เมืองในไฟนีออนสีเขียว Daddy Issues

-

เขียนโดย Bluedoor

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 08.55 น.

  11 บท
  0 วิจารณ์
  4,753 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 10.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ‘ปัง!’

               ชายเกือบชราเช็ดหยดเลือดที่กระเซ็นติดบนใบหน้าเขาอย่างกับว่านั่นคือหยดน้ำธรรมดาเพียงหยดหนึ่ง ภาพซ้อนน่าประหลาดของเงาสะท้อนของเดวิดปรากฏอยู่บนกระจกที่แตกร้าวจากลูกกระสุนปืนที่เขาเพิ่งเหนี่ยวไกออกไป  สำหรับเดวิดโลกนี้มีหลายสิ่งที่คนอย่างเขาเกลียด และหนึ่งในนั้นคือสิ่งที่คนที่เขาเพิ่งเป่าลูกกระสุนเข้าสมองของมันไปได้ทำ เดวิดเพิ่งจับได้ว่าหนึ่งในลูกน้องของเขาได้นำความลับของตนไปขายให้กับคู่แข่งทางธุรกิจในเมืองข้าง ๆ

               “จัดการที่เหลือด้วย”

               เดวิดหันมาพูดกับบอดี้การ์ดที่เป็นมือขวาของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะเดินข้ามศพของคนทรยศไปอย่างไม่ใยดี ก่อนที่มือขวาของเดวิดจะหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องของเขาอีกทีให้จัดการเรื่องนี้ต่อ เพราะเขามีเรื่องสำคัญมากกว่าที่ต้องบอกนายของเขา

               “นายครับ สายแจ้งมาว่าเมื่อตอนบ่ายมีรถน่าสงสัยคันหนึ่งมาป้วนเปี้ยนในเมืองเรา”

               เดวิดไม่คิดจะหยุดฟังลูกน้องที่เพิ่งเดินเข้ามาบอกข้อมูลสำคัญแม้แต่น้อย

“ปล่อยมัน”

               “แต่นายครับ-”

               ยังไม่ทันที่มือขวาของเขาจะพูดจบเดวิดก็หันกลับมามองด้วยแววตาเด็ดขาด เหมือนยามที่ปลายกระบอกกำลังเล็งมาทางผู้พูด นั่นจึงทำให้ทุกเสียงต้องเงียบลง เดวิดเดินออกไปยังนอกร้าน เขากำลังรอให้คนนำรถของเขามาจอดไว้ให้ แม้เขาจะมีคนขับรถแต่ถ้าไม่จำเป็นหรือมีเหตุการณ์สำคัญจริง ๆ เขามักจะขับรถเอง เพราะบนรถของเขามันคือเวลาที่เขาสามารถอยู่กับความคิดของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดรถคลาสสิคเปิดประทุนก็ขับออกมาจากความมืด

               “นายครับผมว่าคืนนี้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะครับ…ผมไม่ไว้ใจ”

               มือขวาหันมาพูดกับคนเป็นนายอีกครั้งซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่รถของเดวิดมาจอดเทียบฟุตบาทพอดี เดวิดพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนที่เขาจะเข้าไปในรถ คืนนี้เดวิดเลือกที่ขับรถแบบปิดหลังคาต่างจากทุกคืน คงอาจจะเพราะเรื่องที่มือขวาของเขาเตือน และตัวเขาเองก็รู้สึกถึงสถานการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลจากสัญชาตญาณของเขาอยู่เช่นกัน เดวิดยังคงขับรถต่อไปบนถนนกว้างโดยที่มีรถของลูกน้องเขาสองคันขับตามหลังแบบรักษาระยะห่าง เพลงแจ๊สยังคงเล่นวนอยู่ในวิทยุต่อไป จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

               ‘ปัง!’

               เดวิดได้ยินเสียงปืนมาจากข้างหลัง เขาเห็นรถลูกน้องคันหนึ่งถูกรถเก๋งสีดำกำลังขับประกบแล้วรัวปืนใส่ไม่ยั้ง โดยอัตโนมัติรถมือขวารีบขับมาคุ้มกันรถเขาในทันทีพร้อมกับรัวปืนใส่รถสีดำปริศนาคันนั้น เดวิดแทบจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีคนบ้าดีเดือดเข้ามาเหยียบจมูกเสือถึงในถ้ำขนาดนี้

               รถคันสีดำกำลังพยายามขับขึ้นมาตีคู่กับรถของเดวิดแต่ก็ต้องถูกรถสองคันของลูกน้องเดวิดกันท่าไว้ จนกระทั่งรถของมือขวาของเขาเกิดเสียหลัก โดนคนในรถสีดำยิงล้อรถทำให้รถเสียการควบคุมไถลไปชนกับรถอีกคัน นี่จึงเป็นการเปิดโอกาสให้รถสีดำขับเข้ามาประชิดกับรถคันหรูได้อย่างสะดวก ทั้งสองคันขับไล่ตามกันด้วยความเร็วสูง เดวิดพยายามขับหลบกระสุนที่ยิงไล่หลังมา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เดวิดมีอาการวิตกแม้เพียงเล็กน้อย แววตาเขายังคงไร้ความหวั่นเกรงใด ๆ เหมือนกับว่าเขามีแผนการอยู่ในหัวอยู่แล้ว

               โชคดีว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน มันจึงทำให้ถนนที่อยู่นอกเมืองเช่นนี้แทบไม่มีรถวิ่งกันแล้ว ส่วนรถที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดบนถนนต่างขับหลบรถสองคันนี้อย่างรู้งาน การที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงกันกลางถนนแบบนี้ถึงมันจะเป็นเรื่องผิดปกติในเมืองอื่น แต่มันไม่ใช่สำหรับเมืองนี้ เมืองที่กลิ่นของเงินและอำนาจศักดิ์สิทธิ์มากกว่ากฎหมาย

               รถทั้งสองคันขับไล่บี้กันมาติด ๆ เสียงเครื่องยนต์ดังระคนกับเสียงของหัวใจ รถของเดวิดขับอย่างรวดเร็วจนภาพที่เห็นเกือบเห็นเป็นลำแสง มีเสียงปืนดังจากรถเก๋งสีดำปริศนามาอยู่เป็นระลอกแต่มันก็ไม่สามารถทำให้เดวิดเสียจริตแม้แต่น้อย เขายังคงเยือกเย็นดั่งปืนยามเมื่อกระทบกับแสงไฟ แต่เหตุการณ์ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นเมื่อรถเก๋งปริศนาได้ยิงปืนไปที่รถบรรทุกที่จอดหลบอยู่ข้าง ๆ จนทำให้เชือกสลิงที่มัดกล่องขนาดใหญ่หลายกล่องขาดออก แล้วกล่องเหล่านั้นพร้อมกับอาหารแช่แข็งที่อยู่ข้างในกระจายออกเต็มถนน แถมยังมีกล่องหนึ่งกระเด็นมาเกือบชนรถของเดวิด ซึ่งโชคดีที่เดวิดหักหลบทัน แต่มันก็ทำให้ความเร็วของเดวิดลดลงจนรถเก๋งสีดำปริศนาขับไล่ทันได้ในที่สุด

               ตอนนี้รถทั้งสองแทบจะขับชิดกัน โดยที่รถเก๋งสีดำพยายามจะยิงล้อรถของเดวิดเพื่อให้เขาหยุด แต่ในช่วงอึดใจเดวิดตัดสินใจเหยียบคันเร่งจนมิดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เพื่อทำให้รถของเขาอยู่ในความเร็วที่เต็มกำลัง และมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้รถที่ขับไล่ตามอยู่ในความเร็วที่เต็มกำลังเช่นกัน

รอยยิ้มของเดวิดปรากฏที่มุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นแสงไฟจากป้ายไฟสูงฝั่งตรงข้าม และอยู่ ๆ เขาก็หักพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบเบรกกระทันหันจนรถคันหรูแทบจะหันหัวมาในฝั่งตรงข้าม และแน่นอนว่าสิ่งที่เดวิดทำมันทำให้รถเก๋งสีดำที่ขับตามมาเหยียบเบรกไม่ทัน มันจึงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงอย่างเสียการควบคุมไปชนกับแบริเออร์จนรถกระเด็นลอยคว้างกลางอากาศ ในขณะนั้นเองเดวิดได้หยิบปืนของเขาระดมยิงไปที่ตัวถังน้ำมันของรถเก๋งคันนั้น เพียงชั่วพริบตารถเก๋งคันนั้นก็ตกลงสู่พื้นและกระเด็นพุ่งชนไปที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามในทันที จนทำให้ป้ายไฟสูงกำลังจะหักโค่นลงมา

               ตอนนี้รถคันหรูของเดวิดได้จอดอยู่ก่อนถึงปั๊มน้ำมันฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว เขาเปิดหลังคารถออกอย่างเชื่องช้า พร้อมกับสูดลมหายใจที่ตอนนี้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมัน  ไม่รอช้าเขาจุดบุหรี่ขึ้นมวนหนึ่ง ก่อนจะสูบมันจนไฟสีแดงที่ปลายบุหรี่สว่างวาบ ควันบุหรี่จำนวนมากถูกพ่นออกมาในขณะที่เดวิดเงยหน้าอย่างคลายอารมณ์ ควันเหล่านั้นล่องลอยอย่างสวยงามเหมือนกับภาพสโลโมชั่นในภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง สวยตาของเดวิดตอนนี้กลับมาจ้องอยู่ที่ถนน ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งอย่างสุดแรงจนได้ยินเสียงล้อที่ขูดกับถนน เมื่อถึงจุดที่รถเก๋งสีดำคันนั้นพุ่งชนกับปั๊มน้ำมัน เดวิดไม่รอช้าที่จะทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำมันจนทำให้เกิดเปลวไฟขึ้นทันที และในพริบตาป้ายไฟที่ตอนนี้เกิดประกายไฟก็ได้โค่นลงมา เดวิดเร่งความเร็วของรถคันหรูคู่ใจพร้อมกับกดเปิดวิทยุที่ ดนตรีบลูส์เพลงโปรดของเขาลอยดั่งผ่านสายลม ตามมาด้วยก้อนพลังงานความร้อนมหาศาลที่เกิดขึ้นที่ข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงระเบิดที่ดังจนกลบทุกเสียง ตอนนี้ปั๊มน้ำมันกับรถเก๋งสีดำคันนั้นกำลังอยู่ภายใต้กองเพลิงขนาดยักษ์ โดยมีภาพของรถคลาสสิคของเดวิดกับเพลงบลูส์ของเขาอยู่เบื้องหน้า

 

               พวกคุณคิดว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องง่ายหรือไม่? สำหรับผมมันก็เหมือนกับการเหยียบมดตายตัวหนึ่ง ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่ความรู้สึกที่อยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นคือผม ‘เสียใจ’ ที่โดนคนของผมทรยศ มันเหมือนผมโดนท้าทายอำนาจและเราก็จะกลายเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง และเมื่อผมเสียใจผมก็จะโกรธ และเมื่อผมโกรธการฆ่าคนสำหรับผมมันก็เป็นเรื่องง่ายดาย อย่างเช่นเหตุการณ์วันนี้ที่ผมจับได้ว่าลูกน้องที่ทำงานกับผมมาเป็นสิบปีมันกล้าทรยศผมอย่างหน้าด้าน ๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่ผมถูกรถบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ตามไล่ล่า ผมรู้ว่าพวกมันคิดว่าผมได้ ‘มัน’ มาแล้ว ถึงแม้ว่าอีกไม่นาน ‘มัน’ จะต้องเป็นของผมจริง ๆ ก็เถอะ ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้มันยิ่งทำให้ผมรู้ว่าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ และที่สำคัญมันทำให้ผมรู้ว่ายังมีหนอนอยู่ในคนใกล้ตัวของผมอีก

               ผมขับรถคันหรูของผมมาที่บ้านอีกหลังหนึ่ง มันเป็นเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่อยู่นอกเมืองและติดกับทะเล ผมเดาว่าชาติที่แล้วผมคงเคยเกิดเป็นนกนางนวล ผมชอบอยู่ใกล้ทะเล เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเป็นอิสระจนเหมือนบินได้

               “วันนี้ผมไม่กลับนะ ฝากดูแลจอห์นด้วย”

               เสียงผมคุยกับแม่บ้านที่ผมไว้ใจผ่านโทรศัพท์มือถือ ผมจำไม่ได้แล้วว่าเธออยู่กับผมมานานเท่าไร เท่าที่จำความได้ผมก็เห็นเธอมาตั้งแต่ผมเด็ก ๆ เธอเคยเป็นพี่เลี้ยงผมตอนที่ผมอยู่กับพ่อแม่ แต่เมื่อผมโตขึ้นและเลือกเส้นทางของตัวเอง ทุกคนในบ้านต่างบอกให้ผมออกจากเส้นทางสีดำนี้แต่ผมก็ไม่เคยสนใจ ผมจึงตัดสินใจมาเริ่มธุรกิจใหม่ของผมในเมืองเมืองนี้โดยมีพี่เลี้ยงของผมตามมาดูแลผมด้วย จะว่าไปเธอก็เหมือนพี่สาวของผมคนหนึ่งเหมือนกัน

               “คุณเดวิดคะ…คุณจอห์นยัง-”

               ผมจงใจตัดสายทิ้งเพราะผมไม่อยากฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด ผมทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมทอดสายตาออกไปทางหน้าต่าง บางครั้งผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ผมมีอำนาจที่จะสั่งให้ใครตายหรือให้ใครอยู่ก็ได้ แต่ทำไมกับเด็กคนนี้ผมทำให้เขาเป็นของผมไม่ได้ ผมไม่ได้หมายถึงทางร่างกาย แต่หมายถึงหัวใจของเขา

               สายลมเอื่อยพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ความเย็นวูบช่วงหนึ่งเผลอทำให้ผมคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา เอาเข้าจริงอีก 2 ปีผมก็จะ 50 แล้ว มันถือเป็นเส้นทางที่ยาวนานเหลือเกิน บางครั้งผมก็เผลอทำใครบางคนหลุดไประหว่างทาง ด้วยความไม่ตั้งใจผมเผลอจับรอยแผลเป็นที่ลำคอของผมในขณะที่คิด แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคืออำนาจกับเงินอยู่ดี

               อย่างเช่นบ้านหลังนี้ถึงมันจะไม่ได้ใหญ่นัก แต่ทุกรายละเอียดคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมพึงพอใจ บนเตียงที่กำลังนอนอยู่มันเหมือนผมกำลังนอนทับเงินที่สามารถซื้อรถยนต์เพิ่มได้อีกสักคัน ทั้งหมดนี้มันก็ล้วนมาจากอำนาจของเงินที่ผมยอมแลกมาทั้งสิ้น

               ถ้าในโลกที่มันโหดร้ายเราไม่มีอำนาจหรือน้ำหนักของเงินมากพอ เราก็พร้อมจะกลายเป็นเหยื่อของพวกปลาใหญ่ในสังคมอยู่ดี ตั้งแต่วินาทีแรกเมื่อผมรู้ว่าผมชอบผู้ชายซึ่งมันก็เป็นวินาทีเดียวกันกับการที่ผมเงยหน้าสู้กลับไอ้พวกเด็กหลังห้องที่มักจะแกล้งผมเป็นประจำ และช่วงเวลานั้นเองผมได้ให้สัญญากับตัวเองว่าหลังจากนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้กับผม และจะไม่มีใครมารังแกผมได้อีก

               หลายปีผ่านไปความฝันผมก็เป็นจริง ผมกลายเป็นพ่อค้ายาในเมืองใหญ่ แทบจะเรียกได้ว่าผมเป็นคนพัฒนาเมืองนี้ด้วยซ้ำ ธุรกิจแทบจะทุกอย่างล้วนมาจากน้ำมือและการค้ายาของผม ไม่มีใครที่จะไม่ยอมก้มหัวให้กับผม และผมไม่เคยไม่ได้อะไรที่ผมอยากได้ ยกเว้นแต่เรื่องของจอห์น เด็กหนุ่มที่ผมถูกชะตาและเก็บเขามาเลี้ยงดูจากการเป็นเด็กขายบริการตามข้างถนน ในครั้งแรกที่ผมเห็นจอห์นผมก็รู้ว่าชีวิตเขาควรมีมากกว่านี้ และผมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของหนุ่มคนนี้มันยากกว่าที่ผมคิดไว้ในตอนแรก

               ผมพยายามเลี้ยงดูจอห์นให้ดีที่สุด เขาจะได้ทุกสิ่งที่เขาอยากได้เพียงแค่ขอให้เขาบอก แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าผมไม่เคยได้รับความรักกลับมาเลย ไม่ใช่ว่าจอห์นดูแลผมไม่ดี แต่มันเป็นวิธีที่เขาดูแลลูกค้า หรือไม่เขาก็กำลังทำตอบแทนในสิ่งที่เขาได้รับจากผม ซึ่งนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากได้…ผมอยากได้เพียงความรู้สึก

               ในขณะที่ผมจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาผมก็เผลอหลุดจ้องมองโต๊ะกลมที่วางอยู่แถวนั้น ยามที่แสงจากประภาคารส่องกระทบเผยให้เห็นร่องรอยของผงสีขาวที่ถูกเกลี่ยให้เป็นแถวยาว ผมไม่แปลกใจเลยทำไมใคร ๆ ถึงต้องการมัน เพราะมันคือสวรรค์ที่กักขังไม่ให้เราไปไหน ซึ่งมันคือความรู้สึกเดียวกับเงินและอำนาจ ซึ่งผมรู้ถึงสองข้อนั้นดี และมันก็เป็นเหมือนกรงทองที่ผมคอยขังจอห์นให้อยู่กับผม ผมให้ยากับจอห์นเพื่อให้เขาไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากผม แต่มันก็ทำได้เพียงแค่ร่างกาย ทุกครั้งที่มองเข้าไปในตาของจอห์นผมรู้ว่าเขาไม่เคยอยู่กับผมเลยสักวินาทีเดียว

               ความรักมักทำให้คุณดูโง่ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรแล้วก็ตาม ผมตั้งใจซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ให้จอห์น เพียงเพื่อพยายามหาช่องทางที่ทำให้เขามีความสุขและผมก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพื่อให้ความสุขเหล่านั้นยังพอประทังให้จอห์นอยู่กับผมให้นานที่สุด มันอาจจะฟังดูโง่และไร้เดียงสา แต่เมื่อเวลาเรารักใครเราก็จะกลายเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกเสมอไม่ใช่หรือ?

               ผมพลิกตัวหันหน้าหนีจากหน้าต่างเพราะแสงไฟจากประภาคารนั้นเริ่มรบกวนการพักผ่อนของผมและมันทำให้ผมเริ่มคิดมาก ผมพยายามหลับตาลง ความนุ่มและความลื่นของผ้าปูที่นอนเนื้อซาติน มันทำให้ผมเหมือนกำลังนอนอยู่ในมหาสมุทรกว้าง รอบตัวของผมเต็มไปด้วยสีน้ำเงินของมหาสมุทรและสีฟ้าของท้องนภา คลื่นลมแรงมันเริ่มทำให้ผมรู้สึกหนาวจนเนื้อตัวเริ่มสั่นเทา แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกถึงอิสระยามเมื่อถูกคลื่นซัดกระทบกับผิวหนัง ผมเหมือนได้เป็นเจ้าของมหาสมุทรแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความภาคภูมิก็กลายเป็นความเปลี่ยวเหงา ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าผมอยากที่จะล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทรนี้ต่อไปหรือไม่ หรือบางทีผมอาจจะหวังเพียงสักวันหนึ่งผมจะได้เจอแสงจากประภาคารของผมจริง ๆ แสงที่จะคอยส่องนำทางให้ผมกลับเข้าหาฝั่งที่เรียบง่ายและอบอุ่น

               ผมผลอยหลับไปท่ามกลางห้องนอนสีขาวกว้างที่อยู่ภายใต้เงาของดวงจันทร์ และนั่นคงจะเป็นทั้งหมดของคืนนี้ คืนที่แทบจะเหมือนกับทุกคืน ยิ่งใหญ่ สวยงาม และโดดเดี่ยว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา