The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  2,870 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) -เยอบีร่า-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

-วันที่ 7 ผู้สรรค์สร้างพักผ่อน ทอดพระเนตรผลงานชิ้นโบแดง หวนคืนสู่สุขสงบ-

 

 

เช้านี้หมอประกาศข่าวดี พรุ่งนี้ให้คนไข้กลับบ้านได้

 

เอเดลไม่อยู่ เธอติดแก้ทัณฑ์บนหลังแอบโดดเรียนมาเฝ้าน้องชายทั้งสัปดาห์ ส่วนลีโอขอปลีกตัวไปทำกิจกรรมชมรมและอาสาช่วยกระจายข่าวเรื่อง

ทวิตซ์ให้ เหลือแค่ฉันนั่งจ๋องข้างเตียง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ‘เด็กชายทวิตซ์’ แทนทุกคน

 

ลูกรักพระเจ้าแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรสึกหรอนอกจากความทรงจำ 

 

ทวิตซ์ฟื้นตัวเร็วมาก ทิ้งคราบคนป่วยติดเตียง 6 วันในชั่วข้ามคืน สุขภาพจิตดีเยี่ยม ซุกซน ร่าเริง ขี้สงสัย แถมกวนโอ๊ยคูณสิบ = =*

 

ฉันเพิ่งเคยเจอคนเพี้ยนที่สนุกตื่นเต้นกับภาวะความจำเสื่อม เผลอๆ ดูมีความสุขกว่าเดิมด้วยซ้ำ

 

…ที่ผ่านมาชีวิตนายมันเศร้าหมองมากเลยสินะ? 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนไม่เครียดก็ดีอยู่หรอก…

 

เพราะการสูญเสียความทรงจำเป็นปริศนาแฟนตาซี แม้แต่หมอเองยังไม่กล้าฟันธง จึงไม่มีอะไรรับประกันว่า ทวิตซ์จะกลับมาจำได้อีกครั้ง

 

ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง สมองเปรียบเสมือนผู้ดูแลโกดังแห่งความทรงจำ มีหน้าที่เก็บรักษา จัดเรียง ค้นหาและใช้งาน เมื่อโกดังเกิดชำรุด

เสียหาย ไม่มีทางรู้เลยว่า สมองจะสามารถกู้คืนซากกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน อย่างร้ายความทรงจำเหล่านั้น อาจหายไปตลอดกาล 

 

 

ฉันไม่หวังอะไรมากหรอก…

 

สมใจอยากแล้วหนิ เห็นทวิตซ์มีความสุข ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน นั่นคือสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรอ? 

 

ในเมื่อความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของเราปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ ต่อให้ความทรงจำกลับมา ผลลัพธ์คงไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี

 

“มองแบบนี้อีกแล้ว ไม่สบอารมณ์เลย” 

 

น้ำเสียงหงุดหงิดของพ่อหนุ่มผมเงิน ฉุดฉันหลุดจากภวังค์ 

 

แย่ล่ะ เผลอจ้องหน้าเค้าเพลินอีกแล้ว o///o

 

ฟึ่บ

 

หน้าแดงก่ำนั่งก้มงุดมองเข่าตัดปัญหา

 

น่าอายจัง…ช่วงนี้นอนน้อยไปสินะ ถึงชอบเหม่อเอ๋อควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่เรื่อย

 

สติ! สติ! สติ!

 

“…หน้าฉันเหมือนแฟนเก่าเธอรึไง?” 

 

เสียงทุ้มค่อนแซะ ทำเอาสติที่พยายามเรียกคืนหนีเตลิด

 

ไม่ใช่แค่เหมือน แต่ใช่เลยต่างหาก!

 

“เฮ้อ อิรุงตุงนัง” 

 

คนหัวเสียถอนหายใจตัดพ้อต่อไม่เลิก 

 

สายตาสีครามทอดมองหน้าจอมือถือเครื่องเก่าบี้บุบที่เหลือรอดอย่างปาฏิหาริย์ ปากบ่นพึมพำเซ็งจิต 

 

“…รักสามเส้ารึไง?” 

 

คิดได้เนอะ จินตนาการปรุงแต่งล้ำเลิศจริงพ่อคุณ =o= 

 

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ…หรือไอ้เศษเหล็กต้องสงสัยนั่น จะมีอะไรเกี่ยวกับฉัน!?

 

ชึบ

 

ผู้พิทักษ์ความลับ ยกมือถือชูสูงเกินเอื้อม กรีดยิ้มเยาะยียวนกวนบาทา

 

“อยากดูหรอ?” 

 

ใบหน้าพลันร้อนผ่าว รู้สึกอับอายเสียศักดิ์ศรี เพราะดันเผยไต๋ทำสายตาซอกแซกให้เค้าจับได้  

 

อยากรู้ชะมัด ในนั้นมีอะไรกันแน่! ทำไมช่วงนี้นายถึงชอบดูมันนัก แล้วคอมโบมองฉันต่อด้วยสายตาแปลกๆ??

 

(-  -) (_  _) (-  -) (_ _)

 

ฉันพยักหน้าเบาๆ สองที ยอมยกธงขาว

 

เจ้าชายดอกไม้คลี่ยิ้มพึงพอใจ คิดว่าคงยอมเฉลยแน่

 

…แต่เปล่าเลย

 

จึก

 

นิ้วเรียวจิ้มกลางหน้าผาก ออกแรงผลักเพียงเบาๆ ทำใจสั่น 8 ริกเตอร์ พาร่างรวนซวนเซ

 

“ไม่-ให้” 

 

ทวิตซ์กดเสียงเข้มเน้นคำ ยิ้มสะใจเยี่ยงผู้ชนะ

 

“แค่เพื่อนจะมายุ่งกับของส่วนตัวได้ไง” 

 

จึก!

 

ท่าทีจี้สั่งสอนตั้งกำแพงสูง ช่างเสียดแทงเหมือนโดนมีดปักอกมิดด้าม 

 

ไม่ต้องย้ำ! รู้แล้วย่ะ ‘เฟรนโซน’ ฉันไม่เคยคิดข้ามเส้นซักหน่อย! แค่สงสัยเท่านั้นเอง

 

…จริงๆ นะ

 

 

ดวงตาสีฟ้าจ้องสะกดส่งผลต่อใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกคาดเดายาก

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

เราจ้องกันพักใหญ่ กระทั่งน้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทำลายความเงียบงันราวกับมีพลังอ่านใจ 

 

“ถ้าอยากได้…ก็เป็นมากกว่านี้สิ” 

 

ตึกตักๆๆ!

 

หัวใจเต้นแรงโครมคราม เตือนให้ฉันรีบสะบัดหน้าหนี ก่อนหลุดโชว์แก้มแดงเป็นตูดลิงให้เค้าล้อต่อไม่เลิก 

 

เจ้าศักดิ์ศรีน้อยนิดเท่าหางอึ่งเข้าสั่งการ แผดเสียงลั่นทำโมโหกลบเกลื่อน

 

“ฝันไปเถอะ!!!” 

 

ทวิตซ์หัวเราะคิกคักแซวสนุกสนาน

 

“โว้~ ทั้งที่ชอบมองเหมือนอยากงาบฉันแท้ๆ ^^+”

 

หน็อย! ไอ้หมอนี่มันปีศาจผู้ชำนาญด้านการปั่นประสาทชัดๆ!!!

 

“คะ ใครก็มองนายแบบนี้ทั้งนั้นแหละ!”

 

ฉันตะกุกตะกักแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แทนสายตาทรพีที่ถูกเสียบประจาน

 

ถึงขั้นชมอ้อมๆ ว่าหล่อแล้ว…นายช่วยเมตตาทำเป็นเหลิง แกล้งเมินมันไปที! T\\T

 

ทวิตซ์ลอบชักสีหน้าไม่พอใจในคำตอบเมื่อครู่ ก่อนกระตุกยิ้มร้าย

 

แปะๆ

 

ร่างสูงเจ้าเล่ห์ในชุดผู้ป่วยสีฟ้าอ่อนตบฟูกยั่ว ชวนขึ้นเตียงหน้าด้านๆ

 

“มานี่มา~” 

 

ไปให้โง่สิย๊ะ!!! 

 

“กำไรล้วนๆ ไม่ขาดทุนหรอกคร้าบ~” 

 

ทวิตซ์หว่านน้ำเสียงเซ็กซี่ฮาร์ดเซลล์ล่อเหยื่อ ดูท่าต้องเอาหัวโหม่งกำแพงซักสิบรอบถึงต้านทานเสน่ห์แพรวพราวนี้ได้

 

ตานี่เคยป่วยติดเตียงจริงหรอ…หุ่นแซ่บลืม 

 

อ๊ะ ไอ้ตาทรยศ! แกโฟกัสผิดจุดอีกแล้วนะ! >\\\<

 

“เลิกเล่นได้แล้ว!” 

 

เยี่ยมมากปากกล้าลูกแม่! ไม่ได้แกฉันคงกลายเป็นยัยหื่นสมบูรณ์แบบ

 

“เอาจริงนะ อยากพิสูจน์อะไรหน่อย” 

 

ท่าทีจริงจังเปลี่ยนบรรยากาศ เอียงคอมองรอคำตอบ 

 

“เหอะน่า พอรู้แล้ว ฉันจะไม่กวนใจเธออีกเลย” 

 

เจ้าชายดอกไม้คลายยิ้มบางผ่อนแรงกดดัน ยื่นข้อเสนอขอความสมัครใจ 

 

และฉันมักพ่ายแพ้ลูกล่อแบบนี้ซะด้วยสิ…

 

ปุบ

 

สาวน้อยแสนเชื่องยอมทิ้งตัวนั่งจุ้มปุ๊กข้างชายฉกรรจ์อัตโนมัติ

 

เกลียดตัวเองจริงเชียว…เหมือนทุกอย่างไม่เชื่อฟังสมอง ทำไมฉันไม่หนีไปซะ? วิ่งหน้าตั้งสี่คูณร้อยออกจากห้องก็จบแล้ว -*-

 

ฟึ่บ

 

มือหนาดับแสงตัดประสาทสัมผัส ปิดดวงตาเจ้าปัญหา

 

“ทำอะไรของนาย…?” 

 

ฉันเอ่ยถามตะหงิดใจ พยายามมองโลกในแง่ดี

 

ไม่หรอกมั้ง นี่โรงพยาบาล เพิ่งหายดีหมาดๆ นายคงไม่คิดทำอะไรแผลงๆ…ใช่มั้ย?

 

“คราวนี้เธอก็มองไม่เห็นฉันแล้ว” 

 

ประโยคเสียดสีท้าทาย GAT เชื่อมโยง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ช่วยบอกใบ้ให้ฉันเข้าใจ

 

“อ่า” 

 

นี่คือการแก้แค้นสินะ เค้าไม่ชอบที่ฉันพูดก่อนหน้านี้จริงๆ

 

…แล้วมันยังไงล่ะ? 

 

ถึงตาบอดฉันก็ยังสัมผัสได้ว่าเป็นนาย…จากฝ่ามืออบอุ่น เสียงนุ่มนวลชวนใจสั่น อุณภูมิร่างกายแผ่ซ่าน กลิ่นฮอร์โมนดอกไม้พุ่งพล่านหลับใหลใต้ไอ

ดินเจือยาขมเฝื่อนคอ และจังหวะหายใจหอบถี่…

 

เอ๊ะ ชักแปลกๆ ละนะ

 

“ชอบ…มาร์ชเมลโล่มั้ย?” 

 

น้ำเสียงแผ่วกระซิบเว้นลากช่องไฟ ก่อนเติมเต็มประโยคน่าฉงน 

 

ลมหายใจรวยรินราดรดหน้า พาสติล่องลอยหลงลืมคำถาม

 

“…อื้อ!” 

 

ปริศนาถูกเฉลยทันที พร้อมเสียงสะดุ้งในลำคอ เมื่อได้ลิ้มชิมรสหวานละมุนลนไฟแสนอ่อนนุ่มแทบหลอมละลายในปาก กลิ่นกายเนื้อหอมกรุ่นน่า

หลงใหลนัวเนียเร่งเร้าให้ปล่อยใจตามสัญชาตญาณ

 

สัมผัสลิ้นชวนเคลิบเคลิ้มพาน้ำเชื่อมชุ่มหวานไหลหลั่งลงคอ ทำท้องไส้ปั่นป่วนร้อนรุ่มเหมือนมีฝูงผีเสื้อไฟโบยบิน ทั้งสมองและร่างกายอ่อนยวบไร้

แรงต้านไม่ต่างจากมาร์ชเมลโล่

 

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

 

…เป็นครั้งแรกที่ฉันภาวนาให้หัวใจเต้นดังพอ เพื่ิอกลบเสียงลามกจากริมฝีปากหนุบหนับเด่นชัดท่ามกลางความมืด 

 

ห้วงเวลาขนมหวานสิ้นสุดลง ทวิตซ์ถอนจูบออกเนิบนาบ นิ้วอุ่นนุ่มนวลบรรจงปาดเช็ดริมฝีปากให้อย่างอ้อยอิ่ง เสี่ยวกระซิบติดกระเส่า 

 

“…หวานจัง” 

 

มือใหญ่ซึมเหงื่อชื้นคลายออก เผยให้เห็นอัญมณีคู่สวยสีฟ้าฉ่ำวาวใต้แพขนตาหนา เลือดฝาดสูบฉีดขึ้นใบหน้าแดงระเรื่อ

 

“ฉันชอบนะ” 

 

ตึกตักๆๆๆ!

 

ดั่งคาถาเสกสั่งใจเต้นระรัว ตราตรึงกายให้ระทวย

 

“ยูแช…” 

 

ร่างสูงเอ่ยเรียกง่ายดายด้วยน้ำเสียงกึ่งครางราวกับเป็นคำติดปาก 

 

สมองเจ้ากรรมกู้คืนชื่อฉันได้สำเร็จ…แต่มันดันลืมเอาสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าติดมือกลับมาด้วยอย่างไม่น่าให้อภัย

 

นิ้วเรียวเล่นปูไต่ขึ้นขา แววตาโหยหาสื่อชัด เค้ากำลังใช้ ‘หัวล่าง’ มากกว่า ‘หัวใจ’

 

นี่แหละความจริง ตรงหน้าฉันคือ ‘ปีศาจหื่นกระหายแฝงกาย’ ไม่ใช่ ‘เจ้าชาย’

 

ฝันไปเหอะ!! ฉันไม่มีวันยอมลดสถานะเป็นหมาตัวเมียหรอกย่ะ!!!

 

นายไม่ใช่ ‘ทวิตซ์ของฉัน’! แค่หน้าเหมือนเค้า อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้นะไอ้หื่น!!! 

 

หมับ!

 

มือเล็กพิฆาตหยุดปูน้อยติดสัด สายตาเย็นชาปลิดชีพจร ทำเอาคนตรงหน้านิ่งชะงัก

 

“…” 

 

ก๊อก ก๊อก

 

เสียงเคาะห้องของหญิงสาวร่างบางผมสีคาราเมล ยืนกอดอกพิงกรอบประตู ดังขัดสงครามปราบมาร

 

วะ หวาน!!! O///O 

 

เธออยู่ตรงนั้นตั้งแน่เมื่อไหร่?! ทันเห็นฉากโจ๋งครึ่มรึเปล่า???

 

“เสร็จกิจรึยัง? ฉันมีเรื่องต้องคุย” 

 

เสียงใสค่อนแซะและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแผ่ออร่าพยาบาทแทนคำตอบ ทำฉันอายก้มหน้างุดดิน

 

ทำไมต้องเป็นอีหรอบนี้ทุกที! T//T

 

“เข้ามาสิ” 

 

เจ้าห้องตอบเสียงเรียบไม่เหลียวมอง ในขณะที่ปลายนิ้วอุ่นช่วยปาดเก็บไรผมตกระหน้าตามนิสัย

 

อ่า…ฉันควรย้ายก้นออกจากเตียงได้แล้ว ก่อนที่หวานจะกินหัว

 

“สอง-ต่อ-สอง” 

 

น้ำเสียงใสกดต่ำเน้นย้ำเร่งขับไล่ทางอ้อม

 

เห็นด้วยทุกประตู ฉันควรออกจากห้อง

 

…ไม่ก็ออกไปจากชีวิตเค้าได้ยิ่งดี

 

หมับ!

 

มือใหญ่จับหมับรั้งไว้ จ้องมองด้วยสายตาลูกหมาออดอ้อนน่าสงสาร…

 

เอ่อะ นายทำแบบนี้แล้วฉันจะทิ้งลงได้ยังไง๊!? ToT~

 

“เฮ้อ…ขอแค่ 10 นาทีจ้ะ เป็นเรื่องงาน” 

 

หวานถอนหายใจใส่เจ้าเด็กดื้อ ใบหน้าราบเรียบยืนยันหนักแน่น

 

ฉันชิงสะบัดมือออกทีเผลอ เกิดความรู้สึกผิดเข้าถาโถมในใจเหมือนเพิ่งเอาหมาไปปล่อยวัด

 

ทวิตซ์นอยจัด แต่ไม่วายส่งยิ้มให้ก่อนจากลา พร้อมสายตาละห้อย

 

โธ่ พ่อดราม่าคิง! นายไม่เป็นฮาจิโกะเฝ้าชิบูย่าหรอกน่า เดี๋ยวฉันก็กลับ! -*-

 

 

ฉันถือโอกาสเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ทรุดตัวลงตรงม้านั่งทำเลทองในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้โรงพยาบาล ปล่อยใจเพ้อล่องลอย

 

ไม่รู้ทำไมเซ้นส์ผู้หญิงของฉันถึงไม่เคยทำงานกับหวานเลย ทั้งที่รู้ว่าเธอชอบทวิตซ์ 

 

เพราะเธอแสดงออกตรงๆ หรอ? หรือเพราะรู้ว่าอีตาทวิตซ์เป็นพวกมาโซคิสม์กลัวความรัก? 

 

เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันไม่รู้สึกหึงเลยซักนิด 

 

แคว่ก~

 

ฉันฉีกซองขนมเยี่ยมไข้ใกล้บูดที่พกติดมือมากินรองท้องฆ่าเวลา

 

“…แค่กๆ” 

 

แหวะ! สตอเบอรี่นี่หว่า -*-

 

ชาติก่อนฉันไปเผาดงโคตรเหง้าสตอเบอรี่มารึไง? มันจะตามจองล้างจองผลาญอะไรกันนักหนา!?

 

เฮ้อ..เบลอจัด

 

อืม หรือที่ไม่หึงเพราะกำลังอ๊อง ไร้เรี่ยวแรงไปสู้รบปรบมือกับใครในสนามรัก? 

 

หรือเพราะเราเลิกกันแล้ว และเค้าไม่ใช่ทวิตซ์คนเดิม?

 

แล้วทำไมถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ซักที…

 

.

 

-20 นาทีผ่านไป-

 

“ยูแช~” 

 

ทวิตซ์พุ่งเข้ากอดรัดแน่นทันทีที่เห็นฉัน 

 

สาบานว่าความจำเสื่อม! ทำไมมันเดจาวูจัง - -*

 

“แค่ ‘ยู’ พอ” 

 

ฉันใช้เสียงเย็นชา พยายามก่อกำแพงขีดเส้นแบ่งเขตความสัมพันธ์ มือผลักดันร่างกำยำออกสุดแรงม้า 

 

ให้ตายสิ…ไม่เขยื้อนเลยซักมิลฯ 

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

นั่นล่ะ โดนเข้าแล้วไง =\\= 

 

เพราะใช้แรงมากเกินไปจนเริ่มหอบ เลยเผลอสูดกลิ่นหอมเย้ายวนเข้าปอดเต็มๆ

 

“ไม่เอาอะ ไม่ชินปาก อืม…แต่ถ้าให้เรียกแบบอื่นก็น่าสน” 

 

คนเอาแต่ใจด้านได้อายอดโดดข้ามกำแพงหน้าตาเฉย คัดสรรคำเรียกคู่รักสุดเลี่ยน จัดเสิร์ฟด้วยน้ำเสียงสยิวกิ้วจั๊กจี้ใบหู

 

“ดาร์ลิ้ง ฮันนี่ เบ๊บ มายเดียร์ สวีทฮาร์ต อะไรดีน้า~” 

 

“ไม่เอาทั้งนั้นแหละย่ะ!” 

 

“งั้นก็ ยู-แช” 

 

ปีศาจหัวเงินปิดจบยื่นคำขาด

 

เออ เอาที่สบายใจเลยย่ะ =*= ฉันล่ะสุดจะต่อกรกับไอ้คนดื้อด้านอย่างนายจริงๆ!

 

“ปล่อยได้รึยัง?” 

 

เรียนเพื่อทราบ ตอนนี้เรายังกอดกันกลมดิ๊กอยู่นะ -\\-

 

“ฉันว่าความสัมพันธ์เราซับซ้อนแล้ว…กับหวานยิ่งพิลึกกว่าอีก” 

 

อีตานี่ไม่สนใจ เริ่มพล่ามเรื่องผู้หญิงสารภาพบาปให้ฟังอีกแล้ว โถ่เอ้ยชีวิต!

 

“ไม่ใช่ทั้งเพื่อน คู่ค้า หรือคนรัก แต่เป็น ‘เซฟโซน’” 

 

เดี๋ยวก่อน ทำไมสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ‘จิตแพทย์’ ล่ะ

 

อือ นักบำบัดโซน…?

 

“ไม่มีอะไรให้หึงหรอกนะ” 

 

เสียงหนักแน่นข้างหูผสมรวมไออุ่นทำใจสั่นไหว

 

“ฉันก็ไม่ได้หึงซะหน่อย!” 

 

อวัยวะดีเด่นแห่งปีขอยกให้ปากเก่ง ที่สามารถใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดกลบความเขินสำเร็จ

 

.

 

ค่ำคืนสองต่อสองในห้องสีขาวโพลนไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น นอกจากมุกเสี่ยวเกี่ยวใจของสุภาพบุรุษผมเงินที่ยอมสละเตียงให้ฉัน แล้วย้ายถิ่นไปนอน

โซฟาแทน 

 

ถ้าถามว่าทำไมยังไม่กลับ เพราะลึกๆ ยังแอบห่วงและรู้สึกผิดอยู่น่ะสิ ที่เคยพลาดมาหาเค้าช้ากว่าใคร…

 

พรุ่งนี้คุณอาชวนกินข้าวด้้วย ซึ่งฉันตอบตกลง 

 

อยากใช้โอกาสนี้ขอโทษเค้าซักครั้ง ที่คราวก่อนเสียมารยาทปุบปับไปโดยไม่ลา

 

ฉันได้แต่หวังว่าพอเคลียร์ปมในใจจนหมดแล้ว ความรู้สึกผูกติดเหนียวแน่นนี้ จะค่่อยๆ จางหาย

 

.

 

-วันต่อมา-

 

หลังจัดการเคลียร์ข้าวของเรียบร้อย เราพากันขึ้นราชรถที่คุณอาส่งมาเกยก่อนเวลา 4 ชั่วโมง 

 

ดูท่านิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิสจะถ่ายทอดผ่านกรรมพันธุ์ เค้าถึงเผื่อเวลาไว้เหลือเฟือขนาดนี้

 

พอถึงบ้านปุ๊บ เด็กชายทวิตซ์ก็เริ่มงอแงบ่นอุบอิบ

 

“ฉันไม่ชอบที่นี่เลยอะ” 

 

ประทานโทษ นี่บ้านนายนะยะ - -* ไหงทำหน้าเหมือนอยากกลับไปนอนโรงบาล

 

เดี๋ยว! แล้วนายจะไปไหนน่ะ?? นั่นไม่ใช่ทางไปห้องอาหารนะ!

 

ฉันรับบทพี่เลี้ยงเกาะติดเร่งฝีเท้าไล่หลังนักสำรวจร่างสูง ผู้ใช้ความสงสัยนำทางแทนแผนที่ มุ่งเดินปร๋อตามสัญชาตญาณ 

 

“…ห้องฉันเอง” 

 

เสียงทุ้มต่ำพึมพำหน้าประตูบานหนึ่งก่อนเปิดบุก บุ่มบ่ามคว้ามือฉันเข้าไปร่วมขบวนการย่องเบา

 

ไม่สิ บ้านนายนี่นา ไม่นับว่าบุกรุกหรอกมั้ง?

 

กลิ่นหอมคุ้นเคยตีขึ้นจมูก บ่งบอกถึงหนุ่มเจ้าของห้องหน้าสวย มองแค่ตาเปล่ายิ่งรู้ได้ทันที ด้วยคอนเซปต์ระบุตัวตน ‘ตัวเปล่าเล่าเปลือย’ เป็นระเบียบ

สะอาด เน้นโล่งตาไว้ก่อน 

 

ห้องเรียบหรูโทนขาวดำแทบไร้ของตกแต่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ดำรงชีพ เตียง โต๊ะ กระจก ตู้เสื้อผ้า โน้ตบุ๊ค และหนังสืออีก 2-3 เล่ม หน้าต่างบาน

ใหญ่ติดม่านเทาเปิดรับแสงแดดธรรมชาติ สาดส่องดอกไม้งามสดใสสีม่วงในแจกันคริสตัล

 

สิ่งแรกที่ทวิตซ์ตัดสินใจทำไม่ใช่การรื้อค้นไปเรื่อย เขายกหูยิงตรงหาพี่สาวทันที แถมใจดีเปิดลำโพงให้ฉันฟังด้วย

 

“ในห้องผมมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่รึเปล่า?” 

 

คำเลี่ยงบาลีทำฉันเริ่มคิด…

 

สิ่งที่นายตามหาคงไม่ใช่หนังสือโป๊ใช่มั้ย? =o=;;

 

[อ๋อ~ Pocket Locket ก็อยู่ใต้เตียงไง] 

 

น้ำเสียงสนุกสนานปลายสายตอบกลับ ต่อด้วยกัดฟันเกริ่นเรื่องราวปนระบายซึมเศร้า สบถเกรี้ยวกราด ก่อนตัดสายฉุกละหุกสั่งลาด้วยสำเนียงฝรั่งเศส

สุดเซ็กซี่…ไบโพล่าห์พุ่งครบทุกอารมณ์ 

 

[นายเล่นเปลี่ยนรหัสตลอด เป็นความลับเดียวในบ้านที่ฉันไม่รู้ เราเคยตีกันแทบตาย…ทั้งที่ไอ้กล่องเวรตะไลนั่น! เพิ่งงอกแค่ 3 ปี!!! อ๊ะ แค่นี้ก่อนนะ

นังครูเฒ่ามาแล้ว…อ้อ ระวังไฟช็อตด้วยล่ะ Bisous Bisous~] 

 

ติ๊ด

 

เห็นภาพเลย…ถ้าอีตาทวิตซ์เป็นผู้หญิงคงอารมณ์แปรปรวนประมาณนี้สินะ =o=;;

 

“อืม…ปริศนาอะไรกันนะ แม้แต่คนฉลาดและจุ้นจ้านอย่างเอเดลยังไขไม่ได้ ถ้ากล้าเปลี่ยนรหัสบ่อยทั้งที่เป็นของสำคัญ…มันต้องมีทริคกันเหนียวสิ” 

 

ทวิตซ์เริ่มพึมพำทำท่าจับคางครุ่นคิดอีกครั้ง 

 

แววตาเปล่งประกาย ฉีกยิ้มกว้างท้าทาย สนุกสนานกับการเล่นเป็นนักสืบ

 

ส่วนฉันหรอ? รับบทตัวประกอบตกแต่งแบล็คกราว =_=^

 

ดวงตาแซฟไฟร์กวาดสำรวจเล่นเกมจับผิดภาพ

 

“เพอร์เฟ็กชั่นนิสไม่น่ายอมเอาของไร้ประโยชน์เกะกะตาอย่างดอกไม้ มาวางไว้ในห้องง่ายๆ นี่นา…ต่อให้เป็นของตกแต่งก็เถอะ” 

 

ฝีเท้ามั่นคงย่างเข้าใกล้ดอกไม้งามริมหน้าต่าง นิ่งจดจ้อง เอ่ยขานชื่อคุ้นเคย 

 

“เยอบีร่า” 

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำสาธยาย วิเคราะห์วัตถุพยานอย่างละเอียด

 

“หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ แทบไร้กลิ่น ให้ความรักและความสุขนำทาง…” 

 

ใบหน้าสวยเริ่มขมวดคิ้วเหมือนเจอทางตัน

 

หวี่~ 

 

กระทั่งพยานบุคคลอย่างผึ้งเหลืองตัวน้อยแวะผ่านทาง หยุดเกาะเกสรสีสดใส 

 

“ฮ่าๆๆ” 

 

ทวิตซ์เค่นหัวเราะขำท้องแข็ง 

 

อะไร? นี่ฉันอยู่โรงบาลบ้าหรอ?? 

 

ตาเพี้ยนนี่จู่ๆ ก็หัวเราะ สมองกระทบกระเทือนซ้ำซ้อนรึไง? 

 

หนุ่มผมเงินสังเกตเห็นสีหน้างงเต็กของฉัน จึงเมตตาแจกแจงให้ฟัง เปิดคาบเรียนชีววิทยาโดยศาสตราจารย์ทวิตซ์ผู้คว่ำหวอดในวงการน้ำหอม

 

“เธอรู้มั้ยว่าดอกไม้แทบทุกชนิดส่องแสงได้ ^^” 

 

รอยยิ้มเริงร่าดึงดูดให้อยากมีส่วนร่วม

 

ฉันส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ

 

“ประสาทสัมผัสของแมลงแตกต่างจากมนุษย์ พวกมันสามารถรับรู้ถึงเกสรดอกไม้ได้แม้ไร้กลิ่น เพราะมองเห็นแสงยูวีที่ดอกไม้เจ้าเล่ห์สร้างขึ้นโดย

เฉพาะ เพื่อหลอกล่อให้ผึ้งน้อยช่วยผสมเกสร” 

 

‘My Honeybee’ 

 

เสียงเซ็กซี่ของทวิตซ์คนเก่าเล่นซ้ำในหัว

 

GAT เชื่อมโยงทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง และรู้สึกเข้าใจผึ้งน้อยขึ้นมาเลย

 

ว่าแต่…มันเกี่ยวอะไรกับการล่าขุมทรัพย์ของนายล่ะ?

 

“ถ้าสมมุติฐานถูกต้อง ห้องนี้ต้องมีไฟฉายและของเหลวปริศนา” 

 

ทิ้งปมให้งุนงงอีกแล้ว ถึงวันนี้ฉันจะนอนเต็มอิ่ม แต่ไม่ฉลาดพอเข้าใจความคิดอัจฉริยะล้ำโลกนั่นหรอกนะ

 

ฉะนั้น ขอยืนโง่สวยๆ ละกัน =-=;

 

ทวิตซ์เริ่มทำการบุกค้นห้องเปิดดูลิ้นชักโต๊ะ ตู้ จนมาจบที่หัวเตียง 

 

มือใหญ่โบกสะบัดไฟฉายเรียกร้องความสนใจอวดโชว์ความสำเร็จ

 

แค่ไฟฉายเอง พิเศษตรงไหน? ห้องใครก็มีได้เผื่อฉุกเฉินไฟดับ

 

แป๊กๆๆ

 

นิ้วเรียวกดปุ่ม 3 ที เปลี่ยนแสงไฟเป็นสีม่วงเข้มดุจดอกเยอบีร่า

 

ถ้าเดาไม่ผิดมันคือ แสง UV ที่ฉันเคยเห็นตามหนังสืบสวน ใช้สำหรับตรวจสอบคราบของเหลวในที่เกิดเหตุ เพื่อตามล่าตัวฆาตรกร เช่น เลือด น้ำลาย

เหงื่อ และอสุจิ

 

อี๋!~ อย่าบอกนะว่า ของเหลวปริศนาคือไอ้นั่น!?! 

 

นายคงไม่สกปรกโรคจิตถึงขั้นนั้นหรอก

 

…ใช่มั้ย??? O///O

 

“อ๊ะ เดี๋ยวเถอะ! เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง?” 

 

เจ้าชายดอกไม้ชักสีหน้าดุหลังอ่านใจ โยนขวดแก้วปริศนาให้ เล่นเอาแทบรับไม่ทัน

 

ฉันคลายมือก้มดูขวดใส่ของเหลวลึกลับอย่างไม่ไว้วางใจ ค่อยๆ แหงนมองเขาเหยเกหยะแหยง

 

คราวนี้ทวิตซ์ไม่ถือสา กลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ 

 

สายตาสีฟ้าอมเทาแสนเอ็นดู ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเฉลยคำตอบ 

 

“น้ำหอมกลิ่นเยอบีร่า” 

 

น้ำสีม่วงใสแพรวพราวไร้มลทิน ไม่น่ามีส่วนผสมประหลาด ท้าทายความกล้าให้เปิดดม 

 

…กลิ่นหอมเจือจาง แทบไม่ต่างจากน้ำเปล่า

 

ระหว่างที่ฉันมัวแต่ระแวง กล่องเหล็กสีดำด้านขนาดพอๆ กับกระเป๋าถือก็โผล่มาอยู่ในมือทวิตซ์แล้ว

 

“Pandora's box~” 

 

สองฝาแฝดชอบเล่นคำเปรียบเปรยเหลือเกิน

 

ฟรึ่บ!

 

ร่างสูงลุกปิดม่านกันแสงทำห้องทึบทะมึน เหลือเพียงแสงลอดผ่านช่องล่างประตูและไฟฉายที่เขาคาบไว้ในปาก

 

แสงม่วงคลายความลับ ร่องรอยตกค้างของเยอบีร่าทอแสงเด่นชัดเปล่งประกาย บอกตำแหน่งเลขรหัสบนแม่กุญแจเหล็กกล้า 

 

แกร๊ก

 

ฝากล่องเปิดออก ทันทีที่นิ้วเรียวเลื่อนกลไกปลดล็อคครบสมบูรณ์

 

“Oh! La vache~” 

 

พ่อหนุ่มลูกครึ่งหลุดคำอุทานร้าวใจภาษาฝรั่งเศส 

 

ถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่สำเนียงเคลือบแก้วหูช่างเซ็กซี่ขยี้ใจ -\\\-

 

ปั่บๆ

 

ทวิตซ์ตบมือสองทีสั่งเปิดไฟเท่ระเบิดระเบ้อ 

 

โอ้โห…สวิตซ์ไฮเทคติดเซนเซอร์รับเสียงนี่สะดวกจริง =0=

 

ดวงตาคู่สวยทอดมองขุมสมบัติ คลายยิ้มอุ่นละไม…

 

อะไรกันที่ครอบครองสายตาอ่อนโยนของเค้า?

 

ฉันเขยิบเข้าใกล้ร่วมวงสำรวจด้วยความสงสัย 

 

ภายในกล่องเต็มไปด้วยแผ่นการ์ดอวยพรวันเกิดแฮนด์เมดหลากสีสันถูกเก็บรักษาอย่างดี ซีลเคลือบพลาสติกใสไม่ผุกร่อนตามกาลเวลา ซึ่งมีเพียง

การ์ดจิ๋วชมพูหวานใบเดียวเท่านัั้น ที่เขาตัดสินใจหยิบขึ้นมาอ่านให้ฟัง

 

“ขอบคุณ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้…ยูแช” 

 

ร่่างกายของฉันสั่นเทิ้มหลังจบประโยค ก้อนสะอื้นในลำคอไม่อาจเก็บกลั้น แม้จะเอามือฮุบปิดปากแน่น 

 

น้ำตาไหลรื้นชื้นอาบแก้ม

 

“ฮึก…ฮึก…” 

 

ทวิตซ์โอบกอดปลอบลูบหัวอย่างอ่อนโยน

 

เค้าจำได้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน…ทั้งที่ฉันเคยขอให้ลืมแท้ๆ 

 

“ฮือออ” 

 

เสียงร้องแสนเศร้าปนตื้นตันถูกปลดปล่อย ความรู้สึกมากมายพรั่งพรูในหัว ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

 

ฉันคิดถึงเค้า…ฉันคิดถึงนายเหลือเกินทวิตซ์

 

ฉันขอโทษ….แม้ว่านายต้องทุกข์ทรมาน แต่ความเห็นแก่ตัวของฉัน มันดันอยากให้ความทรงจำทั้งหมดนั้น หวนกลับคืนมาเหลือเกิน 

 

ฉันรักนายและคงไม่มีทางเลิกรักได้…ฉันขอโทษจริงๆ

 

“ยูแช” 

 

เสียงเรียกชื่อคุ้นเคยปลอบประโลมหัวใจ

 

“ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนหรือตอนนี้…” 

 

เจ้าของมืออุ่นผละจากกอด ถนอมปาดคราบน้ำตาปัดเป่าหยดน้ำพร่ามัว 

 

“ฉันก็ยังชอบเธอ” 

 

คำสารภาพนั้น ทำให้ฉันทั้งดีใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

 

เจ้ามือถือเศษเหล็กเผยความลับเด่นหราอยู่ตรงหน้า

 

“ฉันคงเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้หรอก…” 

 

หน้าจอแบนราบปรากฏภาพในความทรงจำ ทำน้ำตายิ่งไหลนองท่วมท้น

 

 

…..

 

……..

 

“หยุด! อย่าขยับ” 

 

ทวิตซ์เล่นสวมบทเป็นคุณตำรวจจับโจร ทำมือเลียนแบบปืนจิ้มหลัง ในขณะที่เค้าพาฉันมาหาทำเลเหมาะๆ เพื่อถ่ายภาพส่งชมรมโฟโต้คลับ

 

“เล่นอะไรของนาย?” 

 

ฉันสาดเสียงเรียบไม่สนุกด้วย 

 

ทุ่งดอกไม้ที่นายพามาโคตะระร้อนเลย แถมมีแต่ชีเมโจได๋เต็มไปหมด

 

“เอาจริงนะ เดี๋ยวจะโชว์อะไรเจ๋งๆ ให้ดู” 

 

คำพูดตะล่อมหลอกเด็กใช้ได้ผลดีเสมอ 

 

“แค่นับ 1 2 3 ในใจ แล้วค่อยหันมาพูดชื่อฉันชัดๆ” 

 

“อืม” 

 

ฉันรับปากเล่นด้วย เมื่อได้ฟังกติกาแสนง่าย

 

“พร้อมน้า~” 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชายหนุ่มด้านหลังกำลังรู้สึกสนุกสนานแค่ไหน

 

1…2…3…

 

“ทวิตซ์” 

 

แชะ!

 

“ดูสิ เธอยิ้มสวยมากเลย” 

 

………

 

…..

 

 

รอยยิ้มสวยของนายต่างหาก…ที่ฉันไม่เคยลบออกจากใจได้เลย

 

“ฮึกๆ…” 

 

ฉันเผลอพุ่งเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นอีกครั้ง ซุกหน้าซบอ้อมอกกว้าง ร้องสะอื้นตัวโยนเหมือนจะขาดใจตาย

 

ฉันยังอยากให้นายอยู่ด้วยกันตรงนี้…อยากให้คนตรงหน้าเป็น ‘ทวิตซ์ของฉัน’ จริงๆ

 

แต่มันคง…เป็นไปไม่ได้สินะ

 

“อย่าร้องนะ…” 

 

น้ำเสียงอ่อนโยนนั้น ฉันอยากได้รับมันจากนายเหลือเกิน 

 

“ไม่เป็นไร…” 

 

สัมผัสมืออบอุ่นนั่น แม้ไม่ควรเป็นของฉัน แต่ก็ยังอยากครอบครอง

 

“เธอมีฉันเชียวนะ…ผู้หญิงทั้งโลกต่างหากที่ต้องร้องไห้” 

 

มุกตลกสุดขิง ทำเอาเกือบขำทั้งน้ำตา…

 

“ฮึก แต่ว่าเรา…ไม่ได้เป็นอะไรกัน” 

 

ฉันพูดขัดตามความจริง

 

“เอ๊ะ?” 

 

ทวิตซ์หลุดเหวอเสี้ยววิ หลุบตาลงมือลูบคางใช้ความคิด

 

“…จูบกันแล้วนี่” 

 

คำพูดพึมพำและท่าทางนอยจัด หวนให้คิดถึงเหตุการณ์ในวันวาน

 

“…” 

 

อย่าบอกนะว่า นายยังใช้ตรรกะแปลกๆ จูบปุ๊บคบปั๊บอยู่?

 

เหลือจะเชื่อ! ทำไมสันดานเพี้ยนๆ เที่ยวขโมยจูบคนอื่นแล้วตีเนียนติ๊ต่างว่าคบกัน มันถึงไม่ยอมหายไปแทนความทรงจำอันล้ำค่านะ!!! 

 

ไอ้สมองพิลึกพิลั่นของนายมันเลือกเก็บแต่อะไรไว้เนี่ย!?!

 

“จริงดิ? ไม่เอานะยูแช~ ฉันไม่อยากเป็นแค่ ‘Kiss Friend’! ToT” 

 

ศัพท์ใหม่บัญญัติความสัมพันธ์บ้าบอ…

 

ฉันเริ่มก้มหน้ากุมขมับไมเกรนพุ่งปรี๊ด 

 

โอย แค่ร้องไห้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมานั่งฟังอีตาทวิตซ์ง๊องแง๊งใส่อีก

 

“รู้ละ เพราะเธอยังไม่ลืมแฟนเก่าสินะ” 

 

เอาเข้าไป คิดเองเออเอง เพ้อเจ้อใหญ่โตอลังการ =_=*

 

“ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร…” 

 

จอมเจ้าเล่ห์ถูกปั่นหัว ไล่งับหางตัวเอง 

 

ทวิตซ์ขบฟันกรอดเกรี้ยวกราดเพราะกำลังหึงทวิตซ์…??

 

“ช่างแม่ง” 

 

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเจ้าชายนุ่มนวลหลุดสบถหยาบคาย

 

สองมือหนาจับหน้าฉันเชิดสบตา ตั้งใจพูดด้วยท่าทีจริงจัง

 

“ถ้าฉันทำให้ลืมมันได้ เธอจะยอมคบกันใช่มั้ย?” 

 

“…อุ๊บ!” 

 

สองมือฮุบปิดปาก ทั้งตัวสั่นระริก แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเศร้า 

 

หยุดน๊ะตาบ๊อง! ฉันจะหลุดขำก๊ากอยู่แล้ว!!! >x<

 


 

(จบตอน)

 

เยอบีร่า; ให้รักเรานำพาความสุข

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา