ม.ปลายสายเวทย์
เขียนโดย TheBoyOnTheMoon
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 21.39 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 20.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Maiden, luggage, and a cat
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ01
Maiden, luggage, and a cat
กลางเดือนมีนาคม ในท้องทุ่งของชนบทสีเขียวขจีที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าที่กำลังเบ่งบานแต่งแต้มให้ผืนหญ้าเต็มไปด้วยสีสันหลังจากถูกปกคลุมด้วยหิมะมาเกือบสามเดือนนั้น มีเสียงครืน ๆ ดังขึ้นจากม้าเหล็กที่กำลังวิ่งไปบนรางโลหะด้วยความเร็วเอื่อย ๆ และมีเสียงแตรดังเป็นระยะเพื่อไล่พวกปศุสัตว์ที่ขวางทาง
บนนั้น ร่างผอมบางของเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเบาะผู้โดยสาร ดวงตาสีเปลือกไม้คู่โตที่ดูเยือกเย็นไร้อารมณ์กำลังจับจ้องไปบนตัวอักษรของจดหมายที่ถืออยู่ในมือผ่านแว่นตากรอบโต
ขอเรียนเชิญรับการทดสอบเพื่อเข้าเป็นนักเรียน
เรียนท่านผู้ที่ได้รับจดหมายฉบับนี้ ดิฉันมีความยินดียิ่งที่จะเรียนให้ท่านทราบว่า สถาบันของเราเล็งเห็นถึงความเป็นเลิศในตัวท่าน ซึ่งหากไม่ได้รับการบ่มเพาะที่เหมาะสม ย่อมเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง
เราจึงขอเรียนเชิญท่านมาเพื่อรับการทดสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในสถาบันของเรา ซึ่งมากพร้อมด้วยสรรพวิทยาความรู้จากคณาจารย์ชั้นนำของโลก
ขอเรียนว่าการทดสอบนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย และทางเราได้แนบตั๋วเดินทางทางอากาศ พร้อมบัตรเข้าพักฟรีสองคืนให้แก่ท่าน สำหรับเนื้อหาของการสอบและเอกสารที่ต้องใช้ ได้ถูกระบุเอาไว้ในตารางสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หากท่านมีความสนใจ โปรดเข้าสอบในวันและเวลาที่กำหนด
ขอแสดงความนับถือ
อาเทเนีย ไวท์ฟอร์ด
ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาเวทมนตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โอวล์ฟอสเทียร์
เด็กสาวพับจดหมายเก็บใส่ซ่องเอกสาร ซึ่งในนั้นมีเอกสารหลายอย่างแนบมาด้วย ทั้งตารางสอบ ตั๋วเครื่องโดยสาร และคูปองของโรงแรมที่ระบุสถานที่และวันเข้าพักเอาไว้ นอกจากนี้ก็มีเอกสารที่เธอเตรียมมาตามที่ระบุเอาไว้ในรายละเอียด เธอเช็กเอกสารทั้งหมดอีกครั้งเพื่อความชัวร์ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนกลับไปอีกรอบ
ถ้าอยากให้ไปเรียนจริง ก็ไม่ต้องมาสอบก็ได้นี่
เด็กสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ และเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่หางตาเห็นร่างน้อย ๆ ของผู้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามจ้องมาด้วยแต่แป๋ว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจนัก
ม.ปลายงั้นเหรอ
เธอเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเข้าเรียนมัธยมปลายที่ไหนเป็นพิเศษ แม้ตอนนี้จะถึงวัยแล้วก็ตาม แต่เพราะคำขอของคน ๆ นั้น
“ไปเข้าเรียนที่โอวล์ฟอสเทียร์ซะ แล้วถ้ามีโชค สักวันคงได้พบกัน”
นั่นเป็นข้อความสั้น ๆ ไม่กี่คำที่คน ๆ นั้นส่งผ่านคนสนิทมาถึงเธอ เอาจริง ๆ จะปล่อยผ่านไปก็ได้ แต่เพราะเขาคือคนที่เธออยากเจอมากที่สุดในชีวิต จึงยอม
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ที่ทางเดินก็มีร่างน้อย ๆ ปกคลุมด้วยขนสีดำเป็นมันเดินมาหยุดตรงที่นั่งของเด็กสาว ที่ปากของมันคาบม้วนหนังสือพิมพ์เอาไว้
“ขอบใจนะ” เด็กสาวตบ ๆ เบาะที่ว่างอยู่ แมวดำตัวน้อยกระโดดขึ้นมาและวางหนังสือพิมพ์ให้ เธอลูบหัวของมันสองสามทีและหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
หนึ่งปี องค์หญิงแห่งโชคชะตายังคงไร้วี่แวว
การค้นหาเอเลนา เอเลโอโนรา แอริแอนอฟ ซาเรฟนาแห่งเรฟลอเดีย ยังคงดำเนินต่อไป ถึงเวลาจะผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วหลังจากที่พระองค์ทรงหายตัวไปก็ตาม
แม้จะมีการสืบสวนอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังไม่มีเบาะแสใด ๆ คืบหน้า ทางราชวงศ์ได้ออกตามหาพระองค์ทั่วทุกสารทิศ และยังคงหวังว่าสักวันจะได้พบพระราชธิดาอีกครั้ง
การหายตัวไปของเจ้าหญิง ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อเรฟลอเดีย หนึ่งในดินแดนมหาอำนาจของโลกผู้วิเศษ หลายฝ่ายต่างรู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวล ทั้งในเรื่องของการเมือง การปกครอง และการเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรโดยรอบ อย่างที่ทราบกันดีว่าเจ้าหญิงทรงเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ และพระราชินีมาร์การิตา ซึ่งหากเจ้าหญิงทรงยังไม่กลับมาในเร็ววัน นั่นหมายถึงการสืบทอดอำนาจของราชวงศ์ที่สืบต่อกันมานับแปดพันปีอาจต้องสิ้นสุดลง และนอกจากนี้...
“ภาพในหนังสือพิมพ์ขยับได้ด้วยล่ะ!”
ยังอ่านไม่ทันจะอ่านจบ ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม เจ้าของเสียงที่นั่งมองเธอมาตลอดทางชี้มือน้อย ๆ มาที่หนังสือพิมพ์ที่เด็กสาวถืออยู่ หญิงสาวที่เหมือนจะเป็นแม่ของเขาก็มองมาด้วย
อีกฝ่ายทำตาปริบ ๆ ก่อนจะยื่นหนังสือพิมพ์ให้เด็กน้อยดูชัด ๆ ภาพในหนังสือพิมพ์นั้นก็อยู่นิ่งของมันตามปกติ
“มันขยับจริง ๆ นะ” เด็กน้อยยังไม่เชื่อแม้จะขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก
“คงจะมองวิวจนตาลายล่ะสิ” คุณแม่ลูบศีรษะของเด็กน้อย และยิ้มให้เป็นการขอโทษที่รบกวน เด็กสาวค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
รถไฟเริ่มชะลอความเร็วลง เมื่อยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นจุดจอดรถอยู่ไม่ไกล เป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้ว น่าเสียดายที่จุดหมายปลายทางของเธอไม่ใช่โรงเรียนเวทมนตร์คาถาแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรแต่อย่างใด
เด็กสาวเก็บหนังสือพิมพ์ใส่กระเป๋าสะพายข้าง เจ้าแมวกระโดดลงมาจากตักของเธอและยืดเส้นยืดสาย
“ชื่ออะไรเหรอฮะ” เด็กน้อยชี้ไปที่เจ้าเหมียว
“...นัวร์” ผู้เป็นเจ้าของตอบด้วยหน้าเรียบเฉย “...ไปก่อนนะ”
เด็กสาวหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จากชั้นวางเหนือศีรษะลงมา ที่หูหิ้วมีป้ายชื่อห้อยอยู่ มันถูกเขียนด้วยลายมือวิจิตรบรรจงเอาไว้ว่า
มารี โอแคลร์ (Marie Auclair)
จุดจอดรถไฟที่เป็นจุดหมายปลายทางของมารีตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งโล่ง ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่จาง ๆ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีเทาปกคลุม จุดจอดรถเป็นเพิงเก่า ๆ พอหลบฝนได้ ส่วนชานชาลาทำจากคอนกรีต โดยรอบนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีบ้านเรือน ต้นไม้ใหญ่ หรือผู้คน จนชวนให้คิดว่าจะสร้างขึ้นมาทำไมให้เปลืองงบกันนะ
แต่สำหรับมารี เธอแอบขอบคุณผู้ที่สร้างเจ้านี่ขึ้นมา เพราะมันทำให้เธอไม่ต้องเดินไกลมาก
เด็กสาวเดินลากกระเป๋าเดินทางไปตามถนนดินเล็ก ๆ พร้อมกับแมวคู่ใจ ราว ๆ สิบนาทีทั้งคู่ก็มาถึงทะเลสาบขนาดย่อม ผิวน้ำที่ใสบริสุทธิ์เห็นก้นนั้นกระเพื่อมเล็กน้อยจากลมเย็นที่พัดเบา ๆ อากาศตอนนี้ก็ยังถือว่าค่อนข้างหนาว ดีที่เสื้อโค้ทสีน้ำตาลและผ้าพันคอไหมพรมสีแดงที่ใส่มายังพอจะเก็บความอบอุ่นของร่างกายเอาไว้ได้
“...แน่ใจนะว่าตรงนี้” เธอก้มลงไปมองเจ้าแมว
“เมี้ยว”
มารีหยิบเหรียญออกมาเหรียญหนึ่ง เจ้าแมวมองเหรียญในมือของเจ้านายถูกดีดจากมือขึ้นฟ้าและตกลงไปในทะเลสาบดังจ๋อม...
“....”
แต่แทนที่เหรียญจะจมลงไปที่ก้นทะเลสาบ มันกลับหายไปแทน และเมื่อผ่านไปสักพัก เหรียญก็พุ่งขึ้นมาจากน้ำราวกับว่ามีคนปาเหรียญขึ้นมายังไงยังงั้น แล้วเหรียญก็ตกลงไปในน้ำก่อนจะพุ่งกลับขึ้นมาแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีร่องรอยของการเผาไหม้หรือถูกทำลาย
มารีมองป้ายเก่า ๆ เขียนด้วยตัวอักษรเลือน ๆ ไว้ว่า “อันตราย ห้ามลงเล่นน้ำ” เมื่อมองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร เธอก็เดินลากกระเป๋าลงไปในน้ำดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น
“เมี้ยว” แน่นอนว่าเจ้านัวร์รู้ชะตากรรมของตัวเองดี ยังไงแมวกับน้ำก็ไม่ใช่ของที่คู่กัน
“งั้นก็อยู่ที่นี่ไปคนเดียวนะ” มารีตอบด้วยหน้านิ่ง ๆ ระหว่างที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำโดยใช้กระเป๋าเดินทางช่วยพยุงตัวเอง
เห็นดังนั้น เจ้าเหมียวก็ไม่มีทางเลือก จึงกระโจนลงไปในน้ำตาม มันว่าเตาะแตะมาใกล้กับเจ้านาย แล้วเด็กสาวกับแมวเหมียวก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทำการตีลังกาในน้ำ
ถ้าใครมาเห็นคงตกใจคิดว่าไอ้เด็กนี่ทำบ้าอะไรอยู่
แต่มารีกับนัวร์ไม่ได้กระโดดลงไปในน้ำเพราะอยากเล่นน้ำแต่อย่างใด เธอกำลังใช้ “ประตู” เพื่อไปยังโลกอีกฟากต่างหาก
พอตีลังกามาครึ่งรอบ แทนที่จะจมลงไปใต้น้ำ มารีก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำแทน ราวกับเข้ามาในโลกที่กลับหัวกัน
เธอยังอยู่ที่ทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาเหมือนเดิม เพียงแต่มีป่าสนที่ห้อมล้อมรอบบริเวณหนาทึบแทนทุ่งโล่ง ๆ ที่นี่ยังคงไร้บ้านเรือนของผู้คน และดูไม่น่าจะมีใครอยากผ่านมาแถวนี้
มารีกับนัวร์ค่อย ๆ ว่ายกลับมาที่ฝั่งด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อยเนื่องจากสวมเสื้อโค้ท ไหนจะต้องลากกระเป๋าเดินทางมาอีก
“แง้ว...กึกๆๆ”
แน่นอนว่าตอนนี้ทั้งสองตัวเปียกโชกและหนาวสุด ๆ เจ้านัวร์ตัวสั่นจนฟันกระทบกัน มารีรีบหยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากเสื้อโค้ท มันคือแท่งคริสตัลใสบริสุทธิ์รูปผลึกควอตซ์เรียวยาวประมาณสองคืบ มีด้ามจับทำจากโลหะสีเงิน
“อารฟาชิโอ”
เธอกล่าวเบา ๆ และโบกแท่งคริสตัล ทำให้กระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้าของเธอ กับขนของเจ้าแมวเรืองแสงสีส้มจาง ๆ ตามด้วยไอน้ำละเหยฟุ้งออกมา แล้วทุกอย่างก็กลับมาแห้งสนิทเหมือนเดิม
จากนั้นเธอก็ชี้แท่งคริสตัลไปที่ทะเลสาบและโบกสะบัดเล็กน้อย ร่างของเธอห้อมล้อมด้วยแสงและอักษรเวทมนตร์โบราณสีทอง
“โคลว์ดอ ออสติอุม”
เมื่อแสงรอบ ๆ ตัวหายไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงอีการ้องอยู่ไกล ๆ
เหรียญที่ผุดขึ้นผุดลงเมื่อครู่ ตอนนี้ได้จมไปนอนที่ก้นทะเลสาบแล้ว มารีโบกแท่งคริสตัลอีกครั้ง ทำให้เหรียญลอยกลับเข้ามาในมือของเธอดังเดิม
“...ที่ไหนล่ะเนี่ย”
มารีมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายข้างและหยิบร่มสีดำด้ามยาวที่ไม่น่าจะใส่ในนั้นได้ออกมา
เธออุ้มนัวร์ขึ้นมานั่งบนบ่า กางร่มออก และยกกระเป๋าเดินทางด้วยมืออีกข้างที่ว่างอยู่
ลมพัดผ่านมาเบา ๆ ร่างของแด็กสาวค่อย ๆ ลอยขึ้นสูงจากพื้นจนพ้นแนวต้นไม้ มารีมองไปรอบตัวเพื่อดูพื้นที่จากมุมสูง
ไกล ๆ นั้นพอจะเห็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหนาราวกับกลัวว่าจะมียักษ์ไททันบุกเข้าไป
มารีเอนร่มไปข้างหน้าเล็กน้อยทำตัวเธอลอยเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เมืองนั้นตั้งอยู่ สายลมเย็น ๆ พัดผ่านใบหน้าขาวผ่องและเส้นผมลู่ไปตามลมปลิวไสว แม้จะดูเป็นซีนที่สวยงามเหมือนกับตัวละครพี่เลี้ยงเด็กผู้มีเวทมนตร์คนหนึ่งในภาพยนตร์ยุคหกศูนย์ แต่มารีก็ได้แต่เม้มปากแน่นเพราะอากาศเย็นปะทะหน้าจนชา
ก่อนจะถึงตัวเมือง เธอค่อย ๆ ลดระดับและลงจดบนพื้นอย่างนิ่มนวล แน่นอนว่าถ้าขืนฝ่าเข้าไปคงมีโดนสอยร่วงแน่ ๆ เพราะมันเข้าข่ายบุกรุก
มารีเก็บร่มใส่กระเป๋าและเดินมาที่ประตูเมือง มีคนต่อแถวอยู่ประปราย ส่วนใหญ่เป็นคาราวานสินค้า และคนในเครื่องแต่งกายแปลก ๆ เหมือนหลุดมาจากโลกแฟนตาซี
เมื่อถึงคิว มารีก็ยื่นหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ ตม. และตรวจสัมภาระ เมื่อผ่านด่านทั้งหมดมาแล้วก็เจอป้ายก่อนจะเข้าเมืองว่า ยินดีต้อนรับสู่ราชอาณาจักรเอลเดน
เด็กสาวถอนหายใจและขยับแว่นตาให้เข้าที่ แล้วเธอกับแมวดำตัวน้อยก็เดินไปพร้อมกับสัมภาระเข้าไปในตัวเมือง
ที่แห่งนี้คือโลกเวทมนตร์ โลกที่เป็นที่อยู่ของเหล่าผู้วิเศษ และสิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์มากมาย
มารีเองก็ไม่รู้ว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า จุดหมายปลายทางของเธอจะเป็นอย่างไรนั้นก็มิอาจจะทราบได้ และเธอจะได้พบกับ “คน ๆ นั้น” หรือไม่
คงจะมีแต่การเดินทางครั้งนี้ที่จะให้คำตอบกับเธอได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ