The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) -เยอบีร่า-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-วันที่ 7 ผู้สรรค์สร้างพักผ่อน ทอดพระเนตรผลงานชิ้นโบแดง หวนคืนสู่สุขสงบ-
เช้านี้หมอประกาศข่าวดี พรุ่งนี้ให้คนไข้กลับบ้านได้
เอเดลไม่อยู่ เธอติดแก้ทัณฑ์บนหลังแอบโดดเรียนมาเฝ้าน้องชายทั้งสัปดาห์ ส่วนลีโอขอปลีกตัวไปทำกิจกรรมชมรมและอาสาช่วยกระจายข่าวเรื่อง
ทวิตซ์ให้ เหลือแค่ฉันนั่งจ๋องข้างเตียง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ‘เด็กชายทวิตซ์’ แทนทุกคน
ลูกรักพระเจ้าแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรสึกหรอนอกจากความทรงจำ
ทวิตซ์ฟื้นตัวเร็วมาก ทิ้งคราบคนป่วยติดเตียง 6 วันในชั่วข้ามคืน สุขภาพจิตดีเยี่ยม ซุกซน ร่าเริง ขี้สงสัย แถมกวนโอ๊ยคูณสิบ = =*
ฉันเพิ่งเคยเจอคนเพี้ยนที่สนุกตื่นเต้นกับภาวะความจำเสื่อม เผลอๆ ดูมีความสุขกว่าเดิมด้วยซ้ำ
…ที่ผ่านมาชีวิตนายมันเศร้าหมองมากเลยสินะ?
ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนไม่เครียดก็ดีอยู่หรอก…
เพราะการสูญเสียความทรงจำเป็นปริศนาแฟนตาซี แม้แต่หมอเองยังไม่กล้าฟันธง จึงไม่มีอะไรรับประกันว่า ทวิตซ์จะกลับมาจำได้อีกครั้ง
ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง สมองเปรียบเสมือนผู้ดูแลโกดังแห่งความทรงจำ มีหน้าที่เก็บรักษา จัดเรียง ค้นหาและใช้งาน เมื่อโกดังเกิดชำรุด
เสียหาย ไม่มีทางรู้เลยว่า สมองจะสามารถกู้คืนซากกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน อย่างร้ายความทรงจำเหล่านั้น อาจหายไปตลอดกาล
…
ฉันไม่หวังอะไรมากหรอก…
สมใจอยากแล้วหนิ เห็นทวิตซ์มีความสุข ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน นั่นคือสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรอ?
ในเมื่อความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของเราปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ ต่อให้ความทรงจำกลับมา ผลลัพธ์คงไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี
“มองแบบนี้อีกแล้ว ไม่สบอารมณ์เลย”
น้ำเสียงหงุดหงิดของพ่อหนุ่มผมเงิน ฉุดฉันหลุดจากภวังค์
แย่ล่ะ เผลอจ้องหน้าเค้าเพลินอีกแล้ว o///o
ฟึ่บ
หน้าแดงก่ำนั่งก้มงุดมองเข่าตัดปัญหา
น่าอายจัง…ช่วงนี้นอนน้อยไปสินะ ถึงชอบเหม่อเอ๋อควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่เรื่อย
สติ! สติ! สติ!
“…หน้าฉันเหมือนแฟนเก่าเธอรึไง?”
เสียงทุ้มค่อนแซะ ทำเอาสติที่พยายามเรียกคืนหนีเตลิด
ไม่ใช่แค่เหมือน แต่ใช่เลยต่างหาก!
“เฮ้อ อิรุงตุงนัง”
คนหัวเสียถอนหายใจตัดพ้อต่อไม่เลิก
สายตาสีครามทอดมองหน้าจอมือถือเครื่องเก่าบี้บุบที่เหลือรอดอย่างปาฏิหาริย์ ปากบ่นพึมพำเซ็งจิต
“…รักสามเส้ารึไง?”
คิดได้เนอะ จินตนาการปรุงแต่งล้ำเลิศจริงพ่อคุณ =o=
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ…หรือไอ้เศษเหล็กต้องสงสัยนั่น จะมีอะไรเกี่ยวกับฉัน!?
ชึบ
ผู้พิทักษ์ความลับ ยกมือถือชูสูงเกินเอื้อม กรีดยิ้มเยาะยียวนกวนบาทา
“อยากดูหรอ?”
ใบหน้าพลันร้อนผ่าว รู้สึกอับอายเสียศักดิ์ศรี เพราะดันเผยไต๋ทำสายตาซอกแซกให้เค้าจับได้
อยากรู้ชะมัด ในนั้นมีอะไรกันแน่! ทำไมช่วงนี้นายถึงชอบดูมันนัก แล้วคอมโบมองฉันต่อด้วยสายตาแปลกๆ??
(- -) (_ _) (- -) (_ _)
ฉันพยักหน้าเบาๆ สองที ยอมยกธงขาว
เจ้าชายดอกไม้คลี่ยิ้มพึงพอใจ คิดว่าคงยอมเฉลยแน่
…แต่เปล่าเลย
จึก
นิ้วเรียวจิ้มกลางหน้าผาก ออกแรงผลักเพียงเบาๆ ทำใจสั่น 8 ริกเตอร์ พาร่างรวนซวนเซ
“ไม่-ให้”
ทวิตซ์กดเสียงเข้มเน้นคำ ยิ้มสะใจเยี่ยงผู้ชนะ
“แค่เพื่อนจะมายุ่งกับของส่วนตัวได้ไง”
จึก!
ท่าทีจี้สั่งสอนตั้งกำแพงสูง ช่างเสียดแทงเหมือนโดนมีดปักอกมิดด้าม
ไม่ต้องย้ำ! รู้แล้วย่ะ ‘เฟรนโซน’ ฉันไม่เคยคิดข้ามเส้นซักหน่อย! แค่สงสัยเท่านั้นเอง
…จริงๆ นะ
…
ดวงตาสีฟ้าจ้องสะกดส่งผลต่อใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกคาดเดายาก
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เราจ้องกันพักใหญ่ กระทั่งน้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทำลายความเงียบงันราวกับมีพลังอ่านใจ
“ถ้าอยากได้…ก็เป็นมากกว่านี้สิ”
ตึกตักๆๆ!
หัวใจเต้นแรงโครมคราม เตือนให้ฉันรีบสะบัดหน้าหนี ก่อนหลุดโชว์แก้มแดงเป็นตูดลิงให้เค้าล้อต่อไม่เลิก
เจ้าศักดิ์ศรีน้อยนิดเท่าหางอึ่งเข้าสั่งการ แผดเสียงลั่นทำโมโหกลบเกลื่อน
“ฝันไปเถอะ!!!”
ทวิตซ์หัวเราะคิกคักแซวสนุกสนาน
“โว้~ ทั้งที่ชอบมองเหมือนอยากงาบฉันแท้ๆ ^^+”
หน็อย! ไอ้หมอนี่มันปีศาจผู้ชำนาญด้านการปั่นประสาทชัดๆ!!!
“คะ ใครก็มองนายแบบนี้ทั้งนั้นแหละ!”
ฉันตะกุกตะกักแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แทนสายตาทรพีที่ถูกเสียบประจาน
ถึงขั้นชมอ้อมๆ ว่าหล่อแล้ว…นายช่วยเมตตาทำเป็นเหลิง แกล้งเมินมันไปที! T\\T
ทวิตซ์ลอบชักสีหน้าไม่พอใจในคำตอบเมื่อครู่ ก่อนกระตุกยิ้มร้าย
แปะๆ
ร่างสูงเจ้าเล่ห์ในชุดผู้ป่วยสีฟ้าอ่อนตบฟูกยั่ว ชวนขึ้นเตียงหน้าด้านๆ
“มานี่มา~”
ไปให้โง่สิย๊ะ!!!
“กำไรล้วนๆ ไม่ขาดทุนหรอกคร้าบ~”
ทวิตซ์หว่านน้ำเสียงเซ็กซี่ฮาร์ดเซลล์ล่อเหยื่อ ดูท่าต้องเอาหัวโหม่งกำแพงซักสิบรอบถึงต้านทานเสน่ห์แพรวพราวนี้ได้
ตานี่เคยป่วยติดเตียงจริงหรอ…หุ่นแซ่บลืม
อ๊ะ ไอ้ตาทรยศ! แกโฟกัสผิดจุดอีกแล้วนะ! >\\\<
“เลิกเล่นได้แล้ว!”
เยี่ยมมากปากกล้าลูกแม่! ไม่ได้แกฉันคงกลายเป็นยัยหื่นสมบูรณ์แบบ
“เอาจริงนะ อยากพิสูจน์อะไรหน่อย”
ท่าทีจริงจังเปลี่ยนบรรยากาศ เอียงคอมองรอคำตอบ
“เหอะน่า พอรู้แล้ว ฉันจะไม่กวนใจเธออีกเลย”
เจ้าชายดอกไม้คลายยิ้มบางผ่อนแรงกดดัน ยื่นข้อเสนอขอความสมัครใจ
และฉันมักพ่ายแพ้ลูกล่อแบบนี้ซะด้วยสิ…
ปุบ
สาวน้อยแสนเชื่องยอมทิ้งตัวนั่งจุ้มปุ๊กข้างชายฉกรรจ์อัตโนมัติ
เกลียดตัวเองจริงเชียว…เหมือนทุกอย่างไม่เชื่อฟังสมอง ทำไมฉันไม่หนีไปซะ? วิ่งหน้าตั้งสี่คูณร้อยออกจากห้องก็จบแล้ว -*-
ฟึ่บ
มือหนาดับแสงตัดประสาทสัมผัส ปิดดวงตาเจ้าปัญหา
“ทำอะไรของนาย…?”
ฉันเอ่ยถามตะหงิดใจ พยายามมองโลกในแง่ดี
ไม่หรอกมั้ง นี่โรงพยาบาล เพิ่งหายดีหมาดๆ นายคงไม่คิดทำอะไรแผลงๆ…ใช่มั้ย?
“คราวนี้เธอก็มองไม่เห็นฉันแล้ว”
ประโยคเสียดสีท้าทาย GAT เชื่อมโยง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ช่วยบอกใบ้ให้ฉันเข้าใจ
“อ่า”
นี่คือการแก้แค้นสินะ เค้าไม่ชอบที่ฉันพูดก่อนหน้านี้จริงๆ
…แล้วมันยังไงล่ะ?
ถึงตาบอดฉันก็ยังสัมผัสได้ว่าเป็นนาย…จากฝ่ามืออบอุ่น เสียงนุ่มนวลชวนใจสั่น อุณภูมิร่างกายแผ่ซ่าน กลิ่นฮอร์โมนดอกไม้พุ่งพล่านหลับใหลใต้ไอ
ดินเจือยาขมเฝื่อนคอ และจังหวะหายใจหอบถี่…
เอ๊ะ ชักแปลกๆ ละนะ
“ชอบ…มาร์ชเมลโล่มั้ย?”
น้ำเสียงแผ่วกระซิบเว้นลากช่องไฟ ก่อนเติมเต็มประโยคน่าฉงน
ลมหายใจรวยรินราดรดหน้า พาสติล่องลอยหลงลืมคำถาม
“…อื้อ!”
ปริศนาถูกเฉลยทันที พร้อมเสียงสะดุ้งในลำคอ เมื่อได้ลิ้มชิมรสหวานละมุนลนไฟแสนอ่อนนุ่มแทบหลอมละลายในปาก กลิ่นกายเนื้อหอมกรุ่นน่า
หลงใหลนัวเนียเร่งเร้าให้ปล่อยใจตามสัญชาตญาณ
สัมผัสลิ้นชวนเคลิบเคลิ้มพาน้ำเชื่อมชุ่มหวานไหลหลั่งลงคอ ทำท้องไส้ปั่นป่วนร้อนรุ่มเหมือนมีฝูงผีเสื้อไฟโบยบิน ทั้งสมองและร่างกายอ่อนยวบไร้
แรงต้านไม่ต่างจากมาร์ชเมลโล่
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
…เป็นครั้งแรกที่ฉันภาวนาให้หัวใจเต้นดังพอ เพื่ิอกลบเสียงลามกจากริมฝีปากหนุบหนับเด่นชัดท่ามกลางความมืด
ห้วงเวลาขนมหวานสิ้นสุดลง ทวิตซ์ถอนจูบออกเนิบนาบ นิ้วอุ่นนุ่มนวลบรรจงปาดเช็ดริมฝีปากให้อย่างอ้อยอิ่ง เสี่ยวกระซิบติดกระเส่า
“…หวานจัง”
มือใหญ่ซึมเหงื่อชื้นคลายออก เผยให้เห็นอัญมณีคู่สวยสีฟ้าฉ่ำวาวใต้แพขนตาหนา เลือดฝาดสูบฉีดขึ้นใบหน้าแดงระเรื่อ
“ฉันชอบนะ”
ตึกตักๆๆๆ!
ดั่งคาถาเสกสั่งใจเต้นระรัว ตราตรึงกายให้ระทวย
“ยูแช…”
ร่างสูงเอ่ยเรียกง่ายดายด้วยน้ำเสียงกึ่งครางราวกับเป็นคำติดปาก
สมองเจ้ากรรมกู้คืนชื่อฉันได้สำเร็จ…แต่มันดันลืมเอาสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าติดมือกลับมาด้วยอย่างไม่น่าให้อภัย
นิ้วเรียวเล่นปูไต่ขึ้นขา แววตาโหยหาสื่อชัด เค้ากำลังใช้ ‘หัวล่าง’ มากกว่า ‘หัวใจ’
นี่แหละความจริง ตรงหน้าฉันคือ ‘ปีศาจหื่นกระหายแฝงกาย’ ไม่ใช่ ‘เจ้าชาย’
ฝันไปเหอะ!! ฉันไม่มีวันยอมลดสถานะเป็นหมาตัวเมียหรอกย่ะ!!!
นายไม่ใช่ ‘ทวิตซ์ของฉัน’! แค่หน้าเหมือนเค้า อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้นะไอ้หื่น!!!
หมับ!
มือเล็กพิฆาตหยุดปูน้อยติดสัด สายตาเย็นชาปลิดชีพจร ทำเอาคนตรงหน้านิ่งชะงัก
“…”
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะห้องของหญิงสาวร่างบางผมสีคาราเมล ยืนกอดอกพิงกรอบประตู ดังขัดสงครามปราบมาร
วะ หวาน!!! O///O
เธออยู่ตรงนั้นตั้งแน่เมื่อไหร่?! ทันเห็นฉากโจ๋งครึ่มรึเปล่า???
“เสร็จกิจรึยัง? ฉันมีเรื่องต้องคุย”
เสียงใสค่อนแซะและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแผ่ออร่าพยาบาทแทนคำตอบ ทำฉันอายก้มหน้างุดดิน
ทำไมต้องเป็นอีหรอบนี้ทุกที! T//T
“เข้ามาสิ”
เจ้าห้องตอบเสียงเรียบไม่เหลียวมอง ในขณะที่ปลายนิ้วอุ่นช่วยปาดเก็บไรผมตกระหน้าตามนิสัย
อ่า…ฉันควรย้ายก้นออกจากเตียงได้แล้ว ก่อนที่หวานจะกินหัว
“สอง-ต่อ-สอง”
น้ำเสียงใสกดต่ำเน้นย้ำเร่งขับไล่ทางอ้อม
เห็นด้วยทุกประตู ฉันควรออกจากห้อง
…ไม่ก็ออกไปจากชีวิตเค้าได้ยิ่งดี
หมับ!
มือใหญ่จับหมับรั้งไว้ จ้องมองด้วยสายตาลูกหมาออดอ้อนน่าสงสาร…
เอ่อะ นายทำแบบนี้แล้วฉันจะทิ้งลงได้ยังไง๊!? ToT~
“เฮ้อ…ขอแค่ 10 นาทีจ้ะ เป็นเรื่องงาน”
หวานถอนหายใจใส่เจ้าเด็กดื้อ ใบหน้าราบเรียบยืนยันหนักแน่น
ฉันชิงสะบัดมือออกทีเผลอ เกิดความรู้สึกผิดเข้าถาโถมในใจเหมือนเพิ่งเอาหมาไปปล่อยวัด
ทวิตซ์นอยจัด แต่ไม่วายส่งยิ้มให้ก่อนจากลา พร้อมสายตาละห้อย
โธ่ พ่อดราม่าคิง! นายไม่เป็นฮาจิโกะเฝ้าชิบูย่าหรอกน่า เดี๋ยวฉันก็กลับ! -*-
…
ฉันถือโอกาสเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ทรุดตัวลงตรงม้านั่งทำเลทองในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้โรงพยาบาล ปล่อยใจเพ้อล่องลอย
ไม่รู้ทำไมเซ้นส์ผู้หญิงของฉันถึงไม่เคยทำงานกับหวานเลย ทั้งที่รู้ว่าเธอชอบทวิตซ์
เพราะเธอแสดงออกตรงๆ หรอ? หรือเพราะรู้ว่าอีตาทวิตซ์เป็นพวกมาโซคิสม์กลัวความรัก?
เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันไม่รู้สึกหึงเลยซักนิด
แคว่ก~
ฉันฉีกซองขนมเยี่ยมไข้ใกล้บูดที่พกติดมือมากินรองท้องฆ่าเวลา
“…แค่กๆ”
แหวะ! สตอเบอรี่นี่หว่า -*-
ชาติก่อนฉันไปเผาดงโคตรเหง้าสตอเบอรี่มารึไง? มันจะตามจองล้างจองผลาญอะไรกันนักหนา!?
เฮ้อ..เบลอจัด
อืม หรือที่ไม่หึงเพราะกำลังอ๊อง ไร้เรี่ยวแรงไปสู้รบปรบมือกับใครในสนามรัก?
หรือเพราะเราเลิกกันแล้ว และเค้าไม่ใช่ทวิตซ์คนเดิม?
แล้วทำไมถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ซักที…
.
-20 นาทีผ่านไป-
“ยูแช~”
ทวิตซ์พุ่งเข้ากอดรัดแน่นทันทีที่เห็นฉัน
สาบานว่าความจำเสื่อม! ทำไมมันเดจาวูจัง - -*
“แค่ ‘ยู’ พอ”
ฉันใช้เสียงเย็นชา พยายามก่อกำแพงขีดเส้นแบ่งเขตความสัมพันธ์ มือผลักดันร่างกำยำออกสุดแรงม้า
ให้ตายสิ…ไม่เขยื้อนเลยซักมิลฯ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
นั่นล่ะ โดนเข้าแล้วไง =\\=
เพราะใช้แรงมากเกินไปจนเริ่มหอบ เลยเผลอสูดกลิ่นหอมเย้ายวนเข้าปอดเต็มๆ
“ไม่เอาอะ ไม่ชินปาก อืม…แต่ถ้าให้เรียกแบบอื่นก็น่าสน”
คนเอาแต่ใจด้านได้อายอดโดดข้ามกำแพงหน้าตาเฉย คัดสรรคำเรียกคู่รักสุดเลี่ยน จัดเสิร์ฟด้วยน้ำเสียงสยิวกิ้วจั๊กจี้ใบหู
“ดาร์ลิ้ง ฮันนี่ เบ๊บ มายเดียร์ สวีทฮาร์ต อะไรดีน้า~”
“ไม่เอาทั้งนั้นแหละย่ะ!”
“งั้นก็ ยู-แช”
ปีศาจหัวเงินปิดจบยื่นคำขาด
เออ เอาที่สบายใจเลยย่ะ =*= ฉันล่ะสุดจะต่อกรกับไอ้คนดื้อด้านอย่างนายจริงๆ!
“ปล่อยได้รึยัง?”
เรียนเพื่อทราบ ตอนนี้เรายังกอดกันกลมดิ๊กอยู่นะ -\\-
“ฉันว่าความสัมพันธ์เราซับซ้อนแล้ว…กับหวานยิ่งพิลึกกว่าอีก”
อีตานี่ไม่สนใจ เริ่มพล่ามเรื่องผู้หญิงสารภาพบาปให้ฟังอีกแล้ว โถ่เอ้ยชีวิต!
“ไม่ใช่ทั้งเพื่อน คู่ค้า หรือคนรัก แต่เป็น ‘เซฟโซน’”
เดี๋ยวก่อน ทำไมสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ‘จิตแพทย์’ ล่ะ
อือ นักบำบัดโซน…?
“ไม่มีอะไรให้หึงหรอกนะ”
เสียงหนักแน่นข้างหูผสมรวมไออุ่นทำใจสั่นไหว
“ฉันก็ไม่ได้หึงซะหน่อย!”
อวัยวะดีเด่นแห่งปีขอยกให้ปากเก่ง ที่สามารถใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดกลบความเขินสำเร็จ
.
ค่ำคืนสองต่อสองในห้องสีขาวโพลนไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น นอกจากมุกเสี่ยวเกี่ยวใจของสุภาพบุรุษผมเงินที่ยอมสละเตียงให้ฉัน แล้วย้ายถิ่นไปนอน
โซฟาแทน
ถ้าถามว่าทำไมยังไม่กลับ เพราะลึกๆ ยังแอบห่วงและรู้สึกผิดอยู่น่ะสิ ที่เคยพลาดมาหาเค้าช้ากว่าใคร…
พรุ่งนี้คุณอาชวนกินข้าวด้้วย ซึ่งฉันตอบตกลง
อยากใช้โอกาสนี้ขอโทษเค้าซักครั้ง ที่คราวก่อนเสียมารยาทปุบปับไปโดยไม่ลา
ฉันได้แต่หวังว่าพอเคลียร์ปมในใจจนหมดแล้ว ความรู้สึกผูกติดเหนียวแน่นนี้ จะค่่อยๆ จางหาย
.
-วันต่อมา-
หลังจัดการเคลียร์ข้าวของเรียบร้อย เราพากันขึ้นราชรถที่คุณอาส่งมาเกยก่อนเวลา 4 ชั่วโมง
ดูท่านิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิสจะถ่ายทอดผ่านกรรมพันธุ์ เค้าถึงเผื่อเวลาไว้เหลือเฟือขนาดนี้
พอถึงบ้านปุ๊บ เด็กชายทวิตซ์ก็เริ่มงอแงบ่นอุบอิบ
“ฉันไม่ชอบที่นี่เลยอะ”
ประทานโทษ นี่บ้านนายนะยะ - -* ไหงทำหน้าเหมือนอยากกลับไปนอนโรงบาล
เดี๋ยว! แล้วนายจะไปไหนน่ะ?? นั่นไม่ใช่ทางไปห้องอาหารนะ!
ฉันรับบทพี่เลี้ยงเกาะติดเร่งฝีเท้าไล่หลังนักสำรวจร่างสูง ผู้ใช้ความสงสัยนำทางแทนแผนที่ มุ่งเดินปร๋อตามสัญชาตญาณ
“…ห้องฉันเอง”
เสียงทุ้มต่ำพึมพำหน้าประตูบานหนึ่งก่อนเปิดบุก บุ่มบ่ามคว้ามือฉันเข้าไปร่วมขบวนการย่องเบา
ไม่สิ บ้านนายนี่นา ไม่นับว่าบุกรุกหรอกมั้ง?
กลิ่นหอมคุ้นเคยตีขึ้นจมูก บ่งบอกถึงหนุ่มเจ้าของห้องหน้าสวย มองแค่ตาเปล่ายิ่งรู้ได้ทันที ด้วยคอนเซปต์ระบุตัวตน ‘ตัวเปล่าเล่าเปลือย’ เป็นระเบียบ
สะอาด เน้นโล่งตาไว้ก่อน
ห้องเรียบหรูโทนขาวดำแทบไร้ของตกแต่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ดำรงชีพ เตียง โต๊ะ กระจก ตู้เสื้อผ้า โน้ตบุ๊ค และหนังสืออีก 2-3 เล่ม หน้าต่างบาน
ใหญ่ติดม่านเทาเปิดรับแสงแดดธรรมชาติ สาดส่องดอกไม้งามสดใสสีม่วงในแจกันคริสตัล
สิ่งแรกที่ทวิตซ์ตัดสินใจทำไม่ใช่การรื้อค้นไปเรื่อย เขายกหูยิงตรงหาพี่สาวทันที แถมใจดีเปิดลำโพงให้ฉันฟังด้วย
“ในห้องผมมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่รึเปล่า?”
คำเลี่ยงบาลีทำฉันเริ่มคิด…
สิ่งที่นายตามหาคงไม่ใช่หนังสือโป๊ใช่มั้ย? =o=;;
[อ๋อ~ Pocket Locket ก็อยู่ใต้เตียงไง]
น้ำเสียงสนุกสนานปลายสายตอบกลับ ต่อด้วยกัดฟันเกริ่นเรื่องราวปนระบายซึมเศร้า สบถเกรี้ยวกราด ก่อนตัดสายฉุกละหุกสั่งลาด้วยสำเนียงฝรั่งเศส
สุดเซ็กซี่…ไบโพล่าห์พุ่งครบทุกอารมณ์
[นายเล่นเปลี่ยนรหัสตลอด เป็นความลับเดียวในบ้านที่ฉันไม่รู้ เราเคยตีกันแทบตาย…ทั้งที่ไอ้กล่องเวรตะไลนั่น! เพิ่งงอกแค่ 3 ปี!!! อ๊ะ แค่นี้ก่อนนะ
นังครูเฒ่ามาแล้ว…อ้อ ระวังไฟช็อตด้วยล่ะ Bisous Bisous~]
ติ๊ด
เห็นภาพเลย…ถ้าอีตาทวิตซ์เป็นผู้หญิงคงอารมณ์แปรปรวนประมาณนี้สินะ =o=;;
“อืม…ปริศนาอะไรกันนะ แม้แต่คนฉลาดและจุ้นจ้านอย่างเอเดลยังไขไม่ได้ ถ้ากล้าเปลี่ยนรหัสบ่อยทั้งที่เป็นของสำคัญ…มันต้องมีทริคกันเหนียวสิ”
ทวิตซ์เริ่มพึมพำทำท่าจับคางครุ่นคิดอีกครั้ง
แววตาเปล่งประกาย ฉีกยิ้มกว้างท้าทาย สนุกสนานกับการเล่นเป็นนักสืบ
ส่วนฉันหรอ? รับบทตัวประกอบตกแต่งแบล็คกราว =_=^
ดวงตาแซฟไฟร์กวาดสำรวจเล่นเกมจับผิดภาพ
“เพอร์เฟ็กชั่นนิสไม่น่ายอมเอาของไร้ประโยชน์เกะกะตาอย่างดอกไม้ มาวางไว้ในห้องง่ายๆ นี่นา…ต่อให้เป็นของตกแต่งก็เถอะ”
ฝีเท้ามั่นคงย่างเข้าใกล้ดอกไม้งามริมหน้าต่าง นิ่งจดจ้อง เอ่ยขานชื่อคุ้นเคย
“เยอบีร่า”
น้ำเสียงทุ้มต่ำสาธยาย วิเคราะห์วัตถุพยานอย่างละเอียด
“หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ แทบไร้กลิ่น ให้ความรักและความสุขนำทาง…”
ใบหน้าสวยเริ่มขมวดคิ้วเหมือนเจอทางตัน
หวี่~
กระทั่งพยานบุคคลอย่างผึ้งเหลืองตัวน้อยแวะผ่านทาง หยุดเกาะเกสรสีสดใส
“ฮ่าๆๆ”
ทวิตซ์เค่นหัวเราะขำท้องแข็ง
อะไร? นี่ฉันอยู่โรงบาลบ้าหรอ??
ตาเพี้ยนนี่จู่ๆ ก็หัวเราะ สมองกระทบกระเทือนซ้ำซ้อนรึไง?
หนุ่มผมเงินสังเกตเห็นสีหน้างงเต็กของฉัน จึงเมตตาแจกแจงให้ฟัง เปิดคาบเรียนชีววิทยาโดยศาสตราจารย์ทวิตซ์ผู้คว่ำหวอดในวงการน้ำหอม
“เธอรู้มั้ยว่าดอกไม้แทบทุกชนิดส่องแสงได้ ^^”
รอยยิ้มเริงร่าดึงดูดให้อยากมีส่วนร่วม
ฉันส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ
“ประสาทสัมผัสของแมลงแตกต่างจากมนุษย์ พวกมันสามารถรับรู้ถึงเกสรดอกไม้ได้แม้ไร้กลิ่น เพราะมองเห็นแสงยูวีที่ดอกไม้เจ้าเล่ห์สร้างขึ้นโดย
เฉพาะ เพื่อหลอกล่อให้ผึ้งน้อยช่วยผสมเกสร”
‘My Honeybee’
เสียงเซ็กซี่ของทวิตซ์คนเก่าเล่นซ้ำในหัว
GAT เชื่อมโยงทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง และรู้สึกเข้าใจผึ้งน้อยขึ้นมาเลย
ว่าแต่…มันเกี่ยวอะไรกับการล่าขุมทรัพย์ของนายล่ะ?
“ถ้าสมมุติฐานถูกต้อง ห้องนี้ต้องมีไฟฉายและของเหลวปริศนา”
ทิ้งปมให้งุนงงอีกแล้ว ถึงวันนี้ฉันจะนอนเต็มอิ่ม แต่ไม่ฉลาดพอเข้าใจความคิดอัจฉริยะล้ำโลกนั่นหรอกนะ
ฉะนั้น ขอยืนโง่สวยๆ ละกัน =-=;
ทวิตซ์เริ่มทำการบุกค้นห้องเปิดดูลิ้นชักโต๊ะ ตู้ จนมาจบที่หัวเตียง
มือใหญ่โบกสะบัดไฟฉายเรียกร้องความสนใจอวดโชว์ความสำเร็จ
แค่ไฟฉายเอง พิเศษตรงไหน? ห้องใครก็มีได้เผื่อฉุกเฉินไฟดับ
แป๊กๆๆ
นิ้วเรียวกดปุ่ม 3 ที เปลี่ยนแสงไฟเป็นสีม่วงเข้มดุจดอกเยอบีร่า
ถ้าเดาไม่ผิดมันคือ แสง UV ที่ฉันเคยเห็นตามหนังสืบสวน ใช้สำหรับตรวจสอบคราบของเหลวในที่เกิดเหตุ เพื่อตามล่าตัวฆาตรกร เช่น เลือด น้ำลาย
เหงื่อ และอสุจิ
อี๋!~ อย่าบอกนะว่า ของเหลวปริศนาคือไอ้นั่น!?!
นายคงไม่สกปรกโรคจิตถึงขั้นนั้นหรอก
…ใช่มั้ย??? O///O
“อ๊ะ เดี๋ยวเถอะ! เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง?”
เจ้าชายดอกไม้ชักสีหน้าดุหลังอ่านใจ โยนขวดแก้วปริศนาให้ เล่นเอาแทบรับไม่ทัน
ฉันคลายมือก้มดูขวดใส่ของเหลวลึกลับอย่างไม่ไว้วางใจ ค่อยๆ แหงนมองเขาเหยเกหยะแหยง
คราวนี้ทวิตซ์ไม่ถือสา กลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ
สายตาสีฟ้าอมเทาแสนเอ็นดู ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเฉลยคำตอบ
“น้ำหอมกลิ่นเยอบีร่า”
น้ำสีม่วงใสแพรวพราวไร้มลทิน ไม่น่ามีส่วนผสมประหลาด ท้าทายความกล้าให้เปิดดม
…กลิ่นหอมเจือจาง แทบไม่ต่างจากน้ำเปล่า
ระหว่างที่ฉันมัวแต่ระแวง กล่องเหล็กสีดำด้านขนาดพอๆ กับกระเป๋าถือก็โผล่มาอยู่ในมือทวิตซ์แล้ว
“Pandora's box~”
สองฝาแฝดชอบเล่นคำเปรียบเปรยเหลือเกิน
ฟรึ่บ!
ร่างสูงลุกปิดม่านกันแสงทำห้องทึบทะมึน เหลือเพียงแสงลอดผ่านช่องล่างประตูและไฟฉายที่เขาคาบไว้ในปาก
แสงม่วงคลายความลับ ร่องรอยตกค้างของเยอบีร่าทอแสงเด่นชัดเปล่งประกาย บอกตำแหน่งเลขรหัสบนแม่กุญแจเหล็กกล้า
แกร๊ก
ฝากล่องเปิดออก ทันทีที่นิ้วเรียวเลื่อนกลไกปลดล็อคครบสมบูรณ์
“Oh! La vache~”
พ่อหนุ่มลูกครึ่งหลุดคำอุทานร้าวใจภาษาฝรั่งเศส
ถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่สำเนียงเคลือบแก้วหูช่างเซ็กซี่ขยี้ใจ -\\\-
ปั่บๆ
ทวิตซ์ตบมือสองทีสั่งเปิดไฟเท่ระเบิดระเบ้อ
โอ้โห…สวิตซ์ไฮเทคติดเซนเซอร์รับเสียงนี่สะดวกจริง =0=
ดวงตาคู่สวยทอดมองขุมสมบัติ คลายยิ้มอุ่นละไม…
อะไรกันที่ครอบครองสายตาอ่อนโยนของเค้า?
ฉันเขยิบเข้าใกล้ร่วมวงสำรวจด้วยความสงสัย
ภายในกล่องเต็มไปด้วยแผ่นการ์ดอวยพรวันเกิดแฮนด์เมดหลากสีสันถูกเก็บรักษาอย่างดี ซีลเคลือบพลาสติกใสไม่ผุกร่อนตามกาลเวลา ซึ่งมีเพียง
การ์ดจิ๋วชมพูหวานใบเดียวเท่านัั้น ที่เขาตัดสินใจหยิบขึ้นมาอ่านให้ฟัง
“ขอบคุณ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้…ยูแช”
ร่่างกายของฉันสั่นเทิ้มหลังจบประโยค ก้อนสะอื้นในลำคอไม่อาจเก็บกลั้น แม้จะเอามือฮุบปิดปากแน่น
น้ำตาไหลรื้นชื้นอาบแก้ม
“ฮึก…ฮึก…”
ทวิตซ์โอบกอดปลอบลูบหัวอย่างอ่อนโยน
เค้าจำได้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน…ทั้งที่ฉันเคยขอให้ลืมแท้ๆ
“ฮือออ”
เสียงร้องแสนเศร้าปนตื้นตันถูกปลดปล่อย ความรู้สึกมากมายพรั่งพรูในหัว ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ฉันคิดถึงเค้า…ฉันคิดถึงนายเหลือเกินทวิตซ์
ฉันขอโทษ….แม้ว่านายต้องทุกข์ทรมาน แต่ความเห็นแก่ตัวของฉัน มันดันอยากให้ความทรงจำทั้งหมดนั้น หวนกลับคืนมาเหลือเกิน
ฉันรักนายและคงไม่มีทางเลิกรักได้…ฉันขอโทษจริงๆ
“ยูแช”
เสียงเรียกชื่อคุ้นเคยปลอบประโลมหัวใจ
“ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนหรือตอนนี้…”
เจ้าของมืออุ่นผละจากกอด ถนอมปาดคราบน้ำตาปัดเป่าหยดน้ำพร่ามัว
“ฉันก็ยังชอบเธอ”
คำสารภาพนั้น ทำให้ฉันทั้งดีใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
เจ้ามือถือเศษเหล็กเผยความลับเด่นหราอยู่ตรงหน้า
“ฉันคงเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้หรอก…”
หน้าจอแบนราบปรากฏภาพในความทรงจำ ทำน้ำตายิ่งไหลนองท่วมท้น
…
…..
……..
“หยุด! อย่าขยับ”
ทวิตซ์เล่นสวมบทเป็นคุณตำรวจจับโจร ทำมือเลียนแบบปืนจิ้มหลัง ในขณะที่เค้าพาฉันมาหาทำเลเหมาะๆ เพื่อถ่ายภาพส่งชมรมโฟโต้คลับ
“เล่นอะไรของนาย?”
ฉันสาดเสียงเรียบไม่สนุกด้วย
ทุ่งดอกไม้ที่นายพามาโคตะระร้อนเลย แถมมีแต่ชีเมโจได๋เต็มไปหมด
“เอาจริงนะ เดี๋ยวจะโชว์อะไรเจ๋งๆ ให้ดู”
คำพูดตะล่อมหลอกเด็กใช้ได้ผลดีเสมอ
“แค่นับ 1 2 3 ในใจ แล้วค่อยหันมาพูดชื่อฉันชัดๆ”
“อืม”
ฉันรับปากเล่นด้วย เมื่อได้ฟังกติกาแสนง่าย
“พร้อมน้า~”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชายหนุ่มด้านหลังกำลังรู้สึกสนุกสนานแค่ไหน
1…2…3…
“ทวิตซ์”
แชะ!
“ดูสิ เธอยิ้มสวยมากเลย”
………
…..
…
รอยยิ้มสวยของนายต่างหาก…ที่ฉันไม่เคยลบออกจากใจได้เลย
“ฮึกๆ…”
ฉันเผลอพุ่งเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นอีกครั้ง ซุกหน้าซบอ้อมอกกว้าง ร้องสะอื้นตัวโยนเหมือนจะขาดใจตาย
ฉันยังอยากให้นายอยู่ด้วยกันตรงนี้…อยากให้คนตรงหน้าเป็น ‘ทวิตซ์ของฉัน’ จริงๆ
แต่มันคง…เป็นไปไม่ได้สินะ
“อย่าร้องนะ…”
น้ำเสียงอ่อนโยนนั้น ฉันอยากได้รับมันจากนายเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร…”
สัมผัสมืออบอุ่นนั่น แม้ไม่ควรเป็นของฉัน แต่ก็ยังอยากครอบครอง
“เธอมีฉันเชียวนะ…ผู้หญิงทั้งโลกต่างหากที่ต้องร้องไห้”
มุกตลกสุดขิง ทำเอาเกือบขำทั้งน้ำตา…
“ฮึก แต่ว่าเรา…ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ฉันพูดขัดตามความจริง
“เอ๊ะ?”
ทวิตซ์หลุดเหวอเสี้ยววิ หลุบตาลงมือลูบคางใช้ความคิด
“…จูบกันแล้วนี่”
คำพูดพึมพำและท่าทางนอยจัด หวนให้คิดถึงเหตุการณ์ในวันวาน
“…”
อย่าบอกนะว่า นายยังใช้ตรรกะแปลกๆ จูบปุ๊บคบปั๊บอยู่?
เหลือจะเชื่อ! ทำไมสันดานเพี้ยนๆ เที่ยวขโมยจูบคนอื่นแล้วตีเนียนติ๊ต่างว่าคบกัน มันถึงไม่ยอมหายไปแทนความทรงจำอันล้ำค่านะ!!!
ไอ้สมองพิลึกพิลั่นของนายมันเลือกเก็บแต่อะไรไว้เนี่ย!?!
“จริงดิ? ไม่เอานะยูแช~ ฉันไม่อยากเป็นแค่ ‘Kiss Friend’! ToT”
ศัพท์ใหม่บัญญัติความสัมพันธ์บ้าบอ…
ฉันเริ่มก้มหน้ากุมขมับไมเกรนพุ่งปรี๊ด
โอย แค่ร้องไห้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมานั่งฟังอีตาทวิตซ์ง๊องแง๊งใส่อีก
“รู้ละ เพราะเธอยังไม่ลืมแฟนเก่าสินะ”
เอาเข้าไป คิดเองเออเอง เพ้อเจ้อใหญ่โตอลังการ =_=*
“ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร…”
จอมเจ้าเล่ห์ถูกปั่นหัว ไล่งับหางตัวเอง
ทวิตซ์ขบฟันกรอดเกรี้ยวกราดเพราะกำลังหึงทวิตซ์…??
“ช่างแม่ง”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเจ้าชายนุ่มนวลหลุดสบถหยาบคาย
สองมือหนาจับหน้าฉันเชิดสบตา ตั้งใจพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“ถ้าฉันทำให้ลืมมันได้ เธอจะยอมคบกันใช่มั้ย?”
“…อุ๊บ!”
สองมือฮุบปิดปาก ทั้งตัวสั่นระริก แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเศร้า
หยุดน๊ะตาบ๊อง! ฉันจะหลุดขำก๊ากอยู่แล้ว!!! >x<
(จบตอน)
เยอบีร่า; ให้รักเรานำพาความสุข
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ