เกมมรณะ
เขียนโดย N_ksn
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 21.14 น.
แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 21.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ผู้คุ้มครอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อฉันมองขึ้นไปตามที่เด็กสาวคนนั้นชี้ ฉันเห็นปลายเส้นผมจำนวนหนึ่งกำลังสะบัดปลิวอย่างช้าๆ แต่น่าแปลกใจที่ขณะที่เรายืนอยู่นั้นไม่มีลมเลยสักนิดเดียว และในห้องก็ไม่ได้เปิดพัดลมอยู่ เป็นไปได้ยังไงที่เส้นผมจะพลิ้วไหวได้อย่างนั้น
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าคนจำนวนมากกำลังวิ่งมาทางพวกเรา แล้วสิ่งที่พวกเราสงสัยในห้องนั้นก็ได้ตื่นขึ้น หญิงสาวในห้องกรีดร้องด้วยความกลัว ทันใดนั้นเส้นที่ยาวสลวยก็พุ่งไปที่เธอ มันพันรอบตัวเธอแล้วยกตัวเธอลอยขึ้นบนอากาศ
ฉันหันไปมองพวกเพื่อนๆของฉัน ทุกคนต่างพากันเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ตัวเองส่งเสียง
และถัดไปไกลจนสุดทางเดินเด็กสาวจำนวนมากกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา พวกเธอต่างพากันวิ่งเข้าห้องปิดประตูกันเสียงดังโครมคราม
เสี้ยววินาทีที่ฉันหันหน้ากลับมาภาพที่อยู่ตรงหน้าคือหัวของหญิงสาวที่ไม่มีลำตัว หน้าตาซีดเผือก คอเธออยู่ติดกับเพดาน ห้อยหัวลงมา ผมของเธอยาวเฟื้อยลงมาจนถึงพื้น ราวกับว่าเธอใช้เส้นผมของเธอในการเดินแทนขา
“ฮือ... ช่วยฉันด้วย ฉันยังไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยด้วย ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยังไม่อยากตาย”
[ฮ่าๆๆๆๆ]
เด็กสาวน้ำตาอาบแก้ม ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว แต่มีแค่เสียงของหัวเราะของปีศาจผมยาวนั่นตอบกลับมา
{วิ่ง!}
เสียงของชายในชุดคลุมสีดำดังขึ้น ฉันรีบจับมือเพื่อนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดรีบวิ่งเข้าห้องที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของทางเดินทันที เพื่อนของฉันคนอื่นๆจึงรีบวิ่งตามมา
ทุกคนแอบอยู่ตรงมุมห้อง โดยที่ยังไม่ได้ปิดประตู ในขณะที่ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่นั้น ด้วยความที่ฉันโมโหว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใครมันแกล้งกันด้วยเรื่องโหดร้ายแบบนี้และความสงสัยว่าชายในชุดดำคนนี้เป็นใคร ฉันได้หันไปดึงหน้ากากของชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ข้างฉันทันที ยื้อแย่งกันอยู่ไม่นานฉันก็ได้เห็นใบหน้าของชายในชุดคลุมสีดำนั้น ผมสีทอง ตาสีน้ำตาล ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเหลือง หน้าตาจัดว่าหล่อเลยก็ว่าได้
เขาทำหน้าตกใจที่ฉันสามารถถอดหน้ากากออกมาได้ ชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ตรงนั้นอีก 5 คนตกใจกับการกระทำของฉันเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างทำมือปฏิเสธเหมือนกับว่ากลัวฉันจะถอดหน้ากากคนที่เหลือไปด้วย
“นี่นายเป็นใครกันแน่!”
ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบ เสียงกรีดร้องและเสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้น ฉันรีบวิ่งออกไปดูทันที เด็กสาวจำนวนหลายสิบคนกำลังวิ่งมุ่งหน้ามาที่พวกเรา และด้านหลังของพวกเขาคือปีศาจผมยาวที่กำลังใช้ผมของมันในการรัดคนขึ้นมาและเอาเข้าปาก
“วิ่ง! ลงไปชั้นล่าง เร็วๆ!” ฉันรีบหันไปบอกเพื่อนๆที่เหลือทันที ทางเดินที่แสนยาวไกล ในที่สุดก็วิ่งมาถึงบันไดทางลงสักที ฉันหันไปมองอีกครั้งก่อนจะวิ่งลงไป ภาพที่ฉันเห็นคือปีศาจผมยาวได้ใช้เส้นผมของมันรัดตัวเด็กสาวหลายคนลอยอยู่บนอากาศ
“ปีศาจนั่น เหมือนจะกินได้ทีละคนแฮะ แถมกว่าจะกินเสร็จก็ใช้เวลาสักพักเลย”
{มัวแต่บ่นอะไรรีบลงไปเดี๋ยวนี้}
“รู้แล้วน่า แล้วนายไม่ใส่หน้ากากแล้วรึไง”
{เจ้าเห็นหน้าข้าแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่อีกต่อไปแล้วล่ะ}
ทำไมฉันรู้สึกจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีเลยนะ
“ฉันว่าตอนที่ฉันขึ้นมามันไม่ได้มีหลายชั้นขนาดนี้นะ ทำไมตอนนี้อย่างกับว่าอยู่ที่ชั้น 10 แหนะ แถมตอนนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นปูนแทนที่จะเป็นไม้ จะว่าไปเหมือนมีแค่ชั้นนั้นชั้นเดียวที่เป็นไม้”
{ฮึ! ฉลาดดีนี่ เอาเป็นว่าออกจากอาคารนี้ให้ได้ก่อน แล้วฉันจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง เร็ว!}
การสนทนาเมื่อกี้มีแค่ฉันกับชายชุดคลุมสีดำคนนั้นที่ได้ยิน คงเหมือนการคุยกันทางจิตอะไรทำนองนั้น
[คุณผ่านด่านแรกแล้ว]
[ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น]
<โปรดเลือกอาวุธ>
- ปืน
- เกราะแห่งอาเชีย
- ลูกแก้วกาลเวลา
- ดาบแห่งเบียทริกซ์
“เกม? เมื่อกี้เราอยู่ในเกมงั้นเหรอ แล้วตัวเลือกพวกนี้มัน....” มายพูดขณะที่กำลังจ้องข้อความที่อยู่ตรงหน้า
“นี่มันอะไรกันวะ แล้วนี่ก็เช้าอยู่ด้วย เมื่อกี้ยัง 4 ทุ่มอยู่เลย ให้ตายสิ” แคลร์มองท้องฟ้า
“สัญญาณก็ยังไม่มีเหมือนเดิม นี่เราอยู่ในเกมจริงๆเหรอ” ดายื่นโทรศัพท์หาสัญญาณ
“เอาเป็นว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนเหอะ พวกเรายังมีอะไรที่ต้องรู้อีกเยอะ”
“หืม...”
ฉันพูดพร้อมกับจ้องไปที่ชายผมทองคนนั้นด้วยสีหน้าที่มีเลศนัย และเพื่อนๆก็ต่างพากันสงสัยในสิ่งที่ฉันพูด สถานที่ที่เราอยู่ก็คือค่ายที่เรามาทำกิจกรรม อาคาร สถานที่ต่างๆทุกอย่างดูปกติ เพียงแค่ตอนนี้เหมือนจะไม่มีคนอยู่เลย
ฉันและเพื่อนเดินที่ม้าหินอ่อนที่อยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อเรานั่งลงครบแล้ว จู่ๆชายในชุดคลุมสีดำทั้งหมดก็ปรากฏตัว แน่นอนว่าทุกคนยังใส่หน้ากากอยู่ ยกเว้นคนที่ฉันเพิ่งถอดหน้ากากไป
“อะไรน่ะ! ใครน่ะ!”
“เชี่ยไรเนี่ย!”
“มึง...กูกลัว”
“เขาจะฆ่าเราไหม”
“ทำไงดี”
“ทุกคนๆๆ ใจเย็นๆนะ ที่จริงพวกเขาตามเรามานานแล้วแหละ พวกมึงแค่ไม่เห็น” ฉันจับไหล่ของทุกคนให้นั่งลง และปลอบใจทุกคน
“ตาม? ตามตอนไหน กูไม่เห็นนะ หรือมึงเห็นเหรอ” ดามองชายในชุดคลุมด้วยความหวาดระแวง
“ใช่ กูเห็น แล้วกูคิดว่าพวกเราต้องรู้อะไรบางอย่าง นี่! บอกได้ยังว่านี่มันคืออะไร เราอยู่ที่ไหน แล้วเราจะออกจากเกมที่ว่านี่ยังไง” ฉันหันไปถามชายผมทองพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“เอาล่ะ พวกข้าจะอธิบายให้ฟัง” ชายผมทองพูด
เหล่าชายในชุดคลุมสีดำก็ได้เรื่องเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่พวกเราเข้ามาอยู่ในโลกแห่งเกมนี้ได้ เพราะจำนวนคนเรามีมากพอที่จะเล่นเกม เกมของเหล่าผู้คุ้มครองที่เล่นพนันกัน แต่เหมือนพวกเขาจะปกปิดบางอย่างไว้ เพราะชายในชุดคลุมสีดำไม่ยอมบอกว่าพวกเขาได้อะไรจากการที่เราชนะเกมและรอดไปได้ ในโลกแห่งเกมนี้เหล่าผู้คุ้มครองจะต้องเลือกผู้เล่นของตัวเอง 1 คน และช่วยผู้เล่นให้รอดชีวิตหรือผ่านด่านให้ได้มากที่สุด
ผู้คุ้มครองมีหน้าที่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ พลัง หรือเรื่องเลวร้ายที่อาจจะเกิดกับผู้เล่นของตนก็สามารถบอกล่วงหน้าได้ แต่จะไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้โดยตรง
“เลิกพูดเจ้าๆ ข้าๆ อะไรนั่นได้ไหม พวกนายพูดภาษาแบบพวกเราได้ไหม ฟังแล้วมันดูขัดๆ” ทุกคนต่างพากันขำเล็กๆในสิ่งที่แคลร์พูด
“โอเคๆ พูดธรรมดาก็ได้” ชายในชุดคลุมคนหนึ่งพูดขึ้น
“แล้วนี่พวกนายชื่ออะไรกันเหรอ” ฟ้าใสถาม
“พวกเราไม่สามารถเปิดเผยชื่อจริงได้ เรียกพวกเราว่าคาลอสก็แล้วกัน” ชายผมทองพูด
“คือจะให้เรียกพวกนายทุกคนว่าคาลอสเนี่ยนะ ไม่จะสับสนกันรึไง” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ไม่หรอก ต่อไปพวกเราทุกคนจะไม่ปรากฏตัวแบบนี้อีกแล้ว ผู้คุ้มครองสามารถปรากฏตัวให้แค่ผู้เล่นของตัวเองเห็นได้เท่านั้น เพราะงั้นพวกเธอจะไม่สับสนหรอก” ชายผมทองพูด
“ที่จริงพวกเราคุยได้เฉพาะกับผู้เล่นตัวเองเท่านั้น พวกเราปรากฏตัวแบบนี้เพราะพวกเธอจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นน่ะ” ชายในชุดคลุมคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนต่างพยักหน้าเข้าใจ
“นี่นาย คาลอส ตอนนี้เพื่อนฉันเห็นหน้านายไหม”
{เพื่อนเธอเห็นฉันเหมือนที่เธอเห็นผู้คุ้มครองของเพื่อนเธอนั่นแหละ}
“อ๋อ มีแค่ฉันที่เห็นสินะ”
{ทำไม กลัวเพื่อนของเธอเห็นหน้าหล่อๆของฉันรึไง}
“แหวะ! อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย”
{ฮ่าๆๆๆ}
ระหว่างที่ฉันคุยกันทางจิต เพื่อนของฉันคนอื่นๆก็เหมือนจะทำแบบเดียวกับฉันด้วย พวกคาลอสคงเริ่มสอนวิธีคุยทางจิตให้ผู้เล่นของตัวเองแล้วสินะ!
[อีก 1 นาที จะหมดเวลาเลือกอาวุธ]
“นี่เลือกกันรึยังอะ” รินถาม
“กูเลือกละ”
“เลือกละๆ”
“เลือกแล้วจ้า”
“พวกมึงเลือกไรกันอะ”
“เฮ้ย ห้ามบอกดิ เขาห้ามบอกนิ”
“โห่ นึกว่าจะหลุดปากพูดซะหน่อย”
ระหว่างที่ทุกคนคุยกัน ฉันก็ตัดสินใจเลือกดาบแห่งเบียทริกซ์มาเป็นอาวุธ ถึงจะเป็นอาวุธระยะใกล้และต้องมีทักษะการใช้พอสมควร แต่น่าจะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ ถ้าจะให้ยิงปืนคงยิงไม่โดนสักนัดแน่ น่าจะได้ตายก่อนจะยิงโดน หรือถ้าจะเอาเกราะจะเอาอาวุธอะไรไว้สู้ล่ะ
ลูกแก้วกาลเวลาคงมีสักคนในพวกเราเลือกล่ะนะ เอาไว้ใช้ดูอนาคตได้ แถมยังรู้วิธีผ่านด่านแต่ละด่านด้วย ในหมู่พวกเราคงมีสักคนที่เลือกแหละ แล้วก็คงให้เพื่อนที่เหลือช่วยปกป้อง
[หมดเวลาการเลือกอาวุธ]
{ผู้เล่นสามารถอัพสกิลทักษะต่างๆได้นะ}
“ได้เหรอ! อัพยังไงล่ะ บอกหน่อยสิ”
{เดี๋ยวฉันจัดการให้}
[ทักษะการใช้ดาบ LV.2]
[ความคล่องตัว LV.2]
[ความแข็งแกร่ง LV.1]
{เรียบร้อย เป็นไงบ้าง}
“เลเวล 2 นี่เก่งใช่ไหม พูดให้สบายใจที”
{ไม่เลย}
“แล้วทำไมไม่อัพเพิ่มอีกเล่า!”
{แหม เมื่อกี้เธอผ่านด่านแรกมาได้แค่ 300 เหรียญ มันก็อัพได้แค่นี้แหละ รอบหน้าก็ทำภารกิจบ้างสิ จะได้ได้เหรียญเยอะๆ}
“ฉันก็นึกว่านายอัพแบบฟรีๆซะอีก”
{แบบนั้นเกมก็เสียสมดุลแย่สิ}
ก็จริงของหมอนั่น แต่แค่เลเวล 2 ฉันจะฆ่าพวกสัตว์ประหลาดได้ไหมเนี่ย…
[อีก 10 นาทีเกมต่อไปจะเริ่ม กรุณาไปที่สถานที่เริ่มเกม]
“เรารีบไปกันเถอะ พวกเราก็ต้องเข้าร่วมด้วยนิ”
ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นหลังจากดาพูด อาคารที่เราจะไปต่อไป อยู่ห่างจากทีนี่ไม่ถึง 1 กิโลด้วยซ้ำ เกมต่อไปจะเป็นยังไงนะ แล้วถ้าพวกเราตายขึ้นมาจะได้กลับไปยังโลกเรา หรือตายไปเลยกันนะ
ระหว่างที่เราเดินไปที่สถานที่เล่นเกมต่อไป ไอ้เจ้าคาลอสนั่นก็มาจับมือฉัน นี่มันอะไรเนี่ย หมอนี่แตะอั๋งงั้นเหรอ ฉันมองหน้าคาลอสด้วยความหงุดหงิด
{อะไร ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้น ไม่ต้องสนใจสิ่งที่ฉันทำหรอกน่า ที่ฉันทำมันก็ดีกับตัวเธอเองทั้งนั้น}
แต่ก็จริงอย่างที่คาลอสพูด ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีความกลัว หรือตื่นเต้นอะไรกับสิ่งที่จะเจอต่อไปเลย
ในตอนนี้คาลอสได้เปลี่ยนจากการจับมือแบบธรรมดา กลายเป็นจับมือแบบสอดมือประสานกัน นี่มันเหมือนกับการจับมือแบบแฟนเลยนะเนี่ย
{ไม่ต้องสนใจ}
ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ต้องสนใจอีกเหรอ! ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยจับมือใครแบบนี้เลยนะเนี่ย แล้วนายเป็นใครกัน! ฉันบ่นพึมพำในใจอยู่สักพักรู้ตัวอีกทีก็มายืนที่หน้าอาคารที่ฉันจะต้องเข้าร่วมเกมนี้แล้ว อาคาร 6 ชั้น ที่มีทางขึ้นสองฝั่ง ตรงกลางเป็นสวนหย่อมที่พอนั่งเล่นได้
“มีเสียงเหมือนคนต่อสู้อยู่ด้วย” รินพูด
“จริงด้วย รอบนี้เราต้องสู้กันเองเหรอ” มายกอดแขนแคลร์แน่น
“คงไม่หรอกมั้ง รอดูว่าเขาจะให้ทำไรละกัน อย่าเพิ่งคิดไปเองดีกว่า” แคลร์ปลอบใจมายที่กำลังหวาดกลัวเล็กน้อย
<เกมที่ 2>
[ผู้เล่นจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในอาคารตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 5 จึงถือว่าผ่านด่าน]
[มอนสเตอร์จะเพิ่มความยากขึ้นตามระดับชั้น]
[สามารถเข้าไปภายในอาคารได้ครั้งละ 3 คนเท่านั้น]
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ