เพราะรักเสพติด

-

เขียนโดย BOOMBIM0702

วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 09.01 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  2,205 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 09.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ผีผลักในคืนหลอกลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ผีผลักในคืนหลอกลวง
(หยิน)
          ผมมานั่งกรึ่มหล่อที่ผับประจำด้วยอาการที่หดหู่ใจเป็นอย่างมาก ไอ้พวกเพื่อนๆผมก็เอาแต่นั่งขำกัน ขำกันเข้าไป พวกมึงขำกันขนาดนี้ กะเอาให้ปอดหลุดเลยรึไงวะ
          “พวกมึงจะพอกันได้รึยัง” ผมพูดด้วยสีหน้าเซ็งสุดๆ พร้อมกับยกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่
          “ก็มันตลกจริงนี่หว่า งานไหนงานนั้นนะมึงเนี้ย ไม่เคยพลาดจริงๆ” ไอ้นิพ หรือนิพพาน เป็นคนเอ่ยขึ้น ไอ้นิพเป็นคนค่อนข้างหล่อตี๋เพราะมันมีเชื้อสายจากจีนเยอะ มาดหนุ่มบริหาร หนุ่มผู้ดีสุดๆเลยละครับ
“มึงก็ไปซ้ำเติมเพื่อน ไอ้นิสัยไม่ดี” ปากก็ด่าไอ้นิพมันนะ แต่มึงนี่หัวเราะหัวโยกกว่าเพื่อนเลยนะครับ คนนี้คือไฟต์ หรือไอ้เถื่อนครับ เพราะมันออกแนวเถื่อนๆ สมฐานะที่มันเรียนวิศวะจริงๆ ดูหล่อดิบๆเถื่อนๆ
“แหม๊ มึงนี่หัวเราะจนหัวโยกเลยนะ ยังจะมีน่าไปว่าไอ้นิพมันอีก” คนนี้คือคุณชายโนอึนครับ เรียบร้อย พูดน้อย ต่อยหนัก เห็นหน้าหวานๆสวยๆแบบนี้ ต่อยคนมาจีบสลบไปหลายคนแล้วนะครับ เพราะบ้านมันเปิดค่ายมวย
“มึงนี่ก็ดวงกุดกับเรื่องแบบนี้จริงๆนะไอ้หยิน เบ้าหน้าก็ดีแต่ไม่มีดวงเรื่องกินใครเลยวะ ฮ่าฮ่าฮ่า” คนสุดท้ายนี่หัวเราะจนปอดกระเด็นเลยนะ ไอ้หมาปรัก คนสุดท้ายนี่มันชื่อไอ้ปรักครับ เป็นคนหล่อคม ผิวเข็มสีแทน หน้าหม้อล่อหญิง เรียนคณะเดียวกันกับไอ้เถื่อนมันครับ   พวกผมทั้งหมดคือเพื่อนที่ตามตูดกันมาเรียนตั้งแต่มอปลายครับ มีเพื่อนใหม่บ้าง แต่สนิทที่สุดก็คงจะเป็นพวกมัน  เพราะเรื่องขายหน้าแบบนี้ ผมก็คงเล่าได้แค่พวกมันแหละ
“พวกมึงหยุดขำกันก่อนได้ป่ะ กูเครียดนะหนิ ทำไมคนหล่อๆอย่างกู ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยวะ กูไม่เข้าใจเลย ” ผมพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ
“นั่นดิวะ รูปก็หล่อ พ่อก็รวย แถมแม่ยังโคตรรวยอีก แต่มึงนี่นกเรื่องผู้หญิงตลอดขนาดนี้ แก้เคล็ดหน่อยมั้ยเพื่อน” ไอ้ปรักพูดเสนอขึ้น
“แก้เคล็ดอะไรของมึง” ผมถามมันอย่างสนอกสนใจ เผื่อมันมีวิธีเด็ดๆ ทำให้ผมเลิกนกเรื่องผู้หญิงได้สักที เล็งใครไว้โดนหลอกฟันตลอด กูนี่มีแต่ดวงเสียตัวชัดๆ
“มึงจะเชื่อไอ้ปรักมันจริงๆเหรอ เอาจริงดิ มึงดูหน้ามันก่อนมั้ย สีหน้าดูออกเลยว่ามันอยากแกล้งมึงมากกว่าช่วยอีกนะ”  ไอ้โนอึนพูดขึ้นเพื่อช่วยเตือนสติผม ว่าพวกผมแต่ละตัวไม่เคยจะมีความคิดดีๆในการช่วยเหลือกันหรอกนะ เพราะที่ผ่านมาช่วยกันได้เละเทะมาก
“อย่ามาใส่ร้ายกูครับคุณชายโนอึน ใช่ซี้ใครมันจะไปคนดีเหมือนมึงละครับ คนไม่เคยของขาด ไม่เคยอกหัก จะไปเข้าใจไอ้หยินมันได้ยังไง ต้องกูนี่เพื่อนหยิน นกตั้งแต่ยังไม่ได้แด๊ก กูนี่เพื่อนมึงชัดๆ มึงเลือกเอาละกันว่าจะเชื่อใคร” ไอ้ปรักพูดจบพร้อมยักไหล่สบายๆ
“กูเชื่อมึงละกันเพื่อนรัก” ผมหันไปสะบัดหน้าเชอะหนึ่งที ใส่ไอ้คุณชายโนอึนมัน ก็จริงอย่างไอ้ปรักมันว่า คนไม่เคยนกเรื่องผู้หญิงจะมาเข้าใจหัวอกคนโดนฟันแล้วทิ้งได้ไงวะ ไอ้คนที่ฟันแล้วทิ้งคนอื่นมาตลอดอ่ะ มันจะไปเข้าใจอาร้าย
“มึงนี่เพื่อนตายกูเลยไอ้หยิน ต้องอย่างนี้ซิเพื่อน อย่างนี้นะเพื่อน มึงโดนผู้หญิงฟันแล้วทิ้งมาตลอดใช่ป่ะ กูว่าถ้ามันโดนแต่ผู้หญิงหักอก ทำไมมึงไม่ลองมาคบผู้ชายดูวะ”  ผมนี่ตาโตเลยเมื่อมันพูดจบ ไอ้เถื่อนถึงกับเหล้าในปากพุ่งใส่หน้าไอ้คนพูดไปพรืดหนึ่ง
“มึงจะบ้าเหรอไอ้ปรัก นี่มันคือความคิดที่บัดซบมากอ่ะ เพื่อนแค่โดนผู้หญิงฟันแล้วทิ้งเองนะ มึงถึงขั้นจะให้เพื่อนหันไปกินผู้ชายด้วยกันเองแล้วเหรอ กูด่าสมองหมาได้มั้ยหนิ” ไอ้นิพพูดใส่ไอ้ปรักด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำไมวะ ถ้ามันเต็มใจจะลองก็ไม่เสียหายหนิ ทุกวันนี้ความรักใครเขาจำกัดเพศกันวะ นี่พวกมึงบูลลี่เพศที่เห็นต่างเหรอ ไอ้พวกใจแคบ!!” ทุกคนถึงกับหน้าเหวอ เมื่อโดนไอ้ปรักมันตอกหน้ากลับ เออ..ก็จริงอย่างมันพูดนะ
“แต่ไอ้หยินมันไม่เคยคบผู้ชาย มึงคิดว่าคนที่คบผู้หญิงมาตลอดยังโดนฟันแล้วทิ้ง คบผู้ชายจะขนาดไหนวะ มันไม่ใช่เรื่องแค่ว่ามึงสองคนชอบกันแล้วทุกอย่างจะจบ มันจะมีอีกร้อยแปดพันเรื่องที่จะโถมเข้าหาเพื่อนมึง แล้วมึงดูสภาพหมาด๋อยเพื่อนมึงครับ สภาพอย่างมันจะเอาอะไรไปสู้” เหมือนจะดีแล้วนะไอ้เถื่อน ถ้ามึงไม่แถมด่ากูมาอีกเป็นชุดหนิ รักกูจริงรักกูจังนะพวกมึงเนี้ย
“ไม่ลองก็ไม่รู้ป่าววะ กูมีคนหนึ่งนำเสนอนะเพื่อน คนนี้คือเดอะเบสเลยนะเว้ย หล่อ น่ารัก ตัวเล็ก เป็นผู้ชายแต่น่ารักสัดๆเลยวะ อีกอย่างกูเห็นมันอกหักมาจะเป็นปีละ ยังไม่เห็นจะมองใคร คนแบบนี้แหละเหมาะกับมึงเลยเพื่อนหยิน ถ้ามึงถามหาความรักที่มึงอยากเจอสักครั้ง กูว่ามันเหมาะกับมึงมากเพื่อน” เหรอวะ ผมมองหน้าไอ้ปรักอย่างไม่ไว้ใจ เพื่อนรอบวงก็เอาแต่ส่ายหน้าระอาให้กับความคิดไอ้ปรักมัน ดีแน่เหรอวะไอ้ปรัก กูดูแล้วเหมือนงานจะงอกกูมากกว่านะ
“จะดีเหรอวะ” ผมถามมันออกไปด้วยจิตใจที่หดหู่ยิ่งกว่าเดิม เมื่อคิดว่าอีกคนเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไอ้ผมไม่ได้ติดเรื่องเพศหรอกครับ แต่เพราะคบแต่ผู้หญิงมาตลอด ความสัมพันธ์ยังเละยิ่งกว่านขี้ นี่ถ้าต้องมาตามจีบผู้ชายด้วยกัน กูจะไม่โดนกระทืบเอาเรอะ ถึงจะสู้คนแต่จะมายอมให้เธอกระทืบเล่น กูก็ไม่เห็นด้วยนะครับ
“ดีซิวะ คนนี้น่ารักกว่าผู้หญิงของมึงอีกแสนแปดที่มึงคบมาเลยนะ แถมยังเป็นคนในแบบที่มึงเห็นแล้วแทบอยากจะยกมรดกทุกอย่างให้เลย กูรับประกัน” พอไอ้ปรักพูดมาแบบนั้น ตาผมนี่แทบจะเป็นประกายขึ้นมาเลย จะน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอวะ เชี่ย ใจกูเต้นตุ๊บตั๊บเลยเถอะ
“ไงละมึง พอมันบอกว่าน่ารัก ตานี่ประกายวิบวับเลยนะ มึงเชื่อไอ้ปรักมันเหรอไอ้หยิน มันจะมีผู้ชายที่ไหนน่ารักขนาดนั้นวะ ตั้งแต่เราเรียนที่นี่กันมา ยังไม่เห็นจะเจอสักคน เชื่อไอ้ปรักก็ควายแล้วเพื่อน” ไอ้เถื่อนพูดขึ้น
“ใครวะไอ้ปรัก มึงลองบอกชื่อมาดิ” ผมถามไอ้ปรักไปอย่างอยากรู้ อย่างน้อยก็หาข้อมูลก่อนก็คงไม่เสียหายละวะ
“หึ มันชื่อคูปอง คณะบริหาร” ไอ้ปรักแสยะยิ้มให้ผมเหมือนพอใจในคำตอบ ก่อนจะบอกชื่อและคณะของคนคนนั้นออกมา
“ไอ้เชี่ยปรักมึง....” ไอ้นิพถึงกับสบถออกมา ก่อนจะชี้หน้าไอ้ปรักเหมือนคาดโทษ ผมมองมันสองคนอย่างสงสัย
“อะไร.. มึงรู้จักเหรอไอ้นิพ” ผมหันไปถามไอ้นิพอย่างสงสัย มันมองหน้าผมพร้อมถอนหายใจเหนื่อยๆ ก่อนจะตอบ
“อื่ม” มึงตอบกูแค่อื่มเนี้ยนะ มึงแปลกๆนะไอ้นิพ ผมยิ่งมองมันด้วยความสงสัยที่เพิ่มขึ้นมาในใจ ไอ้นิพมันต้องมีอะไรแน่ๆ
“แล้วมันน่ารักอย่างไอ้ปรักว่ามามั้ยวะ”  ผมถามข้อที่ผมสงสัยที่สุดออกไป
“อืม” มันตอบอืมเสร็จก็ยกเหล้าขึ้นกระดกพรวดเดียวหมดแก้ว เอ๊ะ กูพลาดอะไรไปมั้ยหนิ
“เห็นมะ ขนาดคนอย่างไอ้นิพยังบอกว่าน่ารักเลย มึงคิดดูว่ามันจะน่ากินขนาดไหน” ไอ้ปรักได้ทีพูดเสริมเข้าไปอีก ผมนี่อยากเห็นหน้าคนสวยจ้าเลยครับ อิอิ ต้องน่ารักมากแน่ๆ
“มึงหยุดเถอะไอ้ปรัก”  ไอ้นิพเอ่ยขึ้นอย่างปรามๆ
“ทำไม!!! หรือมึงมีอะไร พูด!!” ไอ้ปรักหันไปมองไอ้นิพอย่างหาเรื่อง เกิดอะไรขึ้นมั้ยวะ ทำไมบทสนทนามันสองคนดูแปลกๆ
“พูดถึงคนที่มึงอยากเจอปั๊บ มันก็มานู้นเลย มึงดวงดีนะเพื่อนวันนี้ พออยากเจอก็ได้เจอ เนื้อคู่ชัดๆ” ผมมองหน้าไอ้ปรักที่ยิ้มไปด้วยพูดไปด้วย ก่อนมันจะส่งสายตาให้ผมหันไปมองตามสายตาที่มันส่งไป ผมจึงเอี้ยวตัวหันไปตามสายตามัน ก็เจอกับกลุ่มชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้าร้านมา เชี่ย......ผมนี่ถึงกับตกใจ ไอ้เชี่ยปรักมึง... มันคนไหนวะ ว่าที่หวานใจกูน่ะ เดินเข้ามาทีเป็นขบวนกูคงแยกแยะได้หรอก
“ไอ้คนที่ผมยาวหน่อยน่ะ นั่นแหละไอ้คูปอง” ไหนวะ ผมหันไปมองกลุ่มนั้นอีกครั้ง เพื่อมองหาคนที่ผมยาวกว่าเพื่อน และผมก็เห็นไอ้คนผมยาวที่ว่า มันผมยาวปรกบ่า ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่หน่อยกับกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆ พร้อมคีบแตะ วอท? มึงมาผับจริงดิ คีบแตะมาเนี้ยนะ สภาพไหนที่เรียกว่าน่ารักวะ
“ไอ้เชี่ยปรัก มึงอย่าบอกว่าไอ้ที่คีบแตะนั่นนะ คือน้องคูปองกู กูให้โอกาสมึงพูดใหม่อีกที” กูแทบไม่อยากเชื่อสายตา ไหนมึงบอกว่าน่ารักว่ะ ไอ้เห้เพื่อนรักเล่นกูแล้วมั้ยละ
“ตาถึงนี่หว่า นั่นแหละไอ้คูปอง บริหารปี 2 น่ารักอะดิ” น่ารัก น่ารักเชี่ยรัยเนี้ยไอ้บ้าเอ้ย สภาพมันไม่น่าเรียนบริหารอ่ะ
 “กูให้โอกาสมึงพูดใหม่อีกทีไอ้ปรัก สายตามึงยังดีอยู่จริงมั้ยเพื่อน เพราะฉะนั้นบอกกูใหม่อีกทีซิ
ไหนมึงบอกตัวเล็กน่ารักวะ นี่ถ้ามันสูงอีกนิดนี่เปรตได้เลยนะ ความสูงมันไม่ต่างกูเลยเถอะ สภาพอย่างมันมาเรียนบริหารได้ไงวะ ไม่มีมาดหนุ่มบริหารเลยสักนิด มึงหลอกให้ความหวังกูเหร๊อไอ้เชี่ยปรัก” ผมพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห ไอ้เพื่อนรักเล่นกูแล้ว กูดีใจยังไม่ถึง 30 นาทีเลย อกหักอีกแล้วกู
“ใจเย็นไอ้หยิน มันไม่น่ารักตรงไหนวะ มึงลองมองใหม่ดีๆซิ” มึงซิต้องมองใหม่ไอ้เห้ปรัก มึงเอาส้นตีนมองรึไงวะ มึงถึงมองว่ามันน่ารัก ผมมองไอ้ปรักอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“เฮ้อ งั้นมึงลองวิธีนี้” ไอ้ปรักมันพูดจบ ก็ยกขวดเหล้าเพียวๆขึ้นกรอกปากผมไปหลายอึก พอผมปัดมือมันที่เอาขวดเหล้ากรอกปากผมได้ กูก็สำลักเลยครับ ไอ้เชี่ยเหล้าเข้าจมูกกู!!
“มึงจะฆ่าเพื่อนรึไงไอ้ปรัก” ไอ้นิพมาดึงไอ้ปรักออกจากผมอีกแรง
“มึงบ้าไปแล้วเหรอปรัก มึงทำแบบนั้นกับไอ้หยินมันทำไมวะ มึงก็รู้ว่าไอ้หยินมันแสลงกับเหล้า” ไม่ทันละเพื่อน หูกูวิ้งเรียบร้อย ผมพยายามสะบัดหน้าไล่ความมึนออกจากหัว พลันสายตาก็หันไปมองทางกลุ่มคนที่ชื่อคูปองอีกครั้ง
ผมมองหน้าไอ้คนที่ผมยาวๆอีกครั้ง ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก เอ๊ะ ทำไมมันถึงดูน่ารักจังวะ ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้ารูปไข่ จมูกโด่งๆ ที่รั้นรับกับริมฝีปากที่บางเข้ารูป มีแก้มหน่อยๆด้วย แถมรอยยิ้มมันยังดูน่ารักชะมัด มึง มันโคตรน่ารักอ่ะ  ตาโตๆนั่นอีก ถึงสายตาที่มองมาจะดุๆก็เถอะ แม่ผมรักเขา ผมอยากได้เขา!!!
พอผมคิดได้อย่างนั้น ก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะทันที ได้ยินแต่เสียงเพื่อนๆ พูดไล่หลังมาว่าอะไรก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ฟัง ผมตรงดิ่งไปยังโต๊ะคนที่ผมเล็งไว้ทันที ก่อนจะ พรึ่บ!!! ฉกโทรศัพท์จากมือไอ้คนน่ารัก แล้ววิ่งทันที กูทำอาร๊ายลงป๊ายยยย กูจะไปขโมยโทรศัพท์เขามาทำสันเขื่อนอะไรวะ
แล้วคือกูวิ่งจริงจังมากนะ วิ่งเอาเป็นเอาตาย วิ่งจนออกมาหน้าร้านจึงคิดได้ถึงหยุดวิ่ง ก่อนจะบอกตัวเองให้หันหลังกลับกะว่าจะเอาโทรศัพท์ไปคือเจ้าของเขา ไอ้หยินน้อไอ้หยิน มึงทำอารายลงป๊ายยยย
พอคิดได้ว่าจะหันหลังก็ได้ยินเสียง ตั๊บ!!! พร้อมกับความเจ็บที่ไหล่ซ้ายแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ ผมจึงต้องเบิกตามองเหตุการณ์ตรงหน้าดีๆ มึ๊งงงงงงงง เขาวิ่งตามกูม๊า พร้อมเอารองเท้าแตะตบเข้าไหล่กู มึ๊งงงง กูต้องทำไง๊ พอออกมาข้างนอกที่มันมองเห็นหน้ากันชัดๆแล้ว กูเขินนนน คนตรงหน้าน่ารักกอไก่ล้านตัวไปเลยครับ พอฝ่ายตรงข้ามเห็นผมเขินแถมยังหน้าแดงยืนบิดไปบิดมา ก็ถึงกับผงะ ก่อนจะยื่นมือมาจับแขนผมไว้ข้างหนึ่งกันหนี
“จะทำอะไรกับโทรศัพท์กู” เสียงพูดดุๆพ่นออกมาจากปากนุ่มนิ่มน่าจูบนั่น เสียงเพราะจัง คนอะไรน่ารักจริงๆด้วย ผมนี่ยิ้มหวานให้คนตรงหน้าไปทีเลยครับ เมื่อคิดว่าคนตรงหน้าน่ารักเกินต้านใจ
“อย่ามายิ้มแบบนั้นนะ” คนตรงหน้าเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหน้าหนีผม อะไรวะ นี่ผมยิ้มในแบบที่ใครๆก็บอกว่าผมหล่อใส่เลยนะ สาวๆคนไหนเจอยิ้มนี้ไป ตายเรียบทุกราย
“สรุปมึงฉกโทรศัพท์กูมาทำไม อย่ามาอ้างเมานะ เพราะกูไม่เชื่อ”
“เออ..” กูจะตอบเขาไงวะ ว่าที่ฉกโทรศัพท์เขามา เพราะอยากได้เขา จะตอบผมอยากได้คุณครับงี้เหรอ ได้โดนรองเท้าแตะตั๊บเข้าหน้าแน่รอบนี้
“ฉันอยากได้นายน่ะ เชี่ยๆๆๆ ไม่ใช่ๆๆๆ” คนตรงหน้าหรี่ตามองผมอย่างใช้ความคิด กูจะโดนแตะตั๊บมั้ย ตายแน่ๆไอ้หยินเอ้ย ซวยๆๆ
“สนใจฉันเหรอ” คนตรงหน้าถามผมอย่างชั่งใจ ผมจึงจ้องเข้าไปในตากลมๆนั้น ก่อนจะหลบตาทันที กูเขิน
“อืม”  ผมตอบได้แค่นั้น ไม่กล้ามองตาคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เพราะกูเขินครับ เขินแรง เขินจริง เขินมาก ให้ตายเถอะ
“แล้วมึงมาวิ่งราวโทรศัพท์เพื่อเรียกร้องความสนใจแบบนี้อะนะ คิดว่าจีบคนแบบนี้แล้วมันจะได้ผลเหรอ” นั่นดิ ไอ้หยินมึงนี่นะ จะตอบเขาว่า กูไม่ได้คิดอะไรเลยครับ เผลอใจแปบเดียว ร่างกายมันก็วิ่งไปฉกราวโทรศัพท์เขาเอง ไอ้คนตรงหน้าจะเชื่อผมมั้ย ผมนี่แสดงสีหน้าสำนึกผิดเต็มที่
“ถ้าสนใจจริงๆ ทำไมไม่ไปขอชนแก้วดีๆวะ จะมาวิ่งราวโทรศัพท์ให้วิ่งตามเหมือนหนังอินเดียทำไม ไม่เข้าใจ” อื่อผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับ ผมทำได้แค่ก้มหน้าทำหน้าหงอยๆให้คนตรงหน้าไป ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆนะ
“ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหายังไงไง ผมไม่เคยจีบผู้ชาย แถมยังน่ารักมากๆด้วย แค่เห็นผมก็เขินแล้ว” ผมบอกคนตรงหน้าไปตามที่คิด
“แล้วคิดว่าขโมยของแบบนี้ จะสร้างความประทับใจเหรอ สมองมีโอเมก้าป่ะ” ด่าโง่ยังไม่เจ็บเท่านี้ จะด่าว่าผมไม่เคยกินปลาเลยก็ยังเจ็บน้อยกว่า แต่นี่มาด่าสมองไม่มีโอเมก้าเลย จะบอกนัยๆว่ากูโง่ในโง่ใช่ป่ะ
“ขอโทษครับ” ผมพูดพร้อมจับมือคนตรงหน้า พร้อมส่งสายตาอ้อนๆ บอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ คนตรงหน้ามองผมอย่างเอือมๆ ก่อนจะส่งมืออีกข้างแบตรงหน้าผม ผมจึงวางโทรศัพท์คืนเขาไป เขาเช็คนั่นนู้นนี่ว่าโทรศัพท์เสียหายอะไรรึเปล่า ก่อนจะเงยหน้ามามองหน้าผมอีกครั้ง
“เมารึเปล่า” เขาถามผม ผมส่ายหน้าให้คนตรงหน้าแทนคำตอบ
“ไม่เมาอะไรหน้าแดงขนาดนี้” เขาพูดพร้อมเอามือมาอังที่แก้มผม ผมนี่ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ กูเขินมาก ณ จุดจุดนี้ ใครก็ได้อย่ามาช่วยกูนะ ปล่อยกูเขินตัวแตกตรงนี้ละ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เลยหลับตาพร้อมเอาแก้มถูมือข้างที่คนตรงหน้าจับอย่างอ้อนๆไปที
“กูก็กะจะมาเมา แล้วกูต้องมาเจอคนที่เมาก่อนแบบนี้ กูต้องทำไง” คนตรงหน้าเหมือนถามแต่ก็ไม่ได้ถามยังไงไม่รู้ แล้วผมควรตอบเขามั้ยอ่ะ  ผมเลยลืมตามามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเห็นเขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ
“ถ้างั้นมานี่ก่อน” เขาพูดพร้อมจูงมือผมให้เดินตามเขาไป
อะไรคือผมมานั่งอยู่ตรงนี้วะครับ สายตาหลายคู่ส่งมาทิ่มแทงดังฉึกๆเลยเถอะ กูมานั่งทำอะไรตรงนี้วะ
“นี่ไม่ใช่ไอ้คนที่มันฉกโทรศัพท์มึงไปรึไง” หนึ่งในคนที่นั่งในวงเอ่ยถามคนที่ผมนั่งตักขึ้น ใช่ครับ ผมนั่งตักหวานใจผมเอง พอดีโต๊ะมันเต็มเลยไม่รู้จะนั่งมุมไหน คนที่ลากผมมาเลยเอาผมมานั่งตักอย่างน่ารัก พูดมาละก็เขิน ว่าที่เมียในอนาคตน่ารักมาก ต้องรักผมมากแน่ๆถึงยอมให้ผมนั่งตัก อุอิ พูดมาละเขิน
“หน้ามึงแดงไปถึงสี่แยกไฟแดงแล้วนะ เป็นอะไรวะ”  เพื่อนเขาอีกคนถามขึ้นเมื่อผมเอาแต่ก้มหน้า หงุดหนีความเขินที่ได้นั่งตักคนที่ลากผมมา
“เขินอีกแล้วเหรอ” คนที่ให้ผมนั่งตักถามผมขึ้น ผมจึงได้แต่พยักหน้าน้อยๆไม่กล้าสบตาเขา เขินตัวจะแตก ครั้งแรกเลยมั้งที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ทำให้เขินได้
“มึงจะจีบไอ้ป๋องมันเหรอ” หนึ่งในเพื่อนของเขาถามขึ้น แต่ใครป๋องวะ ไหนไอ้ปรักบอกเขาชื่อคูปอง หรือฉกโทรศัพท์ผิดตัว บ้าน้าคนที่น่ารักสุดในนี้ก็เขาแล้วป่ะ
“ใครป๋องอ่ะ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย
“ก็ไอ้ที่มึงนั่งตักมันอยู่นั่นไง” เพื่อนคนเดิมที่ถามผมพูดบอก
“เอ่า ไม่ได้ชื่อคูปองเหรอ ผมก็นึกว่าชื่อคูปอง” ผมยังถามต่อเหมือนเด็กๆ เพื่อนเขาคนนั้นทำท่าขำๆก่อนจะตอบผม
“มันก็ชื่อคูปองแหละ แต่ชื่อนี้มันเอาไว้ให้คนที่รักมันเรียกได้คนเดียว ส่วนเพื่อนหรือคนทั่วไปมันให้เรียกไอ้ป๋อง” เขาตอบข้อสงสัยของผม
“ถ้างั้นผมเรียกคูปองได้ไหมครับ มันน่ารักดี และผมก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนคุณด้วย”  ผมหันไปถามคนที่ผมนั่งตักอยู่
“จะจีบกูจริงดิ” นอกจากไม่ตอบคำถามผมแล้ว ยังถามคำถามกลับอีกนะ
“ครับ” ผมตอบออกไปตามที่หัวใจมันเรียกร้องมา
“แล้วทำไมต้องมาจีบกู” เขาถามผมต่อ
“เพราะว่าคุณน่ารักมาก พอมองคุณใกล้ๆแล้วมันทำให้ผมเขิน ผมยังไม่เคยเจอใครแบบนี้เลย” ผมพูดบอกเขาไปตามที่ใจคิด
“กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาตอบกลับผมเสียงจริงจัง
“ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมตอบเขากลับทันที
“แต่กูก็เป็นผู้ชาย มึงเห็นอยู่นี่ว่ากูไม่ใช่ผู้หญิง” เออก็จริง แล้วผมควรตอบเขายังไงอ่ะ
“กูว่ามึงตัดใจตั้งแต่ตอนนี้เถอะ กูเห็นคนเข้าหาจะจีบมันตั้งหลายคน กูยังไม่เห็นมีใครเอาชนะใจมันได้สักคนเลย อย่างมึงยิ่งไกลสเปกไอ้ป๋องมันมาก แดกน้ำใบบัวบกชัวร์ๆเลยครับ” อะ นี่คือผมจะอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอ ตัวก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็คือกูต้องอกหักเลย เร็วแท้ ผมคอตกทันทีที่คิดตามคำพูดเพื่อนของเขา
“แต่กูว่าไม่แน่ ไม่งั้นไอ้ป๋องไม่เอาเขามานั่งตักหรอก ถ้ามันไม่ชอบบ้าง มีหวังมึงต้องโดนแตะไอ้ป๋องตบเข้ากะบาลไปแล้ว” จริงอ่ะ ผมนี่เหลียวหลังมามองหน้าคนที่ยอมให้ผมนั่งตักทันที คนตรงหน้ากลับทำหน้าเฉไฉ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มแทน อะไรอ่ะ ไม่ให้ความหวังกันเลย เอาจริงดิ
“จะไม่ให้ความหวังผมหน่อยเหรอครับ” ผมพูดพร้อมลุกขึ้น เปลี่ยนไปนั่งคร่อมตักคนตรงหน้าแทน พร้อมกับเอาแขนขึ้นคล้องคอคนตรงหน้าไว้  ผมอ่อยขนาดนี้ต้องมีใจอ่อนให้จีบหน่อยป่ะ  คนตรงหน้าเอนหลังไปจนสุดผนังโซฟาพร้อมมองหน้าผมเหมือนใช้ความคิด
“กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมชอบคุณ” คนตรงหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“ลองให้ผมจีบก่อนมั้ยครับ ถ้าไม่ชอบถึงตอนนั้น คูปองจะเอาแตะไล่ตบผม ผมก็จะยอมไปดีๆ”
“ให้มึงหายเมาก่อนมั้ย มาพูดตอนเมาใครมันจะไปเชื่อวะ” คูปองมองหน้าผมพร้อมพูดด้วยเสียงจริงจัง
“เอาตัวผมมัดจำก่อนก็ได้นะ” ผมพูดออกไปเสียงจริงจังเช่นกัน
“ตลก” เขาว่าให้ผมด้วยเสียงไม่จริงจังนัก
“งั้นจูบก่อนก็ได้นะครับ” ผมพูดบอกเขาไปเพื่อฟลุ๊คได้จูบปากคนน่ารักฟรีๆ อิอิ
“ถ้ามึงจะจีบกูแบบนี้ กูจะเอาแตะตบหูมึงตอนนี้แหละ” ผมทำปากคว่ำใส่เขา ชิแค่นี้ทำเป็นไม่ได้ ไหนบอกผู้ชายแมนๆจีบกันวะ แค่จูบใครเขาคิดมากกัน ขนาดเสียตัวฟรีๆเขายังไม่คิดมากเลย
“ไหนว่าผู้ชายแมนๆอ่ะ คนแมนๆเขาไม่คิดมากเรื่องแค่นี้หรอกนะ หรือคูปองไม่แมนล่ะ” สีหน้าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที พร้อมมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ แหย่แรงไปเหรอวะ
“อย่ามาเรียกชื่อกู กูไม่ชอบ” เขาพูดบอกผมอย่างไม่พอใจ
“ก็ผมไม่อยากเรียกป๋อง จะให้ผมเรียกอะไร ถ้าไม่ให้เรียกว่าคูปองล่ะ”
“มึงจะเรียกอะไรก็เรื่องของมึง แต่อย่ามาเรียกชื่อกู แล้วอย่ามาแทนตัวเราเธอผมคุณได้ป่ะ ฟังแล้วกระดากหู พูดกับกูใช้มึงกูได้ กูไม่ถือ”
“แต่ผมถือ ใครมันจะไปเรียกหวานใจว่ากูมึงกัน คนดีที่ไหนจะยอมให้จีบ” คนตรงหน้ามองผมอย่างเอือมๆ
“ถ้ามึงยอมใช้มึงกูกับกู กูจะยอมให้มึงจีบ” เอ๊ะ อะไรนะ
“จริงดิ งั้นมึงจะยอมให้กูจูบ อุ จีบแล้วใช่มั้ยครับ” ผมยิ้มแก้วปริให้คนตรงหน้า คนตรงหน้ามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆผม จนจมูกเราแตะกันเบาๆ เชี่ย เขาจะยอมจูบกูเบอะ 
เอาเข้าจริงพอจะโดนจูบจริงๆ ใจผมกลับเต้นแรงมาก ยิ่งเขาเอาหน้ามาใกล้เท่าไหร่ หัวใจผมนี่ยิ่งเต้นแทบกระดอนออกมาจากอก ไม่ไหว ไม่ไหวครับ กูเขินนนนนนน
พอปากของเขาแตะที่ปากผมเบาๆ ลมหายใจที่ผมหายใจเข้าออกอยู่ดีๆก็สะดุด ไม่ๆๆๆ คนอย่างไอ้หยินจะมาตายแค่เขาแตะปากไม่ได้ แต่ถ้าจะมากกว่านี้ กูก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ ก่อนที่สติผมจะแตกไปมากกว่านี้ ผมรีบลุกขึ้นจากตักเขา แล้วก็ใส่เกียร์หมาวิ่งตีนแตกออกจากร้านเหล้าไปทันที
งืออออออ ผมม่ายหว๊ายยยยย ใครไหวไปก่อนครับ ส่วนผมปล่อยให้เขินตัวแตกตายตรงนี้แหละ ผมโอเค๊

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา