แรงรัก แรงอาฆาต
เขียนโดย anawat
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.08 น.
แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 09.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่1 วิวาห์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแรงรัก แรงอาฆาต
บทที่1 วิวาห์
“กูขอให้มึงกับกู
เกิดมาเจอกัน และรักกันทุกชาติไป
แต่มึงกับกู จะไม่มีวันได้สมหวังกัน ทุกชาติไป”
บริษัทแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ
“จ้า” ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังคุยโทรศัพท์กล่าวขึ้น “เดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะจ้ะ ไม่สายแน่นอนจ้ะขับรถชั่วโมงเดียวก็ถึง จ้าจ้า”
แล้วชายหนุ่มก็วางสายไป ก่อนที่ชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ด้วยกันจะกล่าวขึ้นต่อ
“หวานเชียวนะมึง” ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในท่านั่งไขว้าขา กล่าวขึ้น “นัดสาวคนไหนอีกวะฮะ ไอ้วิน”
สิ้นเสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง จึงทำให้เราได้รู้ว่า ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาเหมือนหนุ่มเกาหลี ที่ร่างกายสูงโปร่งกำยำคนนี้ มีชื่อว่ามาวิน มาวินเป็นเจ้าของบริษัทหนี่ง ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯแห่งนี้ ส่วนด้านฐานะไม่ต้องพูดถึง เพียงเขาบอกว่าอยากจะได้อะไร เพียงแค่ครู่เดียว ของที่เขาอยากได้ ก็วางอยู่ตรงหน้าเขาในทันที เขามีเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็ก ที่ตอนนี้ทำงานราชการแห่งหนึ่ง ชื่อว่าชาติชาย เป็นคู่หูที่จัดว่าไปไหนไปกัน ถึงไหนถึงกันเลยก็ว่าได้
“สาวที่ไหนอีกวะ” มาวินกล่าวต่อ พรางหันมามองชาติชาย “กูก็นัดเอิญไปกินข้าวเย็นนี้ไงวะ คืนนี้จะมีอะไรดีๆเว้ย”
สิ้นเสียงมาวิน ชาติชายมองมาวินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ มาวินที่เห็นแบบนั้น จึงกล่าวขึ้นมา
“อะไรของมึงวะไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้น เพราะสายตาของชาติชาย ที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อในตัวเขา “ถึงกูจะเที่ยวมีเล็กมีน้อย แต่ถ้าให้เลือกใครสักคนมาเป็นแม่ของลูกกู ยังไงก็ต้องเป็นเอิญนี่แหล่ะวะ”
ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดแบบนั้น จึงหลุดขำออกมาในคำพูดของเพื่อนตนเอง ก่อนที่ชาติชายจะกล่าวต่อ
“เออๆ” ชาติชายกล่าวขึ้นมาต่อ พรางชี้นิ้วไปที่มาวิน “กูขอให้มันเป็นจริงอย่างที่มึงพูดเถอะวะ มึงจะมีเล็กมีน้อยอะไรกูไม่ว่ามึงหรอก แต่ทำอะไรก็ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี เพราะถ้ามึงพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ คนที่จะเสียใจที่สุด ไม่ใช่กูหรอก แต่จะเป็นเอิญนั้นแหล่ะ กูก็ได้แค่ห่วงมึงในฐานะเพื่อนั้นแหล่ะวะ”
มาวินที่ได้ยินดังนั้น จึงกล่าวขึ้นต่อด้วยรอยยิ้ม ที่ดูมีอะไรอยู่ในใจ
“ใช่ป่าววะไอ้ชาย” มาวินกล่าวขึ้นต่อ พรางส่งสายตาที่ดูมีอะไรในใจ ให้ชาติชาย “ไม่ใช่ว่ามึงกลัวยัยอลิซ เพื่อนของเอิญที่อยู่กรมเดียวกับมึง เล่นงานเอาเหรอวะ”
ชาติชายที่ได้ยินแบบนั้น ก็ถึงกับหน้าแดงออกมา และหันไปพูดกับมาวิน ด้วยท่าทางที่ดูเขิลอาย
“มึงนิแม่ง” ชาติชายกล่าวขึ้นต่อ พรางถอนหายใจออกมา “ไปๆ นัดเอิญไว้ไม่ใช่เรอะ รีบไปได้แล้วมึงอ่ะ ต้องขับรถไปปทุมอีกนิ เดี๋ยวสายเอานะมึง กูก็จะไปแล้วเหมือนกัน”
พูดจบชาติชายก็ลุกจาเก้าอี้ เพื่อเตรียมตัวจะกลับไปทำงานต่อ มาวินที่เห็นเพื่อนทำท่าลุกลี้ลุกลน ก็ยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัยในคำพูดของตนเอง
“เดี๋ยวก่อนดิมึง” มาวินกล่าวขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนตนเอง ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนด้วยความเขิล “จะรีบไปไหนวะ มึงยังไม่ได้ตอบคำถามกูเลยนะเว้ย”
ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น จึงรีบเดินออกจากห้องไปพรางพูดไปด้วย ระหว่างที่กำลังเดินไป
“กูรีบไปทำงานแล้ว” ชาติชายกล่าว พร้อมเดินไปด้วย “เดี๋ยวเข้างานสาย จะมีคนบ่นอีก”
มาวินที่ได้ยินดังนั้น ก็เดินตามชาติชายไป พรางหัวเราะไปด้วยตลอดทาง แล้วเพื่อนทั้งสอง ก็เดินออกไปจากที่ทำงาน พรางหยอกล้อกันเล่นไปด้วย ตามภาษาเพื่อนสนิท
หลังจากที่แยกกับชาติชาย มาวินก็รีบขับรถไปหาแฟนของเขา ด้วยอาการที่เร่งรีบ เพราะถนนในเวลานี้ มันดันเป็นเวลาที่คนทั่วไป เขาเลิกงานกันพอดี จึงทำให้รถบนท้องถนนนั้นติดมากกว่าปกติ และด้วยเหตุนั้นเอง จึงทำให้สิ่งที่มาวินเคยบอกกับแฟนสาวเอาไว้ดูท่าจะ
ร้านอาหารประจำของมาวิน
“โถ่เอ้ย” มาวินกล่าวขึ้น ด้วสีหน้าท่าทางที่ดูอารมณ์เสีย “รถดันมาติดตลอดทางซะได้ แบบนี้มีหวังได้โดน...”
ขณะที่มาวินกำลังบ่นกับตัวเอง ก็มีเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา
“มาสายอีกตามเคยนะ”
มาวินที่ได้ยินเสียงนั้น ก็ถึงกับสะดุ้งโหยง ด้วยความตกใจ มาวินจึงหันไปมองที่ต้นเสียงนั้น ก็ได้พบกับ หญิงสาวที่รูปร่างเล็ก ใบหน้าที่สะสวยที่ชายใดเห็น ต่างก็ต้อวอยากได้ไปไว้ในครอบครอง ผิวที่ขาวสะอาดของหญิงรูปงามคนนั้น นั้นก็คือเอิญ แฟนสาวของมาวินนั้นเอง
“ใจเย็นๆนะตัวเอง” มาวินกล่าวขึ้น พรางผายมือไปด้านข้างด้วยท่าทางที่ลุกลี้ลุกลน ไม่ต่างจากชาติชายเมื่อกี้ “พอดีรถมันติดน่ะ เรารีบแบบที่สุดแล้วนะ แต่มันก็สายจนได้”
“เธอก็สายตลอดแหล่ะ” เอิญกล่าวขึ้น พรางสะบัดหน้าหนี แสดงถึงความไม่พอใจในตัวมาวิน “ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย”
มาวินที่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก จึงพยายามหาทางทำทุกอย่าง เพื่อให้แฟนสาวของตัวเองอารมณ์ดีขึ้น
“นี่แต่เขาจองร้านไว้เรียบร้อยแล้วนะ” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน อย่างถึงที่สุด “เนี่ยเดี่ยวเข้าไปข้างใน อาหารพร้อม ตัวเองก็ไม่ต้องรอนานเลย ปะเข้าไปกันเถอะเนอะ”
พูดจบมาวินก็เข้าไปจูงมือแฟนสาว เพื่อพาแฟนสาวเข้าไปในร้าน เพื่อรับประทานอาหารในร้านประจำของทั้งคู่ ตัวเอิญเองถึงจะไม่พอใจแฟนหนุ่มของตัวเองเท่าไหร่ แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน เรื่องแค่นี้มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นแฟนหนุ่มพยายามง้อตน เอิญจึงแอบยิ้มออกมา ด้วยความพึงพอใจ
ภายในร้านอาหาร
ภายในห้องอาหารที่มาวินจองเป็นการส่วนตัว เพื่อที่จะนั่งกินกับแฟนสาวของเขาเพียงสองคน ได้ถูกตกแต่งอย่างโรแมนติก ประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง อย่างเต็มห้องไปหมด เหล่าพนักงานที่ดูจะยืนรอบริการอยู่ตลอดเวลา โต๊ะทานอาหารที่มีเทียนวางอยู่กลางโต๊ะ และอาหารที่ถูกวางเรียงรายอยู่จนเกือบครบทุกเมนู
“แต่งร้านซะสวยเลยนะ” เอิญกล่าวขึ้น พรางมองไปรอบๆร้านอย่างประหลาดใจ “แค่วันครบรอบของเรา ต้องประดับขนาดนี้เลยเหรอ”
“นานๆทีก็มีกันบ้างสิ” มาวินกล่าวขึ้น พรางจับมือเอิญพาเดินไปที่โต๊ะอาหาร “ปะเราไปนั่งที่โต๊ะกันเถอะ”
“นี่ครับอาหาร” พนักงานคนหนึ่งกล่าวขึ้น พรางเอาอาหารอย่างสุดท้าย มาวางไว้ที่โต๊ะของชายหนุ่มและหญิงสาว “ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บอกได้เลยนะครับ”
เมื่อพูดจบ พนักงานคนนั้น ก็ทำท่าโค้งคำนับ ก่อนที่พนักงานคนนั้น จะเดินออกไปจากห้องส่วนตัวที่ทั้งคู่จองเอาไว้
“นี่ตัวเอง” มาวินอยากให้แฟนสาวอารมณ์ดี จึงพยายามเอาใจแฟนสาวอย่างออกหน้าออกตา “ของโปรดของตัวเองทั้งนั้น เขาสั่งมาให้ตัวเองเพียบเลยน้า”
แฟนสาวที่เห็นแบบนั้น ก็แอบยิ้มออกมา ด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่แฟนสาวของมาวิน จะกล่าวขึ้น
“เธอนินะ” เอิญเริ่มกล่าวขึ้นต่อ พรางตักอาหารกินไปด้วย “ถ้าไม่เจ้าชู้ ก็นับว่าเธอดีทุกอย่างเลย จริงๆนะ”
มาวินที่ได้ยินแฟนสาวพูดดังนั้น ก็ถึงกับสำลักอาหารออกมา ก่อนที่มาวินจะกล่าวขึ้นต่อ ด้วยวาจาที่มีคารมอยู่ในนั้น
“ถึงเขาจะดูเจ้าชู้” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ดูมีความมั่นใจ “แต่ในใจของเขา ก็มีแค่เธอคนเดียวนะครับ”
เอิญที่ได้ยินดังนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เอิญกินน้ำพอดี เอิญจึงสำลักน้ำออกมา จนพุ่งไปเลอะที่ชุดของมาวินเต็มๆ
“แหวะ” เอิญกล่าวออกมา ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “อยากจะอ้วก”
สิ้นเสียงอิญ ทั้งคู่ต่างหัวเราะกันออกมา ก่อนที่มาวินจะดีดนิ้ว ให้เด็กในร้าน เอาของบางอย่าง มาให้เขา เมื่อเด็กที่ร้านเห็นสัญญาณที่มาวินส่งให้ เด็กในร้านก็เอาของมาให้มาวิน แบบไม่รอช้า มาวินที่รับของมาแล้ว จึงให้ทิปเด็กที่ร้านไป เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ก่อนที่มาวินจะเริ่มกล่าวกับเอิญต่อ
“ตัวเอง” มาวินกล่าวขึ้น พรางหยิบของที่เตรียมไว้ มาให้เอิญ “เราก็คบกันมาสี่ปีแล้วนะ เพราะแบบนั้นเราก็เลยอยากให้เราทั้งคู่ ได้ปรับเปลี่ยนสถานะกันเสียที”
สิ้นเสียงของมาวิน มาวินก็เอาของในกล่องให้เอิญดู มันคือแหวนเพ็ชรวงหนึ่ง ที่ดูมูลค่าแล้ว มันก็มีราคาเลขหลายหลักอยู่ และเดินมาที่ข้างเอิญ ก่อนที่จะนั่งขุกเข่าต่อหน้าเอิญ เอิญแฟนสาวของมาวิน ที่เห็นดังนั้น เธอก็ยิ้มออกมาด้วยอาการดีใจ และอาการเขิลอายในเวลาเดียวกัน
“เอิญ” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยท่าทางที่นั่งคลุกเข่า พรางส่งสายตายจริงจัง ไปที่เอิญ “แต่งงานกับผมนะครับ”
แต่ถึงกระนั้น ก็ดูเหมือนเอิญ จะยังไม่ได้ตอบรับการของแต่งงานสครั้งนี้ในทันที แต่เอิญกลับกล่าวถามมาวินคืนบ้าง
“ถ้าเราตกลง” เอิญกล่าวถามมาวินกลับไป ด้วยสีหน้าแดงกล่ำ ปนท่าทางเขิลอาย “ตัวเองจะเลิกทำตัวเจ้าชู้ไหม”
“ถ้าตัวเองตกลง” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสายตาที่บ่งบอก ถึงความมุ่งมั่น “เขาจะขอรักตัวเองแค่คนเดียว ชีวิตนี้เขาจะไม่มองผู้หญิงคนไหนอีก”
เอิญที่ได้ยินดังนั้น ก็แอบยิ้มออกมา ถึงปากจะถามไปแบบนั้น ต่อให้คำตอบเป็นแบบไหน แต่ยังไงในใจของเอิญ ก็ตอบตกลงไปตั้งแต่ที่มาวินมานั่งคลุกเข่า ขอแต่งงานแล้ว เพราะเอิญเชื่อว่า ถ้าไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ ชีวิตนี้เอิญก็คงไม่เปิดใจให้ใครอีก
“รับปากแล้ว” เอิญเริ่มกล่าวขึ้นต่อ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมความสุข “ต่อจากนี้ไป ก็ทำให้ได้ด้วยล่ะ”
“งั้น” มาวินกล่าวขึ้น พรางเตรียมแหวน เพื่อจะสวมให้กับเอิญ “ผมจะถือว่านั่น เป็นคำตอบตกลง ในการขอแต่งงานครั้งนี้นะครับ”
เอิญที่ได้ยินดังนั้น ก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบตกลงในคำถามครั้งนี้ มาวินที่เห็นดังนั้น จึงสวมแหวนให้แก่เอิญ ทั้งคู่ต่างส่งสายตาที่เปี่ยมความสุขให้แก่กันและกัน และค่ำคืนนั้นแหมือนเป็นค่ำคืนของหนุ่มสาวทั้งคู่ ที่ต่างนั่งพลอดรักกันในร้านอาหารร้านนั้น ราวกับว่าเวลาในร้านอาหารแห่งนั้น มันได้หยุดนิ่งลงไป ก่อนที่เจ้าชายจะพาเจ้าหญิงกลับมาส่งที่บ้านของเธอ
บ้านของมาวิน
“ถึงบ้านแล้วจ้าตัวเอง” มาวินกล่าวกับแฟนสาวของเขาทางโทรศัพท์ พรางนำรถเข้ามาจอดในที่จอดรถ “จ้าฝันดีนะจ้ะ บายจ้า”
สิ้นเสียงโทรศัพท์ มาวินได้เตรียมตัวที่จะเข้าไปในบ้าน เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำนอน แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคน ที่ดักรอเขาอยู่แล้ว
“ไงล่ะพ่อตัวดี” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวทักทายมาวิน ที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้าน “สำเร็จตามแผนไหมล่ะ”
มาวินที่ได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองตามต้นเสียง ที่เรียกเขา คนที่เรียกเขาก็คือพ่กับแม่ของเขา ที่นั่งรอเพื่อจะถามเรื่องเขากับเอิญนั้นเอง มาวินที่เห็นดังนั้น ก็เดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเขา ด้วยรอยยิ้มที่เปียบสุข ก่อนที่เขาจะยกมือไหว้พ่อกับแม่
“พ่อสวัสดีครับ แม่สวัสดีครับ” มาวินกล่าวขึ้น ก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆพ่อกับแม่ “ก็ต้องสำเร็จอยู่แล้วสิแม่ แม่กำลังจะได้ลูกสะใภ้แล้วนะ”
“จะมีเมียแล้วเนี่ย ถามจริง” แม่กล่าวขึ้น พรางหันมามองหน้ามาวินอย่างจริงจัง “เราน่ะ เลิกเจ้าชู้ได้แล้วเหรอฮะ”
“โถ่แม่” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอามือของเขา ไปบีบนวดที่แขนของแม่เขา ด้วยอาการที่เขิลอาย “อย่าพูดเหมือนเอิญสิ วันนี้ตอนขอแต่งงาน เอิญเขาก็ถามผม เหมือนที่แม่ถามผมนิแหล่ะ”
พ่อที่เห็นดังนั้น ก็แอบอมยิ้มออกมา ก่อนที่พ่อจะเริ่มกล่าวต่อจากมาวิน
“แล้วลูกคิดว่า” พ่อเริ่มกล่าวขึ้น พรางส่งสายตาเชิงถาม มายังลูกชายของเขา “ลูกจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ดีหลังจากแต่งงานกับหนูเอิญเขาได้มั้ยล่ะ”
มาวินที่ได้ยินพ่อถามอย่างจริงจัง ก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยตอบพ่อกลับไป
“ผมสัญญากับเอิญแล้ว” มาวินกล่าวขึ้น พรางผายมือไปที่ด้านข้าง “ว่าหลังจากที่แต่งงานกันไป ผมจะกลับตัว จะมีเขาแค่คนเดียว และจะไม่มีใครอีก”
พ่อกับแม่ที่ได้ยินลูกชายตนเองพูดขึ้นมา ก็มองหน้ากันก่อนที่พ่อจะเริ่มกล่าวขึ้นมาต่อ
“ที่พ่อกับแม่ถาม” พ่อเริ่มกล่าวต่อ พรางเปลี่ยนท่านั่ง มานั่งไขว้ขาและเอามือประสานกันไว้ที่หน้าตัก “เพราะพ่อกับแม่ กลัวว่าวันนึงที่แกเบื่อหนูเอิญขึ้นมา แกจะทำให้เขาเสียใจในภายหลังน่ะสิ ส่วนตัวแกเองน่ะ พ่อเชื่อว่าแกเอาตัวรอดไดอยู่แล้ว พ่อกับแม่ไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก”
“พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงเลยครับ” มาวินกล่าวขึ้นต่อ ส่ายมือไปมาเหมือนจะบอกว่า ไม่ต้องห่วง “ผมจะไม่ทำให้เจ้าสาวของผมเสียใจแน่นอน ผมสัญญาครับ”
สิ้นเสียงมาวิน ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา มาวินจะยกโทรศัพท์มาเพื่อรับสายสายนั้น
“ฮัลโหลจ้า” มาวินกล่าวขึ้นกับสายที่โทรเข้ามา พ่อกับม่ที่เห็นดังนั้น ก็ส่งสายตามาที่มาวิน “อยู่ร้านเดิมเหรอ อื้องั้นเดี๋ยวเราออกไปนะ จ้ารอได้เลยจ้า”
พ่อกับแม่ที่เห็นดังนั้น ต่างก็ส่ายหัวพร้อมกันทั้งคู่ ก่อนที่แม่จะเริ่มกล่าวขึ้นมาต่อ
“ดูสิ” แม่เริ่มกล่าวขึ้นมาต่อ พรางส่งสายตาที่ผิดหวังมาที่ลูกชายของตน “พูดยังไม่ทันขาดคำเลย มีสาวที่ไหนโทรมาหาอีกแล้วเนี่ย”
“แม่ก็” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอามือของเขา ไปบีบนวดที่แขนของแม่เขาอีกครั้งนึง “ตอนนี้ผมยังไม่แต่งงาน ผมก็ขอสนุกอีกสักแปปนึงเอง”
แม่ที่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา เชิงว่าไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะพูดไปลูกชายของท่านก็คงจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นก็คงต้องหวังเพียงแต่อย่าหาเรื่องเดือนร้อน หรือทำให้คนรอบข้างเสียใจ ก็เท่านั้น ส่วนมาวินเมื่อพูดจบ เขาก็ลุกเดินออกจากบ้านไป ก่อนที่จะหันมาพูดกับพ่อแม่ของเขา
“ไม่ต้องรอนะครับ” มาวินกล่าวขึ้น “ผมอาจจะกลับดึกสักหน่อย เดี๋ยวผมปิดบ้านให้เองครับ”
พูดจบมาวินก็เดินออกจากบ้านไป และไปยังสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่เขาได้นัดหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้
สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
มาวินที่นำรถของเขา ไปจอดเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินไปหาหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างเล็ก ผิวขาว หน้าตาหมวยๆน่ารัก ใส่แว่น โดยมาวินได้เดินเข้าไปหาเธอ และกล่าวทักทายเธอ
“รอนานไหมเมย์”
“ไม่นานเลยพี่” เมย์กล่าวขึ้น ด้วยรอยยิ้มที่ดูเธอจะดีใจมาก ที่วินมาหาเธอ “แล้วพี่เอิญนอนแล้วเหรอ พี่ถึงออกมาหาหนูได้อ่ะ”
“อย่าพูดถึงเอิญเลยน่า” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยท่าทางที่อารมณ์สียนิดๆ “เราเข้าไปกันเถอะ ไปช้าเดี๋ยวโต๊ะจะเต็มเอา”
ทั้งคู่เดินเข้าไปในสถานบันเทิง แต่สิ่งที่เมย์พูดออกมาเมื่อกี้ ทำให้เราได้รู้ว่า เมย์เองก็รู้อยู่แล้ว ว่ามาวินคบกับเอิญ แต่เมย์หญิงสาวที่น่าตาน่ารัก ก็ยังคงเลือกที่จะเป็นมือที่สาม ระหว่างมาวินและเอิญอยู่ดี ส่วนตัวมาวิน ที่พึ่งขอเอิญแต่งงานไปเมื่อกี้ ในค่ำคืนนี้เขาคงจะขอใช้ชีวิตสละโสดให้เต็มที่ล่ะนะ
“มาสองท่านนะครับ”
“ครับ” มาวินกล่าวขึ้น พรางหันไปสั่งอาหารกับพนักงานเสริฟ “ผมขอเป็นเบีย สองขวดก่อนแล้วกันครับ เมย์เอาอะไรเพิ่มอีกไหม”
“ไม่ล่ะพี่” เมย์กล่าวขึ้น พรางหันมาสบตามาวิน ด้วยท่าทางที่ดูหึงนิดๆ “ว่าแต่พี่นี่ฮ็อตไม่เบานะ ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน ก็มีแต่สาวๆมองพี่ตลอดเลย”
มาวินที่ได้ยินเมย์พูดดังนั้น ก็หันไปมองจนทั่วทั้งร้าน ก็เห็นสาวๆโต๊ะรอบๆตัวเขา ต่างส่งสายตาที่ชักชวนให้เขา เข้าไปหาเกือบจะทุกโต๊ะ บางก็มองมาที่เมย์ ราวกับว่าจะกลืนกินเมย์ ที่มาแย่งชายหนุ่มที่ตนหมายปองเอาไว้ ยังไงยังงั้นก็ว่าได้ มาวินที่เห็นดังนั้นก็หันมากล่าวกับเมย์ หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายเขา ในยามนี้
“ช่างเขาเถอะน่า” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอามือมาโอบที่เอวเมย์ “เพราะยังไงตอนนี้ คนที่อยู่ในสายตาพี่ที่สุด ก็คือเมย์แค่คนเดียวเท่านั้นแหล่ะ”
“ปากหวานจริงนะ” เมย์กล่าวขึ้น พรางเอาหัวมาซบที่ไหล่มาวิน “แล้วแบบนี้ ใจหนูจะไม่ตกเป็นของพี่ได้ยังไง”
ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งคู่ ต่างดื่มด่ำกับค่ำคืนอันแสนหวาน ของกันและกันโดยที่ชายหนุ่ม ได้ลืมไปแล้วว่าตัวของเขา ได้พึ่งขอหญิงสาวอีกคนหนึ่งแต่งงานไป เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เรื่องที่เขาได้พูดกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง มันได้กลายเป็นความฝันไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ต่างพลอดรักกันจนนำไปสู่ความสัมพันธ์ ที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเรียกว่า แค่คนคุยกันทั้งคู่ต่างกอดจูบกันบนเตียงอย่างดูดดื่ม โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้รู้เลย ว่าการที่เขามากับหญิงสาวครั้งนี้ จะทำให้เขาต้องถึงกับหน้าเสีย
“พี่วิน” เมย์กล่าวขึ้น พรางลุกขึ้นมามองหน้ามาวิน ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง “หนูมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกับพี่”
มาวินที่เห็นเมย์ทำหน้าจริงจัง จึงลุกขึ้นมานั่งพรางถามเมย์ออกไป
“ว่าไงจ้ะ” มาวินกล่าวขึ้น พรางจ้องไปที่ตาของเมย์ ที่ทำสีหน้าจริงจัง “ทำสีหน้าจริงจังเชียว”
ภายในห้องนอนที่เงียบสงัด มาวินที่เอ่ยถามเมย์ ก็ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของเมย์ ก่อนที่หญิงสาวอย่างเมย์ จะเอ่ยกล่าวขึ้นมาต่อ
“คือหนู” เมย์กล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ดูกังวล ปนความจริงจัง “คือหนูตั้งท้องได้เดือนนึงแล้วอ่ะพี่”
มาวินที่ได้ยินดังนั้น จากชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเมื่อครู่ กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่มีสีหน้าตกใจอย่างสุดขีด เหงื่อทั่วตัวของเขาต่างแย่งกันไหลซึมออกมา จากทุกรูขุมขนของเขา แต่เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจึงพยายามตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวกับหญิงสาวไป
“เมย์แน่ใจแล้วใช่ไหม” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง “ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของพี่จริงๆน่ะ”
หญิงสาวที่ได้ยินชายหนุ่มที่ตนพึ่งพลีกายให้เมื่อครู่นี้ กล่าวออกมาตนก็ถึงกับแสดงสีหน้าที่ผิดหวังในตัวชายหนุ่มออกมา ก่อนที่น้ำตาของหญิงสาวจะไหลออกมาหญิงสาวจึงกล่าวขึ้นต่อ
“พี่ก็รู้ใช่ไหม” เมย์กล่าวขึ้น พรางมองชายหนุ่มด้วยความผิดหวัง “ว่าพี่เป็นคนแรก ที่มีอะไรกับหนูน่ะ”
สิ้นเสียงของหญิงสาว หน้าของชายหนุ่มถึงกับแสดงความเครียดออกมา สลับกับเหงื่อที่ไหลออกมามากมาย ทั้งที่ในห้องนั้นเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเย็นกำลังพอดี เพราะชายหนุ่มรู้ดี ว่าตัวเขาคือครั้งแรกของหญิงสาวจริงๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยให้ความเงียบนั้น มันอยู่นานนัก เขาได้กล่าวขึ้นมาต่อ
“เมย์ก็รู้ใช่ไหม” มาวินกล่าวขึ้น พรางหันไปมองหน้าเมย์ ด้วยความกังวล “ว่าพี่คบกับเอิญอยู่ และตอนนี้พี่กำลังจะแต่งงานกับเอิญแล้ว”
“แต่หนู” เมย์กล่าวขึ้นต่อ หลังจากมาวินพยายามปฏิเสธเธอ “ท้องกับพี่นะ พี่จะไม่รับผิดชอบเหรอ”
มาวินที่ได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะกล่าวออกมาต่อ
“งั้น” มาวินกล่าวขึ้นต่อ ด้วยสีหน้าที่มีความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม “พี่ขอเวลาหน่อยแล้วกันนะ แล้วพี่จะให้คำตอบ”
สิ้นเสียงมาวิน เมย์ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป และเชื่อใจมาวิน ชายหนุ่มที่เธอยอมมอบทั้งใจและกายให้ ว่าเขาจะรับผิดชอบ กับสิ่งที่เขาได้ทำไว้ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป มาวินก็มาทำงานตามปกติ แต่เขาก็ได้เล่าเรื่องนี้ ให้กับเพื่อนสนิทของเขาฟัง
บริษัทของมาวิน
“อะไรนะ” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางเอามือตบไปที่โต๊ะ เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง ด้วยท่าทางที่ตกใจปนโมโห “นี่มึงทำผู้หญิงคนอื่นท้อง ทั้งที่มึงขอเอิญแต่งงานแล้ว”
มาวินหันมามองชาติชาย ด้วยสีหน้าที่ความกังวลมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบเพื่อนของเขา
“ไอ้วินเอ้ย” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางเอามือมาลูบไปที่หัวตัวเอง ด้วยท่าทางที่เครียดตามเพื่อนของเขา “กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่ามึงจะมีผู้หญิงสักกี่คนก็ได้ แต่อย่าทำให้เอิญต้องเสียใจน่ะ แล้วดูสิ่งที่มึงทำตอนนี้สิ ขอผู้หญิงอีกคนแต่งงาน แต่กลับทำอีกคนท้อง”
“เอออ กูผิเอง” มาวินกล่าวขึ้น พรางนั่งไขว้ขา และมองไปที่เพื่อนเขา “แต่ตอนนี้มึงช่วงกูคิดก่อน ว่าจะทำยังไงต่อไปดี”
ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น ก็หยิบเก้าอี้มา และทรุดตัวลงนั่งไปที่เก้าอี้ ก่อนที่จะหันมาตอบเพื่อนเขา ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“แล้วนี่” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางหันมามองมาวิน ด้วยสีหน้าที่โมโห “พ่อกับแม่มึงว่ายังไงบ้างนิ”
“จะว่ายังไงได้” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอามือมาประกบกันที่ท้ายทอย “ท่านก็ต้องยอมรับในเรื่องที่มันเกิดขึ้น แต่ก็ผิดหวังในตัวของกูเล็กน้อยว่ะ แต่แม่กูนิร้องไห้โห่เลยอ่ะดิ”
มาวินพูดจบ ชาติชายก็หันมามองเพื่อนเขา ด้วยสีหน้าที่หมดหนทาง
“งั้นมึงก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” ชาติชายกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “นอกจากมึงต้องรับผิดชอบ กับสิ่งที่มึงทำไว้”
มาวินที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น ก็ถึงกับตกใจ และรีบหันมากล่าวกับเพื่อนของเขาในทันที พรางเอามือตบไปโต๊ะของเขาเช่นกัน
“เฮ้ยไม่ได้นะเว้ย” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอามือตบไปที่โต๊ะ “ถ้ากูทำแบบนั้น แล้วเอิญอ่ะ กูพึ่งขอเขาแต่งงานไปนะ”
“ไอ้ห่า” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางหันไปมองมาวิน ด้วยสีหน้าที่ขรึงขัง “ทีตอนที่มึงทำอะไรไปก่อนหน้านี้ มึงไม่คิดถึงเอิญ แต่พอมีเรื่องขึ้นมาแล้ว จะมาโวยวาย มันไม่ทันแล้วเพื่อน สิ่งที่มึงจะทำได้ตอนนี้ คือมึงต้องรับผิดชอบเด็กในท้องของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งนั่นก็คือลูกของมึง”
มาวินที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น ก็นั่งนิ่งเงียบไป เพราะสิ่งที่เพื่อนเขาพูด มันล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งนั้น
“อ้อแล้วอีกเรื่อง” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางเอานิ้วชี้ไปที่มาวิน “มึงต้องบอกเรื่องนี้กับเอิญด้วยนะ”
“เฮ้ย” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้ากับท่าทางที่ดูตกใจ “ไม่ได้นะเว้ย ถ้าเอิญรู้เรื่องนี้เข้า เขาต้องเสียใจมากแน่ๆ”
ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขา
“มึงนิน้า” ชาติชายกล่าวขึ้น “ตอนทำไม่คิด เขาจะรู้ช้าหรือรู้เร็ว ยังไงวันนึงเขาก็ต้องรู้อยู่ดี สู้ให้เขารู้จากปากของมึงเองดีกว่า ตัวมึงเองก็จะดูเป็นลูกผู้ชายด้วย กล้าทำมึงก็ต้องกล้าที่จะรับดิวะ”
สิ้นเสียงชาติชาย มาวินนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะหันกลับมากล่าวกับเพื่อนของเขา
“เออก็ได้” มาวินกล่าวขึ้น พรางเอานิ้วชี้ไปที่เพื่อนของเขา “แต่มึงต้องไปกับกูด้วยนะ ไอ้ชาย”
ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนตนเองพูดดังนั้น ก็ถึงกับแสดงความตกใจออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อ
“เฮ้ย” ชาติชายกล่าวขึ้น ด้วยท่าทางที่สะดุ้งโหยงจากเก้าอี้ “ทำไมกูต้องไปด้วยวะ?”
“ก็มึงเป็นคนแน่ะนำให้กูทำแบบนี้นิ” มาวินกล่าวขึ้น พรางผายมือสองข้างออกจากกัน “แล้วอีกอย่าง วันแรกที่กูกับเอิญนัดเจอกัน มึงกับยัยอลิซยังไปด้วยได้เลยนิ วันนี้ถ้ากูจะต้องบอกเลิกเขา มึงก็ต้องไปกับกูด้วย”
ชาติชายที่ได้ยินเพื่อนของตนพูดดังนั้น จึงแสดงสีหน้าเซ็งๆเหมือนคนไม่มีทางเลือกออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนของเขาต่อ
“เออๆ” ชาติชายกล่าวขึ้น ด้วยท่าทางที่เซ็งๆ “เอาเป็นว่ามึงโทรนัดเอิญก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจะไปบอกยัยอลิซเอง”
“เดี๋ยวนะ” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ตกใจ ราวกับคนที่ทำความผิดมา “นี่มึงจะไปบอกอลิซก่อนเลยเหรอวะ”
“กูก็แค่จะบอกเขาไว้ก่อน” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางเอามือชี้ไปที่มาวิน “ส่วนมึงอ่ะ ไปบอกกับเอิญเอาเอง โอเคนะ”
พูดจบมาวินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเอิญแฟนสาวของเขา
“ตัวเอง มะรืนนี้วางไหม มีเรื่องจะคุยด้วย” มาวินกล่าวกับเอิญแฟนเขา “อืมเรื่องแต่งงานน่ะ จ้ะแล้วเจอกันนะ”
ชาติชายมองดูเพื่อนของเขา คุยกับแฟนสาวด้วยใบหน้าที่มีความเครียดอย่างเห็นได้ชัด มือของมาวินข้างหนึ่งกำหมัดแน่น จนกระทั่งเพื่อนของเขาวางสายจากแฟนสาวไป แต่สีหน้าที่มีความเครียดยังคงมีอยู่ ชาติชายทำได้เพียงลุกจากเก้าอี้ และเดินไปตบไหล่เพื่อนของเขา พรางเอ่ยกับเพื่อนของเขา
“ไม่เป็นไรนะมึง” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางกอดคอเพื่อนมาวิน “อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดเว้ย มึงแค่ทำหน้าที่ของลูกผู้ชายก็พอแล้ว-ปะเย็นแล้ว ไปหาอะไรกินให้หายเครียดกันดีกว่า”
สิ้นเสียงชาติชาย มาวินพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากที่ทำงานไป
วันต่อมา(กรมราชการแห่งหนึ่ง)
ชายหนุ่มคนหนึ่งต้องล้มตึงลงไปที่พื้น เพราะถูกหญิงสาวที่เขาคุยด้วยตบเอาเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ชายหนุ่มคนนั้นคือชาติชาย ที่ยืนคุยกับหญิงสาว หน้าตาน่ารักเหมือนสาวญี่ปุ่น ผิวของเธอขาวอมชมพู ริมฝีปากของเธอที่ดูอวบอิ่ม ที่ชายหนุ่มบางคนเห็นแล้วต้องหลงใหล ดวงตากลมโตของเธอที่ทำให่เธอดูมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามอย่างมาก หญิงสาวคนนั้นเธอก็คืออลิซ เพื่อนสนิทของเอิญ ที่ในยามนี้เธอกำลังโมโหเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่ชาติชายได้บอกกับเธอ
“คุณนี่นะ” อลิซกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ดูโมโหเอามากๆ พรางชี้ไปที่ชาติชาย “รู้อยู่แล้ว ว่าเพื่อนคุณมีผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ยังช่วยกันโกหกอีก พวกคุณนี่มันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ เลวเหมือนกันหมด”
ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น ก็ต้องนิ่งเงียบ กับการกระทำที่มันผิดของเพื่อนเขา แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้นึกโกรธหรือโมโหเพื่อนของเขาเลย แต่เขากลับออกหน้ารับผิดแทนเพื่อนเขา กับอลิซที่ยามนี้ ตัวเธอเองก็โมโหแทนเอิญเพื่อนของเขาเช่นกัน
“ชั้นจะโทรหาเอิญ” อลิซกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่โมโห พรางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะโทรหาเอิญ “แล้วบอกเรื่องทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น ก็รีบลุกขึ้นมา และพุ่งเข้าไปห้ามอลิซเอาไว้ พรางกล่าวกับอลิซต่อ
“เดี๋ยวคุณ” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางเข้าไปจับแขนอลิซไว้ “เรื่องของเขาสองคน ให้พวกเขาบอกกันเองเถอะ พวกเราแค่ไปเป็นเพื่อนพวกเขาทั้งคู่ก็พอ ถือว่าผมขอร้องเถอะนะ”
“แล้วทำไม” อลิซกล่าวขึ้น “ชั้นต้องฟังในสิ่งที่ผู้ชายเลวๆอย่างพวกคุณพูดด้วย”
อลิซพูดจบ ชาติชายก็ปล่อยอลิซ ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นต่อ
“ผมเอง” ชาติชายกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ก็พึ่งรู้เรื่องนี้ได้ไม่นานนักหรอก แต่ผมก็อยากจะให้ไอ้วิน มันได้เป็นคนบอกกับเอิญด้วยตัวของมันเอง เรื่องนี้ผมขอนะคุณนะ”
อลิซที่ได้ยินดังนั้น ก็ทำท่าทางไม่พอใจสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมที่จะทำตามที่ชาติชายขอร้อง
“ชิ” อลิซกล่าวขึ้น แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมา ตัวเขาเองก็ไม่พอใจเท่าไหร่นัก “ก็ได้ แล้วนี่นัดไปเคลียกันเมื่อไหร่ล่ะ”
“พรุ่งนี้” ชาติชายกล่าวขึ้น พรางผายมือไปด้านข้าง “แถวที่ทำงานของเอิญนั่นแหล่ะคุณ”
สิ้นเสียงชาติชาย อลิซก็เดินจากเขาไปด้วยอาการโมโห โดยที่เธอเองไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย ชาติชายก็รู้ได้ทันที ว่าเธอคงโกรธแทนเพื่อนเธอมาก
บ้านมาวิน
มาวินที่ยังคงนั่งกังวลกับสิ่งที่มนเกิดขึ้นในตอนนี้ ตัวเขาเองคิดถึงสิ่งต่างๆที่เขาได้ทำผิดพลาดไป และคิดถึงเรื่องในวันพรุ่งนี้ ว่าเขาจะบอกกับแฟนสาวเขาว่ายังไง สีหน้าของเขาแสดงถึงความเคร่งเครียด มือของเขา ที่ในยามนี้มันได้ก่ายอยู่บนหน้าผาก จนกระทั่งมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังเขา
“วันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอ”
มาวินหันไปมองตามเสียงนั่น ก็เห็นร่างของชราคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างหัลงเขา นั่นก็คือพ่อของมาวินนั่นเอง มาวินจึงกล่าวกับพ่อเขากลับไป
“อ้าว” มาวินกล่าวขึ้น แต่สีหน้าที่ประหลาดใจ “ยังไม่นอนอีกเหรอพ่อ”
สิ้นเสียงมาวิน พ่อเขาก็เดินเขามาหาเขา พรางกล่าวกับลูกชายเขา
“พ่อนอนไม่ค่อยหลับน่ะลูก” พ่อกล่าวขึ้น พรางเดินเข้ามานั่งข้างๆลูกชายของเขา “แล้วเราคิดอะไรอยู่ล่ะฮะ เล่าให้พ่อฟังได้นะ”
“ผมไม่คิดเลย” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความเครียด “ว่าสุดท้ายเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้น ผมต้องแต่งงานกับคนที่ผมเอง ไม่ได้รักเขาเลย”
พ่อที่ได้ยินลูกชายตนเองพูดดังนั้น ก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวกับลูกชาย
“จริงๆพ่อก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้หรอกนะ” พ่อกล่าวขึ้น พรางเอามือ ตบลูกไปที่ขาของลูกชายตนเอง “แต่ว่าตัวเราเองเป็นลูกผู้ชายนะ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ พ่อเชื่อว่ามันอาจจะยากสักหน่อยนะ ที่เราจะอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักน่ะ แต่พ่อเชื่อว่าลูกพ่อ จะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้แน่นอน”
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
วันที่ทั้งสี่คน บรรยากาศของทั้งสี่คนตามอึมครึม และเคร่งเครียด มาวินเอามือของเขา กุมมือเอิญไว้เขาเล่าความจริงทั้งหมดให้เอิญได้ฟัง เมื่อเอิญได้รู้ความจริงทั้งหมดเข้า เจ้าตัวถึงกับฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะร้องไห้ออกมายกใหญ่ ก่อนที่คนทั้งร้านจะหันมามองที่โต๊ะอาหารของเขา ส่วนอลิซที่เห็นเพื่อนของตนร้องไห้ออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมา และโวยใส่มาวินยกใหญ่
“ทำไมแกทำแบบนี้วะ” อลิซกล่าวขึ้น พรางเอามือตบลงไปที่โต๊ะอาหาร เสียงดังสนั่นไปทั่ว พร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความโมโห “ชั้นอุตส่าไว้ใจ ว่าแกจะทำให้เพื่อนชั้นมีความสุขได้ แต่สุดท้ายวันนี้แกก็ทำให้เพื่อนของชั้นต้องเสียน้ำตา ชั้นผิดหวังในตัวแกจริงๆ”
ในขณะที่อลิซโวยวาย ตัวเอิญที่กำลังร้องไห้อยู่นั้น ได้เอามือของเขา มาดึงแขนอลิซไว้ เพื่อเป็นสัญาณที่บอกให้อลิซพอเถอะ ส่วนสองหนุ่มที่นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพวกเขา ก็ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ เพราะทั้งคู่รู้ว่าตนเองก็มีความผิดเช่นกัน แต่มาวินก็ดูท่าทางที่มีเรื่องอยากจะพูดกับเอิญเช่นกัน แต่ในยามนี้เขาเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้คนที่เขารัก ร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่จะดีกว่า
แต่เมื่อเอิญรวบรวมสติได้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา และสะบัดมือของมาวิน ที่กุมมือเขาไว้ออกเขากล่าวกับมาวิน
“เอาเป็นว่า” เอิญกล่าวขึ้นกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่ขึงขัง แต่บนใบหน้าของเขา ยังคงมีคราบน้ำตาให้เห็นอยู่ “ชั้นเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว งั้นชั้นจะขอพูดตรงนี้เลยนะ ว่าต่อจากนี้ชั้นกับวินเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แล้วก็ชั้นขอคืนสิ่งนี้ให้เธอ เพื่อที่เธอจะเอาไปให้กับเธออีกคนแล้วกันนะ”
พูดจบเอิญก็ยื่นแหวนแต่งงาน คืนให้กับมาวิน มาวินที่เห็นดังนั้น ก็ถึงกับเหงื่อไหลออกมา เพราะตัวเขาเองยังคงรัก และไม่อยากเลิกกับเอิญอดีตแฟนสาวของเขาเท่าไหร่นัก
“เราไม่มี” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก “วิธีที่เราจะไม่ต้องจากกันแบบนี้เหรอ”
เอิญที่ได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เศร้าปนกับหยาดน้ำตา ที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะกล่าวกับมาวิน
“ไม่มีหรอก” เอิญกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย และใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา “ตอนที่เราคบกัน ชั้นเตือนเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหม เรื่องที่เธอเจ้าชู้น่ะ แต่ตอนนี้เหตุมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก นอกจากเธอต้องยอมรับความจริง ว่าตอนนี้ตัวเธอเอง จะต้องเป็นพ่อคนแล้วนะ มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะตอนที่เธอมีชั้น เธอไม่รักษามันไว้นิ”
พูดจบหญิงสาวก็ลุกออกจากเก้าอี้ และเดินออกไปจากร้านอย่างไม่มีเยื้อใยของคนที่เคยรักกันอยู่เลย ก่อนที่ชายหนุ่มอย่างมาวิน จะรีบลุกพรวด และเดินตามอดีตแฟนสาว กับเพื่อนของแฟนสาวออกไปจากร้าน และชายหนุ่มก็ดึงมือของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมา
“เราทั้งคู่” มาวินกล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง ปนน้ำสียงตะกุกตะกัก “จะต้องจากกันแบบนี้จริงเหรอตัวเอง”
อดีตแฟนสาวที่ได้ยินดังนั้น ก็หันหน้ามาเพียงครึ่งหนึ่ง และส่งรอยยิ้มที่ดูเป็นการจากลา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ให้กับชายหนุ่มที่เคยเป็นคนรักของเขา ก่อนที่หญิงสาวจะสะบัดมือของชายหนุ่มออก อย่างไร้เยื้อใยที่เคยมีต่อกัน และเดินขึ้นรถไป ทิ้งไว้ให้ชายหนุ่มที่เคยมีผู้หญิงอยู่ร่ายล้อมกายของเขามากมาย มาถึงในตอนนี้เขาได้หลั่งน้ำตาของลูกผู้ชายออกมา และทรุดตัวลงกลางลานจอดรถอย่างหมดท่าทางของหนุ่มแบดบอย ให้กับคนที่เขารักที่สุด ก่อนที่เพื่อนของเขาจะเดินเข้ามาหาเขา และตบไหล่ของเขา เพื่อเป็นการปลอบใจ แต่เวลาก็ยังต้องเดินต่อไป
งานวิวาห์ที่ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตโออา ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ถูกประดับประดาเต็มงาน รูปคู่ของบ่าวสาวที่ถ่ายออกมาดูมีความสุข ถูกตกแต่งเต็มไปทั่วงาน เค้กที่สูงใหญ่ที่ประดับอยู่กลางเวทีที่ใหญ่โตสมฐานะของชายหนุ่ม พร้อมกับเหล่าแขกที่แต่งตัวกันอย่างสวยงาม พร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข ที่อยู่บนใบหน้าของเหล่าแขกทั้งหลาย ต่างจากชายหนุ่มชายหนุ่มที่แต่งชุดสูทแผ่รังสีเจ้าบ่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่ใบหน้าของเจ้าบ่าวในวันนี้กลับดูเศร้าสร้อย เหมือนมีแค่ร่างที่ไร้วิญาณยืนอยู่ในห้องแต่งตัว ในขณะเดียวกันเจ้าสาวของเขาที่ในยามนี้ อยู่ในชุดราตรีที่สวยสะพรั้ง กระโปรงที่ยาวถึงพื้น ใบหน้าอวบอิ่มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของหญิงสาวที่กำลังจะเข้าประตูวิวาห์ ต่างกับชายหนุ่มที่ในยามนี้ตัวเขาเอง อยากจะหนีออกไปจากงานวิวาห์นี้นัก แต่ในฐานะลูกผู้ชายที่ทำหญิงสาวคนหนึ่งท้อง เขาเองจึงจำใจที่จะต้องเดินเข้าประตูวิวาห์กับหญิงสาวคนนั้น
By hikari…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ