เจ้าหญิงของฉัน

-

เขียนโดย POPENGL

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.

  27 ตอน
  44 วิจารณ์
  12.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) สิ้นปี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันสิ้นปี

ป๊อปยังคงนั่งประจำการที่โต๊ะทำงานเหมือนกับทุกๆ วันที่ผ่านมา หมดเวลาไปกับการสะสางงานที่ตกค้างตั้งแต่เดือนที่แล้ว นับตั้งแต่วันที่กลับจากไปเที่ยวมา งานเริ่มสุมเข้ามามากขึ้นจนแทบจะไม่ได้ไปไหนนอกจากออกไปพบลูกค้า ยังดีที่มีน้องสาวอย่างใบหม่อนอยู่เป็นเพื่อนด้วยกันตลอดเกือบทุกคืนและยังคอยไล่ให้เข้านอนทุกคืนอีกด้วย...

วันนี้เขาตั้งใจที่จะเคลียร์งานให้เสร็จและงดรับงานทั้งหมดหลังจากนี้ เพราะอยากใช้เวลาในช่วงปีใหม่ให้กับน้องสาวอย่างเต็มที่ และวางแผนเซอร์ไพรส์พากลับบ้านด้วย แต่ในเวลานี้สมาธิทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่งานที่อยู่ตรงหน้า มือข้างซ้ายยังจับเมาส์ปากกาลากไปบนแป้นรีทัชงานอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับมือขวาที่คอยกดคำสั่งต่างๆ สมาร์ทโฟนเครื่องสวยสีดำมีเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวไม่หยุด ส่วนใหญ่มีแต่โปรดิวเซอร์คู่ใจของเขาที่คอยแต่จะทวงงานเท่านั้น

@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปเสร็จยัง กำหนดส่งวันนี้ก่อนหกโมงเย็นนะพี่ :

อ่านแล้วหันกลับไปรีทัชงานตรงหน้าต่อ เหลืออีกเพียงรูปเดียวเท่านั้นหลังจากใช้เวลาเคลียร์งานชิ้นนี้ซึ่งเป็นงานสเกลค่อนข้างใหญ่ใช้เวลาเป็นเดือนกับสิบรูปแถมยังถูกตีกลับมาให้แก้อีกจนต้องยอมอดนอนถึงสองคืนติดเพียงเพื่อแก้งานให้เสร็จตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ

เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงราวๆ สี่โมงเย็น งานชิ้นสุดท้ายทำเสร็จลงในที่สุด นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงสแกนไปทั่วทุกมุมของงานเพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน จนแน่ใจแล้วว่าไม่พลาดอีก มือซ้ายวางเมาส์ปากกาลงบนแป้นและเอื้อมมากดคำสั่งเซฟงานบนแป้นพิมพ์และส่งงานให้กับโปรดิวเซอร์ที่คอยตามจี้มาตลอดวันในที่สุด...

@@POPENGL@@ : งานเสร็จแล้วนะบิว :

@@Bewpetch@@ : อะเคร เดี๋ยวหนูส่งให้ลูกค้าเลย คิวโรงพิมพ์คืนนี้สามทุ่ม พี่ป๊อปจะไปด้วยไหมล่ะ เผื่อจะได้แก้งานด้วย :

@@POPENGL@@ : ไม่ไปอ่ะ ถ้าจะแก้ยังไงส่งมาเลยเดี๋ยวพี่แก้ให้ได้ :

@@Bewpetch@@ : จร้า หมั่นไส้พี่ชายที่แสนดีจังเลย น้องสาวบอกอะไรทำตามหมด ทำไม จะพาน้องใบหม่อนไปไหนหรา แหวะ จะอ้วก :

เมื่ออ่านข้อความแขวะมาแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ ไม่อยากจะแก้ตัวอะไรอีกเพราะอีกฝ่ายได้เห็นผ่านวีดีโอคอลล์ตอนที่ตัวเองถูกใบหม่อนดุระหว่างคุยงานมาแล้ว ได้แต่พิมพ์ยอมรับไปตรงๆ เท่านั้น

@@POPENGL@@ : เออ ใบหม่อนให้กูอยู่เป็นเพื่อน พรุ่งนี้วันหยุดด้วย เออบิวตี้ หลังจากนี้กูงดรับงานก่อนนะเว้ย เจออีกทีปีหน้ากับงานสเกลใหญ่ที่พี่นุ่นบอกละกันนะ :

@@Bewpetch@@ : อ่าก็ได้พี่ป๊อป ถ้าไม่มีงานด่วนนะ :

“เฮ้อ...”

ป๊อปถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมกับถอดแว่นกรองแสงวางบนโต๊ะ ก่อนโคลงศีรษะทุยลงบนพนักพิงเก้าอี้ผ่อนคลายอิริยาบถสักเล็กน้อยหลังจากนั่งทำงานมาตลอดทั้งวัน ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาอัพเดตโซเชียลมีเดียส่วนตัวกับดูหุ้นที่ตัวเองซื้อ ยิ่งเห็นกราฟสีเขียวกำลังพุ่งขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงผลกำไรที่จะได้รับภายในสิ้นเดือนนี้...

ใบหม่อนหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าทำงานแบรนด์หรูออกมาทาบกับเซ็นเซอร์สั่งให้ประตูปลดล็อก ใช้มือข้างเดียวกันหมุนลูกบิดเปิดประตูห้องพาตัวเองเดินเข้าไปข้างใน เห็นร่างหนาใหญ่ของพี่ชายนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ทำงานอยู่

‘พี่ป๊อปน้า บ้างานจริงๆ เลย’ หญิงสาวนึกขึ้นมาในใจ

ป๊อปหันไปชำเลืองมองหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู เห็นร่างสูงระหงห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าขาวม้าสีแดงกับกางเกงขายาวห้าส่วนเข้ารูปก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมวางบนชั้นก่อนเดินเข้ามาหาถึงโต๊ะทำงาน ยังไม่ทันที่จะถามอะไร ฝ่ายหญิงสาวชิงพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

“<<พี่ป๊อปทำอะไรอยู่>>”

นัยน์ตาสองชั้นหลบเงยขึ้นสบกับดวงตากลมโตคู่สวยของคนถามพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ “<<อ๋อ นั่งพักสายตาหน่อย เพิ่งทำงานเสร็จน่ะ แล้วใบหม่อนเถอะ เป็นไงบ้างล่ะวันนี้>>”

ใบหม่อนยังไม่ตอบพี่ชายในทันที เดินหลีกไปหยิบเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวมานั่งใกล้ๆ ก่อน “<<ก็เหมือนเดิมอ่ะพี่ป๊อป เนี่ยใกล้ปีใหม่งานยิ่งยุ่งจนหนูหัวฟูไปหมดแล้วล่ะพี่ป๊อป>>”

ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อได้ฟังคำตอบและเห็นสีหน้ามู่ทู่ของน้องสาว ยื่นมือไปจับจุกที่เกล้าเหนือศีรษะสวยได้รูปโยกไปโยกมาเชิงหยอกล้อ “<<มัดจุกแบบนี้จะหัวฟูได้ไงล่ะใบหม่อนหน้ากลม ฮิๆ>>”

“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้พร้อมกับแกะมือของพี่ชายออก “<<เนี่ยปีใหม่หนูได้หยุดแค่สองวันเอง วันที่ 30 หนูก็ไม่ได้หยุด วันที่ 2 หนูก็ต้องไปทำงานแล้วเนี่ย เซ็งจังเลยอ่ะพี่ป๊อป แถมยังต้องมาเจอคนบ้าๆ บอๆ อีก จิกหัวใช้สารพัดแถมยังเอาหนูไปนินทาลับหลังอีก หนูเบื่อๆๆๆๆ มากเลย>>”

ใบหม่อนถือโอกาสระบายเรื่องที่เจอในที่ทำงานให้พี่ชายฟังหลังจากต้องทนแบกรับมาตลอดเวลาสองเดือนกว่าตั้งแต่ได้บรรจุเข้าทำงาน ทางด้านป๊อปได้แต่รับฟังและปลอบประโลมให้อีกฝ่ายใจเย็นเท่านั้นเพราะรู้ว่าตัวเองอาจจะช่วยอะไรน้องสาวไม่ได้มาก

“<<เอาน่าใบหม่อน ทนอีกสามเดือนเดี๋ยวก็พ้นทดลองงานแล้ว น้องสาวพี่ทำได้อยู่แล้วล่ะ>>”

“<<แต่หนูยังไม่ได้อบรมน่ะสิพี่ป๊อป ไม่รู้จะได้อบรมตอนไหน ถ้ายังไม่ผ่านอบรมก็ยังเขียนย้ายไม่ได้อยู่ดีอ่ะ>>”

ป๊อปยื่นมือไปบีบมือเล็กของหญิงสาวเชิงให้กำลังใจ มองเข้าไปในดวงตากลมโตที่แสดงความรู้สึกเซ็งอยู่ “<<อีกนิดนึงน่า ดูพี่สิ งานพี่เข้าถี่เลยตั้งแต่กลับจากแม่กำปองพี่ยังผ่านมันมาได้เลย>>”

“<<ก็งานมันคนละอย่างนี่นาพี่ป๊อป>>” หญิงสาวย้อนให้ “<<งานพี่ป๊อปไม่ต้องเจอคนหมู่มากป่ะ วันๆ หนูเห็นพี่เอาแต่นั่งหน้าคอมพ์ เขี่ยๆ แต่เมาส์อยู่นั่น ไม่ต้องโดนบ่นโดนว่าอะไรเลย พอให้นอนก็ไม่อยากจะนอน เอาแต่บอกเดี๋ยวก่อนๆๆๆ อยู่นั่นแหละ งานพี่ป๊อปสบายจะตายไม่ต้องมีคนมาว่ามาแขวะด้วย>>”

“<<พี่ก็โดนกดดันเหมือนกันแหละ จำไม่ได้เหรอคืนไหนที่เราว่าพี่ต่อหน้าโปรดิวเซอร์ตอนวีดีโอคอลล์น่ะ>>”

ใบหม่อนกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง “<<ก็ตอนนั้นหนูไล่พี่ไปนอนแล้วไม่ยอมเข้านอนนี่นา หนูบอกจนปากจะฉีกถึงรูหูพี่ก็ดื้อไม่ยอมฟังก็ต้องดุบ้าง จำได้เลยพี่บิวตี้หัวเราะใหญ่เลยนี่นา>>”

คนโดนย้อนคลี่ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา เอื้อมมือมาจับจุกเหนือกระหม่อมของหญิงสาวโยกไปมาอีกรอบ “<<อืม...ใบหม่อนเป็นทุกอย่างให้พี่แล้วนี่ เป็นทั้งน้อง เป็นทั้ง...แม่เลย คือพี่จะบอกว่าพี่ก็โดนกดดันไม่ต่างจากเรานี่แหละ ไหนจะเจอลูกค้างี่เง่า ไหนจะต้องทำงานแข่งกับเวลาอีก เข้าใจไหมล่ะใบหม่อนหน้ากลม หืม>>”

“<<เลิกเล่นผมหนูได้ไหมพี่ป๊อป>>” หญิงสาวว่าให้ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน ดวงตากลมโตมองมาอย่างขัดใจ “<<ช่างมันเหอะพี่ป๊อป หนูทนอีกนิดเดียวเอง หนูทดลองงานผ่าน อบรมจบ ได้ใบผ่านงานเมื่อไหร่หนูก็เขียนย้ายแล้ว>>”

ร่างสูงระหงในชุดทำงานลุกขึ้นยืนหันหลังจะเดินกลับเข้าห้องนอนด้านหลัง แต่ไม่ลืมหันมาทิ้งท้ายกับชายหนุ่ม “<<หนูไปอาบน้ำก่อนนะพี่ป๊อป เดี๋ยวมาทำกับข้าวให้พี่ป๊อปกินน้า>>”

ดวงตาสองชั้นหลบมองตามร่างระหงที่เดินจากไป ปากหยักคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนส่ายศีรษะทุยไปมาพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

‘ป๊อปเอ๊ย งานของมึงเทียบไม่ได้กับงานของน้องหรอก มึงจำไว้นะเว้ย น้องมึงเป็นข้าราชการ ไม่ใช่ฟรีแลนซ์แบบมึง’ สามัญสำนึกในใจผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของชายหนุ่ม ขาทั้งสองข้างถัดให้เก้าอี้หมุนกลับไปยังหน้าคอมพ์เหมือนเดิม กะว่าจะหาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างรอคนตัวเล็กกว่าทำกับข้าวมื้อเย็นให้กิน...

ไข่เจียวหมูสับแพใหญ่ หมูผัดพริกขิง แกงจืดตำลึงถูกจัดวางไว้บนโต๊ะกินข้าวพร้อมกับข้าวเปล่าร้อนๆ สองจานส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ในตอนนี้สองพี่น้องพร้อมประจำที่เตรียมตัวรับประทานอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษจากปลายจวักของหญิงสาวแล้ว

“<<กินเยอะๆ น้าพี่ป๊อป นี่หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยล่ะ>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกายให้คนที่นั่งตรงข้าม

“<<ก็เห็นทำสุดฝีมือทุกครั้งไม่ใช่เรอะ>>” ปากหยักยกยิ้มขึ้นก่อนยอกย้อนกลับไป “<<คราวนี้ขโมยสูตรป้าบี้มาอีกล่ะดิ หรือสูตรของแม่คุณ หรือสูตรของแฟนพี่ล่ะหืม>>”

“<<พี่ป๊อปอ่ะพูดมาก กินๆ ได้แล้ว>>” ใบหม่อนชิงตัดบทเสียก่อนที่จะถูกพี่ชายรุกมากกว่านี้ ไม่ตัดบทเปล่า ยังตักหมูผัดพริกขิงจนแทบจะพูนช้อนใส่จานให้อีก

ป๊อปแอบชำเลืองมองสีหน้าของหญิงสาวที่ฉาบภายนอกด้วยความเรียบนิ่งแต่ลึกๆ แอบหวั่นไหวอยู่ ปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้นก่อนยกช้อนในมือขึ้นกินข้าวคำแรก และแล้ว... ความอร่อยที่คุ้นเคยสัมผัสเข้ากับปลายลิ้นเต็มๆ ทำให้อดที่จะออกปากชมไม่ได้

“<<หืม อร่อยนะเนี่ย>>” ป๊อปพูดทั้งที่ข้าวยังเต็มปากอยู่

ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาดุเชิงปรามใส่คนตรงข้าม ลึกๆ แอบยิ้มอยู่ในใจ “<<กินให้หมดก่อนแล้วค่อยพูด น่าเกลียด>>”

วันนี้ป๊อปรู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษเมื่อได้ลิ้มรสกับข้าวฝีมือของน้องสาว ยิ่งนับวันยิ่งพัฒนาความอร่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จากวันแรกที่สาวเจ้าทำให้กินตั้งแต่เด็กมาจนถึงวันนี้ แต่ยังไงก็กินไม่ทันคนทำที่ตอนนี้กำลังละเลียดกับข้าวทั้งสามเมนูไปเล่นมือถือไปจนกับข้าวในจานพร่องลงอย่างรวดเร็ว

“<<นี่ค่อยๆ กินก็ได้ พี่ไม่แย่งเรากินหรอกน่า>>” ป๊อปแกล้งหยอกคนนั่งตรงข้าม นัยน์ตาสองชั้นหลบหรี่ลงพร้อมกับยิ้มกว้าง แสดงความรู้สึกเอ็นดูให้อีกฝ่ายได้รับรู้

แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่สนใจแม้กระทั่งคนตรงข้าม สนใจอยู่อย่างเดียวคือ กิน กิน กินให้หายหิวกับกล่องแชตของแฟนหนุ่มเท่านั้น

ป๊อปคลี่ยิ้มกว้างอยู่สักพักหนึ่งเริ่มลงมือจัดการกับข้าวในจานตรงหน้าต่อ ตอนนี้ตักทันแค่ไข่เจียวหมูสับกับตำลึงก้อนโตๆ จากแกงจืดในชามเท่านั้น ส่วนเนื้อหมูสับ เต้าหู้ และหมูผัดขิงถูกหญิงสาวจัดการจนหมดไม่มีเหลือ เมื่อสบจังหวะคนนั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาทันที

“<<ปีใหม่นี้ใบหม่อนได้หยุดแค่สองวันเองเหรอ>>”

“<<งืม>>” หญิงสาวพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตไม่แม้แต่จะสบตากับคนถาม ยังเหลือบมองหน้าจอสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินอยู่ “<<งานแน่นเอี้ยดแถมไม่ให้พักอีก ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ให้หนูไปทำโอทีวันปีใหม่อ่ะ>>”

ป๊อปได้แต่พยักหน้าอย่างเห็นใจ เสียงเข้มปรับโทนให้แผ่วเบานุ่มนวลลงทันทีที่พูดประโยคต่อไป “<<ว่าไปนะ ถ้าใบหม่อนได้หยุดเร็วกว่านี้พี่ว่าจะพาเรากลับบ้านน่ะ>>”

“<<จริงเหรอพี่ป๊อป หนูไม่ได้หูฝาดใช่ไหม>>” หญิงสาวทำสีหน้าประหลาดใจ “<<ร้อยวันพันปีพี่ป๊อปเอาแต่บอกว่าไม่ว่างๆ ทำไมปีนี้ถึงอยากพาหนูกลับบ้านล่ะ>>”

“<<ใบหม่อนเห็นแล้วไม่ใช่เหรอที่พี่เอาแต่ทำงานๆ พี่ก็อยากเคลียร์ตัวเองให้ว่าง จะได้กลับบ้านกับเราไงล่ะ>>” ป๊อปให้เหตุผลตรงๆ “<<ติดที่ว่าใบหม่อนไม่ว่างแค่นั้นเอง ไว้ค่อยกลับบ้านหลังปีใหม่ก็ได้นะ ปีนี้เคาท์ดาวน์กับพี่ที่ห้องไหม หรือจะให้พี่พาไปไหนดีล่ะ>>”

หญิงสาวกลอกตามองบนอยู่สักพักก่อนให้คำตอบกลับคนตรงหน้า “<<หนูว่าหาอะไรมาทำกินกันในห้องดีกว่า ไม่อยากไปเบียดคนอ่ะพี่ป๊อป>>”

ป๊อปพยักหน้าไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นกิริยาท่าทางของน้องสาว ตอนแรกนึกว่าสาวเจ้าจะแสดงความท่าทางผิดหวังให้เห็น แต่กลับกลายเป็นว่าสาวเจ้ากลับนิ่งเฉย มีเพียงแต่สีหน้าเซ็งๆ ให้เห็นเท่านั้น...

                                                ..........................................................................................................

หนึ่งวันก่อนวันสิ้นปี

รถเก๋งคันเล็กสีดำแล่นเข้ามาในบริเวณคอนโดฯ อย่างช้าๆ เลี้ยวเข้าลานจอดรถใต้อาคาร ที่หมายคือช่องจอดประจำของตัวเองเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันมหึมาที่คุ้นเคย บังเอิญดวงตาคู่สวยชำเลืองมองกระจกมองหลัง เห็นรถเก๋งแบรนด์เดียวกัน สีเดียวกันแต่คนละรุ่นขับตามหลังมาติดๆ ก่อนขับแยกไปยังช่องจอดรถสำหรับบุคคลภายนอกในเวลาต่อมา

หญิงสาวกดมือจับประตูสั่งให้รถล็อกก่อนเดินตรงไปยังลิฟต์สำหรับขึ้นไปยังชั้นบน ดวงตาคู่สวยมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วร่างระหงบอบบางขาวกระจ่างใสที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อโอเวอร์ไซส์สีเทาควันบุหรี่สกรีนรูปหน้าสิงโตกับกางเกงขากว้างสีขาวเดินสะพายกระเป๋าทำงานใบเล็กข้างหนึ่ง ด้านหลังสะพายกระเป๋าเป้ใบเขื่อง มือทั้งสองข้างถือถุงใบใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ จังหวะเดียวกับสาวเจ้าหันไปสบตากับเจ้าของร่างบางที่เดินมาพอดี

“พี่พัชรสวัสดีค่ะ” ใบหม่อนยกมือไหว้ว่าที่พี่สะใภ้พร้อมกับส่งยิ้มหวานทักทายให้

“สวัสดีจ้าน้องใบหม่อน” พัชรพยักศีรษะรับไหว้อีกฝ่ายก่อนส่งยิ้มตอบกลับไป “น้องใบหม่อนเพิ่งกลับมาเหรอจ๊ะ”

“ใช่แล้วค่าพี่พัชร” หญิงสาวทำท่าเอียงคอ กลีบปากอวบอิ่มได้รูปคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน “นี่พี่พัชรหอบอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะเลยเนี่ย มาๆ หนูช่วยถือดีกว่าน้า”

พัชรถึงกับใจอ่อนทันทีเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังของอีกฝ่ายพร้อมกับท่าทางกุลีกุจออยากช่วยถือของ แต่ยังไงแล้วก็ให้ได้เพียงแต่ถุงใบใหญ่ในมือข้างขวาให้เท่านั้น “ก็ได้จ้ะน้องใบหม่อน พี่ให้ได้แค่ใบเดียวนะ เดี๋ยวน้องใบหม่อนต้องหยิบคีย์การ์ดเปิดห้องไม่ใช่เหรอ”

รู้ตัวอีกทีทั้งสองสาวเดินทางมาถึงลิฟต์แล้ว ทั้งสองก้าวเข้าไปข้างในลิฟต์ที่ยังว่างอยู่ ใบหม่อนยื่นมือเล็กกดปุ่มสั่งให้ลิฟต์พาขึ้นไปยังชั้นที่หมาย เวลาผ่านไปไม่นานนักก็ถึงชั้นที่หมายแล้ว

ระหว่างทางพัชรแอบนึกในใจถึงกิริยาท่าทางของว่าที่น้องสะใภ้ ย้อนคิดไปถึงคำของชายคนรักที่มักจะพูดถึงน้องสาวของเขาอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะรู้จักกันมานานเป็นสิบปีแล้วก็ตาม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนรักถึงรักน้องสาวคนนี้มาก รู้ตัวอีกทีทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องพักหมายเลข 2322 แล้ว...

ใบหม่อนทาบคีย์การ์ดบนเซ็นเซอร์จนเสียงประตูปลดล็อกดังขึ่นก่อนเปิดประตูเข้าไป มองเข้าไปข้างในเห็นพี่ชายตัวเองนั่งเค้เก้อยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวเดิม เพียงแต่มีสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือบนหน้าตักของเขามีกีตาร์โปร่งตัวเดิมอยู่ เห็นมือทั้งสองข้างกำลังเคลื่อนไหวบรรเลงทำนองเพลงอยู่เท่านั้น ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมาที่ประตูเลยแม้แต่หางตา

พัชรวางกระเป๋าและถุงใบใหญ่ไว้บนชั้นวางย่อมๆ ใกล้กับฉากกั้นห้องนอน ก้มลงเลิกขากางเกงขึ้นปลดซิปรองเท้าบูทหนังสีดำคู่เดิมออก ขณะที่หญิงสาวเจ้าของห้องก้มลงวางรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมลงบนชั้น เดินเข้าไปหาคนที่กำลังบรรเลงเพลงผ่านเครื่องมือคู่ใจอยู่หน้าคอมพ์ และแล้วสาวเจ้านึกอะไรขึ้นมาได้ มือเรียวเล็กยื่นไปอุดสายกีตาร์ตรงหย่องเสียเฉยๆ จนคนเล่นต้องหันมามองด้วยสีหน้าขัดใจเล็กๆ

“<<อ้าวใบหม่อน มาอุดสายพี่ทำไมเนี่ย เฮ้อ กำลังเล่นเพลินๆ เลย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>”

“<<ก็ตั้งแต่หนูเห็นพี่เล่นกีตาร์นี่แหละ เอาแต่เล่นกีตาร์ไม่สนใจน้องสนใจนุ่งบ้างเลย หนูน้อยใจแล้วน้า>>”

ใบหม่อนทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่เชิงตัดพ้อจนคนเป็นพี่ชายต้องยอมวางกีตาร์ลงแต่โดยดี ร่างสูงใหญ่แต่ไม่สูงไปกว่าหญิงสาวมากนักลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งมะเหงกปะทะกับหน้าผากโค้งมนของหญิงสาวเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ “<<ทำไมน้อยใจพี่เก่งจังเลยล่ะหืม>>”

“<<เจ็บนะพี่ป๊อป มาเขกหัวหนูทำไมเนี่ย>>” ใบหม่อนแว้ดใส่พี่ชายอย่างขัดใจหลังจากโดนมะเหงกเต็มๆ ถึงแม้จะเบาแล้วก็ตาม

ปากหยักพูดหยอกคนเป็นน้องสาว แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังก้มลงวางรองเท้าบูทบนชั้นวางและกำลังเดินเข้ามาข้างใน อาการดีใจที่ซ่อนอยู่ในดวงตาสองชั้นหลบเผยออกมาจนคนที่โดนมะเหงกเมื่อสักครู่จับได้ว่าพี่ชายตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

“พัชร” ออกปากเรียกชื่อเจ้าของร่างบางที่กำลังเดินมาหา

“อ้าวป๊อป วันนี้ไม่ทำงานเหรอ เห็นเล่นกีตาร์” เสียงหวานน่าฟังเอ่ยทักทายคำแรกขึ้นมา

ใบหม่อนไม่อยากยืนเป็นก้างขวางคอ รีบพาตัวเองหลีกออกห่าง เพียงแต่คอยสังเกตการณ์เท่านั้น  แต่แล้วภาพที่น่าประทับใจก็ปรากฎขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นพี่ชายกำลังจูบกับว่าที่พี่สะใภ้อย่างดูดดื่มจนสาวเจ้าอดที่จะคลี่ยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แต่ลึกๆ เริ่มรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมา

‘อย่าให้ถึงทีของหนูบ้างนะพี่ป๊อป ชิ’ หญิงสาวแอบแขวะในใจ

“เราเคลียร์งานเสร็จตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วน่ะ ว่าแต่พัชรหอบอะไรมาเต็มมือเลยเนี่ย” ป๊อปให้คำตอบกับคนรักหลังทักทายอย่างดูดดื่มเสร็จ ลอบมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกอยู่ในตอนนี้

“ก็ปีใหม่นี้เค้ามาเคาท์ดาวน์กับป๊อปและน้องใบหม่อนไงล่ะ ไหนๆ แล้วเค้าเลยซื้อของมาทำกับข้าวเผื่อไว้เลยไง”

“อืม ดีเลย” น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นโทนตื่นเต้นก่อนหันไปคุยกับคนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ “<<ใบหม่อนดีใจไหมล่ะ เดี๋ยวได้ทำกับข้าวกับแฟนพี่แล้วนี่วันนี้>>”

“<<ดีใจสิคะ งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนน้า พี่ป๊อปเตรียมท้องไว้ละกัน กินให้ทันหนูด้วยล่ะ คริๆ>>”

เสียงใสตอบอย่างร่าเริงก่อนเดินจากไป ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้มองตามก่อนหันกลับมาส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ

“งั้นเค้าเอาของไปเก็บในห้องป๊อปก่อนดีกว่า เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาเสร็จเค้าจะได้มาทำกับข้าวให้ป๊อปกินไง”

ชายหนุ่มรีบเบรกทันที “ไม่เป็นไร เราถือให้ พัชรเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องเราเถอะ”

มือหนาแย่งกระเป๋าเป้ใบเขื่องจากมือของหญิงสาว เดินนำหน้าไปยังห้องนอนเล็กใกล้กับประตูทางเข้า ใช้มือข้างที่ว่างหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปข้างใน จัดการวางกระเป๋าในมือไว้บนเตียงนอนใหญ่กลางห้องก่อนเดินหลีกออกมา ปล่อยให้หญิงสาวใช้เวลาจัดการตัวเองในห้องไป...

เวลาผ่านไปไม่นานนัก

สองสาวต่างช่วยกันลงมือปรุงอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษสำหรับวันนี้อย่างขะมักเขม้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองหลังจากแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแต่สอดแทรกไปด้วยบทสนทนากันตามประสาผู้หญิง ถึงแม้จะเป็นเวลาทำกับข้าว แต่ประเด็นหลักกลับมีแต่เรื่องความสวยความงามและเรื่องซุบซิบอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการปรุงอาหารเลยแม้แต่คำเดียว

คนตัวใหญ่นั่งสังเกตการณ์บนเก้าอี้ทำงานตัวเดิมอย่างเพลิดเพลินที่ได้เห็นคนรักเมาท์มอยกับน้องสาวของตัวเองอย่างสนุกปาก ยิ่งเห็นทั้งสองยิ้มและหัวเราะให้กันก็อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ บางช่วงบางคราวเห็นคนรักเข้าสู่โหมดจริงจังคอยสั่งการให้คนเป็นน้องคอยเป็นลูกมือทำสิ่งต่างๆ ทั้งหั่นเนื้อหมู หั่นผัก หรือแม้ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ตามสูตรที่กำหนดไว้ สักพักกลิ่นกับข้าวหอมฉุยฝีมือคนรักโชยมาเตะจมูกของเขาเต็มๆ จนตอนนี้เขาอดรนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นไปดูว่าทำเมนูอะไร

“<<พี่ป๊อปออกไปก่อน เกะกะ>>” ใบหม่อนแกล้งออกปากไล่คนเป็นพี่ชายทันทีที่เห็น ตอนนี้ในมือของสาวเจ้าถือจานหมูสันในชิ้นโตที่ถูกละเลงไปด้วยน้ำซอสจนทั่วจาน

“<<อะไรๆ ว่าพี่เกะกะเหรอ>>” แกล้งยอกย้อนให้พร้อมกับแย่งจานหมูจากมือ “<<เดี๋ยวพี่ช่วย นั่งดูอย่างเดียวไม่สนุกว่ะ>>”

“น้องใบหม่อน เอาหมูมาให้พี่หน่อยจ้...” เสียงหวานถูกกลืนเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นคนตัวใหญ่ยืนถือจานพร้อมยื่นส่งให้ “ตกใจหมดเลยอ่ะป๊อป เอาหมูมาได้แล้ว”

จานหมูสันในชิ้นโตถูกส่งให้กับแม่ครัวรับเชิญ ฝ่ายหญิงสาวเมื่อรับหมูมาแล้วจัดการเทเนื้อหมูที่ชุ่มไปด้วยน้ำซอสลงกระทะทันที มือเล็กอีกข้างกดปุ่มราไฟให้อ่อนลง

สเต็กหมูพริกไทยดำทั้งสามจาน สลัดผักรวมจานใหญ่และน้ำตกหมูถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะกินข้าวโดยคนเป็นเจ้าของห้อง ขณะที่แม่ครัวทั้งสองแยกย้ายกันไปล้างมือให้เรียบร้อยก่อนกลับมารวมตัวกันทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างพร้อมหน้า ต่างคนต่างนั่งประจำที่ตัวเองพร้อม

ใบหม่อนเริ่มลงมือละเลียดสเต็กหมูชิ้นโตในจานตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ป๊อปเริ่มทำคะแนนด้วยการช่วยหั่นสเต็กป้อนให้กับคนรักเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน และยิ่งเติมความหวานให้มากขึ้นอีกเมื่อต่างฝ่ายต่างผลัดกันป้อนผลัดกันตักให้กันและกันไปหยอดคำหวานกันไปจนฝ่ายหญิงสาวเริ่มออกอาการเขินจนหน้าแดง ป๊อปเห็นดังนั้นก็ยิ่งอยากเพิ่มดีกรีความหวานให้มากขึ้นไปอีก หารู้ไม่ว่าการกระทำทั้งหมดไม่รอดพ้นสายตาของคนนั่งตรงข้ามที่กำลังออกอาการตาร้อนผ่าวให้เห็น

“ป๊อป พอก่อนไหมอ่ะ เค้าเขินแล้วนะเนี่ย” เสียงหวานเอ่ยปรามขึ้นมา

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีของหญิงคนรักก่อนหันกลับมาจัดการกับสเต็กที่เหลือบานเบอะเพราะแทบไม่ได้กินในจานของตัวเองต่อ แอบชำเลืองมองคนตรงข้ามที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว

“<<อร่อยไหมล่ะใบหม่อน เห็นกินใหญ่เลยนะ ฮิๆ>>” ป๊อปเริ่มชวนคนนั่งตรงข้ามคุยขึ้นมา

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองตรงมายังคนถามด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกหลากหลาย ย้อนนึกถึงฉากหวานที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่แล้วอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

“<<อร่อยน่ะอร่อย แต่หนูเหม็นความรักของพวกพี่มากกว่า จะโชว์หวานอะไรนักหนาไม่รู้ หมั่นไส้>>” พูดพลางส่งสายตาค้อนพร้อมกับเบะปากใส่หนึ่งที

“<<อ้าวๆ มาหมั่นไส้พี่ทำไมเนี่ย คนของตัวเองก็มีไม่ใช่เรอะ ฮิๆ>>”

“<<ก็หนูกับโบ้ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนพี่ป๊อปกับพี่พัชรนี่นา>>” ท่าทีของหญิงสาวเปลี่ยนไปเมื่อถูกพี่ชายแกล้งจี้จุดเข้าให้ จากอารมณ์อิจฉาตาร้อนระคนหมั่นไส้กลายเป็นความกังวลและน้อยใจแทน “<<ช่างมันเถอะพี่ป๊อป ยังไงหนูคุยกับโบ้อยู่ตลอดแหละ ไว้หนูว่างเมื่อไหร่คงได้ไปหาน่ะพี่>>”

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ แอบสังเกตเห็นความรู้สึกน้อยใจผ่านดวงตากลมโตคู่สวยที่ค่อยๆ หลุบต่ำลงมองอาหารในจาน ถึงแม้จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวกับคนรักมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงแต่คอยรับฟังเท่านั้น มีมากกว่านี้เพียงแค่หยิบมาล้อเลียนแกล้งน้องสาวเล่นเท่านั้น...

“น้องใบหม่อนไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ พี่ว่ายังไงน้องโบ้ก็ไม่ต่างจากพี่ป๊อปแหละ ยังไงไม่มีทางเปลี่ยนใจไปคบคนอื่นหรอกจ้า” พัชรพูดเสริมขึ้นมา และแล้วคนที่เพิ่งพูดจบก็ต้องหน้าแดงอีกครั้งเมื่อถูกคนที่นั่งอยู่เคียงข้างประทับรอยจูบลงบนพวงแก้มขาวใส ตอนนี้หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเต้นระรัวถี่ขึ้นพร้อมกับอาการร้อนผะผ่าวบนใบหน้า

สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์น้อยใจคนรักของใบหม่อนถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาเก็บภาพประทับใจไว้และไม่ลืมที่จะส่งให้ทางบ้านผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวด้วย

มือเรียวเล็กขาวราวงาช้างฟาดเข้าที่ท่อนแขนใหญ่อย่างเต็มรักกลบเกลื่อนอาการเขินที่ถูกขโมยจุ๊บแก้มแบบนี้ “ป๊อปขโมยหอมแก้มเค้าทำไม ไม่อายน้องใบหม่อนบ้างเลยเหรอไงห๊า!” ว่าให้แบบไม่จริงจังนัก

“พูดดีแบบนี้ก็ต้องให้รางวัลหน่อยสิ” ป๊อปยิ้มตาปิดทำหน้าไร้เดียงสาใส่ “กว่าเราจะจีบพัชรติดนี่นานนี่นา จำได้ว่าใกล้ๆ ปิดเทอมสองแหละมั้งที่พัชรยอมตกลงคบกับเรา แถมโดนเพื่อนๆ พัชรหาว่าเราเป็นสตอล์กเกอร์อีก”

“ก็จริงไหมล่ะป๊อป” หญิงสาวย้อนให้ กลีบปากเรียวสวยระบายยิ้มบางๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยที่หยีลงจนเป็นรูปสระอิเมื่อนึกถึงความหลังครั้งเก่า “ก็ป๊อปเล่นตามตื๊อเรายันคณะจนคนอื่นมองแบบนี้ เค้าก็อายของเค้านะ เค้าจำได้ว่าเค้าเดินหนีเลย เจอป๊อปที่ไหนเค้าหันหลังกลับไม่เดินผ่านเลย ตอนนั้นเค้ารังเกียจป๊อปมาก มีวันนึงเค้าว่าป๊อปไปตรงๆ นี่ เค้าจำได้ว่าวันนั้นป๊อปดูเฟลมากจนเค้าต้องแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำเลยล่ะ”

“แล้วยังไงต่อล่ะคะพี่พัชร” เสียงใสเอ่ยถามแทรกขึ้นมา ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่เมื่อได้ฟังว่าที่พี่สะใภ้ย้อนความหลังแล้วทำให้อยากรู้มากขึ้นไปอีก

พัชรหันไปยิ้มให้ว่าที่น้องสะใภ้เล็กน้อยก่อนเล่าต่อ “ตอนนั้นคือพี่ทั้งกลัวและขยะแขยงป๊อปมาก เรียกว่าไม่อยากเห็นหน้าเลย กลัวว่าป๊อปจะทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์คอยตาม กลัวว่าจะมาทำมิดีมิร้ายกับพี่ แต่พอนานๆ เข้าเห็นป๊อปดูเศร้าๆ ดูไม่เป็นผู้เป็นคน พี่ก็รู้สึกผิดมากนะ มีวันนึงคือพี่กลับหอ พี่ใช้เวลาอยู่กับตัวเองนานเลย นึกถึงวันที่เจอป๊อปครั้งแรก นึกถึงวันที่ป๊อปคอยเทคแคร์พี่ คอยถามคอยห่วงใยพี่ตลอด จนถึงวันที่พี่อึดอัดสุดๆ เลยต่อว่าให้ และวันที่พี่หนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ พอพี่คิดได้ก็ค่อยๆ เปิดใจให้พี่ชายของน้องใบหม่อนนะ ตอนนั้นพี่ป๊อปก็ดีขึ้นมาก เขาจะรู้เลยว่าทำแบบไหนพี่ชอบพี่ไม่ชอบ” เว้นหายใจเล็กน้อย กำลังจะพูดต่อ แต่ว่าป๊อปกลับแย่งพูดเสียเฉยๆ

“ตอนนั้นเราเฟลมากเลยที่เห็นพัชรเดินหนีเรา ทำท่าทางรังเกียจใส่เรา ตอนนั้นคือเอาแต่กินเหล้ากับเพื่อนอย่างเดียวเลย แทบไม่อยากจะไปเรียนเลยล่ะ พอไปยังไงก็ต้องเจอหน้าพัชรอยู่ดี เพราะคณะเรากับคณะของพัชรก็อยู่ใกล้ๆ กันนี่ มันเห็นหน้ากันทุกวัน ตอนนั้นรู้สึกแย่จริงๆ เราเองก็ยังเพ้อยังอะไรอยู่ แทบบ้าเลย ดีเพื่อนๆ ช่วยเตือนสติไว้น่ะ” เว้นหายใจสักเล็กน้อย แอบชำเลืองมองมาหาใบหม่อนที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างตั้งใจ

“จำได้เลย เดินสวนกันทีไรพัชรเดินหนี เดินหันหลังให้ตลอด ไม่แม้แต่จะมองหน้าเราเลย ทำท่ารังเกียจใส่ทำท่าขยะแขยงใส่ มีครั้งนึงมั้ง พัชรกับเพื่อนกำลังเดินไปห้องสมุด พอเห็นเราเดินรีบหันหลังเดินหนีไปอีกทางเลยนี่” พูดจบหันไปยิ้มให้กับหญิงคนรักพร้อมกับส่งสายตาหวานเชื่อมใส่ “จำได้เลยเลิกเรียนกลับหอเรากินเหล้ากับเพื่อนแทบทุกวันเลย”

พัชรหันไปยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนเริ่มเล่าต่อ สีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแฝงความรู้สึกผิดในใจเล็กๆ

 “พี่เริ่มเปิดใจให้พี่ชายของน้องใบหม่อนแล้วไงล่ะ คริๆ พอพี่รู้ว่าป๊อปเอาแต่เมาจนเสียการเรียนพี่ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากไปอีก ปกติถ้าเราไม่สนใจเขาอยากทำอะไรก็ทำเราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้วใช่ไหมล่ะ แต่พี่คอยดูพี่ชายของน้องใบหม่อนอยู่ตลอดนะว่าเขาเป็นยังไงบ้าง แต่พี่ยังกลัวยังรังเกียจอยู่ จนพี่มานึกได้ตอนอยู่กับตัวเองแหละ ว่าป๊อปเขาอดทนรอพี่ขนาดไหน กว่าจะได้คุยกันเปิดใจกันก็นานเลยล่ะจ้า พอเปิดใจคุยกันจริงๆ พี่ก็รู้เลยว่าพี่ป๊อปจริงใจกับพี่ขนาดไหน”

“หูย ถ้าหนูเป็นพี่พัชรนะ หนูจะเล่นตัวให้หนักกว่านี้อีก พี่พัชรใจอ่อนกับพี่ป๊อปง่ายมากเลยอ่ะ” ใบหม่อนเริ่มแสดงความเห็นของตัวเองขึ้นมา

“<<ก็นั่นแหละ ถ้าพี่ท้อนะ พี่คงไม่ได้คบพี่พัชรเป็นแฟนหรอก พี่ทนรออยู่นานเลยล่ะกว่าพี่พัชรจะยอมตกลงคบกับพี่ ตอนแรกพี่ก็ไม่มั่นใจนะว่าจะรอดไหม พี่เลยไม่ได้พาไปบ้าน จนครบปีนึงนี่แหละพี่ถึงพาไป ใบหม่อนก็เจอพี่พัชรตอนที่พี่พาไปบ้านนี่หว่า>>”

ป๊อปกลับมาพูดสำเนียงเหน่อเหมือนเดิมเมื่อหันมาคุยกับน้องสาว แอบชำเลืองมองหน้าคนรักไปแล้วออกอาการเขินเสียเอง

“<<ใช่แล้วล่ะพี่ป๊อป ตอนนั้นทุกคนที่บ้านแปลกใจหมดเลยไม่คิดว่าพี่ป๊อปจะมีแฟน พ่อแม่ยังบ่นให้หนูได้ยินทุกวันเลยว่าท่าทางไอ้หมามันจะหาเมียไม่ได้แล้วมั้ง หนูเองก็ไม่คิดเหมือนกันแหละว่าพี่ป๊อปจะจีบพี่พัชรติด>>”

“<<จำได้ พี่โทร.มาเล่าให้เราฟัง เรายังซ้ำเติมพี่อยู่เลยนี่ ฮิๆ>>” ป๊อปแกล้งตัดบทขึ้นมา “<<พี่จำได้แม่นเลยล่ะ พอพี่พาไปที่บ้าน เราคนแรกออกมาต้อนรับแฟนพี่เลยนี่>>”

“<<ก็คนมันถูกชะตากันนี่นา พี่ป๊อปก็รู้นิสัยหนูดีนี่>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่ก่อนหันไปส่งยิ้มให้กับว่าที่พี่สะใภ้

“ก็เท่านี้แหละจ้าน้องใบหม่อน พี่ยังจำได้เลยว่าพี่เจอน้องใบหม่อนครั้งแรกพี่ถูกชะตาเลย” พัชรพูดสรุปประเด็นทั้งหมดก่อนลงมือทานต่อ “กินต่อเถอะจ้า เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดไม่อร่อยไม่รู้ด้วยน้า”

ทั้งสามต่างลงมือทานอาหารเย็นต่อด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจไม่น้อยเมื่อได้ย้อนความหลังครั้งเก่า แม้แต่ใบหม่อนเองที่ตอนแรกยังน้อยใจแฟนหนุ่มอยู่ก็ลืมอาการนี้ไปเสียสิ้นเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของพี่ๆ ทั้งสอง รู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจดีๆ ที่จะรอชายคนรักที่ตอนนี้ต้องห่างไกลกัน รอวันที่จะได้กลับไปพบกันอีกครั้ง...

                                                                ...........................................................................

เช้าวันสิ้นปี

วันนี้ใบหม่อนตื่นแต่ตอนเช้าเพราะมีนัดกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ไปใส่บาตรด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากอาบน้ำเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายและแต่งตัวเสร็จ ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินเครื่องสวยกับกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์เนมติดมือก่อนเดินออกจากห้องไป....

ขณะเดียวกัน ป๊อปช่วยกันจัดของใส่บาตรกับคนรักที่วันนี้ลงครัวแต่เช้า หมูทอดกระเทียมพริกไทยกับข้าวสวยร้อนๆ ถูกจัดชุดไว้สามถุงพร้อมกับน้ำดื่มและน้ำผลไม้หนึ่งกล่องไว้บนเคาน์เตอร์พร้อม...

ร่างสูงระหงในชุดเสื้อแข่งของสโมสรสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์กับกางเกงยีนขาเดฟเข้ารูป ผมยาวดัดเป็นลอนถูกรวบตึง มัดจุกเหนือศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานเดินออกจากห้องนอนตรงมายังเคาน์เตอร์ที่กั้นระหว่างครัวกับโต๊ะทำงาน

“<<พี่ป๊อปทำอิหยัง หูยกับข้าวหอมมากเลยอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยทักทายคนเป็นพี่ชายก่อนส่งยิ้มหวานให้ แอบสังเกตว่าพี่ชายใส่เสื้อแข่งทีมเดียวกับที่ตัวเองใส่อยู่ในตอนนี้ “<<หูย ใส่เสื้อแบบเดียวกับหนูเลยอ่ะ>>”

“<<ก็เตรียมของใส่บาตรไงล่ะใบหม่อนหน้ากลม>>” ปากหยักได้รูประบายยิ้มน้อยๆ มือทั้งสองข้างยังจัดของใส่บาตรอยู่ “<<บังเอิญนะ พอดีพี่กับพี่พัชรนัดกันใส่น่ะ>>”

สิ้นเสียงเข้มไม่นานนัก ร่างบางที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อแบบเดียวกันกับกางเกงยีนขาม้าตัวโปรดเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นมือเล็กขาวราวงาช้างมาแตะบนไหล่ของคนตัวใหญ่เบาๆ

“ป๊อปจัดของใส่บาตรเสร็จยัง”

 “อืม เสร็จแล้วล่ะพัชร” ป๊อปหันไปตอบกับคนรักพร้อมกับให้รางวัลด้วยการจุ๊บหน้าผากโค้งมนสวยหนึ่งที “น้องเรามาแล้วล่ะพัชร จะไปกันเลยไหม”

“อืมงั้นไปเลย” พัชรพยักหน้าตอบพลางส่งยิ้มหวานให้ แอบชำเลืองมองร่างสูงระหงของว่าที่น้องสะใภ้ที่สวมเสื้อแบบเดียวกันทีมเดียวกัน อดไม่ได้ที่จะออกปากแซว แต่คราวนี้แกล้งทำเป็นคุยกับคนรักก่อน

“นี่เราใจตรงกันรึเปล่าเนี่ยป๊อป น้องใบหม่อนใส่เสื้อแมนฯ ยูฯ เหมือนกันเลย” ปากพูดกับคนรักแต่ดวงตาคู่สวยแอบชำเลืองมองว่าที่น้องสะใภ้แบบไม่กระพริบจนคนโดนมองเริ่มมีอาการเขิน...

“<<งั้นหนูไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่า พี่ป๊อปพี่พัชรใส่เสื้อแมนฯ ยูฯ แล้ว งั้นหนูใส่เสื้อลิเวอร์พูลที่โบ้ซื้อให้ดีกว่า>>”

ใบหม่อนแกล้งแหย่พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีอะไรดึงอยู่เหนือศีรษะจนเริ่มรู้สึกรำคาญ เมื่อมือหนาของคนเป็นพี่ชายยื่นมาจับผมมัดจุกโยกไปมาพร้อมกับเอ่ยปราม “<<ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว เปลืองค่าซักรีด เนี่ยพี่จ่ายเดือนละเกือบพันแล้วนะพอเรามาอยู่ด้วยเนี่ย เดี๋ยวต้องเก็บกับเราบ้างแล้ว ฮิๆ>>”

“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนถลึงตาดุใส่ แล้วก็ได้ผลเมื่อป๊อปยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี “<<ไม่ต้องมาทวงเลยนะอีพี่ชายบ้า เดี๋ยวหนูหารค่าซักรีดให้ก็ได้ ชิ>>” ว่าเสียงสะบัดใส่อย่างขัดใจ

ป๊อปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ยังชำเลืองมองใบหน้ามู่ทู่ของน้องสาวแล้วอดขำไม่ได้ แต่ขณะที่จะเดินไปหยิบรีโมตกุญแจรถของตัวเอง จู่ๆ มือเล็กกลับรั้งข้อมือของเจ้าตัวไว้

“<<พี่ป๊อป ไปแค่หน้าคอนโดฯ พอมั้ง ไม่ต้องไปวัดก็ได้ ลำบากเปล่าๆ น้า>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนเชิงปรามเล็กน้อย “<<หน้าคอนโดฯ มีพระเดินผ่านนี่นา>>”

“<<เอางั้นเหรอใบหม่อน>>” คิ้วเรียวหนาเลิกขึ้นพร้อมกับย้อนถามกลับไป

“<<งืมๆ เชื่อหนู>>” ใบหม่อนพยักหน้ายืนยัน ดวงตาคู่สวยยังส่งสายตาอ้อนวอนไม่หยุด “ไปกันเถอะพี่พัชร” หันไปพูดกับว่าที่พี่สะใภ้ต่อ ไม่ลืมที่จะแซวทิ้งท้าย “ลงไปแค่ข้างล่างเองน้า ไม่ต้องใส่บูทก็ได้ค่า”

พัชรเบะปากใส่ว่าที่น้องสะใภ้ แอบชำเลืองมองดุเลยไปหาคนรักที่หันมาแท็กมือกับคนที่เพิ่งออกปากแซวพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยกัน

“ทำไมยะ เค้าใส่บูทมันตลกมากหรือไง พอกันเลยทั้งพี่ทั้งน้อง ชิ” เสียงหวานว่าให้ทั้งคู่ก่อนเดินหลีกไปอย่างขัดใจ ขณะที่คนโดนว่าทั้งสองไม่แม้กระทั่งรู้สึกผิดแม้แต่น้อย ยังหันหน้าเข้าหากันพร้อมใจกันส่งเสียงหัวเราะให้กันและกันอีก สุดท้ายแล้ว เจ้าตัวยอมวางรองเท้าบูทหนังสีดำเงางามวางคืนชั้นก่อนหยิบรองเท้าแตะของว่าที่น้องสะใภ้มาใส่แทน

ทั้งสามพากันลงมายังฟุตบาทหน้าคอนโดฯ ท่ามกลางกระแสลมหนาวที่พัดผ่าน มองไปบนถนนตรงหน้าค่อนข้างเงียบเชียบ นานๆ จะมีรถผ่านมาสักคัน ป๊อปชะเง้อมองไปทางฟุตบาทที่มีคนเดินผ่านประปราย เผื่อจะเจอพระเดินผ่านมา แต่ตอนนี้ยังไม่มีมาเลยแม้แต่รูปเดียว ชำเลืองมองไปยังสองสาวที่กำลังเมาท์มอยฆ่าเวลาตามประสาผู้หญิงไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ภาพพระสงฆ์วัยกลางคนครองจีวรสีเหลืองอร่ามเดินอุ้มบาตรอย่างสำรวมนำหน้าศิษย์วัดวัยมัธยมต้นกำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี

ป๊อปไม่รอช้า มือทั้งสองข้างยกขึ้นพนมมือแต้ทั้งที่ยังมีของอยู่ “นิมนต์พระคุณเจ้าครับ”

พระภิกษุวัยกลางคนหยุดเดินเมื่อสิ้นเสียงนิมนต์ของชายหนุ่ม พลันหันมาหาพร้อมกับเปิดฝาบาตรรอ ทั้งสามพร้อมใจกันยกมือจบของอธิษฐานตามที่ใจปรารถนา

‘หนูขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งปวง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ แม่คุณมีความสุขมากๆ  ขอให้หนูได้ย้ายเร็วๆ ได้ย้ายไปในที่ที่หนูทำงานแล้วมีความสุข ทำงานแล้วสบายใจนะคะ และขอผลบุญนี้จงส่งผลให้พี่ป๊อป พี่ชายของหนูมีความสุขมากๆ หางานดีๆ ที่มั่นคงทำได้ ขอให้พี่ชายของหนูสอบบรรจุเป็นข้าราชการให้ได้ หากเกิดชาติหน้าฉันใดหนูขอเกิดเป็นน้องของพี่ป๊อปทุกๆ ชาติด้วยเถิด’

ใบหม่อนยกมือจบของอธิษฐานอยู่นานก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นพระภิกษุวัยกลางคนยืนเปิดบาตรรออยู่ มองลงไปในบาตรเห็นของใส่บาตรของพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้วางอยู่ก่อนแล้ว ค่อยๆ หย่อนลงไปในบาตรด้วยมือทั้งสองข้างอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่หันมามองเจ้าตัวไปยิ้มไปแต่สายตาแอบกดดันอยู่ ก่อนพร้อมใจกันพนมมือรับพร

“สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุมา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง ขอความปรารถนาใดๆ ที่โยมตั้งจิตไว้ดีแล้ว จงสำเร็จแก่โยมในทุกๆ ประการ ขอจงเจริญสุขๆๆ ด้วยเถิด เอวัง โหตุ…”

 สิ้นเสียงให้พร ทั้งสามพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับลดมือลง ต่างคนต่างมองหน้าและยิ้มให้กันอย่างอิ่มอกอิ่มใจหลังจากทำบุญตักบาตรไปแล้ว

“<<ไป ขึ้นห้องกันเถอะใบหม่อน>>” ป๊อปเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาเขย่าจุกเหนือศีรษะของหญิงสาวเล่น ชะเง้อมองข้ามไปยังหญิงคนรักที่ตอนนี้หันมายิ้มให้ “ขึ้นห้องกันพัชร”

“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่พร้อมแกะมือของอีกฝ่ายออก มือเล็กฟาดไปที่ท่อนแขนใหญ่อีกหนึ่งที

                                                ...........................................................................................

สเต็กหมูชิ้นพอดีอิ่มถูกเสิร์ฟพร้อมกับไส้กรอกทอดชิ้นโตกับไข่ดาวส่งกลิ่นหอมฉุยจนชวนให้กลืนน้ำลาย เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องปรุงอย่างซอสปรุงรส พริกไทยกระปุกย่อมๆ และซอสมะเขือเทศ ครั้งนี้ใบหม่อนตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ กะให้พี่ๆ ทั้งสองประทับใจ หลังจากอุตส่าห์แอบซุ่มขโมยวิชาจากว่าที่พี่สะใภ้และเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานมานาน

ป๊อปลงมือละเลียดสเต็กหมูก่อนเป็นอันดับแรก แค่คำแรกที่สัมผัสกับปลายลิ้น ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความอร่อยแล้ว

“<<ฮื้ม อร่อยมากเลยใบหม่อน>>” เขาออกปากชมขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก ครั้งนี้พูดออกมาจากใจจริงไม่ได้แฝงความขี้เล่นเหมือนกับครั้งก่อนๆ

หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวพองโตขึ้นมาหลังจากได้รับคำชมจากปากของพี่ชาย ถึงแม้จะแอบขัดใจที่อีกฝ่ายยังติดนิสัยพูดทั้งที่ยังกินไม่หมดปากจนดูเสียมารยาทในสายตาของเจ้าตัวก็ตาม แต่ก็ไม่สำคัญแล้วในตอนนี้...

“<<ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ น้าพี่ป๊อป>>”

“น้องใบหม่อนทำสเต็กอร่อยกว่าพี่แล้วมั้งเนี่ย คริๆ”

“ก็ไม่อย่างนั้นหรอกค่าพี่พัชร” ใบหม่อนยิ่งเขินมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำชมของว่าที่พี่สะใภ้ “หนูลองทำตามสูตรของพี่พัชรไงคะ ก็แค่ลองปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ เอง”

“พี่ว่าไม่นิดแล้วนะน้องใบหม่อน รสเข้มข้นกว่าพี่ทำเองอีก” พัชรพูดออกมาตรงๆ เชิงยอมรับเลยว่าครั้งนี้ว่าที่น้องสะใภ้ทำอร่อยจริงๆ หันไปถามความเห็นกับคนรักที่ตอนนี้กำลังลิ้มรสสเต็กอย่างเพลิดเพลินอยู่ “ป๊อปว่าไงล่ะ”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกับแฟนสาวตรงๆ แต่หันไปพูดกับน้องสาวแทน “<<วันหลังพี่ต้องให้ใบหม่อนทำให้พี่กินบ่อยๆ แล้วล่ะ อร่อยมากเลย>>”

“<<จ้า วันหลังเดี๋ยวหนูทำให้กินอีก>>” เสียงใสตอบกลับไปพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานให้ “<<งั้นหนูกินก่อนน้า หิวแล้วเนี่ย>>”

หญิงสาวเริ่มลงมือละเลียดสเต็กฝีมือของตัวเองบ้างหลังจากชวนพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้คุย ไม่ลืมที่จะหยิบสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินคู่กายขึ้นมาเก็บรูปและโพสต์ลงโซเชียลส่วนตัวก่อนกินเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพียงแค่ชิ้นแรกได้สัมผัสปลายลิ้นก็รู้สึกได้ถึงความอร่อยในทันทีจนวางช้อนไม่ลงแล้วในตอนนี้...

พัชรชำเลืองมองว่าที่น้องสะใภ้ละเลียดสเต็กไปอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้ หันมาชวนคนรักที่กำลังโซ้ยสเต็กอยู่ใกล้ๆ คุยต่อ

“เค้าว่าถ้าจะทำสเต็ก ให้น้องใบหม่อนทำให้กินดีกว่าน้า ดูสิทำอร่อยกว่าเค้าทำอีก”

ป๊อปคลี่ยิ้มขึ้นมาทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก รู้สึกภูมิใจไปกับน้องสาวตัวเองไม่ได้เมื่อคนรักออกปากชมถึงขนาดนี้

“ฮิๆ น้องเราเก่งอยู่แล้วล่ะ พัชรเป็นคนสอนสูตรให้น้องเราไม่ใช่เหรอ”

“งืมๆ นั่นสินะ เค้าลืมไปเลย” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ กลอกตามองบนเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างอยู่ “ตอนเค้าสอนสูตรนี่น้องใบหม่อนทำตามที่เค้าบอกได้หมดเลยนะ รู้งี้วันหลังเค้ามากินข้าวที่ห้องป๊อปดีกว่าถ้าน้องใบหม่อนทำกับข้าวอร่อยแบบนี้ ดีไหมล่ะป๊อป”

“ฮิๆ มาสิ จะได้ฝากพัชรซื้ออะไรมาติดตู้เย็นเราด้วย” คนตัวใหญ่หัวเราะในลำคอเบาๆ มีหรือที่จะปฏิเสธ

“ได้ แต่ป๊อปต้องจ่ายตังค์นะ คริๆ” พัชรแกล้งหยอกกลับไป เพราะยังไงแล้วเจ้าตัวยินดีที่จะจ่ายเงินซื้อมาให้อยู่แล้ว

ป๊อปไม่รอช้ารีบโน้มหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ บรรจงประทับริมฝีปากหยักลงบนพวงแก้มขาวอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกร้อนวูบวาบพร้อมกับหัวใจเริ่มเต้นระรัวถี่ๆ ยิ่งเห็นหญิงสาวทำท่าเขินอายแล้วก็ยิ่งอยากจะประทับรอยรักซ้ำอีกรอบ ติดที่ว่าเริ่มมีความรู้สึกเกรงใจขึ้นมา...

“พี่พัชรจะมากินข้าวกับพวกหนูทุกวันจริงเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานนัก

“จริงสิจ๊ะน้องใบหม่อน ต่อไปนี้พี่ไม่ลงครัวแล้วนะ พี่อยากกินฝีมือน้องใบหม่อนจ้า” พูดจบกลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มหวานส่งให้กับเจ้าของเสียงใสเมื่อสักครู่

“ได้เลยค่าพี่พัชร เดี๋ยวหนูจะทำให้พี่พัชรกินทุกวันจนเบื่อเลย คริๆ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ทิ้งท้ายพร้อมกับทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวานก่อนหันไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม แอบชำเลืองมองรอยยิ้มที่แฝงอยู่ข้างในดวงตาสองชั้นหลบคู่คมนั้น “<<แหม ดีใจล่ะสิพี่ชาย พี่พัชรมากินข้าวด้วยทุกวันน่ะ>>”

“<<ใบหม่อนถามพี่แปลกๆ ก็ดีใจสิคะ>>” เสียงเข้มตอบทั้งที่ยังกินไม่หมดปาก “<<ก็แฟนพี่ทั้งคนนี่นา>>”

“<<งั้นพี่ป๊อปต้องขอพี่พัชรแต่งงานได้แล้วน้า หนูจะได้พี่พัชรเป็นพี่สะใภ้จริงๆ สักที อยากเป็นอาคนจะแย่แล้วเนี่ย>>”

เจอไม้นี้เข้าไปทำเอาชายหนุ่มไปไม่ถูกเหมือนกัน ปากหยักได้แต่ยิ้มกว้าง ไม่กล้าแม้แต่จะตอบออกไปตรงๆ หันไปมองหน้าคนรักแล้วความรู้สึกวิตกกังวลเริ่มผุดขึ้นมาในใจกับเหตุผลเดิมที่ทำให้เขาบ่ายเบี่ยงมาตลอดจนแสดงออกมาทางสีหน้าให้เห็น ปากหยักที่คลี่ยิ้มกว้างหุบลงอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่เพิ่งคาดคั้นเมื่อสักครู่เริ่มใจคอไม่ดี

“เปลี่ยนเรื่องคุยก่อนดีไหมจ๊ะน้องใบหม่อน” พัชรตัดบทขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด

ใบหม่อนยังใจคอไม่ดีอยู่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชาย จริงอยู่ที่ปกติอีกฝ่ายจะยอมเจ้าตัวในทุกๆ เรื่อง ยกเว้นแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น...

“หนูขอโทษนะคะพี่พัชร เมื่อกี้หนูไม่ทันได้คิดอ่ะ” ใบหม่อนทำสีหน้ามู่ทู่ลง ชำเลืองมองหน้าของพี่ชายที่ยังทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ “<<น้องขอโทษน้าพี่ป๊อป พี่ป๊อปไม่ต้องคิดมากน้า ยิ้มหน่อยสิคะพี่ชาย>>”

“ป๊อป ไม่มีอะไรหรอก น้องเขาพูดเล่นเฉยๆ” พัชรช่วยปลอบใจอีกแรง

ป๊อปถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนรักที่กำลังส่งสายตาหวานเชื่อมพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เขาละลายได้ทุกครั้งที่เห็น ปากหยักได้รูปกลับมาคลี่ยิ้มอีกครั้ง แต่ยังแฝงความกังวลใจอยู่

“พัชรรอเราอีกหน่อยนะ” เสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มนุ่มของคนรักเป็นการยืนยันอีกที

“เค้ารอป๊อปได้ ป๊อปไม่ต้องคิดมากนะ” หญิงสาวปลอบใจซ้ำอีกทีหลังจากได้รับรสจูบอันแสนหวานจากคนรัก

ป๊อปหันกลับมามองหน้าของใบหม่อนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตอนนี้กลับมาเหมือนเดิมแล้ว ลอบมองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่ยังแฝงความรู้สึกผิดอยู่...

“<<ใบหม่อน พี่ขอโทษนะที่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ตามที่เราขอ>>” ป๊อปออกปากขอโทษก่อน “<<ฮึๆ ไหนเราเป็นคนไม่คิดอะไรไง ทำไมยังคิดมากอยู่ล่ะหืม คิดเล็กคิดน้อยไม่เปลี่ยนเลยนะเรา ฮิๆ>>” พูดจบปากหยักเหยียดยิ้มกว้างขึ้น

คราวนี้ใบหม่อนเปลี่ยนเป็นปรี๊ดแตกแทนเมื่อโดนพี่ชายว่าให้แถมยังส่งสายตาขี้เล่นที่คุ้นเคยมาอีก “<<พี่ป๊อปว่าหนูคิดเล็กคิดน้อยเหรอ ยังดีกว่าพี่ป๊อปละกัน พี่ป๊อปอ่ะคิดมาก ชิ>>”

ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่อย่างขัดใจที่พี่ชายรู้ทัน แกล้งทำเชิดหน้าเมินใส่ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้คิดอะไรแล้วตั้งแต่เห็นรอยยิ้มกลับมาอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง

“ฮื้ม กินต่อเถอะ สเต็กฝีมือใบหม่อนอร่อยขนาดนี้สงสัยไม่ต้องไปกินที่อื่นแล้วล่ะ ฮิๆ” พูดจบชายหนุ่มกลับมาลงมือทานสเต็กฝีมือของคนนั่งตรงข้ามอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหนึ่ง...

                                                ...........................................................................................

ตกกลางคืน

ป๊อปนั่งทอดอารมณ์ดื่มเครื่องดื่มสีอำพันระหว่างรอเวลาเคาท์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้าร่วมกับแฟนสาวที่ตอนนี้เริ่มมีอาการตึงๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่กำลังไหลเวียนในเส้นเลือดจนทำให้ใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวมะเขือเทศสุก ขณะเดียวกันใบหม่อนได้แต่จิบน้ำส้มไปชำเลืองมองหน้าพี่ชายตัวเองไปอย่างเป็นห่วง ยิ่งเห็นใบหน้าคร้ามที่เริ่มแดงก่ำก็ยิ่งทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาตรงๆ

“<<นี่หนูคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ให้พี่ป๊อปกินเบียร์ รู้งี้ไม่ให้กินตั้งแต่แรกซะดีกว่า>>”

บังเอิญป๊อปได้ยินพอดี ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่เมาก็ตามเพราะดื่มไปเพียงแค่สามขวดเท่านั้นตั้งแต่ตอนหัวค่ำ มีเพียงอาการตึงๆ ไม่ต่างจากหญิงคนรักที่เป็นคู่ดื่มด้วย มือหนายกแก้วขึ้นซดเฮือกใหญ่จนหมดก่อนพูดสวนกลับไป

“<<สายไปแล้วล่ะใบหม่อน พี่กินไปสามขวดแล้วล่ะ ฮิๆ>>” พูดจบหันไปรินขวดที่สี่ต่อ “<<ตอนเราไปงานแต่งงานรุ่นพี่เรายังดื่มได้เลย ทำไมเรามาห้ามไม่ให้พี่ดื่มล่ะหืม พี่จำได้นะเราตื่นมาแฮงก์จนพี่ต้องป้อนโจ๊กให้กินไม่ใช่เรอะ ฮิๆ>>”

เมื่อถูกย้อนให้แบบนี้ กำปั้นน้อยเอื้อมไปเขกบนหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ หนึ่งที “<<ก็มันคนละเรื่องกันป่ะ หนูดื่มแค่สังสรรค์เฉยๆ ไม่ได้กินให้เมาแบบพี่ป๊อปนี่ แม่คุณก็สั่งมาด้วยว่าอย่าให้พี่ป๊อปกินเหล้ากินเบียร์ นี่หนูยอมให้พี่กินก็ดีแค่ไหนเนี่ยรู้ปะ>>”

 ปากหยักคลี่ยิ้มขึ้นพร้อมกับส่งสายตาบ่งบอกถึงอาการยอมแพ้เมื่อถูกหญิงสาวว่าให้ “<<อืมๆ เอาน่ะ พี่กินแค่ครึ่งโหลพอ ไม่กินให้เมาหรอกน่า>>”

“<<ตามใจพี่ป๊อปละกัน ถือว่าหนูอนุญาตให้พี่กินแล้ว>>” ใบหม่อนปรับเสียงให้เข้มขึ้น แสดงถึงอำนาจที่มีเหนือกว่า “<<แต่ถ้าพี่ป๊อปเมาแล้วเรื้อนนะ หนูฟ้องแม่คุณแน่>>”

“<<ขี้ฟ้องไม่เปลี่ยนเลยนะน้องสาวหน้ากลมของพี่>>”

ปากหยักแกล้งว่าไปอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วยังไงก็ยอมน้องสาวคนนี้อยู่แล้ว มือหนาวางแก้วในมือลง เอื้อมไปจับผมมัดจุกเหนือกระหม่อมของคนขี้ฟ้องโยกไปโยกมาอย่างมันเขี้ยว

“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนขึงตาดุใส่ “<<ไปกินเบียร์ไป๊ ไม่งั้นหนูเปลี่ยนใจยึดอีกสองขวดที่เหลือนะ>>”

ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อได้แกล้งน้องสาวที่ตอนนี้สวมบทบาทเป็นแม่ หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาซดอย่างสบายอารมณ์ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้างอง้ำอย่างขัดใจก็ยิ่งรู้สึกสะใจเล็กๆ ‘เป็นน้องหรือเป็นแม่เนี่ย หืม’ เขาถามในใจ

“น้องใบหม่อนจ๊ะไม่ต้องห่วงพี่ป๊อปเขาหรอก เอิ๊กซ์” เสียงหวานเริ่มอ้อแอ้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์

“หูยตายแล้ว พี่พัชรเมาแล้วเหรอเนี่ย” ใบหม่อนย้อนถามกลับไปเมื่อเห็นใบหน้าของว่าที่พี่สะใภ้เริ่มแดงก่ำมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

อาการเมาด้วยฤทธิ์ของเครื่องดื่มสีอำพันเริ่มสั่งการให้หญิงสาวพูดลำบากขึ้น แต่ยังพอมีสติมากพอที่จะให้คำตอบกับว่าที่น้องสะใภ้ได้

“พี่กับพี่ป๊อปอายุเลยสามสิบกันหมดแล้วนะน้องใบหม่อน พวกพี่ดื่มกันยังไงก็รู้ลิมิตตัวเองพอน่ะ”

“แต่พี่พัชร…” ยังไม่ทันที่ใบหม่อนจะพูดอะไรต่อ มือเรียวเล็กของคนเมายกขึ้นมาทาบบนกลีบปากอวบอิ่มเสียก่อน

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ พวกพี่ไหวอยู่แล้วล่ะ” พูดจบก็ปล่อยให้กลีบปากอวบอิ่มของว่าที่น้องสะใภ้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง

“ก็ได้ค่ะพี่พัชร”

ใบหม่อนตอบส่งๆ ชักสีหน้าใส่ว่าที่พี่สะใภ้อย่างขัดใจ ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ เพราะเคยเห็นพี่ชายตัวเองเมาหมดสภาพมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ยิ่งนึกถึงคำสั่งที่แม่คุณกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนลงมาอยู่ด้วยก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีก

ป๊อปเริ่มดื่มช้าลงเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของคนเป็นน้องสาว รู้ทันทีว่ากำลังคิดมากและกังวลใจอยู่ มือหนารีบวางแก้วเบียร์ลงและหันไปชวนอีกฝ่ายคุยด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแฝงอาการเมาเล็กๆ แต่ยังครองสติไว้ได้

“<<พี่ขอโทษนะใบหม่อน>>” เสียงเข้มเว้นเล็กน้อย “<<พี่รู้เรากำลังลำบากใจอยู่ใช่ไหม>>”

“<<หนูไม่เป็นไรหรอกพี่ป๊อป หนูคิดมากเองแหละ>>” ใบหม่อนคลี่ยิ้มน้อยๆ แต่ดวงตาคู่สวยยังแฝงความกังวลอยู่ “<<แต่ตอนนี้พี่ป๊อปเริ่มเมาแล้วนะ เคาท์ดาวน์เสร็จพอได้แล้วนะพี่ป๊อป หนูเป็นห่วง>>”

“<<เดี๋ยวพี่ก็เลิกแล้วล่ะใบหม่อน>>”  ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางยกมือขึ้นลูบไปบนพวงแก้มอวบอิ่มเชิงปลอบใจ ก่อนเลยขึ้นไปจับจุกเหนือกระหม่อมโยกไปโยกมาอีกรอบ

ใบหม่อนกลับมายิ้มได้อีกครั้งเมื่อได้ยินคำมั่นจากปากของพี่ชายสุดที่รัก ยอมให้พี่ชายแกล้งหยอกล้อแต่โดยดีและครั้งนี้ไม่ยอมแพ้ตอบโต้กลับไปบ้างด้วยการถองที่ท่อนแขนและอกแกร่งของคนตัวใหญ่กว่าอย่างมันเขี้ยว แต่สิ่งเดียวที่ทำให้หญิงสาวหงุดหงิดคือกลิ่นเครื่องดื่มสีอำพันที่ลอยคละคลุ้งออกมาพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ เท่านั้น

และแล้วเวลาสำคัญก็มาถึงเมื่อนาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูระบุ 23.57 นั่นหมายถึงว่าอีกเพียงสามนาทีก็จะถึงปีหน้าฟ้าใหม่แล้ว...

“พัชร ใบหม่อน ใกล้จะเคาท์ดาวน์แล้วล่ะ” ป๊อปหันไปบอกกับคนรักที่ตอนนี้เริ่มมีอาการเหมือนถ่านจะหมดหลังจากกินไปสี่ขวดเต็มๆ กับน้องสาวที่กำลังรอคอยช่วงเวลาสำคัญอยู่ด้วยกัน

“งืมๆ ตอนนี้เค้าเมาแล้วอ่ะป๊อป” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก แต่ยังไงก็พร้อมที่จะเคาท์ดาวน์ไปด้วยกันอยู่แล้ว

ทั้งสามเงยหน้าขึ้นดูหน้าจอทีวีติดผนังตรงหน้าที่กำลังถ่ายทอดสดบรรยากาศเคาท์ดาวน์ปีใหม่จากเอเชียทีค เห็นบรรยากาศในหน้าจอที่ครึกครื้นหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้ารอนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เป็นจำนวนมากจนแทบจะไม่มีที่ให้ยืน และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อเสียงนับถอยหลังได้เริ่มขึ้น

[[สิบ... เก้า... แปด... เจ็ด...หก...ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...]]

ทั้งสามพร้อมใจกันนับถอยหลังตามเสียงถ่ายทอดสดอย่างลุ้นระทึก พลันนาฬิกาในหน้าจอทีวีและสมาร์ทโฟนระบุเวลา 00.00 น. เสียงประกาศดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับเสียงจุดพลุเฉลิมฉลองเมื่อย่างเข้าสู่วันแรกของปีใหม่

[[สวัสดีปีใหม่…]] [[กริ๊ก...]]

เสียงชนแก้วทั้งสามใบดังขึ้นพร้อมกับคำทักทายเมื่อย่างเข้าสู่ปีใหม่ของทั้งสามดังขึ้นพร้อมกับเสียงในทีวี ทั้งสามต่างคนต่างดื่มเครื่องดื่มจากแก้วในมือจนหมดในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก สมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือของใบหม่อนเปิดโหมดกล้องหน้ารอไว้พร้อม ก่อนยกขึ้นเตรียมถ่ายเซลฟี่ร่วมกับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้อยู่ในอาการเมาแล้วทั้งคู่

“พี่ป๊อป พี่พัชร ถ่ายรูปกับหนูหน่อยน้า”

ใบหม่อนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ ดวงตากลมโตคู่สวยหยีลงจนเป็นรูปสระอิเปล่งประกายสดใสสู้กล้องหน้าของสมาร์ทโฟนในมือ เหลือบมองลงมาที่หน้าจอเห็นใบหน้าแดงก่ำของพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่พยายามส่งยิ้มให้กล้องอย่างยากลำบากเพราะอาการเมาหลังจากซัดเครื่องดื่มสีอำพันไปสี่ขวด นิ้วเรียวเล็กกดปุ่มชัตเตอร์บันทึกภาพประทับใจไว้...

[[แชะ]]

ถึงแม้ปีใหม่ปีนี้จะไม่ได้กลับบ้านด้วยเพราะหญิงสาวติดภารกิจต้องทำงานจนถึงก่อนวันสิ้นปีหนึ่งวัน แต่วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในปีนี้ได้เคาท์ดาวน์กันอย่างพร้อมหน้ากับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้อย่างอบอุ่น...

                                                                ...........................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา