ลูน่า เทพธิดาปีศาจ

-

เขียนโดย ซึซะคุ

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 11.26 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  1,253 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      แสงแดดยามเช้าทอประกาย ทอแสงพาดผ่านหมู่แมกไม้ สาดแสงส่องลงมาสู่ผืนดิน กระทบกับผืนน้ำ ระลอกคลื่นเล็กๆ เกิดประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงแดด ณ ลำธารแห่งนั้น หญิงสาวนั่งทอดกายอยู่ที่ริมธารน้ำ เธอยื่นมือไปสัมผัสกับสายน้ำ ปล่อยให้กระแสน้ำไหลผ่านมือน้อยๆของเธอไป ในขณะที่เธอกำลังนั่งปล่อยอารมณ์ ไปกับสายธารนั้น ได้มีเสียงเรียกดังเว่ามาแต่ไกล เสียงนั้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

    

      "ลูน่า ลูน่า ท่านอยู่ไหน" หญิงสาววัยกลางคนสอดส่ายสายตามองหาสาวน้อย

   

       ลูน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พร้อมยกมือขึ้นมาบังใบหน้าของเธอ เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้นดังเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่เธอเห็นพลันจางหายไปเพียงชั่วพริบตา แมกไม้ ผืนดิน ผืนน้ำ แสงแดด ที่อบอุ่น มีเพียงภาพแห่งความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของลูน่า ภาพที่เธอเห็นนั้น มีเพียงทะเลทรายซึ่งทอดยาวสุดสายตา ยากที่จะคาดคะเนได้ ว่าจะมีจุดสิ้นสุด ณ ที่แห่งใด แสงตะวันที่ทอแสงลงมานั้น ช่างร้อนระอุนัก เมื่อกระทบกับผืนทะเลทราย จนทำให้เกิดไออุ่นร้อน ลอย ขึ้นมาจากพื้นทราย แต่ก็จะมีเพียงเวลาช่วงสั้นๆ ที่จะมีต้นไม้เขียวชอุ่ม พร้อมสายธาราไหลลงสู่แม่น้ำใหญ๋ ใกล้กับปราสาทที่ท่านพ่อ และบรรดาพี่ๆของเธออาศัยอยู่ สถานที่นี้ เมื่อเข้ายามรัตติกาล ก็แสนจะเหน็บหนาว และนานๆครั้งที่แห่งนี้จะมีสายฝนสาดลงมา และนั้นเป็นเวลาที่ลูน่ามีความสุขที่สุด 

   

      "ท่านป้า ข้าอยู่ทางนี้ บนนี้ค่ะ" หญิงสาว โบกมือ และค่อยๆ ดันตัวเธอลุกขึ้น จากเก้าอี้ หน้าระเบียงของห้อง

     

      "ใกล้ถึงเวลาต้องไปงานเลี้ยงฉลอง ของท่านพ่อแล้วนะ" หญิงสาววัยกลางคน ได้เดินเข้าไปหาลูน่า

   

    " ไปหรือไม่ไป ก็มีค่าเท่ากัน ไม่มีใครสนใจเราสักหน่อย" ลูน่าพูดพราง หัวเราะเสียงใส หญิงสาววัยกลางคน ยื่นมือมาตีไหล่ของลูน่าเบาๆ พรางอมยิ้ม 

   

    "อย่าพูดแบบนั้นสิเจ้าค่ะ ท่านหญิง ไปเจ้าค่ะ ไปแต่งตัว อย่างอแง" หญิงสาววัยกลางคน พูดไปพรางดึงตัว และดันหญิงสาวให้ก้าวเดิน เพื่อไปแต่งตัวเข้าร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

     

     หญิงสาววัยกลางคนนั้น มีชื่อว่า มาธิลด้า เธอเป็นคนดูแลลูน่ามาตั้งแต่ยังเล็ก เธอมีเส้นผมสีบรอนด์ ดวงตาสีเขียวดั่งมรกตสดใส มาธิลด้าเป็นหญิงที่มีลักษณะงามสง่า แลดูน่าเกรงขาม มีไหลที่กว้าง ดั่งนักรบหญิง ถึงแม้อายุของเธอจะผ่านมาหลาย 1000 ปีแล้วก็ตาม เนื่องจากเธอมีเชื้อสายของปีศาจ มาธิลด้าจึงมีอายุยาวนานกว่ามนุษย์ทั่วไป ในปราสาทที่กว้างใหญ่นั้น มีเพียงลูน่า มาธิลด้า และคนคอยดูแลงานในปราสาทเพียง 4 - 5 คนเท่านั้น ถึงแม้บางครั้ง จะมีคนหน้าใหม่แวะเวียนมาบ้าง เพื่อนำหนังสือเล่นใหม่จากท่านพ่อของเธอมาให้ แม้แต่ตัวท่านพ่อของเธอนั้น ก็นานๆถึงจะแวะมาที่ปราสาทของเธอ

     

      ปราสาทที่ลูน่าอาศัยอยู่นั้น ห่างไกลจากปราสาทหลักที่ท่านพ่อ และเหล่าพี่น้อง และผู้คนในเมืองของเธอพำนักอยู่ ปราสาทของเธอนั้น มีขนาดกว้างขวาง มากกว่าจำนวนคนที่พักอาศัยอยู่ในปราสาทหลายเท่า ในระหว่างทางเดินแต่ละชั้นมีห้องพัก มากกว่า 20 ห้อง มีห้องโถงใหญ่ ซึ่งสามารถจัดเลี้ยงรับรองคนได้มากกว่า 500 คน แต่ไม่เคยได้จัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่เลยแม้สักครั้งเดียว ภายในปราสาทยังมีห้องหนังสือที่สูงหลายชั้น หากถ้ามองขึ้นไปคงยากจะนับชั้นได้ ซึ่งที่แปลก คือ ภายในห้องหนังสือนี้ ไม่มีบันได เพื่อขึ้นไปหยิบหนังสือในแต่ละชั้น มีเพียงนั่งร้านที่มีความกว้างและใหญ่ สามารถพาคนขึ้นได้มากกว่า 5 คน  ตามราวจับ และลูกกรงสลักชวนสยองอยู่ลึกๆ  ลูกกรงของนั่งร้าน และราวจับ เป็นแบบลักษณะรูปโครงกระดูกคนที่เกี่ยวร้อย พันวนกันไปมา ชูมือ เกาะเกี่ยว ใบหน้าแสดงอาการเหมือนกรีดร้อง ช่างแตกต่างกับราวจับหรือลูกกรงโดยทั่วไป ในส่วนของพื้นนั่งร้าน มีลักษณะคล้ายแผ่นไม้ แต่ดูแข็งแรงกว่ามาก มีสีน้ำตาลอมแดงเข้ม ไม่มีรวดลายใดๆ ห้องหนังสือนี้ เป็นห้องที่ลูน่าชอบมากที่สุด มันเป็นแหล่งความรู้ และจินตนาการของเธอนั้นเอง เธอจะใช่เวลาอยู่ในห้องหนังสือซะเป็นส่วนใหญ่ ถัดออกมาอีกไม่ไกลนัก จะเป็นห้องอาหาร ในห้องอาหารนั้นมีโต๊ะไม้ยาว พร้อมเก้าอี้นั่งเรียงกันฝั่งละ 12 ตัว ในทุกครั้งที่ถึงเวลาทานอาหารนั้น มีเพียงลูน่าเท่านั้น ที่นั่งทานอยู่เพียงลำพัง ถึงแม้ว่า เธอจะชวนมาธิลด้า มาร่วมโต๊ะอาหารกับเธอบ่อยครั้งก็ตาม แต่มาธิลด้า เพียงแต่ยืนอยู่ข้างเธอเท่านั้น เวลาเธอทานอาหาร

                 

                        .............................................................................................................................................

   

       ณ ดินแดนใต้พิภพ มองไปที่แห่งใด ก็มีผู้คนเดินกันอลหม่าน วุ่นวาย ซึ่งบรรยากาศช่างแตกต่างกับปราสาทของลูน่ายิ่งนัก ทุกคนต่างกำลังรีบเร่ง เพื่อเตรียมงานเลี้ยงฉลองที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ ทุกอย่างถูกจัดอย่างปราณีต ผ้าแพรที่ประดับในห้องโถงใหญ่ พริ้วไหวไปตามสายลมที่พัดผ่าน ประหนึ่งกำลังร่วมยินดีกับงานเลี้ยงฉลอง (ซึ่งอันที่จริงก็จัดกันเป็นประจำ จนไม่ใช่เรื่องตื่นเต้น หรือแปลกใหม่ของ ที่ปราสาทแห่งนี้) ในขณะเดียวกัน อาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วตัวปราสาท 

   

     ดินแดนใต้พิภพนั้น มีผืนดินที่แลดูเหมือนแห้งแล้ง แต่ถ้าเพียงกระพริบตาก็แปลเปลี่ยนเป็นเขียวชอุ่ม มีดอกไม้หลากสีสัน ขึ้นแสมสลับกันไปตรงริมทาง และบางพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ  มีลำธารน้ำทอดยาวออกไป จากทางฝั่งด้านข้างของตัวปราสาท ลงไปสู่ แม่น้ำใหญ่ของดินแดน ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงดาว มีเพียงคลื่นแสงสีต่างๆสลับ ล้อกันเป็นเกลียวคลื่นพาดผ่านท้องฟ้า แม้เป็นยามเช้า หรือยามรัตติกาล แสงนั้นก็ยังคงทอแสงประกายสาดส่องสะท้อนอยู่บนฟากฟ้า มีต้นไม้ทรงสูงคล้ายต้นสนใหญ่ขึ้นเป็นทิวแถวเรียงยาวสุดลูกหูลูกตา สลับเนินภูเขาที่ขึ้นสลับซับซ้อน ถ้ามองกลับไปทางตัวของปราสาทที่ตั้งตระหงานอยู่ ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่ง

     

     ณ เวลานี้ งานฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว งานฉลองนี้จัดขึ้นเพื่อมอบภารกิจให้เหล่าบรรดาบุตรทั้งหลาย เพื่อเป็นบททดสอบ และเลือกผู้ครองนครใต้พิภพในอนาคต ว่าผู้ใดจะคู่ควรกับตำแหน่งในอนาคต (ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่าแสนยาวไกลก็ว่าได้ -*- )

   

       ในงานคราครำไปด้วยผู้คนมากมาย การแต่งกายของหญิงสาวส่วนใหญ่นั้น ออกแนวสไตล์ยุโรป กระโปรงเป็นชั้น ลักษณะทรงของชุดกระโปรงนั้น บานออกดังดอกไม้แรกแย้มเป็นชั้นๆ หลากสีสัน  บ้างก็บางพริ้วไหวไปกับเรือนร่าง ช่างเป็นภาพที่เย้ายวนใจ ของผู้พบเห็นที่มาร่วมงาน ส่วนฝ่ายชายนั้น ส่วนใหญ่จะแต่งกายเรียบหรู ใส่เสื้อนอกทับ 2 ชั้น ชั้นนอกแขนยาว ชั้นด้านในเป็นเสื้อคอมีปกหลากสีสัน ส่วนช่วงล่างนั้นเป็นกางเกงทรงกระบอกสีเข้ม ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มาบางกลุ่มซึ่งแตกแยกผิดแผกแแกไป เสื้อแนวเฉียงไปมา กางเกงแนบเนื้อหลสกสีสัน มีเส้นโลหะ พาดผ่านตามเสื้อ กางเกง คอ หรือแม้กระทั้งมือ บ้างก็ใส่ถุงมือ บ้างก็ใส่โลหะ สีเงิน สีทอง แม้กระทั้งสีนิล พันอยู่รอบนิ้ว และรอบแขน

     

        ขณะที่งานเลี้ยงฉลองกำลังดำเนินไปนั้น อยู่ๆทุกเสียงก็หยุดนิ่ง ต่างทอดสายตามองไปในทิศทางเดียวกัน ณ ประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงนั้น ลูน่า ซึ่งกำลังเดินเข้ามาในงาน กำลังถูกสายตาของคนในงานจับจ้อง หญิงสาวใส่ชุดสีขาวยาวเป็นทาง คล้ายฟองคลื่นช่วงตัวบนชุดแนบลำตัวประดับด้วยคริสตอลสีทองเป็นสายสลับสั้นยาวลงมาถึงช่วงสะโพก ช่วงล่างผ้าพลิ้ว ขอบคอเสื้อรูปคอวีเป็นเส้นดิ้นผ้าสีทอง รับกับต้นคอยาวระหงส์ ช่วงตัวมีผ้าคลุมไหลสีโปรงแสงบางเบาที่เป็นพู่ชั้น แต่งด้วยประกายสีเงินยวง ทั้งผืนผ้า คลุมอยู่ช่วงไหล่ทั้ง 2 ข้าง ลากยาวไปกับพื้นเข้ากับปลายกระโปรงที่ลากยาวคลายฟองคลื่นระยิบระยับ 

     

       "ท่านพ่อ ท่านแม่ ขออภัยที่มาร่วมงานช้า สวัสดีท่านพี่ทั้งหลาย" ลูน่าย่อตัวคำนับ และเบี่ยงตัว ไปด้านข้างของบรรลังค์ เพื่อกล่าวทักทายและส่งยิ้มให้กับพี่น้องร่วมบิดา ถึงแม้สายตาที่มองตอบกลับมานั้น จะแฝงไว้ด้วยความรังเกียจ และดูแคลนก็ตาม

   

       "อืม เจ้ามาก็ดีแล้ว พ่อกำลังจะประกาศภาระกิจให้กับพวกพี่เจ้า ได้ทดสอบความสามารถ และได้พวกทาสมาเพิ่ม พร้อมขยายอำนาจของดินแดนเรา" ชายที่ดูน่าเกรงขามกล่าว เขามีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ ผิวสีแทนเข้ม คิ้วเข้ม ตาคม รูปหน้าเป็นสันสมชาย

   

      "ทุกท่าน ขอบคุณที่มาร่วมงาน วันนี้ก็ถึงวันที่เหล่าบุตรของข้า ต้องออกไปพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง และขยายอำนาจของอณาจักรเราให้ยิ่งใหญ่ ใครที่สามารถล่าวิญญาณมาได้เยอะสุด ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ จะไปที่มิติไหน ภพใด เวลาใดก็ได้ แต่ถ้าเจอกับคนแดนสวรรค์ และกำจัดได้ ก็จะได้แต้มพิเศษ แต่ถ้าเจอกับคนในเผ่าในต่างแดน หรือมิติอิ่น จงนำสัญลักษณ์นี้ติดตัวไป เพื่อแสดงว่าคือคนในเผ่าเดียวกัน ป้องกันไม่ให้พวกเจ้า ฆ่าฟันกันเอง" จอมราชัญกล่าว พร้อมกับยื่นสัญลักษณ์ให้กับเหล่าบุตร ยกเว้นลูน่า เพียงคนเดียว

   

       "เอะ" ลูน่าอุทาน์ ออกมาเบาๆ เธอคิดว่า ทำไมเธอถึงไม่ได้ หรือว่าครั้งนี้ก็ยังไม่สามารถออกไปเห็นโลกภายนอกได้อีกหรือ เธอต้องรออีกนานแค่ไหน พรางทำสายตาฉงนสงสัยไปทางบิดาของตน

   

     "เอาละ เมื่อจบงานเลี้ยง พวกเจ้าก็พักผ่อน และเตรียมตัวเดินทางกันได้เลย พรุ้งนี้รอยแยกจะเปิด ประตูแห่งพิภพจะเป็น ทุกท่านฉลองกันต่อ ตามสบาย ข้าขอตัวก่อน" ราชัญก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยง พร้อมกับลูน่า ที่เดินตามไปอยู่ด้านหลัง

   

     "ท่านพ่อ ท่านพ่อ รอลูกก่อน"

   

     "เจ้ามีอะไร"

   

     "ท่านพ่อ ทำไมลูกไม่ได้ตรา" ลูน่ากล่าว พร้อมเอามือข้างนึงจับแขนของราชัญ

   

     "เจ้าคิดว่าไงละ" 

   

     "ลูกจะไม่ได้ไป งั้นหรือ ท่านพ่อทำไม ลูกอยากออกไปเห็นโลกภายนอกบ้าง ลูกก็อยากไปทำภาระกิจแบบพวกท่านพี่"

   

    "เจ้าไม่มีวันทำได้แบบพวกพี่เจ้า อีกอย่าง โลกด้านนอกนั้นไม่เหมาะกับเจ้า ข้าจะให้มาธิลด้ารับเจ้ากลับไปปราสาท" ราชันกล่าว เดินหันหลังจากไป ณ หวงความคิดของราชัน ได้เพียงคิดแต่ไม่สามาถ ที่จะเอื้อนเอ่ยวจีออกมาได้ 

     

     (เจ้าช่างเหมือนกับแม่ของเจ้า ข้าต้องปกป้องเจ้าให้ดีที่สุด ข้าได้ให้สัญญากับแม่เจ้าไว้ แม้ข้าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม) 

     

   ลูน่าทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของบิดาเดินจากไป จนลับสายตา ดวงตาทั้ง 2 ข้างเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเธอยืนนิ่งใต้เงาของแสงจันทร์ ได้แต่คิดน้อยใจ ทำไมถึงมีเพียงแค่เธอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ร้อยปี ก็มีเพียงเธอที่ยังคงอยู่เพียงในดินแดนนี้ ต่างจากคนในเผ่าเธอ ซึ่งสามารถมีอิสระไปที่ใดก็ได้ มีแค่เพียงเธอที่ต้องอยู่ในปราสาท

   

   "ท่านหญิง กลับกันเถอะ เตรียมพาหนะไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ" มาธิลด้าเดินเข้ามาหาลูน่า พร้อมเอามือสัมผัสที่บ่าเบาๆ

   

   "ค่ะ น้ามาธิลด้า" ลูน่าเดินตามมาธิลด้าไป

   

    ในห่วงความคิดของลูน่านั้น กำลังคิดวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง นี้อาจเป็นครั้งแรกเลย ที่เธอจะขัดคำสั่งของท่านพ่อ

   

    "พรุ้งนี้ประตูจะเปิดสินะ" ลูน่าพึมพำเบาๆ แววตาทอแสงเป็นประกาย พร้อมกับมีรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้า

 

                 ******************************************************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา