคมมองดูลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังฝึกควบคุมพลังปราณในตัว

“ ข้าอยากแข็งแกร่งเพื่อปกป้องน้องชายข้าข้าจะไม่ยอมให้ใคร มาทำร้ายน้องชายข้าได้อีก ” หลี่จวิ้นตอบรับ 

“ ดีมากศิษย์ข้า ”

 

ปัจจุบัน

“ องค์รัชทายาทพะย่ะค่ะกระหม่อมไปสืบมาแล้ว ทั้งสองคนเป็นคนที่

ฝ่าบาทส่งมาคุ้มกันองค์ชายรอง ” 

เฟิงหลินเข้ามารายงานด้วยความที่เขาเป็นศิษย์หลานของอี้เทียน

ดังนั้นวิชาสะกดรอยจึงชำนาญต่อให้อีกฝ่ายเป็นองครักษ์เงา

ผู้ซึ่งถนัดวิชาหลบซ่อนแต่การหาร่อยรอยสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องยาก

“ เจ้าไปกับข้าเอากระบี่ของเจ้าไปด้วยคอยฟังสัญญาณจากข้า ”

“ พ่ะย่ะค่ะ ”

          ร่างสูงในชุดคลุมยาวสีเหลืองอ่อนปักลายมังกรใบหน้างดงาม

ผิวขาวดั่งหยวกกล้วย แต่ร่างกายกลับไม่บอบบางเช่นหน้าตา ด้วยความเขาที่ฝึกวิทยายุทธ์ทำให้เขาดูสมเป็นบุรุษ มากกว่าองค์ชายคนอื่นที่วันๆเอาแต่อยู่ในวังหลวงหลี่จวิ้นเดินไปพรางมือขวาโบกพัดไป รอยยิ้มที่ผู้คนเห็นต่างหลงใหล ไม่เคยหายไปจากใบหน้านี้มองจากที่ไกล คล้ายกับบัณฑิตจากสำนักศึกษาหลวงมากกว่า

            ข้างกายของหลี่จวิ้น มีร่างขององครักษ์ในชุดผ้าไหมสีดำดูทะมัดทะแมงบนศรีษะปักปิ่นเงิน บนปิ่นมีลักษณะคล้ายคลึงกับดอกบัว

ชนิดหนึ่งที่เอวมีกระบี่นาม ‘’ เหรินอี้ ‘’เหน็บไว้มือขวากุมด้ามกระบี่

เตรียมชักทุกเมื่อรอบตัวผุดรังสีเย็นยะเยือกแม้นคนผู้นี้จะหน้าตาไม่เลว

ในสายตาของเหล่านางกำนัล แต่จะมีสตรีคนใดกล้าที่จะแหย่เสือหลับหากแหย่ไปแล้วเสือแค่ขู่คำรามคงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าหากตะปรบเล่าชีวิตน้อยๆ คงได้ไปพบยมบาลในเร็ววัน

“ องค์รัชทายาท ”

นางกำนัลหน้าตำหนักย่อตัวแสดงความเคารพ แต่เดิมนางผู้นี้อยู่ที่ตำหนักบูรพา คอยรับใช้รัชทายาท ต่อมาเพราะเรื่องเมื่อหลายวันก่อนทำให้หลี่จวิ้นตัดสินใจย้ายนางมาที่ตำหนักเฉิงหยางฝู่

แม้นจะเป็นบุตรของฮ่องเต้แต่.. ฐานะขององค์ชายจะเทียบกับผู้นั่งบัลลังก์มังกรคนต่อไปอย่างรัชทายาทได้อย่างไร ? ดังนั้นเมื่อฐานะที่ต่างกันความสะดวกสบายในตำหนักย่อมต่างกัน 

( นกน้อยมักเลือกต้นไม้ทำรัง ) 

หากนางเลือกได้คงกราบทูลกับคนเบื้องหน้าว่า นางขออยู่ที่ตำหนักบูรพาได้หรือไม่ แต่นางเป็นเพียงสาวใช้ไหนเลยจะปฎิเสธได้ ยังดีที่หลี่จวิ้นไม่ใช่คนโหดเหี้ยมเหมือนองค์ชายสมัยก่อนที่ชอบฆ่าฟันแย่งบัลลังก์กับพี่น้องหากแต่เป็นคนใจกว้างรักพี่น้องยิ่งที่นางย้ายมาที่นี่

หนึ่งคอยรับใช้องค์ชายรอง 

สองคอยเป็นหูเป็นตาให้องค์รัชทายาท

ทำให้นางไม่ลำบากนัก คนขององค์ชายยังคอยส่งเงินหลายตำลึง ผ้าแพรหลายพับมาให้นางทำให้นางมีหน้ามีตาในตำหนักแห่งนี้

“ เวลานี้องค์ชายรองกำลังทำสิ่งใด ” 

หลี่จวิ้นเอ่ยถามเสียงเบาเพียงเพื่อไม่ต้องการให้คนด้านในตำหนักได้ยิน

นางกำนัลคนนี้เป็นคนฉลาดเมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้องการให้คนอื่น

รู้จึงตอบกลับเสียงเบาลง

“ กำลังอ่านตำราเพคะ ” 

ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า

“ น้องข้าหายดีแล้วรึ? ”

“ เพคะ หมอหลวงบอกว่าทรงอาการดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอเพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ทำให้ยังถูกฤทธิ์เย็นอยู่ต้องคอยเสวยยา ที่ท่านหมอจัดไว้ให้เพคะ ”

หลี่จวิ้นเหลือบมองไปที่เฟิงหลินเพียงแวบหนึ่ง เฟิงหลินพยักหน้ารับพร้อมล้วงหยิบถุงเงินให้แก่นางกำนัล หลี่จวิ้นโบกมือส่งสัญญาณให้นางกำนัลหลบออกไป พร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณให้ร่างสูงของเฟิงหลินลงมือ 

7 วันก่อนร่างขององค์ชายรองน้องชายของเขาถูกพบอยู่ในสระบัว

ที่สวนอุทยานเขาโกรธจัดเร่งสืบสาวตัวคนทำ จนจับขันทีปลอมได้หนึ่งคนแต่จนป่านนี้ มันก็ยังไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนสั่ง หลังจากนั้นเขาจึงส่งนางกำนัลที่ไว้ใจได้สองคนทมาคอยดูแลน้องรองและคอยรายงานคนน่าสงสัยให้เขารู้เป็นระยะ

ร่างสูงของเฟิงหลินแอบลอบเข้าไปในตำหนักทางหน้าต่างสองเท้าย่ำบนพื้นสายตาเหลือบมองร่างขององค์ชายรอง ที่กำนัลง่วงกับการอ่านตำราในมือพรางเสาะหาร่างขององครักษ์เงาที่ฝ่าบาทส่งมา

ชิ้งงงงง...... เคร้ง.....

เสียงกระบี่ปะทะกันหนึ่งกระบี่ของเฟิงหลินปะทะกับกระบี่

ของคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนร่างสูงสองคนชักดาบสู้กันพัลวัน 

“ เห้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ” 

หลี่เซวียนที่บัดนี้เพิ่งอายุได้ 18 ปีร้องตกใจพรางไปหลบ

หลังโต๊ะหนังสือร่างของรัชทายาทสาวเท้าเข้ามาในตำหนัก

ด้วยท่าทียิ้มแย้มในมือโบกพัดเยี่ยงสตรีก็ไม่ปานหลี่จวิ้นเห็น

น้องชายหลบหลังโต๊ะก็ยิ้มสรวล

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา