แรงรัก แรงอาฆาต

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.08 น.

  13 ตอน
  36 วิจารณ์
  4,679 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 09.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บทที่10 ความจริงทั้งหมด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แรงรัก  แรงอาฆาต

บทที่10 ความจริงทั้งหมด

 

ร้านเหล้า(สองปีก่อน)

                      “หนีกลับกันหมดเลย  ทิ้งให้ชั้นอยู่คนเดียวตลอด”

     เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังโมโห  เพราะโดนเพื่อนทิ้งให้เธออยู่คนเดียว  เธอต่างเป็นที่จับจ้องของหนุ่มๆทั้งหลายในร้านแห่งนั้น  สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่เธอ  แต่ตัวเธอ  ก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ  แต่เธอกลับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  ราวกับมันเป็นเพียงแค่น้ำเปล่า  เพราะความโมโหเพื่อนของเธอ  แต่ในบรรดาชายฉกรรณ์เหล่านั้น  กลับมาชายหนุ่มคนหนึ่ง  เดินแหวกฝูงชนออกมา  และมานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ 

                      “สวัสดีครับ  โดนเพื่อนๆทิ้งเหรอครับ  ถึงได้ดูโมโหขนาดนี้” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวทักทายเธอ  ส่วนเธอที่เห็นหน้าของชายหนุ่มคนนั้น  ทำให้ความโมโหในตัวของเธอ  มันมลายหายไปสิ้น  เพราะชายหนุ่มคนนั้น  ช่างหล่อ  ถูกใจฌะอเหลือเกิน  มันไม่ยากนักเลย  ที่จะทำให้หญิงสาว  ตกหลุมรักชายหนุ่มในทันที

                      “ค่ะ  หนูโดนเท”

   ชายหนุ่มที่ได้ยินหญิงสาวตอบด้วยความเขิลอาย  เขาหัวเราะร้วนออกมาอย่างชอบใจ 

                      “เพื่อนๆของคุณนี่ใจร้านจังเลยนะครับ  แต่ไม่เป็นไร  คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง” ชายหนุ่มยื่นแก้วมาทำท่าจะชนกับหญิงสาว “ผมมาวินครับ”

   หญิงสาวยื่นแก้วไปชนกับชายหนุ่ม

                      “เมย์ค่ะ”

บ้านมาวิน(ปัจจุบัน)

   หลังจากที่ส่งเอิญถึงบ้านเรียบร้อย  มาวินจึงตรงกลับบ้านในทันที  แต่เมื่อเขาเดินเข้าบ้านยังไม่ทันจะทักพ่อแม่  เมย์ที่เคลียเรื่องรถชนเรียบร้อยแล้ว  เธอเดินตามหลังมาวินมา  พรางตะโกนเรียกมาวิน

                      “พี่วิน”

   มาวินหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น

                      “เมย์  ทำไมวันนี้กลับมาบ้านล่ะ?”

                      “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

   สิ้นเสียงเมย์  มาวินคิดได้ในทันที  ว่าเมย์มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเขา  และเป็นดั่งที่พระท่านพูดเอาไว้ไม่มีผิด  ว่าให้เตรียมรับมือกับเมย์ให้ดี

                      “ไปคุยกันบนห้อง”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขาเดินขึ้นไปบนห้อง  ส่วนเมย์ก็เดินตามขึ้นไปอย่างว่าง่าย  ทั้งคู่เข้ามาในห้องของมาวิน  ยังไม่ทันที่เมย์จะวางกระเป๋าลงบนที่นอน  เมย์ก็ระเบิดความโมโหใส่มาวินทันที

                      “ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้”

                      “เมย์นั่นแหล่ะ  ทำไมถึงทำแบบนี้กับพี่” มาวินโวยใส่เมย์คืนบ้าง “อยากเอาชนะพี่  ถึงขนาดต้องทำของใส่พี่เลยเหรอ”

   เมย์ไม่มีคำตอบใดๆให้มาวิน  เขาเงียบแต่ฝบหน้ายังคงมีความโมโหเจือปนอยู่  เธอยืนกำหมัดแน่น

                      “พี่ไม่รักเมย์บ้างเลยเหรอ”

   มาวินถอนหายใจออกมาเฮือกนึง  เขาทำสีหน้าเรียบเฉย  และตอบคำถามของเอิญ

                      “เมย์ก็น่าจะรู้นะ” มาวินผายมือไปด้านข้าง  เขาพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย “ว่าที่เราต้องต่งงานกัน  มันเพราะอะไร  และเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมา  มันทำให้เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ  ไว้พี่มีเวลาเมื่อไหร่  พี่จะนัดวันที่เราจะคุยกันอีกที”

                      “พี่อย่าบอกนะ  ว่าพี่จะ...”

                      “ตามที่เมย์คิดนั่นแหล่ะ”

                      “แล้วลูกล่ะ” สีหน้าของเอิญ  กลับมาโมโหอีกครั้งหนึ่ง  จากที่เขาอ่อนลงไปเมื่อครู่ “พี่จะทิ้งลูกไปเหรอ”

                      “ไม่ต้องห่วง” มาวินส่ายมือไปมา  เชิงปฏิเสธ “เรื่องลูกพี่จะรับผิดชอบเอง  พี่จะส่งเสียเขาอย่างดี  หรือถ้าเมย์เลี้ยงไม่ไหว  พี่ก็จะดูแลเขาเอง  ยังไงเขาก็ลูกพี่  พี่ไม่ทิ้งเขาแน่นอน”

   เมย์ได้ยินสิ่งที่มาวินพูด  เขานิ่งเงียบไป  ไม่ได้ตอบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง 

                      “วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง  ไว้พี่พร้อมเมื่อไหร่  ค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน”

   สิ้นเสียงเมย์  เขาเดินออกจากห้องไปทันที  มาวินที่เห็นดังนั้น  เขาจึงวิ่งตามเมย์ไปอย่างเร็วไว  เมย์เดินออกจากบ้าน  และสตาร์ทรถออกไป  โดยที่ไม่ได้พูดกับใครเลย  พ่อกับเมย์ที่เห็นดังนั้น  ต่างก็งุนงงไปตามๆกัน

                      “มีอะไรกัน  ทำไมเมย์ถึงได้รีบออกไปขนาดนั้น”

   มาวินไม่ได้อยากจะปิดบังพ่อกับแม่แต่อย่างใด  เขาถอนหายใจออกมา  และให้พ่อกับแม่เข้าไปนั่งในบ้าน  พร้อมทั้งเล่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น  ให้กับพ่อแม่ได้ฟัง  พ่อกับแม่ที่ได้ยินสิ่งที่ลูกตนเล่า  เขามีสีหน้าที่ตกตะลึงไม่น้อย  เขาไม่รู้จะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรดี  ไม่ต่างกับมาวินที่ได้ฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก  แต่ในเมื่อมันออกมาจากปากลูกชายของเขา  ก็มีแต่ต้องทำใจยอมรับมันก็เท่านั้น

                      “แล้วลูกคิดจะทำยังไงต่อไป”

                      “ผมตัดสินใจแล้วครับ” มาวินเอามือทั้งสองข้างมาถูกัน  เพื่อให้ความกังวลทั้งหลาย  มันหายไป “ผมจะหย่ากับเมย์ครับ”

                      “แล้วลูกที่กำลังจะเกิดมาล่ะ  คิดไว้รึยัง  ว่าจะทำยังไง”

                      “ผมจะเลี้ยงแกเองครับ  จะไม่ให้แกต้องลำบากครับ”

   ผมกับแม่ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่พ่อจะหันกลับมาตอบมาวิน

                      “ถ้าลูกคิดดีแล้ว  พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไร” พ่อยิ้มให้มาวินอย่างภาคภูมิใจ “พ่อถือว่าลูกโตขึ้นนะ  ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ควรจะทำให้มันถูกต้อง”

   พูดจบพ่อกับแม่จึงขอตัวขึ้นห้องนอนไป  มาวินที่ได้ยินพ่อของตนชม  เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ  เพราะที่ผ่านมา  พ่อของเขา  ไม่เคยชมเขาเลยแม้สักครั้งเดียว  มีแต่ว่าในสิ่งที่เขาทำเพียงเท่านั้น  เมื่อแยกย้ายกับพ่อแม่  เขาเข้ามาที่ห้อง  และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  โทรหาชาติชาย  เพื่อนัดวันที่จะไปเคลียกับเมย์

                      “ไอ้ชาย  พรุ่งนี้ตอนเย็นมึงว่างไหมวะ”

                      “ก็ว่างอยู่นะ  ไม่ได้มีนัดที่ไหนเป็นพิเศษ”

                      “งั้นมาหากูหน่อยได้ไหมวะ  เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว” มาวินพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งครึม “กูมีเรื่องสำคัญ  อยากคุยกับมึงว่ะ  กูว่าจะอย่ากับเมย์ว่ะ”

   สิ้นเสียงมาวิน  ชาติชายเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่เขาจะตอบมาวินกลับมา

                      “งั้นกูว่าเรื่องนี้มึงต้องให้เอิญได้รู้ด้วยแล้วว่ะ  เพราะมันเรื่องใหญ่นะเว้ย  ส่วนกูไม่มีปัญหาหรอก”

   สิ้นเสียงชาติชาย  มาวินก็เห็นว่าสื่งที่เพื่อนของตนพูด  เป็นความจริง  เพราะตอนนี้  เขากับเอิญ  ก็เหมือนกลับมาคบกันเต็มตัวแล้ว  เขาจึงรับปากชาติชายไป  ว่าเขาจะบอกเอิญเรื่องนี้เอง   

บริษัทมาวิน(วันต่อมา)

   ตอนเช้า  มาวินเรียกเอิญเข้าไปพบในห้องเป็นการส่วนตัว 

                      “ตัวเองเย็นนี้ไปกินข้าวกันนะ” มาวินมีสีหน้าที่เกรงนิดๆ  เพราะเขาไม่รู้  ว่าเอิญจะโกรธเขา  ที่พี่งบอกเธอว่าเขาจะไปพบชาติชาย  และคุยเรื่องเมย์กันสองคนไหม “เขานัดไอ้ชายไว้  ว่าจะคุยกันเรื่องของเมย์น่ะ”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขากลืนน้ำลายพรางมีเหงื่อไหลออกมา  ด้วยความกังวล  แต่ผิดคาด  ที่เอิญยิ้มออกมา  อย่างร่าเริง

                      “ได้สิ  แล้วก็ต้องขอบคุณตัวเองนะ  ที่ตัวเองกล้าที่จะบอกเขาตรงๆน่ะ”

   มาวินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ  ที่เอิญเข้าใจในตัวเขา  และไม่ได้โกรธอะไรเขาเลย  เขาจึงเอ่ยปากชวนเอิญ  ไปกินข้าวด้วยกันในตอนกลางวัน  โดยในวันนั้น  ทั้งคู่ก็ทำงานกันไปตามปกติ  และในตอนเย็น  ทั้งคู่ต่างรีบเก็บกระเป๋า  และมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารร้านประจำ  ที่เอิญกับมาวินชอบไปกินกัน

ร้านอาหาร(ตอนเย็น)

   เมื่อมาวินกับเอิญมาถึง  เขาทั้งคู่  ก็ได้พบกับชาติชาย  และอลิซยืนรออยู่แล้ว  เมื่อทั้งสี่คนพมาพน้อมกับหมดแล้ว  พวกเขาจึงรีบเดินไปที่โต๊ะอาหาร  ที่มาวินจองเอาไว้ก่อน  ทั้งสี่คนต่างรีบลากเก้าอี้  และนั่งประจำในที่ใครที่มัน  ชาติชายก็ไม่รอช้า  ที่จะเปิดประเด็นก่อนเลย

                      “ไหนมึงว่ามาสิ  ว่ามึงจะเอายังไง”

                      “กูจะเลิกกับเมย์” มาวินเอามือมาประสานกันไว้ที่โต๊ะอาหาร  ใบหน้าของเขาบ่งบอกทั้งความเครียด “กูลองคุยกับเมย์แล้วเมื่อวันก่อน  แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่ะ  เขาบอกให้กูพร้อมเมื่อไหร่  ค่อยมาคุยกันอีกที  กูเลยอยากจะปรึกษามึง  ว่ากูควรทำยังไงดี”

   ชาติชายที่นั่งกอดอกฟังอย่างสบายใจ  เขาได้กล่าวกับเพื่อนเขา  ด้วยสีหน้าอย่างคนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด

                      “มึงคิดมาดีแน่แล้วนะ”

   มาวินพยักหน้าตอบรับเพื่อนของเขา  ชาติชายสังเกตที่ใบหน้าและแววตาเพื่อนของตน  เขาเห็นใบหน้าเพื่อนของเขา  ไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้น  นั่นจึงทำให้ชาติชาย  มั่นใจในแล้ว  ว่าเพื่อนของเขาคิดมาดีแล้วจริงๆ  เขาจึงมองหน้ากับอลิซ  และพยักหน้าให้กัน  เหมือนเป็นการส่งสัยญาณอะไรบางอย่างให้แก่กัน  ก่อนที่ชาติชายจะล้วงกระเป๋า  และเอาโทรศัพท์  มาวางลงตรงหน้ามาวิน

                      “งั้นพวกกูก็มี  สิ่งที่ทำให้เมย์  ต้องยอมเลิกกับมึงแน่นอนมาให้” มาวินที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงทำหน้าสงสัย  ในสื่งที่เพื่อนของเขาพูด “มึงลองดูเอาเองแล้วกัน”

   สิ้นเสียงชาติชาย  โทรศัพท์ของมาวินก็มีเสียงข้อความดังขึ้น  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  ก็เห็นเป็นข้อความที่ชาติชายส่งมา  เขาเปิดมันเข้าไปดู  เป็นคลิ๊ปคลิ๊ปหนึ่ง  เขากดเข้าไปดูคลิ๊ปนั้น  ใบหน้าของเขาต้องแสดงออกถึงความตกใจ  เขาดูมันจนจบ  สีหน้าของเขาดูแย่ลงทุกที  เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ดูในคลิ๊ป  เขาดูมันจนจบ  และถามกับชาติชาย

                      “ทำไมมึงไม่บอกกูเลยวะ”

   ทั้งสามคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร  ได้ยินสิ่งที่มาวินถาม  พวกเขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมายกใหญ่  มาวินถึงกับงุนงงในใจเขาคิดว่า ‘มันตลกตรงไหนกัน’

                      “ก็เมื่อวันก่อน  กูก็จะโทรไปบอกมึงแล้วไง  แต่มึงก็บอกกูว่า ‘กูอยู่บ้าน  ทำธุระอยู่  มีอะไรวะ’ มึงบอกกับกูแบบนี้ไม่ใช่ไง”

   ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะคุยอะไรกันต่อ  พนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟ  ด้วยความหิวมาวินจึงตักข้าวผัดเข้าปากคำใหญ่  ก่อนที่เข้าจะหันกลับมาคุยกับเพื่อนเขาต่อ

                      “อ้อออออ  วันนั้นนั่นเอง” มาวินกระจ่างในสิ่งที่เพื่อนเขาพูด  แต่ความสงสัยก็ยังไม่หมดอยู่ดี  เขาอดคิดไม่ได้  ว่าเพื่อนของเขาไปถ่ายคลิ๊ปนี้มาได้ยังไง “แล้วมึงไปถ่ายคลิ๊ปนี้มาได้ยังไงวะ”

   ชาติชายตักข้าวเข้าปาก  พรางหันมาคุยกับเพื่อนของเขาต่อ

                      “กูว่าให้อลิซเล่าดีกว่า  เพราะเธออยู่ในเหตุการณ์ตลอด  ตั้งแต่ต้นเลย”

   มาวินหันไปมองอลิซ  อย่างคนใคร่รู้

                      “นายก็รู้ใช่ไหม  ว่าชั้นทำอยู่ฝ่ายบัญชีน่ะ” อลิซตักข้าวกินไปด้วย  ระหว่างพูดไป  มาวินที่ได้ยินอลิซถาม  ก็พยักหน้าตอบรับ “เมื่อสองวันก่อนน่ะ  พอดีพี่ที่ทำงานชั้น  เขาวานให้ชั้นเอาเอกสารไปส่งที่ฝ่ายประวัติ  ชั้นก็รับเอกสารมา  ไม่ได้คิดอะไร  แล้วทีนี้  ตอนที่ชั้นเดินไปถึงห้องประวัติ  ชั้นก็ดันไปเห็นยัยเมย์น่ะ  มากับผู้ชายคนหนึ่ง” อลิซพักดูดน้ำด้วยความกระหาย  ก่อนที่เธอจะเล่าต่อไป “ชั้นก็ลองสังเกตผู้ชายคนนั้นดีๆ  ก็คุ้นหน้าว่าเคยเจอที่ไหน  ลองนึกไปนึกมา  ผู้ชายคนนั้น่ะ  คือคนเดียวกับที่เอิญเคยส่งคลิ๊ปมาให้ชั้นดู  ว่าผู้ชายคนนี้  เคยอยู่กับยัยเมย์ที่หน้าโรงแรม  ในคืนที่เอิญมันถ่ายคลิ๊ปได้” มาวินร้องอ้อออกมาเสียงดังไปทั่วร้าน  ก่อนที่อีกสามคนจะบอกให้มาวินนั่งลง  ด้วยสีหน้าที่อายนิดๆ  อลิซจึงเล่าต่อไป “พอชั้นคิดได้แบบนั้น  ชั้นเลยทักแชทไปหาชาย  ให้เขารีบมาหาชั้นด่วน  และชั้นเห็นเหมือนทั้งคู่จะคุยอะไรที่สำคัญมากๆชั้นก็เลยแอบอัดคลิ๊ปทั้งสองคนเอาไว้  และพอชายมาหาชั้น  ชั้นเลยบอกให้เขาโทรหาเอิญ  เพื่อให้เอิญมารับรู้เรื่องนี้ด้วย” มาวินหันไปมองหน้าเอิญ  แต่เอิญทำเพียงแค่ยิ้มให้มาวินเท่านั้น  อลิซยังคงเล่าต่อไป “พอเอิญมาถึง  ต้องบอกว่าโชคดี  ที่ทั้งคู่ดันรอคิวทำประวัตินาน  ชั้นเลยชี้ให้เอิญดูทั้งสองคน  ตอนที่ยัยนี่เห็นทั้งสองคน  เกือบร้องลั่นออกมาเลยล่ะ  แต่โชคดี  ที่ชั้นเอามือปิดปากยัยนี่เอาไว้ได้ทัน  ความเลยไม่แตกซะก่อน  ตอนนั้นพวกพี่ที่ทำงานก็แปลกใจนะ  ว่าพวกชั้นมานั่งแอบทำอะไรกันตรงนี้  แต่ชั้นก็บอกเขาไปว่า‘มาสืบราชการลับน่ะพี่  อย่าบอกใครนะ’ชั้นบอกพี่เขาไปอย่างงี้  พี่เขาเลยเงียบเอาไว้  และสักพักชั้นก็สะกิดให้ชายโทรหานาย  แต่นายก็ตอบแบบที่นายตอบมาน่ะแหล่ะ  ชั้นก็แอบถ่ายสองคนนั้น  จนสองคนนั้นทำธุระเสร็จ  ก็เลยได้คลิ๊ปนี้มาน่ะ”

   สิ้นเสียงอลิซ  มาวินพยักหน้าเบาๆ  อย่างคนที่ได้คำตอบอะไรบางอย่าง

                      “ชั้นนึกอะไรดีๆได้แล้วแหล่ะ” ทั้งสองคนหันมามองมาวินอย่างคนสงสัย “เราก็ไปหาผู้ชายคนนั้นสิ  ทำยังไงก็ได้  ให้ผู้ชายคนนั้นยอมมาเป็นพยานให้  แบบนั้นเมย์เองก็ดิ้นไม่หลุดแน่”

                      “เออกูว่าก็ดีนะ” ชาติชายตอบมาวิน  พรางพยักหน้าตอบรับในสิ่งที่มาวินพูด “งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ  ให้เอิญพาเราไปที่โรงแรมนั้น” เอิญพยักหน้าตกลง “แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้า  มึงก็รีบเข้าไปที่ทำงานกับกู  ไปทำเรื่องใบหย่าให้เรียบร้อย  และตอนบ่ายเราก็ไปหาเมย์กัน  คืนนี้หลังจากที่ไปหาไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้ว  มึงก็โทรนัดเมย์ให้เรียบร้อย”

                      “ตกลง”

   สิ้นเสียงมาวิน  ทั้งสี่คนต่างรีบกินข้างกันให้เสร็จสรรพ  และคิดเงินจนเรียบร้อย  ก่อนที่ทั้งสี่คนจะรีบมุ่งหน้าไปยังรถของพวกเขา  พรางหยิบกุญแจขึ้นมา  และสตาร์ทรถ  ขับออกจากร้านไป  มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่ผู้ชายคนนั้นพักอยู่  โดยที่โรงแรมแห่งนี้  อยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานเก่าของเอิญ  เมื่อทั้งสี่คนมาถึง  พวกเขารีบหาที่จอดรถ  และมุ่งหน้าตรงไปยังเคาเตอร์  โดยที่มาวินได้บอกว่า  เขาคือสามีของเมย์  โดยที่ทั้งสี่คน  ใช่เวลาอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่  กว่าที่พนักงาน  จะยอมให้ทั้งสี่คน  ได้เข้าไปยังห้องให้นั้น  เมื่อมาถึงหน้าห้อง  มาวินจึงเคาะประตูหน้าห้อง  โดยที่ผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครมาเคาะ  แต่เขาก็ยอมเปิดประตูให้  ทำให้ทั้งสี่คน  ได้คุยกับผู้ชายคนนั้น  ถึงเรื่องของเมย์  โดยที่ผู้ชายคนนั้นก็ยอมแต่โดยดี  เพราะไม่อาจที่จะหาหลักฐานอะไร  มาสู้พวกมาวินได้  เมื่อผู้ชายคนนั้นยอมตกลง  พวกมาวินจึงขอตัวกลับกัน  โดยก่อนไปมาวินได้บอกว่า ‘พรุ่งนี้เช้าจะมารับ  ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด’ ซึ่งผู้ชายคนนั้นทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น  และทั้งสี่คนจึงมุ่งหน้า  แยกย้ายกันกลับบ้านไป  เมื่อถึงบ้าน  มาวินจึงโทรนัดเมย์  เขาบอก  เขาพร้อมาที่จะคุยกับเมย์แล้ว  โดยมาวินได้นัดที่ร้านอาหารข้างโรงแรมที่ผู้ชายคนนั้นพัก  ซึ่งในตอนที่นัดที่ร้านนี้นั้น  ตัวเมย์เองก็ได้มีน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก  ดั่งคนมีความลับก็มิปาน

เช้าวันต่อมา   

   ในวันนี้มาวินตื่นแต่เช้า  เพราะตัวเขานั้น  ตื่นเต้นที่จะต้องไปคุยเรื่องในวันนี้  เขารีบอาบน้ำแต่งตัว  และขับรถไปหาชาติชายที่บ้าน  ชาติชายที่กำลังแต่งตัวอยู่  เขาจึงถามเพื่อนเขาไป

                      “มาแต่เช้าเลยวะ  แต่ตื้นเหรอ?”

                      “นิดหน่อยว่ะ  ไม่รู้ผลในวันนี้จะออกมาเป็นยังไง”

                      “เฮ้ยไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น” ชาติชายเห็นเพื่อนตนเครียด  เขาจึงตบไหลเพื่อนเขา  เพื่อให้กำลังใจ  พรางเดินออกจากบ้านไปที่รถ “เราคุยกันแล้วนี่หว่า  ถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นมันจะหนีไป  แต่ยังไงพวกเราก็มีหลักฐานไว้มัดตัวเมย์อยู่ดีนี่หว่า-ไปรถมึงหรือรถกู”

   มาวินพยักหน้าตอบรับ  แต่ความกังวลบนใบหน้าของเขา  ก็ไม่ได้จางหายไปเสียทีเดียว  เขามุ่งหน้าไปที่รถของเขา  โดยที่มีเพื่อนของเขาเดินตามมา  พวกเขาขับรถออกจากบ้านชาติชาย  มุ่งตรงไปที่ที่ทำงานของชาติชาย  โดยที่มีอลิซมาติดต่อคิวให้ก่อนแล้ว  เมื่อมาวินมาถึง  พวกเขาจึงมุ่งหน้าตรงไปหาคนที่ทำเรื่องหย่าในทันที  มาวินเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนทำเรื่องฟัง  เขาเข้าใจได้  และบอกไม่มีปัญหาอะไร  แค่ให้เมย์เซ็นชื่อยินยอมก็พอ  ขั้นตอนนี้จึงผ่านไป  ที่เหลือก็แค่ไปรับเอิญจากที่ทำงานมา  และมุ่งตรงไปหาผู้ชายคนนั้น  โดยที่เมื่อพบหน้าผู้ชายคนนั้น  ตัวผู้ชายคนนั้นเอง  ก็มีสีหน้าที่แสดงถึงความกังวลไม่แพ้กัน  โดยที่มาวินได้ถามผู้ชายคนนั้นไป

                      “ได้คุยอะไรกับเมย์ไหม”

   ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้าปฏิเสธ

                      “ก็ดี  ชั้นขอยอมรับนาย  ว่านายใจกล้าพอ  ที่จะทำตามสัญญา”

     โดยผู้ชายคนนั้นได้สัญญากับมาวินเอาไว้เมื่อคืน  ว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้  ไม่บอกกับเมย์เป็นอันขาด  มาวินจึงพาผู้ชายคนนั้นไปที่ร้านอาหารที่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว  โดยที่เอิญกับอลิซ  และผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่อีกโต๊ะนึง  ส่วนชาติชายกับมาวินนั่งอยู่อีกโต๊ะนึง  ทั้งห้าคนได้สั่งอะไรมากินกันเพื่อรอเวลา  แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะมีความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม  เขาไม่ได้กินอะไรเข้าไปแม้แต่คำเดียว  เอิญจึงถามผู้ชายคนนั้นไป

                      “ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ?”

   ผู้ชายคนนั้นส่ายหัว  เอิญจึงพูดปลอบใจไป

                      “ไม่ต้องกังวลหรอก” เอิญพูดไปพรางตักอาหารกินไปด้วย “เราแค่ให้นายมาเป็นพยานด้วยเฉยๆ  แค่น้อยยอมรับมาก็พอ  เพราะเรื่องนี้  คนที่จะได้รับผลของมัน  มีแค่คนเดียว  คือเมย์”

   ผู้ชายคนนั้นทำเพียงแค่  ก้มหน้านั่งนิ่งเงียบ  ราวกับคนที่กระทำความผิดอย่างร้ายแรงมา  ทั้งห้าคนนั่งกันอยู่พักหนึ่ง  เมย์ก็เดินเข้ามา  มาวินโบกมือเป็นการให้สัญาณ  ว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้  เมย์เดินตรงเข้ามาหามาวิน  เขาวางกระเป๋าลง  ที่เก้าอี้ตัวข้างๆเขา  แต่เขาไม่ได้สังเกตเลย  ว่าพวกเอิญก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันด้วย  มาวินเริ่มเปิดประเด็นทันที  โดยที่ไม่ถามเมย์เลย  ว่าเขากินอะไรมารึยัง

                      “ผมจะขอพูดเรื่องที่เราเคยคุยกันเอาไว้เมื่อครั้งก่อนต่อเลยนะ”

                      “เรื่องอะไรล่ะ  ชั้นลืมไปแล้ว” สีหน้าของเมย์  บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ “แล้วชั้นพึ่งมาถึง  พี่จะไม่ถามหน่อยเหรอ  ว่าชั้นกินอะไรมารึยัง  หรือชั้นหิวไหม”

   มาวินมองหน้าเมย์  เขาจึงถามออกไปตามที่เมย์ขอ

                      “แล้วเธอกินอะไรมารึยังล่ะ”

                      “พึ่งคิดได้เหรอ  ว่าต้องถามน่ะ  แล้วนี่อะไร  ทำไมต้องพาพี่ชายมาด้วย”

   สิ้นเสียงเมย์  มาวินถอนหายใจเฮือกนึง  ส่วนชาติชาย  ได้แต่ทำหน้ายิ้มแหยๆ

                      “พี่แค่พาไอ้ชายมาเป็นเพื่อนน่ะ  พี่จะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน  ส่วนเมย์อยากจะกินอะไร  เมย์ก็สั่งเอาแล้วกันนะ”

   สิ้นเสียงมาวิน  เมย์โบกมือเพื่อเรียกพนักงานในร้าน  โดยเธอสั่งกาแฟไปแก้วหนึ่ง  และหันกลับมาคุยกับมาวินต่อในทันที

                      “ถ้าเป็นเรื่องหย่า  ชั้นบอกแล้ว  ว่าให้พี่ลองไปคิดดูดีๆ”

                      “พี่คิดมาดีแล้ว” มาวินตอบ  ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม  พรางเอามือประสานกันไว้ที่โต๊ะอาหาร “ส่วนเรื่องลูก  พี่ว่า  พี่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบแล้วล่ะ”

   สิ้นคำว่าไม่ดูแลลูก  เมย์ได้แสดงอาการโมโหออกมาในทันที  เขาตบลงไปที่โต๊ะอาหารจนเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอาหาร

                      “พี่พูดเหี้ยอะไรออกมา” สีหน้าของเมย์  แดงกล่ำไปด้วยความโกรธ “ลูกของพี่  พี่จะไม่สนใจใยดีเลยเหรอ”

   มาวินถอนหายใจอีกครั้ง  ส่วนชาติชายก็ไม่ได้พูดอะไร  แต่เขากลับทำสีหน้าสบายๆ  อย่างคนที่ไม่เป็นทุกข์อะไร

                      “เมย์แน่ใจเหรอ  ว่านั่นลูกพี่จริงน่ะ  พี่ให้โอกาสเมย์พูดความจริง”

                      พี่จะบอกว่า  เมย์เป็นผู้หญิงสำส่อน  ที่เที่ยวไปนอนกับผู้ชายคนอื่นไปทั่ว  จนท้อง  แล้วมาอ้างว่าเป็นลูกพี่  จนต้องให้พี่รับผิดชอบงั้นเหรอ”

   มาวินมองหน้าชาติชาย  ชาติชายพยักหน้าเป็นเชิงให้สัญาณ  มาวินจึงล้วงกระเป๋ากางเกง  แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และเปิดคลิ๊ปนั้นให้เมย์ดู  เมย์รับโทรศัพท์มา  และนั่งดูคลิ๊ปที่มาวินเปิดให้  โดยในระหว่างที่ดู  สีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกถึงอาการตกใจ  เหงื่อทั่วตัวไหลออกมาตามส่วนต่างๆ  ริมฝีปากของเขาสั่นเทา  เขาดูคลิ๊ปนั้นไปจนจบ  ก่อนที่เขาจะถามมาวิน  ด้วยเสียงที่สั่นคลอน

                      “พี่ไปเอาคลิ๊ปนี้มาจากไหนกัน?”

                      “จากไหนไม่สำคัญหรอก  แต่คราวนี้จะยอมรับได้รึยัง  ว่าลูกของเธอน่ะ  ไม่ใช่ลูกของพี่  แต่เป็นลูกของผู้ชายในคลิ๊ปต่างหาก”

   สิ้นเสียงมาวิน  เมย์หัวเราะออกมายกใหญ่

                      “พี่เข้าใจผิดแล้ว  ผู้ชายในคลิ๊ปนั่น  ก็แค่คนรู้จักของเมย์น่ะ  เราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”

   ชาติชายที่ได้ยินเมย์ตอบแบบนั้น  เขาจึงถอนหายใจ  ให้กับความพยายามโกหกของเมย์

                      “ยอมรับมาเถอะน่า  จากหนักมันจะได้กลายเป็นเบานะ  และหลังจากวันนี้ไป  ถ้าเราเจอกัน  จะได้เป็นเพื่อนกันได้  อะไรกันก็ว่ากันไป”

                      “จะให้ชั้นยอมรับอะไรล่ะ” เมย์ตอบด้วยความโมโห  เขากำหมัด  และทุบไปที่โต๊ะอีกครั้ง “ก็ชั้นไม่ได้ทำอะไรนิ  ก็บอกแล้วไง  ว่าลูกที่อยู่ในท้อง  เป็นลูกของพี่วินนิ”

                      “เฮ้อ  แค่เล่นของใส่  ก็ให้อภัยยากแล้วนะ” ชาติชายถอนหายใจ  และพูดด้วยสีหน้าที่เซ็งๆ “นี่ยังมาโกหกกันอีก  แบบนี้ชั้นว่าพูดอะไรไปก็คงไม่ได้ผลแล้วว่ะ”

   มาวินพยักหน้าตอบรับเพื่อนของเขา  ก่อนที่เขาจะยกมือ  และโบกเป็นเชิงให้สัญาณ  โดยที่สัญาณนั้น  คือการโบกมือเพื่อเรียกผู้ชายในคลิ๊ปนั้นมา  เมื่อเอิญกับอลิซเห็นสัญาณ  เขาจึงพาตัวผู้ชายคนนั้น  เดินมาหาที่โต๊ะของมาวิน  เมื่อเมย์เห็นผู้ชายคนนั้น  ตัวเธอถึงกับสะดุ้งโหยง  ว่าพวกมาวินไปผู้ชายคนนี้มาได้ยังไงกัน  ส่วนผู้ชายคนนั้น  ก็มองหน้าเมย์ด้วยสีหน้าที่หมดหวัง  ดั่งว่าหนียังไงก็คงหนีไม่รอดแล้วล่ะ

                      “คราวนี้มีอะไรจะโกหกพี่อีกไหม” มาวินถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม  แววตาของเขาดุดันกว่าทุกที  เมย์ที่เห็นแววตาของมาวิน  ตัวเขาสะดุ้งอีกครั้ง  แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับอีกเช่นเคย

                      “ก็ชั้นบอกพี่แล้วไง  ว่าคนคนนี้  ก็แค่คนรู้จักของชั้นน่ะ”

   สิ้นเสียงเมย์  มาวินหันไปถามพี่ชายคนนั้น

                      “ตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้” มาวินมองผู้ชายคนนั้น  ด้วยสายตาที่จริงจัง “นายลองบอกซิ้  ว่านายกับเมย์เป็นอะไรกัน”

                      “ผมเป็นสามีของเธอครับ” ผู้ชายคนนั้นตอบ  ด้วยสีหน้าที่มัวหมองนิดๆ

                      “ก่อนที่เธอจะได้เจอกับชั้นไหม”

   ผู้ชายคนนั้นพยักหน้าตอบเบาๆ  เมย์เหงื่อแตกออกมาเยอะมากๆ  เธอกัดฟันกรอด  อย่างคนที่หมดทางสู้  แต่ใจของเธอยังคงไม่ยอมแพ้

                      “เตี๊ยมกันมาใช่ไหม” เมย์ชี้ไปที่ทุกคน “ทุกคนเตี๊ยมกันมาใช่ไหม”

   ชาติชายล้วงไปที่กระเป๋า  ที่วางอยู่ข้างตัวทั้งคู่มาตลอด  และหยิบกระดาษออกมาสองใบ  ใบหนึ่งเป็นใบหย่า  ที่เตรียมมาเมื่อเช้า  ส่วนอีกใบ  อลิซ  ชาติชายและมาวิน  ไปค้นมาจนเจอ  ก่อนที่จะมารับเอิญ  นั่นคือใบสมรส  ของสามีเมย์  กับเมย์นั่นเอง  เขายิ่นมันให้เมย์ดู  เมย์ถึงกับตกใจ  ว่าชาติชายเอามันมาได้ยังไง

                      “ทีนี้มีอะไรจะพูดอีกไหม” ชาติชายเอ่ยถามเมย์

   เมย์กำหมัดแน่นด้วยความโมโห  เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว  ก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างคนเสียสติ

                      “ใช่ลูกในท้องชั้นน่ะ  ไม่ใช่ลูกของแกหรอก” เมย์ชี้มาวิน  และเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ชั้นกับไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ  คบกันเมย์นานแล้ว  ก่อนที่จะเจอแกเสียอีก  ชั้นเกิดท้องกับมันขึ้นมา  แต่ตอนนั้นท้องแค่ไม่กี่สัปดาห์  และตัวมันก็ตกงาน  เงินก็ไม่มี  ชั้นต้องอยู่อย่างยากจน  จนชั้นมาเจอแก  ชั้นถึงยอมไปนอนกับแก  และยอมให้แกปล่อยใน  เพื่อจะสร้างเรื่อง  ว่าชั้นน่ะท้องกับแก  และก็แต่งงานกับแก  เพื่อที่จะหลอกเอาเงินแก  ไปเลี้ยงมันไงล่ะ  แผนของชั้นกำลังจะสำเร็จอยู่แล้วแท้ๆ  เพราะมันเป็นโรคหัวใจ  อีกไม่นานก็คงจะตาย  และสมบัติของมัน  ก็จะเป็นของชั้น-แต่เพราะการกลับมาของนังมารนี่  ทำให้แผนของชั้นทุกอย่างต้องพังหมด  ชั้นเล่นของใส่แก  แกก็ยังหามันจนเจอ  และรอดมาได้  ได้ถ้าแกอยากหย่ากับชั้นมาก  ชั้นยอมหย่าให้ก็ได้  ชั้นไม่เอามันแล้ว  สมบงสมบัติน่ะ  อยู่ไปชั้นก็เหมือนนังโง่  ที่ต้องรอขอทานความสนใจจากแก”

   สิ้นเสียงเมย์  เขาหยิบใบหย่ามา  และเซ็นมันลงไปที่ช่องยินยอม

                      “พอใจพวกแกแล้วสินะ”

   สิ้นเสียงเมย์  เขาหยิบกระเป๋า  และลากแขนสามีของเธอเดินออกไป  ส่วนมาวินกำลังอึ้งในคำพูดของเมย์  เขาไม่คิดว่าที่ผ่านมา  ที่จะคิดอย่างนั้นกับเขา  เอิญที่รับรู้ได้  เธอจึงเดินเข้ามากอดมาวินจากทางด้านหลัง

                      “ไม่ต้องคิดมากนะ  ตอนนี้ตัวเองเป็นอิสระแล้วนะ”

   มาวินยิ้มออกมา  ก่อนที่น้ำตาแห่งความดีใจ  และความปลื้มปิติ  มันจะไหลออกมาบนใบหน้าของเขา  ทั้งสี่คนฉลองให้กับอิสระของมาวิน  โดยพวกเขากินกันเจ็มที่  ก่อนที่คืนนั้น  มาวินจะพาเอิญมาค้างที่บ้านของเขา  ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันเกือบทั้งคืน  ก่อนที่ตอนเช้า  มาวินจะนเอกสารใบหย่า  ไปให้กับคนที่ทำเรื่องนี้  ในตอนนี้เขาเป็นอิสระอย่างเต็มตัวแล้ว  และช่วงเวลาต่อจากนี้  ที่เขาสูญเสียมันไป  เขาจะมอบมันให้กับเอิญทั้งหมดเลย

 

By hikari…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา