เจ้าหญิงของฉัน
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) กลับบ้าน Pt.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันเขื่องที่ขับโดยป๊อปแล่นไปตามทางที่สองฟากฝั่งเรียงรายไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีกับการจราจรที่ค่อนข้างโล่งในเช้าวันศุกร์ วันนี้เขาถือโอกาสพาน้องสาวกลับบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลงมาอยู่ด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่ตัวเองเคลียร์งานโปรเจกต์ใหญ่บางส่วนเสร็จลงได้ แต่ไม่ลืมที่จะหอบแม็คบุ๊คกับเมาส์ปากกาที่เอาติดมือมาด้วยเผื่อต้องเคลียร์งานต่อ ถึงแม้จะตั้งใจไว้ว่าจะไม่แตะงานเลยตลอดเวลาอยู่บ้านก็ตาม ทางด้านฝ่ายคนถูกชวนตัดสินใจที่จะลางานถึงแม้จะยังไม่พ้นช่วงทดลองงานก็ตาม แต่โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนักที่คนเป็นพี่ชายจะชวนให้กลับบ้านด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายมักจะอิดออดไม่ยอมมาเพราะอ้างว่าติดงานบ้างอะไรบ้าง
มือหนาทั้งสองข้างจับพวงมาลัยที่ค่อนข้างหนักและตึงมือควบคุมยานพาหนะคู่ใจของตัวเองขับลัดเลาะมุดหลบยวดยานพาหนะร่วมทางที่ขับช้ากว่าอย่างคล่องแคล่วด้วยความเร็วเดินทางปกติถึงแม้เท้าข้างขวาจะอยากกดคันเร่งมากแค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงคนที่นั่งขัดสมาธิเล่นมือถืออยู่ข้างๆ แล้ว เขายอมได้ที่จะขับรถให้ช้าลงถึงแม้มันจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจมากก็ตาม
“<<ใบหม่อนหิวไหม>>” ปากหยักเอ่ยถามคนนั่งข้างๆ ทั้งที่ยังมองทางตรงหน้าอยู่
หญิงสาวผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างขัดใจเล็กๆ เพราะคำถามของคนเป็นพี่ชายแทรกเข้ามาขัดจังหวะที่ตัวเองกำลังแชตคุยกับชายคนรักอยู่เพลินๆ เสียงใสเอ่ยตอบกลับไปแบบส่งๆ “<<ยังไม่หิวหรอกพี่ป๊อป พี่ป๊อปขี่รถต่อเถอะ>>”
“<<อืม>>” คนตัวใหญ่ส่งเสียงตอบรับในลำคอ ที่ถามเช่นนี้เพราะรู้สึกเป็นห่วงเพราะตั้งแต่เช้าทั้งสองไม่ได้ทานอะไรมากนักนอกจากข้าวเหนียวหมูปิ้งที่คนเป็นน้องสาวสั่งซื้อจากเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่ชื่อหมูหยองเท่านั้น
ใบหม่อนยังเพลิดเพลินกับการแชตคุยกับแฟนหนุ่มผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือ ยิ่งได้รับไอเย็นจากแอร์ภายในตัวรถที่พี่ชายปรับอุณหภูมิไว้ค่อนข้างต่ำและลมแรงพอสมควรและยานพาหนะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะซิ่งหรือแข่งกับเพื่อนร่วมทางแม้แต่น้อยทำให้รู้สึกสบายใจและปลอดภัยอยู่ไม่น้อย หญิงสาวทิ้งร่างลงเอนไปกับพนักพิงหลังเบาะที่เจ้าตัวปรับให้เอนลงและดันให้เบาะเลื่อนมาข้างหน้าตามปกติทุกครั้งที่ได้นั่งรถคันนี้
รถแวนเจ็ดที่นั่งแล่นมาเรื่อยๆ จนพ้นเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาล่วงเข้าสู่เขตอำเภอบางปลาม้าของจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ป๊อปค่อยๆ กดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย อยากจะให้ถึงบ้านเร็วๆ แต่กลับไม่เป็นดังหวังเมื่อต้องชะลอเป็นระยะจากการปิดเบี่ยงจราจรปรับปรุงเส้นทางครั้งใหญ่ ทำเอานายสารถีเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาจนแสดงออกทางสีหน้าและเสียงพ่นลมหายใจที่แรงขึ้นจนคนนั่งข้างๆ สังเกตได้
“<<พี่ป๊อปใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วน้า>>” เสียงใสเอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนหวานพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้คนขี้หงุดหงิด
ได้ผลเมื่อคนตัวใหญ่เริ่มใจเย็นขึ้น แต่ไม่วายที่จะพ่นลมหายใจแรงๆ ทิ้งท้ายหนึ่งทีจนหญิงสาวรีบหุบยิ้มและต่อว่าให้ทันที
“<<พี่ป๊อปอ่ะหายใจแรงยังกับวัวควายเลย>>”
ป๊อปแทบสะอึกเมื่อได้ยินน้องสาวต่อว่าให้แบบนี้ พยายามเก็บอาการที่แสดงออกทางสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้สักที ไม่ได้นึกโกรธเคืองคนเป็นน้องแต่อย่างใด แต่นึกโกรธตัวเองเสียมากกว่าที่ตัวเองยังเป็นคนกระโตกกระตากเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ไม่ได้สักที ถึงแม้จะนิ่งขึ้นตามวัยบ้างแล้วก็ตาม
เมื่อล่วงเข้าสู่เขตตำบลสาลีอันเป็นช่วงสิ้นสุดงานปรับปรุงผิวการจราจร การจราจรข้างหน้ากลับมาโล่งเหมือนเดิมทำให้ชายหนุ่มกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งเมื่อได้กลับมาเหยียบคันเร่งพานพาหนะคู่ใจเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วค่อนข้างสูงเหมือนเดิม ใบหน้าคร้ามกลับมายิ้มได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากตีสีหน้าแสดงอาการหงุดหงิดอยู่พักใหญ่ แต่กลับกลายเป็นใบหม่อนต้องหวาดผวาแทนเมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มขับรถเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“<<พี่ป๊อปอย่าซิ่ง หนูจะอ้วกแล้วเนี่ย>>”
หญิงสาวรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมาจริงๆ เมื่อเห็นพี่ชายเริ่มขับรถเร็วขึ้นซ้ำยังหักพวงมาลัยปาดมุดไปมาระหว่างยวดยานพาหนะร่วมทางที่ขับด้วยความเร็วต่ำกว่า นึกเอือมๆ ในใจอยู่ไม่น้อย ‘พี่ป๊อปนี่น้า ขี่รถปาดไปปาดมาอยู่นั่น ชนขึ้นมาจะรู้สึก ชิ’ แอบต่อว่าในใจ
จากอำเภอบางปลาม้าล่วงเข้าสู่เขตตัวเมือง ถึงแม้จะอยู่บนเส้นเลี่ยงเมืองก็ต้องกลับมาเจอกับการจราจรที่หนาแน่นอีกครั้งเพราะเป็นเช้าวันศุกร์ วันทำการวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทั้งบรรดารถรับส่งนักเรียนที่วิ่งขวักไขว่เต็มไปหมดและรถส่วนบุคคลที่หาช่องเบียดแทรกเข้ามาเมื่อมีที่ว่างหวังจะให้ไปทันเวลาทำงานจนคนตัวใหญ่เริ่มกลับมามีอาการหงุดหงิดอีกครั้งหนึ่ง แต่หงุดหงิดได้ไม่นานนักเมื่อพ้นจากสามแยกถนนมาลัยแมนได้แล้ว การจราจรข้างหน้าเริ่มกลับมาเคลื่อนตัวได้คล่องอีกครั้งหนึ่ง
“<<จะถึงแล้วนะใบหม่อน>>”
“<<จ้าพี่ป๊อป ค่อยๆ ขี่รถไปนะ หนูไม่รีบ>>”
ถึงปากบอกไม่รีบ แต่จริงๆ แล้วในใจของหญิงสาวอยากให้ถึงบ้านเร็วที่สุดเพราะอยากกลับไปเจอกับแม่คุณเต็มทนแล้ว
ป๊อปได้ฟังดังนั้นแล้วเท้าขวาที่กำลังกดคันเร่งอยู่ค่อยๆ ผ่อนลงมาจนอยู่ในระดับความเร็วเดินทางปกติ จนเมื่อมาถึงแยกโพธิ์พระยาอันเป็นที่หมายแรก มือหนาทั้งสองข้างค่อยๆ หักพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้สักพักหนึ่งก่อนหักเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสายรองที่คุ้นตาพร้อมกับลดความเร็วลงอีกให้อยู่ในระดับที่พร้อมจะเบรกให้คนข้ามถนนหรือรถเลี้ยวได้ตลอดเวลา แล่นไปเรื่อยๆ จนมองเห็นยอดเจดีย์จุฬามณีของวัดวรจันทร์ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้าน
ป๊อปปล่อยมือออกจากพวงมาลัยยกมือไหว้จุฬามณีเจดีย์ทันทีที่เห็นก่อนกลับมามุ่งสมาธิกับการขับรถต่อ ขณะเดียวกันใบหม่อนหันไปยกมือไหว้ด้วยเมื่อผ่าน จนมาเจอสี่แยกไฟแดงย่อยข้างหน้า ข้ามไปอีกฟากหนึ่งของแยกเมื่อไฟเขียวขึ้น ขับเลาะเข้าไปสักพักเลี้ยวเข้าสู่ทางย่อยที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทางที่คุ้นเคยจนมาถึงบริเวณรั้วบ้านสองชั้นหลังค่อนใหญ่ข้างท่ามกลางร่มไม้ใหญ่ริมแม่น้ำท่าจีน อันเป็นบ้านที่ทั้งสองพี่น้องเคยใช้ชีวิตร่วมกันในตอนเด็ก...
“<<พี่ป๊อปเดี๋ยวหนูลงไปเปิดประตูให้>>” เสียงใสเอ่ยปากกับคนเป็นพี่ชายอย่างร่าเริง ด้วยอาการดีใจที่ได้กลับบ้านอีกครั้ง
ร่างสูงระหงในชุดเสื้อแข่งเหย้าของทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ก้าวลงจากรถเอสยูวีเจ็ดที่นั่งคันเขื่องเดินไปยังประตูรั้วเหล็กดัดสภาพกลางเก่ากลางใหม่ หยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงยีนขาตรงเข้ารูปออกมาไขปลดล็อกและจัดการเปิดประตูให้กว้างพอที่พี่ชายจะถอยรถเข้าไปได้อย่างสะดวก
เสียงเครื่องยนต์ดีเซลดังกระหึ่มราวกับโรงสีข้าวขนาดย่อมพร้อมกับเสียงเห่าของบรรดาสุนัขที่เลี้ยงไว้ดังแว่วไปถึงข้างใน หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านลุกจากโซฟาหลังย่อมใจกลางห้องนั่งเล่น คว้าไม้เท้าคู่กายพยุงตัวเดินช้าๆ ออกมาดูว่ามีใครมาที่บ้าน และแล้ว รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจผุดขึ้นบนใบหน้างามพริ้งที่เหี่ยวย่นไปตามวัยเมื่อได้เห็นร่างสูงระหงของหลานสาวสุดที่รักกำลังเปิดประตูรั้วแถมยังโบกให้รถแวนสีดำที่ขับโดยหลานชายถอยเข้ามาจอดข้างใน
ร่างระหงของหญิงชราค่อยเดินออกมานอกตัวบ้านอย่างช้าๆ ถึงแม้จะเร่งรีบแค่ไหนก็ตาม รู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่ได้เห็นหลานสาวสุดที่รักพา “หลานชายคนโต” กลับมาบ้านได้หลังจากต้องรอมาถึงสองปีกว่าๆ เกือบสามปี
เมื่อรถแวนเจ็ดที่นั่งจอดสนิทพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่ดังกระหึ่มเงียบลง ร่างสูงระหงในเสื้อแข่งสีแดงเดินไปปิดประตูรั้วบ้านเสร็จ บังเอิญหันมาสบตากับคนที่เจ้าตัวกำลังคิดถึงอยู่ ไม่รอช้ารีบเดินปรี่เข้าไปกอดทันทีด้วยความคิดถึง
“<<แม่คุณจ๋า หนูกลับมาแล้ว คิดถึงแม่คุณจังเลย>>”
ร่างสูงระหงโผเข้ากอดร่างท้วมบางของหญิงชราด้วยอาการดีใจเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ลืมที่จะอ้อนผู้อาวุโสที่เรียกว่าแม่คุณเหมือนกับเมื่อตอนยังเด็ก
“<<แม่คุณก็คิดถึงหนูเหมือนกันแหละจ้า>>”
“<<วันนี้หนูพาพี่ป๊อปกลับบ้านได้แล้วน้า แม่คุณดีใจไหมจ๊ะ>>” ร่างสูงระหงยังคงกอดหญิงชราไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการดีใจเป็นที่สุด
ทางด้านป๊อปเดินลากกระเป๋าเดินทางใบเขื่องของหญิงสาวพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่บรรจุเสื้อผ้าและแม็คบุ๊คของตัวเองเดินเข้ามาหาหญิงชราที่ตอนนี้คนเป็นน้องสาวกอดเอาไว้แน่นราวกับว่าจะหายไป รอยยิ้มแห่งความดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามที่เต็มไปด้วยหนวดเคราเมื่อได้สบตากับคนตรงหน้า
“<<แม่คุณสวัสดีครับ>>”
“<<มาไอ้หมาหลานรักของแม่คุณ มาให้แม่คุณกอดหน่อย>>” หญิงชราร้องเรียกหลานชายสุดที่รักตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสดใส บ่งบอกถึงอาการดีใจที่ได้เห็นหน้าหลานชายคนนี้อีกครั้ง
คนตัวใหญ่วางสัมภาระลงและเดินเข้ามาสวมกอดกับหญิงชราด้วยอาการตื้นตันใจไม่แพ้คนที่เพิ่งร้องเรียกเขาเมื่อสักครู่ ไม่ลืมที่จะเอื้อมแขนไปสวมกอดกับร่างสูงระหงของน้องสาวที่กอดอยู่ด้วยกัน
“<<ผมก็คิดถึงแม่คุณเหมือนกันครับ>>”
“<<ดูสิไปอยู่กรุงเทพฯ ซะนาน ไว้หนวดไว้เครายังกับโจรแน่ะไอ้หมาเอ๊ย>>” แม่คุณเอ่ยขึ้นมาหลังจากได้เห็นหน้าของหลานชายที่ห่างหายจากกันไปนาน นัยน์ตาคู่สวยภายใต้เปลือกตาอันเหี่ยวย่นมองใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราของหลานชายอย่างพินิจพิเคราะห์ ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบคนไว้หนวดไว้เคราเท่าไหร่นัก แต่สำหรับหลานชายสุดที่รักคนนี้แล้ว ถือว่าเป็นข้อยกเว้น
ทั้งสองต่างโอบกอดร่างท้วมของหญิงชราไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปจนคนโดนกอดเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะหลานทั้งสองช่างแรงเยอะเสียเหลือเกิน
“<<ไอ้หมา นังหนูใบหม่อนลูก แม่คุณหายใจไม่ออก>>”
ทั้งสองพร้อมใจกันคลายอ้อมกอดไว้เพียงหลวมๆ เมื่อได้ยินประกาศิตจากแม่คุณ ขณะที่ใบหม่อนล้วงสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินขึ้นมาเปิดโหมดกล้องหน้ารอไว้แล้ว
“<<พี่ป๊อป แม่คุณจ๋า ถ่ายรูปด้วยกันน้า>>”
ฝ่ายหญิงชราให้ความร่วมมือกับหลานสาวสุดที่รักเป็นอย่างดีด้วยการฉีกยิ้มกว้างสู้กล้อง ผิดกับคนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปที่เวลาถ่ายรูปด้วยกันมักทำสีหน้าตายเกือบตลอด หรืออย่างดีมีเพียงแต่รอยยิ้มน้อยๆ เท่านั้น แทบจะนับครั้งได้ที่เขาจะคลี่ยิ้มจนสุดปากเหมือนกับคนอื่นเวลาถ่ายรูปกัน
นิ้วเรียวสวยกดชัตเตอร์สั่งให้อุปกรณ์ในมือเก็บภาพประทับใจในวันที่ได้อยู่กับพร้อมหน้าสามคนยายหลานเป็นครั้งแรกในรอบสองปีก่อนลดมือลงให้เห็นได้ถนัด ดวงตากลมโตเหลือบลงมองรูปถ่ายในหน้าจอโทรศัพท์อย่างประเมิน เห็นหน้าคนเป็นพี่ชายยังทำหน้าตายไม่เปลี่ยนก็อดที่จะบ่นไม่ได้
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ไม่ยิ้มเลย>>” พูดจบแล้วพ่นลมหายใจแรงหนึ่งทีด้วยความรู้สึกขัดใจ แต่ตอนนี้คนโดนบ่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินเลี่ยงไปลากกระเป๋าเดินทางใบโตกับกระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนเดินกลับมาหา
“<<มาๆ เข้าบ้านก่อนเถอะไอ้หมา นังหนูล้างหน้าล้างตาเก็บข้าวเก็บของก่อนเถอะ>>”
สิ้นเสียงประกาศิต ทั้งสองพี่น้องต่างพากันเดินตามผู้อาวุโสเข้าไปในตัวบ้าน โดยเฉพาะป๊อปที่รับภาระลากกระเป๋าเดินทางใบเขื่องของน้องสาว ไหนจะต้องแบกกระเป๋าเป้อันแสนหนักของตัวเองอีก
“<<พี่ป๊อป เอากระเป๋าไปไว้ในห้องให้หนูหน่อย อ่ะนี่กุญแจห้อง หนูไปเข้าห้องน้ำก่อนน้าพี่ชาย ปวดชิ้งฉ่องอ่ะ คริๆ>>” ใบหม่อนหันมาออกคำสั่งกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับยื่นกุญแจห้องให้ รีบผละออกไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ป๊อปเหลือบตาลงมองกุญแจห้องของหญิงสาวในมือก่อนเงยหน้ามองตามร่างสูงระหงที่เดินจากไป ปากหยักลอบยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา หันไปทางผู้อาวุโสที่กำลังส่งยิ้มอันแสนอบอุ่นมาให้
“<<แม่คุณดูสิครับ มาถึงใบหม่อนก็ใช้ผมแล้วเนี่ย>>” ถือโอกาสพูดตัดพ้อเสียเลย
แม่คุณส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ พลันส่งสายตาเอ็นดูมายังหลานชายคนโต “<<ก็เอ็งยอมน้องมาตั้งยี่สิบหกปีแล้วไม่ใช่เร้อ รีบๆ ขึ้นไปเถอะไอ้หมาเดี๋ยวน้องเอ็งจะบ่นเอา ฮิๆๆ>>” พูดจบส่งเสียงหัวเราะดังลั่นทิ้งท้าย
ถูกย้อนถามกลับมาแบบนี้ทำให้คนตัวใหญ่อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ เอื้อมมือคว้ามือจับกระเป๋าของหญิงสาวกดพับลงไปไม่ให้เกะกะและยกขึ้นด้วยมือข้างเดียวเดินขึ้นบันใดสู่ชั้นสองอย่างยากลำบาก
...................................................................................
คนตัวใหญ่แบกกระเป๋าทั้งสองใบที่แสนหนักอึ้งขึ้นมาถึงชั้นสองของตัวบ้านก่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางใบเขื่องลงกับพื้นพร้อมกับอาการโล่งเมื่อวางเสร็จหลังจากต้องแบกขึ้นบันใดอยู่นาน นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองไปยังประตูห้องนอนของทั้งคู่ที่อยู่ติดกันด้านซ้ายมือของโถงบันใด แข็งใจเดินแบกกระเป๋าทั้งสองใบต่อไปอีกนิดจนถึงห้องที่หมาย สิ่งแรกที่เขาทำก็คือไขกุญแจห้องของน้องสาวเข้าไปเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เสียก่อน พลันจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยปนกับกลิ่นอับอบอวลไปทั่วห้อง ชำเลืองมองรอบๆ ห้องที่ดูเหมือนจะโล่งกว่าแต่ก่อนเพราะคนเป็นเจ้าของห้องเล่นขนตุ๊กตาไปไว้ที่ห้องเขาที่กรุงเทพฯ จนเกือบหมด
ป๊อปยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เก็บของในห้องตัวเอง กำลังจะหันกลับไปเปิดประตูจะออกไปที่ห้องตัวเอง ประจวบเหมาะกับคนเป็นเจ้าของเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“<<อ้าวใบหม่อน>>” ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อเจ้าของห้องด้วยอาการตกใจเล็กๆ
“<<พี่ป๊อปยังไม่ไปเก็บของในห้องอีกเหรอ ดีเลย งั้นช่วยหนูจัดห้องหน่อยน้า>>” ใบหม่อนรีบอ้อนคนเป็นพี่ชายทันที
ป๊อปรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวของเขาต้องมาไม้นี้ และยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย ว่าแล้วเขาเดินย้อนกลับไปยังเตียงนอนไม้หลังใหญ่กลางห้องอีกครั้ง ลงมือเปิดกระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่วางอยู่ตรงกลางให้ใบหม่อนจัดการเคลียร์ของออกมาก่อน แต่อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นตุ๊กตามัสคอตแบรนด์รถยนต์ที่หญิงสาวใช้อยู่นอนแอ้งแม้งเหนือเสื้อผ้าและของใช้จุกจิกกับแม็คบุ๊คที่พกติดมาด้วย
“<<ท่าจะติดตุ๊กตาตัวนี้จริงๆ นะเรา>>”
มือหนาหยิบตุ๊กตามัสคอตตัวนี้ออกมาก่อน ปล่อยให้หญิงสาวลงมือหยิบของออกมาจากกระเป๋าต่อ แอบชำเลืองมองใบหน้าสวยหวานที่นิ่งสนิทบ่งบอกว่าใช้สมาธิอยู่กับการเคลียร์ของอยู่ แอบเห็นกลีบปากอิ่มสวยได้รูปเหยียดยิ้มบางๆ
“<<ก็ตุ๊กตาตัวนี้หนูได้มาพร้อมกับรถของหนูนี่นา>>” เสียงใสเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตยังจับจ้องอยู่ที่กองเสื้อผ้าของตัวเองในกระเป๋าอยู่ เอื้อมมือลงไปหยิบกองเสื้อผ้าที่ล้วนแต่เป็นชุดอยู่บ้านออกมาจากกระเป๋ามาส่งให้กับคนเป็นพี่ชาย
“<<พี่ป๊อป หนูวานเอาเสื้อผ้าหนูไปเก็บในตู้หน่อยสิ>>”
มือหนาเอื้อมไปรับกองเสื้อผ้าที่ถูกพับไว้เรียบร้อยก่อนลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่อยู่ติดผนังห้องไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก เปิดประตูตู้เสื้อผ้าก่อนเก็บเสื้อผ้าของหญิงสาวเข้าไปและปิดไว้เหมือนเดิม
“<<ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมใบหม่อน เดี๋ยวพี่ไปเก็บของพี่ก่อนนะ>>”
ยังไม่ทันที่คนตัวใหญ่จะเดินออกจากห้องไป ร่างสูงระหงรีบปิดกระเป๋าเก็บคืนที่เดิม ลุกจากเตียงนอนเดินตรงรี่มาหา มือเล็กเอื้อมคว้าข้อมือใหญ่ของคนเป็นพี่ชายไว้แน่น
“<<ให้หนูไปช่วยพี่เก็บของด้วยน้า>>”
นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองน้องสาวที่กำลังทำแก้มป่องส่งสายตาอ้อนวอนจนทำให้เขาต้องยอมทุกครั้งที่ได้เห็น ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
“<<ฮิๆ ได้สิ ที่จริงไม่ต้องไปก็ได้นะของพี่มีไม่เยอะหรอก เก็บแป๊ปเดียวก็เสร็จ>>”
สองพี่น้องเดินมายังห้องนอนของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่ชั่วผนังกั้นเพราะประตูห้องทั้งสองอยู่ติดกัน ไม่ทันที่คนเป็นเจ้าของห้องจะหยิบกุญแจห้องออกมา ใบหม่อนชิงหยิบกุญแจสำรองที่อีกฝ่ายให้ไว้เมื่อนานมาแล้วไขเปิดประตูให้เสียก่อนและเดินนำหน้าเจ้าของห้องเข้าไปข้างใน...
ป๊อปเดินตามคนเป็นน้องสาวเข้ามาในห้องนอนที่ไม่ได้เห็นนานถึงสองปีกว่านับตั้งแต่เขาหันมาจับงานฟรีแลนซ์เต็มตัว มองไปรอบด้วยๆ ความรู้สึกคิดถึงอยู่ไม่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องที่เคยรกเละเทะถูกจัดวางใหม่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นตู้แอมป์ซ้อมแบรนด์ญี่ปุ่นที่เคยใช้สมัยเรียนมัธยมที่เดิมขี้ฝุ่นจับจนเขรอะแต่ตอนนี้กลับมาดูสะอาดใหม่เอี่ยม มีเพียงแต่คราบขี้ฝุ่นเกาะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใกล้ๆ เป็นขาตั้งกีตาร์อันว่างเปล่าทั้งสองอันวางคู่กันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มองไปทางตู้เสื้อผ้ายังเห็นเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตตัวเดิมที่ไม่ได้ใส่มานานแขวนอยู่ หันกลับมาที่เตียงนอนหลังย่อมกลางห้องที่ผ้าปูที่นอนอยู่ในสภาพตึงเปรี๊ยะเรียบร้อยในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
“<<ตอนพี่ป๊อปไม่อยู่ หนูนี่แหละเข้ามาทำความสะอาดห้อง เก็บของให้เองแหละ>>” ใบหม่อนหันมาเอ่ยกับคนเป็นเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงราบเรียบน่าฟังเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ส่งสายตาเชิงคาดโทษใส่เท่านั้น “<<หนูเข้ามาแล้วเห็นห้องรกๆ แบบนี้แล้วทนไม่ได้หรอก รู้อยู่ว่าพี่ชายของหนูขี้เกียจแม้แต่จะเก็บห้องจนหนูต้องมาเก็บให้นี่แหละ>>”
คนเป็นเจ้าของห้องถึงกับหน้าม้านเมื่อถูกน้องสาวว่าให้ถึงแม้จะไม่ได้จริงจังมากนัก ยอมรับความจริงว่าตอนยังอยู่บ้านแทบจะไม่เก็บห้องให้เรียบร้อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ปล่อยให้รกตลอดจนใบหม่อนทนไม่ไหวต้องเข้ามาเก็บห้องให้ทุกครั้ง แม้ในวันที่เขาย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ และนานๆ ครั้งจะกลับมาทีจนถึงสองปีหลังสุดที่ไม่ได้กลับมาเลย นึกขอบคุณหญิงสาวที่เข้ามาช่วยทำความสะอาดและเก็บห้องให้จนเป็นระเบียบเรียบร้อยถึงขนาดนี้ แม้ในวันที่มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วันไหนที่เขาไม่อยู่ห้อง หญิงสาวยังคงเข้ามาทำความสะอาดและเก็บห้องให้เหมือนเดิม...
กระเป๋าเป้ใบเขื่องถูกวางลงบนเตียง ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงเปิดกระเป๋าเผยให้เห็นของที่อยู่ข้างใน มีเพียงเสื้อผ้าอยู่บ้านไม่กี่ชุดกับของใช้ส่วนตัว สายชาร์จโทรศัพท์ และแม็คบุ๊คพร้อมเมาส์ปากกาเท่านั้น
ใบหม่อนถึงกับย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจเมื่อได้เห็นของที่อยู่ข้างในโดยเฉพาะเมาส์ปากกา หันไปถามคนเป็นพี่ชายด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม “<<นี่พี่ป๊อปยังจะหอบงานมาทำอีกเหรอ กลับบ้านทั้งทีหนูอยากให้พี่ป๊อปให้เวลากับหนูบ้างนะ>>”
ความรู้สึกผิดเริ่มจับเข้าที่ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราที่เริ่มนิ่งเฉย ดวงตาสองชั้นหลบเหลือบมองต่ำ พ่นลมหายใจออกมาราวกับจะถอนทิ้งให้หมด เงยหน้าขึ้นมามองดวงตากลมโตคู่สวยที่มองมาด้วยความรู้สึกผิดหวังระคนน้อยใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย
“<<น้องขอนะพี่ป๊อป กลับมาบ้านน้องขอให้พี่ป๊อปได้พักบ้าง ให้เวลากับแม่คุณ ให้เวลากับพ่อแม่กับน้องบ้างนะ>>”
ป๊อปรู้สึกหวิวในใจแปลกๆ เมื่อได้ยินเสียงใสปนสะอื้นเอ่ยปากขอร้องกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเริ่มน้อยใจแล้ว ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้วที่ได้เห็นหญิงสาวเริ่มทำท่าจะร้องไห้ ร่างสูงผุดลุกขึ้นคว้าร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ปากหยักได้รูปเริ่มพูดปลอบใจ
“<<พี่ขอโทษนะคะใบหม่อน ไม่ร้องนะคะ>>”
มือหนาค่อยๆ ลูบแผ่นหลังบางอย่างนุ่มนวลเบามือแผ่ไออุ่นให้คนเป็นน้องสาวได้รับรู้ แต่ตอนนี้สาวเจ้าเอาหน้าเข้าไปซุกกับอกแกร่งส่งเสียงสะอึกสะอื้นขึ้นมาแล้ว
“<<ตอนแรกพี่คิดว่าจะเอางานมาแก้นิดนึงน่ะ แต่เราขอพี่ขนาดนี้พี่ไม่ทำแล้วนะคะ พี่สัญญานะว่าพี่จะให้เวลากับเรา ให้เวลากับครอบครัวของเรานะคะใบหม่อน ไม่ร้องนะคะ พี่ไม่ทำงานแล้ว>>”
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของคนเป็นพี่ชายด้วยสายตาที่ไม่เชื่อใจนัก “<<สัญญาแล้วนะพี่ป๊อป ฮึก>>”
“<<ค่ะ พี่สัญญา>>” ป๊อปพยักหน้าหนึ่งทีพร้อมกับตอบรับเสียงหนักแน่น ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างยืนยันคำสัญญาอีกที
ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างดันร่างระหงของหญิงสาวให้ออกห่างในระยะที่หายใจได้ มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่สั่นไหวระริกไม่หยุดจนเริ่มแดงก่ำ เห็นน้ำใสๆ ไหลคลอบนขอบตาที่เริ่มบวมช้ำก็อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตาออก
“<<ดูสิ ใบหม่อนตาบวมแบบนี้ไม่สวยเลย>>” พูดจบปากหยักยิ้มฉายแววขี้เล่นเล็กๆ
ปากอิ่มกำลังจะคลี่ยิ้มกลับต้องหุบลง ดวงตากลมโตถลึงดุใส่อย่างขัดใจเมื่อโดนพี่ชายแกล้งแหย่เข้าให้ “<<ว่าหนูไม่สวยเหรอพี่ป๊อป ใช่สิ หนูไม่สวยเหมือนพี่พัชรนี่>>”
“<<แน่ะ อารมณ์ดีแล้วนี่ เมื่อกี้ยังว่าพี่ยังจะร้องไห้อยู่เลย ฮิๆ>>” ป๊อปได้โอกาสเริ่มทำเสียงล้อเลียนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“<<อีพี่ชายบ้า>>” คราวนี้มือเล็กยื่นมาฟาดที่ท่อนแขนใหญ่อย่างเต็มรัก “<<ชอบแกล้งหนูใช่ไหม ได้ หนูฟ้องแม่คุณแน่ว่าพี่ป๊อปชอบแกล้งหนู ดีเลย จะได้คิดทบยอดหัวท้ายเลยตั้งแต่หนูลงไปอยู่ด้วย พี่ป๊อปแกล้งหนูไม่หยุดเลย>>”
ถึงจะยอมน้องสาวคนนี้มากแค่ไหน แต่เรื่องนี้ขอทีเถอะ “<<ว้าย เด็กขี้ฟ้อง เด็กโข่งอายุย่างยี่สิบเจ็ดขี้ฟ้องว่ะ ฮ่าๆๆๆ>>”
“<<ไปเก็บของได้แล้ว>>” ใบหม่อนตัดบทด้วยการชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้ที่เปิดอยู่ ออกปากไล่ให้พี่ชายกลับไปเก็บของอีกครั้งเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีก ที่ถูกต้องคือไม่อยากถูกพี่ชายล้อเลียนมากกว่า
ป๊อปยอมกลับไปให้ความสนใจกับสัมภาระของตัวเองต่อแต่โดยดีเมื่อถูกอีกฝ่ายไล่ ส่ายศีรษะทุยได้รูปไปมาพร้อมกับลอบยิ้มให้กับตัวเอง นึกขึ้นมาในใจ ‘ฮื้อ ใบหม่อนตอนเด็กเป็นยังไงตอนโตก็ไม่เปลี่ยนเลยนะ บทจะเป็นผู้ใหญ่ก็ผู้ใหญ่เกิ๊น บทจะทำตัวเป็นเด็กก็เด็กเหลือเกิน ฮิๆ ยังไงพี่ก็ยอมให้เราอยู่แล้วล่ะไม่ต้องฟ้องหรอกค่ะ’
เวลาผ่านไปหลังจากที่คนเป็นเจ้าของห้องกับผู้ช่วยมือหนึ่งช่วยกันเก็บของจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อกระเป๋าเป้ใบเขื่องถูกคนเป็นเจ้าของเอาไปแขวนที่หน้าประตูตู้เสื้อผ้าอีกบานแล้ว
“<<พี่ป๊อปลงไปข้างล่างเถอะ เดี๋ยวแม่คุณรอนาน>>”
ใบหม่อนไม่รอช้ารีบคว้าข้อมือใหญ่ของพี่ชายตัวเองให้เดินลงไปข้างล่างด้วยกันโดยไม่ทันระวังว่าอีกฝ่ายจะเซจวนเจียนจะล้มเอาเพราะแรงของสาวเจ้าที่มีอย่างล้นเหลือนั่นเอง
“<<เดี๋ยวๆ พี่จะล้มแล้วใบหม่อน>>”
.............................................................................................
ทั้งสองพากันเดินลงบันใดมายังชั้นล่างของบ้าน เห็นแม่คุณนั่งดูละครบนเก้าอี้โยกตัวเดิมอยู่ ทันใดนั้นใบหน้าสวยที่หย่อนยานไปตามวัยหันมาส่งยิ้มให้เมื่อเห็นหลานๆ ทั้งสองเดินเข้ามาหา
“<<ไอ้หมา นังหนูใบหม่อน ขึ้นไปทำอะไรข้างบนนานจังลูก>>”
“<<อ๋อ เก็บของน่ะสิครับ โดยเฉพาะของใบหม่อนเนี่ยโคตรเยอะเลยครับ ตอนขนไปห้องผมนี่ยังกับย้ายบ้านเลย พอกลับมาก็ทำยังกับจะย้ายบ้านอีกน่ะครับ แหะๆ>>” ป๊อปให้คำตอบกับผู้อาวุโสไปกลั้วหัวเราะไป แอบแซะคนเป็นน้องสาวสักหน่อย
ได้ผลเมื่อใบหม่อนถลึงตาดุและแยกเขี้ยวใส่พี่ชายปากสว่าง ไม่รีรอที่จะหันมา ‘ฟ้อง’ แม่คุณต่อ “<<แม่คุณจ๋า ดูพี่ป๊อปสิ ทำไมชอบว่าหนูด้วยอ่ะ>>” ร่างสูงระหงย่อตัวลงเข้าไปอ้อนแม่คุณทันที แอบหวังว่าแม่คุณจะทำโทษพี่ชายบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่า...
“<<ใบหม่อนเอ๊ย โตๆ กันแล้วนะลูก ยังขี้ฟ้องเป็นเด็กอยู่เลยนะ>>” แม่คุณเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปลูบผมยาวสลวยถูกรวบตึงเผยให้เห็นหน้าผากโค้งมนของหลานสาวอย่างเอ็นดู “<<ไอ้หมามันก็โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว จะให้แม่คุณตีตูดไอ้หมาเป็นด็กๆ อีกทำไมล่ะ>>” พูดจบแล้วคลี่ยิ้มอันอ่อนโยนให้หลานสาวอีกหนึ่งที
ป๊อปแกล้งทำหน้าล้อเลียนใส่คนขี้อ้อน เงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่คุณส่งสายตาดุใส่เป็นเชิงปรามจนตอนนี้หน้าชาดิกไปแล้ว
“<<ไอ้หมา เอ็งก็อายุสามสิบเอ็ดแล้วนะ ทำไมยังชอบแกล้งน้องแบบนี้ล่ะลูก>>”
“<<แบร่...สมน้ำหน้า>>”
ใบหม่อนหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกใส่คนที่เพิ่งโดนว่าไปเมื่อสักครู่ก่อนเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ ทางด้านแม่คุณเห็นว่าหลานทั้งสองเริ่มเปิดฉากทะเลาะกันต่อหน้า
“<<พอได้แล้วทั้งพี่ทั้งน้องแหละ ไปๆๆ กินข้าว นี่แม่เอ็งทำกับข้าวเผื่อไว้ให้แล้วอยู่หลังครัวโน่นนะลูก ไปอุ่นเอานะลูกนะ>>”
สองพี่น้องยอมสงบศึกชั่วคราวเมื่อได้ยินคำของแม่คุณ พลันท้องเจ้ากรรมของทั้งคู่เริ่มประท้วงเพราะตั้งแต่เช้าแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากข้าวเหนียวหมูปิ้งเท่านั้น ทั้งสองรีบพากันเดินเข้าไปยังหลังครัว เห็นกับฝาชีใบเขื่องกลางโต๊ะกินข้าว คนเป็นน้องเดินตรงรี่ไปเปิดฝาชีเพื่อจะดูว่าข้างในนั้นมีอะไรก่อนหันมาร้องเรียกคนตัวใหญ่ที่เดินแยกไปหยิบน้ำที่ตู้เย็นมาดื่มแก้คอแห้ง
“<<พี่ป๊อปๆ มาดูนี่สิ แม่ทำน้ำตกหมูของโปรดพี่ป๊อปด้วยน้า>>”
ได้ยินดังนั้นป๊อปรีบเดินกลับมายังโต๊ะกินข้าวก่อนหยุดลงใกล้ๆ ร่างสูงระหงที่ร้องเรียกเขาเมื่อสักครู่ ก้มลงดูกับข้าวหลากหลายจานบนโต๊ะอย่างประเมิน
“<<อืมๆ ไปคดข้าวกันเถอะ หิวแล้วไม่ใช่เหรอเรา>>” ป๊อปหันไปหาคนเป็นน้องสาว แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงความว่างเปล่าเมื่อร่างสูงระหงของสาวเจ้าเดินไปที่หม้อหุงข้าวเสียก่อน
ใบหม่อนถือจานข้าวสวยที่ผ่านการอุ่นจนร้อนส่งกลิ่นหอมฉุยทั้งสองใบเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าวอีกครั้งหนึ่ง จัดแจงวางจานข้าวไว้ตรงที่นั่งของแต่ละคน ขณะที่ป๊อปแยกตัวไปหยิบแก้วน้ำทั้งสองใบกับเหยือกน้ำใบใหญ่จากตู้เย็น จัดการเสิร์ฟน้ำทั้งสองแก้วไว้พร้อม และแล้วเวลารับประทานอาหารมื้อสายๆ ระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มขึ้น
ทางด้านแม่คุณเดินถือไม้เท้าประคองตัวเดินมาหาหลานๆ ทั้งสองถึงในห้องครัว ทางด้านใบหม่อนไม่รอช้ารีบกุลีกุจอเข้าไปประคองแม่คุณให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“<<แม่คุณกินข้าวด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวผมไปตักข้าวมาให้>>”
“<<ไม่หรอกจ้ะ แม่คุณกินแล้ว กินพร้อมกับพ่อแม่เอ็งแหละไอ้หมา>>”
แม่คุณปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบตามสไตล์ คลี่ยิ้มให้คนถามอย่างอารมณ์ดี “<<พวกเอ็งกินกันไปเถอะไอ้หมา แม่คุณแค่อยากจะมานั่งเป็นเพื่อนหลานๆ เฉยๆ>>” เว้นหายใจสักระยะก่อนเอ่ยถามหลานชายคนโตต่อ “<<ว่าแต่ไอ้หมาไม่พานังหนูพัชรมาด้วยเหรอลูก>>”
“<<ก็อยากพามาอยู่ครับแม่คุณ>>” ป๊อปตอบไปทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ปรายตามองใบหน้าสวยพริ้งที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาของคนถาม “<<พอดีพัชรต้องลงไปคุมงานถึงภูเก็ตแน่ะครับแม่คุณ เนี่ยทั้งเดือนนี้ผมจะไม่ได้เจอแฟนผมเลย>>”
“<<โถน่าสงสารจังเลยนะไอ้หมา>>” แทนที่คำพูดนี้จะเป็นของแม่คุณ กลับกลายเป็นเสียงใสๆ ของคนเป็นน้องที่พูดสวนขึ้นมา ทำสีหน้าเยาะเย้ยใส่อย่างสะใจ “<<รู้งี้น่าจะโทร.เรียกโบ้มานั่งป้อนข้าวให้ดีกว่า หมั่นไส้! ทนเหม็นความรักของพี่ป๊อปมาตั้งสี่เดือนแล้ว ชิ>>”
แม่คุณแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานสาว ทางด้านป๊อปเหมือนจะรู้ทันรีบสวนกลับไป “<<เฮ้ย วันนี้โบ้ทำงานไม่ใช่เหรอวะ จะให้บึ่งจากผักไห่มานี่เลยเหรอไง ฮิๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนแหวและถลึงตาใส่พี่ชาย กลบเกลื่อนอาการหลงลืมของตัวเองเสียอย่างนั้น ‘บ้าบออ่ะ ลืมไปวันนี้วันศุกร์นี่นา’ “<<ไม่ต้องมาพูดเลย พรุ่งนี้หนูก็โทร.ชวนโบ้มาที่บ้านได้ย่ะ>>”
“<<ฮ่าๆ แม่คุณ ดูหลานคนโปรดสิครับ แหมแถเอาๆ เลยนะครับเนี่ย>>” ป๊อปหัวเราะร่วนเบาๆ หันไปพูดกับแม่คุณต่อ
“<<ฮ่าๆ เฮ้อ แม่คุณจะปวดหัวเพราะหลานๆ ตีกันนี่แหละ ไอ้หมาเอ็งก็ชอบไปแหย่น้อง>>” แม่คุณได้ทีต่อว่าหลานชายคนโต แต่ไม่ลืมที่จะต่อว่าหลานสาวสุดที่รักเป็นการทิ้งท้ายเพื่อแสดงให้เห็นว่ารักหลานทั้งสองเสมอกัน “<<นังหนูใบหม่อนก็เหมือนกัน ก็ชอบไปยั่วโมโหไอ้หมามันทำไมล่ะหืม>>”
สองพี่น้องพร้อมใจกันชักสีหน้าแสดงอาการผิดหวังอย่างพร้อมเพรียงจนเรียกเสียงหัวเราะจากแม่คุณได้อีกครั้ง
“<<ฮ่าๆๆ พี่น้องคู่นี้นี่ ทำแม่คุณปวดหัวมาตั้งแต่เด็กจนหมาเลียตูดไม่ถึงทั้งคู่แล้วนะลูกเอ๊ย ไปๆๆ กินข้าวกินปลาซะเถอะลูก แม่เอ็งอุตส่าห์ทำไว้ให้กิน>>”
สิ้นคำประกาศิตของผู้อาวุโสประจำบ้าน ทั้งสองต่างไม่รอช้าลงมือละเลียดอาหารมื้อสายๆ ที่ผู้เป็นแม่ทำทิ้งไว้ให้ก่อนไปทำงานอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะป๊อปที่ครั้งนี้จะเจริญอาหารเป็นพิเศษเพราะไม่ได้กินกับข้าวฝีมือแม่เป็นเวลานานมาก ถึงแม้จะได้กินฝีมือของใบหม่อนที่รสมือใกล้เคียงกันอยู่เป็นประจำตลอดสี่เดือนที่ผ่านมาก็ตาม
ทางด้านใบหม่อนเพลิดเพลินกับการละเลียดกับข้าวในจานตรงหน้าโดยเฉพาะแกงส้มไหลบัวของโปรดอย่างเอร็ดอร่อยจนคนที่นั่งตรงข้ามกินแทบไม่ทัน ได้แต่ตักน้ำแกงไปราดข้าวและซดเท่านั้น นัยน์ตาสองชั้นหลบหันไปส่งสายตากับแม่คุณพลางลอบยิ้มให้อย่างรู้กัน
กับข้าวทั้งสี่เมนูในจานตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นแกงส้มไหลบัว น้ำตกหมู ไข่เจียวหมูสับและผัดผักรวมใส่หมูกรอบเริ่มพร่องลงอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือลูกสาวคนเล็กของบ้าน จนคนเป็นพี่ชายที่ว่ากินเก่งแล้วยังกินตามแทบจะไม่ทันจนแม่คุณต้องออกปากเตือน
“<<นังหนูใบหม่อน เผื่อไอ้หมามันด้วยสิลูก ตอนนี้ไอ้หมามันแทบจะกินข้าวเปล่าแล้วนา ฮิๆ>>”
ใบหม่อนหันไปมองหน้าแม่คุณด้วยสายตาแสดงความรู้สึกขัดใจเล็กน้อย “<<แม่คุณอ่ะ หนูกำลังกินอร่อยๆ เลย ก็ได้เดี๋ยวหนูเผื่อให้พี่ป๊อปด้วยก็ได้>>”
“<<เฮ้ย กินไปเถอะพี่รู้ว่าเราหิว>>” ป๊อปยิ้มตาปิดให้คนเป็นน้องสาว พลางยื่นช้อนของตัวเองตักแบ่งผัดผักหมูกรอบใส่จานให้อีก “<<หรือจะให้พี่ป้อนดีล่ะ>>”
“<<ไม่ต้องเลยนะพี่ป๊อป หนูกินเองได้ อายุหนูยี่สิบหกแล้วนะจะมาให้พี่ป๊อปป้อนให้เป็นเด็กแบบนี้ได้ไงล่ะ>>” เสียงใสปฏิเสธกลับมาแบบไม่ต้องคิด “<<ไปป้อนให้พี่พัชรกินโน่นเลยไป>>”
“<<งั้นแม่คุณไปดูละครต่อนะลูกนะ แม่คุณเริ่มรำคาญแล้วเนี่ย กินไปทะเลาะกันไปอยู่นั่นแหละ>>”
ร่างระหงของหญิงชราค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ คว้าไม้เท้าพยุงตัวเดินออกไป ป๊อปเห็นดังนั้นรีบวางช้อนลงลุกขึ้นไปประคองแม่คุณ พาไปส่งจนถึงเก้าอี้โยกหน้าทีวีก่อนเดินกลับมาทีโต๊ะกินข้าวในเวลาต่อมา
“<<กินต่อเถอะ เดี๋ยวจะได้ล้างจานนะใบหม่อน>>”
ทั้งสองต่างลงมือจัดการกับกับข้าวที่เหลือต่อจนหมดในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน แล้วก็เป็นหน้าที่ของป๊อปที่จัดการเก็บจานรวบช้อนทั้งหมดยกไปยังอ่างซิงค์ด้านหลัง ลงมือล้างจานทั้งหมด ส่วนใบหม่อนเดินแยกไปหยิบผ้าขี้ริ้วที่แขวนไว้บนราวเล็กๆ ใกล้กับตู้เย็นมาจัดการเช็ดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิมจนเสร็จแล้ว ร่างสูงระหงเดินไปหาคนตัวใหญ่ที่กำลังล้างจานอยู่ ใช้นิ้วเรียวสวยสะกิดแผ่นหลังแกร่งเบาๆ จนใบหน้าคร้ามหันมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเชิงตั้งคำถาม ฝ่ายหญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับหรี่ตาลงจนเป็นรูปสระอิ หัวเราะเบาๆ ก่อนออกปากบอกกับพี่ชาย
“<<พี่ป๊อป หนูไปหาแม่คุณก่อนน้า วานพี่ป๊อปเก็บจานด้วยล่ะ บาย>>”
พูดจบร่างสูงระหงรีบกลับหลังหันเตรียมตัวจะออก ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือและคลี่ยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้างชัดเจนก่อนเดินจากไป ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายยืนมองตามอย่างงงๆ ไม่ทันที่จะรับปากแต่อย่างใด
ป๊อปได้แต่พ่นลมหายแรงๆ พร้อมกับลอบยิ้มบางๆ ส่ายศีรษะทุยไปมาก่อนหันกลับมาจัดการกับจานชามช้อนส้อมในอ่างซิงค์ตรงหน้า ถึงแม้ตัวเองจะไม่ทันได้ตอบอะไรแต่ในใจได้ให้คำตอบไปแล้ว ‘พี่จะขัดใจน้องสาวของพี่ได้ยังไงล่ะ ไปเถอะใบหม่อน เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง’
…………………………………………………………………..
ตกเย็น
รถเก๋งคันย่อมสีบรอนซ์เงินเคลื่อนตัวมาจอดตรงหน้าประตูรั้วทางเข้าบ้าน ร่างระหงของหญิงวัยกลางคนในชุดทำงานที่ดูภูมิฐานก้าวลงจากที่นั่งข้างคนขับเดินไปเปิดประตูรั้วตามปกติเหมือนกับทุกๆ วันที่ผ่านมา บังเอิญนัยน์ตาคู่สวยเฉี่ยวชำเลืองมองเห็นรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำจอดประจันหน้า กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยอาการดีใจเมื่อรู้ว่าเป็นรถของใคร
‘นี่รถของไอ้หมามันนี่นา’
ร่างระหงรีบเดินกลับไปที่รถเก๋งสีบรอนซ์ที่สามีเป็นคนขับ เอื้อมมือไปเคาะกระจกเรียกให้คนที่อยู่ข้างในรถด้วยอาการตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
“<<แม่เคาะกระจกแบบนี้มีอะไรเหรอ>>”
“<<พ่อๆ ไอ้หมามันกลับมาบ้านแล้ว>>”
“<<จริงเหรอ>>” ชายวัยเฉียดเกษียณเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางดีใจ รอยยิ้มกว้างปรากฎขึ้นบนใบหน้าคร้ามเมื่อเห็นผู้เป็นภรรยาพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อย่างดีใจ
“<<จริงสิ มาๆ พ่อเอารถเข้าบ้านก่อน เดี๋ยวเข้าไปหาเข้าลูกด้วยกัน>>”
รถเก๋งสีบรอนซ์เงินค่อยๆ ถอยเข้ามาในบริเวณบ้านอย่างใจเย็น หักเลี้ยวเข้าจอดในช่องจอดอีกช่องเทียบข้างรถแวนคันใหญ่ จนกระทั่งดับเครื่องเสร็จและขนสัมภาระออกมาจนหมด ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เข้าไปในบ้าน เห็นลูกๆ ทั้งสองมายืนรอรับอยู่แล้ว
“<<พ่อจ๋าแม่จ๋าสวัสดีจ้า>>” เสียงใสของลูกสาวคนเล็กเอ่ยต้อนรับ
“<<สวัสดีครับพ่อแม่>>”
“<<ไอ้หมา!!!>>” ชายวัยเฉียดเกษียณเอ่ยทักทายลูกชายคนโตทันที่ที่เห็นหน้า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นลูกๆ ทั้งสองอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า “<<พ่อดีใจมากเลยที่เอ็งกลับบ้าน สบายดีนะเอ็ง>>”
“<<สบายดีครับพ่อ>>” ป๊อปเอ่ยตอบไปยิ้มไป พลันตวัดท่อนแขนเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อ “<<ผมคิดถึงพ่อมากนะครับ>>”
ทางด้านใบหม่อนโผเข้ากอดร่างระหงของผู้เป็นแม่ทันทีที่เห็นหน้าด้วยอาการดีใจไม่ต่างกัน “<<แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่มากเลย>>”
“<<แม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกันจ้ะใบหม่อน>>” ผู้เป็นแม่กอดตอบทันทีที่เห็นหน้า พลางเอามือลูบแผ่นหลังบางของลูกสาวคนเล็กอย่างเบามือก่อนผละออกไปสวมกอดกับลูกชายคนโตอย่างป๊อป “<<ไอ้หมา แม่ดีใจมากที่เอ็งกลับมาหาแม่นะรู้ไหม>>”
“<<ไปๆ เข้าบ้านกันก่อนเถอะแม่ ไอ้หมา นังหนูใบหม่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน>>”
สี่คนพ่อแม่ลูกพากันเข้ามาในตัวบ้านด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวอีกครั้งในรอบสองปี ชายวัยเฉียดเกษียณเข้าไปทักทายผู้เป็นแม่ยายของตัวเองทันทีที่เห็นหน้าพร้อมกับผู้เป็นภรรยา
“<<อ้าวสวัสดีครับคุณแม่>>”
“<<สวัสดีจ้าแม่>>”
“<<จ้าไอ้ทิด ดีใจล่ะสิที่ลูกๆ กลับมาน่ะ>>” แม่คุณเอ่ยย้อนถามลูกเขยอย่างรู้ทัน “<<ไปๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะไอ้ทิด อิหนู เดี๋ยวมากินข้าวกัน>>”
เย็นนี้ใบหม่อนลงมือทำกับข้าวมื้อเย็นด้วยตัวเองโดยมีผู้เป็นแม่คอยเป็นลูกมือ กะแสดงฝีมือให้คนในครอบครัวทุกคนได้ลิ้มรสกันอย่างพร้อมหน้า ขณะเดียวกัน ป๊อปใช้เวลาระหว่างรออยู่เป็นเพื่อนผู้เป็นพ่อกับแม่คุณที่ห้องรับแขก นั่งคุยเรื่องต่างๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“<<ไอ้หมาเป็นไงบ้างล่ะลูก สบายดีไหม งานการเป็นไงบ้างล่ะลูก>>” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แฝงอาการเป็นห่วง พลางยื่นมือมาลูบผมหยักศกค่อนข้างยาวอย่างเอ็นดู
“<<ก็ดีครับพ่อ ช่วงนี้ผมเจอโปรเจกต์ใหญ่เลยมีอดนอนบ้างครับ>>” เสียงเข้มเว้นหายใจเล็กน้อย “<<ตั้งแต่น้องลงไปอยู่ด้วยเดี๋ยวนี้ผมรับงานน้อยลงมากแล้วครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อนตารางงานแน่นมากจนแทบไม่ได้พักเลย>>”
“<<เออดีแล้วไอ้หมาเอ๊ย เอ็งไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะที่จะมาอดนอนทีสองสามวัน พักบ้างอะไรบ้าง>>” ผู้เป็นพ่อลดมือลงมาคว้าไหล่แกร่งของลูกชายคนโตไว้แน่น “<<แล้วเอ็งไม่คิดจะสอบเป็นข้าราชการเหมือนพ่อแม่เหมือนน้องเอ็งบ้างเหรอไอ้หมา>>”
“<<คงไม่ล่ะครับ>>” ป๊อปรีบปฏิเสธแบบไม่ลังเล “<<ผมไม่อยากทำงานประจำแล้วล่ะพ่อ ชินกับใช้ชีวิตฟรีแลนซ์ อยากทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่อยากทำก็ไม่รับแบบนี้แหละครับ>>”
ผู้เป็นพ่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างอิดหนาระอาใจในตัวลูกชายคนโต ถึงแม้จะรู้ว่าเอาตัวรอดได้ก็ตาม แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะรู้ว่าสถานะของลูกชายคนนี้ไม่มีความมั่นคงเอาเสียเลย “<<ฮื้ม พ่อไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะไอ้หมา เอ็งนี่มันดื้อด้านเหลือทน เอาเหอะๆ แค่เอ็งเอาตัวรอดได้ มีเงินให้พ่อให้แม่ได้พ่อก็ดีใจแล้วล่ะลูกเอ๊ย>>” ปากพูดอยู่กับลูกชายคนโต แต่กลับส่งสายตาชำเลืองไปทางผู้เป็นแม่ยายที่นั่งยิ้มฟังอยู่ใกล้ๆ พลางขยิบตาให้อย่างรู้กัน
“<<ไอ้ทิดเอ๊ย เอ็งเลี้ยงลูกได้แต่ตัวแหละ เอ็งเคยพูดกับข้าไม่ใช่เร้อว่าแค่ลูกเอาตัวรอดได้ก็ดีใจแล้วน่ะหืม>>” แม่คุณย้อนถามลูกเขยกลับมา
“<<ก็จริงแหละคุณแม่ ผมก็แค่เป็นห่วงครับ ก็ไอ้หมามันเป็นลูกชายคนโตนี่นา เดี๋ยวไม่มีผมแล้วไอ้หมามันต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนผมน่ะสิครับ>>” ผู้เป็นพ่อต้องจำนนในคำพูดของผู้เป็นแม่ยาย รู้นิสัยกันอยู่แล้วว่าแม่ยายตัวเองเป็นคนที่มองคนไม่ผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“<<น้องลงไปอยู่ด้วยเป็นไงบ้างล่ะไอ้หมา เนี่ยน้องเอ็งโทร.มาฟ้องแม่เอ็งไม่หยุดเลยเนี่ยเรื่องเอ็งเอาแต่บ้างานจนอดหลับอดนอนน่ะ>>” หันมาคุยกับลูกชายคนโตต่อ
“<<ก็จริงแหละพ่อ>>” ป๊อปพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ คลี่ยิ้มขึ้นเมื่อได้พูดถึงน้องสาวตัวเอง “<<แต่ก็ดีนะพ่อ ใบหม่อนลงไปอยู่ด้วย ทำให้ผมต้องดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะอะไรน่ะเหรอ น้องเป็นให้ผมทุกอย่างแล้วครับ บางวันก็ทำตัวเป็นแม่ บางวันก็เป็นน้องที่น่ารัก บางครั้งยังทำตัวเป็นแม่สื่ออีกนะถ้าแฟนผมมาน่ะ>>”
คราวนี้ทั้งพ่อทั้งแม่คุณต่างกลั้นขำไว้ไม่อยู่ พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายคนโต
“<<ฮ่าๆ จริงเร้อไอ้หมา>>”
“<<จริงสิพ่อ เนี่ยจะเร่งให้ผมขอพัชรแต่งงานอย่างเดียวเลย>>”
“<<เออๆ ไอ้หมาเอ๊ย พ่อเองก็อยากอุ้มหลานจะแย่แล้วเนี่ย เอ็งกลัวอะไรล่ะหืมไม่กล้าขอนังหนูพัชรเขาแต่งงานล่ะลูก อายุอานามเอ็งไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะลูก สามสิบเอ็ดสามสิบสองแล้ว ถึงงานเอ็งจะไม่มั่นคงแต่มันก็ทำเงินให้เอ็งได้ตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่เร้อ จะกลัวอะไรล่ะลูก>>”
ผู้เป็นพ่อเผยความในใจออกมาให้ลูกชายคนโตได้รับรู้ สีหน้าเริ่มฉายแววกังวลให้เห็น ขณะที่ป๊อปเริ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“<<พ่อครับ ผมพูดตรงๆ เลย ผมยังไม่กล้าขอพัชรแต่งงานหรอกครับ ผมยังกลัวอยู่>>” เริ่มหายใจถี่ขึ้นแรงขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “<<ผมกลัวว่าถ้าแต่งงานกันไปจริงๆ แล้วมันไม่รู้สึกเหมือนเดิมล่ะพ่อ จะเป็นยังไงล่ะครับ ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของพัชรเลย>>”
ความรู้สึกไม่มั่นใจของชายหนุ่มถูกส่งไปให้ผู้เป็นพ่อกับผู้อาวุโสที่สุดในบ้านให้ได้รับรู้ แต่ในมุมมองของผู้อาวุโสกลับรับรู้ได้เลยว่าหลานชายคนโตเป็นคนคิดมากและชอบคิดไปเองจนเกิดความกังวล
“<<ไอ้หมา เอ็งจะกลัวอะไรล่ะลูกเอ๊ย มันยังไม่ได้เกิดขึ้นเลย>>” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “<<เอ็งก็โตมากแล้วนะไอ้หมา จะสามสิบสองแล้วไม่ใช่เร้อ ฐานะเอ็งก็มั่นคงแล้ว งานเอ็งถึงจะไม่มั่นคงแต่ก็ทำเงินให้เอ็งเยอะไม่ใช่เร้อ อีกอย่างนังหนูพัชรก็ดูท่าทางรักเอ็งมาก ยังไงแม่คุณว่านังหนูพัชรเขาไม่เปลี่ยนหรอกลูก แม่คุณมองออก ขอเลยลูกขอเลย แม่คุณอยากอุ้มเหลนแล้วนะลูก>>”
“<<ขึ้นอยู่กับเอ็งแล้วล่ะไอ้หมา กล้าๆ หน่อย>>”
ชายวัยใกล้เกษียณเอื้อมมือไปตบไหล่ลูกชายคนโตเบาๆ เชิงปลอบใจพลางชำเลืองมองใบหน้าคร้ามของลูกชายที่ยังมีร่องรอยของความไม่มั่นใจให้เห็นอยู่ ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ...
“<<แม่คุณจ๋า พ่อจ๋า พี่ป๊อป กินข้าวกันจ้า>>”
ดั่งต้องมนต์สะกดเมื่อสิ้นเสียงใสของลูกสาวคนเล็กของบ้าน ป๊อปรีบลุกขึ้นทำหน้าประคองแม่คุณพาเดินไปยังห้องครัวตามหลังผู้เป็นพ่อที่เดินนำหน้าไปก่อน
กลิ่นกับข้าวมื้อเย็นฝีมือของลูกสาวคนเล็กส่งกลิ่นหอมฉุยตลบอบอวลชวนให้น้ำลายสอ ทั้งแกงส้มไหลบัวชามใหญ่ที่อุ่นจากที่ทำไว้เมื่อเช้าและเพิ่มเครื่องให้รสเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เสิร์ฟพร้อมกับผัดคะน้าหมูกรอบ ทอดมันปลากราย ปลาสลิดดอนกำยานทอดกรอบ ตบท้ายด้วยลาบคั่ว รายล้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆ ทั้งห้าจานวางเรียงรายประจำที่กับแก้วน้ำประจำตัวของแต่ละคนกับเหยือกน้ำเย็นขนาดใหญ่กลางโต๊ะ ทุกจานช้อนอยู่ทางขวาหมดยกเว้นจานของลูกชายคนโตที่ช้อนอยู่ทางซ้ายมือเพราะเขาเป็นคนเดียวในบ้านที่ถนัดซ้าย
เมื่อครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า แม่คุณนั่งตำแหน่งหัวโต๊ะกินข้าวในฐานะผู้อาวุโสที่สุดในบ้าน ทางขวามือของผู้อาวุโสเป็นที่นั่งของพ่อแม่ สองพี่น้องอย่างป๊อปกับใบหม่อนนั่งทางซ้ายมือ และแล้วเวลาอาหารเย็นอันสุดพิเศษก็ได้เริ่มขึ้นด้วยเสียงใสของแม่ครัวในมื้อนี้หันไปอ้อนกับผู้อาวุโสที่สุดในบ้านก่อน
“<<แม่คุณจ๋า มื้อนี้หนูทำสุดฝีมือเลย กินเยอะๆ จ้า>>”
“<<จ้าหลานรักของแม่คุณ>>” ผู้อาวุโสเอ่ยตอบหลานสาวก่อนคลี่ยิ้มหวานให้เป็นกำลังใจ เริ่มลงมือตักกับข้าวเป็นคนแรก อันเป็นสัญญาณให้ผู้ร่วมโต๊ะทุกคนลงมือกินได้
ป๊อปไม่รอช้าเอื้อมไปคว้าช้อนกลางตักน้ำแกงส้มไหลบัวลงมาคลุกกับข้าวก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยทอดมันหรือภาษาที่บ้านนิยมเรียกว่าปลาเห็ดเนื้อแน่นๆ หนึ่งชิ้นและกับข้าวอื่นๆ ยกเว้นปลาสลิดดอนกำยานที่เอาไว้ทีหลังสุด
“<<ยังชอบหยำข้าวเป็นเด็กๆ เลยนะไอ้หมา>>” แม่คุณออกปากแซวหลานชายคนโตไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี
“<<ใช่แล้วจ้าแม่ หนูเห็นไอ้หมาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว>>” ผู้เป็นแม่รีบเสริมขึ้นมาก่อนคลี่ยิ้มกว้าง เรียกเสียงฮือฮาเล็กๆ ก่อนเอ่ยปากถามแม่ครัวต่อ “<<ใบหม่อนจ๊ะ ตอนอยู่ด้วยกันไอ้หมามันหยำข้าวแบบนี้ไหมจ๊ะ>>”
ใบหม่อนหันไปชำเลืองมองพี่ชายที่กำลังละเลียดข้าวในจานอย่างเอร็ดอร่อย กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนให้คำตอบกับผู้เป็นแม่ “<<ไม่ค่อยหยำเท่าไหร่จ้าแม่ ที่คอนโดฯ พี่ป๊อปหนูทำแกงไม่ได้เลย ได้แต่เจียวไข่กับผัดที่ไม่ใช้ไฟแรงมากจ้าแม่>>”
“<<แหม กับข้าวของลูกสาวพ่อช่างอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะ เดี๋ยวนี้อร่อยกว่าเดิมอีก แบบนี้ต้องแกล้มเบียร์สักขวดสองขวดแล้วมั้งไอ้หมา ฮ่าๆ>>”
ชายวัยเฉียดเกษียณโพล่งกับลูกชายคนโตอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจอสายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่ยาย ภรรยา และลูกสาวคนเล็กที่พร้อมใจกันมองดุใส่ราวกับนัดหมายกันมา ถึงกับหน้าถอดสีพร้อมกันทั้งพ่อทั้งลูก
“<<ไอ้ทิด เอ็งอย่าชวนหลานข้ากินเบียร์เลยนะ>>” แม่คุณไม่รอช้าตวาดใส่ลูกเขยตัวดีไปหนึ่งที
ป๊อปยังแอบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดของผู้อาวุโส รีบพับความคิดจะดื่มเบียร์ลงในกระเป๋ารูดซิปเรียบร้อยทันที ปากยังคงเคี้ยวข้าวอยู่แต่นัยน์ตาสองชั้นหลบเหลือบมองไปทางน้องสาวที่นั่งอยู่เคียงข้าง ฝ่ายหญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่รีบส่งสายตาหวานเชื่อมตอบกลับอย่างรู้กัน
‘ดีนะไม่ได้บอกแม่คุณว่าพี่ป๊อปกินเบียร์น่ะ หึยถ้าบอกนี่ไม่อยากจะคิดเลย’ หญิงสาวนึกในใจ แต่ก่อนที่แม่คุณจะจับได้เจ้าตัวชิงคลี่ยิ้มหวานกลบเกลื่อนทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“<<ไอ้หมาเอ๊ย>>” แม่คุณร้องเรียกหลานชายคนโตต่อทันทีหลังจากเอ็ดลูกเขยจบ
“<<ครับแม่คุณ>>”
“<<เอ็งอย่ากินเหล้ากินเบียร์มากนะลูก มันไม่ดีต่อสุขภาพ แถมยังน่าเกลียดอีกด้วยเวลาเมาน่ะ ว่าแต่เอ็งกินบ้างไหมล่ะ>>”
ได้ยินคำถามนี้ป๊อปถึงกับหน้าชาตามผู้เป็นพ่อไปอีกคน ชำเลืองมองไปทางแม่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาละเลียดข้าวพลางหันไปป้อนกับผู้เป็นพ่อไปเรื่อยๆ พลันเหลือบมองไปทางน้องสาวที่ชำเลืองมองมาพอดี ทั้งสองพี่น้องต่างขยิบตาให้กันก่อนที่จะหันไปให้คำตอบกับแม่คุณ
“<<วันๆ ผมทำแต่งาน ไม่ได้กินหรอกครับแม่คุณ ยิ่งวันไหนผมอดนอนนะ กินแต่นมอุ่นที่ใบหม่อนชงให้อย่างเดียวครับ>>”
ใบหม่อนหันมาชำเลืองมองหน้าพี่ชายพลางคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ ขณะที่ป๊อปได้แต่ยิ้มบางๆ และพยักเพยิดหน้าตอบกลับไป และนั่นทำให้ผู้เป็นแม่แอบสงสัยว่าพี่น้องคู่นี้กำลังส่งสัญญาณอะไรกัน
“<<มีอะไรเหรอลูก เห็นนังหนูใบหม่อนขยิบตาให้ไอ้หมาด้วย>>”
ป๊อปหันไปมองหน้าน้องสาวด้วยสายตาแสดงอาการหวาดหวั่น แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือดวงตากลมโตคู่สวยขยิบให้อีกฝ่ายรู้ว่าสาวเจ้าจะแก้สถานการณ์ตรงหน้าให้เอง
“<<ไม่มีอะไรหรอกจ้าแม่ กินข้าวกันต่อเถอะจ้า>>” พูดจบหญิงสาวลงมือละเลียดข้าวในจานตรงหน้าต่อ ไม่ย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องเดิมอีก
ผู้เป็นแม่ส่ายศีรษะสวยได้รูปเบาๆ อย่างอิดหนาระอาใจก่อนลงมือทานข้าวต่อ แต่บังเอิญเห็นหนวดเคราหนาครึ้มบนใบหน้าลูกชายคนโตเลอะข้าว รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาเล็กๆ จนอดไม่ได้ที่จะเตือน
“<<ไอ้หมาเอ๊ย ดูสิไว้หนวดเครายังกับโจร โกนได้แล้วมั้งลูก ดูสิข้าวเขิ้วติดเต็มไปหมด แม่เห็นแล้วแม่จะอ้วก>>”
ป๊อปได้แต่ยิ้มรับสภาพตัวเองในเมื่อไม่ได้โกนหนวดเคราบนหน้ามานานกว่าปีครึ่ง มีเพียงแค่เล็มตกแต่งให้เข้ารูปเท่านั้น
“<<แม่ยังไม่ชินอีกเร้อ ตอนลงไปหาไอ้หมามันก็ไว้หนวดแบบนี้อยู่แล้วนี่นา>>”
เหมือนว่าพ่อหันไปเตือนความทรงจำของผู้เป็นภรรยาให้ย้อนนึกถึงเมื่อครั้งลงไปเยี่ยมลูกชายเมื่อปีที่แล้ว แต่ในใจนึกเอือมระอาลูกชายคนโตอยู่เหมือนกัน ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังแบบนี้จึงได้แต่ปลงตกตามใจลูกไป ขณะที่ผู้เป็นแม่เริ่มถามลูกสาวคนเล็ก
“<<ใบหม่อนจ๊ะ ไม่บอกไอ้หมาให้โกนหนวดบ้างล่ะลูก>>”
“<<ไม่ดีกว่าจ้ะแม่>>” เสียงใสตอบปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดพลางชำเลืองมองไปทางพี่ชาย “<<จริงๆ หนูก็ไม่ชอบแหละผู้ชายไว้หนวด แต่พี่ป๊อปไว้หนวดแล้วเท่จะตายไปนะจ๊ะแม่จ๋า แค่ให้พี่ป๊อปแต่งให้เข้ารูปก็พอเนาะ>>”
ป๊อปหันไปยิ้มให้กับน้องสาว แอบนึกชมในใจที่อีกฝ่ายรู้ใจตัวเองแบบนี้ แต่แล้วรอยยิ้มกว้างก็ต้องหุบลงเมื่อหันมาสบตากับผู้เป็นแม่ที่ส่งสายตาแสดงอาการไม่พอใจให้เห็น แต่ไม่พูดอะไรต่ออีกในเมื่อลูกสาวคนเล็กยืนยันถึงขนาดนี้แล้ว
“<<ไม่โกนหนวดไม่เป็นไรหรอกไอ้หมา แต่หัดแต่งให้มันเรียบร้อยหน่อยแค่นั้นเองแหละลูก>>” ผู้เป็นพ่อเอ่ยทำลายบรรยากาศที่เริ่มตึงๆ ระหว่างแม่ลูกในเรื่องนี้ “<<แม่จ๋า ไอ้หมามันก็โตมากแล้วนะ ปล่อยๆ บ้างก็ไม่เป็นไรหรอก>>”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งทีก่อนลงมือกินข้าวต่อ ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าลูกชายตอนกินข้าวอีกเพราะกลัวว่าที่กินเข้าไปจะขย้อนออกมาอีก แอบปรายตามองไปทางแม่คุณที่ส่งสายตาแสดงความรู้สึกเอือมๆ ไม่แพ้กัน
“<<ว่าแต่ช่วงนี้งานเป็นไงบ้างล่ะลูกใบหม่อน>>” ผู้เป็นพ่อเปิดประเด็นใหม่โดยหันไปถามลูกสาวคนเล็ก
ใบหม่อนกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดระหว่างรอเคี้ยวให้หมดปาก ปรายตามองไปทางพี่ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวเชิงขอกำลังใจเล็กๆ เพราะสิ่งที่ตัวเองเจอมาตลอดสี่เดือนที่ได้ทำงานไม่ได้เป็นสิ่งที่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อคนถามไม่ใช่คนอื่นไกล ตัดสินใจตอบไปตามตรง
“<<ก็เรื่อยๆ แหละค่ะพ่อ งานไม่ยากหรอกหนูทำได้หมด แต่สภาพแวดล้อมโดยเฉพาะคนนี่หนูไม่ชอบอย่างมากเลยจ้า>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจังพร้อมกับสีหน้าบูดบึ้งของเจ้าตัวเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“<<อืม มันมีทุกที่แหละลูกที่จะเจอแบบนี้ คนเรามันร้อยพ่อพันแม่ ไม่มีทางที่จะดีหมดหรือแย่หมดหรอกลูก แม่เขาใจนะลูก>>” คราวนี้ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมา ส่งสายตาเชิงปลอบใจไปให้ลูกสาวคนเล็ก “<<แม่ว่าลูกสาวแม่ผ่านไปได้อยู่แล้วล่ะ>>”
ใบหม่อนคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ฟังคำของแม่ “<<ไม่เป็นไรจ้าแม่ นี่หนูทำงานมาสี่เดือนแล้ว ผ่านการอบรมแล้ว เหลือแบบประเมินกับทดลองงานอีกสองเดือนหนูก็เขียนย้ายได้แล้วจ้า>>” พูดจบปรายตามองไปทางพี่ชายอีกรอบ
“<<อืมดีลูก ทนอีกนิดนึงนะเดี๋ยวก็พ้นทดลองงานแล้ว ว่าแต่จะย้ายกลับบ้านไหมล่ะลูก เผื่อพ่อจะได้ดูให้>>”
ใบหม่อนทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวาน ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ปรายตามองไปทางผู้เป็นพ่อและไล่มองสมาชิกในครอบครัวจนครบทุกคนโดยเฉพาะคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่เคียงข้าง
“<<ไว้ค่อยว่ากันอีกทีจ้าพ่อจ๋า>>” ใบหม่อนตอบปฏิเสธก่อนส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นพ่อ นึกในใจ ‘ถ้าย้ายกลับมาบ้านก็ได้อยู่บ้านกับแม่คุณไง แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ป๊อปล่ะ ที่บ้านแม่คุณก็อยู่กับพ่อแม่อยู่แล้ว แต่พี่ป๊อปอยู่คนเดียวนี่นา’
อาหารเย็นมื้อนี้พร่องลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะแกงส้มไหลบัวที่ถูกตักเติมแล้วเติมอีกจนหมดหม้อ มีเพียงแต่แม่คุณคนเดียวเท่านั้นที่อิ่มเร็วกว่าคนอื่น มือเหี่ยวย่นของแม่คุณยกมือขึ้นเรียกให้หลานชายคนโตมาพยุงตัวพาเดินไปที่เก้าอี้โยกตัวเดิมที่ห้องรับแขก
คนตัวใหญ่เดินกลับมายังห้องครัวอีกครั้งหลังจากส่งแม่คุณเสร็จ มาถึงไม่พูดไม่จาก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวในจานของตัวเองที่เหลืออีกเพียงสองคำก็จะหมดแล้ว รู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษเพราะได้กินกับข้าวอันแสนอร่อยฝีมือของน้องสาว แต่ตอนนี้เริ่มอิ่มจนแน่นแล้ว...
“<<ไอ้หมา อิ่มแล้วเหรอลูก>>” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายคนโตรวบช้อนทำท่าจะลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ
“<<อิ่มแล้วครับแม่>>” คนตัวใหญ่ยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นแม่ “<<ตอนนี้อิ่มจนแน่นแล้วครับ กับข้าวฝีมือใบหม่อนอร่อยมากเลยวันนี้>>” พูดจบเสมองไปทางคนทำกับข้าวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
หญิงสาวถึงกับหัวใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินคำชมของคนเป็นพี่ชาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตากรุ้มกริ่มเปล่งประกายวาวโรจน์มาแบบนี้แล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยทำค้อนประหลับประเหลือกก่อนแลบลิ้นหลอกตามไล่หลังคนตัวใหญ่ที่กำลังเดินจากไปที่อ่างซิงค์ด้านหลัง เวลาผ่านไปหลังจากนั้นไม่นานเมื่อทุกคนอิ่มและกับข้าวในจานถูกกวาดจนหมดเกลี้ยงแล้ว...
“<<พ่อจ๋าแม่จ๋า ไปพักเถอะ เดี๋ยวหนูกับพี่ป๊อปเก็บโต๊ะล้างจานเองจ้า>>”
ได้ยินดังนั้นแล้วสองสามีภรรยาต่างคนต่างทำสีหน้าแปลกใจเล็กๆ เพราะรู้ว่าเมื่อก่อนลูกชายคนโตแทบไม่เคยช่วยทำงานบ้านอะไรเลย ปล่อยให้น้องสาวทำอยู่คนเดียวทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าวันนี้ลูกชายคนโตยอมช่วยน้องทำงานบ้านแล้ว
“<<งั้นแม่ฝากด้วยนะลูก>>”
สองพี่น้องช่วยกันเก็บจานชามทั้งหมดมาซ้อนกันจนหมดก่อนช่วยกันยกไปไว้ที่อ่างซิงค์ด้านหลัง ชายหนุ่มเริ่มทำหน้าที่ล้างจานกองใหญ่เองทั้งหมด ปล่อยให้ใบหม่อนไปเช็ดโต๊ะกินข้าวเหมือนกับตอนที่อยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ แต่ทว่าใบหม่อนเห็นว่าจานมีเยอะมากจนกลัวว่าพี่ชายจะล้างไม่ทัน
“<<เดี๋ยวหนูมาช่วยน้าพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยกับคนตัวใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างจานอยู่
“<<เฮ้ยไม่เป็นไร พี่จัดการเอง เราไปเช็ดโต๊ะ ล้างไม้ล้างมือแล้วไปดูละครเป็นเพื่อนแม่คุณเถอะ>>” ป๊อปหันมาปฏิเสธพลางคลี่ยิ้มบางๆ คล้ายกับจะบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องห่วง แต่กลายเป็นว่าทำให้หญิงสาวหน้าหงิกด้วยอาการขัดใจแทน
“<<หนูไม่ไว้ใจพี่ป๊อปหรอก เดี๋ยวทำจานแตก โดนแม่บ่นอีก>>”
ป๊อปแทบกลั้นขำไม่อยู่เมื่อได้ยินเหตุผลของคนเป็นน้องสาว เพราะที่จริงแล้วตัวเองไม่เคยแม้แต่จะช่วยล้างจานเลยแม้แต่ใบเดียว มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่ขึงดุใส่รู้เลยว่าที่จริงแล้วไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากอยากอยู่ล้างจานด้วยกันมากกว่า
“<<อืมๆ ตามใจละกัน>>” ป๊อปตอบส่งๆ เห็นอีกฝ่ายกลับมาคลี่ยิ้มกว้างด้วยอาการดีใจแล้วอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“<<หนูไปเช็ดโต๊ะก่อนน้า เดี๋ยวมาจ้า>>” พูดจบร่างระหงเดินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้ง ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายมองตามไปยิ้มไป
‘สุดท้ายพี่ก็ต้องยอมเราเหมือนเดิมนะใบหม่อน’ ป๊อปคิดในใจไปยิ้มไประหว่างลงมือล้างจานชามกองใหญ่ตรงหน้าไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น แอบกังวลในใจกลัวว่าจะทำจานแตก จนเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักเมื่อเจ้าของร่างสูงระหงเดินกลับมาอีกครั้ง
“<<มาพี่ป๊อป เดี๋ยวหนูล้างน้ำเปล่าให้>>”
ป๊อปหันไปยิ้มตอบพร้อมกับส่งจานใบที่ชุ่มไปด้วยคราบฟองจากน้ำยาล้างจานให้ผู้ช่วยที่มีฐานะเป็นน้องสาวของตัวเอง ก่อนหันกลับมาลงมือล้างจานชามที่เหลือต่อ
“<<หนูว่าพ่อแม่คงแปลกใจแน่เลยที่พี่ป๊อปล้างจาน>>” ใบหม่อนเอ่ยขึ้นระหว่างลงมือเช็ดจานให้แห้งไป
“<<ไปบอกอะไรพ่อแม่ล่ะหืม>>” ย้อนถามกลับไปด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กๆ
“<<แค่หนูบอกว่าเดี๋ยวพวกเราเก็บโต๊ะล้างจานกันเองไง>>”
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเครารกครึ้มเหยียดยิ้มกว้างหลังได้ฟังคำตอบของน้องสาว นึกไปก็เป็นไปตามที่อีกฝ่ายว่าเพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ด้วยกันตัวเองไม่เคยแม้แต่จะช่วยทำงานบ้านแม้แต่ครั้งเดียว ปล่อยให้ใบหม่อนคอยตามเก็บตามเช็ดให้ตลอด
สองพี่น้องช่วยกันล้างจานชามกองใหญ่จนเสร็จในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก แล้วก็เป็นหน้าที่ของป๊อปที่ต้องเก็บจานชามช้อนส้อมวางคืนชั้นวางให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จภารกิจหลังอาหารมื้อเย็นสำหรับวันนี้
.........................................................................
ตกกลางคืน
ป๊อปใช้เวลาหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จนั่งทอดอารมณ์ริมหน้าต่างดูบรรยากาศยามค่ำคืนริมแม่น้ำสุพรรณบุรีอันมืดมิด มีเพียงแสงไฟทางและแสงไฟจากบ้านเรือนใกล้เคียงส่องกระทบผิวน้ำที่ไหลเอื่อยตามกระแสดูระยิบระยับชวนให้เพลิดเพลิน ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากเห็นบรรยากาศในเมืองที่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ ขบวนรถไฟฟ้าและตึกสูงระฟ้าที่ขึ้นเป็นดอกเห็ด
ระหว่างนั่งทอดอารมณ์เพลินๆ ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องกับเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เห็นร่างสูงระหงของคนเป็นน้องสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาสวยได้รูป ผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนยังเปียกอยู่กำลังเดินเข้ามาหาก่อนทิ้งตัวลงนั่งซบบนไหล่กว้างของเขา ดวงตากลมโตคู่สวยเงยขึ้นมาส่งสายตาเชิงออดอ้อน
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเครารกครึ้มยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นคนเป็นน้องสาวเข้ามาซบไหล่อ้อนแบบนี้ ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ฝ่ายสาวเจ้าชิงถามขึ้นมาเสียก่อน
“<<พี่ป๊อปนั่งทำอิหยัง ไม่ลงไปหาแม่คุณเหรอ>>”
“<<ยังหรอกใบหม่อน>>” ป๊อปเว้นหายใจเล็กน้อย ปากหยักยังยิ้มไม่หุบ “<<พี่อยากดูบรรยากาศริมแม่น้ำหน่อย ไม่ได้เห็นนานมากแล้วน่ะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอเราน่ะ>>” พูดจบมือหนาเอื้อมไปยีผมยาวสลวยที่ยังเปียกอยู่อย่างมันเขี้ยว
“<<อื้ม>>” หญิงสาวพยักหน้า กลีบปากอิ่มสวยหุบยิ้มลงพร้อมกับปรายตาดุใส่ “<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป ฟูหมดแล้ว>>”
คนตัวใหญ่ยอมปล่อยมือออกจากเรือนผมสวยแต่โดยดี ปากหยักได้รูปยังยิ้มไม่หุบพร้อมส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “<<นี่ไม่ลงไปดูละครกับแม่คุณข้างล่างเหรอ มาหาพี่ทำไมเนี่ย>>”
“<<ก็ว่าจะลงไปนั่นแหละ แต่จะมาดูก่อนว่าพี่ป๊อปแอบทำงานรึเปล่าน่ะ>>”
“<<โธ่ เรื่องนี้เนี่ยนะ ฮ่าๆๆ>>” ป๊อประเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อได้ฟังเหตุผลจากน้องสาว “<<นี่ ถ้าพี่จะทำงานพี่หยิบแม็คบุ๊คออกมาแล้ว เนี่ยทั้งวันยังไม่ได้จับเลย>>”
ใบหม่อนยังปรายตามองค้อน ย่นจมูกใส่อย่างไม่เชื่อใจนัก “<<ก็ถ้าหนูไม่เข้ามาดูพี่ป๊อปคงทำงานไปแล้วล่ะมั้ง>>”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะทุยไปยิ้มไปพลางเอื้อมมือไปยีผมสลวยของหญิงสาวอีกรอบอย่างมันเขี้ยวกว่าตอนแรก “<<ไป ลงไปอยู่เป็นเพื่อนแม่คุณกันเถอะ>>”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือเล็กของแม่คนที่สองอย่างใบหม่อนพาเดินออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะหันมาปิดไฟก่อนลงไปยังข้างล่างของบ้าน พาไปส่งถึงโซฟาใหญ่หน้าทีวีจอใหญ่ติดผนังที่แม่คุณนั่งอยู่ ส่วนบุพการีทั้งสองกลับขึ้นไปดูละครด้วยกันบนห้องนอนตั้งแต่ทั้งสองยังไม่ลงมาแล้ว
“<<แม่คุณจ๋า>>” เมื่อคนเป็นพี่ชายปล่อยมือ ใบหม่อนตรงรี่เข้าไปโอบกอดอ้อนผู้อาวุโสในบ้านทันที “<<นั่งดูละครคนเดียวไม่เหงาเหรอจ๊ะ>>”
“<<ไม่หรอกจ้านังหนูใบหม่อน>>” แม่คุณเอ่ยเสียงนิ่มนวลแผ่วเบา ละสายตาจากทีวีจอใหญ่ลงมาจับจ้องใบหน้าสวยหวานของหลานสาวสุดที่รัก พลันยกมือขึ้นลูบเรือนผมยาวสลวยอย่างเอ็นดู “<<เป็นอะไรล่ะลูกมาถึงมากอดแม่คุณเลย ตัวก็หนักนะเนี่ยหนูเอ๊ย>>”
“<<ก็คิดถึงแม่คุณนี่นา ไม่ได้นอนตักแม่คุณตั้งสี่เดือนแน่ะ>>” เสียงใสเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตยังมองใบหน้าสวยพริ้งที่เหี่ยวย่นไปตามวัยแบบไม่วางตา “<<อยู่กับพี่ป๊อปก็นั่งโซฟาดูละครคนเดียว พี่ป๊อปก็เอาแต่ทำงาน ไม่ยอมดูละครเป็นเพื่อนหนูเลยจ้า>>”
คนตัวใหญ่แทบทรุดเมื่อได้ยินน้องสาวฟ้องผู้อาวุโสแบบต่อหน้าต่อตา จากที่นั่งดูอีกฝ่ายอ้อนผู้อาวุโสไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดีกลายเป็นหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน ชายหนุ่มค่อยๆ กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ๆ กับคนขี้อ้อน เอื้อมมือไปมะเหงกใส่หน้าผากสวยได้รูปอย่างเบามือหนึ่งที
“<<ขี้ฟ้องนะเราเนี่ย>>” ป๊อปว่าให้น้องสาวไม่จริงจังนัก
ใบหม่อนไม่ยอมแพ้ เปิดฉากฟ้องแม่คุณอีกหลังจากโดนมะเหงก “<<แม่คุณจ๋าดูพี่ป๊อปสิ ไม่ยอมรับผิดแล้วยังมาเขกหัวหนูอีก ดูสิหัวโนเลยเนี่ย>>” หญิงสาวชี้ไปที่หน้าผากโหนกนูนสวยได้รูปที่ไม่มีแม้แต่รอยบวมแดงให้เห็น
ยังไม่ทันที่แม่คุณจะพูดอะไร ป๊อปชิงตัดบทเสียก่อนด้วยอาการหมั่นไส้แอ็กติ้งของน้องสาวคนนี้เหลือเกิน รู้อยู่แล้วว่ายังไม่ก็ไม่เจ็บเพราะน้ำหนักที่เขาลงไปแทบจะเท่ากับการสะกิดเลยทีเดียว “<<เวอร์ๆ แล้วใบหม่อน พี่เคาะเบาขนาดนั้นหัวจะโนได้ไงล่ะหืม>>”
“<<ไอ้หมาเอ็งก็ชอบแกล้งน้องเหมือนเดิมเลยนะลูก>>” แม่คุณแกล้งว่าให้ไม่จริงจังนัก ที่จริงรู้นิสัยหลานชายคนโตดีอยู่แล้วว่าเขาไม่กล้าทำอะไรหลานสาวให้เจ็บตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“<<ฮึๆ หมั่นไส้คนขี้ฟ้องนี่ครับแม่คุณ>>” ป๊อปให้เหตุผลกับผู้อาวุโสแบบทีเล่นทีจริง “<<แม่คุณรู้ไหมครับ เมื่อกี้ใบหม่อนเข้าไปหาผมในห้อง พูดมาได้ว่ากลัวผมจะแอบทำงาน ฮิๆๆ>>”
“<<นี่แน่ะ>>” มือเรียวเล็กลอยขึ้นมาฟาดท่อนแขนหนาของพี่ชายเบาๆ ก่อนมองค้อนประหลับประเหลือกใส่ “<<พี่ป๊อปก็ฟ้องแม่คุณเหมือนกันแหละ ชิ>>”
“<<นี่ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันจ้าหลานๆ แม่คุณดูละครไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย>>” สุดท้ายแม่คุณก็ต้องปราม “<<ไอ้หมาเอ็งก็ยอมๆ น้องไปเถอะ เอ็งยอมน้องมายี่สิบหกปีแล้วนี่>>”
“<<ครับแม่คุณ>>” ป๊อปพยักหน้ารับโดยอาการสงบ ในเมื่อรู้ว่าที่แม่คุณพูดมานั้นตรงกับความในใจของตัวเองทุกอย่าง
ใบหม่อนได้ทีลุกจากตักแม่คุณขึ้นมาซ้ำเติมคนเป็นพี่ชายทันทีที่แม่คุณพูดจบ “<<แบร่ สมน้ำหน้า โดนว่าเลย คริๆๆ>>” ไม่พูดเปล่า ยังทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาเยาะเย้ยใส่อย่างสะใจ แต่หัวเราะได้ไม่เท่าไหร่กลับต้องหน้าม้านอีกรอบเมื่อ...
“<<นังหนูใบหม่อนก็เหมือนกันแหละ รู้ว่าไอ้หมายอมหน่อยก็ไปข่มไปทำเอาใหญ่กับพี่เขาอีก ถ้าไอ้หมามันน้อยใจเอ็งขึ้นมาแม่คุณไม่ช่วยนะลูก พี่เอ็งน่ะขี้น้อยใจอันดับหนึ่งเลยนะจะบอกให้>>”
“<<จ้าแม่คุณ>>” หญิงสาวทำหน้าจ๋อยทันทีที่ถูกว่าให้ หันไปมองหน้าคนเป็นพี่ชายที่ยิ้มแหยๆ มาให้เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“<<แม่คุณครับ ถ้าเป็นใบหม่อนผมไม่กล้าน้อยใจเขาหรอกครับ ผมก็รักน้องของผมมากนี่นา>>” สุดท้ายป๊อปก็ต้องเผยความในใจออกมา ไม่พูดเปล่ายังตวัดท่อนแขนโอบร่างสูงระหงของหญิงสาวเข้ามาแนบชิดใกล้ให้แม่คุณเห็นไปด้วย
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าสวยที่เหี่ยวย่นตามวัย คิดไว้แล้วว่าหลานชายต้องพูดแบบนี้ “<<เอ็งก็เหมือนเดิมเลยนะไอ้หมา ตอนเด็กมันยอมน้องยังไง โตมาเอ็งก็ยอมน้องอย่างนั้น จริงไหมล่ะ>>”
ใบหม่อนปรายตามองหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพี่ชาย เห็นแล้วอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ความรู้สึกในใจของเจ้าตัวในตอนนี้อยากจะขอบคุณคนเป็นพี่ชายคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าตัวเองจะงี่เง่าหรือง้องแง้งหรือทะเลาะกันมากน้อยแค่ไหน บางครั้งทะเลาะกันรุนแรงกว่านี้จนเผลอพูดทำร้ายจิตใจกัน พี่ชายคนนี้ก็พร้อมที่จะยอมและให้อภัยเจ้าตัวได้เสมอ
ตอนนี้แม่คุณไม่ได้ให้ความสนใจกับละครที่กำลังฉายผ่านหน้าจอทีวีจอใหญ่ติดผนังตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่กลับนั่งมองดูภาพหลานรักทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่นกลมเกลียวหลังจากทะเลาะกันเมื่อสักครู่ ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกประทับใจ แต่ตอนนี้ใบหม่อนเริ่มแสดงสีหน้าอึดอัดให้เห็นแล้ว
“<<พี่ป๊อป ปล่อยหนูได้แล้ว อึดอัด>>”
คนตัวใหญ่ไม่พูดอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอเบาๆ ท่อนแขนหนาคลายอ้อมกอดออกปลดปล่อยให้ร่างระหงกลับมาเป็นอิสระ ใบหม่อนกลับไปอ้อนแม่คุณอีกครั้งหนึ่ง ประจวบเหมาะกับละครดำเนินเรื่องมาถึงฉากสำคัญ ยิ่งทำให้สองยายหลานต้องนั่งดูแบบไม่กะพริบตาเพื่อไม่ให้พลาดฉากสำคัญฉากนี้ได้
ป๊อปพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนก้มตัวลงหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ติดกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเขี่ยๆ บนหน้าจอไล่ดูโซเชียลมีเดียไปเรื่อย จะให้ดูละครทีวีตรงหน้าก็ไม่ใช่ที่ รู้ตัวเองว่าดูไปยังไงก็ไม่รู้เรื่อง ได้แต่นั่งฟังเสียงจากทีวีดังแว่วผ่านหูไปสลับกับบทสนทนาของผู้เป็นยายกับน้องสาวเกี่ยวกับละครที่กำลังฉายอยู่ไปเพลินๆ เท่านั้น
เวลาผ่านไปจนละครดำเนินเรื่องมาถึงช่วงใกล้จบตอนสำหรับวันนี้ พร้อมกับบทสนทนาระหว่างสองยายหลานที่เงียบลงไปได้สักพักหนึ่ง ป๊อปละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือหันไปหาแม่คุณที่กำลังยิ้มเผล่อยู่ พลางชี้นิ้วลงไปบนหน้าตักให้หลานชายมองตาม
“<<ไอ้หมาเอ๊ย นังหนูใบหม่อนหลับคาตักแม่คุณซะแล้ว ลุกไปไหนไม่ได้เลยลูก>>”
ร่างสูงระหงของหญิงสาวทอดตัวลงนอนตะแคงหนุนตักของแม่คุณแทนหมอน ดวงตากลมโตคู่สวยปิดสนิทพ่นลมหายใจสม่ำเสมอ กลีบปากอวบอิ่มสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ ชวนให้รู้สึกเอ็นดูทุกครั้งที่ได้เห็น
“<<นังหนูใบหม่อนตอนหลับยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้หมา>>” แม่คุณเอ่ยเสียงยานคางกับชายหนุ่ม มือเหี่ยวย่นยังลูบผมยาวสลวยของหลานสาวไม่หยุด
“<<งั้นเดี๋ยวผมไปส่งน้องเข้านอนก่อนนะครับแม่คุณ เดี๋ยวผมลงมารับครับ>>”
“<<ไอ้หมาเอ๊ย ไม่ต้องหรอกลูก แม่คุณย้ายลงมานอนข้างล่างแล้ว ไอ้ทิดพ่อเอ็งทำห้องไว้ให้เมื่อปีที่แล้วน่ะลูก ดูสิ>>” แม่คุณยกมือห้ามก่อนชี้ไปที่ประตูกระจกกั้นห้องอีกห้องหนึ่งใกล้ๆ กับบันใดทางขึ้นชั้นบนให้หลานชายเห็น
ป๊อปหันไปมองตามที่แม่คุณชี้ให้ดู จำได้ว่าเดิมเคยเป็นห้องเก็บของ ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้าง “<<ดีเลยครับแม่คุณ แม่คุณเดินไหวไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่ง>>”
“<<ไปส่งนังหนูใบหม่อนเข้านอนเถอะไอ้หมา แม่คุณเดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว>>” แม่คุณปฏิเสธหลานชายอีกครั้งก่อนส่งยิ้มหวานให้
ป๊อปก้มตัวลงเอื้อมมือช้อนร่างสูงระหงที่เริ่มหนักอึ้งออกจากตักของแม่คุณออกมาพักไว้ที่โซฟาตรงที่ตัวเองนั่งก่อน ขณะที่แม่คุณเอื้อมมือคว้าไม้เท้าประจำตัวขึ้นมายันให้ตัวเองลุกเดินไปปิดทีวี หันกลับมาบอกลาหลานชายอีกครั้ง
“<<แม่คุณนอนแล้วนะลูก>>”
“<<ครับแม่คุณ เจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ>>”
หลังจากเดินปิดไฟชั้นล่างหมดแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่โซฟาอีกครั้ง ก้มตัวลงช้อนร่างสูงระหงที่เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาสู่อ้อมแขนทั้งสองข้างของตัวเอง ค่อยๆ ลุกขึ้นแบกน้ำหนักของน้องสาวพาเดินขึ้นบันใดไปยังชั้นบนของบ้านอย่างช้าๆ ประจวบเหมาะกับผู้เป็นพ่อออกมาเข้าห้องน้ำพอดี
“<<อ้าวไอ้หมา ส่งใบหม่อนเข้านอนเหรอลูก>>” ชายวัยใกล้เกษียณเอ่ยปากทักขึ้นมา “<<แหมทำเหมือนตอนยังเด็กเลยนะลูก เอ้า เดี๋ยวพ่อเปิดประตูให้>>”
“<<ขอบคุณครับพ่อ>>”
ร่างสูงใหญ่ที่ไม่ได้ต่างจากผู้เป็นลูกชายเดินเลยไปยังประตูห้องนอนของหญิงสาวพร้อมกับเปิดไฟให้ รอเพียงลูกชายคนโตเดินอุ้มร่างสูงระหงของลูกสาวคนเล็กเข้าไปข้างในเท่านั้น นัยน์ตาคมเข้มยังมองตามคนตัวใหญ่ที่กำลังหน้าที่พี่ชายให้กับลูกสาวคนเล็กอย่างปลื้มใจอยู่ไม่น้อย นึกย้อนกลับไปถึงเมื่อครั้งที่ลูกๆ ทั้งสองยังเป็นเด็กที่ป๊อปอุ้มส่งใบหม่อนเข้านอนแทบจะทุกวันจนชินตาไปแล้ว
ป๊อปค่อยๆ หย่อนตัววางร่างสูงระหงของหญิงสาวลงบนเตียงนอนใหญ่กลางห้องอย่างนิ่มนวล ค่อยๆ หยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินในมือของหญิงสาวออกมาวางไว้ที่หัวเตียงอย่างเบามือ เอื้อมมือไปจัดหมอนอันแสนนุ่มให้ศีรษะสวยได้รูปหนุนได้สนิท หันไปหยิบตุ๊กตา Asimo ตัวโปรดมาสอดใต้อ้อมแขนเรียวเล็ก หยิบตุ๊กตาอีกตัวมาสอดใต้ข้อพับขาข้างขวา และขั้นตอนสุดท้าย เลิกผ้าห่มลายการ์ตูนสีฟ้าสดใสคลุมทับร่างระหงให้เรียบร้อย
นัยน์ตาสองชั้นหลบจ้องมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังหลับพริ้มพ่นลมหายใจสม่ำเสมอ เห็นกลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มเล็กน้อยชวนให้อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ก่อนก้มตัวลงและยื่นใบหน้าคร้ามเข้าไปใกล้ๆ ใบหูเล็ก ส่งเสียงกระซิบอย่างแผ่วเบา
“<<หลับฝันดีนะคะใบหม่อน>>”
เสร็จภารกิจแล้ว ป๊อปลุกขึ้นหันกลับมาที่ประตูห้องอีกครั้ง เห็นพ่อแม่ยืนยิ้มอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้ามองมาที่ตัวเองในตอนนี้
“<<อ้าวพ่อแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ>>” เอ่ยปากถามออกไป แต่ผู้เป็นแม่กลับไม่ยอมตอบคำถาม กลับเอ่ยถึงสิ่งที่เห็นไปเมื่อสักครู่ออกมา
“<<ไอ้หมาลูกแม่ยังส่งน้องเข้านอนเหมือนเดิมเลยนะ>>”
รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นมาบนใบหน้าคร้ามของชายหนุ่ม ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ ชายวัยเกษียณชิงถามตัดหน้าขึ้นมาก่อน
“<<ตอนอยู่กรุงเทพฯ ไอ้หมาส่งน้องเข้านอนแบบนี้รึเปล่าลูกหืม>>”
ผู้เป็นแม่ส่งสายตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงอาการอยากรู้คำตอบ ขณะที่ชายหนุ่มยิ้มแหยๆ ก่อนให้คำตอบกับผู้เป็นพ่อ
“<<ถ้าผมว่างก็ส่งน้องเข้านอนแบบนี้ทุกครั้งแหละครับพ่อ>>” เว้นวรรคผ่อนลมหายใจเล็กน้อย “<<แต่บางคืนผมติดงานไม่ได้ไปส่งน้องก็ไม่ร้องเหมือนเมื่อก่อนนะครับ แต่บ่นผมแทนเนี่ย>>”
บุพการีทั้งสองได้แต่หัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายคนโต “<<อือม์ เอาน่ะไอ้หมาลูกแม่ ดึกแล้วนอนเถอะลูก>>”
“<<ครับพ่อแม่>>”
สามพ่อแม่ลูกพากันเดินออกจากห้องนอนของใบหม่อนก่อนจะแยกย้ายกันตรงนี้ ป๊อปหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่ข้างในห้องอีกครั้งหนึ่ง ยืนครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วเอื้อมมือเข้าไปปิดไฟห้องก่อนปิดประตูห้องให้ เดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ติดกัน หยิบรีโมตแอร์มากดเปิดเตรียมตัวเข้านอน แต่ยังไม่ทันได้หย่อนตัวลงนอน สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำส่งเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียว มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ เห็นข้อความถึงสองข้อความเด้งขึ้นมา
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อป กลับบ้านเหรอ สะดวกทำงานไหม ถ้าไม่สะดวกยังไงบอกหนูได้นะเดี๋ยวหนูคุยกับพี่นุ่นให้ ยังไงงานล็อตแรกต้องเสร็จภายในเดือนนี้นะ บาย :
นิ้วมือหนาสไลด์ไปที่กล่องแชตของโปรดิวเซอร์ พิมพ์ตอบไปตามตรง
@@POPENGL@@ : เฮ้ยน้องพี่ไม่ให้ทำงานว่ะ ไว้กลับคอนโดฯ ก่อนเดี๋ยวพี่รีบทำให้ :
เลื่อนลงไปเปิดกล่องแชตของคนที่คิดถึง จิ้มเปิดอ่านข้อความที่ปลายทางส่งมา ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มทันทีที่ได้อ่าน
@@Phattee@@ : ป๊อปกลับบ้านแล้วใช่ไหม เป็นไงบ้าง ขอโทษน้าวันนี้เค้ายุ่งๆ ไม่มีเวลาได้คุยกับใครเลย เค้าคิดถึงป๊อปน้า แต่เค้ามีอะไรจะบอกอีกอย่างว่างานมีปัญหามาก เผลอๆ เค้าอาจจะได้กลับสิ้นเดือนคือเร็วสุด ถ้ายังไม่เสร็จก็กลางเดือนหน้าเลยอ่ะ เค้าฝากสวัสดีแม่คุณกับพ่อแม่ของป๊อปด้วยน้า ฝากความคิดถึงน้องใบหม่อนด้วย ไว้เจอกันนะคะที่รัก บาย J :
ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบเมื่อได้อ่านข้อความของคนที่คิดถึง และภาพที่เห็นตรงหน้าค่อยๆ ตัดเข้าสู่ความมืดมิดพร้อมกับสติรับรู้สิ่งรอบตัวหยุดทำงานลงในที่สุด...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ