Tales of Holython (ดินแดนวิปลาส)

-

เขียนโดย หมดไฟ

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 01.02 น.

  3 chapter
  1 วิจารณ์
  1,059 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 01.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Chapter 1 — Unknownland

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 1 — Unknownland
ท่ามกลางทะเลสีคราม และไกลสุดลูกหูลูกตา สกานที่อยู่บนเรือเขาก็ได้รู้จักกับบากาธ บากาธเป็นนักรบร่างสูงใหญ่กำยำไม่ต่างจากสกาน บากาธเขามีความฝันที่ว่าเขาจะได้ออกผจญภัยในดินแดนใหม่ แล้วสกานก็คุยกับบากาธไปเรื่อยๆจนกระทั่งทั้งสองคนสนิทกัน แต่แล้วหมอกก็ปรากฎขึ้นแบบฉับพลัน กัปตันตะโกนบอกให้ทุกหาที่ซ่อน แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ปรากฎตัวออกมา แต่รูปร่างไม่ชัดเจนมีเพียงตาของมันที่เรืองแสงสีขาวแล้วมองมาที่เรือ เมื่อมันพบว่าไม่มีใครอยู่มันก็หายไปแล้วหมอกก็จางลง กัปตันอธิบายว่ามันคือ1ในเจ้าแห่งท้องทะเล โดยเจ้าตัวนี้จะมองหาสิ่งมีชีวิตในกลุ่มหมอกกลางท้องทะเล โดยที่ไม่ทราบที่มาหรือลักษณะที่แน่ชัดของมัน และเมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับพายุฟ้าคะนอง ดั่งโดนเทพเจ้ากลั่นแกล้ง หรือถูกลิขิตทำให้เรือล่มลงไป สกานตื่นขึ้นมาบนชาดหายพบกับผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งที่อยู่บนหอคอยเก่าๆ สกานตะโกนให้พวกคนบนหอคอยได้ยินเขา เขาเดินตามทางไปที่หอคอยแล้วที่ใต้หอคอยเขาได้เจอกับเฟอร์ลิน ช่างเหล็กที่มากับเรือสำรวจอีกลำที่อยู่คนละลำกับสกาน เขามอบดาบ, โล่และเกราะให้กับสกาน แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
 
"ดินแดนนี้ยังไม่ได้สำรวจและยังไม่มีแม้กระทั่งชื่อจงจำไว้ว่าภยันอันตรายอยู่ได้ทุกที่ จงขึ้นไปบนหอคอยไปหาพวกนั้นว่าควรทำอย่างไรต่อไป"
 
สกานขึ้นไปบนหอคอยแล้วพบกับบากาธ และบรัน บรันเป็นนักผจญภัยอีกคนที่อยู่บนเรือลำเดียวกับเฟอร์ลิน บรันบอกกับบากาธและสกานว่า
 
"เราจะออกสำรวจในเช้าพรุ่งนี้ และเราจะขึ้นเขาลูกนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ"
 
เช้าวันต่อมาสกาน, บรันและบากาธ ปีนขึ้นไปบนเขาแล้วพบกับปราการหินของพวกเฮเรติกส์ ก็คือพวกทำลายศาสนา หรือพวกนอกรีตนั่นเอง ปราการของพวกมันมีสภาพที่ค่อนข้างโทรม เหมือนผ่านสงครามแล้วไท่ทีการบำรุงรักษา พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งที่ยังไม่พร้อม พวกเขามีแค่ดาบเก่าๆ ไม่อาจสู้กับพวกนอกรีตที่มีทั้งปราการและพรรคพวกจำนวนมากได้สิ่งที่พวกเขาทำได้มีแค่กลับไปที่หอคอยแล้วรอคอยความช่วยเหลือ แต่ระหว่างทางกลับไปที่หอคอย พวกเขาได้เจอกับพวกนอกรีตที่กำลังสร้างแคมป์
บรัน "พวกมันพึ่งมาได้ไม่นาน พวกมันมาหลังจากที่พวกเราขึ้นไปข้างบน"
 
"จังหวะดีๆจริงๆ" บากาธตอบโต้บรัน
 
"แล้วเราจะเอายังไงต่อล่ะ" บากาธถาม 
 
พวกที่บังอาจเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้ามิอาจให้อภัยได้" สกานตอบพร้อมหยิบดาบออกมา 
 
บรันห้ามสกานไว้แล้วบอกว่า”ระหว่างนี้เอาข่าวไปบอกกับพวกบนหอคอยก่อนเถอะ”
 
ในคืนอันเงียบสงัด คนบนหอคอยต่างประชุมปรึกษาหารือว่าจะทำยังไงต่อ
บรัน "ข้าว่ารอให้ทางอาณาจักรช่วยเหลือดีกว่า ”
 
เฟอร์ลิน "เจ้าบอกว่าจะรอ แต่ดูสิ! ใช้ตาของเจ้าดูให้ดีว่าพวกเรากำลังเจอกับอะไร! คนเพียง5คนจะสู้กับพวกนอกรีตจำนวนเท่าหนูได้รึ!"
 
บรัน "มันไม่มีทางอื่นแล้ว! ข้าเองก็อยากที่จะออกไปจากที่นี่เช่นกัน!"
 
หญิงนางหนึ่ง "เดี๋ยว! ...หยุดทะเลาะกันก่อน!"
 
เฟอร์ลิน, บรัน "..."
 
หญิงนางหนึ่ง "บากาธกับสกานล่ะ!?"
 
เฟอร์ลิน, บรัน"!!!"
 
เฟอร์ลิน "ออกตามหาเจ้าพวกนั้นเดี๋ยวนี้! โดยเฉพาะบากาธ เจ้านั่นคือกำลังหลักที่เหลืออยู่-"
 
บากาธ "ข้ากลับมาแล้ว... มาพร้อมกับสหายที่เจ้ากำลังหาไง"
 
สกานโยนสรรพาวุธที่อาบเลือดที่กลางโต๊ะ ทุกคนตกใจและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ท่ามกลางความเงียบสงัด บรันก็ถามขึ้นมาว่า
 
บรัน "เจ้าไปเอามาจากไหน"
 
สกาน "ข้าก็แค่ไปหยิบมา"
 
ทุกคน "..."
 
เฟอร์ลิน "เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็มีอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัวละ แล้วนี่พวกเจ้าไปจัดการกับพวกนอกรีตพวกนั้นได้อย่างไร?"
 
บรัน กับ สกานแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
ย้อนไปเมื่อ2ชั่วโมงก่อนหน้า ที่สกานกับบากาธกำลังบุกปราการพวกนอกรีต ทั้งสองคนกำลังซ่อนตัวอยู่
บากาธ "นี่เจ้าจะเอาจริงรึ มันอันตรายนักนะ"
 
สกาน "ก็ช่วยไม่ได้มันมีทางอื่นงั้นรึไง?"
 
บากาธ "เฮ้อ เอาไงเอากันละวะ"
 
ทั้งสองคนย่องเข้าไปลอบสังหารพวกยามเฝ้าประตูแล้วหยิบหอกกับมีดสั้นมาติดตัวไว้ เมื่อเข้าไปข้างในได้แล้วจึงค่อยๆโขมยเกราะมาใส่ แต่ดันถูกจับได้ พวกบากาธจึงทำการฆ่าล้างบางพวกนอกรีตในปราการจนหมดสิ้น แต่ดันมีเสียงดังเหมือนอะไรใหญ่ๆ กำลังใกล้เข้ามา
**"โครม!"**ประตูบานใหญ่ได้พังลงปรากฏเป็นบอสของพวกนอกรีต ที่รูปร่างอ้วนและถือท่อนซุงขนาดใหญ่
 
บากาธ "โอ้วแม่เจ้าโว้ย"
 
สกาน "ซวยละ"
บอส " พวกเจ้าคิดผิดแล้วที่บุกรุกมายังปราการของข้า! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเสีย!"
 
สกาน "บากาธ! หนี!
 
"บากาธ "ไม่ต้องบอกข้าก็รู้!"
 
ทั้งสองวิ่งไปที่หอคอยที่อยู่ภายในปราการ
 
"เจ้าคิดเหมือนข้ามั้ย… ฮะฮ่า ข้าก็คิดเหมือนเจ้า" ทั้งสองคนพูดพร้อมกันเหมือนนัดกันไว้ แล้วพวกเขาขึ้นหอคอย
 
บากาธ "สกาน เจ้าคอยข้าอยู่ชั้นนี้เมื่อได้สัญญาณเจ้าก็เริ่มเลย"
 
สกาน "สัญญาณ!? สัญญาณอะไร!?"
 
บากาธ "เดี๋ยวข้าให้สัญญาณ!"
 
สกาน "โว้ยไม่รู้ละ”
 
บากาธวิ่งขึ้นไปบนยอดหอคอย ในขณะที่สกานก็ยังงงอยู่ ทันใดนั้นบอสก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ช่างโชคดีที่ด้วยความที่ตัวมันอ้วนใหญ่เลยเดินช้า แล้วก็มีก้อนหินก้อนเล็กๆ ตกลงมาที่สกาน สกานเงยหน้ามองพบว่าเป็นบากาธที่กำลังโยนก้อนหินพวกนี้ใส่ บากาธชูนิ้วโป้ง ให้สกานทำตามแผน สกานแก้มัดเชือกเส้นใหญ่ ประมาณ 2 ข้อมือได้ แล้วโหนไปหาเจ้าบอสตัวนั้น ตอนนี้สกานอยู่เหนือหัวเจ้าบอสอ้วนนั่นแล้ว ทันใดนั้นรองเท้าเหล็กเก่าๆ ที่พึ่งรอดมาจากการอัพปางของสกานได้ฟาดไปที่กลางหัวของเจ้าบอสนั่น บอสกระโหลกร้าวแล้วร้องด้วยความทรมาร สกานตกลงมาที่พื้น แต่บอสก็ไม่ได้ตายลงแต่อย่างใด มันโซซัดโซเซ แล้วทันใดนั้นเอง ท่อนไม้อันเท่าเอวก็ตกลงมาพร้อมกับบากาธที่จับท่อนไม้นั่นไว้ กระแทกซ้ำแผลเก่าที่สกานทำไว้… ตอนนี้เศษสมอง กระโหลก ลูกตา กราม ฟัน อวัยวะต่างๆที่อยู่บนหัวของมันเละและกระจายออกมีเลือดและเศษสมองกระจายตามพื้นเหมือนกับลูกโป่งน้ำที่แตกออกมาเป็นเลือดอย่างไงอย่างนั้น
 
บากาธ “แฮ่ก… เอาล่ะ… หมดแล้วแหละข้าว่า”
 
สกาน “เอ้อ! ซักที… เราเอาพวกของสรรพาวุธไปที่หอคอยก่อนดีรึไม่?”
 
บากาธ “ข้าขอพักก่อนซิ…”
 
สกาน “งั้นข้าด้วยคน”
 
ทั้งสองคนพักเหนื่อยกันก่อนที่จะหอบเอาสรรพาวุธต่างๆจากปราการที่เละเทะและผุพัง กลับไปยังค่าย… และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
 
ตัดภาพมาที่ค่ายเวลาปัจจุบัน ทุกๆคน ต่างอึ้งกับสิ่งที่ทั้งสองคนได้เล่าออกมา แต่เฟอร์ลินไม่เชื่อว่าสิ่งที่ทั้งสองเล่าเป็นความจริง พร้อมทั้งตะโกนให้ทั้งสองเล่าความจริงออกมา ทั้งสองมองหน้าเฟอร์ลินเพราะทุกสิ่งที่พวกเขาเล่าเป็นเรื่องจริง และเล่าไปทั้งหมดแล้ว
บรัน “เฟอร์ลิน ข้าว่าเจ้าควรใจเย็นก่อน ภาพที่เจ้าเห็นก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ถุงสรรพาวุธที่มีเลือดสดๆ เจ้าก็ได้กลิ่นมิใช่รึ”
 
เฟอร์ลิน “อ่า… ข้าขอโทษ… ข้าใจร้อนเกินไป เพราะข้ากลัวว่าเจ้าทั้งสองจะหาทำสิ่งใดที่มัน เกินเลย…”
 
บากาธ “ข้าเข้าใจน่าตาแก่ ข้าก็อยู่กับเจ้ามาตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้า…”
 
บากาธพึ่งนึกได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินเลยอย่างที่เฟอร์ลินว่า
 
บากาธ “เอาจริงมันก็เกินเลยอยางที่ท่านว่านั่นแหละ ข้าขอโทษ…”
 
สกานมองดูทั้งสองคนที่กำลังขอโทษซึ่งกันและกัน เป็นภาพที่น่าประทับใจที่สกานเองก็มิเคยได้รับ เพราะพ่อผู้ให้กำเนิดก็ไม่เคยเจอ พ่อเลี้ยงคนแรกก็ขี้เมามาร้ายร่างกายเขาและผู้หญิงที่รับเลี้ยงเขามา คนต่อมาที่เป็นพ่อค้าก็ถูกพวกโจรฆ่าตาย อีกคนที่เป้นนักรบก็ไม่เคยมีเวลาให้ เพราะเกิดสงครามตลอด นั่นทำให้สกานกลับดูนิ่งเฉยต่อภาพดังกล่าว ถึงแม้ในใจของเขาจะพูดว่า
 
“ชีวิตเจ้าช่างน่ายินดีนัก” ด้วยความอิจฉา
 
ทันใดนั้นสกานด็เกิดโมโหขึ้นมาเพราะดันนึกถึงบรรดาพ่อเลี้ยงของเขา เขาไม่สามารถแสดงความอิจฉาริษยาต่อเพื่อนของเขาได้ เขาจึงเดินออกจากหอคอย
 
บรัน”สกาน! เจ้าจะไปไหนรึ?”
 
สกาน “…” “ข้าจะไปจับนก…”
 
บรัน “ไม่เอาน่า~ ไหนๆเจ้าก็เอาของพวกนี้กลับมาที่ค่ายแล้ว เจ้าก็ควรได้รับคำขอบคุณมิใช่รึ? อย่าน้อยใจที่ต่าแก่เฟอร์ลินเขาว่าเจ้าเลย เจ้าโตแล้วนะมิใช่เด็ก”
 
บากาธ “มาสิ! สหายข้า! มาฉลองกันเถอะ!”
 
สกานไม่ได้ยิ้มออกมา เขาทำหน้านิ่งเฉย แต่หัวใจของเขากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
 
สกาน “เห้อ… เอาเถอะ พวกเจ้านี่… ขี้เซ้าซี้ชะมัด”
 
สกานพูดเหมือนเขาไม่ได้อยากจะไปร่วมฉลองเท่าไหร่นัก แต่ในใจเขาเบิกบานดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานรับแดดในยามเช้า
 
ทุกคน “ฮูเร่!~ ฮู่เร่!~ ฮูเร่!~”
 
แล้วก็หมดคืนนี้ไป…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา