ChewaChamin #เชวาชามีน [MPREG]

-

เขียนโดย Pam18

วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.33 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  1,551 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567 19.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ทำความรู้จัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

"ยินดีต้อนรับกลับค่ะคุณหนู"

 

ชามีนพยักหน้าให้กับการโค้งตัวทักทายของคนรับใช้ส่วนตัวที่แสนจะนอบน้อมก่อนมารับกระเป๋าไปถือแทน

 

"ผมอยากจะสำรวจให้ทั่วคฤหาสน์หน่อยน่ะ ยังไงช่วยแนะนำทีนะ" ว่าพลางเดินนำขึ้นมายังห้องพักที่อยู่ชั้นสอง

 

"ได้ค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะรับของว่างก่อนไปไหมคะ"

 

"ไม่ครับ เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนชุดสักครู่"

 

เปลี่ยนใส่ชุดสบาย ๆ อย่างกางเกงยีนส์ขากระบอกกับเสื้อยืดตัวโครงสีครีม เช็คความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกนิดแล้วค่อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว

 

"ด้วยความที่คฤหาสน์กว้างมาก ดิฉันจะค่อย ๆ แนะนำทีละสถานที่ให้รู้จักนะคะ"

 

"ครับ รบกวนด้วย"

 

คฤหาสน์หลังใหญ่ใช่ว่าจะเดินทั่ววันเดียวจบ จึงเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ห้องกระจกซึ่งตั้งอยู่ชั้นเดียวกันเดินตรงไปจนสุดทางด้านขวาก็เจอ แต่พอมาถึงกลับเห็นใครบางคนนั่งอยู่ในนั้นแล้วอีกฝ่ายก็ดันหันมาเห็นพอดี

 

ชามันที่ตั้งใจจะหลบเลี่ยงยืนนิ่งงันเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกเดินมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส หล่อและสวยในเวลาเดียวกันอย่างที่ผู้คนล่ำลือ ไหนจะรูปร่างที่สูงโปร่งไร้ที่ติ หากบอกว่าลอยลงมาจากบนฟ้าก็เชื่อหมดใจ

 

"หวัดดี! นายนี่เอง...ผู้เข้าแข่งขันที่มาจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย ดวงตากลมใสมองเขาอย่างตื่นเต้นไร้ซึ่งการดูถูกดูแคลนรูปลักษณ์

 

"อ่า... หวัดดี" ชามีนไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดหากแต่พยายามเก็บอาการอันน่าสมเพชเอาไว้

 

"ได้ยินว่าอายุเท่ากัน เราชื่อตะวันฉายนะ นายล่ะ!"

 

"ชามีน"

 

"อื้อ! ชามีนก็จะมานั่งพักผ่อนที่นี่เหมือนกันเหรอ มาสิ...นั่งหลายคนสนุกดี"

 

ยังไม่ทันเอ่ยตอบตะวันฉายก็คว้าแขนพลางดึงให้เข้าไปในห้องกระจกด้วยกัน ชามีนจึงใช้โอกาสนี้มองสำรวจโดยรอบ ...ที่นี่เป็นเหมือนระเบียงที่ครอบคลุมด้วยกระจกรอบด้านสามารถเลื่อนประตูออกไปรับลมที่ระเบียงได้ 

 

ของตกแต่งด้านในก็มีโต๊ะ มีโซฟา มีชั้นหนังสือขนาดเล็ก ข้างกันเป็นฟูกฟูนุ่มน่านอน ผ้าห่ม แล้วก็หมอนหนุนหลากสีสัน จุดประสงค์คงหนีไม่พ้นเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจซึ่งชามีนรู้สึกชอบมันมาก

 

"เราพักอยู่ชั้นบนนี่เอง ชามีนพักอยู่ที่ไหนเหรอ" ตะวันฉายชวนคุย

 

"ชั้นนี้... ห้องอยู่สุดทางด้านนั้น"

 

"อ๋อ แล้วนี่ชามีนได้เจอพี่เชวาหรือยัง"

 

คนถูกถามส่ายหน้าพลางยิ้มอ่อน เป็นไปได้ไม่อยากเจอไม่อยากสุงสิงกับใครทั้งนั้นรวมถึงตะวันฉายด้วย

 

"งั้นเหรอ แต่เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอกันแล้วแหละ วันนี้ที่ห้องรับประทานอาหารสมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกัน"

 

ยิ่งฟังชามีนยิ่งอยากหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน จำนวนสมาชิกคงไม่ต่ำกว่าสิบคนตามที่หาข้อมูลมาแน่ อึดอัดรอไว้เลยเพราะแต่ละคนมีความถิอตัวสูงมาก ชอบคือชอบเลย ไม่ชอบคือเกลียดเอาเป็นเอาตาย

 

"ยินดีที่ได้รู้จักนะ ถึงเราจะต้องแข่งกันแต่อย่าถึงกับเกลียดชังกันเลยนะ"

 

"เราไม่เคยคิดแบบนั้นอยู่แล้ว"

 

"อื้อ ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ"

 

บรรยากาศมันประดักประเดิดแบบแปลก ๆ ไม่เชิงอึดอัด แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากกว่าเพราะดวงตากลมใสนั้นเอาแต่จับจ้องมา

 

"ชามีนเนี่ย... น่ารักจังเลยนะ"

 

คนอื่นฟังอาจดูแซะกระแนะกระแหนแต่ชามีนรู้สึกว่าอีกฝ่ายชมจากใจจริง ก็เลยยิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณเสียงเบา

 

"ฮะ ๆ ๆ เวลาเขินยิ่งน่ารักนะเนี่ย"

 

ปฏิกิริยาของชามีนไม่ได้เขินจนเสียอาการ เพียงแค่เกาแก้มแล้วยิ้มนิด ๆ เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้น่ารักอะไรเลย รอยแผลเป็นกินพื้นที่กว่าครึ่งซีกของใบหน้าลามลงมาถึงลำคอขนาดนี้เอาอะไรมาน่ารัก

 

สุดท้ายก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ชามีนตัดสินใจเอ่ยขอตัวแล้วขอให้ชมพู่พาไปดูที่อื่นต่อ...

 

 

 

.

 

.

 

.

 

เวลาอาหารเย็นเป็นอะไรที่ชามีนรู้สึกอึดอัดมากที่สุด ไม่อยากลงไปแต่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแค่นั่งรอแม่บ้านขึ้นมาตาม

 

"เหมือนโดนตัดหางเลยแฮะ" มองดูหน้าจอมือถือไร้ซึ่งการติดต่อจากครอบครัว 

 

โดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ได้แต่คิดหาคำตอบในใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ เขาทำผิดอะไรนักหนา 

 

ก๊อก ก๊อก...

 

"ได้เวลาแล้วค่ะคุณหนู"

 

เสียงของแม่บ้านส่วนตัวเอ่ยบอกอยู่หลังบานประตู ชามีนลุกขึ้นยืนพลางยัดโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนออกไปเผชิญชะตากรรม

 

ตามแม่บ้านลงมาที่ชั้นล่างตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร หัวใจที่ไม่ได้เข้มแข็งเท่าไรนักเต้นรัวด้วยความกลัว  ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านในจึงหยุดชะงักอยู่หน้าประตูทันที

 

บทสนทนาส่วนใหญ่ออกไปทางชื่นชมตะวันฉายเรื่องรูปลักษณ์และความเฉลียวฉลาด พอเป็นแบบนี้ชามีนไม่อยากเข้าไปเลย รู้สึกหายใจไม่เต็มปอดแถมมือก็ยังเย็นเฉียบ

 

"จะเข้าหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ช่วยหลบทางด้วย" 

 

ชามีนไม่รู้ตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดุดังอยู่ด้านหลังจึงค่อย ๆ หันกลับไปมอง เพราะก่อนหน้านี้หาข้อมูลมาค่อนข้างเยอะพอเห็นหน้าก็เลยรู้ทันทีว่าเป็นใคร

 

"เอ่อ ขอโทษครับ"

 

รีบขยับหลีกทางแต่มิวายมองสังเกตจนอีกฝ่ายเดินผ่านเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงร้องทักทายกันยกใหญ่ ทั้งรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าอันสง่างามน่าเกรงขามเหมาะสมกับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปอย่างยิ่ง

 

ถึงคราวที่ชามีนเองจะต้องเข้าไปบ้างแล้ว แม่บ้านเป็นคนเดินเข้าไปแจ้งทุกคนให้ก่อน แน่นอนว่าการมาของเขาทำเอาทั้งห้องอาหารเงียบกริบ ยืนอยู่ข้างนอกยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน

 

"เชิญค่ะคุณหนู"

 

ร่างสมส่วนรวบรวมสติและความกล้าก้าวเท้าเดินเข้าไป ภายในห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่และหรูหราแห่งนี้มีสายตากว่ายี่สิบคู่จับจ้องมองมา ใบหน้าแต่ละคนแสดงความรู้สึกแตกต่างกันออกไปแต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือไม่ชอบใจ

 

"นั่นน่ะเหรอลูกหลานจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา"

 

"อุ๊ย! ดูหน้าเขาสิ"

 

"แผลเป็นเหรอนี่น"

 

"ดูถูกเรามากเกินไปแล้วถึงได้กล้าส่งเด็กอัปลักษณ์นั่นมา"

 

"ท่าทางเหลาะแหละไม่ได้เรื่อง"

 

"เผลอ ๆ สมองทึ่มด้วยมั้งเนี่ย"

 

เสียงวิพากษ์วิจารณ์อืออึงไม่สนใจว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าจะรู้สึกแย่ขนาดไหน ใบหน้าที่ทุกคนลงความเห็นว่าอัปลักษณ์เจื่อนจนแหย มวลท้องจุกขึ้นมาที่ลำคอคล้ายจะอาเจียน ปลายเท้าจิกเกร็งแบบไม่รู้ตัว

 

ปึง!

 

"หุบปากกันได้แล้ว!"

 

เชาวฤทธิ์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะทุบโต๊ะพร้อมตวาดเสียงดังลั่น ทั้งห้องสะดุ้งตกใจรีบสงบปากสงบคำกันทันที

 

"แนะนำตัวซะสิ" เขาเอ่ยบอกเสียงดุ นั่งหลังตรงแผ่รังสีอำมหิตพร้อมกวาดสายตามองสมาชิกในตระกูลจึงไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดอะไร

 

ชามีนที่เห็นว่าคนทั้งห้องเงียบลงแล้วจึงเอ่ยแนะนำตัวเสียงสั่น สายตาไร้ซึ่งความพิศวาสพวกนั้นกำลังกัดกินความมั่นใจให้ร่อยหลอลงไปเรื่ิอย ๆ

 

"สวัสดีครับ ผะ.. ผมชามีนครับ เป็นลูกชายคนรองจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา" บรรยากาศช่างชวนให้อยากวิ่งออกไปอาเจียนเหลือเกิน ดีแค่ไหนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ไหว

 

"เสร็จแล้วก็ไปนั่งที่ซะ" เชาวฤทธิ์ก็ยังถือว่ามีความเป็นใหญ่แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจออกมาตรง ๆ เพราะถ้าทำแบบนั้นรับรองเลยว่าชามีนอยู่ที่นี่ลำบากกว่าเดิมแน่

 

แต่พอจะเดินไปหาที่นั่งกลับพบว่าไม่มีตรงไหนว่างเลย ราวกับจงใจตัดเขาออกจากมื้ออาหาร ...ชามีนแสยะยิ้มอ่อนใจออกมาอย่างห้ามไม่ไหว 

 

ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ต้อนรับเขาสินะ

 

"ตายจริง! ไม่มีที่ให้ผมนั่งเลยเหรอครับ บางทีก็ชัดเจนเกินไปรึเปล่า" 

 

จากที่กลัวโดนเกลียดแปรเปลี่ยนเป็นไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายคนที่นี่ก็ไม่ต่างจากคนที่บ้าน พอกันทีกับการถูกทำให้ดูไร้ค่า คนเราจะไร้ค่าได้ก็ต่อเมื่อตัวเองนั้นคิดว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ซึ่งเขาเป็นแบบนั้นมาตลอด...

 

"ยังไงต้องขอตัวก่อนดีกว่าเดี๋ยวเห็นหน้าตาน่าเกลียดของผมนาน ๆ แล้วจะพาลให้ทานอะไรไม่ลงกันเปล่า ๆ"

 

เอาเถอะ... ใครจะมองว่าไร้มารยาทก็ตามใจ เขามันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ อยู่รอวันจากไปเงียบ ๆ ไม่ยุ่งกับใครดีกว่า

 

 

 

 

>>>>>>>>>>>>

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา