แรงรัก แรงอาฆาต

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.08 น.

  13 ตอน
  45 วิจารณ์
  4,941 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 09.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่9 ตุ๊กตาเนื้อคู่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แรงรัก  แรงอาฆาต

บทที่9 ตุ๊กตาเนื้อคู่

 

วัด

                      “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” แม่ชีกล่าว  พรางมองเอิญกับมาวิน “ลูกน่ะ” แม่ชีมองเอิญ  และกล่าวขึ้น “ชาติที่แล้วลูกน่ะเกิดเป็นผู้ชายคนนั้น  ส่วนลูก” แม่ชีมองมาวิน “ชาติที่แล้วลูกน่ะเกิดเป็นผู้หญิงที่สาบานน่ะ”

   พวกมาวินต่างนั่งฟังด้วยสีหน้าประหลาดใจ  ทุกคนเหมือนจะเชื่อในสิ่งที่แม่ชีพูด  แต่อีกใจก็สงสัย  ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ  แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสี่คนจะได้สงสัยอะไรต่อ  แม่ชีก็พูดขึ้นมาต่อ

                      “แล้วก็นี่ไม่ใช่ชาติแรก” แม่ชี้กล่าว  พรางมองพวกมาวินกับเอิญ “ที่ลูกทั้งสองคน  ได้เกิดมา  และรักกัน  แต่ไม่ได้ครองคู่กัน  แต่มันผ่านมาเป็นร้อยๆชาติแล้ว”

   เอิญที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงเอ่ยถามแม่ชีกลับไป  ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

                      “แล้วมันไม่มีวิธีแก้ไขเรื่องนี้เลยเหรอค๊ะ”

   แม่ชีที่ได้ยินดังนั้น  ท่านจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย  และหันมาตอบเอิญ

                      “มีสิ” แม่ชีกล่าว  พรางมองหน้าเอิญ “แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพ่อหน่มคนนี้  ถ้าพ่อหนุ่มคนนี้ยอมอโหสิกรรมให้  ทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้  มันก็จะจบลง  และกรรมของพวกลูกที่ผ่านมา  ก็จะถือว่าเป็นอันสิ้นสุดกันไป”

   แม่ชีกล่าว  พรางมองหน้ามาวิน  รวมถึงทุกๆคนที่อยู่ในนั้นด้วย 

                      “แล้วแม่ก็ยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกลูก” แม่ชีกล่าว  พรางมองหน้ามาวิน “ลูกน่ะ  ตอนนี้รังเล  ว่าจะเอายังไงกับภรรยาที่บ้านดีใช่ไหม  อยากจะเลิก  แต่ในใจก็เป็นห่วงเด็กที่กำลังจะเกิดมาใช่ไหม”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขามาสีหน้าถอดสี  ด้วยความตกใจ  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับแม่ชี

                      “แม่ชีรู้ได้ยังไงครับ?”

   แม่ชียิ้มออกมาเล็กน้อยอีกเช่นเคย  ก่อนที่แม่ชีจะกล่าวกับมาวินต่อ

                      “ผู้หญิงคนนั้น” แม่ชีกล่าว  พรางมองมาวิน “ในชาตินี้  เธอเกิดมาเป็นกรรมของพวกลูก  แต่สิ่งที่หน้ากลัว  ที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับลูกคือ  ผู้หญิงคนนั้น  ทำของใส่ลูก  มันคือตุ๊กตาเนื้อคู่  ที่จะทำให้ลูกหลงผู้หญิงคนนั้น  แต่โชคดีที่ลูกมีพระที่แม่ของลูกได้มอบเอาไว้ให้  ทำให้ลูกไม่โดนของสิ่งนั้น  แต่มันแค่ทำให้ลูก  ไม่สามารถที่จะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นได้”

   พวกมาวินที่ได้ยินแม่ชีพูดเช่นนั้น  ส่วนมาวินเขาเอามือขึ้นมากำพระที่คอ  ที่แม่เขาเคยเอาใส่ให้ตั้งแต่เด็ก  และตั้งแต่ตอนนั้น  เขาก็คล้องพระองค์นี้มาตลอด  พวกเขาต่างทำสีหน้าตกใจ  แต่อีกใจก็คิดว่าจะเชื่อดีไหม    มาวินจึงเอ่ยถามแม่ชีกลับไปอีกครั้ง

                      “แล้ว” มาวินเอ่ยถาม  ด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย “ไม่มีวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้เลยเหรอครับ  หรือถ้าแค่ผมอโหสิกรรม  ทุกอย่างก็จะจบเองครับ?”

                      “อโหสิกรรมน่ะ  แค่จบกรรมที่ลูกเคยสาบานเอาไว้” แม่ชีกล่าว  พรางมองมาวิน “แต่สิ่งที่จะทำให้ลูกกับผู้หญิงคนนั้น  หลุดพ้นจากกันได้  ก็คือลูกต้องหาของที่ผู้หญิงคนนั้นทำใส่ลูกให้เจอ  ซึ่งมันฝั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้  ภายในบ้านของลูกนั่นแหล่ะ  ลูกต้องหาให้เจอ  แล้วนำมันมาที่วัดแห่งนี้  แล้วที่เหลือ  เดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง”

   สิ้นเสียงแม่ชี  พวกมาวินต่างมองหน้ากันเล็กน้อย  แม่ชีที่เห็นดังนั้น  ท่านจึงกล่าวขึ้นมาต่อ

                      “มันอาจจะฟังดูเชื่อยาก  งั้นแม่จะบอกอีกอย่างที่สำคัญ  ที่พวกลูกไม่ได้บอกแม่แล้วกัน” แม่ชีกล่าว  พรางมองมาวินอีกครั้ง “ลูกน่ะ  เป็นลูกหัวใจสินะ”

   สิ้นเสียงแม่ชี  พวกมาวินต่างมองหน้ากันอีกครั้ง  ด้วยความตกใจ  และเป็นอีกครั้งที่มาวินต้องเอ่ยถามแม่ชี  ด้วยความงุนงง

                      “แล้วแม่ชีรู้ได้ยังไงครับ?”

   แม่ชีไม่ได้ตอบอะไรกลับมา  แต่ท่านกลับตอบอีกสิ่งหนึ่งมาแทน

                      “พวกลูก  ลองนำสิ่งที่แม่บอก  ไปคิดดูอีกทีก็แล้วกันนะ  ว่าจะเอายังไงดี”

   สิ้นเสียงแม่ชี  พวกมาวินต่างทำหน้าครุ่นคิดกันอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่ทั้งสี่คน  จะกราบแม่ชี  เพื่อขอตัวกลับบ้านกัน  ทั้งสี่คนต่างเดินกลับไปที่รถ  ด้วยความเงียบงัน  โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยสักคำเดียว  แต่เอิญที่เห็นว่า  สิ่งที่แม่ชีพูดน่าจะเป็นความจริง  เธอจึงเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะขึ้นรถ

                      “นี่เขาว่า” เอิญกล่าว  พรางมองมาวิน “เราลองทำตามที่แม่ชีท่านพูด  ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงตอบเอิญกลับ  ด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มเล็กน้อย

                      “แม่ชีท่านก็พูดไปเรื่อย” มาวินตอบ  พรางเอื้อมมือจะเปิดประตูรถ “จะมีใครมารู้อดีตชาติได้กันเล่า”

                      “แต่สิ่งที่แม่ชีพูด” ชาติชายกล่าว  พรางมองมาวิน “มันก็จริงหมดเลยนะเว้ย  รวมทั้งเรื่องมึงกับเมย์  และเรื่องที่มึงเป็นโรคหัวใจด้วย  ยังไม่มีใครเล่าอะไรให้ท่านฟังสักคน  แต่ท่านกลับพูดออกมาเองหมด”

   นั้นจึงทำให้มาวินเถียงไม่ออก  เขากล่าวตอบทุกคนกลับมาเพียงแค่

                      “เออ” มาวินกล่าว  พรางเปิดประตูรถ  และเข้าไปนั่งในรถ “กูจะลองกลับไปคิดดูแล้วกัน  แต่ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านพูดนะเว้ย  กูแค่ยังหาจุดที่เชื่อสนิทใจไม่เจอ  แค่นั้นเอง”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขาสตาร์ทรถ  และขับออกมาจากวัดแห่งนั้น  โดยที่ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน  ทั้งสี่คนต่างหาอะไรกินกันระหว่างทาง  และมาวินค่อยพาทั้งสี่คน  กลับไปส่งบ้าน  โดยที่เอิญเป็นคนสุดท้าย  ที่มาวินพาไปส่ง  ก่อนที่เอิญจะเข้าบ้าน  มาวินได้สวมกอด  และหอมแก้มเอิญ  ก่อนที่เอิญจะเดินเข้าบ้านไป  ส่วนมาวินที่ขับรถกลับบ้านคนเดียว  ตลอดทางเขาได้คิดถึงสิ่งที่แม่ชีพูด  ตัวเขาเองจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี  เขาคิดวนอยู่บนแบบนั้นตลอดทาง  จนกระทั้งถึงบ้าน 

บ้านมาวิน

   เขาเดินเข้าบ้านมา  เห็นพ่อกับแม่นั่งคุยหยอกล้อเล้นกันอยู่  เขาจึงยิ้มออกมาให้กับความน่ารักของพ่อแม่  ที่วัยสูงอายุขนาดนี้แล้ว  แต่ยังรักกันมากเหมือนหนุ่มๆสาวๆก็มิปาน  มาวินเห็นแบบนั้น  จึงเดินเข้าไปหาพ่อแม่  และเข้าสวมกอดพ่อกับแม่  เหมือนเป็นการขอบคุณแม่ของเขาด้วย  ที่ให้สิ่งที่มีค่า  ที่ช่วยป้องกันให้เขาพ้นจากสิ่งที่อันตรายที่สุดมาได้  เขาเข้าสวมกอดพ่อกับแม่อย่างที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนในช่วงนี้  พ่อกับแม่ของเขาถึงกับงง  ว่าลูกของเขาเป็นอะไร  แต่พวกท่านก็มิได้สนใจอะไรนัก  พวกท่านกอดตอบลูกของเขา  พรางถามลูกของพวกเขาด้วยความเป็นห่วง

                      “ไปอะไรลูกฮะ”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงยิ้มบางๆ  และตอบแม่ของเขาไป

                      “เปล่าหรอกครับแม่” มาวินตอบ  พรางมองหน้าพ่อกับแม่ของเขาอย่างอ่อนโยน “ก็แค่  บ้านเราไม่ได้เงียบแบบนี้มานานแล้ว”

                      “นั่นสิเนอะ” แม่กล่าว  พรางมองไปรอบๆบ้าน “พอเมย์ไปทำงาน  บ้านเราก็สงบขึ้นมาทันทีเลย  แม่เองก็ไม่ต้องกลัว  ว่าเขาจะหาเรื่องอะไรลูกแม่อีก”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงพยักหน้าตอบรับ  พ่อจึงถามขึ้นมาบ้าง

                      “แล้วไปทำบุญกับหนูเอิญมา  สบายใจขึ้นบ้างไหม”

   มาวินที่ได้ยินพ่อกล่าวถาม  เขาจึงถอนหายใจออกมาเฮือกนึง  ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบพ่อไป

                      “ก็ดีขึ้นครับ” มาวินตอบ  ด้วยสีหน้าที่หนักใจนิดๆ “แต่ก็เจอกับปัญหาใหม่ๆเพิ่มเข้ามาอีก”

   พ่อกับแม่ที่ได้ยินดังนั้น  ท่านก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย  พรางถามกับมาวิน

                      “ปัญหาใหม่เหรอ?”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงตอบเลี่ยงๆไป  เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่เป็นห่วงมากไปกว่านี้

                      “อ้อ  ไม่มีอะไรหรอกครับ” มาวินตอบ  พรางยักไหล่  และผายมือทั้งสองข้างออกจากกัน “พระท่านก็แค่  แน่ะนำว่าช่วงนี้  ให้ทำบุญปลูกต้นไม้อะไรแบบนั้นน่ะครับ”

   พ่อกับแม่ที่ได้ยินดังนั้น  พวกท่านจึงหัวเราะออกมา  ก่อนที่มาวินจะขอตัวขึ้นห้องไป  เมื่อเขาเข้ามาในห้องได้แล้ว  เขาก็ไม่ริช้า  รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และโทรหาเอิญทันที

                      “ทำอะไรอยู่ตัวเอง”

                      “ก็รอตัวเองถึงบ้านนั่นแหล่ะ” เอิญกล่าว  ผ่านสายโทรศัพท์ “แล้วนี่ตัวเองพึ่งถึงบ้านเหรอ”

                      “เขาถึงนานแล้ว” มาวินตอบ  ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “แต่เขาคุยกับพ่อแม่พึ่งเสร็จ  ที่จริงก็อยากขอบคุณแม่  ที่ให้พระองค์นี้มานั้นแหล่ะ”

                      “จะว่าไปก็จริงนะ” เอิญตอบ “ถ้าไม่ได้แม่  ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง  แต่นี่แสดงว่าตัวเองก็เชื่อในสิ่งที่แม่ชีพูดแล้วน่ะสิ”

   มาวินที่ได้ยินเอิญถามแบบนั้น  เขาจึงหน้าแดงออกมานิดๆ

                      “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ” มาวินตอบ  ด้วยสีหน้าที่แดงด้วยความเขิล “แต่แค่ไม่รู้ว่าจะเชื่อสิ่งที่แม่ชีท่านบอกยังไงดี  เท่านั้นเอง”

   เอิญเงียบไปสักพักหนึ่ง  ก่อนที่เขาจะตอบมาวิน

                      “ก็ไม่ต้องเชื่อยังไง” เอิญกล่าว “เราก็แค่ทำตามที่แม่ชีท่านบอก  ก็เท่านั้นเอง  ก่อนอื่นเลย  เริ่มจากอโหสิกรรมให้กับสิ่งที่เขา  ทำกับตัวเองในชาติที่แล้วก่อนเลย”

   มาวินที่ได้ยินน้ำเสียง  ที่พูดเชิงเล่นของเอิญ  เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข  ก่อนที่เขาจะตอบเอิญกลับไป

                      “ไม่อโหสิกรรมหรอก” มาวินตอบ  ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “ถ้าอโหสิกรรมให้  ชาติหน้าเราก็ไม่ได้เกิดมาเจอกันน่ะสิ”

                      “คุณนิ” เอิญตอบ  ด้วยน้ำเสียงโมโหนิดๆ “ยังจะมาพูดเล่นอีก-งั้นเอาแบบนี้มะ  อโหสิกรรมให้เรื่องของชาติที่แล้ว  แล้วเราก็มาสาบานกันใหม่ ให้มันดีกว่าเดิม”

   มาวินที่ได้ยินแบบนั้น  เขาจึงหัวเราะออกมาอีกครั้ง  ในค่ำคืนนั้น  ทั้งคู่ต่างคุยกันไปต่างๆนานา  มากมายหลายเรื่อง  มีทั้งเรื่องที่ทำให้หัวเราะ  เรื่องที่งอลกันนิดๆ  จนกระทั้งทั้งคู่ต่างเผลอหลับไปพร้อมๆกัน

เช้าวันต่อมา

   มาวินตื่นขึ้นมา  และแต่งตัวเตรียมไปทำงานตามปกติ  แต่เมื่อเขาลองคิดทบทวนดูดีๆแล้ว  วันนี้เขาไม่เข้าไปที่ทำงานดีกว่า  เขาจึงยกสายโทรศัพท์ขึ้นมา  และโทรไปหาเลขาของเขา  ให้เลารับผิดชอบงานในวันนี้ด้วย  ต่อจากนั้น  เขาจึงยกโทรศัพท์โทรหาเอิญ

                    “ตัวเอง  วันนี้เขาไม่ได้เข้าไปที่ทำงานนะ”

   เอิญที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงมีน้ำเสียงที่ค่อนข้างตกใจนิดๆ

                    “อ้าว  ทำไมล่ะ”

                    “เขาว่าจะลองเชื่อที่แม่ชีพูดดู  ว่าจะลองขุดบ้าน  เพื่อหาไอ้ตุ๊กตาเนื้อคู่นั่นดูน่ะ”

                    “อ้อเข้าใจล่ะ  งั้นเขาขอให้ตัวเองหาเจอไวๆนะ”

                    “โอเคจ้ะ” มาวินกล่าว  ด้วยสีหน้าที่ยิ้มนิดๆ “งั้นไว้เจอกันนะ”

   พูดจบ  มาวินจึงวางสายโทรศัพท์ไป  และจัดแจงเปลี่ยนชุด  เป็นชุดที่เอาไว้ทำงานบ้าน  ก่อนที่เขาจะเดินลงมาจากห้องนอน  และเป็นอีกครั้ง  ที่พ่อกับแม่ต้องทำสีหน้าประหลาดใจ  ก่อนที่พ่อจะกล่าวถามมาวินขึ้นมา

                    “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอลูก”

   มาวินหันมาตอบพ่อ  อย่างทันท้วงที

                    “ไม่ล่ะพ่อ” มาวินกล่าว “วันนี้ว่าจะอยู่บ้าน  ปลูกต้นไม้ตามที่พระท่านแน่ะนำมาหน่อยน่ะ”

                    “แล้วงานที่บริษัทล่ะ?”

                    “ตอนนี้งานมันก็ไปได้เรื่อยน่ะพ่อ” มาวินกล่าว  พรางโบกมือส่ายไปมา  ว่าไม่ต้องเป็นห่วง “ผมฝากให้คุณสจีจัดการต่อให้แล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วงไป”

   พ่อที่ได้ยินดังนั้น  ก็ต้องเออออตามไป  ก่อนที่มาวินจะหันไปบอกกับคนใช้ในบ้าน  ให้เอาอุปกรณ์ขุดดินมา  พ่อที่เห็นดังนั้น  เขาจึงเอ่ยถามอีกครั้ง

                    “แล้วจะปลูกต้นไม้น่ะ” พ่อกล่าว  ด้วยสีหน้างุนงงนิดๆ “มีเมล็ดแล้วเรอะ”

   มาวินจึงหันมาตอบพ่อทันทีอีกครั้ง

                    “เรื่องนั้นพ่อก็ไม่ต้องกังวลไป” มาวินกล่าว  พรางส่ายมือไปมาอีกครั้ง “ผมให้ทางร้านขายเมล็ดต้นไม้  มาส่งให้ถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว  ระหว่างนี้  ผมก็แค่ขุดดินรอเท่านั้น  แล้วเมล็ดมาเมื่อไหร่  ผมก็หว่านได้ทันที”

   พ่อกับแม่ต่างมองหน้ากัน  ทั้งคู่ต่างแปลกใจกับลูกชายตนเอง  จากหนุ่มเสเพล  ที่รักสนุกไปวันๆ  ตอนนี้ลูกชายของตนเอง  กลับดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึงแล้ว  แม่ที่เห็นดังนั้น  ท่านจึงกล่าวกับลูกชายของเขาอีกครั้ง

                    “อย่าหักโหมมากนะลูก” แม่กล่าว  ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงนิดๆ “ทำแค่พอไหวก็พอ”

                    “ขอบคุณครับแม่”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขาจึงเดินออกจากบ้านไป  พร้อมแต่งชุดพร้อมขุดดินอย่างเต็มที่  แต่เมื่อเขาเดินออกมาที่หน้าบ้าน  เขาก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง  เพราะเมื่อเขามองไปรอบๆบ้าน  เขาก็ต้องพบว่า  ต้นไม้รอบบ้านเขา  มันเต็มไปหมดเลย  จนเขาไม่รู้  ว่าเขาจะเริ่มขุดจากต้นไหนก่อนดี  แต่เขาก็ตัดสินใจ  เริ่มจากต้นที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด  คือต้นข้างบ้านของเขา  เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น  เขาเองก็ไม่รอช้า  เขาจัดการลงมือขุดในทันที  พ่อกับแม่เขาทำได้เพียงยืนมองลูกชายตนเอง  ด้วยความงุนงง  มาวินขุดที่ต้นตรงหน้าเขาอยู่พักใหญ่  จนเขาคิดว่า  คงไม่ใช่ต้นนี้เป็นแน่แล้ว  เขาจึงตัดสินใจ  เดินไปที่ต้นข้างๆกัน  และลงมือขุดมันอีกครั้งหนึ่ง  เขาทำแบบนั้นอยู๋เกือบครึ่งวัน  ก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของตุ๊กตาเนื้อคู่เลย  จนกระทั่งเอิญโทรมาถามไถ่

                    “เป็นยังไงบ้าง  เจออะไรไหม”

                    “ยังไม่เจออะไร  ที่จะเป็นวี่แววของตุ๊กตาเลย”

   เอิญเงียบไปสักพัก  ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา

                    “ก็คงยากหย่อยน่ะนะ  เพราะต้นไม้ที่บ้านคุณเองมันก็เยอะด้วย”

                    “ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”

                    “งั้นถ้าเจออะไรตัวเองบอกเขาด้วยนะ  เขาไปทำงานก่อน”

   พูดจบเอิญจึงวางสายไป  ก่อนที่ร้านค้า  ที่มาวินสั่งเมล็ดต้นไม้ไป  จะโทรเข้ามาหา  ว่าเอาเมล็ดมาส่งให้แล้ว  มาวินจึงเดินออกไปรับ  และนำมันมาหว่านไปยังที่ที่เขาขุดไปแล้ว  เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ของเขาสงสัย  แต่หว่านไปได้เพียงครู่เดียว  แม่บ้านจึงเดินเข้ามา  เรียกมาวิน  ให้เข้าไปกินข้าว

                    “คุณหนู” แม่บ้านเรียกมาวิน “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายให้มาตามไปกินข้าวค่ะ”

   มาวินหันกลับมาตอบแม่บ้าน

                    “ครับป้า” มาวินตอบ  พรางปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยล้า “เดี๋ยวผมตามไปครับ”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขาวางจอบที่ใช้ขุดดิน  และเดินตามแม่บ้านเข้าไปในบ้าน  พ่อกับแม่ที่เห็นมาวินเดินเข้ามา  พวกท่านจึงเรียกลูกชายของพวกท่าน  ให้มานั่งที่โต๊ะอาหาร  มาวินเองที่เห็นกับข้าว  เขาตาโตด้วยความน่ากินของอาหารบนโต๊ะ  เขาไม่รอช้าที่จะลากเก้าอี้ออกมา  และนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความหิวจากการขุดดิน  เขาหยิบช้อนขึ้นมา  และตักอาหารใส่เข้าปาก  ส่วนพ่อกับแม่ของเขา  ท่านก็ถามถึงสารทุกข์สุขดิบ  ของตัวมาวิน  ทั้งเรื่องงาน  ชีวิตความเป็นอยู่ของมาวิน  ถามถึงเรื่องของเอิญ  และคุยเรื่องสัพเพเหระอีกมากมาย  มื้ออาหารบนโต๊ะมื้อนั้น  เป็นมื้อที่มีความสุขที่สุดของพ่อกับแม่ก็ว่าได้  เพราะพวกท่านไม่ได้ท่านอาหารพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกมาตั้งนานแล้ว  ตั้งแต่สมัยที่มาวินมารับช่วงต่องานที่บริษัทของตน  และเริ่มใช้ชีวิต  ในฐานะวัยรุ่น  และเริ่มมีครอบครัว  เมื่อมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามา  ยิ่งทำให้ครอบครัวของพวกเขา  ยิ่งห่างเหินกันเข้าไปอีก  แต่พ่อกับแม่เองก็เข้าใจในเรื่องนั้นดี  มื้อนี้บนโต๊ะอาหารจึงได้มีแต่เสียงหัวเราะขบขัน  ของคนในครอบครัว  บ้านจึงยิ่งมีสีสันเข้าไปอีก

   เมื่อท่านอาหารเสร็จ  มาวินจึงเดินออกไป  และหยิบจอบขึ้นมาอีกครั้ง  เขาเริ่มขุดค้นหาตุ๊กตาเนื้อคู่อีกครั้ง  ต่ขุดจนรอบบ้าน  เขาก็ยังไม่เจออะไรอีกเช่นเคย  เขาถอนหายใจออกมาเฮือกนึงด้วยความเหนื่อยล้า  ต่เขาลืมไปว่า  ในตอนนี้ร่างกายของเขา  มันไม่ได้เหมือนคนปกติทั่วไปอีกแล้ว  เพราะจู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจขึ้นมา  จากการหักโหมจากการทำงานที่หนักเกินไป  เขาทรุดตัวลงนั่งที่ใต้ต้นไม้  พักหายใจอยู่สักครู่หนึ่ง  เพื่อให้อาการดีขึ้น  เมื่อเริ่มหายดีแล้ว  เขาจึงลงขึ้นมา  และหยิบจอบขึ้นมาอีกครั้ง  แต่ความคิดทุกอย่างก็ต้องหยุดลง  เมื่อจู่ๆ  อากาศก็ไม่เป็นฟ้าที่มืดมัวเริ่มเคลื่อนมา  เมฆหมอกเข้าปกคลุมจนทั่วบริเวณ  เสียงฟ้าเริ่มร้องครวนคราง  เหมือนเรียกหาใครสักคน  สายฝนเริ่มโหมกระหน่ำ  ทำให้ทั่วบริเวณพื้นที่แถวนั้น  ปกคลุมไปด้วยสายฝน  ทำให้มาวิน  ต้องหยุดการขุดวันนั้นไป  เขาเก็บของและเข้าบ้านไป  โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เลยว่า  เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี  เพราะเขาขุดจนเกือบทั่วบริเวณบ้านแล้ว  เขาก็ยังคงไม่เจออะไรอยู่ดี  เขาเข้าบ้านไปและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  แต่จู่ๆก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา  เขาหยิบโทรศพัท์ขึ้นมาดู  คนที่โทรเข้ามา  เป็นสายของเมย์  เขาจึงกดรับสาย

                    “ว่ายังไงเมย์”

                    “พี่กำลังทำอะไร”

   เมย์ถามด้วยน้ำเสียงที่มีความโมโหปนอยู่

                    “พี่ก็อาบน้ำอยู่ไง”

   มาวินพูดพรางแต่งตัวไปด้วย

                    “ไม่ใช่” น้ำเสียงของเมย์  กล่าวกระแทกเสียงด้วยความโมโห “เมย์หมายถึง  ที่พี่ไปขุดต้นไม้น่ะ  พี่ทำไปทำไม”

   สิ้นเสียงเมย์  มาวินทำหน้าสงสัย  เพราะเขาไม่ได้บอกใครนอกจากเอิญเลย  เรื่องที่เขาไปขุดดิน  เพื่อหาตุ๊กตาเนื้อคู่

                    “แล้วเมย์รู้ได้ยังไง  ว่าพี่ไปขุดดินเพื่อปลูกต้นไม้น่ะ?”

                    “พี่คิดจะทำอะไร  หนูแน่ะนำว่าให้หยุดจะดีกว่านะ  แล้วจะหาว่าหนูไม่เตือน”

  พูดจบเมย์จึงวางสายไป  เหลือไว้เพียงความงุนงงของมาวิน  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่ออย่างสนิทใจ  จากการที่เมย์โทรมาหาเขาในครั้งนี้  นั่นคือสิ่งที่แม่ชีพูด  การที่เมย์ร้อนตัวในครั้งนี้  หมายความว่า  สิ่งที่แม่ชีบอกกับเขา  มันคือเรื่องจริงทั้งหมด  เขาไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกต่อไป  เขารีบโทรหาเอิญในทันที

                    “หาตุ๊กตาเนื้อคู่เจอแล้วเหรอตัวเอง?”

                    “ยังหรอกตัวเอง” มาวินพุดต่อ  พรางยืนกอดอก  ด้วยท่าทางที่ครุ่นคิดนิดๆ “แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้วล่ะ  ว่าสิ่งที่แม่ชีคนนั้นพูด  เป็นเรื่องจริงน่ะ”

                    “แล้วอะไรที่ทำให้ตัวเองเชื่อ?”

                    “วันนี้เมย์โทรมาหาเขา” สีหน้าของมาวิน  ขณะคุยโทรศัพท์  เป็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาเครียดกับเรื่องนี้มาก “และบอกกับเขา‘หยุดสิ่งที่พี่คิดจะทำซะ  แล้วจะหาว่าเมย์ไม่เตือน”เมย์ว่าอย่างนี้แหล่ะ”

   เอิญเงียบไปครู่หนึ่ง  ก่อนที่เธอจะพูดกับมาวิน

                    “แล้วก็เป็นการยืนยันด้วย  ว่าเรื่องนี้เมย์เป็นคนทำจริงๆ”

                    “พรุ่งนี้เขาจะต้องหาตุ๊กตาเนื้อคู่ให้เจอให้ได้”

                    “ให้เขาช่วยอีกแรง  ก็บอกได้นะ”

                    “ขอบคุณนะตัวเอง  แค่เขาได้ยินเสียงตัวเอง  ก็ช่วยเขาได้เยอะแล้ว”

   คุยจบมาวินจึงวางสายไป  และด้วยความเพลียที่ออกแรงในวันนี้  พอหัวมาวินถึงหมอน  เขาก็เผลอหลับไปเลย

วันต่อมา

   มาวินตื่นขึ้นมาแต่เช้า  เขาไม่กินอาหารเช้าอะไรทั้งสิ้น  เขารีบเดินไปหยิบจอบขึ้นมา  และมุ่งหน้าตรงไปยังต้นไม้ต้นต่อไป  และเตรียมที่จะขุดมันต่อ  แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง  เมื่อมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา  เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง

                    “ใครโทรมาตอนนี้วะ”

   เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  เป็นชาติชายโทรมา  เขารับสายเพื่อนของเขา

                    “ไอ้วิน  ตอนนี้มึงอยู่ไหน” น้ำเสียงชาติชายแสดงถึงความร้อนรน

                    “กูอยู่บ้าน  ทำธุระอยู่  มีอะไรวะ?”

                    “เอองั้นเอาไว้ก่อนก็ได้  ไว้มึงว่างวันไหน  แล้วค่อยมาคุยกัน”

   พูดจบชาติชายจึงวางสายไป  เป็นอีกครั้งที่มาวินทำหน้างุนงง  พรางนึกในใจ‘อะไรของมันวะ’  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร  พรางยกจอบขึ้นมา  ตั้งหน้าตั้งตาขุดต่อไป  จนเกือบรอบบ้าน  ก็ยังไม่เจออะไร  เขาทรุดตัวลงนั่งที่ใต้ต้นไม้  ด้วยความท้อใจ  เขามองไปรอบๆบ้าน  ก็ได้พบกับพ่อแม่  ที่มายืนดูเขาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง  เขายกมือขึ้นมากำพระที่แม่เคยมอบให้เขา  เขาจึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  ถ้าเป็นเรื่องไสยศาตร์  ก็ต้องแก้ด้วยความเชื่อสิ  เมื่อคิดได้ดังนั้น  เขาจึงลุงขึ้นมา  และมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน  พ่อกับแม่ที่เห็นดังนั้น  จึงถามออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง

                    “จะไปไหนลูก”

   แต่มาวินก็ไม่ได้ตอบอะไร  เขามุ่งหน้าตรงไปที่ห้องพระ  พรางจุดธูปขึ้นมา  พนมมือไหว้

                    “หลวงพ่อครับ” มาวินพนมมือไหว้  ด้วยสีหน้าที่วิงวอน “ตอนนี้มีสิ่งไม่ดีอยู่ในบ้านของเรา  ลูกอยากให้ท่านช่วยชี้ทางให้ลูก  ได้นำสิ่งไม่ดีนั้นออกจากบ้านไปด้วยเถิด”

   พูดจบ  มาวินจึงเอาธูป  ปักลงไปที่หน้าองค์พระ  และตัวเขาจึงเดินออกจากห้องพระไป  และมุ่งหน้าตรงไปหยิบจอบขึ้นมาอีกครั้ง  แต่เหมือนสิ่งที่เขาขอร้องกับองค์พระ  จะได้ผลจริงๆ  เมื่อสายตาของเขา  ไปสะดุดอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่หลังบ้าน  ที่ลำต้นของมันดูหยาบกร้าน  ใบไม้ที่มีสีดำและเหี่ยวเฉา  จะตายแหล่ะมิตายแหล่อยู่แล้ว  พ่อกับแม่เดินตามเขามา  และมองดูต้นไม้ต้นนี้อย่างฉงนใจ

                    “ทำไมต้นนี้มันดูน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูกนะแม่”

   มาวินไม่ได้พูดอะไรต่อ  แต่เขามั่นใจแล้ว  ว่าของที่เมย์ทำไว้  ต้องอยู่ที่ใต้ต้นนี้เป็นแน่  เขาง้างจอบขึ้น  และจัดการขุดมันลงไปอย่างไม่รอช้า  พ่อกับแม่เอง  ก็ไม่ได้พูดอะไร  พวกท่านเดินกลับไปเข้าไปในบ้านอย่างรู้งาน  ส่วนทางด้านเมย์เอง  ที่เหมือนตัวเขามีสัมผัสพิเศษ  เขารู้ว่ามาวินกำลังขุดต้นไม้ต้นที่ต้นเอาของไปฝังไว้  เขาจึงรีบลุกออกจากโต๊ะทำงาน  และเข้าไปบอกกับหัวหน้าขอลางานครึ่งวัน  เพราะรู้สึกไม่สบาย  เธอรีบขับรถออกมาจากที่ทำงาน  และมุ่งหน้าตรงกลับไปบ้านของมาวิน  พรางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และโทรหามาวินตลอดทาง  ส่วนทางด้านมาวิน  ที่เห็นสายโทรศัพท์ของเมย์โทรเข้ามา  เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด  เขาปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น  เพราะเขามั่นใจแล้ว  ว่าต้องเป็นต้นนี้อย่างแน่นอน  ทางด้านเมย์  ที่ขับรถมาด้วยความไว  และตัวเขาคิดถึงเรื่องต่างๆนาๆ  จนเข้าใจลอย  และรถเผลอเข้าไปปะทะกับรถคันหน้า  ที่จอดรอไฟแดงอยู่  จนทำให้รถเขาเสียหาย  แต่ตัวเขาเองไม่ได้เป็นอะไร  เพราะไม่ได้ชนแรงเท่าไหร่นัก  แค่เกิดความเสียหายกับรถเพียงเท่านั้น

   ส่วนทางด้านมาวินเอง  ในตอนนี้ตัวเขาได้ขุดจนเจอกับตุ๊กตาเนื้อคู่แล้ว  โดยตีกตาตัวนั้น  มันได้เขียนชื่อของเขา  กับชื่อของเมย์  และผูกมัดเอาไว้ด้วยกัน  ด้วยสายสิน  เขาเห็นดังนั้น  เขาจึงรีบโทรหาเอิญโดยทันที  ด้วยความดีใจ

                    “ตัวเอง  เขาเจอตุ๊กตาแล้วนะ”

                    “จริงเหรอ  งั้นตัวเองรีบไปหาแม่ชีคนนั้นเลย  เดี๋ยวเขาเองก็จะไปรอตัวเองที่วัดนะ”

   สิ้นสียงเอิญ  เธอรีบวางสายไป  ส่วนมาวิน  เขารีบเข้าบ้านไปเปลี่ยนชุด  และมึ่งหน้าไปที่วัดโดยไว  เพราะเขารู้ว่าเมย์เองกฌรู้แล้ว  ว่าเขาขุดเจอตุ๊กตาเนื้อคู่แล้ว  เมย์ต้องไม่อยู่เฉยแน่  เขาจึงรีบไปที่วัด  เพื่อจะทำลายของบ้าๆนี่ให้สิ้นไปซะ  พ่อกับแม่ที่เห็นลุกของตนรีบร้อน  พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ยืนดูลูกชายด้วยความงุนงงอีกครั้ง  เมื่อขึ้นรถได้  มาวินรีบขับรถออกจากบ้านไปโดยไว

วัด

   มาวินที่มาถึงวัด  เขาได้พบกับเอิญ  ที่ยืนรอเขาอยู่ที่หน้าวัด  กับแม่ชีองค์ที่บอกพวกเขา  เขาไม่รอช้า  รีบลงจากรถ  และเดินเข้าไปหาแม่ชี  พรางยกมือไหว้แม่ชี  แม่ชีจึงบอกกับเขา  ด้วยท่าทางที่รีบร้อนเช่นกัน

                    “รีบไปเถอะ” ท่าทางของแม่ชีรีบร้อน  และเดินนำพวกมาวินเข้าไปในวัด “ผู้หญิงคนนั้นรู้ตัวแล้ว  เธอต้องตามพวกเรามาแน่”

   มาวินกับเอิญต่างมองหน้ากัน  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา  และรีบตามแม่ชีเข้าไปในวัด  โดยแม่ชีได้พาพวกมาวิน  มาที่กุฏิ  กุฏินึง  แม่ชีเปิดประตูเข้าไป  ก็พบกับพระสูงอายุท่านหนึ่ง  ท่านเห็นพวกมาวิน  ท่านจึงพูดขึ้นมา  ด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

                    “มากันแล้วเหรอ” ใบหน้าของพระท่านนั้น  ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน  ท่านเป็นพระที่  ดูมีความน่าเชื่อถือ  และดูมีความเปล่งประกายอย่างน่าประหลาด “อาตมาทราบเรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ  เอาของสิ่งนั้นมาสิ” ท่านยื่นมือออกไปหามาวิน  เพื่อรับของจากมาวิน  มาวินเอง  ก็ยืนของให้พระองค์นั้นอย่างว่าง่าย  ท่านทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตุ๊กตาเนื้อคู่เหรอ  เล่นของบาปเลยนะ  การที่เราไปฝืนให้คนที่เราไม่ชอบ  มาเป็นของเราด้วยของสิ่งนี้น่ะ  มันบาปหนานะ  แต่โยมยังโชคดีนะ  ที่ได้บารมีของแม่ช่วยคุ้มครองไว้น่ะ-เอาล่ะ  อาตมาจะช่วยทำลายของสิ่งนี้ให้  โยมสบายใจได้”

   สิ้นเสียงของพระองค์นั้น  ท่านหายเข้าไปในห้องนอนอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่ท่านจะเดินออกมา  ด้วยสิ่งของที่ใช้ทำพิธีอีกหลายอย่าง  แลพท่านจึงเริ่มทำพิธี  โดยที่ท่านสวดคาถาในการทำลายตุ๊กตาเนื้อคู่ตนนี้  และเอาน้ำมนตร์สาดไปที่ตัวมาวิน  และให้มาวินดื่มน้ำมนตร์นั้นเข้าไปด้วย  ก่อนที่มาวินจะอ้วกออกมาเป็นสีดำ  เหมือนตัวเขาคายของที่โดนทำใส่ออกมา  เมื่อเขาอ้วกออกมา  สีหน้าของเขาในยามนี้  มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจน  ว่าตัวเขา  ได้หลุดพ้นจากสิ่งไม่ดีไปแล้ว 

                    “ผู้หญิงคนนั้น  ต้องตามพวกโยมมาอีกแน่  พวกโยมเตรียมรับมือกันให้ดีล่ะ”

   สิ้นเสียงพระ  มาวินจึงยกมือไหว้พระอวค์นั้น  ก่อนที่พระจะขอตัวออกไปทำกิจของท่านต่อ  ทั้งคู่จึงออกมาจากกุฏิหลังนั้น  พร้อมกับแม่ชี  เมื่อแม่ชีมาส่งพวกมาวินที่หน้าวัดแล้ว  ท่านจึงขอตัวกลับเข้าวัดไป  เมื่อสิ้นเรื่องร้ายๆแล้ว  เอิญจึงถามมาว่าไป

                    “รู้สึกสบายใจขึ้นอีกนิดไหม”

                    “อืมตอนนี้สบายใจมากเลยล่ะ” มาวินยืนสูดอากาศที่ปลอดโปร่งอยู่หน้าวัด “แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง  ที่เขาต้องจัดการให้เรียบร้อย” มาวินหันมามองหน้าของเอิญ  ด้วยร้อยยิ้มอย่างคนที่ตัดสินใจอะไรได้ “เรื่องของเมย์น่ะ”

   เอิญที่ได้ยินแบบนั้น  เขาจึงยิ้มออกมาบ้าง

                    “เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวเองกับเมย์” เอิญกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุขุม “เขาไปยุ่งไม่ได้  แต่ถ้าตัวเองมีอะไรอยากให้เขาช่วย  ตัวเองบอกเขาได้นะ”

   มาวินพยักหน้าตอบรับ  พรางกล่าวกับเอิญอีกครั้ง

                    “พรุ่งนี้เขาว่าจะนัดชาติชาย” มาวินกล่าว  ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “อยากให้ชาติชายไปด้วยกัน  ในวันที่เขาจะเคลียกับเมย์น่ะ  เขาตัดสินใจแล้ว  เขาจะต้องจัดการกับเรื่องนี้  ให้มันจบสิ้นเสียที”

 

By hikari…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา