เจ้าหญิงของฉัน
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) Hang!!! Pt.2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความใบหม่อนตื่นแต่เช้าตรู่ทั้งที่เป็นวันหยุดอีกวันหนึ่ง หลังจากอาบน้ำขับไล่อาการเหนียวตัวจากเมื่อคืนและแต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ เพียงแต่สวมใส่เสื้อแข่งของทีมสีแดงแห่งเมอร์ซีไซด์ที่คนรักซื้อให้เมื่อสองปีที่แล้ว มือเล็กหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินคู่กายขึ้นมาเช็คโซเชียลส่วนตัวกับแชตคุยกับคนรักสักเล็กน้อย ไม่ลืมที่จะโทร.ไปสวัสดีปีใหม่คนที่บ้านชดเชยกับการที่ไม่ได้กลับไปหาในครั้งนี้...
ร่างสูงระหงเดินออกมายังโถงกลางห้องอันเงียบสงบ ไร้เงาพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ปกติมักจะมาขลุกอยู่แถวโต๊ะทำงานกับเคาน์เตอร์เป็นประจำ คิ้วเรียวสวยขมวดขึ้นอย่างแปลกใจที่ห้องดูเงียบผิดปกติแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก แอบยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อยก่อนเดินไปเก็บจานกองโตและขวดแก้วทั้งสี่ใบ นึกเคืองพี่ชายตัวดีอยู่ไม่น้อยที่เมาจนไม่มีสติแม้แต่จะเก็บกวาดโต๊ะให้เลยแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปไม่นานโต๊ะอาหารถูกเก็บจนเกลี้ยง...
หลังจากนั้นหญิงสาวหันไปยังมุมทำครัวหลังเคาน์เตอร์ วันนี้ตั้งใจจะทำข้าวต้มร้อนๆ ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ได้ซดแก้แฮงก์เพราะรู้ว่าทั้งคู่เมาหนักพอสมควรหลังจากดื่มเครื่องดื่มสีอำพันฉลองปีใหม่ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อคืนวาน ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบอยู่สักพักก็ถึงเวลาตั้งหม้อต้มข้าวต้มจนร้อนได้ที่ ระหว่างรอหญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาแชตในกลุ่มเพื่อนร่วมงานสลับกับดูข้าวต้มในหม้อเป็นระยะ
เวลาผ่านเลยไปเกือบชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะตื่นแต่อย่างใด ข้าวต้มในหม้อกำลังอุ่นๆ หลังจากปิดเตาไฟฟ้าไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตากลมโตชำเลืองมองดูนาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือ เห็นเป็นเวลาราวเก้าโมงแล้ว เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะรู้ว่าปกติพี่ชายตื่นเช้าเป็นปกติหรือถ้าวันไหนทำงานเพลินถึงขั้นไม่ได้นอนยันเช้า แต่ครั้งนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาจากห้องทั้งที่เวลาเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ทันที่จะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจนหมด รู้ตัวอีกทีขาทั้งสองข้างพาตัวเองมาถึงหน้าประตูห้องนอนของพี่ชายแล้ว
“<<พี่ป๊อป ตื่นยัง หนูเข้าไปได้ไหม>>”
กำปั้นน้อยเคาะประตูเรียกคนข้างในห้องพร้อมกับส่งเสียงเรียก แต่ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเพราะรู้ว่าปกติพี่ชายเป็นคนตื่นง่ายถ้าได้ยินเสียงอะไรหน่อย มือเล็กเลื่อนลงไปจับลูกบิดหมุนเปิดประตูเข้าไปข้างในเพราะประตูไม่ได้ล็อก ภาพที่เห็นตรงหน้าในตอนนี้คือร่างสูงใหญ่ของพี่ชายนอนกอดร่างบางของว่าที่พี่สะใภ้กลมดิก ส่งเสียงกรนดังกระหึ่มลั่นห้อง และที่ยิ่งทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือท่อนบนของคนตัวใหญ่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นเนื้อหน้าอกแน่นๆ โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มและท่อนแขนเรียวบางของคนที่นอนกอดด้วย ชำเลืองมองไปที่ร่างบางของว่าที่พี่สะใภ้ใต้วงแขนใหญ่ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน มีเพียงบราเชียร์ปกปิดเนินอกอันอวบอิ่มมีขนาดใหญ่กว่าของตัวเองเท่านั้น
‘อึ๋ย เมื่อคืนพี่ป๊อปมีอะไรกับพี่พัชรใช่ไหม เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ ไม่อายน้องอายนุ่งบ้างเลยเหรอไงเนี่ย’
ใบหม่อนนึกต่อว่าพี่ชายในใจ แต่ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการปลุกให้ตื่นเสียก่อนเพราะตอนนี้เวลาผ่านเลยมาถึงเก้าโมงกว่าแล้ว ร่างสูงระหงเดินเข้าไปยังข้างเตียง พลันเอื้อมมือเรียวเล็กไปเขย่าให้รู้สึกตัวก่อน
“<<พี่ป๊อป ตื่นได้แล้วน้า นี่จะเก้าโมงครึ่งแล้ว>>”
คนตัวใหญ่ไม่ยอมตื่นง่ายๆ แถมยังแจกจ่ายเสียงกรนชวนบีบประสาทตอบกลับมาอีก ถึงคราวนี้ใบหม่อนชักเริ่มโมโหขึ้นมา มือเล็กเปลี่ยนจากเขย่าเป็นกระหน่ำตีเป็นจังหวะตามคำพูดของตัวเองที่พยายามปรับน้ำเสียงให้จริงจังมากขึ้น
“<<ตื่น_ได้_แล้ว_พี่ป๊อป>>”
ทางด้านป๊อปเริ่มรู้สึกตัวเมื่อถูกมือเรียวเล็กตีเข้าที่ท่อนแขน ถึงแม้ดวงตาสองชั้นหลบยังคงปิดสนิทอยู่พร้อมกับอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลันหูได้ยินเสียงใสน่าฟังกับกิริยาท่าทางเหมือนกับแมวร้องขออาหารจากทาสกำลังเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์อยู่ สติเริ่มกลับมาพร้อมกับค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากจนเห็นบรรยากาศรอบข้างเต็มตา ชำเลืองมองเจ้าของเสียงใสเมื่อสักครู่ที่กำลังส่งสายตาดุมาที่เขาในตอนนี้
“<<อ้าวใบหม่อน>>”
“<<พี่ป๊อปทำไมวันนี้ตื่นสาย นี่จะเก้าโมงครึ่งแล้วนะ เมื่อคืนพี่ป๊อปเมามากเลยนะรู้ตัวไหม รู้งี้หนูไม่น่าให้พี่ป๊อปกินเบียร์ตั้งแต่แรกแล้วถ้าพี่ป๊อปกับพี่พัชรจะเป็นแบบนี้ ไม่งั้นหนูโทร.ฟ้องแม่คุณให้จัดการพี่ป๊อปดีไหมเนี่ยห๊า!>>”
มาถึงก็ถูกน้องสาวสวมบทบาทแม่บ่นกระปอดกระแปดใส่รัวๆ จนทำให้รู้สึกตาสว่างขึ้นทันตาเห็น แต่ตอนนี้ยังไม่มีช่องว่างให้เขาได้พูดกระทั่งเสียงบ่นราวแมวที่พยายามทำตัวเป็นแม่เสือสาวขย้ำเหยื่อจบลง ทำให้เขามีโอกาสได้พูดบ้าง
“<<พี่ขอโทษนะใบหม่อน>>” ปกติแล้วถ้าโดนต่อว่ามักจะอารมณ์ร้อน แต่สำหรับน้องสาวคนนี้แล้วเขาก็ต้องยอมให้ทุกครั้งไป “<<พี่กินไปสี่ขวดเต็มๆ กับพัชรน่ะ ไม่คิดเลยว่าจะเมาหนักขนาดนี้ ตอนนี้พี่แฮงก์มากเลย>>”
พูดจบนัยน์ตาคมสองชั้นหลบชำเลืองมองสำรวจตัวเองเห็นท่อนบนเปลือยเปล่า มือหนาเลิกผ้าห่มขึ้นดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม แต่ก็โล่งใจเมื่อยังเห็นกางเกงขาสั้นยังห่อหุ้มร่างกายท่อนล่างอยู่ ชำเลืองมองไปยังเรียวขาขาวสวยของแฟนสาวที่ก่ายทับขึ้นมายังคงมีการเกงขาสั้นสีหวานปิดบังจุดซ่อนเร้นอยู่ แต่เมื่อเงยหน้ากลับขึ้นมามองหน้าน้องสาวที่ตอนนี้กำลังถลีงตาดุใส่อย่างเอาเรื่องราวกับแม่เสือรอขย้ำเหยื่อในตอนนี้... ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงใสปรับให้อ่อนลงพร้อมกับบอกกับพี่ชายตัวดี
“<<ไปพี่ป๊อป ตื่นไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว หนูทำข้าวต้มไว้ให้ รีบๆ ล่ะ ถ้ายังโอ้เอ้อยู่ หนูฟ้องแม่คุณเรื่องพี่ป๊อปกินเบียร์>>”
ใบหม่อนยั้งอารมณ์โมโหของตัวเองไว้ได้ก่อนสะบัดร่างระหงเดินออกไป ปล่อยให้คนโดนปลุกยังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ฟื้นสติขึ้นมาจนครบถ้วน ชำเลืองมองนาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนสีดำเห็นว่าใกล้จะเก้าโมงครึ่งแล้ว นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองไปทางหญิงคนรักที่ยังอยู่ในห้วงนิทรา ค่อยๆ ยื่นนิ้วไปเขี่ยๆ บนจมูกโด่งเชิดรั้นที่กำลังพ่นลมหายใจสม่ำเสมออยู่
“พัชรๆ ตื่นได้แล้ว”
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากพร้อมกับพ่นลมหายใจยาวหนึ่งที เสียงครางในลำคอดังแว่วพอให้อีกฝ่ายได้ยินด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงยังเกาะกุมอยู่
“อือ... ปลุกเค้าทำไมเนี่ย”
“เมื่อกี้ใบหม่อนเข้ามาปลุกน่ะ นี่เก้าโมงครึ่งแล้วนะ เนี่ยเราโดนน้องขู่ด้วยถ้าไม่รีบตื่นจะฟ้องแม่คุณเรื่องเรากินเบียร์เมื่อคืนน่ะ” ป๊อปปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบแผ่วเบาลง
ทั้งสองต่างก้มลงสำรวจเรือนร่างท่อนบนที่ไร้เสื้อผ้าห่อหุ้มอย่างประเมินก่อนเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มแก้มเขิน ป๊อปส่งสายตาหวานเชื่อมไปยังคนรักพร้อมกับคลี่ยิ้มสว่างไสวราวกับจะบอกว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรทั้งๆ ที่เมื่อคืนหลังจากเคาท์ดาวน์เสร็จด้วยความเมาของทั้งคู่ทำให้เกือบจะมีการบรรเลงเพลงรักกันจริงๆ แต่เหมือนจะมีอะไรฉุดรั้งไว้ทำให้ได้สติและหยุดมันไว้เท่านั้นทั้งๆ ที่ร่างกายของทั้งคู่ต่างต้องการกันและกัน แต่ด้วยว่าเคยมีอะไรกันหลายครั้งมาตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาทำให้ทั้งคู่แยกแยะได้ว่าถ้าต้องการกันจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มสีอำพันที่ทั้งคู่ต่างดื่มด้วยกันถึงสี่ขวดต่างหาก
พัชรคลี่ยิ้มตอบพร้อมกับส่งสายตาบ่งบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ก่อนออกปากตัดบทเสียเองเพราะขืนยังอยู่แบบนี้มีหวังหัวใจตัวเองได้ละลายหมด
“ไปอาบน้ำเถอะป๊อป เดี๋ยวน้องใบหม่อนรอนาน”
พูดจบร่างบางลุกจากเตียง เอื้อมมือไปหยิบเสื้อยืดสีขาวที่ถอดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนกลับมาสวมใส่อีกครั้ง มือเล็กคว้าข้อมือคนตัวใหญ่กว่าเดินไปยังห้องน้ำโดยไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตั้งตัว...
...............................................................................................
“<<กินเยอะๆ น้าพี่ป๊อป พี่พัชร>>”
เสียงใสเผลอเอ่ยสำเนียงเหน่อที่ปกติมักใช้กับพี่ชายจนเรียกเสียงหัวเราะจากว่าที่พี่สะใภ้ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะนั่งประจำที่
“<<ครับแม่>>” ป๊อปแกล้งล้อเลียน ในสายตาของเขาแล้ว น้องสาวคนนี้เริ่มทำตัวเหมือนแม่มากขึ้นไปทุกที “<<แล้วใบหม่อนไม่กินเหรอ>>”
“<<หนูกินไปตั้งแต่เช้าแล้วพี่ป๊อป สมน้ำหน้าอยากตื่นสายเอง อดกินข้าวต้มร้อนๆ เลย แบร่>>” ใบหม่อนแลบลิ้นหลอกใส่ “<<กินเลยพี่ป๊อป ถ้ายังดื้ออีกหนูฟ้องแม่คุณแน่ว่าเมื่อคืนพี่ป๊อปกินเบียร์>>”
ป๊อปคลี่ยิ้มกว้างและหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับส่ายศีรษะทุยไปมาเมื่อได้ยินคำขู่ของน้องสาว ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งประจำที่...
ข้าวต้มอุ่นๆ เกือบเย็นชืดทั้งสองชามถูกเสิร์ฟที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับเครื่องดื่มแก้แฮงก์ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานเตรียมไว้ให้พร้อม คนตัวใหญ่รีบลงมือละเลียดข้าวต้มที่หมดความร้อนทันทีด้วยอาการหิว ขณะเดียวกันหญิงสาวเจ้าของร่างบางรีบลงมือจัดการข้าวต้มในชามตรงหน้าราวกับจะกินแข่งกับคนรักเหมือนกัน
อาการหิวถูกทำลายลงไปเมื่อได้รับรสข้าวต้มที่เกือบจะเย็นชืดแต่แสนอร่อยจากฝีมือของคนที่แทบจะเป็นแม่ของเขาไปแล้วในตอนนี้ พร้อมกับอาการแฮงก์ค่อยๆ ลดลงไปอย่างน่าประหลาดใจ แอบชำเลืองมองคุณแม่ในร่างน้องสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือสีน้ำเงินในมืออย่างขะมักเขม้นแล้วอดขำไม่ได้ก่อนหันไปมองคนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตาละเลียดข้าวต้มแบบไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วในตอนนี้นอกจากขับไล่อาการหิวให้หมดไป...
ระหว่างนั้นใบหม่อนยังเพลิดเพลินกับการแชตกลุ่มในแอพพลิเคชั่นสีเขียวกับเพื่อนข้าราชการที่บรรจุด้วยกัน ล้วนแต่เป็นข้อความอวยพรปีใหม่ของกันและกันและพูดคุยกันเรื่องงานที่จะต้องสะสางในวันพรุ่งนี้เท่านั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรมาก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ในตอนนี้เหมือนจะสลัดอาการแฮงก์ออกไปได้แล้ว และด้วยความอยากรู้ว่าเพราะอะไรเมื่อเช้าตัวเองได้เห็นสภาพของทั้งคู่เปลือยท่อนบนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ จึงถามออกไปตรงๆ
“<<พี่ป๊อป หนูถามอะไรหน่อยสิ>>”
ป๊อปเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังของคนตรงข้ามเอ่ยขึ้น ยิ่งเห็นดวงตากลมโตคู่สวยเบิกโพลงอย่างจริงจังก็ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้นไปอีก
“<<ทำไมเหรอใบหม่อน>>”
พัชรแอบชำเลืองมองชายคนรักกับว่าที่น้องสะใภ้สลับไปมาอย่างแปลกใจ ถึงแม้จะรู้จักกันมากว่าสิบสองปีแต่ก็ไม่เคยเห็นแววตาของว่าที่น้องสะใภ้ที่ฉายแววจริงจังถึงขนาดนี้
“<<เมื่อคืนพี่ป๊อปมีอะไรกับพี่พัชรรึเปล่า>>” ใบหม่อนถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้จริงจัง
ป๊อปยิ้มกระตุกๆ ก่อนหันไปสบตากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทางด้านพัชรหันมาสบตากับชายคนรักอย่างรู้กันก่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนสวมบทบาทแม่ของคนรัก หวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
“<<โธ่นึกว่าเรื่องอะไร ฮึๆๆ>>”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน หันไปมองหน้าคนรักด้วยสายตาหวานเชื่อมเหมือนขอความเห็น ทางด้านพัชรยิ้มตอบและพยักหน้าส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ ใบหน้าคร้ามหันกลับมาส่งสายตาแบบเดียวกันให้กับคนถาม “<<ไม่มีอะไรหรอกใบหม่อน เมื่อคืนแค่เมาเฉยๆ น่ะ>>”
ใบหม่อนทำหน้ามู่ทู่ลงพร้อมกับส่งสายตาผิดหวังใส่ “<<พี่ป๊อปไม่ได้โกหกหนูใช่ไหม>>”
คราวนี้พัชรชิงตอบขึ้นมาก่อน “ไม่หรอกจ้า ที่จริงเมื่อคืนก็เกือบแล้วล่ะ แต่พี่กับพี่ป๊อปยั้งไว้ได้จ้ะ” พูดเสร็จหันไปมองหน้าคนรักด้วยแววตารู้สึกผิดเล็กๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจไปอีกอย่าง
“<<จะให้พี่โกหกน้องสาวหน้ากลมคนนี้ทำไมล่ะหืม เมื่อคืนไม่มีอะไรกันจริงๆ ฮิๆ>>”
ป๊อปอดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อต้องตอบคำถามน้องสาว ทั้งที่พูดความจริงไปหมดแล้ว แต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่เชื่อจนต้องคาดคั้นออกมาอีก “<<ฮิๆ ไหนเป็นคนไม่คิดอะไรไงล่ะ คิดเล็กคิดน้อยนะเรา>>”
“<<กินได้แล้ว เดี๋ยวข้าวต้มเย็นชืดหมด>>” ใบหม่อนเบ้ปากใส่อย่างขัดใจ หันไปชวนว่าที่พี่สะใภ้คุยต่อ ไม่วายที่จะตัดพ้อก่อน
“พี่พัชรก็ไม่ห้ามพี่ป๊อปกินเบียร์เลยน้า”
พัชรคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนให้คำตอบกับว่าที่น้องสะใภ้ “น้องใบหม่อนจ๊ะ นานๆ พวกพี่กินทีนี่นา ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” เสียงหวานเว้นหายใจเล็กน้อย “นี่น้องใบหม่อนจ๊ะ ปีใหม่นี้อยากได้อะไรไหม นี่พี่ยังไม่ได้ซื้อของขวัญปีใหม่ให้น้องใบหม่อนเลย”
“หนูไม่ได้อยากได้อะไรหรอกค่ะพี่พัชร” ใบหม่อนโคลงศีรษะลง ดวงตากลมโตคู่สวยเหลือบต่ำมองหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือก่อนเงยขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย “แค่หนูได้ลงมาอยู่กับพี่ป๊อปก็เป็นของขวัญปีใหม่แล้วล่ะค่ะพี่พัชร”
คนที่กำลังละเลียดข้าวต้มหมูถึงกับหูผึ่งเงยหน้าขึ้นมา ชำเลืองมองใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ของเจ้าของคำพูดเมื่อสักครู่กำลังฉีกยิ้มหวานจนเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่กับลักยิ้มบุ๋มลงไปเป็นวงใหญ่ส่งไปยังคนรักก่อนหันกลับมาทำแบบเดียวกันให้กับเขาในตอนนี้
“<<อะไรๆ ใบหม่อน ไม่ใช่ของเราคนเดียวนะ ใบหม่อนลงมาอยู่กับพี่แบบนี้ก็เหมือนกับพี่ได้ของขวัญปีใหม่เหมือนกันแหละ>>”
หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวพองโตขึ้นเมื่อได้ยินพี่ชายพูดสวนขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดแบบกวนๆ ตามปกตินิสัย แต่เจ้าตัวรับรู้ได้ทันทีว่าเจตนาของเขาจริงๆ คืออะไร แต่ตอนนี้ขอแกล้งซะหน่อยด้วยการ...
“<<อะไรๆ หนูไม่ได้พูดกับพี่ป๊อปซะหน่อย อย่ามั่วๆ>>” แกล้งว่าเสียงสะบัดใส่พร้อมกับหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว “<<หนูพูดกับพี่พัชรต่างหาก กินข้าวไป กินไม่หมดหนูฟ้องแม่คุณนะ>>”
พัชรกลอกตามองบน พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับย่นจมูกโด่งเชิดรั้นขึ้นเมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้เถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง และแล้วความรู้สึกระอาค่อยๆ หมดไปเมื่อลงมือละเลียดข้าวต้มหมูในชามตรงหน้าต่อ
ไม่นานข้าวต้มชามใหญ่ทั้งสองใบหมดลงอย่างรวดเร็ว มือหนาของชายหนุ่มคว้าเครื่องดื่มแก้แฮงก์ขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้ดื่ม นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองไปทางขวดเครื่องดื่มแบบเดียวกันของคนรักยังไม่แม้แต่จะเปิดฝาขวด มือหนารีบวางขวดของตัวเองลงก่อนเอื้อมมือไปคว้าขวดของคนรักมาเปิดให้...
“นี่กินซะ น้องเราอุตส่าห์ซื้อให้”
ขวดเครื่องดื่มแก้แฮงก์ถูกส่งให้กับมือเรียวเล็กขาวกระจ่างใส แอบชำเลืองมองหญิงคนรักกระดกช็อตเดียวจนหมดด้วยสายตาหวานเชื่อมชวนให้คนที่นั่งตรงข้ามอดที่จะมองค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ เริ่มรู้สึกคลื่นเหียนเมื่อเห็นพี่ๆ ที่อยู่ตรงหน้าโชว์หวานเกินหน้าเกินตา กระตุกต่อมอิจฉาที่อยู่ในใจให้ลุกโพลงจนอดรนทนไม่ไหว หันไปเบะปากมองบนใส่หนึ่งทีก่อนเดินลุกหนีไปที่โซฟาใหญ่กลางห้อง ก่อนเดินจากไปขอทิ้งระเบิดไว้สักหน่อย
“<<ยี้ เหม็นความรัก เดี๋ยวถึงทีหนูก่อนนะ แบร่!>>”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันหันมามองคนที่แลบลิ้นใส่ก่อนเดินสะบัดก้นหนีไปด้วยสายตาที่งุนงง ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ ‘น้องสาว’ เป็นแบบนี้ บนใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราของคนตัวใหญ่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามก่อนหันกลับไปหาคนรักที่กำลังทำหน้าอมยิ้มบางๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“เค้าว่าน้องใบหม่อนกำลังอิจฉาป๊อปอยู่นะ”
“ไม่ให้อิจฉาได้ไงล่ะ เราอยู่นี่เราได้เจอพัชรทุกวัน แต่น้องเราต้องห่างกับโบ้เขาเลยนะ” เสียงเข้มตอบอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสองชั้นหลบจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีอำพันคู่สวยของคนรัก “ไปล้างชามกันเถอะ”
คนตัวใหญ่ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบชามทั้งสองใบไปยังอ่างซิงค์ ด้านคนตัวเล็กกว่ารีบเดินตามไปติดๆ ตอนนี้อาการแฮงก์ด้วยฤทธิ์เครื่องดื่มสีอำพันเมื่อคืนหายเป็นปลิดทิ้งแล้วทั้งคู่ และยิ่งเติมความหวานด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างการล้างชามข้าวต้มในมือทั้งสอง ประจวบเหมาะกับจานชามที่ใบหม่อนเก็บและเคลียร์โต๊ะก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ล้าง เลยถือโอกาสล้างให้หมดเสียเลยในตอนนี้...
ใบหม่อนเริ่มรู้สึกปวดตาหลังจากดูละครทีวีไปก้มลงไปแชตกับเพื่อนผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวไปเป็นเวลานาน ดวงตากลมโตค่อยๆ ละสายตาจากสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินในมือมองไปทางอื่นเพื่อพักสายตา แต่แล้วอาการร้อนวูบวาบก็กลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ช่วยกันเรียงจานบนชั้นวางไปพูดคุยกระหนุงกระหนิงโชว์หวานออกสื่อแบบไม่เกรงใจคนที่แยกตัวมานั่งที่โซฟา ความรู้สึกอิจฉาตาร้อนเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม...
หญิงสาวเบะปากขึ้นอย่างขัดใจก่อนหยิบสมาร์ทโฟนคู่มือขึ้นมาเปิดโหมดกล้องถ่ายรูปส่งไปให้ทางบ้านดู รีบหันหน้าหนีให้เร็วที่สุดก่อนต่อมอิจฉาตาร้อนจะแตกไปมากกว่านี้…
‘ไว้ถึงทีหนูบ้างนะ ฮึ่ม ขอให้วันนั้นพี่พัชรไม่มาหาพี่ป๊อปเถอะ หนูจะเอาให้พี่ป๊อปอิจฉาหนูบ้าง ชิ’
……………………………………………………..
เวลาผ่านเลยไปจนถึงตอนบ่ายแก่ๆ ใบหม่อนยังนั่งอยูที่โซฟาใหญ่กลางห้องดูซีรีส์บนทีวีจอใหญ่ตรงหน้าร่วมกับว่าที่พี่สะใภ้ที่มานั่งดูเป็นเพื่อน ขณะที่เจ้าของห้องอย่างป๊อปยังอดไม่ได้ที่จะมาร่วมแจมด้วยถึงแม้จะดูไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม
ใบหม่อนเริ่มดูไปอินไปเรื่อยๆ จนมาถึงฉากดึงอารมณ์ดราม่า หยาดน้ำตาใสๆ ไหลรื้นคลอหน่วยตาคู่สวยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งขยี้อารมณ์มากขึ้นเท่าไหร่เจ้าตัวก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ บังเอิญป๊อปชำเลืองมองมาเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและดวงตาคู่สวยเริ่มบวมตุ่ย
ปากหยักคลี่ยิ้มบางๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยบนพวงแก้มนุ่มอย่างเบามือ “<<อินขนาดนี้เลยเหรอใบหม่อน>>”
“<<ก็มันซึ้งนี่นาพี่ป๊อป ฮึก>>” ใบหม่อนตอบเสียงสั่นเครือกลับมา ยิ่งตอนนี้น้ำตายังไหลไม่หยุดเมื่อซีรีส์เริ่มขยี้อารมณ์หนักขึ้นกว่าเดิม รู้ตัวอีกทีสาวเจ้าทิ้งศีรษะสวยได้รูปลงบนแผงอกกว้างของคนเป็นพี่ชายไปแล้ว
ป๊อปค่อยๆ ลูบไปบนแผ่นหลังบางของหญิงสาวอย่างนุ่มนวล ลอบยิ้มให้กับตัวเองไป ‘น้องสาวพี่ยังขี้แยไม่เปลี่ยนจริงๆ เลย นี่ขนาดโตเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่นะเนี่ย’
แม้แต่พัชรยังซึ้งกับฉากในซีรีส์ตรงหน้าจนเกือบจะเสียน้ำตาไปด้วยอีกคน แต่เมื่อเห็นภาพคนที่อยู่ด้านข้างกำลังโอบกอดปลอบใจว่าที่น้องสะใภ้ที่กำลังปล่อยโฮออกมา จู่ๆ ก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกประทับใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกในตอนนี้
ใบหม่อนค่อยๆ ผละออกจากแผ่นอกกว้างหลังจากใช้เป็นที่ซับน้ำตาอยู่นาน ดวงตากลมโตคู่สวยยังแดงก่ำไหวระริกเงยขึ้นสบตากับคนเป็นพี่ชายที่กำลังส่งยิ้มให้ ประจวบเหมาะกับฉากขยี้อารมณ์เศร้าเพิ่งผ่านไปพร้อมกับน้ำตาของหญิงสาวหยุดไหลลง เหลือเพียงน้ำตารื้นๆ รอบดวงตากลมโตและคราบน้ำตาไหลบนพวงแก้มนุ่มเท่านั้น...
“<<มาๆ พี่เช็ดน้ำตาให้นะใบหม่อน ดูสิร้องไห้จนตาบวมแล้วเนี่ย>>”
ป๊อปเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่จากโต๊ะกระจกด้านหน้ามาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างเบามือ มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่ยังสั่นไหวระริกพร้อมที่จะปล่อยน้ำตาออกมาอีก ปากหยักคลี่ยิ้มขึ้นมา
“<<เอ พี่จำได้ว่าใบหม่อนเป็นคนแกร่งมากนี่นา ทำไมตอนอยู่กับพี่ถึงขี้แยได้ขนาดนี้ล่ะหืม ไม่สิ ต้องเรียกว่าขี้แยตั้งแต่เด็กๆ เลยต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ>>” แกล้งถามเชิงหยอกล้อเล็กๆ
“<<ไม่ต้องมาล้อหนูเลยนะ ชิ>>” หญิงสาวย้อนให้ แต่ยังยอมให้คนเป็นพี่ชายซับน้ำตาแต่โดยดี “<<พี่ป๊อปดูซีรีส์ไม่เป็นไม่ต้องพูดเลย>>”
“<<ฮึๆ เออพี่ไม่พูดก็ได้>>”
คนตัวใหญ่หัวเราะในลำคอเบาๆ พลางเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าสวยหวานจนหมด
ใบหม่อนหันกลับไปดูซีรีส์บนจอทีวีตรงหน้าอีกครั้ง บังเอิญประจวบเหมาะกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินมาจนถึงฉากเลิฟซีนอันแสนหวานระหว่างคู่พระนางจนตอนนี้หญิงสาวเริ่มออกอาการเขินแทนนางเอกให้เห็น ยิ่งเดินทางมาถึงจุดไคลแมกซ์มากท่ำไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งออกอาการเขินมากขึ้นเรื่อยๆ
ป๊อปชำเลืองมองกิริยาท่าทางของน้องสาวก่อนหันกลับไปดูที่หน้าจออีกรอบ เริ่มประมวลผลในสมองตามความทรงจำที่เคยเจอมาไม่ว่าจะเป็นเวลาดูซีรีส์กับน้องสาวหรือคนรักที่มักจะเจออะไรแบบนี้ทุกครั้ง เหลือบมองไปที่คนรักที่กำลังอยู่ในอาการที่ไม่ต่างกัน ดูเหมือนจะมีอาการมากกว่าคนเป็นน้องสาวเสียอีก ภาพที่เห็นในตอนนี้คือทั้งสองสาวต่างออกอาการเขินแทนนางเอกจนทึ้งบนหมอนทั้งสามใบบนโซฟา ส่งเสียงครางในลำคอให้ได้ยินเบาๆ
‘เพิ่งเข้าใจคำว่าจิกหมอนก็วันนี้แหละ ฮิๆ’ นึกในใจแล้วแอบลอบยิ้มให้ตัวเอง
ซีรีส์ที่กำลังฉายในจอทีวีตรงหน้าเดินทางมาจนถึงฉากจบที่ชวนให้ฟินจนต้องจิกหมอนกันอีกครั้งจนสองสาวถึงกับยิ้มไม่หุบและเอามาเป็นประเด็นสนทนาต่อหลังจากซีรีส์ในทีวีตรงหน้าจบไปแล้ว ทั้งสองต่างเมาท์มอยข้ามหัวคนตัวใหญ่ที่นั่งคั่นกลางจนกลายเป็นหัวหลักหัวตอโดยสมบูรณ์แบบไปแล้วในตอนนี้ ได้แต่นั่งฟังเสียงเจื้อยแจ้วของทั้งสองสาวคุยกันไปเพลินๆ พร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอัพเดตโซเชียลส่วนตัวไปเพลินๆ...
บทสนทนาของสองสาวค่อยๆ เงียบลงเมื่อใบหม่อนหันไปให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินในมือ ขณะที่พัชรเริ่มหันมาคุยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ยังทิ้งร่องรอยของความฟินจากซีรีส์ที่เพิ่งจบไป...
“ปกติป๊อปไม่ค่อยดูซีรีส์ไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาดูกับเค้าได้ล่ะ”
ที่ถามแบบนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่ค่อยดูละครหรือซีรีส์เท่าไหร่ และเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่คบกันมา บ่อยครั้งที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนแต่กลับให้ความสนใจกับสิ่งอื่นมากกว่าที่จะดูไปด้วยกัน
ปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มขึ้น ดวงตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายระคนกัน
“ก็แค่อยากนั่งดูเป็นเพื่อนน้องเรากับพัชรไงล่ะ” เสียงเข้มเว้นหายใจเล็กน้อย เริ่มส่งสายตากรุ้มกริ่มไปยังคนถาม “เข้าใจเลยว่ามันอินขนาดไหน ดูสิอยู่ๆ ใบหม่อนร้องไห้เฉยเลย น้องเราขี้แยไม่เปลี่ยนจริงๆ ฮิๆ”
อดที่จะพาดพิงบุคคลที่สามไม่ได้ แต่แล้วคนถูกพาดพิงหันขวับมาหา ส่งสายตาค้อนใส่อย่างขัดใจ “<<อะไรๆ พี่ป๊อป ว่าหนูขี้แยเหรอ หนูแค่อินเฉยๆ น้า>>” ไม่พูดเปล่า มือเล็กฟาดที่ท่อนแขนแกร่งของคนปากเสียหนึ่งที
“ก็พี่เห็นน้องใบหม่อนซบอกพี่ป๊อปใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ แถมร้องไห้ใหญ่เลยนี่นา”
“พี่พัชรอ่ะ!”
ใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้ากลมกึ่งรูปไข่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีถึงแม้สีผิวจะคล้ำมากก็ตาม ถึงแม้จะคุ้นเคยกับว่าที่พี่สะใภ้มานานแค่ไหนแต่ก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ ปกติแล้วถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวจะไม่ให้คนอื่นเห็นน้ำตาของตัวเองเด็ดขาด
“<<ก็หนูไม่อยากให้คนอื่นเห็นน้ำตาหนูนี่นา ที่จริงแล้วมีพี่ป๊อปคนเดียวน้าที่หนูจะร้องไห้ให้เห็นอ่ะ>>” ใบหม่อนเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มกลบเกลื่อน
กิริยาท่าทางทั้งหมดของหญิงสาวอยู่ในสายตาของพี่ชายแท้ๆ กับว่าที่พี่สะใภ้อย่างพัชรอยู่ตลอด แล้วก็เป็นป๊อปที่พูดออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเล็กๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปยีผมสลวยของหญิงสาวจนฟูกว่าเดิม
“<<ก็แค่ให้พี่พัชรเห็นอีกคนนึงไงล่ะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย>>”
“นั่นสิน้องใบหม่อน พี่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนี่นา” พัชรเสริมขึ้นมา
ใบหม่อนกลอกตามองหน้าพี่ๆ ทั้งสองด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ใจหนึ่งก็เปิดใจรับว่าที่พี่สะใภ้คนนี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งเหมือนยังมีเกราะป้องกันอยู่เพราะยังคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้เกี่ยวดองกันอย่างเป็นทางการ ก่อนหันไปหาคนเป็นพี่ชาย
“<<งั้นพี่ป๊อปต้องรีบขอพี่พัชรแต่งงานได้แล้วน้า>>”
พัชรแทบกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของคนรักหลังได้ยินคำพูดของว่าที่น้องสะใภ้ ขณะที่ป๊อปเริ่มกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กแต่แววตาที่ส่งมากำลังกดดันเขาอยู่
“<<แง่ มาเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย>>”
“<<ก็พี่พัชรจะได้เป็นพี่สะใภ้ของหนูไงล่ะ คริๆ>>”
ใบหม่อนเอียงคอยิ้มหวาน ดวงตากลมโตคู่สวยฉายแววขี้เล่นในทันทีหลังจากมองกดดันใส่เมื่อสักครู่ เมื่อชายหนุ่มหันมาสบตาเข้าเกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด รู้อยู่แก่ใจว่าน้องสาวคนนี้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของตัวเองมากแค่ไหน ปากหยักได้รูประบายยิ้มน้อยๆ ก่อนเอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของน้องสาวจนฟูกว่าเดิมอีกรอบหนึ่ง
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ชอบเล่นผมหนูจังเลยน้า ดูสิฟูหมดแล้วเนี่ย>>” เสียงใสว่าให้ไม่จริงจังพร้อมกับหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว ส่งสายตาค้อนให้อย่างขัดใจ
ป๊อปหันไปส่งสายตากรุ้มกริ่มมองไปยังใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้ารูปไข่เรียวยาวขาวกระจ่างใสที่กำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้อย่างรู้ใจ ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนลมหายใจอุ่นๆ ของหญิงสาวที่พ่นออกมาปะทะกับใบหน้าเต็มๆ
“อยากจิกหมอนอีกไหมล่ะ ฮิๆ” ป๊อปกระซิบเบาๆ
ทางด้านพัชรยิ้มตอบรับอย่างรู้ใจ แต่ตอนนี้ขอเวลาตั้งหลักสักหน่อยเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าพร้อมกับหัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ มองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบสีน้ำตาลเข้มที่มองมาแล้วชะงักเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าเจ้าตัวยังไม่พร้อมในตอนนี้ และแล้วภาพตรงหน้าถูกตัดฉับลงไปเมื่อหลับตาลงรับรสจูบอันแสนหวานที่ประทับลงบนหน้าผากโค้งมน รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยไปในอากาศ พลันตวัดท่อนแขนเรียวบางโอบรัดร่างใหญ่ไว้หลวมๆ ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป เมื่ออีกฝ่ายถอนจูบจากหน้าผากแล้ว เจ้าตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นสบสายตากับชายคนรักก่อนชิงจังหวะประกบริมฝีปากภายใต้หนวดเครารกครึ่มที่กำลังทิ่มตำไปบนผิวหน้าจนรู้สึกจั๊กจี้ไปหมด และยิ่งรู้สึกหลอมละลายมากกว่าเดิมเมื่อแฟนหนุ่มสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเจ้าตัวด้วยแรงดึงที่มากกว่าจนไม่สามารถต่อต้านได้แล้ว หญิงสาวเริ่มปล่อยใจไปตามลีลาบดจูบอันอ่อนหวานของคนรักพร้อมกับหลับตาพริ้มซึมซับรสหวานที่อีกฝ่ายมอบให้ ยิ่งอีกฝ่ายรุกมากเท่าไหร่เหมือนจะยิ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกอ่อนระทวยมากเท่านั้น...
กลายเป็นใบหม่อนที่ต้องเป็นฝ่ายจิกหมอนเสียเองเมื่อเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เล่นฉากเลิฟซีนต่อหน้าต่อตาในระยะใกล้ชิดจนแทบจะเข้าถึงความรู้สึกของว่าที่พี่สะใภ้ในตอนนี้ได้ เริ่มรู้สึกประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นพี่ชายตัวเองปฏิบัติตัวกับว่าที่พี่สะใภ้อย่างสุภาพนุ่มนวลกว่าครั้งที่ผ่านมา
...................................................................................
วันต่อมา
ณ ที่ทำงานของใบหม่อน
“อินังใบหม่อน นังเมย์ อิหมูหยอง นังโบ๊ท อินังกิ๊กส่งเรื่องอบรมมาให้แล้วนะ” บี้ ผู้อาวุโสสูงสุดในกลุ่มข้าราชการบรรจุใหม่หมู่ป่าวเทวฤทธิ์เรียกบรรดารุ่นน้องพร้อมกับชูหนังสือในมือให้ทุกคนเห็นก่อนแจกจ่ายให้ครบทุกคนในเวลาหลังจากนั้น
ใบหม่อนรับหนังสือมาอ่านอย่างกระตือรือร้นอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ในใจคิดเลยไปถึงหลังจากผ่านการอบรมแล้ว เหลือเพียงให้พ้นช่วงทดลองงานครบหกเดือนเท่านั้นก็จะสามารถเขียนย้ายได้ หญิงสาวกวาดสายตาอ่านข้อความในหนังสือไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่กำหนดการอบรมที่จะมาถึงภายในสัปดาห์ต่อจากนี้
“ไปกันอาทิตย์หน้าเลยนี่นาเมย์” ใบหม่อนเอ่ยถามเพื่อนร่วมรุ่นขึ้นมา ดวงตากลมโตของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความรู้สึกว่ามันเร็วเหลือเกินจนตั้งตัวไม่ติด
เมย์หรี่ตาเรียวเล็กคู่สวยมองลอดแว่นไปยังหญิงสาวอย่างรู้ทันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ใช่แล้วใบหม่อน ไม่ต้องตื่นเต้นก็ได้มั้ง นี่เพิ่งวันจันทร์เองนะ”
“งืมๆ” ใบหม่อนพยักพะเยิดหน้าส่งๆ สีหน้าเริ่มฉายความรู้สึกกังวลให้ทุกคนเห็น
“นี่อินังใบหม่อน แค่ไม่ได้อยู่กับพี่ชายโรคจิตอาทิตย์กว่าๆ ไม่เห็นเป็นไรเลยน่า” บี้แผดเสียงใส่รุ่นน้องคนสนิท “นี่ดูสิ ได้ไปถึงวังน้ำเขียวเลยนะ อากาศดี๊ดี เหมือนได้พักผ่อนไปในตัวไงล่ะจ๊ะ”
“ป้าบี้อย่าไปว่าพี่ชายของน้องเขาสิ” หมูหยองเริ่มปราม แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากอีกฝ่าย
ใบหม่อนช้อนตามองหน้ารุ่นพี่คนสนิทด้วยสายตาที่ยังเต็มไปด้วยความสับสนอยู่ “หนูไม่ได้กังวลเรื่องพี่ป๊อปหรอกพี่บี้ หนูแค่ตกใจเฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ตอนแรกหนูนึกว่า อืม... จะไปประมาณกลางเดือนหรือปลายเดือนอ่ะ”
“นี่ใบหม่อนไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ว่าดีซะอีกนะที่ได้ไปเร็ว เดี๋ยวก็ผ่านอบรมแล้ว เหลือแค่ทดลองงานให้ครบก็สบายแล้วล่ะพี่ว่า” คราวนี้หมูหยองเป็นฝ่ายตอบหญิงสาว แต่กลับแอบส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปยังผู้อาวุโสสูงสุดในกลุ่มพร้อมกับคลี่ยิ้มร้าย และแล้วก็ได้ผลเมื่อผู้อาวุโสอย่างบี้ตวาดแว้ดใส่ชายร่างท้วมแบบไม่ไว้หน้า เรียกเสียงหัวเราะจากอีกสามสาวโดยเฉพาะใบหม่อนที่ลืมความรู้สึกกังวลในใจไปจนหมด...
ตกเย็น
ใบหม่อนหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาทาบสั่งให้ประตูห้องปลดล็อกก่อนเปิดเข้าไปข้างใน วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบที่ซื้อมาตั้งแต่วันเกิดวางไว้ที่เดิมบนชั้นวางใกล้ประตูห้อง เงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่ชายตัวเองยังนั่งขลุกอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม แต่ครั้งนี้เหมือนจะจดจ่อกับงานมากจนไม่แม้แต่จะหันมามองเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา
ร่างสูงระหงหยิบกระเป๋าจากโต๊ะใกล้ประตูออกมา เดินเข้าไปหาคนบ้างานอย่างเงียบๆ ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มร้าย ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ กับใบหูใหญ่ที่ใส่หูฟังอยู่
“<<พี่ป๊อปทำอิหยัง>>”
ได้ผลเมื่อคนตัวใหญ่สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังแทรกเข้ามาในเสียงเพลงบริทป๊อปที่กำลังขับกล่อมเพิ่มฟีลในการทำงานอยู่จนต้องละสายตาจากหน้าคอมพ์มาหา
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<อื้อ พี่ป๊อปนี่บ้างานจริงๆ น้า น้องนุ่งกลับมาไม่เคยสนใจเลย>>” ใบหม่อนช้อนตาคว่ำใส่อย่างขัดใจ ปากบ่นพี่ชายไม่หยุดก่อนเดินไปหยิบเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวหลังเคาน์เตอร์มานั่งใกล้ๆ
ป๊อปหัวเราะร่วนหลังจากฟังน้องสาวบ่นจนจบ ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่กำลังมองดุใส่
“<<พี่ขอโทษนะใบหม่อน พอดีทำงานเพลินไปหน่อยน่ะ>>”
ใบหม่อนพยักหน้าหงึกๆ เชิงรับรู้แต่ยังทำสีหน้างออย่างขัดใจอยู่ “<<งานเร่งไหมอ่ะพี่ป๊อป ถ้าไม่รีบก็พักบ้างก็ได้นี่นา>>”
“<<ไม่รีบหรอกใบหม่อน งานโปรเจกต์ใหญ่ส่งกลางปีน่ะ>>” ป๊อปเว้นหายใจสักพัก “<<พี่ก็ทำงานรอกินข้าวกับเราไงล่ะ>>” พูดจบมือหนาวางเมาส์ปากกาลง เอื้อมมาลูบผมสลวยที่ถูกดัดเป็นลอนของคนหน้างออย่างเบามือ
“<<ไม่ต้องมาลูบผมหนูเลย>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่พร้อมกับโยกตัวหลบก่อนลุกขึ้นเดินหนีไป ปล่อยให้คนบ้างานมองตาละห้อยตามจนลับตาไปในที่สุด...
ชายหนุ่มส่ายศีรษะทุยไปมา ลอบยิ้มให้กับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดในใจ หันกลับไปมองหน้าจอคอมพ์ที่ทำงานค้างอยู่อย่างประเมิน เมื่อเห็นว่าเหลืออีกเพียงนิดเดียวก็เสร็จแล้ว ด้วยสัญชาตญาณมือซ้ายเอื้อมไปทำท่าจะหยิบเมาส์ปากกาบนแป้นเตรียมตัวทำงานต่อจนเสร็จในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน
หมูผัดพริกไทยดำ ไข่เจียวหมูสับและแกงส้มร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยถูกเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ทั้งสองจานที่โต๊ะกินข้าวหลังเคาน์เตอร์หลังครัว ยังไม่ทันที่คนทำกับข้าวจะออกปากเรียก ร่างสูงใหญ่ของคนเป็นเจ้าของห้องเดินมาหยิบแก้วน้ำสองใบที่ตู้เหนืออ่างซิงค์ก่อนเดินเลยไปหยิบน้ำเย็นขวดใหญ่ออกมาจากตู้เย็นมายังโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้ร่างสูงระหงนั่งรออยู่แล้ว...
“<<พี่ป๊อป กินเยอะๆ น้า หนูทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย>>”
“<<มันแน่อยู่แล้วล่ะ>>”
คนตัวใหญ่หย่อนตัวลงนั่งประจำที่ของตัวเอง ลงมือทานอาหารมื้อเย็นฝีมือของคนตัวสูงอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิวที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเที่ยงหลังจากทำงานเพลินตั้งแต่ช่วงสายๆ จนแทบไม่ได้กินอะไรเลย
“<<ว่าแต่แกงส้มนี่ซื้อมาเหรอ>>” ป๊อปถามขึ้นมาทั้งๆ ที่ข้าวยังเต็มปากอยู่
“<<กินให้หมดก่อนสิแล้วค่อยพูด มันเสียมารยาทน้าพี่ป๊อป>>” หญิงสาวว่าให้หนึ่งที “<<หนูแวะซื้อมาอ่ะพี่ป๊อป อยากกิน ถ้าจะทำเองนี่ห้องเหม็นพอดีเลยซื้อมาอุ่นดีกว่า>>”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากปากน้องสาว จริงอยู่ที่ตัวเองไม่ค่อยกินแกงส้มมากสักเท่าไหร่ เต็มที่เพียงแค่ตักน้ำแกงราดข้าวเท่านั้น ทางด้านใบหม่อนไม่ปล่อยให้เงียบไปนานกว่านี้ เริ่มชวนพี่ชายคุยต่อ
“<<พี่ป๊อปงานเยอะไหมอ่ะวันนี้>>”
“<<ก็มีงานเดียวนะ งานที่พี่ทำอยู่นี่แหละ โปรเจกต์ใหญ่เลยล่ะ>>” ป๊อปก้มลงละเลียดไข่เจียวหมูสับในจานของตัวเอง “<<เออีบริษัทเอเจนซีที่พี่ทำงานให้บอกตั้งแต่วันเกิดพี่แล้ว งานนี้ไปถึงญี่ปุ่นเลยนะถ้าพี่ทำเสร็จเนี่ย>>”
“<<จริงอ่ะพี่ป๊อป>>” ดวงตากลมโตคู่สวยลุกวาวขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะได้งานระดับนี้ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้รู้เรื่องตรงนี้มากนัก “<<แล้วถ้าพี่ป๊อปทำงานเสร็จนี่จะยังไงเนี่ย ไม่ใช่งานชุกจนไม่มีเวลาให้หนูให้กับที่บ้านอีกน้า>>”
ได้ยินแบบนี้แล้วทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงักไปสักพัก เริ่มออกอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้เห็น “<<พี่คงไม่รับงานเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้เหมือนพี่อยากจะเพลาๆ เรื่องงานบ้างแล้วน่ะ>>”
ใบหม่อนปรายตามองอย่างไม่เชื่อใจนักกับคำพูดของพี่ชาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนบ้างานมากขนาดไหน
“<<หนูไม่เชื่อหรอกพี่ป๊อป เดี๋ยวพี่ป๊อปก็รับงานอีก>>”
“<<ใบหม่อน>>” ป๊อปปรามด้วยเสียงที่เข้มลงกว่าเดิมจนอีกฝ่ายออกอาการตกใจ ไม่คิดว่าจะโดนพี่ชายดุ
“<<อย่าดุหนูสิพี่ป๊อป>>” เสียงใสเริ่มสั่นเครือ ช้อนตาคว่ำใส่อย่างขัดใจ
ป๊อปเผลอชำเลืองมองใบหน้าสวยหวานที่เริ่มบูดบึ้งงอง้ำ แทบจะใจอ่อนลงในทันทีเมื่อเห็นน้องสาวเริ่มมีอาการแบบนี้ ถึงแม้จะพยายามทำใจแข็งแค่ไหนก็ทำไม่ได้สักที จากตอนแรกที่จะดุใส่กลับกลายเป็นต้องปลอบใจแทน
“<<พี่ขอโทษนะคะ ไม่ได้จะว่าอะไรเรานะ>>” ชายหนุ่มสบตากับน้องสาวด้วยสายตาอ่อนโยนลงกว่าเดิม “<<พี่ตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าพี่จะรับงานน้อยลงน่ะ งานอื่นมาแทรกพี่ไม่รับเลยนะ พี่โฟกัสกับโปรเจกต์ใหญ่อย่างเดียวน่ะ>>”
“<<จริงนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนย้อนถามกลับมา สีหน้าของหญิงสาวตอนนี้เต็มไปด้วยความลังเล
“<<อืม>>” ชายหนุ่มตอบรับในลำคอเบาๆ “<<พี่คงไม่รับงานอื่นหรอกค่ะเว้นแต่มีงานด่วนจริงๆ ยังไงพี่ก็จะรีบเคลียร์ให้เสร็จจะได้มีเวลาให้กับเราบ้างไงล่ะคะ>>”
ใบหม่อนนิ่งไปสักพักเมื่อได้ยินคนตัวใหญ่ยืนยันเช่นนั้น กำลังใช้วิจารณญาณส่วนตัวประเมินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายด้วยความลังเล ใจหนึ่งไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่เพราะหลายครั้งแล้วตั้งแต่ลงมาอยู่ด้วยกันถึงวันนี้ เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ทำงานๆ จนแทบไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย แต่อีกใจหนึ่งเข้าใจเหตุผลอยู่ว่าเพราะอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเอาแต่ทำงานแบบนี้...
“<<งืมๆ หนูเชื่อพี่ป๊อปก็ได้>>” หญิงสาวเริ่มมีท่าทีอ่อนลง “<<แต่ยังไงพี่ป๊อปต้องพักผ่อนน้า ไม่ใช่ทำงานอดหลับอดนอนแบบที่ผ่านมา หนูเป็นห่วงพี่ป๊อปน้าถึงเตือนเนี่ย ถ้าพี่ป๊อปเป็นอะไรไปอีกคนแล้วหนูจะอยู่ยังไงอ่ะ>>”
ป๊อปแทบจุกเมื่อได้ยินคำๆ นี้จากปากของน้องสาว พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดพร้อมกับเหยียดยิ้มขึ้นกลบเกลื่อนความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจตอนนี้
“<<พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก พี่ต้องดูแลน้องสาวหน้ากลมคนนี้ตลอดชีวิตเลยนะ>>”
คราวนี้ใบหม่อนชักสีหน้างอง้ำใส่ “<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป>>”
เสียงหัวเราะจากสองพี่น้องกลับมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากอยู่ในโหมดดราม่าอยู่นาน คราวนี้ใบหม่อนสบโอกาสบอกเรื่องที่จะไปอบรมให้พี่ชายได้รับรู้ในตอนนี้
“<<พี่ป๊อป เกือบลืมแน่ะ หนูมีอะไรจะบอก>>”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทั้งที่ยังกินข้าวไม่หมดปาก นัยน์ตาสองชั้นหลบเบิกโพลงขึ้นจ้องใบหน้าสวยหวานของคนนั่งตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“<<มีอะไรเหรอใบหม่อน>>”
“<<วันจันทร์หน้าหนูต้องไปอบรมน่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสเว้นหายใจเล็กน้อยพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินยื่นให้คนนั่งตรงข้ามดู “<<หนูไม่อยู่อาทิตย์นึงเลยน้า>>”
ป๊อปเพ่งสายตาอ่านรายละเอียดบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือของหญิงสาวอย่างละเอียด แอบใจหายเล็กๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แต่ในสมองของเขาเริ่มคิดวางแผนในช่วงที่น้องสาวไม่อยู่บ้านไว้แล้ว และประจวบเหมาะกับมีงานเข้ามาให้ทำพอดี กะจะใช้เวลาช่วงที่อีกฝ่ายไม่อยู่เคลียร์งานให้เต็มที่
“<<เหรอ อืมๆ ไปอบรมถึงวังน้ำเขียวเลยนี่ใบหม่อน>>” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นมา “<<เอาน่า ไหนเราเคยบอกพี่ไงถ้าผ่านอบรมแล้วจะได้เขียนย้ายไม่ใช่เหรอ ยิ่งอบรมเร็วด้วยจะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาไงล่ะ>>”
“<<ก็ใช่แหละพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนพ่นลมหายใจเบาๆ ดวงตากลมโตเหลือบต่ำลง ฉายความรู้สึกกังวลออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ “<<แต่หนูไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้อ่ะ >>” พูดจบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูถูกชักกลับมาหาตัวเอง
“<<เอาน่าๆ อาทิตย์เดียวเอง ไม่ต้องห่วงพี่หรอก>>”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับหรี่ตาลง ตอนนี้อยากให้น้องสาวเลิกกังวลใจเสียก่อน “<<เอาน่ะๆ กินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดูสิหน้าบึ้งแล้วเนี่ย ฮิๆ เอปกติเราไม่ใช่คนคิดมากไม่ใช่เหรอ>>”
“<<ไม่ให้หนูคิดมากได้ไงล่ะพี่ป๊อป หนูไม่อยู่อาทิตย์นึงพี่ป๊อปไม่มีคนทำกับข้าวให้กินเลยน้า อ้อพี่พัชรกลับกาฬสินธุ์ด้วยไม่ใช่เหรอ พี่ป๊อปต้องหาข้าวกินเองแล้วนะ>>”
“<<ไม่เป็นไรๆ พี่เจียวไข่กินได้น่ะ หรือโทร.สั่งร้านกับข้าวข้างล่างได้ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก>>”
อาหารมื้อเย็นวันนี้จบลงในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนักด้วยความรู้สึกกังวลใจของใบหม่อนเมื่อต้องแยกจากกันอีกครั้งหนึ่งถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม ตอนนี้เจ้าตัวเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าพี่ชายจะอยู่ยังไงเมื่อตัวเองไม่อยู่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงสามเดือนเศษ เจ้าตัวเป็นฝ่ายคอยดูแลพี่ชายมาตลอดทั้งทำกับข้าวให้กิน ช่วยทำงานบ้านทุกอย่างจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ทำอะไรเลย อีกทั้งยังคอยดูแลแม้กระทั่งเวลาที่อีกฝ่ายต้องทำงานจนอดหลับอดนอนมาหลายครั้งแล้ว มาถึงตอนนี้ยิ่งทำให้คิดมากขึ้นไปอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ