The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,921 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) -เอเดลไวส์-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
11/11 สุขสันต์วันป๊อกกี้เดย์ วันนี้มีอีเว้นต์ย่อย ซึ่งพวกเราต้องโปรโมทกิจกรรมและแจกขนมป๊อกกี้ฟรีที่โรงอาหาร เพื่อเชิญชวนให้เหล่านักเรียนแห่มา
เล่น ‘ป๊อกกี้เกม’ กันเยอะๆ 
 
ด้วยความที่กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในนโยบาย โรแมนติก สคูล แน่นอนว่ากติกามันต้องเสี่ยวจัดสมศักดิ์ศรี =-=* 
 
นักเรียนทุกคนสามารถ ‘ขอท้า’ ใครก็ได้ ให้มาแข่งกินป๊อกกี้แท่งเดียวกันจนหดสั้นลงเรื่อยๆ ใครคาบป๊อกกี้ไว้ได้เป็นคนสุดท้ายคือ ‘ผู้ชนะ’ และจะได้
รับป๊อกกี้ฟรีไปท้าแข่งต่ออีก ฟังดูเป็นเกมงี่เง่าไร้สาระที่นิยมเล่นกันตามปาร์ตี้ เพื่อหลอกแต๊ะอั๋งสาว
 
แต่ๆๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ คนถูกท้าจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธและต้องแข่งกินป๊อกกี้จนหมดกล่อง เว้นแต่จะยอมพูดชื่อคนที่ชอบออกมา 
 
คนกล้าเล่นว่าบ้าแล้ว คนคิดกติกาบ้ากว่า ยัย ผอ.นั่น คงอยากสร้างบรรยากาศหวานแหววกุ๊กกิ๊กให้เหล่าหนุ่มสาวสปาร์คกัน แต่จากที่ฉันเห็นตอนนี้…ดู
ท่าผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้าม =_=
 
“ขอท้า!” 
 
ไอ้แว่นยื่นกล่องป๊อกกี้รสส้มให้ปลาดาวด้วยท่าทางมุ่งมั่นเกินร้อย
 
“ยะ ยู! >o< ” 
 
ปลาดาวตัดไฟตั้งแต่ต้นลม รีบปฏิเสธคำท้าด้วยการพูดชื่อฉันทันที
 
“ฮืออ~ ฉันเกลียดเธอยัยถังน้ำแข็ง!!! T[]T” 
 
อย่างที่เห็นตาแว่นน้ำตาคลอเบ้า ทรุดลงไปกองกับพื้นน่าหดหู่ 
 
ถึงนายจะซ้อมยื่นป๊อกกี้มาเป็นอาทิตย์ ก็ไม่มีความหมายหรอกย่ะ เคยได้ยินมะ คนที่ใช่ยืนเฉยๆ เขาก็รักอะ 
 
เอ๊ะ แต่ไม่รู้ฉันตาฝาดไปเองรึเปล่า? เหมือนเห็นปลาดาวแอบยิ้มให้ไอ้แว่นแว้บนึงแฮะ =o=; 
 
คงไม่มีซัมติงกันจริงๆ หรอกมั้ง ลำพังแค่คู่ฉันกะอีตาทวิตซ์ก็เหม็นความรักจะตายอยู่ละ ถ้าคู่นี้เกิดสปาร์คจุดติดกันขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็…
 
บรื๋อ~ ไม่อยากคิดเลยว่า ไอ้แว่นจะเล่นมุขเสี่ยวจีบปลาดาวยังไงบ้าง! >~<
 
“ขะ ขอท้า!”
 
หงอยได้แป๊บเดียว ไอ้แว่นก็ฮึบสู้กล้าท้าขึ้นมาใหม่…พลังใจช่างแรงกล้าจนน่ากลัว 
 
“^^;” 
 
ปลาดาวได้แต่ยิ้มเหยๆ ไม่ตอบอะไร ทำไอ้แว่นหงอไปอีกรอบ
 
ที่ฉันยังไม่เข้าไปห้าม ทั้งที่ภาพมันโคตรแสลงตาและปลาดาวดูลำบากใจ เพราะนอกจากไอ้บ้านี่ก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาเล่นเกมนี้แล้วน่ะสิ เลยต้อง
ปล่อยให้ทำเพื่อเป็นการโปรโมทกิจกรรมสร้างความบันเทิงไป ฉันกับอีตาทวิตซ์จะได้ไม่ต้องลงสนามกันเอง
 
ขอโทษนะปลาดาวที่ต้องสังเวยเธอเพื่อกิจกรรมงี่เง่านี่ (-/|\-) แต่ลองคิดสภาพฉันแข่งกินป๊อกกี้กับอีตาทวิตซ์ดูสิ พนันเลยว่า ไม่ต้องรอจนแกะกล่อง
เสร็จ สาวๆ ทั้งโรงเรียนคงพร้อมใจกรูเข้ามารุมตบฉันแน่นอน
 
กร๊อบ!
 
ไม่ใช่เสียงหักกระดูก แต่เป็นเสียงพ่อหนุ่มหน้าหวานกัดป๊อกกี้
 
“เงียบจังเลยน้า~” 
 
ทวิตซ์ที่นั่งข้างฉันพูดพลางหยิบป๊อกกี้รสสตอเบอรี่มาคาบเล่น แต่ไม่รู้ภาพนั้นมันไปยั่วยวนสะกิดใจอะไรพวกสาวๆ ซุ้มแจกป๊อกกี้ที่เคยวังเวงเหมือน
ป่าช้า เลยมีแต่นักเรียนหญิงเดินถือป๊อกกี้เข้ามาเต๊าะเขากันใหญ่ 
 
ฝูงชะนีรุกหนักข้ามหน้าข้ามตาไม่เห็นหัวกัน ราวกับว่าฉันที่เป็นแฟน (ปลอมๆ) ของเค้าไม่มีตัวตน
 
“ทะ ท้าค่ะ >\\\<” 
 
สาวสวยอกสะบึมนุ่งสั้นบิดขวยเขินโน้มตัวใกล้ ยื่นป๊อกกี้ให้ทวิตซ์ ซึ่งตานั่นก็ส่งยิ้มหวานกลับ ก่อนหันมามองหน้าฉัน
 
“…”
 
อะไรเล่า! -*- น่าหงุดหงิดชะมัด! ถ้าอยากเล่นกับยัยนมโตนั่นนักก็ไม่ต้องหันมาขออนุญาติหรอกย่ะ!! ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆซักหน่อย…!
 
ครืดด!
 
ฉันลุกจากเก้าอี้ ตัดสินใจเดินหนีออกมาเพราะไม่อยากเป็น กขค ใคร 
 
แต่ในอกกลับรู้สึกเจ็บไร้สาเหตุ…
 
“ยูแช” 
 
เสียงนุ่มทุ้มขานชื่อ ทำให้เผลอหันมองอัตโนมัติและสบกับสายตาคู่สวยเข้า 
 
เจ้าชายดอกไม้หรี่ตามองล็อคเป้าหมาย ฉีกยิ้มกว้างเปล่งประกาย พูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ 
 
“ฉันชอบยูแช”
 
O///O
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 
ใบหน้าฉันแดงจัด ใจเต้นแรงผิดปกติ กว่าจะตั้งสติได้ว่านั่นเป็นแค่การปฏิเสธคำท้า ก็เผลอแสดงอาการเขินอายออกมาซะจนไอ้คนขี้แกล้งหัวเราะ
ชอบใจไม่หยุด 
 
“เธอเนี่ย…ยังน่ารักได้อีกนะ” 
 
อีตาทวิตซ์พูดไปกลั้นขำไป ท่าทางน่าหมันไส้สุดๆ!
 
หน็อย! นี่นายยังไม่เลิกนิสัยกวนประสาทชอบปั่นหัวฉันเล่นอีกหรอย๊ะ! >*< ให้ตายสิ! เหมือนตานั่นแค่อยากแกล้งให้ฉันหึงยังไงไม่รู้!
 
“โอ๋ๆ น้า~”
 
ทวิตซ์ลุกจากเก้าอี้ ตรงมาลูบหัวฉันป่อยๆ ก่อนจูงมือพากลับมานั่งที่เดิม ไม่สนใจสาวสวยนมโตออกอาการกระฟัดกระเฟียด เพราะถูกเขาหักหน้า จน
เจ้าหล่อนต้องสะบัดตูดหนี
 
แต่พ้นจากนางนี้แล้ว คลื่นชะนีที่รอยื่นป๊อกกี้ให้เขายังมีอีกเป็นกระบวน ซึ่งตานั่นก็ดูจะสนุกสนานกับการเรียกชื่อฉันซ้ำๆ ซะเหลือเกิน =*= 
 
ตอนนี้หูฉันชาไปหมดแล้ว ทั้งเสียงหวานๆ ของอีตาทวิตซ์และเสียงกรี๊ดดี๊ด๊าของพวกผู้หญิงตีรวนกันไปหมด 
 
ประสาทจะกิน!!! <(=[]=)> ฉันล่ะเกลียดงานนี้ที่สุดเลย!
 
.
 
1 ชม.ต่อมา…
 
ในที่สุดป๊อกกี้เจ้ากรรมก็ถูกแจกจ่ายจนหมด ต้องขอบคุณพลังฝูงชนของเหล่าชะนีกระหายหิวที่ทำให้พวกนักเรียนกล้าเข้ามาต่อแถวรับป๊อกกี้ฟรีกัน
มากขึ้น แต่จนจบอีเว้นต์แล้ว ฉันยังไม่เห็นวี่แววความหวานแหวว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของงานนี้เลย =-=
 
ขณะที่ฉันมัวแต่นั่งเหม่อมองบรรยากาศหลังจบงาน จู่ๆ ก็มีกล่องป๊อกกี้สีชมพูยื่นจ่อหน้า
 
“ขอท้า” 
 
เจ้าของขนมรสสตอเบอรี่ส่งยิ้มร่า ดูท่าทั้งงานจะมีหมอนี่สนุกอยู่คนเดียว
 
เอ๊ะ เดี๋ยวสิ…ถ้าอยู่ต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ฉันก็ต้องพูดชื่อนายน่ะสิ!?
 
“…ทวิตซ์” ฉันเอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่ว
 
“คร้าบ~ ไม่เห็นได้ยินอะไรเลยน้า” 
 
ผู้ฟังจอมยียวนเล่นลิ้น ดูก็รู้ว่าอยากแกล้งกันเต็มที่ จนฉันไม่มีทางเลือกนอกจากตะเบ็งเสียงเรียกชื่อเขา
 
“ทวิตซ์!” 
 
แต่ดูเหมือนเจ้าชายจอมโลภยังต้องการมากกว่านั้น 
 
“ทำไมหรอ?”
 
ทวิตซ์แกล้งโง่ เอียงคอถามด้วยท่าทีขี้เล่นยั่วน้ำโหสุดตรีน ทำเอาฉันปรอทแตกแผดเสียงดังอย่างหงุดหงิด
 
“โธ่! ก็ฉันชอบนายไงเล่า!!!”
 

 
กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ก็ไม่อาจเอาคำนั้นกลืนลงคอได้อีกแล้ว
 
ฉันตะครุบปิดปากเจ้าปัญหาไว้แน่น ใบหน้าร้อนแดงวูบวาบ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่เกมโง่ๆ แต่หัวใจกลับเต้นแรงไร้การควบคุม
 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
 
เจ้าชายดอกไม้เจ้าเล่ห์หรี่สายตาจ้องมองฉัน เผยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ต้องการ 
 
“อยากให้ทุกวันเป็นป๊อกกี้เดย์จัง ^^”
 
ไม่เอาอีกแล้วย่ะ! ให้ทุกวันเป็น Exam Day ยังดีซะกว่า!
 
 
 
- 15 พฤศจิกายน-
 
วันพิเศษที่ฉันตั้งตารอ ‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’ 
 
งานอีเว้นต์ใหญ่ถัดจากฮาโลวีน ซึ่งมีเวลาเตรียมการเพียง 15 วัน โชคดีที่รายละเอียดงานไม่เยอะเท่าไหร่ เน้นติดต่อประสานงานกับบุคคลภายนอก
และตกแต่งพื้นที่มากกว่า เพราะกิมมิคจริงๆ ของงานคือ ‘พลุและคำอธิษฐาน’ ส่วนอื่นมีไว้เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศเท่านั้น
 
ฉันกับทวิตซ์ป่วย+ทะเลาะกันกินเวลาไป 3 วัน เตรียมงานป๊อกกี้เดย์อีก 3 วัน ไหนจะต้องเคลียร์งานจิปาถะ แอปหาคู่บรรเทาทุกข์ใจ อ่านหนังสือ หัก
วันพักผ่อน จึงเหลือเวลาเตรียมงานจริงๆ แค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น พวกเราเลยเร่งปั่นกันหัวหมุนจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
 
ตอนนี้ฉันกำลังง่วนอยู่กับการจัดผมเพ้า แต่งองค์ทรงเครื่องหน้ากระจก… 
 
อากาศเริ่มหนาว ปล่อยผมลงหน่อยดีกว่า…แต่แถวพื้นที่จัดงานลมแรงนี่นา หรือฉันจะมัดรวบดี? 
 
ชุดเดรสสีชมพูอ่อน เสื้อคลุมครีมก็สวยนะ หมอนั่นเคยบอกว่าฉันเหมาะกับสีชมพูนี่นา…
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 
บ้าจริง! แค่แต่งตัวไปงานทำไมต้องใจเต้น เพราะคิดถึงเขาด้วย 
 
นับวันทวิตซ์ยิ่งส่งผลต่อใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นไม่เจอหน้าก็ทำให้ใจสั่นได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวยังพาลทำให้คิดถึงเขา จนฉันเริ่มปลง ได้
แต่คิดปลอบใจตัวเองว่า มันคงเป็นเรื่องปกติล่่ะมั้ง…ก็หมอนั่นเล่นตามตื้อวนเวียนหลอกหลอนฉันทุกวันยิ่งกว่าผี ขนาดในฝันยังหนีไม่พ้น
 
มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่นักหรอก…แต่ขืนยังเป็นอยู่แบบนี้ พอถึงวันต้องบอกลากัน ฉันจะร้องไห้เอาน่ะสิ
 
ติ๊ดๆๆๆ
 
เสียงนาฬิกาแจ้งเตือนดึงสติหลุดจากภวังค์
 
ถึงเวลานัดแล้วนี่นา ไปทั้งแบบนี้เลยละกัน
 
ฉันบอกลาความลังเล ผละออกจากกระจกที่ยืนส่องอยู่นานสองนาน ก้าวเดินอย่างมั่นใจ
 

 
แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงยืนรออยู่เช่นทุกครั้ง ความประหม่าก็ถาโถมเข้าใส่ พร้อมเสียงหัวใจเต้นระรัว 
 
ความมั่นใจของฉันมันหนีไปพักร้อนแล้วรึไง?
 
เจ้าชายดอกไม้ยืนรออย่างใจเย็น เขาไม่ชอบเล่นมือถือเลยมักจะเที่ยวมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยแทน ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนที่ตั้งใจเฝ้ารอยิ่งกว่าใคร จึง
มักได้ยินเสียงฝีเท้าหรือสัมผัสถึงสายตาของฉันก่อน จนเราหันมาสบตากันเสมอ แม้ฉันยังไม่ได้เข้าไปทักทาย
 
แววตาสีฟ้าเปล่งประกายเล่นแสงอัสดงทอดมองฉัน เส้นผมสีเงินพัดพลิ้วตามลมหนาว 
 
วันนี้เขาสวมชุดไปรเวท เสื้อสเวตเตอร์ตัวใหญ่ใส่สบายสีเดียวกับนัยน์ตา กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบขาว ทั้งตัวเป็นโทนเย็นสบายตา แต่กลับให้
ความรู้สึกอบอุ่นน่ากอด แค่มองดูก็ละมุนไปทั้งใจ
 
“เธอสวยจัง” 
 
ไม่รู้เป็นมารยาทของพวกฝรั่งหรือนิสัยปากหวานส่วนตัวกันแน่ เขาถึงชอบกล่าวชมทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ทำให้คนฟังอดใจฟูไม่ได้ทุกที 
 
ไอ้คนติดกลิ่นเดินเข้ามาหอมหัวฉันฟอดใหญ่พอให้หายคิดถึง แล้วเดินจูงมือนำทางไป
 
 ช่วงนี้ปฏิกริยาต่อต้านของฉันต่ำลงเหมือนสัตว์เลี้ยงแสนเชื่อง แทบจะห้ามปรามนิสัยชอบลามปามของเขาเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
 
 อย่างว่าล่ะนะ ฉันเริ่มปลงแล้ว แต่ไอ้หัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เขานี่สิ ยังคงเป็นปัญหาโลกแตก แก้ไม่หายซักที 
 
จะว่าไป…ป่านนี้ไม่รู้ทางปลาดาวเป็นไงบ้าง? เห็นเธอขอตัวไปเดินตรวจงานกะไอแว่นก่อนเวลา 
 
ถึงไม่อยากเชียร์เท่าไหร่ แต่ช่วงนี้หมอนั่นแสดงออกชัดเจนร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันอดคิดไม่ได้ว่า คงได้คบกันชัวร์ ถ้าไม่มีใครมาชิงจีบปลาดาวตัด
หน้าซะก่อนอะนะ =-=
 
ต่างจากอีตาทวิตซ์ที่เข้าสู่โหมดเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ค่อยกระเหี้ยนกระหือรือจี้ถามเท่าไหร่แล้วว่า ‘รักรึยัง?’ 
 
สกินชิพเร่าร้อนที่เคยทำให้ฉันแทบมอดไหม้ ตอนนี้เริ่มคลายลงจนเปลี่ยนเป็นสัมผัสอบอุ่นหวานละไมเหมือนนั่งจิบโกโก้หน้าเตาผิง
 
เขาฉลาดเปลี่ยนวิธีเข้าหา ค่อยๆ บรรจงหยอดความหวานทีละนิดจนปริ่มล้น แทนที่จะยัดเยียดรสเผ็ดแซ่บจัดจ้านเข้ามารวดเดียวแบบไม่บันยะบันยัง
ไม่แปลกเลยที่หัวใจของฉันจะต่อต้านน้อยลง 
 
แต่บางครั้งหมอนั่นก็ยังเผลอหลุดแสดงสัญชาตญาณดิบให้เห็นอยู่เนืองๆ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ 
 
ฉันกำลังกินเครปครีมสดอย่างเอร็ดอร่อย
 
“วิปครีมติดปากเธอน่ะ” 
 
ทวิตซ์ชี้บอกฉันอย่างอดไม่ได้ตามนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิส 
 
ไม่รอให้ฉันเช็ด ปลายนิ้วโป้งร้อนแผ่วก็ชิงปาดออกให้ ก่อนที่เขาจะละเลียดเลียชิมรสชาติหวานล้ำจากปลายนิ้วจนหมดจด 
 
สายตาสีครามระยิบฉายแววนักล่า ทอดมองฉันราวกับอยากกลืนลงคอพร้อมวิปครีม ก่อนผันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นอย่างแนบเนียน 
 
“ไม่มีแล้วล่ะ ^^”
 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
 
เซ็กซี่เป็นบ้า! หัวใจฉันแทบระเบิด >///< ถึงนายจะมาทำใจดีล่อเหยื่อเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วย่ะ ภาพมันติดตาไปแล้ว!
 
ทวิตซ์อ่านทุกความคิดในหัวฉันออก หัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ แต่ยังคงเลือก ‘รอ’ แทนที่จะเข้ามาจู่โจมจี้จุด นักฆ่าเลือดเย็นปล่อยให้จิตใจสกปรกของ
ฉันทำงานต่อจนมันแดดิ้นตายไปเอง
 
“รีบไปจองที่กันเถอะ” 
 
ฉันพยายามควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งสงบ เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อลบภาพราคะในหัว
 
หมับ!
 
“เดี๋ยวหลงนะ”
 
ทวิตซ์ไม่ปล่อยฉันเดินนำคนเดียว รีบคว้าหมับรั้งไว้ 
 
แม้แต่วิธีจับมือของเขาก็เปลี่ยนไปจนทำให้ใจสั่น -///- 
 
นิ้วสอดประสานบีบรัดเบาๆ…พลันนึกถึงจูบลูกอมรสหวาน
 
ฉะ ฉันนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!!
 
ถึงป๊าม๊าที่เคารพรัก หนูขอโทษ ที่กลายเป็นผู้หญิงใจง่ายไปชั่วขณะ (_ _)
 
เมื่อเห็นฉันมัวแต่เหม่อ เจ้าชายดอกไม้ขี้ยั่ว เลยแกล้งใช้ปลายนิ้วเขี่ยไล้หลังมือเล่นจนเสียววาบ 
 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
 
ร้ายจริงๆ ไม่รู้อีตาทวิตซ์ไปร่ำเรียนวิชามาร 108 เล่มเกวียนมาจากไหนนักหนา ถึงสรรหาวิธีมาปั่นหัวฉันเล่นจนแทบคลั่งได้ทุกวัน หรือฉันควรจะปฏิเสธ
เขาแข็งขืนแบบเมื่อก่อนดี?
 
ทว่าบทเรียนที่ผ่านมาช่วยสอนให้รู้ว่า ยิ่งดีดออกแรงเท่าไหร่ เขายิ่งพุ่งกลับมาแรงเท่านั้น
 
…กฎแห่งแรงโน้มถ่วงช่างน่ากลัวเหลือเกิน T T 
 
ฉันจึงทำได้เพียงอดทนต่อเสน่ห์ร้ายกาจ ยอมกล้ำกลืนยาพิษแสนหวานที่ค่อยๆ แผดเผาจากภายใน
 

 
ในที่สุดเราก็ได้ที่นั่งเหมาะๆ ริมแม่น้ำ เพื่อรอชมสีสันของดอกไม้ไฟตระการตาและลุ้นว่าเทศกาลนี้จะแป๊กรึเปล่า?
 
ถึงตรงนี้ฉันควรอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเทศกาลให้ฟังพอสังเขป 
 
‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวันลอยกระทงของไทย แต่ด้วยกระแสต่อต้านรักธรรมชาติ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นเทศกาลชมพลุ
แทน ส่วนการอธิษฐานขอสิ่งดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรลอยน้ำ แค่กล้าตะโกนออกมาให้ดังกว่าเสียงพลุ ทั้งความปรารถนาและคำสารภาพบาปจะถูก
ส่งถึงพระเจ้า
 
งานนี้เปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม บริเวณงานประดับตกแต่งระยิบระยับด้วยไฟสีเหลืองนวล สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยเหมือนงานวัด
จัดที่นั่งชมพลุริมตลิ่งสุดโรแมนติก ถ้าไม่ติดเรื่องอากาศหนาวจัดจนแสบผิว ยุงชุมเสี่ยงเป็นไข้เลือดออก ทุกอย่างก็เพอร์เฟ็กเลยล่ะ
 
โชคดีที่ฉันแต่งตัวมาพร้อมมากและเลือดเย็นๆ ของฉันก็ไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานของยุงมาแต่ไหนแต่ไร
 
จากที่เฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่เข้างาน มีนักเรียนเข้าร่วมเยอะไม่แพ้ฮาโลวีน เหลือแค่รอลุ้นว่า ตอนจุดพลุจะมีไอ้บ้าหน้าไหนกล้าพอ ‘ปลดปล่อยคำ
อธิษฐาน’ ของตัวเองออกมาบ้าง 
 
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันคงต้องหาทางเอาตัวรอดจากลูกยั่วของเจ้าชายดอกไม้ให้ได้ก่อน 
 
“หนาวจัง…เขยิบเข้ามาอีกสิ” 
 
น้ำเสียงออดอ้อนหวานฉ่ำลอยมาพร้อมกลิ่นหอมของสวนดอกไม้เย้ายวนชวนละลาย
 
“…” 
 
ฉันแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยิน แต่ใบหน้ากลับร้อนฉ่า
 
ลำพังตอนนี้ก็ใกล้มากพอทำให้ฉันตะบะแตกได้อยู่แล้ว แหกตาดูสิยะตาบ้า! ห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ… แถมยังอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ซึ่งเป็นสินค้า
ออกใหม่จากเลิฟช็อป ที่ไม่รู้ว่ายัย ผอ. ใส่กลิ่นฮอร์โมนเสน่ห์ยาแฝกอะไรลงไปบ้าง? ฉันถึงรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ 
 
เมื่อไม่ยอมตามใจ ทวิตซ์จอมเผด็จการเลยเขยิบเข้ามาประชิดจนแนบเนื้อ มือใหญ่กดหัวฉันซบอกกว้าง พลางลูบผมเบาๆ สร้างดาเมจทำลายล้าง
รุนแรงจนอยากกรีดร้อง
 
ตอนนี้คำอธิษฐานที่ฉันอยากตะโกนออกมาที่สุดคงเป็น ‘อยากจับกด…’ 
 
เอ้ย! มะ ไม่ใช่สิ ‘เลิกปั่นหัวฉันซะที!!!’ >\\\<
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 
เสียงหัวใจเต้นระรัวและสัมผัสอบอุ่นของทวิตซ์ ปราบพยศฉันอยู่หมัด ทั้งร่างกายและหัวใจยอมจำนนใต้อาณัติ 
 
อืม…อยู่แบบนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ กลิ่นหอม แถมอุ่นดีด้วย -\\\-
 
พอรู้ว่าฉันไร้เขี้ยวเล็บจะต่อกร ทวิตซ์ก็ผละมือออกจากหัว เลื่อนลงมากุมมือแทน 
 
มือใหญ่ทาบทับสอดประสานนิ้ว บีบนวดเบาๆ ให้คลายหนาว
 
“ใกล้เริ่มแล้ว เธอจะอธิษฐานอะไรหรอ?” 
 
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย
 
“ไม่รู้สิ” 
 
ฉันยังคงควบคุมน้ำเสียงให้เปล่งออกมาอย่างราบเรียบมั่นคง 
 
แต่ใจกลับเต้นแรงมาก จนไม่รู้จะได้ยินเสียงพลุรึเปล่า…
 
ฟิ้วววว
 
ผลุ!!!
 
ประกายพลุดอกแรกกระจายแสงเต็มฟากฟ้า เปล่งสีสันอลังการตราตรึงใจ ตามด้วยพลุอีกหลายสิบดอกเบ่งบานตระการตา เฝ้ารอคอยคำอธิษฐาน ซึ่ง
ตอนนี้ยังไร้วี่แววของผู้กล้า
 
ฮ้าาา…
 
ฉันได้ยินเสียงสูดหายใจลึกเต็มปอดจากคนข้างกาย ก่อนที่เขาจะแผดแผ่เสียงตะโกนออกมาดังลั่นหูแทบดับ
 
“ขอให้เอเดลมีความสุข!!!”
 
ทั่วทั้งงานตะลึงงันกับคำอธิษฐานของเขา ไม่คิดฝันว่าพวกนอกคอกที่กล้าแหกปากขึ้นคนแรกจะเป็นเจ้าชายดอกไม้
 
“…ใครคือเอเดล?” 
 
คำถามเย็นเยียบ สยบเสียงตะโกนกร้าว 
 
เรื่องนี้มันค้างคาใจฉันมานานเหลือเกิน ถึงแม้จะเลือกเชื่อใจเขาและฝังกลบความสงสัยที่ผุดขึ้นในหัวพร้อมความรู้สึกหงุดหงิดไม่หยุดหย่อนลงได้ แต่
พอเขาตะโกนชื่อ ‘เธอ’ ออกมาต่อหน้าแบบนี้…ฉันทนไม่ไหวจริงๆ!
 
ทวิตซ์เชยคางฉันขึ้น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายผสมสีสันจากแสงดอกไม้ไฟบนฟ้าจนกลายเป็นสีม่วง ผลิยิ้มสวยงดงามสว่างสไวยิ่งกว่าดอกไม้ไฟดวง
ใด 
 
“พี่สาวฝาแฝดฉันเอง เป็นคนที่ฉันรักที่สุดในโลกเลยล่ะ”
 
พอได้ยินแบบนั้น ทำให้ฉันรู้สึกผิดเหลือเกินที่สงสัยในตัวเค้า…
 
“ขะ ขอให้เอเดลมีความสุข!!!” 
 
คนทั้งงานต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เพราะเสียงตะโกนของฉัน 
 
แต่ฉันกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก จนอยากตะโกนอีกรอบ
 
ถือเป็นการชดเชยให้นายแล้วกันนะ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีคำอธิษฐานในใจอยู่แล้ว
 
“ฮะๆ น่ารักอะ” 
 
ทวิตซ์ยิ้มหัวเราะอย่างชอบใจ 
 
“ขอบคุณนะ”
 
รอยยิ้มแสนหวานและคำขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจ ทำให้คำอธิษฐานแท้จริงผุดขึ้นมา…
 
‘ขอให้ทวิตซ์มีความสุข’ 
 
…ฉันอยากร้องตะโกนประโยคนี้ออกมามากกว่า
 
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ได้เห็นรอยยิ้มของนาย 
 
ถ้าการอธิษฐานเพื่อคนที่รัก ทำให้นายมีความสุข ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน
 
“ขอให้เอเดลมีความสุข!!!” 
 
ไม่นานนักก็มีเสียงตะโกนแซ่งซ้องแบบเดียวกันดังตามมาเป็นระลอก ประหนึ่งพากันอวยชัย
 
เดาว่าพวกเขาคงเข้าใจผิด คิดว่านี่คือคอนเซปต์หนึ่งของงาน เลยซุกซ่อนคำอธิษฐานของตัวเองเอาไว้ภายใต้คำอธิษฐานของทวิตซ์เช่นเดียวกับฉัน
เพราะคำอธิษฐานของนาย ทำให้ทุกคนกล้าเปล่งเสียงออกมาอย่างกล้าหาญ
 
แม้ว่าประโยคนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ แต่ฉันเชื่อนะ ว่าเสียงตะโกนเหล่านั้น จะช่วยทำให้คำอธิษฐานที่แท้จริงของพวกเขาชัดเจนขึ้น จนมันกลายเป็น
จริงในซักวัน
 
“ฮ่าๆ สนุกจัง ขอบคุณครับ” 
 
เจ้าชายดอกไม้หัวเราะร่า กล่าวขอบคุณลอยๆ แด่ทุกคนที่ช่วยนำพาคำอธิษฐานของเขา
 
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ‘เทศกาลแห่งคำอธิษฐาน’ ก็ถูกเรียกว่า ‘เทศกาลเอเดล’ และมีหลายคู่ที่สมหวังในความรัก เพราะเทศกาลนี้…ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้
แว่นด้วย =-=
 
“คือ…เราคบกันแล้วจ้ะ เพราะเมื่อคืนเคตะโกนสารภาพรัก ^\\\^;” 
 
ปลาดาวเล่าให้ฟังบิดอายม้วน นิ้วสะกิดเกาแก้มแดงก่ำ
 
“^^” 
 
ฉันทำได้แค่พยักหน้ายิ้มรับ แสดงความยินดีกับเธอ
 
อ่า เมื่อคืนฉันรู้อยู่แล้วล่ะ เพราะไอ้หมอนั่นมันดันสะเหร่อตะโกนออกมาตอนพลุดับพอดีจนคนทั้งงานหันไปมอง ขนาดฉันที่นั่งอยู่ไกลลิบโลดยังได้ยิน 
 
ตอนนี้เสียงไอ้แว่นยังตามหลอกหลอนก้องในหัวฉันอยู่เลย 
 
‘ปลาดาว!!!! ฉันชอบเธอ!!!! อยากเป็นแฟนเธอออ!!!! คบกันเถอะ!!!!’ 
 
ยังดีที่ทุกคนในงานน่ารัก ช่วยกันปรบมืออวยพรให้แทนที่จะขว้างปาข้าวของใส่ต้นเสียงแหกปากน่ารำคาญ -*- และฉันจำได้ขึ้นใจเลยว่า เป็นครั้งแรก
ที่เห็นทวิตซ์หัวเราะแทบขิต
 
เล่ามาซะเยิ่นยาว บทสรุปสั้นๆ ของงานนี้ คือ ทุกคนมีความสุข รวมถึงฉันด้วย คงต้องขอบคุณพี่สาวฝาแฝดปริศนาที่ตอนนี้กลายเป็นเทพีประจำงานไป
เรียบร้อย
 
ซักวันนึงถ้าเรามีโอกาสมาด้วยกันอีก…
 
ฉันก็อยากจะลองเสี่ยง ปลดปล่อยคำอธิษฐานที่แท้จริงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างกล้าหาญ เพื่อให้นายได้รับรู้เหมือนกัน
 

 
(จบตอน) 
 
เอเดลไวส์; ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อรักแท้ ที่งดงามราวกับฝัน
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา