ม.ปลายสายเวทย์

-

เขียนโดย TheBoyOnTheMoon

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 21.39 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,985 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 20.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) In the room of M.A.G.I.C

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
11
In the room of M.A.G.I.C
 
หลังวิชาพลศึกษา ซึ่งเป็นวิชาเสรีที่เดรโกรัสลงเรียนหลังคาบสังคมศึกษา หนุ่มผมแดงก็มาอาบน้ำชำระเหงื่อไคลที่มาจากการเล่นกีฬาที่ห้องอาบน้ำของโรงยิม ซึ่งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารฝั่งเหนือ
เด็กหนุ่มปล่อยให้น้ำอุ่น ๆ จากฝักบัวปะทะกับศีรษะและพยายามทำให้หัวโล่ง ทว่าเรื่องของอาเรียกับคำพูดของมารียังคงติดอยู่ในหัว              
เมื่ออาบน้ำจนสดชื่นแล้ว เขาก็สวมเครื่องแบบนักเรียนที่เอาติดมาในห้องน้ำด้วย และสวมแว่นตากันลมสีทึบเป็นอย่างสุดท้าย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องชมรม ซึ่งเป็นที่ ๆ น่าจะให้คำตอบกับเขาได้
“ว้ากกกก”
ทว่าเมื่อเปิดเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือคนบ้าสองคนกำลังวิ่งหนีหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นหนังสือหนาพอประมาณ แต่มีส่วนที่เป็นเขี้ยวคม ๆ จำนวนมากงอกออกมาตามขอบปก มันพับเข้าพับออกพะงาบ ๆ และกระโดดดึ๋ง ๆ ไล่กวดทั้งสองคน 
ที่แห่งนี้เรียกกันว่าห้องเวทมนตร์ หรือชื่อจริง ๆ ก็คือ ชมรมสืบสวนปริศนาและเรื่องทั่ว ๆ ไป (Mystery and General Investigation Club: M.A.G.I.C) 
“....”
“ช่วยด้วยค่า!!”
“...โทษครับ เข้าผิดห้อง”
“เดี๊ยววววว”
 
“มิมิคสินะ”
หลังจากจัดการหนังสือเจ้ากรรมได้สำเร็จ เดรโก ไท และลูอานาก็มานั่นรวมกันที่โต๊ะกลมกลางห้อง ส่วนเจ้าหนังสือมิมิคที่สิ้นสภาพเพราะโดนกระโดดเหยียบจนบู้บี้ก็นอนแอ้งแม้งอยู่กลางโต๊ะ
มิมิคเป็นสัตว์วิเศษชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีใครทราบหน้าตาที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร มันมักจะอาศัยอยู่กับสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะหีบสมบัติ เพื่อหลอกล่อนักผจญภัยมาเป็นอาหาร กระนั้นทุกวันนี้ก็ยังมีพวกบ้า ๆ บางคนพยายามเปิดกล่องมิมิคทุกครั้งที่เจอเพราะเชื่อว่ามีของเจ๋ง ๆ ซ่อนอยู่ 
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงมีมิมิคมาโผล่ในห้องชมรมได้ล่ะนั่น” หนุ่มผมแดงถามเพื่อนทั้งสอง
“อีตานี่น่ะสิคะ เรากำลังทำการบ้านฆ่าเวลาอยู่ดี ๆ ก็เล่นอะไรก็ไม่รู้” ลูอานาหันไปมองค้อนไอ้ตัวแสบที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยม
“แค่อยากรู้ว่าห้องนี้มันมีหนังสือต้องห้ามอะไรบ้างน่ะเน่อ ก็เลยลองเสกเล่นดู” เจ้าไทก้มหน้าตอบด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน แก้มทั้งสองของเขาเป็นสีชมพู
เดรโกสังเกตเห็นว่าหน้าปกของเจ้ามิมิคเขียนเอาไว้ว่า เกลียดความหวั่นไหวที่ก่อในใจฉัน เล่ม 1
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเลยว่าไอ้ตัวแสบนี่หาอะไรอยู่
แต่ว่า ทำไมหน้าปกถึงเป็นรูปผู้ชายกล้ามแน่น ๆ ล่ะ...
“ที่ห้องนี้คงไม่มีของต้องห้ามเก็บเอาไว้หรอก ถึงผอ.จะบอกว่ามีทุกอย่างก็เถอะ” เดรโกหยิบเจ้ามิมิคด้วยความแหยง ๆ และเอาไปเก็บที่ชั้นหนังสือ
“ก่อนหน้านี้ลองดูแล้วล่ะเน้อ พวกสิ่งมีชีวิต ของสด อาหาร หรือวัตถุดิบปรุงยาจะเสกมาไม่ได้ ส่วนน้ำยาวิเศษก็จะได้สูตรน้ำยามาแทน ส่วนของที่มันผิดกฎหมายก็จะได้กระดาษที่เขียนก็ของโรงเรียนมา แล้วก็ไอ้มิมิคนี่แหละ” 
“คงมีเอาไว้กันพวกที่หาอะไรแปลก ๆ นั่นแหละค่ะ” ลูอานาถอนหายใจ “ว่าแต่มารียังไม่มาเหรอคะ”
“ไม่เห็นเลยนะ คงยังเรียนไม่เสร็จล่ะมั้ง” เดรโกยักไหล่ “ว่าแต่บนโต๊ะนั่นอะไรน่ะ”
นอกจากพวกขวดโหลแก้วที่ใส่ขนุกขนมที่พวกเด็ก ๆ ซื้อมาสำหรับเอาไว้กินเล่นตอบคาบชมรมแล้ว วันนี้มีของที่ไม่เข้าพวกสองอันโผล่มาวางอยู่ด้วย
 “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เข้ามาก็เจอมันวางอยู่บนโต๊ะแล้ว” ลูอานาหยิบมาดู มันคือขวดโหลสองใบ ที่ขวดหนึ่งบรรจุใบชาแห้งเอาไว้ ส่วนอีกขวดมีเมล็ดกาแฟดิบ ไม่มีกระดาษโน้ตใด ๆ เขียนเอาไว้เลย
“ดีล่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาดื่มชากันไหมเน่อ ระหว่างรอมารี” ไทว่า ก่อนจะโบกไม้ตะพดไปหนึ่งที ทำให้มีกาต้มน้ำ กาน้ำชา และถ้วยชาลอยมาวางบนโต๊ะ แล้วมีอ่างล้างหน้าปรากฏออกมาจากกำแพงด้านหนึ่งพร้อมก๊อกน้ำ เขาหยิบกาต้มน้ำไปรองน้ำมาและใช้เวทมนตร์ต้มน้ำให้ร้อน
ระหว่างนั้นหนุ่มผมแดงก็เดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปด้านนอก และพยายามครุ่นคิดเรื่องของอาเรียกับมารี
“แต่ว่า เราก็ไม่รู้ว่าใครเอามาวางนะคะ จะไม่เป็นอะไรเหรอ” ลูอานาหันไปถามไท “เผื่อเจ้าของเขากลับมา เดี๋ยวจะมีปัญหาเอาอีก”
“อะไรที่อยู่ห้องนี้ก็ถือว่าเป็นของ ๆ ชมรมเรานั่นแหละ ช่วยไม่ได้เน่อ” หนุ่มหน้าหวานเดินกลับมา จากนั้นก็ตักใบชาใส่กาน้ำชาและรินน้ำร้อนลงไป เทน้ำแรกออก แล้วก็รินน้ำร้อนลงไปรอบที่สอง “หรือไม่ก็มารีอาจจะเอามาให้ก็ได้นะ นางยิ่งไม่ชอบบอกอะไรอยู่”
“ก็จริงนะคะ อาจจะเป็นมารีก็ได้” สาวผิวเข้มเท้าคางกับโต๊ะ “จะว่าไป เรื่องที่ว่าเดรโกเห็นอาเรียผมสีเงินนี่จริงเหรอคะ”
“อื้อ” เดรโกยังคงมองออกไปด้านนอก “ที่แปลกก็คือมารีเองก็เห็นเหมือนกันน่ะ”
“เอ๋”
“อ้อ เรากินกาแฟดำนะ” เขาหันกลับมา เป็นจังหวะที่ไทรินชาใส่แก้วพอดี
“งืม...ทำไมไม่บอกให้ไวกว่านี้เน่อ” 
“เหม่อไปหน่อยน่ะ โทษที รบกวนต้มน้ำร้อนมาให้ก็พอ” เดรโกว่า ก่อนจะโบกมือเสกคาถาเรียกของในห้อง ทำให้มีชุดทำกาแฟลอยมาวางที่โต๊ะ มีทั้งกระทะขนาดเล็กสำหรับคั่วเมล็ดกาแฟ เครื่องบด และกระดาษกรองพร้อมกรวย 
“งั้นเอาแก้วนั้นมาค่ะ เดี๋ยวกินให้” ลูอานาบอก ไททำท่าจะหยิบแก้วชาให้ ทว่า...
แก้วหายไป
“หืม”
“เอ๊ะ ขวดโหลขนมตรงนี้หายไปไหนน่ะคะ! เมื่อกี้เราว่ามันยังอยู่นะ!” ลูอานาร้องออกมา 
สองหนุ่มมองหน้ากัน จากนั้นไทก็เริ่มนับสมาชิกในห้อง
“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...เอ๊ะ” หนุ่มหน้าหวานขยี้ตาอีกรอบ “หนึ่ง...สอง...สาม...อ้าว”
อยู่ดี ๆ พวกเด็ก ๆ ก็ขนลูกซู่ สงสัยห้องนี้จะไม่ได้มีแต่มิมิคแล้ว
“อย่าล้อกันเล่นสิ” 
“เมื่อกี้ข้าน้อยนับได้สี่คนจริง ๆ นะ งั้นเดรโกลองนับดูบ้างสิ” ไทเริ่มหน้าซีด
“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่....เอ๊ะ หนึ่ง...สอง...สาม”
“มันชักจะแปลก ๆ แล้วนะคะ” ลูอานามองซ้ายมองขวา “ห้องนี้ไม่มีตำนานอะไรใช่ไหม”
“ผอ. ก็บอกว่าเป็นห้องเก็บของมาตลอดเฉย ๆ นะเน่อ” ไทยิ้มแห้ง ๆ 
“หนึ่ง...สอง...” ลูอานากลืนน้ำลายและเริ่มนับจำนวนสมาชิกอีกครั้ง  เธอนับตัวเอง ตามด้วยเดรโก ไท “...สี่”
มือของเด็กสาวหยุดนิ่งที่จุด ๆ หนึ่ง อีกสองหน่อกลืนน้ำลายก่อนจะหันไปหาและพบกับ...
“เมี้ยว”
“...”
“...”
“น้องแมวววว!!” ว่าแล้วแม่สาวก็โผเข้าไปอุ้มแมวน้อยและน้วยหน้าท้องนุ่ม ๆ ไปหนึ่งฟอด
“แมวของมารีนี่นา ที่แท้ก็ฝีมือเจ้านี่สินะ” ไทถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ลูอานาอุ้มเจ้าแมวดำมาวางบนโต๊ะ เขาเดินไปคลอเคลียสองหนุ่มอย่างขี้อ้อน
กระนั้นเดรโกก็ยังรู้สึกคลางแคลงใจอยู่ เพราะยังไงแมวก็ไม่น่าจะมีปัญญาขโมยแก้วน้ำชากับขวดโหลไปได้ แถมของที่ว่าทั้งสองอย่างก็หายไปด้วย
               
ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ มารีก็ยังไม่มา
“ทำไมเลิกช้าจัง” ไทที่นั่งทำการบ้านฆ่าเวลาหันไปมองนาฬิกาบนผนัง นี่ก็ผ่านมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว “งั้นทำกิจกรรมชมรมไปพลาง ๆ ก่อนไหมเน่อ”
“ก็ได้นะคะ” ลูอานาที่นั่งอ่านหนังสือเพราะทำการบ้านเสร็จแล้วพูดขึ้นมา “แต่ว่าจะทำอะไรล่ะ”
“ชมรมสืบสวนปริศนาก็ต้องไขปริศนาสิจ๊ะ”
“กรี๊ดดด!!”
อยู่ดี ๆ อาเทเนีย ไวท์ฟอร์ดในร่างเด็กสาวม.ปลายก็โผล่มานั่งด้วย เล่นเอาลูอานาที่นั่งข้าง ๆ กระเด้งตกเก้าอี้ ส่วนเดรโกกับไทก็สะดุ้งโหยง
“มะ...มาตั้งแต่ตอนไหนน่ะครับอาจารย์”
“ครูก็นั่งอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่ ๆ ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอชงชากันแล้วนะ” อาจารย์ฉีกยิ้มขี้เล่นก่อนจะจิบน้ำชาและกัดขนมไปคำนึง เดรโกสังเกตเห็นว่าขวดโหลใส่ขนมที่หายไปเมื่อครู่กลับมาแล้ว
รู้แล้วว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร
แต่ว่าเขาแน่ใจว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นที่ปรึกษาชมรมนั่งอยู่นะ           
“เห็นว่าคุณดันเต้มีอะไรกับคุณสเตฟานอฟเหรอ” ที่ปรึกษาชมรมเท้าคางมองหนุ่มผมแดงด้วยรอยยิ้ม
“ผมกับมารีเห็นอาเรียมีผมสีเงินน่ะครับ แต่คนอื่น ๆ เห็นเป็นสีบลอนด์กันหมด”
“งั้นเหรอ” ดวงตาสีเหลืองทองหรี่ลงเล็กน้อยและหันไปหาไทกับลูอานาที่กลับมานั่งที่เก้าอี้ “แล้วทั้งสองคนคิดว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ก็น่าจะเป็นที่แว่นนะครับเน่อ”
“ทั้งเดรโกทั้งมารีใส่แว่นทั้งคู่สินะคะ อาจจะเกี่ยวอะไรหรือเปล่าคะ” 
“นั่นสินะ งั้นมาทดลองกันไหม”
หญิงสาวหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาโบกหนึ่งที แล้วก็มีวิกผมยาวอันหนึ่งมาสวมบนศีรษะของลูอานา ทำเอาเดรโกกับไทหลุดขำเพราะไม่เข้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอเห็นอันนี้สีอะไรล่ะ”
“สีบลอนด์ทองครับ” เดรโกบอก
“ยังแยกสีได้สินะ แสดงว่าสมมติฐานแรกเป็นอันตกไป” อาเทเนียโบกไม้กายสิทธิ์อีกที ทำให้วิกผมลอยออกจากหัวของเพื่อนสาวและหายวับไป “ขอน้ำยาแปลงร่างหน่อยคุณไท”
“ได้ครับ” หนุ่มหน้าหวานเอี้ยวตัวล้วงลงไปในย่ามที่แขวนเอาไว้กับเก้าอี้ และส่งขวดน้ำยาที่บรรจุของเหลวสีเขียวส่งให้อาจารย์
มีของแบบนี้ด้วยเรอะ
อาเทเนียรินน้ำยาใส่แก้วที่ยังว่างอยู่ จากนั้นก็ดึงเส้นผมของตัวเองมาหนึ่งเส้นใส่ตามลงไป มีเสียงดังฟู่ออกมาเล็กน้อย เธอใช้ช้อนคน ๆ และยื่นให้ลูอานา
“เอ๋....”
“เอาน่า ไม่อันตรายหรอก” 
เด็กสาวมองของเหลวในแก้ว ก่อนจะแง้มหน้ากากและรีบดื่มเข้าไป
ผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที อาเทเนีย ไวท์ฟอร์ดคนที่สองก็ปรากฏตัวในห้อง โดยที่สวมเครื่องแบบนักเรียนและหน้ากากคนป่าหน้าตาน่ากลัว ลูอานาในร่างผอ. ค่อย ๆ ถอดหน้ากากออกมา ปรากฏใบหน้าของอาเทเนียที่แก้มเป็นสีชมพู
“ครูในชุดนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย” อาเทเนียตัวจริงยิ้มออกมา “เป็นไงบ้างคุณดันเต้”
“ก็เห็นลูอานาเป็นอาจารย์ครับ” หนุ่มผมแดงตอบตามที่เห็น
“แสดงว่าคุณสเตฟานอฟก็ไม่ได้ใช้น้ำยาแปลงร่างสินะ” อาเทเนียว่า “งั้นถ้าอย่างนี้ล่ะ ดิสสิมูโล”
ทันใดนั้น ลูอานาที่อยู่ในร่างอาเทเนียก็กลายเป็นมารี แต่ต่างกับตัวจริงตรงที่ทำหน้าเขินอาย
“อาจารย์คะ ทำไมหนูต้องเป็นตัวทดลองตลอดเลยอะ” สาวชาวเผ่าทำแก้มป่องบ่นอิดออด ทว่าไทถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เพราะยังไงก็ไม่มีวันเห็นมารีทำท่าทางแบบนี้แน่ ๆ
“เพราะมันตลกดียังไงล่ะ” ที่ปรึกษาชมรมหัวเราะก่อนจะหันไปหาเดรโก
ทว่าเขากลับค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น
“บิงโก”
นั่นเพราะสิ่งที่เขาเห็นผ่านดวงตาก็คือลูอานาที่ยังอยู่ในร่างของอาจารย์เช่นเดิม
“คงเป็นเพราะว่าเธอกับมารีพิเศษกว่าคนอื่นล่ะนะ” อาเทเนียกล่าว “เวทมนตร์คาถามาตรฐานที่พวกเธอใช้กันน่ะ ครูเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเองทั้งหมด แต่มันก็ยังมีจุดบอดอยู่”
“จุดบอดเหรอครับ/คะ”
“คาถานี้คือเวทย์หลอกสายตา เป็นเวทย์ธาตุแสงที่จะเปลี่ยนแสงที่สะท้อนจากเป้าหมายให้เป็นไปตามที่ผู้ร่ายคาถาต้องการ ทั้งเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือทำให้ล่องหนก็ยังได้ แต่ว่าเวทย์นี้ใช้ได้กับผู้วิเศษเท่านั้น ไม่ได้ออกแบบให้ใช้กับสัตว์ทั่ว ๆ ไปได้ เพราะครูคิดว่ามันคงไม่จำเป็น จริงไหมนัวร์”
“เมี้ยว” เจ้าแมวดำที่มองดูลูอานาร้องออกมา
“และอีกข้อหนึ่งก็คือ คาถามาตรฐานของครูสร้างมาสำหรับคนบนโลกนี้เท่านั้น ดังนั้นคนจากโลกอื่นจะไม่เห็นผลของเวทมนตร์นี้”
“เพราะมารีเป็นมนุษย์และมาจากต่างโลกสินะครับ” เจ้าไทประกบมือ “แต่ถ้างั้น...”
 แล้วลูอานากับหนุ่มหน้าหวานก็หันมาหาเดรโก
“คุณสเตฟานอฟคงใช้เวทย์หลอกสายตากับตัวเองเพื่ออำพรางตัวล่ะนะ แต่คงไม่คิดว่าจะมีผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์สองคนมาเจอเข้า” ทว่าอาเทเนียพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คำถามคือแล้วทำไมต้องพรางตัวด้วย พวกเธอน่าจะรู้คำตอบแล้วนะ”
เด็ก ๆ ทั้งสามกอดอกครุ่นคิด ทว่าเดรโกแทบจะเดาได้อยู่แล้ว 
ถ้าไม่นับอาร์คานา ผู้ที่มีผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าที่เขารู้มีแค่คนเดียว
“แต่อาจารย์บอกเองเมื่อตอนงานเลี้ยงก่อนเปิดเรียนนะครับว่าอาเรียไม่ใช่เจ้าหญิงเอเลนา” เขาแย้งอาจารย์
พอได้ยินดังนั้น ทั้งไทและลูอานาที่ในร่างของมารี (ที่เดรโกเห็นเป็นอาเทเนีย) ก็เบิกตาโพลง
“ก็เพราะถ้าครูไม่บอกไป คงจะวุ่นวายกันไปหมดน่ะสิ” อาเทเนียยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ
“อาจารย์ครับ” ในตอนนั้นเดรโกก็ยกมือขึ้นมา “เมื่อกี้อาจารย์ก็ใช้เวทย์หลอกตาเหรอครับ แต่ว่าผมไม่เห็นอาจารย์เลยนะครับ”
“ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เวทย์หลอกสายตาไงล่ะ” อาเทเนียยิ้ม “พวกเธอลองไปไขปริศนาเองแล้วกันว่ามันคือเวทย์อะไร ยังไงมันก็กิจกรรมชมรมของพวกเธออยู่แล้วนี่ ครูขอตัวก่อนแล้วกัน”
และทันใดนั้น ร่างของที่ปรึกษาชมรมก็ค่อย ๆ เลือนหาย และอันตรธานไปต่อหน้าต่อตาพวกเด็ก ๆ 
 
ที่ลานกว้างของโรงเรียน มารีที่กลับมาจากการซื้อของในเมืองมองดูอาคารฝั่งตะวันตกด้วยสีหน้าเรียบเฉย 
ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านัวร์ได้ส่งข้อความที่เธอฝากไปไหม เธอให้เขาไปบอกเพื่อน ๆ ว่าวันนี้เข้าชมรมสาย เพราะมีธุระในเมืองนิดหน่อย
แต่ว่าในตอนนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาสีเปลือกไม้เบื้องหลังแว่นเลื่อนจากห้องสมุดไปที่หอพักหญิง แล้วฝ่าเท้าของเธอก็ก้าวไปยังที่นั่นแทน
พอกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง มารีก็เปิดกระเป๋าสะพายข้าง และล้วงเข้าไปดึงไม้กวาดสำหรับบินด้ามใหญ่ออกมา ตัวด้ามจับเป็นไม้สีอ่อน เคลือบน้ำมันเป็นมันวาว ส่วนด้านปลายเป็นต้นหญ้าแห้ง ๆ สีน้ำตาลเข้มมัดเป็นพู่ปลายแหลมเหมือนพู่กันและเคลือบน้ำมันเช่นกัน เลยจากส่วนปลายขึ้นมาเล็กน้อยมีเบาะนุ่ม ๆ สำหรับนั่งผู้ติดเอาไว้กับด้าม แก้มของเธอกลายเป็นสีชมพูจาง ๆ เมื่อเธอลูบไล้มันเล่น
มารีลงเรียนวิชาการขี่ไม้กวาดอยู่ เพราะการใช้ร่มวิเศษในการบินมันก็ยังถือว่าค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับไม้กวาด ก็เหมือนวัยรุ่นที่อยากได้รถมอเตอร์ไซค์มาใช้แทนจักรยานนั่นแล
แต่การจะป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเรียนการขี่ไม้กวาดมันก็ค่อนข้างน่าอาย เพราะปกติผู้วิเศษรุ่นเยาว์จะได้เรียนวิชานี้ตั้งแต่ตอนม.ต้น และสามารถสอบใบอนุญาตได้ตั้งแต่อายุสิบสองปี และวิชาที่มารีเลือกลงก็มีแค่เธอที่เป็นนักเรียนคนเดียวในชั้น และสอนโดยอาจารย์วิชาอื่นที่ได้รับไหว้วานจากอาเทเนียมาเป็นกรณีพิเศษ
หลังจากเก็บไม้กวาดที่ห้องของตัวเองเสร็จ มารีก็ขึ้นไปยังชั้นสามและเข้าไปยังห้องพักห้องหนึ่ง
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอคือร่างบางของอาเรียนอนซมอยู่บนเตียง เธอกำลังนอนหลับอยู่ ใบหน้าซีดเซียวกว่าเมื่อวานมาก ที่ข้างเตียงมีต้นไม้วิเศษที่สามารถฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรคในอากาศได้วางอยู่หนึ่งต้น ที่หน้าต่างมีนกฮูกสีน้ำตาลหนึ่งตัวที่จะคอยรายงานสถานการณ์หรือเรียกมิสไนติงเกลกรณีฉุกเฉินเกาะอยู่ที่ขอบ
มารีนั่งลงข้าง ๆ เตียง และเอาหลังมือแตะไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย ไข้ยังสูงอยู่เลย
อันที่จริงมารีรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมเธอถึงเห็นแม่นี่หัวสีเงิน ตอนนี้เจ้าสามคนนั้นก็คงโดนอาเทเนียสปอยไปเรียบร้อย
แต่ที่สงสัยก็คือทำไม เจ้าพวกนั้น ถึงได้เห็นภาพแบบเดียวกับเธอและเดรโกเห็น จนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเด็กสาวคนนี้ได้
“หรือว่า...เจ้านั่น”
“งืม...” ในตอนนั้นก็มีเสียงครางเบา ๆ ดังมาจากเด็กสาว มารีจึงค่อย ๆ เอามือลูบไล้ลงไปบนผมสีเงินนุ่ม ๆ อย่างเบามือ
ภาพในวันเก่า ๆ ของสาวน้อยผมเงินนอนซมบนเตียงเพราะติดหวัดจนต้องคอยมาเฝ้าไข้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ มารียิ้มออกมาจาง ๆ ขณะมองไปที่ใบหน้าของอาเรีย
เธอเปิดกระเป๋าสะพายข้าง และหยิบหลอดแก้วเล็ก ๆ ออกมา ในนั้นบรรจุของเหลวใสบริสุทธิ์เอาไว้ เธอเปิดจุกก๊อกออกและค่อย ๆ รินลงไปในปากของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
หลังจากเก็บหลอดแก้วใส่กระเป๋า มารีก็ลุกขึ้นยืนเพราะหมดธุระกับที่นี่แล้ว เธอมองใบหน้าของเด็กสาวบนเตียงซึ่งตอนนี้ดูดีขึ้นมาก
ทว่าอยู่ดี ๆ ในอกของเธอมันก็รู้สึกจุก ๆ ขึ้นมา
มารีก้มตัวลงไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้ริมฝีปากนุ่ม ๆ สัมผัสลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วเด็กสาวก็เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา