นทีสีรุ้ง (NC 25 ++)
เขียนโดย Porzor
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.40 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ความอดทนของเธอมีเท่าไหร่กัน?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความอดทนของเธอมีเท่าไหร่กัน?
วันแรกที่นทีก้าวเข้ามาบริหารทุกอย่างแทนคุณปราชญ์ เขายังจำสายตาคลางแคลงใจ และทุกคำพูดดูถูกเด็กหนุ่มอย่างเขาได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ใส่ใจและพัฒนาตัวเองอย่างที่สุด ถ้าคู่แข่งก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตัวเขาต้องก้าวไปแล้วสามก้าว เพราะก้าวที่สองมีไว้เผื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น จนวันนี้ทุกย่างก้าวที่เขาเดินผ่านเข้าบริษัทมา ทุกคนต่างก็ก้มหัวให้เขาอย่างไม่มีข้อสงสัย และยอมรับเขาอย่างไม่มีข้อยกเว้น
นทีได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาได้พา A Group เติบโตขึ้นเรียกได้ว่ามากกว่าก้าวกระโดด จากโรงแรมเล็กๆ ทีรู้จักแค่ในประเทศ ตอนนี้แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวาง
ผลประกอบการณ์ที่ได้จากการทำโรงแรมเล็กๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกไตรมาส ทำให้ชายหนุ่มได้ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็น A Group ในปัจจุบัน
กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลย แต่ทายาทรุ่นที่ 3 ของบ้านอัศวตรีนานนท์ก็เอาอยู่ เรียกได้ว่าคุณปราชญ์และคุณนับดาวชื่นชมและภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้เป็นอย่างมาก
“วันนี้บอสมีประชุมตอนบ่าย 3 เกี่ยวกับผลกระทบของพายุที่พัดถล่มรีสอร์ทเราที่สมุย แล้วก็เอกสารผลประกอบการณ์ไตรมาสก่อนผมวางไว้ให้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ” อัศนัยเลขาของนทีแจ้งตารางงานของชายหนุ่มในวันนี้ ระหว่างที่เดินขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน
“ตอนนี้รีสอร์ทเราเป็นยังไงบ้าง มีแขกหรือพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บไหม?” นทีกล่าวถามอย่างเป็นกังวล
“โชคดีที่ไม่มีแขกของเราได้รับบาดเจ็บครับ มีแค่ ร.ป.ภ 7 คนที่เดินตรวจตราคืนที่พายุเข้า แล้วโดนซากอาคารถล่มตกลงมาทับ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าบาดเจ็บรุนแรง ตอนนี้กลับไปรักษาตัวที่บ้านกันทั้งหมดแล้ว ไม่มีใครอาการน่าเป็นห่วงครับ” เลขาหนุ่มรายงานตามที่โทรสอบถามมาเมื่อเช้า
“งั้นให้ทุกคนพักผ่อนไปก่อนจนกว่าจะหายดีค่อยกลับมาทำงาน แจ้งทาง HR ให้สอบถามเรื่อยๆ ด้วยนะว่าแต่ละคนขาดเหลืออะไร หรือต้องการอะไรเพิ่ม ดูแลพวกเขาให้ดี แล้วก็เคลียร์คิวงานให้ผมด้วย อีกสองสามวันผมจะลงไปดูงานที่สมุยเอง ฝากด้วยนะ”
อัศนัยพยักหน้ารับคำของเจ้านายทันที พร้อมกับชื่นชมเจ้านายของตนไปในใจ ที่ A Group เติบโตได้ขนาดนี้ เพราะมีผู้บริหารใจกว้าง และให้ความสำคัญแก่พนักงานทุกคนนี่เอง
------------------------
ร่างสูงของนทีเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของตนเอง ขายาวกำลังจะก้าวเข้าห้อง แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางที่กำลังก้มๆ เงยๆ เหมือนหาอะไรสักอย่างด้านล่างโต๊ะหน้าห้องทำงานของเขาที่ตอนนี้มีโต๊ะตั้งอยู่สองตัว
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น พลางนึกย้อนไปในใจ เขาจำได้ว่าก่อนไปนิวยอร์ก มีโต๊ะเลขาเขาแค่โต๊ะเดียว แล้วอีกโต๊ะเป็นของใครกัน?
ไม่รอให้ชายหนุ่มคิดนานนัก ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นนทีกำลังจ้องมองมาเธออยู่ ร่างเล็กตกใจรีบวางเอกสารที่เธอพึ่งหาเจอลง ลุกขึ้นยืนแขนขาสั่นอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“ใครใช้ให้เธอมาเพ่นพ่านแถวนี้?!” ร่างสูงตะคอกถามพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิดที่เปลี่ยนเป็นเครียดขมึงทันทีที่เห็นว่าเป็นทอรุ้ง เสียงของเขาทำเอาเลขาหนุ่มที่ก้าวตามมาข้างหลังชะงัก แล้วแอบยืนดูอยู่ห่างๆ
“เอ่อ คือ ฉันมาฝึกงาน คุณผู้หญิงท่านให้มาเรียนรู้งานกับพี่อาร์ 3 เดือนค่ะ” ปากบางกระจับละลักละล่ำตอบร่างสูงไปทันที หลังจากที่รวบรวมสติของตัวเองได้ นิ้วเรียวสวยขยุ้มชายกระโปรงจนยับยู่ยี่เพราะตกใจจนไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน
“อย่ามาโกหกฉันนะ! คุณแม่ก็รู้ว่าฉันเกลียดเธอ ไม่มีทางที่ท่านจะให้เธอมาอยู่ในที่ของฉันหรอก” ร่างสูงตอบกลับทันที
‘หึ ยัยเด็กนี่ไปต่อไหนถึงไหนกับเลขาเขาแล้วนะ ถึงได้เรียกชื่อเล่นกันอย่างสนิทสนมขนาดนั้น’ เขาคิดในใจพลางเหยียดยิ้มออกมาอย่างขยะแขยง
“อะ เอ่อ คุณนับดาวให้น้องรุ้งมาฝึกงานกับผมจริงๆ นะครับบอส” อัศนัยก้าวออกมาหลังจากคิดว่าถ้าเขาไม่หยุดเรื่องนี้ไว้ ห้องทำงานอาจจะได้พังคามือเจ้านายหนุ่มเป็นแน่
ร่างสูงชะงักไปนิดหน่อยหลังจากได้รับคำตอบจากอัศนัย ขายาวขยับก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางที่กำลังยืนตัวสั่น ยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองร่างบางอย่างประเมิน
“เธอคิดว่าคนอย่างเธอจะฝึกงานผ่านหรอ? หึ งั้นมาลองดูกันสักตั้งว่าความอดทนใครมันจะต่ำกว่ากัน”
ร่างสูงว่าพลางใช้นิ้วจิ้มลงไปบริเวณเหนือหน้าอกเยื้องๆ ลาดไหล่บอบบางของเธออย่างดูถูก ก่อนที่จะดึงเอากระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดมือข้างที่แตะตัวเธอแล้วมองเธอด้วยสายตารังเกียจ
ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขาทันทีที่พูดจบ ‘อดทนไว้ อดทนไว้ทอรุ้ง อย่าไปตอบโต้เขา’ ร่างบางได้แต่ข่มอารมณ์โมโหและกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ ตากลมโตมองตามร่างสูงที่ตอนนี้กำลังหันหลังเดินเข้าห้องของเขา
“อ้อ แล้วฉันหวังว่าหลังจากที่เธอฝึกงานจบ เธอคงจะไม่มีแพลนหางานทำที่นี่ต่อนะ เพราะถ้าให้ฉันพูดตามตรง ฉันไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเธอเท่าไหร่หน่ะ”
นทีหันมาพูดทิ้งท้ายอย่างเจ็บแสบก่อนที่ขายาวๆ จะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานของตน
“น้องรุ้งโอเคมั้ยครับ?” อัศนัยถามเด็กในปกครองขึ้นทันทีหลังจากที่อยู่กันเพียงสองคน
“รุ้งโอเคค่ะพี่อาร์ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยแจ้งคุณนทีให้ เพราะถ้ารุ้งแจ้งเองคงจะไม่ฟังแน่ๆ” ร่างบางหันมาคลี่ยิ้มสวยให้รุ่นพี่หนุ่มทันทีเพื่อให้เขาวางใจว่าเธอเองไม่เป็นไร
“เห้อ เอาจริงๆ นะ พี่อยากให้รุ้งตอบโต้กลับบ้าง ถ้าบอสทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลหน่ะ แล้วนี่ถ้าเขาแกล้งอะไรเราหนักๆ หรือมีอะไรให้พี่ช่วย รู้ใช่มั้ยว่าเราบอกพี่ได้ทุกเรื่อง”
อัศนัยยกมือขึ้นตบไหล่เล็กอย่างเอาใจช่วย พร้อมกับยิ้มตอบกลับ
‘ตอบโต้กลับอย่างนั้นหรอ?’ ร่างบางพึมพำพลางคิดตามในสิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะทำเลยในตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
“ฮึก ฮือออออ นมแจ่มรุ้งแสบค่ะ” เด็กหญิงที่ถูกผลักจนล้มกำลังนั่งร้องไห้ขณะที่เข่าข้างซ้ายถูกทายาโดยหญิงชรา
“คุณหนูคะ นมว่าต้องบอกคุณผู้หญิงแล้วนะคะ นี่มันเกินไปแล้ว ถึงขั้นเลือดตกยางออกแล้วนะคะ” หญิงชรานั่งทำแผลไปก็ปวดใจไปหมด
เธอไม่รู้เลยว่าต้องทำแผลยังไงให้เด็กผู้หญิงแสนดีตรงหน้าคนนี้ไม่รู้สึกเจ็บ
“ไม่ค่ะนม ไม่นะคะ นมสัญญากับรุ้งมานะคะว่านมจะไม่บอกใครเรื่องนี้ ทุกคนจะรู้แค่ว่ารุ้งวิ่งหกล้ม”
เด็กหญิงที่ใบหน้าเปราะไปด้วยคราบน้ำตากำลังขอร้องหญิงชราที่เธอเคารพรักที่สุดในบ้าน สายตาของเธอวิงวอนให้อีกฝ่ายตอบตกลงรับการข้อตกลงนี้
“นมไม่เข้าใจ ทำไมหล่ะคะ? ทำไมต้องยอมเจ็บตัวแบบนี้ด้วย ดูสิคะเข่าสวยๆ ของคุณหนู ถ้าเป็นแผลเป็นจะทำยังไง?”
“รุ้งโอเคค่ะ เดี๋ยวก็หายแล้ว นมแจ่มมียาวิเศษ รุ้งเป็นแผลทีไร วิ่งมาให้นมทายาให้ เผลอแป๊บๆ แผลก็หายไม่ทิ้งรอยแล้ว เพราะงั้นแค่มีนมก็พอแล้วค่ะสำหรับรุ้ง” เด็กหญิงคลี่ยิ้มสดใส ประจบหญิงชราทันที
“รอบหน้านมจะแจ้งคุณผู้หญิงแล้วจริงๆ นะคะ นมจะไม่ยอมฟังคุณหนูแล้ว ดูสิคะเนี่ย รอบก่อนก็แผลที่ข้อศอก นี่ยังไม่ทันหายดีเลยแผลใหม่มาอีกแล้ว เชื่อนมนะคะ ให้คุณผู้หญิงจัดการเถอะค่ะ คุณหนูจะได้ไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้อีก”
หญิงชรากุมมือเด็กหญิงไว้ พร้อมกับพูดเสียงกระเง้ากระงอด ขัดใจที่เอาชนะลูกอ้อนของลูกกวางตาแป๋วตัวนี้ไม่ได้สักที
“คุณผู้หญิงมีเรื่องให้คิดเยอะมากแล้วค่ะนม นมช่วยรุ้งก่อนนะคะ อีกไม่กี่ปีรุ้งก็จะจบปริญญาตรีแล้ว ถ้าหางานได้รุ้งจะไปจากที่นี่ทันที เพราะงั้นให้รุ้งอยู่แบบสบายใจ ไม่ต้องให้ใครมากังวลใจเรื่องของรุ้งเถอะนะคะนม”
เด็กหญิงทอดมองมือที่กุมอยู่ของหญิงชราอย่างเด็ดเดี่ยว ที่ทอรุ้งที่ไม่เคยตอบโต้ความเกรี้ยวกราดใดๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่สู้ แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนมีบุญคุณกับเธอทั้งสิ้น
หลังจากวันนั้นเด็กหญิงจึงกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไร ความสดใสที่พึงมีให้สมวัย กลับแทนที่ด้วยการที่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วขึ้น
ต้องตั้งใจเรียน ขยันและสร้างลู่ทางให้ตนเองเพื่อที่ถึงเวลาเธอจะได้กางปีกบินออกจากอัศวตรีนานนท์อย่างสวยและสง่างาม
---------------------------------------
เริ่มเลอ! ทำอะไรกับน้องไว้ระวังโดนเอาคืนนะคะพี่ที หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ