The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
9.7
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
27 บท
1 วิจารณ์
2,906 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) -เอเดลไวส์-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ11/11 สุขสันต์วันป๊อกกี้เดย์ วันนี้มีอีเว้นต์ย่อย ซึ่งพวกเราต้องโปรโมทกิจกรรมและแจกขนมป๊อกกี้ฟรีที่โรงอาหาร เพื่อเชิญชวนให้เหล่านักเรียนแห่มา
เล่น ‘ป๊อกกี้เกม’ กันเยอะๆ
ด้วยความที่กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในนโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ แน่นอนว่ากติกามันต้องเสี่ยวจัดสมศักดิ์ศรี =-=*
นักเรียนทุกคนสามารถ ‘ขอท้า’ ใครก็ได้ ให้มาแข่งกินป๊อกกี้แท่งเดียวกันจนหดสั้นลงเรื่อยๆ ใครคาบป๊อกกี้ไว้ได้เป็นคนสุดท้ายคือ ‘ผู้ชนะ’ และจะได้
รับป๊อกกี้ฟรีไปท้าแข่งต่อ ฟังดูเป็นเกมงี่เง่าไร้สาระที่นิยมเล่นกันตามปาร์ตี้ เพื่อหลอกแต๊ะอั๋งสาว
แต่ๆๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ คนถูกท้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธและต้องแข่งกินป๊อกกี้จนหมดกล่อง เว้นแต่จะยอมพูดชื่อคนที่ชอบออกมา
คนกล้าเล่นว่าบ้าแล้ว คนคิดกติกาบ้ากว่า ยัย ผอ.นั่น คงอยากสร้างบรรยากาศหวานแหววกุ๊กกิ๊กให้เหล่าหนุ่มสาวสปาร์คกัน แต่จากที่ฉันเห็นตอนนี้…ดู
ท่าผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้าม =_=
“ขอท้า!”
ไอ้แว่นยื่นกล่องป๊อกกี้รสส้มให้ปลาดาวด้วยท่าทางมุ่งมั่นเกินร้อย
“ยะ ยู! >o< ”
ปลาดาวชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม รีบปฏิเสธคำท้าด้วยการพูดชื่อฉัน
“ฮืออ~ ฉันเกลียดเธอยัยถังน้ำแข็ง!!! T[]T”
อย่างที่เห็น ตาแว่นน้ำตาคลอเบ้า ทรุดลงไปกองกับพื้นน่าหดหู่
ถึงนายจะซ้อมยื่นป๊อกกี้มาเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีความหมายหรอกย่ะ เคยได้ยินมะ คนที่ใช่ยืนเฉยๆ เขาก็รักอะ
เอ๊ะ แต่ไม่รู้ฉันตาฝาดไปเองรึเปล่า? เหมือนเห็นปลาดาวแอบยิ้มให้ไอ้แว่นแว้บนึงแฮะ =o=;
คงไม่มีซัมติงกันจริงๆ หรอกมั้ง ลำพังแค่คู่ฉันกะอีตาทวิตซ์ก็เหม็นความรักจะแย่ ถ้าคู่นี้เกิดสปาร์คจุดติดกันขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็…
บรื๋อ~ ไม่อยากคิดเลยว่าไอ้แว่นจะเล่นมุขเสี่ยวจีบปลาดาวยังไงบ้าง! >~<
“ขะ ขอท้า!”
หงอยได้แป๊บเดียว ไอ้แว่นก็ฮึบสู้กล้าท้าขึ้นมาใหม่…พลังใจช่างแรงกล้าจนน่ากลัว
“^^;”
ปลาดาวได้แต่ยิ้มเหยๆ ไม่ตอบอะไร ทำไอ้แว่นหงอไปอีกรอบ
ที่ฉันยังไม่เข้าไปห้าม ทั้งที่ภาพมันโคตรแสลงตาและปลาดาวดูลำบากใจ เพราะนอกจากไอ้บ้านี่ก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาเล่นเกมนี้แล้วน่ะสิ เลยต้อง
ปล่อยให้ทำเพื่อเป็นการโปรโมทกิจกรรมสร้างความบันเทิงไป ฉันกับอีตาทวิตซ์จะได้ไม่ต้องลงสนามกันเอง
ขอโทษนะปลาดาวที่ต้องสังเวยเธอเพื่อกิจกรรมงี่เง่านี่ (-/|\-) แต่ลองคิดสภาพฉันแข่งกินป๊อกกี้กับอีตาทวิตซ์ดูสิ พนันเลยว่า ไม่ต้องรอจนแกะกล่อง
เสร็จ สาวๆ ทั้งโรงเรียนคงพร้อมใจกรูเข้ามารุมตบฉันแน่นอน
กร๊อบ!
ไม่ใช่เสียงหักกระดูก แต่เป็นเสียงพ่อหนุ่มหน้าหวานกัดป๊อกกี้
“เงียบจังเลยน้า~”
ทวิตซ์ที่นั่งข้างฉันพูดพลางหยิบป๊อกกี้รสสตอเบอรี่มาคาบเล่น ไม่รู้ภาพนั้นมันไปยั่วยวนสะกิดใจอะไรพวกสาวๆ ซุ้มแจกป๊อกกี้ที่เคยวังเวงเหมือนป่าช้า
ถึงมีแต่นักเรียนหญิงเดินถือป๊อกกี้เข้ามาเต๊าะเค้ากันใหญ่
ฝูงชะนีรุกหนักข้ามหน้าข้ามตาไม่เห็นหัวกัน ราวกับว่าฉันที่เป็นแฟน (ปลอมๆ) ของเค้าไม่มีตัวตน
“ทะ ท้าค่ะ >\\\<”
สาวสวยอกสะบึมนุ่งสั้นบิดขวยเขินโน้มตัวใกล้ ยื่นป๊อกกี้ให้ทวิตซ์ ซึ่งตานั่นก็ส่งยิ้มหวานกลับ ก่อนหันมามองหน้าฉัน
“…”
อะไรเล่า! -*- น่าหงุดหงิดชะมัด! ถ้าอยากเล่นกับยัยโนตมนั่นนักก็ไม่ต้องหันมาขออนุญาติหรอกย่ะ!! ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ซักหน่อย…!
ครืดด!
ฉันลุกจากเก้าอี้ ตัดสินใจเดินหนีออกมาเพราะไม่อยากเป็น กขค ใคร
แต่ในอกกลับรู้สึกเจ็บแปลบไร้สาเหตุ…
“ยูแช”
เสียงนุ่มทุ้มขานชื่อ ทำฉันเผลอหันมองอัตโนมัติและสบกับสายตาคู่สวยเข้า
เจ้าชายดอกไม้หรี่ตามองล็อคเป้าหมาย ฉีกยิ้มกว้างเปล่งประกาย พูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันชอบยูแช”
O///O
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ใบหน้าฉันแดงจัด ใจเต้นแรงผิดปกติ กว่าจะตั้งสติได้ว่านั่นเป็นแค่การปฏิเสธคำท้าก็เผลอแสดงอาการเขินอายออกมาซะจนไอ้คนขี้แกล้งหัวเราะ
ชอบใจไม่หยุด
“เธอเนี่ย…ยังน่ารักได้อีกนะ”
อีตาทวิตซ์พูดไปกลั้นขำไป ท่าทางน่าหมันไส้สุดๆ!
หน็อย! นี่นายยังไม่เลิกนิสัยกวนประสาทชอบปั่นหัวฉันเล่นอีกหรอย๊ะ! >*< ให้ตายสิ! เหมือนตานั่นแค่อยากแกล้งให้ฉันหึงยังไงไม่รู้!
“โอ๋ๆ น้า~”
ทวิตซ์ลุกจากเก้าอี้ ตรงมาลูบหัวฉันป่อยๆ ก่อนจูงมือพากลับมานั่งที่เดิม ไม่สนใจสาวสวยนมโตที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียด เพราะถูกเขาหักหน้า จน
เจ้าหล่อนต้องสะบัดตูดหนี
พ้นจากนางนี้ คลื่นชะนีที่รอยื่นป๊อกกี้ให้เขายังมีอีกเป็นกระบวน ซึ่งตานั่นก็ดูจะสนุกสนานกับการเรียกชื่อฉันซ้ำๆ ซะเหลือเกิน =*=
ตอนนี้หูฉันชาไปหมดแล้ว ทั้งเสียงหวานๆ ของอีตาทวิตซ์และเสียงกรี๊ดดี๊ด๊าของพวกผู้หญิงตีรวนกันไปหมด
ประสาทจะกิน!!! <(=[]=)> ฉันล่ะเกลียดงานนี้ที่สุดเลย!
.
1 ชม.ต่อมา…
ในที่สุดป๊อกกี้เจ้ากรรมก็ถูกแจกจ่ายจนหมด ต้องขอบคุณพลังฝูงชนของเหล่าชะนีกระหายหิวที่ทำให้พวกนักเรียนกล้าเข้ามาต่อแถวรับป๊อกกี้ฟรีกัน
มากขึ้น แต่จนจบอีเว้นต์ ฉันยังไม่เห็นวี่แววความหวานแหวว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของงานนี้เลย =-=
ขณะที่มัวแต่นั่งเหม่อมองบรรยากาศหลังจบงาน จู่ๆ ก็มีกล่องป๊อกกี้สีชมพูยื่นจ่อหน้า
“ขอท้า”
เจ้าของขนมรสสตอเบอรี่ส่งยิ้มร่า ดูท่าทั้งงานจะมีหมอนี่สนุกอยู่คนเดียว
เอ๊ะ เดี๋ยวสิ…ถ้าอยู่ต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ฉันก็ต้องพูดชื่อนายน่ะสิ!?
“…ทวิตซ์”
ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่ว
“คร้าบ~ ไม่เห็นได้ยินอะไรเลยน้า”
ผู้ฟังจอมยียวนเล่นลิ้น ดูก็รู้ว่าอยากแกล้งกันเต็มที่ จนฉันไม่มีทางเลือกนอกจากตะเบ็งเสียงเรียกชื่อเขา
“ทวิตซ์!”
แต่ดูเหมือนเจ้าชายจอมโลภยังต้องการมากกว่านั้น
“ทำไมหรอ?”
ทวิตซ์แกล้งโง่ เอียงคอถามด้วยท่าทีขี้เล่นยั่วน้ำโหสุดตรีน ทำเอาฉันปรอทแตกแผดเสียงดังอย่างหงุดหงิด
“โธ่! ก็ฉันชอบนายไงเล่า!!!”
…
กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ก็ไม่อาจเอาคำนั้นกลืนลงคอได้อีกแล้ว
ฉันตะครุบปิดปากเจ้าปัญหาไว้แน่น ใบหน้าร้อนแดงวูบวาบ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่เกมโง่ๆ แต่หัวใจกลับเต้นแรงไร้การควบคุม
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
เจ้าชายดอกไม้เจ้าเล่ห์หรี่สายตาจ้องมองฉัน เผยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ต้องการ
“อยากให้ทุกวันเป็นป๊อกกี้เดย์จัง ^^”
ไม่เอาอีกแล้วย่ะ! ให้เป็น Exam Day ทุกวันยังดีซะกว่า!
.
- 15 พฤศจิกายน-
วันพิเศษที่ฉันตั้งตารอ ‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’
งานอีเว้นต์ใหญ่ถัดจากฮาโลวีน ซึ่งมีเวลาเตรียมการเพียง 15 วัน โชคดีที่รายละเอียดงานไม่เยอะเท่าไหร่ เน้นติดต่อประสานงานกับบุคคลภายนอก
และตกแต่งพื้น เพราะกิมมิคจริงๆ ของงานคือ ‘พลุและคำอธิษฐาน’ ส่วนอื่นมีไว้เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศเท่านั้น
ฉันกับทวิตซ์ป่วย+ทะเลาะกันกินเวลาไป 3 วัน เตรียมงานป๊อกกี้เดย์อีก 3 วัน ไหนจะต้องเคลียร์งานจิปาถะ แอปหาคู่บรรเทาทุกข์ใจ อ่านหนังสือ หัก
วันพักผ่อน จึงเหลือเวลาเตรียมงานจริงๆ แค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น พวกเราเลยเร่งปั่นกันหัวหมุนจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
ตอนนี้ฉันกำลังง่วนอยู่กับการจัดผมเพ้า แต่งองค์ทรงเครื่องหน้ากระจก…
อากาศเริ่มหนาว ปล่อยผมลงหน่อยดีกว่า…แต่แถวพื้นที่จัดงานลมแรงนี่นา หรือฉันจะมัดรวบดี?
ชุดเดรสสีชมพูอ่อน เสื้อคลุมครีมก็สวยนะ หมอนั่นเคยบอกว่าฉันเหมาะกับสีชมพู…
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
บ้าจริง! แค่แต่งตัวไปงานทำไมต้องใจเต้น เพราะคิดถึงเขาด้วย
นับวันทวิตซ์ยิ่งส่งผลต่อใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นไม่เจอหน้าก็ทำให้ใจสั่นได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวยังพาลทำให้คิดถึงเขา จนฉันเริ่มปลง ได้
แต่ปลอบใจตัวเองว่า มันคงเป็นเรื่องปกติล่่ะมั้ง…ก็หมอนั่นเล่นตามตื้อวนเวียนหลอกหลอนฉันทุกวันยิ่งกว่าผี ขนาดในฝันยังไม่เว้น
มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่นักหรอก…แต่ขืนเป็นอยู่แบบนี้ พอถึงวันต้องบอกลากัน ฉันจะร้องไห้เอาน่ะสิ
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงนาฬิกาแจ้งเตือนดึงสติหลุดจากภวังค์
ถึงเวลานัดแล้วนี่นา ไปทั้งแบบนี้เลยละกัน
ฉันบอกลาความลังเล ผละออกจากกระจกที่ยืนส่องอยู่นานสองนาน ก้าวเดินอย่างมั่นใจ
…
แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงยืนรอเช่นทุกครั้ง ความประหม่าก็ถาโถมเข้าใส่ พร้อมเสียงหัวใจเต้นระรัว
ความมั่นใจของฉันมันหนีไปพักร้อนแล้วรึไง?
เจ้าชายดอกไม้ยืนรออย่างใจเย็น เขาไม่ชอบเล่นมือถือ เลยมักจะเที่ยวมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยแทน
ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนที่ตั้งใจเฝ้าคอยยิ่งกว่าใคร จึงมักได้ยินเสียงฝีเท้าหรือสัมผัสถึงสายตาของฉันก่อน จนเราหันมาสบตากันเสมอ แม้ฉันยังไม่ได้
เข้าไปทักทาย
แววตาสีฟ้าเปล่งประกายเล่นแสงอัสดงทอดมองฉัน เส้นผมสีเงินพัดพลิ้วตามลมหนาว
วันนี้เขาสวมชุดไปรเวท เสื้อสเวตเตอร์ตัวใหญ่ใส่สบายสีเดียวกับนัยน์ตา กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบขาว ทั้งตัวเป็นโทนเย็นสบายตา แต่กลับให้
ความรู้สึกอบอุ่นน่ากอด แค่มองดูก็ละมุนไปทั้งใจ
“เธอสวยจัง”
ไม่รู้เป็นมารยาทของพวกฝรั่งหรือนิสัยปากหวานส่วนตัวกันแน่ เขาถึงชอบกล่าวชมทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ทำให้คนฟังอดใจฟูไม่ได้ทุกที
ไอ้คนติดกลิ่นเดินเข้ามาหอมหัวฉันฟอดใหญ่พอให้หายคิดถึง ก่อนเดินจูงมือนำทางไป
ช่วงนี้ปฏิกริยาต่อต้านของฉันต่ำลงเหมือนสัตว์เลี้ยงแสนเชื่อง แทบจะห้ามปรามนิสัยชอบลามปามของเขาเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
อย่างว่าล่ะนะ ฉันเริ่มปลงแล้ว แต่ไอ้หัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เขานี่สิ ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่แก้ไม่หายซักที
จะว่าไป…ป่านนี้ไม่รู้ทางปลาดาวเป็นไงบ้าง? เห็นเธอขอตัวไปเดินตรวจงานกะไอแว่นก่อนเวลา
ถึงไม่อยากเชียร์เท่าไหร่ แต่ช่วงนี้หมอนั่นแสดงออกชัดเจนร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าคงได้คบกันชัวร์ ถ้าไม่มีใครชิงจีบปลาดาวตัดหน้า
ซะก่อนอะนะ =-=
ต่างจากอีตาทวิตซ์ที่เข้าสู่โหมดเสถียร ไม่ค่อยกระเหี้ยนกระหือรือจี้ถามเท่าไหร่แล้วว่า ‘รักรึยัง?’
สกินชิพเร่าร้อนที่เคยทำให้ฉันแทบมอดไหม้ เริ่มคลายลงจนเปลี่ยนเป็นสัมผัสอบอุ่นหวานละไมเหมือนนั่งจิบโกโก้หน้าเตาผิง
เขาฉลาดเปลี่ยนวิธีเข้าหา ค่อยๆ บรรจงหยอดความหวานทีละนิดจนปริ่มล้น แทนที่จะยัดเยียดรสเผ็ดแซ่บจัดจ้านเข้ามารวดเดียวแบบไม่บันยะบันยัง
ไม่แปลกที่หัวใจของฉันจะต่อต้านน้อยลง
แต่บางครั้งหมอนั่นก็ยังเผลอหลุดแสดงสัญชาตญาณดิบให้เห็นอยู่เนืองๆ ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้
ในขณะที่ฉันกำลังกินเครปครีมสดอย่างเอร็ดอร่อย
“วิปครีมติดปากเธอน่ะ”
ทวิตซ์ชี้บอกอย่างอดไม่ได้ตามนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิส
ไม่รอให้ฉันเช็ด ปลายนิ้วโป้งร้อนแผ่วก็ชิงปาดออกให้ ก่อนที่เขาจะละเลียดเลียชิมรสชาติหวานล้ำจากปลายนิ้วจนหมดจด
สายตาสีครามระยิบฉายแววนักล่า ทอดมองฉันราวกับอยากกลืนลงคอพร้อมวิปครีม ก่อนผันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นอย่างแนบเนียน
“ไม่มีแล้วล่ะ ^^”
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
เซ็กซี่เป็นบ้า! หัวใจฉันแทบระเบิด >///< นายมาทำใจดีล่อเหยื่อเอาป่านนี้ก็ไม่ทันแล้วย่ะ ภาพมันติดตาไปแล้ว!
ทวิตซ์อ่านทุกความคิดในหัวฉันออก หัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ แต่ยังคงเลือก ‘รอ’ แทนที่จะบุกจู่โจมจี้จุด นักฆ่าเลือดเย็นปล่อยให้จิตใจสกปรกของฉัน
ทำงานของมันต่อไป จนมันแดดิ้นตายไปเอง
“รีบไปจองที่กันเถอะ”
ฉันพยายามควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งสงบ เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อลบภาพราคะในหัว
หมับ!
“เดี๋ยวหลงนะ”
ทวิตซ์ไม่ปล่อยฉันเดินนำคนเดียว รีบคว้าหมับรั้งไว้
แม้แต่วิธีจับมือของเขาก็เปลี่ยนไปจนทำให้ใจสั่น -///-
นิ้วอุ่นสอดประสานบีบรัดเบาๆ…พลันนึกถึงจูบลูกอมรสหวาน
ฉะ ฉันนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!!
ถึงป๊าม๊าที่เคารพรัก หนูขอโทษ ที่กลายเป็นผู้หญิงใจง่ายไปชั่วขณะ (_ _)
เมื่อเห็นฉันมัวแต่เหม่อ เจ้าชายดอกไม้ขี้แกล้งเลยใช้ปลายนิ้วเขี่ยไล้หลังมือเล่นจนเสียววาบ
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ร้ายจริงๆ ไม่รู้อีตาทวิตซ์ไปร่ำเรียนวิชามาร 108 เล่มเกวียนมาจากไหนนักหนา ถึงสรรหาวิธีมาปั่นหัวฉันให้แทบคลั่งได้ทุกวัน หรือฉันควรจะปฏิเสธเขา
แข็งขืนแบบเมื่อก่อนดี?
ทว่าบทเรียนที่ผ่านมาช่วยสอนให้รู้ว่า ยิ่งดีดออกแรงเท่าไหร่ เขายิ่งพุ่งกลับแรงเท่านั้น
…กฎแห่งแรงโน้มถ่วงช่างน่ากลัวเหลือเกิน T T
ฉันจึงทำได้เพียงอดทนต่อเสน่ห์ร้ายกาจ ยอมกล้ำกลืนยาพิษแสนหวานที่ค่อยๆ แผดเผาร่างจากภายใน
…
ในที่สุดเราก็ได้ที่นั่งเหมาะๆ ริมแม่น้ำ เพื่อรอชมสีสันของดอกไม้ไฟตระการตาและรอลุ้นว่างานนี้จะแป๊กรึเปล่า?
ถึงตรงนี้ฉันควรอธิบายรายละเอียดให้ฟังพอสังเขป
‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวันลอยกระทงของไทย แต่ด้วยกระแสต่อต้านรักธรรมชาติ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นเทศกาลชมพลุ
แทน ส่วนการอธิษฐานขอสิ่งดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรลอยน้ำ แค่กล้าตะโกนออกมาให้ดังกว่าเสียงพลุ ทั้งความปรารถนาและคำสารภาพบาปจะส่ง
ถึงพระเจ้า
งานนี้เปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม ทั่วทั้งงานประดับตกแต่งระยิบระยับด้วยไฟสีเหลืองนวลเหมือนแสงหิ่งห้อย ร้านแผงลอยสตรีทฟู้ดแน่นเอี๊ยดเต็ม
สองข้างทางเหมือนงานวัด จัดที่นั่งชมพลุริมตลิ่งสุดโรแมนติก ถ้าไม่ติดเรื่องอากาศหนาวจัดจนแสบผิว ยุงชุมเสี่ยงเป็นไข้เลือดออก ทุกอย่างก็เพ
อร์เฟ็กเลยล่ะ
โชคดีที่แต่งตัวมาพร้อมมากและเลือดเย็นๆ ของฉันก็ไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานของยุงมาแต่ไหนแต่ไร
จากที่เฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่เริ่มงาน มีนักเรียนเข้าร่วมเยอะไม่แพ้ฮาโลวีน เหลือแค่รอลุ้นว่าตอนจุดพลุจะมีไอ้บ้าหน้าไหนกล้าพอ ‘ปลดปล่อยคำ
อธิษฐาน’ ออกมาบ้าง
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันคงต้องหาทางเอาตัวรอดจากลูกยั่วของเจ้าชายดอกไม้ให้ได้ก่อน
“หนาวจัง…เขยิบเข้ามาอีกสิ”
น้ำเสียงออดอ้อนหวานฉ่ำลอยมาพร้อมกลิ่นหอมของสวนดอกไม้เย้ายวนชวนละลาย
“…”
ฉันแกล้งทำหูทวนลม แต่ใบหน้ากลับร้อนฉ่า
ลำพังตอนนี้ก็ใกล้มากพอทำให้ฉันตะบะแตกได้อยู่แล้ว แหกตาดูสิยะตาบ้า! ห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ…แถมยังอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ซึ่งเป็นสินค้า
ออกใหม่จากเลิฟช็อป ที่ไม่รู้ว่ายัย ผอ. ใส่กลิ่นฮอร์โมนเสน่ห์ยาแฝกอะไรลงไปบ้าง? ฉันถึงรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้
เมื่อไม่ยอมตามใจ จอมเผด็จการจึงเขยิบเข้ามาประชิดจนแนบเนื้อ มือใหญ่กดหัวฉันซบอกกว้าง พลางลูบผมเบาๆ สร้างดาเมจทำลายล้างรุนแรงจน
อยากกรีดร้อง
ตอนนี้คำอธิษฐานที่ฉันอยากตะโกนออกมาที่สุดคงเป็น ‘อยากจับกด…’
เอ้ย! มะ ไม่ใช่สิ ‘เลิกปั่นหัวฉันซะที!!!’ >\\\<
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเต้นระรัวและสัมผัสอบอุ่นของทวิตซ์ปราบพยศฉันอยู่หมัด ทั้งร่างกายและหัวใจยอมจำนนใต้อาณัติ
อืม…อยู่แบบนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ กลิ่นหอม แถมอุ่นดีด้วย -\\\-
พอรู้ว่าฉันไร้เขี้ยวเล็บจะต่อกร ทวิตซ์ก็ผละมือออกจากหัว เลื่อนลงมากุมมือแทน
มือใหญ่ทาบทับสอดประสานนิ้ว บีบนวดเบาๆ ให้คลายหนาว
“ใกล้เริ่มแล้ว เธอจะอธิษฐานอะไรหรอ?”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ”
ฉันยังคงควบคุมน้ำเสียงให้เปล่งออกมาอย่างราบเรียบมั่นคง
แต่ใจกลับเต้นแรงมาก จนไม่รู้จะได้ยินเสียงพลุรึเปล่า…
ฟิ้วววว
ผลุ!!!
ประกายพลุดอกแรกกระจายแสงเต็มฟากฟ้า เปล่งสีสันอลังการตราตรึงใจ ตามด้วยพลุอีกหลายสิบดอกเบ่งบานตระการตา เฝ้ารอคอยคำอธิษฐาน ซึ่ง
ตอนนี้ยังไร้วี่แววของผู้กล้า
ฮ้าาา…
ฉันได้ยินเสียงสูดหายใจลึกเต็มปอดจากคนข้างกาย ก่อนที่เขาจะแผดแผ่เสียงตะโกนออกมาดังลั่นหูแทบดับ
“ขอให้เอเดลมีความสุข!!!”
ทั่วทั้งงานตะลึงงันกับคำอธิษฐานของเขา ไม่คิดฝันว่าพวกนอกคอกที่กล้าแหกปากขึ้นคนแรกจะเป็นเจ้าชายดอกไม้
“…ใครคือเอเดล?”
คำถามเย็นเยียบสยบเสียงตะโกนกร้าว
เรื่องนี้มันค้างคาใจฉันมานานเหลือเกิน ถึงแม้จะเลือกเชื่อใจเขาและฝังกลบความสงสัยที่ผุดขึ้นในหัวพร้อมความรู้สึกหงุดหงิดไม่หยุดหย่อนลงได้ แต่
พอเขาตะโกนชื่อ ‘เธอ’ ออกมาต่อหน้าแบบนี้…ฉันทนไม่ไหวจริงๆ!
ทวิตซ์เชยคางฉันขึ้น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายผสมสีสันจากแสงดอกไม้ไฟบนฟ้าจนกลายเป็นสีม่วง ผลิยิ้มสวยงดงามสว่างสไวยิ่งกว่าดอกไม้ไฟดวง
ใด
“พี่สาวฝาแฝดฉันเอง เป็นคนที่ฉันรักที่สุดในโลกเลยล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น ทำให้ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ที่สงสัยในตัวเค้า…
“ขะ ขอให้เอเดลมีความสุข!!!”
คนทั้งงานต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เพราะเสียงตะโกนของฉัน
แต่ฉันกลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก จนอยากตะโกนซ้ำอีกรอบ
ถือเป็นการชดเชยให้นายแล้วกันนะ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีคำอธิษฐานในใจอยู่แล้ว
“ฮะๆ น่ารักอะ”
ทวิตซ์ยิ้มหัวเราะชอบใจ
“ขอบคุณนะ”
รอยยิ้มแสนหวานและคำขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจ ทำให้คำอธิษฐานแท้จริงผุดขึ้นมา…
‘ขอให้ทวิตซ์มีความสุข’
…ที่จริงฉันอยากตะโกนประโยคนี้ออกมามากกว่า
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ได้เห็นรอยยิ้มของนาย
ถ้าการอธิษฐานเพื่อคนที่รัก ทำให้นายมีความสุข ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน
“ขอให้เอเดลมีความสุข!!!”
ไม่นานนักก็มีเสียงตะโกนแซ่งซ้องแบบเดียวกันดังตามมาเป็นระลอก ประหนึ่งพากันอวยชัย
เดาว่าพวกเขาคงเข้าใจผิด คิดว่านี่คือคอนเซปต์หนึ่งของงาน จึงซุกซ่อนคำอธิษฐานของตัวเองเอาไว้ภายใต้คำอธิษฐานของทวิตซ์เช่นเดียวกับฉัน
เพราะคำอธิษฐานของนาย ทำให้ทุกคนกล้าเปล่งเสียงออกมาอย่างกล้าหาญ
แม้ว่าประโยคนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ แต่ฉันเชื่อนะ ว่าเสียงตะโกนเหล่านั้น จะช่วยทำให้คำอธิษฐานที่แท้จริงของพวกเขาชัดเจนขึ้น จนมันกลายเป็น
จริงในซักวัน
“ฮ่าๆ สนุกจัง ขอบคุณครับ”
เจ้าชายดอกไม้หัวเราะร่า กล่าวขอบคุณลอยๆ แด่ทุกคนที่ช่วยนำพาคำอธิษฐานของเขา
.
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’ ก็ถูกเรียกว่า ‘เทศกาลเอเดล’ และมีหลายคู่ที่สมหวังในความรักเพราะงานนี้…ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้แว่นด้วย =-=
“คือ…เราคบกันแล้วจ้ะ เพราะเมื่อคืนเคตะโกนสารภาพรัก ^\\\^;”
ปลาดาวเล่าให้ฟังบิดอายม้วน นิ้วสะกิดเกาแก้มแก้เขิน
“^^”
ฉันทำได้แค่พยักหน้ายิ้มรับแสดงความยินดีกับเธอ
อ่า เมื่อคืนฉันรู้อยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้หมอนั่นมันดันสะเหร่อตะโกนออกมาตอนพลุดับพอดีจนคนทั้งงานหันไปมอง ขนาดฉันที่นั่งอยู่ไกลลิบโลดยังได้ยิน
ตอนนี้เสียงไอ้แว่นยังตามหลอกหลอนก้องในหัวฉันอยู่เลย
‘ปลาดาว!!!! ฉันชอบเธอ!!!! อยากเป็นแฟนเธอ!!!! คบกันเถอะ!!!!’
ยังดีที่ทุกคนในงานน่ารักช่วยกันปรบมืออวยพรให้ แทนที่จะขว้างปาข้าวของใส่ต้นเสียงแหกปากน่ารำคาญ -*- และฉันจำได้ขึ้นใจเลยว่าเป็นครั้งแรกที่
เห็นทวิตซ์หัวเราะแทบขิต
เล่ามาซะเยิ่นยาว บทสรุปสั้นๆ ของงานนี้คือ ทุกคนมีความสุข รวมถึงฉันด้วย คงต้องขอขอบคุณพี่สาวฝาแฝดปริศนาที่ตอนนี้กลายเป็นเทพีประจำงาน
ไปเรียบร้อย
ซักวันนึงถ้าเรามีโอกาสมาด้วยกันอีก…
ฉันก็อยากจะลองเสี่ยงปลดปล่อยคำอธิษฐานที่แท้จริงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างกล้าหาญ เพื่อให้นายได้รับรู้เหมือนกัน
(จบตอน)
เอเดลไวส์; ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่น เพื่อรักแท้ที่งดงามราวกับฝัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ