เจ้าหญิงของฉัน
-
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
27 ตอน
35 วิจารณ์
11.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) รายงานตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“<<พี่ป๊อป เสร็จยัง เดี๋ยวหนูไปไม่ทันน้า>>” ใบหม่อนร้องเรียกคนเป็นพี่ชาย ท่าทางของสาวเจ้าดูร้อนรนไม่น้อย
“<<แป๊ปนึงนะใบหม่อน พี่หาใบเสนอราคาแป๊ป>>” คนตัวใหญ่เอ่ยตอบระหว่างก้มหน้าก้มตาหาสิ่งที่ว่าในกองเอกสารตรงหน้าบนโต๊ะทำงาน
วันนี้เป็นวันที่ใบหม่อนต้องไปรายงานตัวกับต้นสังกัดหลังจากสอบบรรจุได้ ร่างสูงระหงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางสีฟ้ากับกระโปรงทรงเอสุภาพเรียบร้อยเผยให้เห็นเรียวขาสวย สะพายกระเป๋าทำงานใบย่อมยืนถือซองเอกสารสำคัญรอคนเป็นพี่ชายที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารอยู่
“<<เร็วๆ นะพี่ป๊อป ถ้าไปไม่ทันพี่ป๊อปต้องรับผิดชอบน้า>>” หญิงสาวเร่งเร้าอีกฝ่าย ได้ผลเมื่อคนถูกเร่งยิ่งรีบค้นๆ กองเอกสารตรงหน้าจนเจอสิ่งที่ค้นหาได้
“<<เจอแล้วๆ>>” ป๊อปว่าด้วยท่าทางดีใจพร้อมชูใบเสนอราคาขึ้น นัยน์ตาคมเข้มหันไปกระทบกับร่างระหงที่ห่อหุ้มด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานหยาดเยิ้มแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ชวนให้มองจนอดใจไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับก็คือ…
“<<จะยืนมองอะไร ไปได้แล้ว>>” เสียงใสแหวใส่คนเป็นพี่ ดวงตากลมโตมองจิกใส่อย่างขุ่นเคือง ‘คนยิ่งรีบๆ อยู่ยังจะโอ้เอ้อยู่ได้ ไอ้พี่ชายบ้า’ หญิงสาวต่อว่าในใจ
“<<คร้าบๆ>>” คนโดนต่อว่าตอบรับอย่างลุกลี้ลุกลน มือหนาคว้ารีโมตรถพร้อมคีย์การ์ดใส่ในกระเป๋ากางเกงยีน คว้ารองเท้าผ้าใบคู่โปรดมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว รีบพาคนเป็นน้องสาวไปที่ลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถชั้นล่างสุด
เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงดังกระหึ่มขึ้นพร้อมลากตัวถังรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำขลับที่หนักเกือบสองตันเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของคอนโดฯ ออกสู่ถนนใหญ่ จุดหมายคือสถานที่ทำงานใหม่ของน้องสาว เช้าวันนี้ยังไม่มีรถเยอะมากทำให้ถนนค่อนข้างโล่งพอสมควร ชายหนุ่มจึงถือโอกาสกดคันเร่งเต็มที่พร้อมหักพวงมาลัยพารถแวนคู่ใจมุดไปมุดมาท่ามกลางยวดยานพาหนะที่ขับช้าตลอดสองเลนขาเข้า
“<<พี่ป๊อปอย่าขี่รถปาดไปปาดมาสิ ตอนนี้หนูเริ่มเวียนหัวแล้วน้า>>” ใบหม่อนเริ่มปรามเมื่อเห็นพี่ชายกำลังขับรถปาดซ้ายปาดขวาอยู่ในตอนนี้
ป๊อปค่อยๆ ถอนคันเร่งลง จนความเร็วลดลงมาเท่ากับรถคันอื่นที่แล่นอยู่ แอบเหล่มองใบหน้าบูดบึ้งตึงของน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นร่องรอยความหวาดผวาอยู่เล็กๆ เห็นแล้วอดขำไม่ได้
“<<ไม่ต้องมาขำเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าเสียงขุ่น ดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่
“<<อ้าว พี่ก็กลัวเราไปไม่ทันนี่ เห็นถนนโล่งๆ เลยเหยียบหน่อย ฮิๆ>>” ป๊อปพูดไปกลั้วหัวเราะไป
“<<หนูไม่เล่นด้วยนะพี่ป๊อป ขี่รถเร็วแบบนี้อันตรายนะ ถ้าพี่ไปชนรถคันอื่นล่ะ เสียเวลา เสียเงินเสียทองฟรีๆ อีก พี่จะเอาอย่างงั้นเหรอ>>” คราวนี้ใบหม่อนสวดพี่ชายยับ
“<<ครับแม่>>” ป๊อปว่าเสียงอ่อยๆ แอบแขวะน้องสาวไปหนึ่งดอก ‘พี่ขอโทษนะใบหม่อน’ เขาต่อให้ในใจ
รถแวนเจ็ดที่นั่งกลับรถตรงหน้าประตูวัด พาวนมาจอดเทียบฟุตบาทใกล้กับประตูทางเข้าสถานที่ทำงานของน้องสาว และเป็นสถานที่นัดหมายส่งงานของเขาในวันนี้ด้วย เครื่องยนต์ดีเซลหยุดทำงานลงเมื่อชายหนุ่มบิดกุญแจสั่งให้ดับเครื่อง เจ้าของร่างสูงระหงเอื้อมมือไปเปิดประตูและก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายใบย่อมกับแฟ้มเอกสาร
“<<หนูไปแล้วนะพี่ป๊อป>>”
“<<ครับใบหม่อนหน้ากลม เดี๋ยววันนี้พี่รอรับเลยละกัน มาส่งงานพอดี ฮิๆ>>”
หญิงสาวหยุดชะงักก่อนหันกลับมาหาคนที่ยังอยู่ในรถ นัยน์ตาคู่สวยถลึงมองดุใส่อย่างขุ่นเคืองก่อนเดินจากไป
ป๊อปหันไปมองตามร่างบางที่เดินจากไปก่อนคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนลงไปเปิดประตูแถวสอง หยิบแม็คบุ๊คและเมาส์ปากกาพร้อมกับเอกสารลงจากรถ รีบพาตัวเองเข้าไปติดต่อ รปภ.หน้าป้อมยามก่อนเดินเข้าไปยังสถานที่นัดหมาย
ราวๆ 10 โมงเช้า
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้คู่กับโปรดิวเซอร์สาวรุ่นน้อง ประจันหน้ากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นลูกค้า ทั้งสองต่างนั่งเงียบสงบรอดูลูกค้าที่กำลังตรวจงานบนหน้าจอแม็คบุ๊คด้วยท่าทางที่ซีเรียสจริงจังจนบรรยากาศเริ่มมาคุ
“พี่ป๊อป ถ้าเขาให้แก้ก็ไม่ต้องเยอะมากนะพี่ เดี๋ยวคิวโรงพิมพ์หลุด จบเลยนะพี่ป๊อป” บิวหันมากระซิบข้างหูเบาๆ
“เอาว่ะ ถ้าให้แก้ก็ต้องแก้ อย่างที่บิวเห็นเมื่อคืนนี่แหละ” เสียงเข้มเอ่ยตอบกลับไป สีหน้าเริ่มออกอาการลุกลี้ลุกลน
“คุณธนเดชกับคุณณัฏฐินันท์คะ” เสียงทรงอำนาจจากลูกค้าดังขึ้น ดึงให้ทั้งสองหันกลับมามองเป็นตาเดียวกัน “เรื่องงานถือว่าเรียบร้อยเลยค่ะ ตัวงานออกมาดีมาก แต่ขอติหน่อยตรงที่ภาพบางภาพมันดูดีกว่าที่มันควรจะเป็นไปหน่อยค่ะ”
ป๊อปถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินคอมเมนต์ หันไปส่งสายตากับโปรดิวเซอร์สาวก่อนหันกลับมาถามลูกค้า “ จะให้แก้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลูกค้าตอบด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิม “งานนี้ให้ผ่านค่ะ เดี๋ยวคุณณัฏฐินันท์จัดการเรื่องโรงพิมพ์ได้เลยนะคะ”
ทั้งสองต่างดีใจเมื่อรู้ว่างานครั้งนี้ผ่านไปได้ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของโปรดิวเซอร์สาวต้องคอยประสานงานระหว่างโรงพิมพ์กับลูกค้าต่อให้ทันคิวในบ่ายวันนี้ ถือว่าหมดหน้าที่ของมือรีทัชอย่างป๊อปแล้ว หลังจากดีลงานเสร็จทั้งสองลุกขึ้นยกมือไหว้อำลาลูกค้าพร้อมกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“บิว ยังไงพี่ฝากด้วยนะ ส่วนงานใหม่ถ้าสะดวกก็ส่งมาได้เลยนะ” ป๊อปเอ่ยทิ้งท้ายกับเพื่อนรุ่นน้องที่ควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์คู่ใจ
“จ้าพี่ป๊อป วันนี้คงว่างอ่ะ ไม่มีลูกค้าใหม่ติดต่อมาเลย ยังไงเดี๋ยวหนูโทร.คอนเฟิร์มอีกทีนะพี่ป๊อป”
“โอเค. เจอกันครับ”
........................................................................
ราวๆ สี่โมงเย็น
ใบหม่อนเดินออกจากที่ทำงานใหม่หลังจากรายงานตัวเสร็จ เห็นรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันใหญ่ที่คุ้นตาจอดอยู่ที่เดิม นึกดีใจเล็กๆ ที่พี่ชายอยู่รอจนเลิกงาน หญิงสาวพยายามสอดส่ายสายตามองหาคนเป็นพี่ชาย แต่ยังไงก็ไม่เจอสักที
“พี่ป๊อปอยู่ไหนน้า…” เสียงใสเอ่ยพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในกระเป๋าสะพายส่งเสียงเรียกเข้า มือเล็กรีบคว้าออกมาดูหน้าจอ เห็นภาพชายตัวใหญ่ใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราโชว์ขึ้นพร้อมกับเบอร์โทร. นิ้วมือเล็กสไลด์รับสายอย่างรวดเร็ว
ใบหม่อน : [[<<ฮัลโหลพี่ป๊อป ตอนนี้พี่อยู่ไหน หนูเลิกงานแล้วนะ>>]]
ป๊อป : [[<<พี่อยู่หอจดหมายเหตุน่ะ ใบหม่อนรอพี่แป๊ปนะ กำลังออกไป>>]] พูดจบปลายสายตัดทันที
หญิงสาวมองหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือที่เพิ่งตัดสายไปด้วยความรู้สึกขัดใจ ดวงตากลมโตคู่สวยเหลือบมองบนพร้อมกับถอนหายใจแผ่วๆ ขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มก่อนออกปากต่อว่าพี่ชายใส่สมาร์ทโฟนในมือให้
“<<พี่ป๊อปนี่น้า จะรีบไปไหน คุยยังไม่ทันจบเลยตัดสายทิ้งใส่ซะงั้น คอยดูนะ มาเมื่อไหร่แม่จะจัดการให้…>>”
ร่างสูงใหญ่เดินหอบกระเป๋าแม็คบุ๊คเดินออกมา เห็นน้องสาวยืนรออยู่ ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเครายิ้มกรุ้มกริ่ม กะแกล้งให้ตกใจเล่นสักหน่อย คิดแล้วค่อยๆ เดินย่องเข้าด้านหลังอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่า… ใบหน้ากลมหันมาส่งค้อนวงใหญ่ให้
“<<พี่ป๊อปจะแกล้งหนูใช่ไหม>>” เสียงใสพูดอย่างเย็นเยียบ นัยน์ตากลมโตถลึงดุใส่
คนตัวใหญ่ถึงกับชะงักเมื่อโดนคนตัวเล็กว่าให้ ปากหยักระบายยิ้มแก้เขินพร้อมกดรีโมตปลดล็อกยานพาหนะคู่ใจพร้อมเปิดประตูฝั่งคนขับเตรียมสตาร์ตเครื่อง ฝ่ายหญิงสาวเดินแยกไปยังฝั่งคนนั่งทั้งๆ ที่ยังมีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำขลับยังจอดติดไฟแดงนิ่งสนิทท่ามกลางการจราจรติดขัดหนาแน่นตลอดถนนสามเสนในยามเย็น ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปได้สักที เครื่องยนต์ดีเซลยังคงครางฮือๆ เลี้ยงรอบเดินเบาต่อไปเรื่อยๆ
นิ้วมือหนาเคาะพวงมาลัยไปเรื่อยๆ รอเวลาการจราจรข้างหน้าเคลื่อนตัว มีเพลงเสียงเพลงป๊อปร็อกตามสมัยนิยมต่อบลูทูธจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจากค่ายแอปเปิ้ลเปิดขับกล่อมไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป แอบลอบมองน้องสาวที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูรุ่นเดียวกันกับเจ้าตัวในมืออย่างเพลิดเพลิน
“<<ใบหม่อน วันนี้เป็นไงบ้างล่ะ>>” ป๊อปถือโอกาสชวนน้องสาวคุย
“<<ก็ดีอ่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมา ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนในมืออยู่ “<<งานก็น่าสนใจดีนะพี่ป๊อป คล้ายๆ กับที่หนูเคยทำมาเลยตอนอยู่บ้านอ่ะ ยังไงก็ลองดูก่อน ถ้าหนูไม่โอเค. เดี๋ยวพ้นทดลองงานค่อยเขียนย้าย>>”
ป๊อปพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับฟัง นัยน์ตาคมยังคงมองทางข้างหน้าที่ยังคงหนาแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะเป็นจำนวนมาก ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเสียที
“<<ถ้าเราชอบก็ดีแล้วล่ะ เฮ้อ กว่าจะสอบได้นะ ไม่ง่ายเลย>>” เสียงเข้มเอ่ยทิ้งท้าย แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ประเด็นนี้ยอกย้อนกลับมา
“<<เหมือนกับพี่ใช่ไหมล่ะ คริๆ>>” ใบหม่อนแกล้งย้อนให้ “<<สู้หนูก็ไม่ได้ สอบครั้งเดียวผ่านจ้า พี่ป๊อปสอบกี่ครั้งนะ สามครั้งใช่ไหม ไม่ผ่านเลยทั้งสามครั้งนี่ แล้วเป็นไง หนูเป็นข้าราชการแล้ว พี่ป๊อปยังเป็นฟรีแลนซ์อยู่นี่นา คริๆ>>” พูดจบแล้วสาวเจ้าถึงกับหัวเราะชอบใจ ขณะที่คนถูกเผาถึงกับหน้าชาดิก
“<<พอแล้วๆ ใบหม่อน แค่นี้พี่ก็อายเราจะแย่แล้ว>>” ป๊อปรีบปรามคนเป็นน้องก่อนที่จะโดนเผาหนักกว่านี้ “<<เอาน่า อย่างน้อยพี่ก็เอาตัวรอดได้ละกันน่า>>”
“<<จ้าพี่ชายสุดที่รัก>>” ใบหม่อนทำเสียงล้อเลียนด้วยอาการหมั่นไส้ แต่ลึกๆ แอบอิจฉาและภูมิใจในตัวคนเป็นพี่ชายไม่น้อย
การจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้งหลังจากติดอยู่เป็นเวลานาน มือหนาเลื่อนคันเกียร์ลงพร้อมกับกดคันเร่งสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลทำหน้าที่พาตัวถังหนักเกือบสองตันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เมื่อพ้นแยกเกียกกายไปได้ จำนวนยวดยานพาหนะข้างหน้ายิ่งเบาบางลง ป๊อปตัดสินใจกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นจนแซงรถข้างๆ ไปได้หลายคัน เมื่อเจอรถขับช้าแช่เลนขวาข้างหน้า มือหนารีบหักพวงมาลัยออกซ้ายและแซงกลับและกดคันเร่งหนีไป มุดไปมุดมาเรื่อยๆ จนใบหม่อนเริ่มทนไม่ไหว
“<<พี่ป๊อป เอาอีกแล้วนะ หนูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าขี่รถปาดไปปาดมา มันอันตรายนะเข้าใจไหม>>”
ได้ผลเมื่อคนโดนต่อว่าถอนคันเร่งลดความเร็วลง ปากหยักของคนโดนต่อว่าแอบคลี่ยิ้มขึ้นมา นึกในใจ ‘เมื่อกี้พี่แกล้งนะ พี่รู้ว่าเรากลัว ขิๆ’
รถแวนเจ็ดที่นั่งค่อยๆ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วปกติตามกระแสการจราจรตรงหน้า ฝ่ายคนโดยสารอย่างใบหม่อนค่อยรู้สึกโล่งใจบ้างหลังจากที่ต้องมานั่งลุ้นกับการขับรถอันน่าหวาดเสียวของคนเป็นพี่ชาย จนแทบไม่มีสมาธิเล่นสมาร์ทโฟนเลยแม้แต่น้อย
“<<ใบหม่อน วันนี้กินข้าวข้างนอกกันไหม หรือจะแวะซื้อแล้วกลับไปกินที่ห้องดี>>” ป๊อปตัดสินใจถามคนเป็นน้องสาว เห็นว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว กลัวน้องสาวจะหิวเสียก่อนกว่าจะกลับไปถึง
ใบหม่อนละสายตาจากสมาร์ทโฟนในมือหันไปมองหน้าคนถาม คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก กลีบปากอวบอิ่มสวยค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน ตัดสินใจได้แล้วว่าจะกินที่ไหน
“<<แวะกินข้างนอกดีกว่าน้าพี่ป๊อป ตอนนี้หนูหิวจะแย่แล้วเนี่ย หนูอยากกินส้มตำอ่า>>”
เสียงใสดังแว่วกระทบหูของนายสารถีที่กำลังทำหน้าที่อยู่ เป็นอันตกลงกัน ศีรษะทุยพยักหน้ารับพร้อมกับคลี่ยิ้มน้อยๆ มือหนาใหญ่สาวพวงมาลัยเลี้ยวไปยังถนนละแวกใกล้กับคอนโดฯ ที่พัก แต่ขับเลยออกไปอีกสามซอย มุ่งสู่ร้านส้มตำที่เขากับแฟนสาวเคยไปนั่งกินด้วยกัน
รถแวนเจ็ดที่นั่งจอดเทียบริมฟุตบาท ติดเครื่องอยู่สักพักหนึ่งก่อนบิดกุญแจดับเครื่อง ร่างสูงระหงของหญิงสาวลงจากรถออกมายืนรอพี่ชายที่กำลังเดินลงจากฝั่งคนขับ
“<<เข้าร้านเถอะพี่ป๊อป หนูหิวแล้วน้า>>” ใบหม่อนว่าพร้อมลากท่อนแขนของพี่ชายเดินเข้าร้านไป
“<<ใจเย็นๆ ใบหม่อนหน้ากลม พี่จะล้มแล้วเนี่ย>>” ป๊อปรีบปรามเมื่อตัวเขาแทบจะลอยหวือไปตามแรงดึงของคนเป็นน้องสาว แต่แล้วก็… “โอ๊ย…”
อาการปวดหนึบแล่นไปทั่วแขนเมื่อถูกมือเล็กหนีบเข้าให้ “<<นี่แน่ ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป หนูไม่ชอบนะเข้าใจไหม>>” เสียงใสว่าให้ไปหนึ่งที หลายครั้งแล้วที่ถูกพี่ชายล้อแบบนี้ ต้องลงโทษกันสักหน่อย
สองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ ประตูทางเข้าภายในร้าน มือเล็กของหญิงสาวรีบคว้าเมนูขึ้นมาอ่าน สอดส่ายสายตาหาของที่อยากกินด้วยอาการหิวจนแทบแย่ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง คนตัวใหญ่ยังคงนั่งอ่านเมนูไปอย่างใจเย็น แอบลอบมองมาเป็นระยะๆ รอดูว่าสาวเจ้าจะสั่งอะไร
“ส้มตำไหลบัวกุ้งสดหนึ่งจานค่ะ ขอรสจัดหน่อยนะคะ”
ป๊อปแทบจะหลุดขำเมื่อได้ยินน้องสาวสั่งอาหาร “เอาอีกแล้วน้องกู ส้มตำไหลบัวกุ้งสด ฮื้อ กินจนหน้าจะเป็นไหลบัวแล้วมั้งเนี่ย” เขาโพล่งออกมาเบาๆ กะไม่ให้ได้ยิน แต่ทว่า
“<<อะไรๆ พี่ป๊อป หนูได้ยินนะ>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นมา ดวงตากลมโตคู่สวยส่งค้อนวงใหญ่ให้
ป๊อปหลบสายตาพิฆาตของน้องสาวด้วยการยกเมนูขึ้นมาปิดหน้า ก่อนถือโอกาสสั่งเองบ้าง “คอหมูย่างหนึ่งจานครับ และน้ำตกหมูหนึ่งจาน ส้มตำไทยไข่เค็มรสจัดๆ ข้าวเหนียวสองห่อครับ น้ำเอาน้ำแข็งเปล่าสองแก้ว โค้กขวดนึง น้ำเปล่าสองขวดครับ”
พนักงานเสิร์ฟจดตามออเดอร์ที่สั่งก่อนทวนออเดอร์ให้ฟังอีกรอบก่อนเดินจากไป ระหว่างรออาหารมื้อเย็น ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าก้มตาเล่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูรุ่นเดียวกันฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งการสื่อสารใดๆ ทั้งสิ้น เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ อาหารที่สั่งเริ่มทะยอยมาส่ง โดยเฉพาะส้มตำไหลบัวกุ้งสดมาถึงก่อนเป็นจานแรก
“<<ใบหม่อน ของโปรดมาแล้ว กินก่อนๆ ไหนบ่นกับพี่ว่าหิวไง มือถือค่อยเล่นเมื่อไหร่ก็ได้นะ ขิๆ>>” ป๊อปเอ่ยปากกับคนตรงหน้า แอบกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ หลังจากแอบแซะไปอีกหนึ่งที
ดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่ก่อนลงมือละเลียดส้มตำไหลบัวกุ้งสดจานโปรด แต่ยัง ยังหันไปมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างจานเป็นระยะ ขณะที่คอหมูย่างและน้ำตกหมูทะยอยตามมาเสิร์ฟ ตบท้ายด้วยส้มตำไทยไข่เค็ม ป๊อปเริ่มลงมือกินบ้างหลังจากรออยู่นาน ไม่ลืมที่จะตักแบ่งให้น้องสาวด้วยก่อนลงมือละเลียดน้ำตกหมูของโปรดของตัวเองต่อ จนเวลาผ่านไปได้สักพัก
“<<ไม่อิ่มเอาอีกจานไหมใบหม่อน เดี๋ยวพี่สั่งให้>>” ป๊อปเอ่ยถามน้องสาวเมื่อเห็นว่าส้มตำไหลบัวกุ้งสดพร่องลงจนเกือบหมด ขณะที่จานอื่นๆ ยังไม่พร่องขนาดนี้
“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนตอบปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ชายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มลงมือทานมื้อเย็นครั้งนี้ “<<แค่นี้หนูก็อิ่มแล้วพี่ป๊อป กินเยอะกว่านี้หนูก็อ้วนตายเลย>>”
ป๊อปแทบจะหลุดขำเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากปากของคนตรงหน้า ไม่คิดว่าจะกังวลเรื่องรูปร่างของตัวเองได้ขนาดนี้
“<<โอเค.ๆ ถ้าอิ่มแล้วพี่จะได้เรียกเก็บตังค์>>” พูดจบมือหนาคว้ากระเป๋าตังค์หนังสีดำขึ้นมา แต่ไม่ลืมที่จะแอบแซะคนเป็นน้องสาวด้วย “<<เดี๋ยวพี่เลี้ยงค่าโทรศัพท์เราด้วย เอาไหมล่ะ ขิๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถึงกับควันออกหูเมื่อได้ยิน ดวงตากลมโตถลึงใส่อย่างขุ่นเคือง “<<พี่ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะ พี่เองก็ติดมือถือเหมือนกับหนูนี่แหละ ชิ>>” เสียงใสแหวใส่คนเป็นพี่ คราวนี้เริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“<<พี่แซวเล่นน่าใบหม่อน โอ๋ๆ ดีกันนะคะ>>” ป๊อปเดินหน้าง้อน้องสาวแต่ไม่วายทำท่าทางขี้เล่นอีก
“<<ก็ได้ๆ พี่ป๊อปนี่ปากเสียจริงๆ เลย ชิ>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก ยังไงก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ว่าจริงๆ พี่ชายคนนี้ไม่ได้มีอะไรในใจอยู่แล้ว
“<<ครับ ถ้าดีกันแล้ว ใบหม่อนขับรถให้พี่หน่อยได้ไหมล่ะ พี่เมื่อยแล้วนะเนี่ย>>” ป๊อปว่าพร้อมยื่นรีโมตให้กับคนเป็นน้องสาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ
“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป รถพี่ใหญ่ พวงมาลัยก็หนัก เบรกก็ลึก หนูไม่ขี่หรอก>>” เสียงใสตอบปฏิเสธพร้อมผลักมือหนากลับไป
อาหารมื้อเย็นวันนี้จบลงด้วยการทะเลาะกันเล็กๆ ของสองพี่น้อง ร่างสูงระหงเดินแยกมาที่ประตูฝั่งคนนั่ง ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายทำหน้าที่เป็นสารถีเหมือนเดิม มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตรถขับพาน้องสาวกลับยังคอนโดฯ ที่พักหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
....................................................................................
วันรุ่งขึ้น
“<<ใบหม่อน วันนี้ขับรถไปเองใช่ไหม>>” ป๊อปหันไปเอ่ยถามคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน มือหนายังถือแก้วกาแฟอยู่
“<<จ้าพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมาอย่างร่าเริง ร่างสูงระหงในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางขาวดำกับกระโปรงทรงเอสีดำเดินเข้ามาใกล้คนตัวใหญ่ที่นั่งจิบกาแฟที่โต๊ะทำงานอยู่ ค่อยๆ ยื่นใบหน้าสวยหวานมาใกล้ๆ ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายให้เห็นความมุ่งมั่นในใจ “<<พี่ป๊อปไม่ต้องห่วงน้า หนูจำทางได้แล้ว ยังไงหนูเปิดกูเกิลแม็ปต่อกับจอกลางรถหนูได้อยู่แล้วล่ะ>>” พูดจบมือเล็กชูรีโมตรถขึ้นมา ทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวาน
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มบางๆ มือหนาวางแก้วกาแฟลงเอื้อมมาลูบเรือนผมยาวสลวยที่ถูกรวบตึงเบาๆ อย่างเอ็นดู ลึกๆ อดเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้
“<<หนูไปก่อนนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนบอกลาพร้อมกับโบกมือ คลี่ยิ้มหวานส่งให้อีกหนึ่งที
“<<ขับรถดีๆ>>” ป๊อปโบกมือตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ แอบลอบมองร่างระหงของน้องสาวที่กำลังเดินจากไปจนออกจากห้องไปในที่สุด ก่อนหันกลับมาโฟกัสกับหน้าจอไอแม็คที่มีงานคาอยู่ตรงหน้า มือหนายกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบาๆ พยายามขับไล่ความรู้สึกเป็นห่วงออกไปจากห้วงความคิด นึกถึงภาพรอยยิ้มหวานแฝงความมั่นใจของคนที่เพิ่งจากไปยิ่งทำให้เขารู้สึกเบาใจลงไม่น้อย
‘พี่เชื่อใจเรานะใบหม่อน เราเก่งอยู่แล้ว’
ร่างสูงระหงเดินออกจากลิฟต์ไปยังรถเก๋งสีดำแบรนด์เจ้าตลาดติดฟิล์มมืดรอบคันที่จอดเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำที่ติดฟิล์มมืดรอบคันเหมือนกัน มือเล็กกดไปที่มือจับสั่งให้ยานพาหนะคู่ใจปลดล็อกพาตัวเองเข้าไปนั่งยังเบาะคนขับ นิ้วมือเล็กกดปุ่มสตาร์ตเครื่อง เสียบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูยังขาตั้งเหนือคอนโซลกลาง เชื่อมต่อแอพกูเกิลแม็ปไปยังหน้าจอกลาง มือเล็กเอื้อมไปเข้าเกียร์ เท้าขวากดคันเร่งพร้อมกับสาวพวงมาลัยพายานพาหนะคู่ใจออกสู่ถนนใหญ่ตรงหน้า
‘วันนี้หนูไม่หลงแน่พี่ป๊อป หนูดูกูเกิลแม็ปเอาน้า’ หญิงสาวนึกในใจขึ้นมา
แต่พ้นแยกเกียกกายไปไม่นานนัก รถเก๋งคันเล็กของสาวเจ้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อต้องเผชิญกับมหกรรมรถติดมโหฬารในยามเช้าวันศุกร์ มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยยวดยานพาหนะที่จอดนิ่งสนิทเป็นแถวๆ ทำเอาสาวเจ้าเริ่มรู้สึกหงุดหิด
“อื๊ย…รถติดแบบนี้จะไปทำงานสายไหมอ่า วันทำงานวันแรกด้วยน้า” ใบหม่อนบ่นพึมพำ มือเล็กกำพวงมาลัยไว้แน่น ใบหน้าสวยหวานเริ่มงอง้ำ ยิ่งเจอการจราจรข้างหน้าที่ติดขัดจนแทบขยับไม่ได้ ประจวบเหมาะกับท้องเจ้ากรรมดันมาร้องเอาตอนนี้
‘อดทนหน่อยสิใบหม่อน เดี๋ยวก็ถึงที่ทำงานแล้ว’
ใบหม่อนได้แต่อดทนรอ ไม่กี่ชั่วอึดใจ สัญญาณไฟเขียวจากแยกสุโขทัยปล่อยยาว สาวเจ้ารีบกดคันเร่งพารถยนต์คู่ใจทำความเร็วมุ่งหน้าไปตามเส้นทางจนถึงที่ทำงานในที่สุด ทันเวลาพอดี
............................................................................
ป๊อปใช้เวลาครึ่งวันตอนเช้าหมดไปกับการทำงานที่รับบรีฟใหม่สเกลงานสามวันกับอีกสามภาพตั้งแต่เมื่อคืนที่ทำค้างไว้ มือซ้ายยังคงจับเมาส์ปากการูดไปบนแป้นอย่างคล่องแคล่ว ค่อยๆ รีทัชภาพตรงหน้าไปอย่างใจเย็น จานข้าวไข่เจียวที่เขาลงมือทำเองยังคงวางไว้ด้านขวามือ ยังไม่ได้ลงมือทานจนกว่าจะทำภาพตรงหน้าเสร็จ จวบจนเวลาผ่านไปได้สักพัก
“เฮ้อ เสร็จสักที” เขาถอนหายใจเบาๆ หลังจากรีทัชภาพนี้เสร็จ มือหนาเอื้อมไปคว้าจานข้าวไข่เจียวขึ้นมากินหลังจากทนหิวอยู่นาน
เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหยิบจานข้าวในมือไปยังอ่างซิงค์ นัยน์ตาคมเข้มเหลือบมองจานกองโตที่ยังไม่ได้ล้าง เลยถือโอกาสนี้ล้างจานฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างพักสายตา
‘ถ้าไม่ได้ล้างนี่ใบหม่อนบ่นกูตายแน่เลย’ เขานึกในใจระหว่างลงมือล้างจานตรงหน้า รู้อยู่ว่าน้องสาวของเขาค่อนข้างเจ้าระเบียบไม่น้อย ย้อนนึกถึงตอนยังเด็กที่ยังอยู่ด้วยกัน ถ้าเขาปล่อยให้ห้องสกปรกเลอะเทอะเมื่อไหร่ สาวเจ้าจะรีบเก็บกวาดและต่อว่าจนเขาหูชาไปแล้วหลายครั้ง กระทั่งล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ จานทุกใบถูกจัดเรียงบนชั้นอย่างเบามือจนครบทุกใบ ไม่ลืมที่จะเช็ดทำความสะอาดรอบอ่างซิงค์จนแห้งสนิท นัยน์ตาคมเข้มมองไปรอบๆ ห้องก่อนเดินไปหยิบไม้กวาดมาลงมือไล่กวาดไปรอบๆ ไปเรื่อยๆ ทุกซอกทุกมุมตั้งแต่ห้องโถงกลาง รวมถึงห้องนอนของตัวเองและน้องสาว กินเวลาไปราวๆ ชั่วโมงกว่าจนเสร็จ เหงื่อกาฬเม็ดโตไหลท่วมร่างสูงใหญ่จนเปียกชุ่ม พร้อมกับอาการเหน็ดเหนื่อยค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ชายหนุ่มตัดสินใจฝืนตัวเองด้วยการพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำเสียก่อน...
เขารู้สึกสดชื่นไม่น้อยหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เหลือบมองนาฬิกายังไม่ถึงสิบเอ็ดโมงดี ตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งประจำที่โต๊ะทำงาน หยิบแว่นกรองแสงขึ้นมาสวม มือซ้ายหยิบเมาส์ปากกาขึ้นมาทำงานต่อ เหลืออีกเพียงสองรูปเท่านั้น
ตกบ่าย
ป๊อปตัดสินใจหยุดพักก่อนหลังจากทานมาม่ามื้อกลางวันและล้างชามจนเสร็จ มองไปที่โต๊ะทำงานอย่างประเมิน เหลืออีกเพียงรูปเดียวก็เสร็จงานแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกอยากพักสายตาก่อน ประจวบเหมาะกับผมของเขาเริ่มยาวจนแทบจะรกรุงรังเหมือนกับรังนกแล้วหลังจากไม่ได้ตัดมาหลายเดือน สุดท้าย เขาเลือกที่จะพาตัวเองไปที่ร้านตัดผมละแวกใกล้คอนโดฯ ที่เคยไปตัดเป็นประจำ ไหนๆ แล้วก็ตัดผมสักหน่อยเผื่อจะได้โล่งๆ หัวบ้าง
เวลาผ่านไปราวๆ ชั่วโมงเศษ
นัยน์ตาสองชั้นหลบมองไปยังกระจกเงาตรงหน้าอย่างประเมินเมื่อเห็นทรงผมใหม่ที่ถูกตัดสั้นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม รู้สึกดีใจเล็กๆ เมื่อเห็นตัวเองในลุคส์ใหม่ที่ดูดีขึ้น ยิ่งช่างตัดผมลงมือละเลงเยลจัดแต่งทรงผมใหม่ของเขาจนออกมาดูดีในสไตล์เมโทร ยิ่งทำให้เขารู้สึกพอใจมากขึ้น
“เรียบร้อยแล้วครับ” สิ้นเสียงช่างตัดผม ผ้าคลุมกันผมถูกเปลื้องออก ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง หยิบแบงก์ร้อยสองใบส่งให้ ก่อนพาตัวเองเดินออกจากร้านเพื่อกลับไปยังคอนโดฯ ที่พัก แต่ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูเปิดโหมดกล้องเก็บภาพบรรยากาศตลอดสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีมาถึงป้อมยามด้านหน้าแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้อง ร่างสูงใหญ่เดินตรงรี่เข้าไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง ลงมือรีทัชภาพสุดท้ายกะให้เสร็จภายในวันนี้ หลังจากนี้เขาตั้งใจจะไม่รับงานเพราะอยากให้เวลากับน้องสาวอย่างเต็มที่
ราวๆ สี่โมงเย็น
ใบหม่อนเดินคอตกมาที่รถเก๋งคู่ใจ หลังจากช่วงบ่ายเจ้าตัวถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิเรื่องการแต่งตัวและเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยที่ไม่เป็นเรื่อง จนเจ้าตัวรู้สึกเสียใจจนแทบจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงแม้จะได้กำลังใจจากเพื่อนข้าราชการใหม่ด้วยกันก็ตาม แต่ความรู้สึกนี้ยังคงคาอยู่ในใจของเจ้าตัวอยู่
รถเก๋งสีดำคันงามเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่อีกครั้งท่ามกลางการจราจรติดขัดตอนเย็นวันศุกร์ หญิงสาวขับรถไปทั้งๆ ที่ยังมีความรู้สึกค้างคาอยู่ในใจ เสียงเพลงป๊อปตามสมัยนิยมถูกเปิดจากเครื่องเสียงจอกลางคอนโซล หวังให้เสียงเพลงช่วยขับกล่อมให้ลืมความรู้สึกนี้ไปได้ ทว่าตอนนี้มีแต่เพลงเศร้าๆ จนนิ้วโป้งเล็กต้องรีบกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นวิทยุบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย ไล่หาคลื่นอื่นไปเรื่อยๆ แต่เหมือนกับว่าวันนี้คลื่นวิทยุทุกคลื่นพร้อมใจกันเปิดเพลงเศร้าราวกับนัดหมายกันมา ที่สุดแล้วต้องเปลี่ยนโหมดมาฟังเพลงที่ต่อบลูทูธจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูแทน
หญิงสาวขับรถตามกระแสการจราจรข้างหน้าไปเรื่อยๆ จนพ้นแยกเกียกกาย การจราจรข้างหน้าเริ่มเบาบาง นิ้วมือเล็กกดปุ่มแพดเดิลชิฟต์หลังพวงมาลัยพร้อมกับเร่งเครื่องพายานพาหนะคู่ใจแล่นไปตามทางจนมาถึงในอีกราวๆ ยี่สิบนาทีต่อมา
“<<ใบหม่อนกลับมาแล้วเหรอ>>” ป๊อปเอ่ยทักขึ้นมา หลังจากได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น
ใบหม่อนไม่พูดอะไร เพียงแต่ปรายตามองคนแป็นพี่ชายผ่านๆ ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของตัวเอง ร่างสูงระหงก้มตัวลงถอดรองเท้าก่อนรีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
ป๊อปรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่เห็นใบหน้าสวยหวานบูดบึ้งงอง้ำและท่าทางเงียบผิดปกติของคนที่เพิ่งกลับมา รู้ได้เลยว่าต้องไปเจอเรื่องอะไรบางอย่างมา ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ รีบพาตัวเองไปยังห้องนอนของน้องสาวที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน มือหนาลงมือเคาะไปบนประตูเบาๆ พอให้ได้ยิน
“<<ใบหม่อน พี่เข้าไปได้ไหม>>”
ข้างในห้องนั้น หญิงสาวเจ้าของห้องฟุบตัวลงนอนร้องไห้บนเตียง ปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆ ให้ออกมาหลังจากอัดอั้นมานาน ได้ยินเสียงคนเป็นพี่ชายร้องเรียก แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่มีอารมณ์ที่จะต้อนรับใครทั้งนั้น ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายเคาะห้องเรียกอยู่อย่างนั้น
ป๊อปตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก และภาพที่เห็นตรงหน้ายิ่งทำให้เขาร้อนรนยิ่งกว่าเดิม รีบพาตัวเองไปยังเตียงนอนใหญ่ตรงหน้า เห็นร่างสูงระหงในชุดทำงานนอนสั่นเทาตามแรงสะอึกสะอื้นอยู่
“<<เป็นอะไรเหรอใบหม่อน>>” ป๊อปเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนนิ่มนวล ตรงกันข้ามกับรู้สึกข้างในที่ตอนนี้กำลังใจคอไม่ดีเป็นอย่างมากด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาหันมาหาคนที่ถาม ใบหน้าสวยหวานของเจ้าตัวแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตากลมโตคู่สวยยิ่งแดงก่ำบวมช้ำหนักเพราะน้ำตากำลังไหลออกมาไม่หยุด
“<<พี่ป๊อป ฮึก>>” เสียงใสสั่นเครือเรียกชื่อคนเป็นพี่ชายอย่างยากลำบาก ท่อนแขนเรียวบางทั้งสองข้างตวัดเข้ากอดร่างใหญ่
ด้วยสัญชาตญาณ ป๊อปรีบกอดตอบน้องสาวแบบไม่ลังเลก่อนค่อยๆ ดันร่างสูงระหงออกห่างพอเว้นระยะให้หายใจ นิ้วมือหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลอาบพวงแก้มนุ่มของหญิงสาวอย่างเบามือ
“<<พี่ป๊อป ฮึก วันนี้น้องโดน ผอ.ตำหนิอ่า ฮือๆ>>” ใบหม่อนเว้นหายใจเล็กน้อย เสียงใสยังสั่นเครือไม่หยุด “<<เขาหาว่าน้องใส่กระโปรงสั้นอ่าพี่ป๊อป ฮึก แถมยังแขวะเรื่องรถน้องอีก ไม่ให้น้องเสียใจได้ไงล่ะพี่ป๊อป ฮือๆ>>” พูดจบสาวเจ้าปล่อยโฮออกมาอีกรอบจนใบหน้าของเจ้าตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับตำลึงสุกแม้ผิวคล้ำก็ตาม หญิงสาวร้องไห้ไปเล่าเหตุการณ์ให้คนเป็นพี่ชายฟังไป แต่ยิ่งเล่าอารมณ์ยิ่งปะทุจนสาวเจ้าปล่อยโฮออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“<<โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะคะ พี่อยู่ตรงนี้แล้วๆ>>” ป๊อปเอ่ยเสียงแผ่วเบา นิ้วโป้งหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาที่ยังไหลคลอใบหน้าสวยหวานไม่หยุด มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่กำลังสั่นไหวระริกที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตาจนเห็นเส้นเลือดฝอยแดงก่ำรอบๆ ด้วยสายตาอันอ่อนโยน ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างระหงเข้ามากอดอีกครั้ง มือหนาลูบแผ่นหลังของน้องสาวอย่างเบามือนุ่มนวลที่สุด ไม่ลืมที่จะพูดปลอบใจไปด้วย
“<<ไม่มีอะไรแล้วนะใบหม่อน พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องร้องนะคะ ไม่มีอะไรแล้ว>>”
“<<ฮือๆ พี่ป๊อป น้องเจอแบบนี้แล้วน้องไม่อยากอยู่แล้วอ่าพี่ป๊อป ฮึก ถ้าย้ายตอนนี้ได้น้องย้ายเลยนะ ฮึก>>” เสียงใสปนสะอื้นตอบกลับมาทั้งๆ ที่ยังซบกับอกของคนที่เป็นพี่ชายอยู่
“<<ใจเย็นๆ นะคะใบหม่อน ไม่มีอะไรแล้ว ค่อยๆ คิดนะคะ กว่าเราจะสอบบรรจุมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ พี่จำได้ว่าน้องสาวพี่เป็นคนจิตใจแข็งแกร่งมากนะ เรื่องแค่นี้ทำอะไรน้องสาวพี่ไม่ได้หรอกค่ะ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะน้องสาวของพี่>>”
“<<ฮือๆๆๆๆๆ>>”
ได้ผลเมื่อท่าทีของใบหม่อนเริ่มสงบลง เสียงร้องไห้ค่อยๆ เงียบลง เงียบลง ใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ค่อยๆ ผละออกจากอกแกร่งออกมาอยู่ในระยะที่จะมองหน้าของคนเป็นพี่ชายได้ถนัด น้ำตาค่อยๆ หยุดไหลจนนิ่งสนิท ใบหน้าสวยหวานของเจ้าตัวในตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาหลังจากปล่อยโฮออกมาครั้งใหญ่
กระดาษชำระในมือของชายหนุ่มค่อยๆ เช็ดคราบน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มๆ และรอบๆ ดวงตาคู่สวยของคนเป็นน้องสาวอย่างนุ่มนวลที่สุด ปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มผุดยิ้มส่งกำลังใจไปให้คนตรงหน้า เมื่อเช็ดคราบน้ำตาเสร็จ ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างระหงเข้ามาโอบกอดอีกรอบ
“<<ใบหม่อนคะ ไม่มีอะไรแล้วนะคะตอนนี้ พี่อยู่กับเราตรงนี้แล้ว พี่ไม่ไปไหนแล้วนะคะ>>” ป๊อปเว้นเล็กน้อยพอให้หายใจ “<<พี่เข้าใจเราทุกอย่าง ยังไงก็ใจเย็นๆ นะคะ>>”
ไออุ่นจากร่างใหญ่ส่งผ่านไปยังความรู้สึกของหญิงสาวจนแทบจะลืมเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายไปเสียสิ้น ยิ่งได้รับคำปลอบใจที่คุ้นหูจากปากของคนเป็นพี่ชาย ถึงแม้จะเป็นคำที่ซ้ำกับที่เคยได้ยินเมื่อครั้งยังเด็ก ยิ่งเป็นกำลังใจให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นไปอีก
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป>>” มือเล็กยกมือไหว้ขอบคุณคนเป็นพี่ชาย “<<น้องโอเค.แล้วค่า>>”
ป๊อปรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากปากของน้องสาว แต่ตอนนี้ศีรษะสวยได้รูปของคนที่เพิ่งกล่าวขอบคุณทิ้งตัวลงหนุนหน้าตักของเจ้าตัว ซึมซับไออุ่นจากคนเป็นพี่ให้มากที่สุดเพื่อเป็นกำลังใจในวันต่อไป
“<<ใบหม่อนดีขึ้นพี่ก็ดีใจแล้ว>>” ป๊อปว่าด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้นุ่มนวลลง มือหนาค่อยๆ ลูบไปบนเรือนร่างระหงที่ทิ้งตัวลงนอนเรื่อยๆ อย่างเบามือ
“<<พี่ป๊อปรู้ไหม น้องต้องทนทำที่นี่อีกหกเดือนเลยอ่ะ คอยดูนะพี่ป๊อป ประเมินผ่านเมื่อไหร่น้องจะรีบย้ายเลย>>”
เสียงใสเอ่ยด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“<<เอาน่า ทนหน่อยนะคะ ไม่มีอะไรที่น้องสาวของพี่ทำไม่ได้อยู่แล้ว>>”
มือหนาเขย่าหางม้าบนเรือนผมสลวยเชิงหยอกล้อพร้อมกับพูดให้กำลังใจ ค่อยๆ ก้มลงประคองร่างสูงระหงที่นอนหนุนตักของเจ้าตัวให้ลุกขึ้น นัยน์ตาเข้มสองชั้นหลบส่งสายตาอันอ่อนโยนไปยังใบหน้ากลมของคนตรงหน้า
“<<ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ เดี๋ยวกินข้าวกันนะ>>”
“<<จ้าพี่ชาย>>” เสียงใสตอบกลับมา ใบหน้าสวยหวานเริ่มคลี่ยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน “<<งั้นน้องอาบน้ำก่อนนะ พี่ป๊อปไปรอข้างนอกก่อนเดี๋ยวน้องตามไปค่า>>”
...................................................................................
ข้าวผัดหมูกรอบทั้งสองกล่องถูกเทใส่จานและนำมาวางที่โต๊ะกินข้าวโดยคนเป็นเจ้าของห้อง รอเพียงคนเป็นน้องสาวออกมานั่งทานด้วยเท่านั้น ไม่นานนัก ร่างสูงระหงที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของหญิงสาวก็เดินมาถึง พร้อมรับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกับคนเป็นพี่ชายแล้ว
ป๊อปแอบสังเกตสีหน้าของน้องสาว ยังเห็นร่องรอยของความรู้สึกแย่ๆ อยู่ รู้สึกเป็นห่วงจนอดที่จะถามไม่ได้
“<<ใบหม่อนโอเค.ไหม>>”
“<<หนูโอเค.แล้วล่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมาทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ดวงตากลมโตคู่สวยเงยขึ้นมาสบตากับคนเป็นพี่ชาย “<<ช่างมันเหอะพี่ หนูไม่คิดอะไรหรอก หนูไม่ใช่คนคิดมากเหมือนพี่นี่>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของน้องสาว อดไม่ได้ที่จะแกล้งแซวกลับไป “<<นี่ขนาดไม่คิดมากเนี่ย ร้องไห้ทียังกับท่อประปาแตกเลย ฮิๆ ยังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะใบหม่อน>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก รอยยิ้มที่สดใสหุบลงแทนทีด้วยสีหน้ามู่ทู่เมื่อโดนล้อ “<<ชอบล้อหนูจังเลยนะ กลับบ้านเมื่อไหร่หนูฟ้องแม่คุณแน่ ชิ>>”
ป๊อปถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แอบดีใจเล็กๆ ที่น้องสาวคนเดิมของเขากลับมาแล้วหลังจากอยู่ในโหมดดราม่าอยู่พักใหญ่ “<<เห็นเราดีขึ้นพี่ก็ดีใจแล้ว ว่าแต่ทำงานวันแรกเป็นไงบ้างล่ะ โอเค.กับมันไหมถ้าไม่เจอเรื่องน่ะ>>”
ดวงตาคู่สวยกลอกขึ้นมองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง “<<ก็โอนะพี่ป๊อป งานก็เหมือนกับที่หนูเคยทำมาแหละ แต่รับผิดชอบเยอะกว่าเดิมมาก แต่ตอนนี้หนูต้องเดินเอกสารวุ่นเลยอ่ะพี่ ทั้งทำแบบประเมินข้าราชการใหม่ ไหนจะเรียนอีเลิร์นนิ่งอีก ไหนเรื่องสิทธิรักษาพยาบาลอีก ดีนะพี่ๆ เขาช่วยหนูด้วยอ่ะ>>”
ใบหม่อนจาระไนให้คนเป็นพี่ชายฟังอย่างละเอียด เห็นคนตรงหน้าพยักหน้าเบาๆ ส่งเสียงครางในลำคอแผ่วๆ บ่งบอกว่ากำลังรับฟังอยู่
“<<ว่าแต่ ใบหม่อนมีโน้ตบุ๊คไหมล่ะ เห็นบอกว่ามีเรียนอีเลิร์นนิ่งด้วย>>” ป๊อปเอ่ยถามคนเป็นน้องสาว
“<<หึ>> ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเอาป๊อปถึงกับตกตะลึงจนไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว “<<เฮ้ย ไม่มีโน้ตบุ๊คใช้เหรอ นี่เราเรียนจบจนทำงานมาจะสามปีแล้วนะ ไม่คิดจะซื้อมาใช้บ้างเลยเหรอ?>>” เสียงเข้มเอ่ยถามกลับไป
“<<ก็หนูไม่มีความจำเป็นต้องใช้อ่ะพี่ป๊อป คอมพ์ที่ทำงานก็มีให้พร้อม ตอนเรียนหนูก็ใช้คอมพ์ที่บ้านบ้าง คอมพ์ที่มหา’ลัยบ้าง ซื้อมาหนูก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี>>” ใบหม่อนให้เหตุผลกับคนเป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตากลมโตเหลือบมองต่ำหลบสายตาคนเป็นพี่ชาย
ป๊อปถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่เมื่อได้รับฟังเหตุผลของน้องสาว อดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่มาจนขนาดนี้แล้วยังไม่มีโน้ตบุ๊คใช้ แต่แล้วเขาก็จำความได้ว่าตั้งแต่เด็กๆ น้องสาวคนนี้ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องโน้ตบุ๊คมาตั้งแต่แรก ผิดกับตัวเขาที่ขอให้พ่อซื้อให้ใช้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย...
“<<อ้าวแล้วถ้าเราจะเรียนอีเลิร์นนิ่งจะทำยังไงล่ะคะเนี่ย>>” ป๊อปเริ่มถามด้วยท่าทางจริงจังมากขึ้น
“<<หนูก็เรียนในมือถือไงล่ะพี่ป๊อป ถามแปลกๆ>>” เสียงใสเอ่ยตอบแบบกำปั้นทุบดิน “<<ไม่งั้นหนูก็ทำในไอแม็คพี่ป๊อปไง นะๆๆ ให้หนูยืมใช้หน่อยจิ>>”
ดวงตากลมโตคู่สวยเงยขึ้นส่งสายตาอ้อน ทำเอาป๊อปแทบจะใจอ่อนทันทีเมื่อเห็นแววตาของคนตรงหน้า จนต้องกลบเกลื่อนด้วยการก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวผัดในจานตรงหน้า พลันยกแก้วน้ำขึ้นซดโฮกใหญ่ เห็นสายตาแบบนี้ทีไรก็ต้องยอมแพ้ทุกที
“<<อ้าว ถ้าเราทำอีเลิร์นนิ่งแล้วพี่จะใช้อะไรทำงานล่ะคะ>>” เขาแกล้งย้อนถามหยั่งเชิง แต่ใจลึกๆ แอบคิดไว้แล้วว่าจะทำยังไง “<<งานพี่อยู่ในไอแม็คหมดเลย ขืนโปรดิวเซอร์ทวงงานแล้วพี่ไม่มีงานส่ง พี่ตายเลยนะใบหม่อน>>”
“<<งั้นก็ยืมแม็คบุ๊คพี่ไง นะๆๆ พี่ป๊อป>>” ใบหม่อนยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นการลองใจจากคนเป็นพี่
“<<เอางี้! ใบหม่อนจะว่าไงล่ะถ้าพี่จะซื้อแม็คบุ๊คให้เครื่องนึง เอาไหม?>>” สุดท้ายป๊อปก็ต้องถามคนเป็นน้องสาวจนได้
“<<จริงเหรอพี่ป๊อป?>>” ใบหม่อนถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินคำๆ นี้จากปากคนเป็นพี่ชาย ดวงตากลมโตคู่สวยลุกวาวเปล่งประกายบ่งบอกอาการดีใจ ‘ของฟรีแบบนี้ไม่เอาได้ไงล่ะพี่ป๊อป คริๆ’ หญิงสาวแอบต่อให้ในใจ
ป๊อปอดขำไม่ได้เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่น้องสาวแสดงออกมาให้เห็น “<<โอเค. พรุ่งนี้พี่เอางานไปส่งลูกค้า เดี๋ยวแวะซื้อให้เลย ดีไหมคะ>>”
ร่างสูงระหงลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปสวมกอดคนตัวใหญ่จนแน่น ตอนนี้ความรู้สึกแย่ๆ ที่เจอมาเมื่อบ่ายได้หายไปหมดแล้วเมื่อได้รับคำปลอบใจจากคนเป็นพี่ชาย และยิ่งดีใจขึ้นไปอีกเมื่อพี่ชายจะซื้อโน้ตบุ๊คให้ ทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
“แค่กๆ <<ใบหม่อน เดี๋ยวๆ พี่สำลักแล้วเนี่ย แรงเยอะเหมือนกันนะเรา>>”
หญิงสาวค่อยๆ คลายกอดจากร่างสูงใหญ่ของคนเป็นพี่ ก่อนเดินถอยห่างเล็กน้อยพอให้มีระยะหายใจ ใบหน้าสวยหวานยังคงฉีกยิ้มไม่หุบด้วยอาการดีใจ “<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป รักพี่ชายคนนี้ที่สุดเลย>>”
สองพี่น้องพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นวันนี้ไปจนจบลงในเวลาไม่นานนัก คราวนี้ป๊อปยังคงทำหน้าที่ล้างจานทั้งสองใบ ปล่อยให้ใบหม่อนนั่งเขี่ยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือพร้อมกับดูละครจากทีวีจอใหญ่หน้าโซฟาใหญ่กลางห้องอย่างผ่อนคลายหลังจากเจอกับความรู้สึกแย่ๆ มาตั้งแต่บ่าย ใบหม่อนลอบมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนตรงอ่างซิงค์ กลีบปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มน้อยๆ แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนได้ถึงขนาดนี้
....................................................................................................
“เฮ้อ เสร็จสักที” ป๊อปถอนหายใจเบาๆ หลังรีทัชภาพชิ้นสุดท้ายเสร็จ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงกวาดไปมาบนหน้าจอตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนกดเซฟและส่งงานให้กับโปรดิวเซอร์ประจำตัว แต่กระนั้นข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปทำงานเสร็จเร็วเกินไปปะเนี่ย :
นิ้วมือหนาพิมพ์ตอบบนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูคู่กายอย่างคล่องแคล่ว
@@POPENGL@@ : เออน่าบิว งานสเกลแค่สามวันกับสามรูป สบายๆ น่า :
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปตรวจยังเหอะ ถ้าหลุดขึ้นมางานเสีย หนูส่งงานให้คนอื่นทำแทนพี่เลยนะ :
@@POPENGL@@ : ตรวจก่อน พี่ว่าพี่ไม่น่าหลุดแล้วนะ นั่งตรวจแล้วตรวจอีกจนตาลายแล้วเนี่ย :
ปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ ปล่อยให้เขานั่งรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่ามีงานหลุดหรือไม่อย่างไร แต่แล้ว ปลายสายพิมพ์ข้อความตอบกลับมา
@@Bewpetch@@ : ไม่มีหลุดนะพี่ป๊อป พรุ่งนี้อย่าลืมล่ะไปพบลูกค้ากับหนูด้วย :
@@POPENGL@@ : ครับบิวตี้ เจอกันสิบโมงเช้าที่สาทรใช่ไหม :
@@Bewpetch@@ : จ้าพี่ป๊อป อื้ม มีงานโฆษณาของ H&M ห้ารูป สเกลงานสองอาทิตย์ พี่ป๊อปจะทำไหม? :
@@POPENGL@@ : อ่ะๆ ทำก็ทำ :
@@Bewpetch@@ : อะเครๆ เดี๋ยวส่งให้ตอนนี้เลย :
หลังคุยกับโปรดิวเซอร์คู่ใจเสร็จ นิ้วมือหนาเลื่อนไปเปิดกล่องแชตของแฟนสาว ก่อนพิมพ์ข้อความทักไป ขณะเดียวกันบนหน้าจอไอแม็คตรงหน้ากำลังเปิดดูสเปกของ Macbook แต่ละรุ่นอยู่
@@POPENGL@@ : พัชร ว่างไหมตอนนี้ :
@@Phattee@@ : คุยได้ป๊อป มีอะไรเหรอ :
@@POPENGL@@ : เรามีอะไรจะถามพัชรหน่อย เราว่าจะซื้อแม็คบุ๊คให้ใบหม่อนหน่อย พัชรว่าเราควรซื้อตัวไหนดี ระหว่าง Macbook Air หรือ Pro ดีล่ะ อยากเอาดีๆ ให้น้องเราไปเลย :
@@Phattee@@ : ก็แล้วแต่ป๊อปอ่ะ แต่ถ้าเค้าเป็นป๊อป เค้าซื้อ Macbook Pro ให้นะ เอารุ่นจอเล็กก็ได้ป๊อป น้องใบหม่อนจะได้พกง่ายๆ ไงล่ะ :
@@POPENGL@@ : ใจตรงกับเราเลยพัชร แฟนใครเนี่ย น่ารักจังเลย :
@@Phattee@@ : แหวะ แค่บังเอิญป่ะ แต่ถ้าเค้าเป็นน้องใบหม่อนนะ แค่รู้ว่าป๊อปจะซื้อ Macbook ให้ เค้าก็ดีใจแล้วล่ะ คริๆ :
@@POPENGL@@ : เราบอกน้องเราแล้วล่ะ น้องเราดีใจมากเลย กอดเราจนสำลักข้าวเลยล่ะ ตอนแรกน้องเราเจอเรื่องมา ร้องไห้ทียังกับท่อน้ำประปาแตกเลยล่ะ :
@@Phattee@@ : อื๋ม ป๊อปก็เคยเล่าให้เค้าฟังนี่ว่าน้องใบหม่อนขี้แยนี่นา อืมนี่ พรุ่งนี้เค้ามาค้างที่ห้องป๊อปได้ป่ะ เค้าอยากเจอน้องใบหม่อนด้วย :
@@POPENGL@@ : มาสิ พัชรมากี่โมงล่ะ พรุ่งนี้เราไปหาลูกค้าสิบโมงเช้า แวะซื้อแม็คบุ๊คอีก คงกลับมาถึงบ่ายแก่ๆ น่ะ :
@@Phattee@@ : งั้นเค้ามาพร้อมป๊อปก็ได้ ดีเลยเค้าจะได้แวะซื้อกับข้าวด้วย พรุ่งนี้ทำกับข้าวกินด้วยกันสิ เค้าอยากชิมฝีมือน้องใบหม่อนบ้างอ่ะ :
@@POPENGL@@ : ตามนั้นเลยพัชร พรุ่งนี้เจอกันนะที่รัก :
@@Phattee@@ : จ้า ป๊อปอย่าบ้างานจนนอนดึกล่ะเข้าใจไหม เค้าเป็นห่วงน้า :
@@POPENGL@@ : ครับ ฝันดีนะพัชร :
@@Phattee@@ : (ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์) :
ปากหยักคลี่ยิ้มขึ้นหลังจากอ่านข้อความสุดท้ายจากคนที่คิดถึง เงยหน้าหันไปทางโซฟาใหญ่กลางห้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเมื่อใบหม่อนเข้านอนไปแล้ว ใบหน้าคร้ามหันกลับมาที่หน้าจอไอแม็คตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาเลือกที่จะเริ่มทำงานใหม่ก่อนเผื่อลืมจนใกล้กำหนดส่ง เขาตั้งใจจะรับงานที่สเกลเล็กลงและไม่เยอะเกินไป เพราะหลังจากนี้ เขาตั้งใจจะให้เวลากับน้องสาวให้เต็มที่
“<<แป๊ปนึงนะใบหม่อน พี่หาใบเสนอราคาแป๊ป>>” คนตัวใหญ่เอ่ยตอบระหว่างก้มหน้าก้มตาหาสิ่งที่ว่าในกองเอกสารตรงหน้าบนโต๊ะทำงาน
วันนี้เป็นวันที่ใบหม่อนต้องไปรายงานตัวกับต้นสังกัดหลังจากสอบบรรจุได้ ร่างสูงระหงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางสีฟ้ากับกระโปรงทรงเอสุภาพเรียบร้อยเผยให้เห็นเรียวขาสวย สะพายกระเป๋าทำงานใบย่อมยืนถือซองเอกสารสำคัญรอคนเป็นพี่ชายที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารอยู่
“<<เร็วๆ นะพี่ป๊อป ถ้าไปไม่ทันพี่ป๊อปต้องรับผิดชอบน้า>>” หญิงสาวเร่งเร้าอีกฝ่าย ได้ผลเมื่อคนถูกเร่งยิ่งรีบค้นๆ กองเอกสารตรงหน้าจนเจอสิ่งที่ค้นหาได้
“<<เจอแล้วๆ>>” ป๊อปว่าด้วยท่าทางดีใจพร้อมชูใบเสนอราคาขึ้น นัยน์ตาคมเข้มหันไปกระทบกับร่างระหงที่ห่อหุ้มด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานหยาดเยิ้มแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ชวนให้มองจนอดใจไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับก็คือ…
“<<จะยืนมองอะไร ไปได้แล้ว>>” เสียงใสแหวใส่คนเป็นพี่ ดวงตากลมโตมองจิกใส่อย่างขุ่นเคือง ‘คนยิ่งรีบๆ อยู่ยังจะโอ้เอ้อยู่ได้ ไอ้พี่ชายบ้า’ หญิงสาวต่อว่าในใจ
“<<คร้าบๆ>>” คนโดนต่อว่าตอบรับอย่างลุกลี้ลุกลน มือหนาคว้ารีโมตรถพร้อมคีย์การ์ดใส่ในกระเป๋ากางเกงยีน คว้ารองเท้าผ้าใบคู่โปรดมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว รีบพาคนเป็นน้องสาวไปที่ลิฟต์ลงไปยังลานจอดรถชั้นล่างสุด
เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงดังกระหึ่มขึ้นพร้อมลากตัวถังรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำขลับที่หนักเกือบสองตันเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของคอนโดฯ ออกสู่ถนนใหญ่ จุดหมายคือสถานที่ทำงานใหม่ของน้องสาว เช้าวันนี้ยังไม่มีรถเยอะมากทำให้ถนนค่อนข้างโล่งพอสมควร ชายหนุ่มจึงถือโอกาสกดคันเร่งเต็มที่พร้อมหักพวงมาลัยพารถแวนคู่ใจมุดไปมุดมาท่ามกลางยวดยานพาหนะที่ขับช้าตลอดสองเลนขาเข้า
“<<พี่ป๊อปอย่าขี่รถปาดไปปาดมาสิ ตอนนี้หนูเริ่มเวียนหัวแล้วน้า>>” ใบหม่อนเริ่มปรามเมื่อเห็นพี่ชายกำลังขับรถปาดซ้ายปาดขวาอยู่ในตอนนี้
ป๊อปค่อยๆ ถอนคันเร่งลง จนความเร็วลดลงมาเท่ากับรถคันอื่นที่แล่นอยู่ แอบเหล่มองใบหน้าบูดบึ้งตึงของน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นร่องรอยความหวาดผวาอยู่เล็กๆ เห็นแล้วอดขำไม่ได้
“<<ไม่ต้องมาขำเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าเสียงขุ่น ดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่
“<<อ้าว พี่ก็กลัวเราไปไม่ทันนี่ เห็นถนนโล่งๆ เลยเหยียบหน่อย ฮิๆ>>” ป๊อปพูดไปกลั้วหัวเราะไป
“<<หนูไม่เล่นด้วยนะพี่ป๊อป ขี่รถเร็วแบบนี้อันตรายนะ ถ้าพี่ไปชนรถคันอื่นล่ะ เสียเวลา เสียเงินเสียทองฟรีๆ อีก พี่จะเอาอย่างงั้นเหรอ>>” คราวนี้ใบหม่อนสวดพี่ชายยับ
“<<ครับแม่>>” ป๊อปว่าเสียงอ่อยๆ แอบแขวะน้องสาวไปหนึ่งดอก ‘พี่ขอโทษนะใบหม่อน’ เขาต่อให้ในใจ
รถแวนเจ็ดที่นั่งกลับรถตรงหน้าประตูวัด พาวนมาจอดเทียบฟุตบาทใกล้กับประตูทางเข้าสถานที่ทำงานของน้องสาว และเป็นสถานที่นัดหมายส่งงานของเขาในวันนี้ด้วย เครื่องยนต์ดีเซลหยุดทำงานลงเมื่อชายหนุ่มบิดกุญแจสั่งให้ดับเครื่อง เจ้าของร่างสูงระหงเอื้อมมือไปเปิดประตูและก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายใบย่อมกับแฟ้มเอกสาร
“<<หนูไปแล้วนะพี่ป๊อป>>”
“<<ครับใบหม่อนหน้ากลม เดี๋ยววันนี้พี่รอรับเลยละกัน มาส่งงานพอดี ฮิๆ>>”
หญิงสาวหยุดชะงักก่อนหันกลับมาหาคนที่ยังอยู่ในรถ นัยน์ตาคู่สวยถลึงมองดุใส่อย่างขุ่นเคืองก่อนเดินจากไป
ป๊อปหันไปมองตามร่างบางที่เดินจากไปก่อนคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนลงไปเปิดประตูแถวสอง หยิบแม็คบุ๊คและเมาส์ปากกาพร้อมกับเอกสารลงจากรถ รีบพาตัวเองเข้าไปติดต่อ รปภ.หน้าป้อมยามก่อนเดินเข้าไปยังสถานที่นัดหมาย
ราวๆ 10 โมงเช้า
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้คู่กับโปรดิวเซอร์สาวรุ่นน้อง ประจันหน้ากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นลูกค้า ทั้งสองต่างนั่งเงียบสงบรอดูลูกค้าที่กำลังตรวจงานบนหน้าจอแม็คบุ๊คด้วยท่าทางที่ซีเรียสจริงจังจนบรรยากาศเริ่มมาคุ
“พี่ป๊อป ถ้าเขาให้แก้ก็ไม่ต้องเยอะมากนะพี่ เดี๋ยวคิวโรงพิมพ์หลุด จบเลยนะพี่ป๊อป” บิวหันมากระซิบข้างหูเบาๆ
“เอาว่ะ ถ้าให้แก้ก็ต้องแก้ อย่างที่บิวเห็นเมื่อคืนนี่แหละ” เสียงเข้มเอ่ยตอบกลับไป สีหน้าเริ่มออกอาการลุกลี้ลุกลน
“คุณธนเดชกับคุณณัฏฐินันท์คะ” เสียงทรงอำนาจจากลูกค้าดังขึ้น ดึงให้ทั้งสองหันกลับมามองเป็นตาเดียวกัน “เรื่องงานถือว่าเรียบร้อยเลยค่ะ ตัวงานออกมาดีมาก แต่ขอติหน่อยตรงที่ภาพบางภาพมันดูดีกว่าที่มันควรจะเป็นไปหน่อยค่ะ”
ป๊อปถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินคอมเมนต์ หันไปส่งสายตากับโปรดิวเซอร์สาวก่อนหันกลับมาถามลูกค้า “ จะให้แก้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลูกค้าตอบด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิม “งานนี้ให้ผ่านค่ะ เดี๋ยวคุณณัฏฐินันท์จัดการเรื่องโรงพิมพ์ได้เลยนะคะ”
ทั้งสองต่างดีใจเมื่อรู้ว่างานครั้งนี้ผ่านไปได้ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของโปรดิวเซอร์สาวต้องคอยประสานงานระหว่างโรงพิมพ์กับลูกค้าต่อให้ทันคิวในบ่ายวันนี้ ถือว่าหมดหน้าที่ของมือรีทัชอย่างป๊อปแล้ว หลังจากดีลงานเสร็จทั้งสองลุกขึ้นยกมือไหว้อำลาลูกค้าพร้อมกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“บิว ยังไงพี่ฝากด้วยนะ ส่วนงานใหม่ถ้าสะดวกก็ส่งมาได้เลยนะ” ป๊อปเอ่ยทิ้งท้ายกับเพื่อนรุ่นน้องที่ควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์คู่ใจ
“จ้าพี่ป๊อป วันนี้คงว่างอ่ะ ไม่มีลูกค้าใหม่ติดต่อมาเลย ยังไงเดี๋ยวหนูโทร.คอนเฟิร์มอีกทีนะพี่ป๊อป”
“โอเค. เจอกันครับ”
........................................................................
ราวๆ สี่โมงเย็น
ใบหม่อนเดินออกจากที่ทำงานใหม่หลังจากรายงานตัวเสร็จ เห็นรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันใหญ่ที่คุ้นตาจอดอยู่ที่เดิม นึกดีใจเล็กๆ ที่พี่ชายอยู่รอจนเลิกงาน หญิงสาวพยายามสอดส่ายสายตามองหาคนเป็นพี่ชาย แต่ยังไงก็ไม่เจอสักที
“พี่ป๊อปอยู่ไหนน้า…” เสียงใสเอ่ยพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในกระเป๋าสะพายส่งเสียงเรียกเข้า มือเล็กรีบคว้าออกมาดูหน้าจอ เห็นภาพชายตัวใหญ่ใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราโชว์ขึ้นพร้อมกับเบอร์โทร. นิ้วมือเล็กสไลด์รับสายอย่างรวดเร็ว
ใบหม่อน : [[<<ฮัลโหลพี่ป๊อป ตอนนี้พี่อยู่ไหน หนูเลิกงานแล้วนะ>>]]
ป๊อป : [[<<พี่อยู่หอจดหมายเหตุน่ะ ใบหม่อนรอพี่แป๊ปนะ กำลังออกไป>>]] พูดจบปลายสายตัดทันที
หญิงสาวมองหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือที่เพิ่งตัดสายไปด้วยความรู้สึกขัดใจ ดวงตากลมโตคู่สวยเหลือบมองบนพร้อมกับถอนหายใจแผ่วๆ ขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มก่อนออกปากต่อว่าพี่ชายใส่สมาร์ทโฟนในมือให้
“<<พี่ป๊อปนี่น้า จะรีบไปไหน คุยยังไม่ทันจบเลยตัดสายทิ้งใส่ซะงั้น คอยดูนะ มาเมื่อไหร่แม่จะจัดการให้…>>”
ร่างสูงใหญ่เดินหอบกระเป๋าแม็คบุ๊คเดินออกมา เห็นน้องสาวยืนรออยู่ ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเครายิ้มกรุ้มกริ่ม กะแกล้งให้ตกใจเล่นสักหน่อย คิดแล้วค่อยๆ เดินย่องเข้าด้านหลังอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่า… ใบหน้ากลมหันมาส่งค้อนวงใหญ่ให้
“<<พี่ป๊อปจะแกล้งหนูใช่ไหม>>” เสียงใสพูดอย่างเย็นเยียบ นัยน์ตากลมโตถลึงดุใส่
คนตัวใหญ่ถึงกับชะงักเมื่อโดนคนตัวเล็กว่าให้ ปากหยักระบายยิ้มแก้เขินพร้อมกดรีโมตปลดล็อกยานพาหนะคู่ใจพร้อมเปิดประตูฝั่งคนขับเตรียมสตาร์ตเครื่อง ฝ่ายหญิงสาวเดินแยกไปยังฝั่งคนนั่งทั้งๆ ที่ยังมีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำขลับยังจอดติดไฟแดงนิ่งสนิทท่ามกลางการจราจรติดขัดหนาแน่นตลอดถนนสามเสนในยามเย็น ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปได้สักที เครื่องยนต์ดีเซลยังคงครางฮือๆ เลี้ยงรอบเดินเบาต่อไปเรื่อยๆ
นิ้วมือหนาเคาะพวงมาลัยไปเรื่อยๆ รอเวลาการจราจรข้างหน้าเคลื่อนตัว มีเพลงเสียงเพลงป๊อปร็อกตามสมัยนิยมต่อบลูทูธจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจากค่ายแอปเปิ้ลเปิดขับกล่อมไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป แอบลอบมองน้องสาวที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูรุ่นเดียวกันกับเจ้าตัวในมืออย่างเพลิดเพลิน
“<<ใบหม่อน วันนี้เป็นไงบ้างล่ะ>>” ป๊อปถือโอกาสชวนน้องสาวคุย
“<<ก็ดีอ่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมา ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนในมืออยู่ “<<งานก็น่าสนใจดีนะพี่ป๊อป คล้ายๆ กับที่หนูเคยทำมาเลยตอนอยู่บ้านอ่ะ ยังไงก็ลองดูก่อน ถ้าหนูไม่โอเค. เดี๋ยวพ้นทดลองงานค่อยเขียนย้าย>>”
ป๊อปพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับฟัง นัยน์ตาคมยังคงมองทางข้างหน้าที่ยังคงหนาแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะเป็นจำนวนมาก ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเสียที
“<<ถ้าเราชอบก็ดีแล้วล่ะ เฮ้อ กว่าจะสอบได้นะ ไม่ง่ายเลย>>” เสียงเข้มเอ่ยทิ้งท้าย แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ประเด็นนี้ยอกย้อนกลับมา
“<<เหมือนกับพี่ใช่ไหมล่ะ คริๆ>>” ใบหม่อนแกล้งย้อนให้ “<<สู้หนูก็ไม่ได้ สอบครั้งเดียวผ่านจ้า พี่ป๊อปสอบกี่ครั้งนะ สามครั้งใช่ไหม ไม่ผ่านเลยทั้งสามครั้งนี่ แล้วเป็นไง หนูเป็นข้าราชการแล้ว พี่ป๊อปยังเป็นฟรีแลนซ์อยู่นี่นา คริๆ>>” พูดจบแล้วสาวเจ้าถึงกับหัวเราะชอบใจ ขณะที่คนถูกเผาถึงกับหน้าชาดิก
“<<พอแล้วๆ ใบหม่อน แค่นี้พี่ก็อายเราจะแย่แล้ว>>” ป๊อปรีบปรามคนเป็นน้องก่อนที่จะโดนเผาหนักกว่านี้ “<<เอาน่า อย่างน้อยพี่ก็เอาตัวรอดได้ละกันน่า>>”
“<<จ้าพี่ชายสุดที่รัก>>” ใบหม่อนทำเสียงล้อเลียนด้วยอาการหมั่นไส้ แต่ลึกๆ แอบอิจฉาและภูมิใจในตัวคนเป็นพี่ชายไม่น้อย
การจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้งหลังจากติดอยู่เป็นเวลานาน มือหนาเลื่อนคันเกียร์ลงพร้อมกับกดคันเร่งสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลทำหน้าที่พาตัวถังหนักเกือบสองตันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เมื่อพ้นแยกเกียกกายไปได้ จำนวนยวดยานพาหนะข้างหน้ายิ่งเบาบางลง ป๊อปตัดสินใจกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นจนแซงรถข้างๆ ไปได้หลายคัน เมื่อเจอรถขับช้าแช่เลนขวาข้างหน้า มือหนารีบหักพวงมาลัยออกซ้ายและแซงกลับและกดคันเร่งหนีไป มุดไปมุดมาเรื่อยๆ จนใบหม่อนเริ่มทนไม่ไหว
“<<พี่ป๊อป เอาอีกแล้วนะ หนูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าขี่รถปาดไปปาดมา มันอันตรายนะเข้าใจไหม>>”
ได้ผลเมื่อคนโดนต่อว่าถอนคันเร่งลดความเร็วลง ปากหยักของคนโดนต่อว่าแอบคลี่ยิ้มขึ้นมา นึกในใจ ‘เมื่อกี้พี่แกล้งนะ พี่รู้ว่าเรากลัว ขิๆ’
รถแวนเจ็ดที่นั่งค่อยๆ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วปกติตามกระแสการจราจรตรงหน้า ฝ่ายคนโดยสารอย่างใบหม่อนค่อยรู้สึกโล่งใจบ้างหลังจากที่ต้องมานั่งลุ้นกับการขับรถอันน่าหวาดเสียวของคนเป็นพี่ชาย จนแทบไม่มีสมาธิเล่นสมาร์ทโฟนเลยแม้แต่น้อย
“<<ใบหม่อน วันนี้กินข้าวข้างนอกกันไหม หรือจะแวะซื้อแล้วกลับไปกินที่ห้องดี>>” ป๊อปตัดสินใจถามคนเป็นน้องสาว เห็นว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว กลัวน้องสาวจะหิวเสียก่อนกว่าจะกลับไปถึง
ใบหม่อนละสายตาจากสมาร์ทโฟนในมือหันไปมองหน้าคนถาม คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก กลีบปากอวบอิ่มสวยค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน ตัดสินใจได้แล้วว่าจะกินที่ไหน
“<<แวะกินข้างนอกดีกว่าน้าพี่ป๊อป ตอนนี้หนูหิวจะแย่แล้วเนี่ย หนูอยากกินส้มตำอ่า>>”
เสียงใสดังแว่วกระทบหูของนายสารถีที่กำลังทำหน้าที่อยู่ เป็นอันตกลงกัน ศีรษะทุยพยักหน้ารับพร้อมกับคลี่ยิ้มน้อยๆ มือหนาใหญ่สาวพวงมาลัยเลี้ยวไปยังถนนละแวกใกล้กับคอนโดฯ ที่พัก แต่ขับเลยออกไปอีกสามซอย มุ่งสู่ร้านส้มตำที่เขากับแฟนสาวเคยไปนั่งกินด้วยกัน
รถแวนเจ็ดที่นั่งจอดเทียบริมฟุตบาท ติดเครื่องอยู่สักพักหนึ่งก่อนบิดกุญแจดับเครื่อง ร่างสูงระหงของหญิงสาวลงจากรถออกมายืนรอพี่ชายที่กำลังเดินลงจากฝั่งคนขับ
“<<เข้าร้านเถอะพี่ป๊อป หนูหิวแล้วน้า>>” ใบหม่อนว่าพร้อมลากท่อนแขนของพี่ชายเดินเข้าร้านไป
“<<ใจเย็นๆ ใบหม่อนหน้ากลม พี่จะล้มแล้วเนี่ย>>” ป๊อปรีบปรามเมื่อตัวเขาแทบจะลอยหวือไปตามแรงดึงของคนเป็นน้องสาว แต่แล้วก็… “โอ๊ย…”
อาการปวดหนึบแล่นไปทั่วแขนเมื่อถูกมือเล็กหนีบเข้าให้ “<<นี่แน่ ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป หนูไม่ชอบนะเข้าใจไหม>>” เสียงใสว่าให้ไปหนึ่งที หลายครั้งแล้วที่ถูกพี่ชายล้อแบบนี้ ต้องลงโทษกันสักหน่อย
สองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ ประตูทางเข้าภายในร้าน มือเล็กของหญิงสาวรีบคว้าเมนูขึ้นมาอ่าน สอดส่ายสายตาหาของที่อยากกินด้วยอาการหิวจนแทบแย่ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง คนตัวใหญ่ยังคงนั่งอ่านเมนูไปอย่างใจเย็น แอบลอบมองมาเป็นระยะๆ รอดูว่าสาวเจ้าจะสั่งอะไร
“ส้มตำไหลบัวกุ้งสดหนึ่งจานค่ะ ขอรสจัดหน่อยนะคะ”
ป๊อปแทบจะหลุดขำเมื่อได้ยินน้องสาวสั่งอาหาร “เอาอีกแล้วน้องกู ส้มตำไหลบัวกุ้งสด ฮื้อ กินจนหน้าจะเป็นไหลบัวแล้วมั้งเนี่ย” เขาโพล่งออกมาเบาๆ กะไม่ให้ได้ยิน แต่ทว่า
“<<อะไรๆ พี่ป๊อป หนูได้ยินนะ>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นมา ดวงตากลมโตคู่สวยส่งค้อนวงใหญ่ให้
ป๊อปหลบสายตาพิฆาตของน้องสาวด้วยการยกเมนูขึ้นมาปิดหน้า ก่อนถือโอกาสสั่งเองบ้าง “คอหมูย่างหนึ่งจานครับ และน้ำตกหมูหนึ่งจาน ส้มตำไทยไข่เค็มรสจัดๆ ข้าวเหนียวสองห่อครับ น้ำเอาน้ำแข็งเปล่าสองแก้ว โค้กขวดนึง น้ำเปล่าสองขวดครับ”
พนักงานเสิร์ฟจดตามออเดอร์ที่สั่งก่อนทวนออเดอร์ให้ฟังอีกรอบก่อนเดินจากไป ระหว่างรออาหารมื้อเย็น ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าก้มตาเล่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูรุ่นเดียวกันฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งการสื่อสารใดๆ ทั้งสิ้น เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ อาหารที่สั่งเริ่มทะยอยมาส่ง โดยเฉพาะส้มตำไหลบัวกุ้งสดมาถึงก่อนเป็นจานแรก
“<<ใบหม่อน ของโปรดมาแล้ว กินก่อนๆ ไหนบ่นกับพี่ว่าหิวไง มือถือค่อยเล่นเมื่อไหร่ก็ได้นะ ขิๆ>>” ป๊อปเอ่ยปากกับคนตรงหน้า แอบกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ หลังจากแอบแซะไปอีกหนึ่งที
ดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่ก่อนลงมือละเลียดส้มตำไหลบัวกุ้งสดจานโปรด แต่ยัง ยังหันไปมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างจานเป็นระยะ ขณะที่คอหมูย่างและน้ำตกหมูทะยอยตามมาเสิร์ฟ ตบท้ายด้วยส้มตำไทยไข่เค็ม ป๊อปเริ่มลงมือกินบ้างหลังจากรออยู่นาน ไม่ลืมที่จะตักแบ่งให้น้องสาวด้วยก่อนลงมือละเลียดน้ำตกหมูของโปรดของตัวเองต่อ จนเวลาผ่านไปได้สักพัก
“<<ไม่อิ่มเอาอีกจานไหมใบหม่อน เดี๋ยวพี่สั่งให้>>” ป๊อปเอ่ยถามน้องสาวเมื่อเห็นว่าส้มตำไหลบัวกุ้งสดพร่องลงจนเกือบหมด ขณะที่จานอื่นๆ ยังไม่พร่องขนาดนี้
“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนตอบปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ชายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มลงมือทานมื้อเย็นครั้งนี้ “<<แค่นี้หนูก็อิ่มแล้วพี่ป๊อป กินเยอะกว่านี้หนูก็อ้วนตายเลย>>”
ป๊อปแทบจะหลุดขำเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากปากของคนตรงหน้า ไม่คิดว่าจะกังวลเรื่องรูปร่างของตัวเองได้ขนาดนี้
“<<โอเค.ๆ ถ้าอิ่มแล้วพี่จะได้เรียกเก็บตังค์>>” พูดจบมือหนาคว้ากระเป๋าตังค์หนังสีดำขึ้นมา แต่ไม่ลืมที่จะแอบแซะคนเป็นน้องสาวด้วย “<<เดี๋ยวพี่เลี้ยงค่าโทรศัพท์เราด้วย เอาไหมล่ะ ขิๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถึงกับควันออกหูเมื่อได้ยิน ดวงตากลมโตถลึงใส่อย่างขุ่นเคือง “<<พี่ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะ พี่เองก็ติดมือถือเหมือนกับหนูนี่แหละ ชิ>>” เสียงใสแหวใส่คนเป็นพี่ คราวนี้เริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“<<พี่แซวเล่นน่าใบหม่อน โอ๋ๆ ดีกันนะคะ>>” ป๊อปเดินหน้าง้อน้องสาวแต่ไม่วายทำท่าทางขี้เล่นอีก
“<<ก็ได้ๆ พี่ป๊อปนี่ปากเสียจริงๆ เลย ชิ>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก ยังไงก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ว่าจริงๆ พี่ชายคนนี้ไม่ได้มีอะไรในใจอยู่แล้ว
“<<ครับ ถ้าดีกันแล้ว ใบหม่อนขับรถให้พี่หน่อยได้ไหมล่ะ พี่เมื่อยแล้วนะเนี่ย>>” ป๊อปว่าพร้อมยื่นรีโมตให้กับคนเป็นน้องสาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ
“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป รถพี่ใหญ่ พวงมาลัยก็หนัก เบรกก็ลึก หนูไม่ขี่หรอก>>” เสียงใสตอบปฏิเสธพร้อมผลักมือหนากลับไป
อาหารมื้อเย็นวันนี้จบลงด้วยการทะเลาะกันเล็กๆ ของสองพี่น้อง ร่างสูงระหงเดินแยกมาที่ประตูฝั่งคนนั่ง ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายทำหน้าที่เป็นสารถีเหมือนเดิม มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตรถขับพาน้องสาวกลับยังคอนโดฯ ที่พักหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
....................................................................................
วันรุ่งขึ้น
“<<ใบหม่อน วันนี้ขับรถไปเองใช่ไหม>>” ป๊อปหันไปเอ่ยถามคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน มือหนายังถือแก้วกาแฟอยู่
“<<จ้าพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมาอย่างร่าเริง ร่างสูงระหงในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางขาวดำกับกระโปรงทรงเอสีดำเดินเข้ามาใกล้คนตัวใหญ่ที่นั่งจิบกาแฟที่โต๊ะทำงานอยู่ ค่อยๆ ยื่นใบหน้าสวยหวานมาใกล้ๆ ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายให้เห็นความมุ่งมั่นในใจ “<<พี่ป๊อปไม่ต้องห่วงน้า หนูจำทางได้แล้ว ยังไงหนูเปิดกูเกิลแม็ปต่อกับจอกลางรถหนูได้อยู่แล้วล่ะ>>” พูดจบมือเล็กชูรีโมตรถขึ้นมา ทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวาน
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มบางๆ มือหนาวางแก้วกาแฟลงเอื้อมมาลูบเรือนผมยาวสลวยที่ถูกรวบตึงเบาๆ อย่างเอ็นดู ลึกๆ อดเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้
“<<หนูไปก่อนนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนบอกลาพร้อมกับโบกมือ คลี่ยิ้มหวานส่งให้อีกหนึ่งที
“<<ขับรถดีๆ>>” ป๊อปโบกมือตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ แอบลอบมองร่างระหงของน้องสาวที่กำลังเดินจากไปจนออกจากห้องไปในที่สุด ก่อนหันกลับมาโฟกัสกับหน้าจอไอแม็คที่มีงานคาอยู่ตรงหน้า มือหนายกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบาๆ พยายามขับไล่ความรู้สึกเป็นห่วงออกไปจากห้วงความคิด นึกถึงภาพรอยยิ้มหวานแฝงความมั่นใจของคนที่เพิ่งจากไปยิ่งทำให้เขารู้สึกเบาใจลงไม่น้อย
‘พี่เชื่อใจเรานะใบหม่อน เราเก่งอยู่แล้ว’
ร่างสูงระหงเดินออกจากลิฟต์ไปยังรถเก๋งสีดำแบรนด์เจ้าตลาดติดฟิล์มมืดรอบคันที่จอดเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำที่ติดฟิล์มมืดรอบคันเหมือนกัน มือเล็กกดไปที่มือจับสั่งให้ยานพาหนะคู่ใจปลดล็อกพาตัวเองเข้าไปนั่งยังเบาะคนขับ นิ้วมือเล็กกดปุ่มสตาร์ตเครื่อง เสียบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูยังขาตั้งเหนือคอนโซลกลาง เชื่อมต่อแอพกูเกิลแม็ปไปยังหน้าจอกลาง มือเล็กเอื้อมไปเข้าเกียร์ เท้าขวากดคันเร่งพร้อมกับสาวพวงมาลัยพายานพาหนะคู่ใจออกสู่ถนนใหญ่ตรงหน้า
‘วันนี้หนูไม่หลงแน่พี่ป๊อป หนูดูกูเกิลแม็ปเอาน้า’ หญิงสาวนึกในใจขึ้นมา
แต่พ้นแยกเกียกกายไปไม่นานนัก รถเก๋งคันเล็กของสาวเจ้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อต้องเผชิญกับมหกรรมรถติดมโหฬารในยามเช้าวันศุกร์ มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยยวดยานพาหนะที่จอดนิ่งสนิทเป็นแถวๆ ทำเอาสาวเจ้าเริ่มรู้สึกหงุดหิด
“อื๊ย…รถติดแบบนี้จะไปทำงานสายไหมอ่า วันทำงานวันแรกด้วยน้า” ใบหม่อนบ่นพึมพำ มือเล็กกำพวงมาลัยไว้แน่น ใบหน้าสวยหวานเริ่มงอง้ำ ยิ่งเจอการจราจรข้างหน้าที่ติดขัดจนแทบขยับไม่ได้ ประจวบเหมาะกับท้องเจ้ากรรมดันมาร้องเอาตอนนี้
‘อดทนหน่อยสิใบหม่อน เดี๋ยวก็ถึงที่ทำงานแล้ว’
ใบหม่อนได้แต่อดทนรอ ไม่กี่ชั่วอึดใจ สัญญาณไฟเขียวจากแยกสุโขทัยปล่อยยาว สาวเจ้ารีบกดคันเร่งพารถยนต์คู่ใจทำความเร็วมุ่งหน้าไปตามเส้นทางจนถึงที่ทำงานในที่สุด ทันเวลาพอดี
............................................................................
ป๊อปใช้เวลาครึ่งวันตอนเช้าหมดไปกับการทำงานที่รับบรีฟใหม่สเกลงานสามวันกับอีกสามภาพตั้งแต่เมื่อคืนที่ทำค้างไว้ มือซ้ายยังคงจับเมาส์ปากการูดไปบนแป้นอย่างคล่องแคล่ว ค่อยๆ รีทัชภาพตรงหน้าไปอย่างใจเย็น จานข้าวไข่เจียวที่เขาลงมือทำเองยังคงวางไว้ด้านขวามือ ยังไม่ได้ลงมือทานจนกว่าจะทำภาพตรงหน้าเสร็จ จวบจนเวลาผ่านไปได้สักพัก
“เฮ้อ เสร็จสักที” เขาถอนหายใจเบาๆ หลังจากรีทัชภาพนี้เสร็จ มือหนาเอื้อมไปคว้าจานข้าวไข่เจียวขึ้นมากินหลังจากทนหิวอยู่นาน
เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหยิบจานข้าวในมือไปยังอ่างซิงค์ นัยน์ตาคมเข้มเหลือบมองจานกองโตที่ยังไม่ได้ล้าง เลยถือโอกาสนี้ล้างจานฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างพักสายตา
‘ถ้าไม่ได้ล้างนี่ใบหม่อนบ่นกูตายแน่เลย’ เขานึกในใจระหว่างลงมือล้างจานตรงหน้า รู้อยู่ว่าน้องสาวของเขาค่อนข้างเจ้าระเบียบไม่น้อย ย้อนนึกถึงตอนยังเด็กที่ยังอยู่ด้วยกัน ถ้าเขาปล่อยให้ห้องสกปรกเลอะเทอะเมื่อไหร่ สาวเจ้าจะรีบเก็บกวาดและต่อว่าจนเขาหูชาไปแล้วหลายครั้ง กระทั่งล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ จานทุกใบถูกจัดเรียงบนชั้นอย่างเบามือจนครบทุกใบ ไม่ลืมที่จะเช็ดทำความสะอาดรอบอ่างซิงค์จนแห้งสนิท นัยน์ตาคมเข้มมองไปรอบๆ ห้องก่อนเดินไปหยิบไม้กวาดมาลงมือไล่กวาดไปรอบๆ ไปเรื่อยๆ ทุกซอกทุกมุมตั้งแต่ห้องโถงกลาง รวมถึงห้องนอนของตัวเองและน้องสาว กินเวลาไปราวๆ ชั่วโมงกว่าจนเสร็จ เหงื่อกาฬเม็ดโตไหลท่วมร่างสูงใหญ่จนเปียกชุ่ม พร้อมกับอาการเหน็ดเหนื่อยค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ชายหนุ่มตัดสินใจฝืนตัวเองด้วยการพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำเสียก่อน...
เขารู้สึกสดชื่นไม่น้อยหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เหลือบมองนาฬิกายังไม่ถึงสิบเอ็ดโมงดี ตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งประจำที่โต๊ะทำงาน หยิบแว่นกรองแสงขึ้นมาสวม มือซ้ายหยิบเมาส์ปากกาขึ้นมาทำงานต่อ เหลืออีกเพียงสองรูปเท่านั้น
ตกบ่าย
ป๊อปตัดสินใจหยุดพักก่อนหลังจากทานมาม่ามื้อกลางวันและล้างชามจนเสร็จ มองไปที่โต๊ะทำงานอย่างประเมิน เหลืออีกเพียงรูปเดียวก็เสร็จงานแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกอยากพักสายตาก่อน ประจวบเหมาะกับผมของเขาเริ่มยาวจนแทบจะรกรุงรังเหมือนกับรังนกแล้วหลังจากไม่ได้ตัดมาหลายเดือน สุดท้าย เขาเลือกที่จะพาตัวเองไปที่ร้านตัดผมละแวกใกล้คอนโดฯ ที่เคยไปตัดเป็นประจำ ไหนๆ แล้วก็ตัดผมสักหน่อยเผื่อจะได้โล่งๆ หัวบ้าง
เวลาผ่านไปราวๆ ชั่วโมงเศษ
นัยน์ตาสองชั้นหลบมองไปยังกระจกเงาตรงหน้าอย่างประเมินเมื่อเห็นทรงผมใหม่ที่ถูกตัดสั้นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม รู้สึกดีใจเล็กๆ เมื่อเห็นตัวเองในลุคส์ใหม่ที่ดูดีขึ้น ยิ่งช่างตัดผมลงมือละเลงเยลจัดแต่งทรงผมใหม่ของเขาจนออกมาดูดีในสไตล์เมโทร ยิ่งทำให้เขารู้สึกพอใจมากขึ้น
“เรียบร้อยแล้วครับ” สิ้นเสียงช่างตัดผม ผ้าคลุมกันผมถูกเปลื้องออก ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง หยิบแบงก์ร้อยสองใบส่งให้ ก่อนพาตัวเองเดินออกจากร้านเพื่อกลับไปยังคอนโดฯ ที่พัก แต่ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูเปิดโหมดกล้องเก็บภาพบรรยากาศตลอดสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีมาถึงป้อมยามด้านหน้าแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้อง ร่างสูงใหญ่เดินตรงรี่เข้าไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง ลงมือรีทัชภาพสุดท้ายกะให้เสร็จภายในวันนี้ หลังจากนี้เขาตั้งใจจะไม่รับงานเพราะอยากให้เวลากับน้องสาวอย่างเต็มที่
ราวๆ สี่โมงเย็น
ใบหม่อนเดินคอตกมาที่รถเก๋งคู่ใจ หลังจากช่วงบ่ายเจ้าตัวถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิเรื่องการแต่งตัวและเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยที่ไม่เป็นเรื่อง จนเจ้าตัวรู้สึกเสียใจจนแทบจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงแม้จะได้กำลังใจจากเพื่อนข้าราชการใหม่ด้วยกันก็ตาม แต่ความรู้สึกนี้ยังคงคาอยู่ในใจของเจ้าตัวอยู่
รถเก๋งสีดำคันงามเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่อีกครั้งท่ามกลางการจราจรติดขัดตอนเย็นวันศุกร์ หญิงสาวขับรถไปทั้งๆ ที่ยังมีความรู้สึกค้างคาอยู่ในใจ เสียงเพลงป๊อปตามสมัยนิยมถูกเปิดจากเครื่องเสียงจอกลางคอนโซล หวังให้เสียงเพลงช่วยขับกล่อมให้ลืมความรู้สึกนี้ไปได้ ทว่าตอนนี้มีแต่เพลงเศร้าๆ จนนิ้วโป้งเล็กต้องรีบกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นวิทยุบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย ไล่หาคลื่นอื่นไปเรื่อยๆ แต่เหมือนกับว่าวันนี้คลื่นวิทยุทุกคลื่นพร้อมใจกันเปิดเพลงเศร้าราวกับนัดหมายกันมา ที่สุดแล้วต้องเปลี่ยนโหมดมาฟังเพลงที่ต่อบลูทูธจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูแทน
หญิงสาวขับรถตามกระแสการจราจรข้างหน้าไปเรื่อยๆ จนพ้นแยกเกียกกาย การจราจรข้างหน้าเริ่มเบาบาง นิ้วมือเล็กกดปุ่มแพดเดิลชิฟต์หลังพวงมาลัยพร้อมกับเร่งเครื่องพายานพาหนะคู่ใจแล่นไปตามทางจนมาถึงในอีกราวๆ ยี่สิบนาทีต่อมา
“<<ใบหม่อนกลับมาแล้วเหรอ>>” ป๊อปเอ่ยทักขึ้นมา หลังจากได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น
ใบหม่อนไม่พูดอะไร เพียงแต่ปรายตามองคนแป็นพี่ชายผ่านๆ ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของตัวเอง ร่างสูงระหงก้มตัวลงถอดรองเท้าก่อนรีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
ป๊อปรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่เห็นใบหน้าสวยหวานบูดบึ้งงอง้ำและท่าทางเงียบผิดปกติของคนที่เพิ่งกลับมา รู้ได้เลยว่าต้องไปเจอเรื่องอะไรบางอย่างมา ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ รีบพาตัวเองไปยังห้องนอนของน้องสาวที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน มือหนาลงมือเคาะไปบนประตูเบาๆ พอให้ได้ยิน
“<<ใบหม่อน พี่เข้าไปได้ไหม>>”
ข้างในห้องนั้น หญิงสาวเจ้าของห้องฟุบตัวลงนอนร้องไห้บนเตียง ปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆ ให้ออกมาหลังจากอัดอั้นมานาน ได้ยินเสียงคนเป็นพี่ชายร้องเรียก แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่มีอารมณ์ที่จะต้อนรับใครทั้งนั้น ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายเคาะห้องเรียกอยู่อย่างนั้น
ป๊อปตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก และภาพที่เห็นตรงหน้ายิ่งทำให้เขาร้อนรนยิ่งกว่าเดิม รีบพาตัวเองไปยังเตียงนอนใหญ่ตรงหน้า เห็นร่างสูงระหงในชุดทำงานนอนสั่นเทาตามแรงสะอึกสะอื้นอยู่
“<<เป็นอะไรเหรอใบหม่อน>>” ป๊อปเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนนิ่มนวล ตรงกันข้ามกับรู้สึกข้างในที่ตอนนี้กำลังใจคอไม่ดีเป็นอย่างมากด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาหันมาหาคนที่ถาม ใบหน้าสวยหวานของเจ้าตัวแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตากลมโตคู่สวยยิ่งแดงก่ำบวมช้ำหนักเพราะน้ำตากำลังไหลออกมาไม่หยุด
“<<พี่ป๊อป ฮึก>>” เสียงใสสั่นเครือเรียกชื่อคนเป็นพี่ชายอย่างยากลำบาก ท่อนแขนเรียวบางทั้งสองข้างตวัดเข้ากอดร่างใหญ่
ด้วยสัญชาตญาณ ป๊อปรีบกอดตอบน้องสาวแบบไม่ลังเลก่อนค่อยๆ ดันร่างสูงระหงออกห่างพอเว้นระยะให้หายใจ นิ้วมือหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลอาบพวงแก้มนุ่มของหญิงสาวอย่างเบามือ
“<<พี่ป๊อป ฮึก วันนี้น้องโดน ผอ.ตำหนิอ่า ฮือๆ>>” ใบหม่อนเว้นหายใจเล็กน้อย เสียงใสยังสั่นเครือไม่หยุด “<<เขาหาว่าน้องใส่กระโปรงสั้นอ่าพี่ป๊อป ฮึก แถมยังแขวะเรื่องรถน้องอีก ไม่ให้น้องเสียใจได้ไงล่ะพี่ป๊อป ฮือๆ>>” พูดจบสาวเจ้าปล่อยโฮออกมาอีกรอบจนใบหน้าของเจ้าตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับตำลึงสุกแม้ผิวคล้ำก็ตาม หญิงสาวร้องไห้ไปเล่าเหตุการณ์ให้คนเป็นพี่ชายฟังไป แต่ยิ่งเล่าอารมณ์ยิ่งปะทุจนสาวเจ้าปล่อยโฮออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“<<โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะคะ พี่อยู่ตรงนี้แล้วๆ>>” ป๊อปเอ่ยเสียงแผ่วเบา นิ้วโป้งหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาที่ยังไหลคลอใบหน้าสวยหวานไม่หยุด มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่กำลังสั่นไหวระริกที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตาจนเห็นเส้นเลือดฝอยแดงก่ำรอบๆ ด้วยสายตาอันอ่อนโยน ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างระหงเข้ามากอดอีกครั้ง มือหนาลูบแผ่นหลังของน้องสาวอย่างเบามือนุ่มนวลที่สุด ไม่ลืมที่จะพูดปลอบใจไปด้วย
“<<ไม่มีอะไรแล้วนะใบหม่อน พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องร้องนะคะ ไม่มีอะไรแล้ว>>”
“<<ฮือๆ พี่ป๊อป น้องเจอแบบนี้แล้วน้องไม่อยากอยู่แล้วอ่าพี่ป๊อป ฮึก ถ้าย้ายตอนนี้ได้น้องย้ายเลยนะ ฮึก>>” เสียงใสปนสะอื้นตอบกลับมาทั้งๆ ที่ยังซบกับอกของคนที่เป็นพี่ชายอยู่
“<<ใจเย็นๆ นะคะใบหม่อน ไม่มีอะไรแล้ว ค่อยๆ คิดนะคะ กว่าเราจะสอบบรรจุมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ พี่จำได้ว่าน้องสาวพี่เป็นคนจิตใจแข็งแกร่งมากนะ เรื่องแค่นี้ทำอะไรน้องสาวพี่ไม่ได้หรอกค่ะ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะน้องสาวของพี่>>”
“<<ฮือๆๆๆๆๆ>>”
ได้ผลเมื่อท่าทีของใบหม่อนเริ่มสงบลง เสียงร้องไห้ค่อยๆ เงียบลง เงียบลง ใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ค่อยๆ ผละออกจากอกแกร่งออกมาอยู่ในระยะที่จะมองหน้าของคนเป็นพี่ชายได้ถนัด น้ำตาค่อยๆ หยุดไหลจนนิ่งสนิท ใบหน้าสวยหวานของเจ้าตัวในตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาหลังจากปล่อยโฮออกมาครั้งใหญ่
กระดาษชำระในมือของชายหนุ่มค่อยๆ เช็ดคราบน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มๆ และรอบๆ ดวงตาคู่สวยของคนเป็นน้องสาวอย่างนุ่มนวลที่สุด ปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มผุดยิ้มส่งกำลังใจไปให้คนตรงหน้า เมื่อเช็ดคราบน้ำตาเสร็จ ท่อนแขนแกร่งตวัดร่างระหงเข้ามาโอบกอดอีกรอบ
“<<ใบหม่อนคะ ไม่มีอะไรแล้วนะคะตอนนี้ พี่อยู่กับเราตรงนี้แล้ว พี่ไม่ไปไหนแล้วนะคะ>>” ป๊อปเว้นเล็กน้อยพอให้หายใจ “<<พี่เข้าใจเราทุกอย่าง ยังไงก็ใจเย็นๆ นะคะ>>”
ไออุ่นจากร่างใหญ่ส่งผ่านไปยังความรู้สึกของหญิงสาวจนแทบจะลืมเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายไปเสียสิ้น ยิ่งได้รับคำปลอบใจที่คุ้นหูจากปากของคนเป็นพี่ชาย ถึงแม้จะเป็นคำที่ซ้ำกับที่เคยได้ยินเมื่อครั้งยังเด็ก ยิ่งเป็นกำลังใจให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นไปอีก
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป>>” มือเล็กยกมือไหว้ขอบคุณคนเป็นพี่ชาย “<<น้องโอเค.แล้วค่า>>”
ป๊อปรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากปากของน้องสาว แต่ตอนนี้ศีรษะสวยได้รูปของคนที่เพิ่งกล่าวขอบคุณทิ้งตัวลงหนุนหน้าตักของเจ้าตัว ซึมซับไออุ่นจากคนเป็นพี่ให้มากที่สุดเพื่อเป็นกำลังใจในวันต่อไป
“<<ใบหม่อนดีขึ้นพี่ก็ดีใจแล้ว>>” ป๊อปว่าด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้นุ่มนวลลง มือหนาค่อยๆ ลูบไปบนเรือนร่างระหงที่ทิ้งตัวลงนอนเรื่อยๆ อย่างเบามือ
“<<พี่ป๊อปรู้ไหม น้องต้องทนทำที่นี่อีกหกเดือนเลยอ่ะ คอยดูนะพี่ป๊อป ประเมินผ่านเมื่อไหร่น้องจะรีบย้ายเลย>>”
เสียงใสเอ่ยด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“<<เอาน่า ทนหน่อยนะคะ ไม่มีอะไรที่น้องสาวของพี่ทำไม่ได้อยู่แล้ว>>”
มือหนาเขย่าหางม้าบนเรือนผมสลวยเชิงหยอกล้อพร้อมกับพูดให้กำลังใจ ค่อยๆ ก้มลงประคองร่างสูงระหงที่นอนหนุนตักของเจ้าตัวให้ลุกขึ้น นัยน์ตาเข้มสองชั้นหลบส่งสายตาอันอ่อนโยนไปยังใบหน้ากลมของคนตรงหน้า
“<<ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ เดี๋ยวกินข้าวกันนะ>>”
“<<จ้าพี่ชาย>>” เสียงใสตอบกลับมา ใบหน้าสวยหวานเริ่มคลี่ยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน “<<งั้นน้องอาบน้ำก่อนนะ พี่ป๊อปไปรอข้างนอกก่อนเดี๋ยวน้องตามไปค่า>>”
...................................................................................
ข้าวผัดหมูกรอบทั้งสองกล่องถูกเทใส่จานและนำมาวางที่โต๊ะกินข้าวโดยคนเป็นเจ้าของห้อง รอเพียงคนเป็นน้องสาวออกมานั่งทานด้วยเท่านั้น ไม่นานนัก ร่างสูงระหงที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของหญิงสาวก็เดินมาถึง พร้อมรับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกับคนเป็นพี่ชายแล้ว
ป๊อปแอบสังเกตสีหน้าของน้องสาว ยังเห็นร่องรอยของความรู้สึกแย่ๆ อยู่ รู้สึกเป็นห่วงจนอดที่จะถามไม่ได้
“<<ใบหม่อนโอเค.ไหม>>”
“<<หนูโอเค.แล้วล่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบกลับมาทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ดวงตากลมโตคู่สวยเงยขึ้นมาสบตากับคนเป็นพี่ชาย “<<ช่างมันเหอะพี่ หนูไม่คิดอะไรหรอก หนูไม่ใช่คนคิดมากเหมือนพี่นี่>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของน้องสาว อดไม่ได้ที่จะแกล้งแซวกลับไป “<<นี่ขนาดไม่คิดมากเนี่ย ร้องไห้ทียังกับท่อประปาแตกเลย ฮิๆ ยังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะใบหม่อน>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก รอยยิ้มที่สดใสหุบลงแทนทีด้วยสีหน้ามู่ทู่เมื่อโดนล้อ “<<ชอบล้อหนูจังเลยนะ กลับบ้านเมื่อไหร่หนูฟ้องแม่คุณแน่ ชิ>>”
ป๊อปถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แอบดีใจเล็กๆ ที่น้องสาวคนเดิมของเขากลับมาแล้วหลังจากอยู่ในโหมดดราม่าอยู่พักใหญ่ “<<เห็นเราดีขึ้นพี่ก็ดีใจแล้ว ว่าแต่ทำงานวันแรกเป็นไงบ้างล่ะ โอเค.กับมันไหมถ้าไม่เจอเรื่องน่ะ>>”
ดวงตาคู่สวยกลอกขึ้นมองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง “<<ก็โอนะพี่ป๊อป งานก็เหมือนกับที่หนูเคยทำมาแหละ แต่รับผิดชอบเยอะกว่าเดิมมาก แต่ตอนนี้หนูต้องเดินเอกสารวุ่นเลยอ่ะพี่ ทั้งทำแบบประเมินข้าราชการใหม่ ไหนจะเรียนอีเลิร์นนิ่งอีก ไหนเรื่องสิทธิรักษาพยาบาลอีก ดีนะพี่ๆ เขาช่วยหนูด้วยอ่ะ>>”
ใบหม่อนจาระไนให้คนเป็นพี่ชายฟังอย่างละเอียด เห็นคนตรงหน้าพยักหน้าเบาๆ ส่งเสียงครางในลำคอแผ่วๆ บ่งบอกว่ากำลังรับฟังอยู่
“<<ว่าแต่ ใบหม่อนมีโน้ตบุ๊คไหมล่ะ เห็นบอกว่ามีเรียนอีเลิร์นนิ่งด้วย>>” ป๊อปเอ่ยถามคนเป็นน้องสาว
“<<หึ>> ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเอาป๊อปถึงกับตกตะลึงจนไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว “<<เฮ้ย ไม่มีโน้ตบุ๊คใช้เหรอ นี่เราเรียนจบจนทำงานมาจะสามปีแล้วนะ ไม่คิดจะซื้อมาใช้บ้างเลยเหรอ?>>” เสียงเข้มเอ่ยถามกลับไป
“<<ก็หนูไม่มีความจำเป็นต้องใช้อ่ะพี่ป๊อป คอมพ์ที่ทำงานก็มีให้พร้อม ตอนเรียนหนูก็ใช้คอมพ์ที่บ้านบ้าง คอมพ์ที่มหา’ลัยบ้าง ซื้อมาหนูก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี>>” ใบหม่อนให้เหตุผลกับคนเป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตากลมโตเหลือบมองต่ำหลบสายตาคนเป็นพี่ชาย
ป๊อปถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่เมื่อได้รับฟังเหตุผลของน้องสาว อดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่มาจนขนาดนี้แล้วยังไม่มีโน้ตบุ๊คใช้ แต่แล้วเขาก็จำความได้ว่าตั้งแต่เด็กๆ น้องสาวคนนี้ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องโน้ตบุ๊คมาตั้งแต่แรก ผิดกับตัวเขาที่ขอให้พ่อซื้อให้ใช้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย...
“<<อ้าวแล้วถ้าเราจะเรียนอีเลิร์นนิ่งจะทำยังไงล่ะคะเนี่ย>>” ป๊อปเริ่มถามด้วยท่าทางจริงจังมากขึ้น
“<<หนูก็เรียนในมือถือไงล่ะพี่ป๊อป ถามแปลกๆ>>” เสียงใสเอ่ยตอบแบบกำปั้นทุบดิน “<<ไม่งั้นหนูก็ทำในไอแม็คพี่ป๊อปไง นะๆๆ ให้หนูยืมใช้หน่อยจิ>>”
ดวงตากลมโตคู่สวยเงยขึ้นส่งสายตาอ้อน ทำเอาป๊อปแทบจะใจอ่อนทันทีเมื่อเห็นแววตาของคนตรงหน้า จนต้องกลบเกลื่อนด้วยการก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวผัดในจานตรงหน้า พลันยกแก้วน้ำขึ้นซดโฮกใหญ่ เห็นสายตาแบบนี้ทีไรก็ต้องยอมแพ้ทุกที
“<<อ้าว ถ้าเราทำอีเลิร์นนิ่งแล้วพี่จะใช้อะไรทำงานล่ะคะ>>” เขาแกล้งย้อนถามหยั่งเชิง แต่ใจลึกๆ แอบคิดไว้แล้วว่าจะทำยังไง “<<งานพี่อยู่ในไอแม็คหมดเลย ขืนโปรดิวเซอร์ทวงงานแล้วพี่ไม่มีงานส่ง พี่ตายเลยนะใบหม่อน>>”
“<<งั้นก็ยืมแม็คบุ๊คพี่ไง นะๆๆ พี่ป๊อป>>” ใบหม่อนยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นการลองใจจากคนเป็นพี่
“<<เอางี้! ใบหม่อนจะว่าไงล่ะถ้าพี่จะซื้อแม็คบุ๊คให้เครื่องนึง เอาไหม?>>” สุดท้ายป๊อปก็ต้องถามคนเป็นน้องสาวจนได้
“<<จริงเหรอพี่ป๊อป?>>” ใบหม่อนถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินคำๆ นี้จากปากคนเป็นพี่ชาย ดวงตากลมโตคู่สวยลุกวาวเปล่งประกายบ่งบอกอาการดีใจ ‘ของฟรีแบบนี้ไม่เอาได้ไงล่ะพี่ป๊อป คริๆ’ หญิงสาวแอบต่อให้ในใจ
ป๊อปอดขำไม่ได้เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่น้องสาวแสดงออกมาให้เห็น “<<โอเค. พรุ่งนี้พี่เอางานไปส่งลูกค้า เดี๋ยวแวะซื้อให้เลย ดีไหมคะ>>”
ร่างสูงระหงลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปสวมกอดคนตัวใหญ่จนแน่น ตอนนี้ความรู้สึกแย่ๆ ที่เจอมาเมื่อบ่ายได้หายไปหมดแล้วเมื่อได้รับคำปลอบใจจากคนเป็นพี่ชาย และยิ่งดีใจขึ้นไปอีกเมื่อพี่ชายจะซื้อโน้ตบุ๊คให้ ทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
“แค่กๆ <<ใบหม่อน เดี๋ยวๆ พี่สำลักแล้วเนี่ย แรงเยอะเหมือนกันนะเรา>>”
หญิงสาวค่อยๆ คลายกอดจากร่างสูงใหญ่ของคนเป็นพี่ ก่อนเดินถอยห่างเล็กน้อยพอให้มีระยะหายใจ ใบหน้าสวยหวานยังคงฉีกยิ้มไม่หุบด้วยอาการดีใจ “<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป รักพี่ชายคนนี้ที่สุดเลย>>”
สองพี่น้องพูดคุยหยอกล้อกันระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นวันนี้ไปจนจบลงในเวลาไม่นานนัก คราวนี้ป๊อปยังคงทำหน้าที่ล้างจานทั้งสองใบ ปล่อยให้ใบหม่อนนั่งเขี่ยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือพร้อมกับดูละครจากทีวีจอใหญ่หน้าโซฟาใหญ่กลางห้องอย่างผ่อนคลายหลังจากเจอกับความรู้สึกแย่ๆ มาตั้งแต่บ่าย ใบหม่อนลอบมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนตรงอ่างซิงค์ กลีบปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มน้อยๆ แอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนได้ถึงขนาดนี้
....................................................................................................
“เฮ้อ เสร็จสักที” ป๊อปถอนหายใจเบาๆ หลังรีทัชภาพชิ้นสุดท้ายเสร็จ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงกวาดไปมาบนหน้าจอตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนกดเซฟและส่งงานให้กับโปรดิวเซอร์ประจำตัว แต่กระนั้นข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปทำงานเสร็จเร็วเกินไปปะเนี่ย :
นิ้วมือหนาพิมพ์ตอบบนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูคู่กายอย่างคล่องแคล่ว
@@POPENGL@@ : เออน่าบิว งานสเกลแค่สามวันกับสามรูป สบายๆ น่า :
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปตรวจยังเหอะ ถ้าหลุดขึ้นมางานเสีย หนูส่งงานให้คนอื่นทำแทนพี่เลยนะ :
@@POPENGL@@ : ตรวจก่อน พี่ว่าพี่ไม่น่าหลุดแล้วนะ นั่งตรวจแล้วตรวจอีกจนตาลายแล้วเนี่ย :
ปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ ปล่อยให้เขานั่งรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่ามีงานหลุดหรือไม่อย่างไร แต่แล้ว ปลายสายพิมพ์ข้อความตอบกลับมา
@@Bewpetch@@ : ไม่มีหลุดนะพี่ป๊อป พรุ่งนี้อย่าลืมล่ะไปพบลูกค้ากับหนูด้วย :
@@POPENGL@@ : ครับบิวตี้ เจอกันสิบโมงเช้าที่สาทรใช่ไหม :
@@Bewpetch@@ : จ้าพี่ป๊อป อื้ม มีงานโฆษณาของ H&M ห้ารูป สเกลงานสองอาทิตย์ พี่ป๊อปจะทำไหม? :
@@POPENGL@@ : อ่ะๆ ทำก็ทำ :
@@Bewpetch@@ : อะเครๆ เดี๋ยวส่งให้ตอนนี้เลย :
หลังคุยกับโปรดิวเซอร์คู่ใจเสร็จ นิ้วมือหนาเลื่อนไปเปิดกล่องแชตของแฟนสาว ก่อนพิมพ์ข้อความทักไป ขณะเดียวกันบนหน้าจอไอแม็คตรงหน้ากำลังเปิดดูสเปกของ Macbook แต่ละรุ่นอยู่
@@POPENGL@@ : พัชร ว่างไหมตอนนี้ :
@@Phattee@@ : คุยได้ป๊อป มีอะไรเหรอ :
@@POPENGL@@ : เรามีอะไรจะถามพัชรหน่อย เราว่าจะซื้อแม็คบุ๊คให้ใบหม่อนหน่อย พัชรว่าเราควรซื้อตัวไหนดี ระหว่าง Macbook Air หรือ Pro ดีล่ะ อยากเอาดีๆ ให้น้องเราไปเลย :
@@Phattee@@ : ก็แล้วแต่ป๊อปอ่ะ แต่ถ้าเค้าเป็นป๊อป เค้าซื้อ Macbook Pro ให้นะ เอารุ่นจอเล็กก็ได้ป๊อป น้องใบหม่อนจะได้พกง่ายๆ ไงล่ะ :
@@POPENGL@@ : ใจตรงกับเราเลยพัชร แฟนใครเนี่ย น่ารักจังเลย :
@@Phattee@@ : แหวะ แค่บังเอิญป่ะ แต่ถ้าเค้าเป็นน้องใบหม่อนนะ แค่รู้ว่าป๊อปจะซื้อ Macbook ให้ เค้าก็ดีใจแล้วล่ะ คริๆ :
@@POPENGL@@ : เราบอกน้องเราแล้วล่ะ น้องเราดีใจมากเลย กอดเราจนสำลักข้าวเลยล่ะ ตอนแรกน้องเราเจอเรื่องมา ร้องไห้ทียังกับท่อน้ำประปาแตกเลยล่ะ :
@@Phattee@@ : อื๋ม ป๊อปก็เคยเล่าให้เค้าฟังนี่ว่าน้องใบหม่อนขี้แยนี่นา อืมนี่ พรุ่งนี้เค้ามาค้างที่ห้องป๊อปได้ป่ะ เค้าอยากเจอน้องใบหม่อนด้วย :
@@POPENGL@@ : มาสิ พัชรมากี่โมงล่ะ พรุ่งนี้เราไปหาลูกค้าสิบโมงเช้า แวะซื้อแม็คบุ๊คอีก คงกลับมาถึงบ่ายแก่ๆ น่ะ :
@@Phattee@@ : งั้นเค้ามาพร้อมป๊อปก็ได้ ดีเลยเค้าจะได้แวะซื้อกับข้าวด้วย พรุ่งนี้ทำกับข้าวกินด้วยกันสิ เค้าอยากชิมฝีมือน้องใบหม่อนบ้างอ่ะ :
@@POPENGL@@ : ตามนั้นเลยพัชร พรุ่งนี้เจอกันนะที่รัก :
@@Phattee@@ : จ้า ป๊อปอย่าบ้างานจนนอนดึกล่ะเข้าใจไหม เค้าเป็นห่วงน้า :
@@POPENGL@@ : ครับ ฝันดีนะพัชร :
@@Phattee@@ : (ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์) :
ปากหยักคลี่ยิ้มขึ้นหลังจากอ่านข้อความสุดท้ายจากคนที่คิดถึง เงยหน้าหันไปทางโซฟาใหญ่กลางห้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเมื่อใบหม่อนเข้านอนไปแล้ว ใบหน้าคร้ามหันกลับมาที่หน้าจอไอแม็คตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาเลือกที่จะเริ่มทำงานใหม่ก่อนเผื่อลืมจนใกล้กำหนดส่ง เขาตั้งใจจะรับงานที่สเกลเล็กลงและไม่เยอะเกินไป เพราะหลังจากนี้ เขาตั้งใจจะให้เวลากับน้องสาวให้เต็มที่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ