แด่เธอ...สุดที่รัก
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากผ่านการลงโทษทำความสะอาดโรงยิมตลอดทั้งสัปดาห์ฉันและกาย ก็สนิทกับเจมส์มากขึ้น เพราะต้องอยู่ทำความสะอาดด้วยกันตอนเย็น อันตัวฉันที่ไม่ได้ถูกทำโทษด้วยแต่ก็ต้องมานั่งอยู่เป็นเพื่อนกายทำความสะอาดนั่นก็เพราะ
"มึงมาอยู่เป็นเพื่อนกูเลย มึงลืมวันเกิดกู มึงทำให้กูต้องเสียใจ มึงต้องชดใช้" แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมเล่า หลวมตัวเพราะสำนึกผิดล้วนๆ
“อีก 3 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลสอบแล้วขอให้นักเรียนทุกคน รักษาสุขภาพ และเคลียร์งานค้างทุกอย่างให้เสร็จก่อนสอบนะคะ และวันนี้หลังเลิกเรียนนักเรียน ร.ด. ที่จะไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ในสัปดาห์หน้าขอให้ไปประชุมกันที่ลานอเนกประสงค์ด้วยค่ะ” นี่คือเสียงตามสายจากครูฝ่ายวิชาการ ที่เราคุ้นเคยกันดี ว่าช่วงนี้คือช่วงนรกแตกแค่ไหน ดีที่ฉันทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง…
“ไอ้ฟ้า ไอ้เชี่ย อันนี่กูยังลอกไม่เสร็จ”
“อันนี้กูยืมมา ไอ้ควาย เอามานี่เลย”
“แพรว มึงให้ใครยืมก่อนวะ”
“กูไง มันให้กูยืม”
“ไอ้แพรว... มึงช่วยกูด้วย ไอ้ฟ้ามันแย่งกูอะ”
เสียงโวยวายของคนในห้องก็ว่าอื้ออึงจนเกินจะรับได้แล้ว ตอนนี้ยังมีเสียงที่ตะโกนแข่งกันของไอ้กายกับไอ้ฟ้าเพิ่มเข้ามาจนแสบแก้วหู ทะเลาะกันเป็นเด็กอนุบาลเลย ฉันเลยเลียนแบบเจมส์ปิดหูปิดตา ฟุบนอนบ้างดีกว่า แต่ภายใต้ความวุ่นวาย ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปดูเจมส์ ซึ่งเขาก็ยังคงนั่งหล่อๆ ไม่สะทกสะท้านอะไรกับความวุ่นวายภายในห้องเรียนเลยแม้แต่น้อย
“เจมส์มึงทำงานเสร็จหมดแล้วเหรอวะ นั่งเป็นพระทำสมาธิเลยนะมึง” ไอ้กายไม่วายไปราวีเจมส์ที่นั่งสงบอยู่บนโต๊ะของตัวเอง
“ครับ”
ฉันเองยังตกใจจนต้องหันไปมองทางต้นเสียง งานเยอะขนาดนั้นทำเสร็จได้ไงในเวลาอันรวดเร็ว
“เฮ้ย บ้า ในห้องนี่มีเด็กเรียนเพิ่มขึ้นเหรอวะเนี่ย” กายพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมอะ งานครูเขาสั่งก็ต้องทำ”
“ก็เห็นมึงหลับตลอดใครจะไปนึกว่าทำเสร็จหมดวะ”
“การบ้านนะครับ ก็ต้องทำที่บ้านไม่ใช่ทำที่โรงเรียน”
จี๊ด... ใจ ด่ากายยังไงให้กระทบเราวะเจมส์ ฉันผู้ที่ชอบเอาการบ้านมาทำที่โรงเรียน เพราะฉันเอาเวลาตอนอยู่บ้านไปทำงานพิเศษ คือฉันหารายได้พิเศษเตรียมไว้สำหรับเข้ามหาวิทยาลัยโดยการเขียนสรุปเนื้อหาวิชาการขาย บอกเลยว่าช่วงเวลาใกล้สอบแบบนี้รายได้ดีเป็นกอบเป็นกำ พอมีพอกินเลยแหละ
“โอ๊ยว่าแพรวทำไมวะ แพรว มันว่ามึง”
“โอ๊ย หยุดพูดได้แล้ว แล้วไปทำงานค้างให้เสร็จเลย”
ฉันมองเจมส์ ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เสร็จจริงเหรอ อยากจะเอาสมุดมาขอดูมากเลย แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้การบ้านที่ลอกได้ทั้งหมดมี 2 ชุด คือของเจมส์และของฉัน ซึ่งมันไปอยู่กับคนอื่นเป็นที่เรียบร้อย จะว่าไปช่วงนี้ฉันเผลอมองหน้าเจมส์มากเกินไปไหม เวลาที่เผลอมองเจมส์เจ้าตัวก็ทำหน้าฉงนพร้อมยักไหล่ เป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ฉันก็ได้แต่ส่ายหัวกลับไป
“จากที่มีการแจ้งมาจากฝ่ายวิชาการเรื่องงานค้างของนักเรียนในห้อง สำหรับห้องเรามี 2 คนที่ไม่มีงานค้างและทำงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยม คือ นายธราภัทร และ นางสาววิยะดา ซึ่งทั้งสองคนได้คะแนนเก็บเต็ม”
ฮะ คนที่เข้ามากลางเทอม ได้คะแนนเก็บเต็ม เดี๋ยวนะ...งานก่อนหน้าที่เจมส์จะเข้ามา เอาที่ไหนไปทำก่อน นี่ไม่ได้แค่หล่อแล้วนะ แต่เป็นเทพด้วย
“คู่สร้างคู่สมโว้ย” เสียงของเพื่อนๆ ในห้อง ส่งเสียงออกมาแซว ซึ่งเป็นเสียงที่ฉันชินเอามากๆ ดังนั้นทั้งฉันและเจมส์ ก็ฟุบหน้าลงแบบไม่ใส่ใจ แต่ในใจอดสงสัยไม่ได้ 'ทำได้ไงนะเจมส์' โรงเรียนนี้ก็รู้อยู่งานก็เยอะเรื่องก็แยะ นายก็ทำมันจนเสร็จเนี่ยนะ
สำหรับตอนเย็นของช่วงนี้ฉันจะออกจากโรงเรียนพร้อมเจมส์เป็นประจำ ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เราแทบจะกลับบ้านกันเป็นหมู่คณะเลยก็ว่าได้ เพราะบ้านของเรากับเพื่อนๆ ในห้องอยู่ละแวกเดียวกันหมด ส่วนบ้านฉันอยู่ก่อนซอยบ้านกาย เราทั้งคู่เลยกลับบ้านพร้อมกันตลอด แต่ช่วงนี้กายไม่ได้กลับบ้านพร้อมฉันเลย วันนี้กายก็มีประชุม รด. อีก แถม ต้องอยู่ทำงานค้างกันจนดึกทุกวัน บางทีลึกๆ ก็รู้สึกเหมือนกายพยายามเอาตัวออกห่างฉัน หรือฉันจะคิดมากไปก็ไม่รู้ เห็นปกติไม่เคยจะสนใจเรื่องงานค้างขนาดนี้ แทบทุกครั้งกายจะอ้อนวอนให้ฉันช่วยสอน ช่วยทำให้ แต่ครั้งนี้ยอมอยู่เย็นเพื่อทำงานค้างเอง จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องที่ดี หรือไอ้กายมันจะกลับตัวกลับใจแล้ว อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะเราคงคิดมากไป
"คิดอะไรอยู่หรือครับ"
"คิดถึงกาย"
"ฮะ..." เจมส์อุทานด้วยความตกใจ
"คะ... เมื่อกี้เราพูดอะไรนะ" เราพูดอะไรแปลกๆ ออกไปหรือเปล่า ทำไมคนฟังทำน้ำเสียงตกใจแบบนั้น
"แพรวบอกว่าคิดถึงกาย งั้น...เรากลับไปอยู่เป็นเพื่อนกายดีไหม"
"อ้อ ไม่ต้องหรอก ไม่ได้พิศวาทอะไรขนาดนั้น เราหมายความว่า คิดถึงกายคิดแบบ... คิดว่าช่วงนี้มันแปลกไป"
"ยังไงครับ"
"เหมือนมันพยายามจะเอาตัวออกห่างเรา"
"เหรอ แพรวคิดมากไปหรือเปล่า" อืม ถ้าเป็นแบบที่เจมส์คิดก็คงจะดี
“แล้วนี่เจมส์บ้านอยู่ไหนเหรอ เห็นกลับทางเดียวกับเราตลอดเลย”
“อ้อ อยู่แถวบ้านกายแหละ”
“จริงดิ ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว วันนั้นที่เรากินบาบีก้อน ทำไมเจมส์กลับอีกทางหนึ่งละ”
“วันนั้นมีธุระนิดหน่อยครับเลยต้องกลับทางนั้น”
“พอเข้าใจได้ แบบนี้เราก็ได้กลับบ้านด้วยกันทุกวันเลยสิ”
“ใช่ครับถ้าเราไม่มีธุระนะ”
เวลากลับบ้านด้วยกันสองคนเจมส์ดูแลเราดีตลอดทั้งคอยกันไม่ให้ใครเดินชนเรา กางร่มให้ คอยถามว่าหิวไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาดูแลคนรอบตัวดีแบบนี้ทุกคนไหมนะ
“เจมส์ทำดีแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า”
“ไม่นะ ก็แล้วแต่ว่า เราอยากทำดีกับใคร ซึ่งตอนนี้เราก็อยากทำดีกับแพรว”
ตอบตรงจัง แบบนี้ใครได้ยินก็มีแต่จะละลายเท่านั้น ฉันเองนี่แหละที่อยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาซะอย่างงั้น เจมส์จะสังเกตเห็นแก้มแดงระเรื่อของเราไหมนะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าแดงเชียวหรือว่าไม่สบายตรงไหน” เจมส์พูดยังไม่ทันจบ ก็เอาฝ่ามือใหญ่ มาจับหน้าผากเพื่อดูว่ามีไข้หรือไม่ ส่วนฉันนะเหรอ ตายอยู่ตรงนั้นแหละ ความแสดงออกแบบไม่มีกั๊กของเจมส์ แสดงออกชัดเจนทุกที่โดยไม่อาย จะทำเอาคนรอบข้างตายได้ง่ายๆ นะ
“ไม่เป็นไร”
“ตัวก็ไม่ร้อน หรือว่า เขินผม”
ได้ยินเจมส์พูดแทนตัวว่าผมอีกแล้ว หรือเขาไม่อยากสนิทกับเราใช้คำห่างเหินตลอดเลย
“ทำไมชอบแทนตัวเองว่าผม มันดูห่างเหินแปลกๆ”
“จริงๆ ถนัดพูดคุณกับผมมากกว่าผมเลยชอบเผลอพูด แต่ดูแล้ว แพรวไม่น่าชอบ ผมเลยพยายามแทนตัวเองว่าเรา มันยังไม่ชินครับ” แปลกจังปกติเราจะได้ยินผู้ใหญ่พูดคุณกับผมกับ อันนั้นก็ไม่แปลกแต่นี่เพื่อนนักเรียนด้วยกันพูดคุณกับผมรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้องสนใจว่าเราชอบไม่ชอบด้วยนะ แบบนี้จะเรียกว่าอะไร เขามีใจ หรือว่าทำไปตามมารยาท หรือยังไง โอ๊ยไม่อยากจะคิด ช่วงนี้แค่อยู่ใกล้ๆ ก็แทบไม่กล้าสบตาแล้ว
“ว่าแต่เจมส์ทำการบ้านเองหมดเลยเหรอ”
“ทำไมถามแบบนั้น หรือแพรวว่าเราไม่สามารถทำเองได้หมด” คนพูดทำท่างอนน่ารักชะมัด
“เปล่านะ ก็แค่ เห็นอยู่ในห้องเอาแต่หลับ ก็นึกว่าไม่ได้ฟังครูว่าสั่งอะไรบ้าง”
“การบ้านพวกนั้นไม่ต้องฟังครูก็ทำได้ครับ" แหม่ได้ทีอวดใหญ่เลยนะ "ก็แพรวเล่นเขียนงานค้างทั้งเทอมไว้บนกระดานหน้าห้องนิครับ”
จริงด้วย ลืมไป ฉันเขียนงานค้างทุกอย่างไว้บนกระดาน จริงๆ ก็เพราะถ้าไม่เขียนเอาไว้ไอ้กายมันก็จะมาถามบางทีฉันก็ลืมเลยต้องเขียนไว้บนกระดานนั่นแหละดูง่ายดี เพื่อนคนอื่นก็ดูได้ด้วย โถ่อีแพรว อีโง่
“นั่นสิเนอะ”
“เราหิวแล้ว หาอะไรกินกันครับ”
นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยค ประโยคอะไรวะ ที่แน่ๆ ฉันไปกินข้าวกับเขาแบบ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย โอ๊ยแพรว แกจะเก็บอาการอยู่ไหมวะเนี่ย อย่าให้เขารู้เชียวว่าตอนนี้รู้สึกกับเจมส์แบบไหน
“กินเยอะๆ นะครับร้านนี้ร้านโปรดเราเลย”
เจมส์พูดจบก็ตักอาหารให้เรา เราต้องพยายามข่มใจเอาไว้ แล้วทำเหมือนว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไร พูดคุยตามปกติ ทั้งที่จริงตอนนี้ใจเราฟูมาก มากถึงขั้นว่า เราสารภาพไปเลยดีไหมว่าชอบ เจมส์ดูแลเราดีแบบนี้หลายครั้งแล้ว เพราะเขามีใจให้เราหรือว่าไม่ได้คิดอะไรกันแน่ เราจะได้ทำตัวถูก แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์แบบที่เจมส์ให้เรามาในตอนนี้จะหายไป
“วันนี้ มีความสุขไหมครับ”
ฉันหันหน้าไปมองเจมส์ ด้วยสีหน้าปนสงสัย “ก็ต้องมีความสุขสิ เจมส์เลี้ยงข้าวเราทั้งที” คำถามแปลกจัง ฉันไม่เคยเจอคนที่เป็นเพื่อนถามคำถามแบบนี้เลยนะ
“ทำไมเจมส์ถึงถาม”
“เพราะอยากให้แพรวมีความสุขเวลาที่อยู่กับเราครับ”
วันนี้ไม่กลับบ้านแล้วได้ไหม ตายมันตรงนี้แหละ ฉันจะไม่ไหวกับคำพูดของเจมส์แล้วนะ ในขณะที่ฉันใจเต้นแทบบ้า อีกฝ่ายกลับถามเข้ามาด้วยใบหน้าที่เป็นจริงเป็นจังสุดๆ ตอบยังไงดี หนีไปกรี๊ดสักทีก่อนได้ไหม
“ก็… ต้องมีความสุขอยู่แล้ว มีสิ เจมส์อย่าคิดมาก”
“ครับ ถึงบ้านแพรวแล้ว พรุ่งนี้ให้เรามารับไหม”
ฮะ!! เอาไงดีวะ เปิดทางเลยไหม หรือไว้ตัว หรือนี่กูต้องทำไงดีวะเนี่ย โอ๊ย... ไอ้กาย... ไอ้ฟ้า... กูโดนผู้ชายจีบแน่ๆ กูว่าใช่ มันต้องใช่แน่ๆ กูต้องไว้ท่าสงวนท่าทีแบบกุลสตรีไทยต้องปฏิเสธ ปฏิเสธออกไป
“เราตื่นเช้านะ เจมส์ไหวเหรอ”
โอ๊ยอีบ้า พูดอะไรออกไปวะเนี่ย ไหนว่าจะปฏิเสธไงเล่า!!!
“ฮ่าๆๆ เช้าแค่ไหนก็ไหวครับ กี่โมงดี”
มาขั้นนี้แล้วแกล้งๆ หน่อยแล้วกัน
“ตี 5 ค่ะ”
อีบ้าแพรว ตี 5 มึงไม่เคยตื่นตี 5 มึงตื่น 6 โมงเช้า โรงเรียนมึงอยู่แค่นี้ที่รัก
“ตี 5 นะ ได้ครับ”
ได้ครับด้วย จะมาจริงเหรอ ตี 5 ผีในซอยยังไม่นอนเลยนะ แล้วเจมส์ก็รอจนเราปิดประตูรั้ว รอส่งจนเราเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เจมส์ถึงได้เดินออกไป
ฉันเข้าบ้านอาบน้ำแล้วก็ขึ้นไปทำงานตามปกติ วันนี้ก็เหมือนเคยฉันไม่ได้เจอหน้าแม่เหมือนเดิม เพราะแม่ทำงานกะดึก เวลาทำงานของแม่คือช่วงที่ฉันอยู่บ้าน ส่วนเวลาที่แม่อยู่บ้านคือเวลาที่ฉันไปโรงเรียน แต่ฉันไม่ใช่มนุษย์มีปมเรื่องแม่ไม่มีเวลาให้อะไรทำนองนั้นนะ เพราะฉันรู้ดีว่าแม่รักฉันถึงเราจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่แม่ก็จะทำกับข้าวให้ฉัน พอฉันว่างฉันก็ทำกับข้าวเตรียมไว้ให้แม่ มีโน้ตให้กำลังใจแปะตามจุดต่างๆ ในบ้านทุกวัน ถึงชีวิตฉันจะไม่ได้สุขสบายอะไรมากนัก แต่ฉันก็คือคนที่มีความสุขมากๆ คนหนึ่ง โดยเฉพาะ มีคนชื่อเจมส์เข้ามาในชีวิตของฉัน ยิ่งทำให้ฉันอยากไปโรงเรียนมากกว่าเมื่อก่อนอีก
ตั้งนาฬิกาปลุก 04:30 น. ครึ่งชั่วโมงฉันน่าจะอาบน้ำแต่งตัวทัน แพรวเอ๊ยไม่น่าเลย บอกเวลาปกติซะก็ดี แบบนี้เจมส์จะตื่นไหวจริงเหรอ วันนี้เลยเป็นวันที่ฉันบังคับตัวเองให้รีบนอนแต่หัวค่ำ ไว้พรุ่งนี้ค่อยบอกเจมส์ก็ได้ว่าเราไม่ได้ตื่นเวลานี้ บ้าจริงไอ้แพรว
กริ๊งงงงงงง……กริ๊งงงงงงงงงงง……..กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โอ๊ย... ง่วงชะมัด ขอนอนต่ออีกเดี๋ยวแล้วกัน
10 นาทีผ่านไป
กริ๊งงงงงงง……กริ๊งงงงงงงงงงง……..กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โอ๊ย... จะปลุกอะไรนักหนาเนี่ย
-เช้าแค่ไหนก็ไหวครับ กี่โมงดี-
-ตี 5 ค่ะ-
เฮือก... นี่กี่โมงแล้ว อีก 15 นาที จะตี 5 แล้วตายแล้วฉัน ฉันรีบโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำปานความเร็วแสง วิ่งผ่านน้ำ ด้วยความรวดเร็ว (แพรวแกเป็นผู้หญิงนะเว้ย แกต้องสะอาดกว่านี้) ไม่ทันแล้วโว้ย...
ฉันรีบสวมเสื้อและรูดซิปกระโปรงอย่างรวดเร็ว เวลาบนหน้าจอนาฬิกาแจ้งว่าขณะนี้เป็นเวลา 4:59 น. เก่งมากแพรวแกทำได้ ว่าแต่รีบทำไม เจมส์จะตื่นมารับเราจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันเดินออกไปที่หน้าประตูบ้านด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกมีผีเสื้อนับพันตัววิ่งวนอยู่ภายในท้อง ฉันไม่เห็นใครยืนหน้าประตูบ้านสักนิด ก็อย่างว่าแหละเนอะจะมาทันได้ไงเช้าขนาดนี้ ฉันไขกุญแจเพื่อเปิดประตูออกไปดูถ้าไม่มีใครฉันจะเข้ามานอนต่อแล้วนะ
เอี๊ยด…ฉันเปิดประตูรั้วออกไปส่องซ้ายที ขวาที แล้วก็ไม่เห็นมีใคร ไม่ได้มาจริงๆ ด้วยสินะ ก็ดีเหมือนกันงั้นไปนอนต่อดีกว่า
หมับ! ฝ่ามือขาวและใหญ่ รั้งประตูไว้ไม่ให้ปิด ฉันหันไปมองตามมือนั้น เจมส์นี่นา
“ขี้โกง ให้เราตื่นมาแต่เช้า คิดจะกลับไปนอนต่อหรือครับ”
“เจมส์ ก็เรานึกว่าเจมส์จะไม่มา”
“แล้วทำท่าเข้าไปในบ้านทำไม ก็ไหนบอกออกจากบ้านเวลานี้ไงครับ ทำไมไม่เดินไปโรงเรียนล่ะ”
“แหะๆ เราก็แค่ อยากรู้ว่าเจมส์จะมาจริงไหม ขอโทษนะ”
“เล่นไม่เข้าท่า แล้วจะเอาไง ออกไปตอนนี้มืดมากนะเดินออกไปก็เปลี่ยวมากด้วย ถ้าไปโรงเรียนตอนนี้จะมืดมากเลยนะ”
โอ๊ย ทำไมจะสื่อว่าอะไร นายควรเข้ามานั่งพักในบ้านฉันก่อนแล้วค่อยไปโรงเรียนพร้อมกันตอนฟ้าสางแบบนี้เหรอ
“อันตราย เสี่ยงโดนโจรปล้น ที่สำคัญผีจะหลอกเอาได้นะครับ”
ไม่ได้เราต้องหาวิธีอื่นฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายเข้าบ้านฉันเด็ดขาด
“โอเคๆ ค่ะ งั้นเข้ามานั่งในบ้านก่อนเดี๋ยวหาข้าวเช้าให้กิน แล้ว 7 โมงเช้าเราค่อยไปโรงเรียนกัน” ฉันพูดออกไปด้วยความเร็วเหมือนเร่งคลิปวิดีโอระดับ x4 บางทีไอ้ที่คิดไว้กับปากที่พ่นออกไปมันก็ไม่เคยจะตรงกันเลยให้ตาย
เหมือนได้ใจอีกฝ่ายเลยแฮะ เดินยิ้มตาปิดเข้ามานั่งในบ้านเป็นที่เรียบร้อย พอดีตอนฉันจะออกมาเปิดประตูฉันดูข้อความจากไลน์แม่บอกว่า เคลียร์งานที่ออฟฟิศยังไม่เสร็จ วันนี้เลยนอนที่ออฟฟิศ ไม่งั้นถ้าแม่เห็นลูกสาวคนสวยพาชายหนุ่มรูปงานเข้าบ้าน มีหวังแม่ต้อง….
“ยัยแพรว!!!! นี่แม่ไว้ใจแกให้อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้เลยใช่ไหม เดี๋ยวนี้ถึงขั้นพาผู้ชายเข้ามาในบ้านเลยเหรอ”
ทำไมเสียงในความคิดมันดังจังวะ แต่เสียงมันชัดและก็ดูจะใกล้มากด้วย ฉันเลยหันไปตามต้นทางของเสียง แล้วก็ต้องพบว่าแม่ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ไหงผีเสื้อที่บินอยู่ในท้องมากลายเป็นผึ้งไปได้วะเนี่ย
“แม่ ไหนว่าวันนี้ไม่กลับไง”
“พอดีว่าเสร็จไวกว่ากำหนด ไม่ต้องมาเฉไฉ อธิบายมาว่าพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้คือใคร”
“ผมเจมส์ครับ แค่มารับแพรวไปโรงเรียนพอดีมีงานช่วงเช้า” ไหวพริบนายดีมากเจมส์ ช่วยฉันด้วย
“แล้วทำไมไม่รีบไป มานั่งทำอะไรกันในบ้าน”
เลิ่กลั่กแล้วหนึ่งคือฉันเอง เอาไงต่อดี เจมส์ช่วยฉันพูดไปแล้ว ฉันจะแก้ตัวว่าอะไรดี
“ก็ลืมพรินต์งาน ใช่ ลืมพรินต์งานชิ้นหนึ่ง เลยให้เจมส์เข้ามารอในบ้าน เดี๋ยวหนูไปพรินต์งานก่อนนะจ๊ะแม่” ว่าแล้วก็หอมแม่ไป 1 ฟอด ก่อนจะใส่เกียร์หมาเผ่นขึ้นชั้น 2 ก่อนดีกว่า ขอโทษนะเจมส์ ไม่รู้จะอ้างอะไรแล้วจริงๆ แล้วจะหาอะไรไปพรินต์ให้เนียนดีวะเนี่ย เอานี่แล้วกัน บทละครประจำปี 30 หน้า กว่าจะใช้คือช่วงปิดเทอมนู่นแต่พรินต์ซะตอนนี้เลยแล้วกัน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ปกติเครื่องพรินต์เครื่องนี้ทำงานช้าอย่างกับเต่าคลาน แค่ 10 หน้า ปาไป 20 นาที นี่ 30 หน้าทำไมมันเร็วจังฟะ ยังไม่อยากลงไปพบเจอใครเลย
ฉันค่อยๆ ย่องลงบันไดมาอย่างช้าๆ แล้วหยุดนั่งยองๆ อยู่ที่ปลายบันไดเพื่อดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า
“ฮ่าๆ จริงหรือจ๊ะ เวลาอยู่ที่โรงเรียนแสบกันขนาดนั้นเลย ไม่ไหวจริง ยังไงต้องฝากเจมส์ด้วยนะ”
"ได้เลยครับ"
ฉันผู้แอบมองอยู่ตรงบันได ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แม่ผู้ที่ไม่ยอมให้ลูกสาวข้องแวะกับผู้ชายหน้าไหนยกเว้นกาย เพราะแม่บอกว่า 'แม่ว่ากายมันชอบผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่' นึกถึงประโยคนี้ทีไรจี๊ดใจทุกที คนเป็นแม่ในตอนนี้กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานกับเจมส์ แถมชวนกันกินอาหารเช้า หรือเมื่อกี้เราตกหลุมอากาศไป ไม่สิหรือเวลาเราเดินไม่เท่ากัน ทำไมมันดูชื่นมื่นดีอย่างกะรู้จักกันมานมนานแบบนี้ล่ะ
“ทานอีกสิจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจ โจ๊กเจ้านี้เด็ดสุดในย่านนี้แล้วนะ” ฮะ!!! นี่แม่ฉันหรือเนี่ย ต้องมีอะไรแฝงมากับแม่แน่ๆ นี่ไม่ใช่แม่ฉัน แม่ฉันต้องไม่พูดจาดีแบบนี้สิ
“อิ่มแล้วครับคุณน้า”
“เรียกแม่เถอะจ้ะ”
สวบ!!…บทละครฉันล่วงจากมือทันที
“เอ้า ยัยแพรวไปแอบเงียบๆ อะไรตรงนั้น แล้วนี่ซุ่มซ่ามอีกแล้ว”
เจมส์รีบเข้ามาช่วยฉันหยิบบทละคร พร้อมขยิบตาให้เหมือนกับจะบอกว่าเขาคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยแล้ว
“รีบกินข้าวเช้าแล้วไปเรียนกันได้แล้วนะ ว่างๆ เจมส์มาหาแม่อีกนะลูก”
นะลูก มาหาแม่อีกนะลูก หูฝาดไปไหมเนี่ย ขนาดไอ้กายรู้จักกันเป็น 10 ปี แม่เจอมันยังสวดยับจนมันบ่นไม่ค่อยชอบมาบ้านฉันเท่าไหร่ (แต่ก็มาอยู่เป็นประจำ) ขนาดที่ว่ามันก็อุตส่าห์เอาอกเอาใจ แต่ก็ไม่วายโดนแม่บ่นทุกครั้งที่มา แต่กับเจมส์นี่ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
“แม่ไปนอนแล้วนะ ง่วงชะมัด เดี๋ยวเย็นๆ แม่ต้องกลับไปออฟฟิศอีกรอบ”
ว่าแล้วแม่ก็เดินขึ้นชั้น 2 ไป ฉันรอจนมั่นใจแน่ๆ ว่าแม่จะไม่ได้ยินฉันเลยรีบถามเจมส์
“เอายาอะไรให้แม่เรากิน ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ทำไมครับ”
“เจมส์ก็น่าจะโดนสวดยับ หรือโดนบ่นอะไรทำนอนนี้”
“ไม่นะ แม่แพรวใจดีจะตาย”
“คิดแบบนั้นจริงเหรอ”
“อื้อ ก็ไม่เห็นที่เขาคุยกับเราเหรอ”
“ก็เห็น ถึงว่าแปลก ปกติไอ้กายมาบ้านนี้ทีไรถ้าได้เจอแม่นะ แม่บ่นตั้งแต่เดินเข้าบ้านยันเดินออกจากบ้านไม่รู้เอาพลังที่ไหนมาบ่นนักหนา”
“ก็นั่นมันกาย นี่คือเรา เหมือนกันซะที่ไหน”
“ก็จริงแฮะ ไปกันเถอะ ได้เวลาไปโรงเรียนจริงๆ แล้วแหละ”
“แสดงว่าทุกวันออกเวลานี้นะ”
รู้ดีจริงพ่อคุณ ฉลาดเป็นกรด อยากมอบรางวัลให้เลยเจ้าค่ะ
เมื่อฉันมาถึงโรงเรียน แน่นอนต้องมีคนแซวตั้งแต่หน้าโรงเรียนยันถึงห้องเรียน ไม่ว่าฉันจะทำอะไรคนก็มักจะแซวกันไปหมด แล้วช่วงนี้กลับบ้านพร้อมเจมส์ตลอด วันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เรามาโรงเรียนพร้อมกัน คิดกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย
“ยังจำวันแรกที่เจมส์มาได้ ว่ามึงพูดว่าอะไรนะ” กระเป๋ายังไม่ทันถึงโต๊ะฟ้าก็ส่งเสียงมาก่อนแล้ว
“เออ กูเป็นคนกลับไปกลับมา พูดแล้วคืนคำ กลืนน้ำลายตัวเอง ถ่มน้ำลายขึ้นฟ้ารดหน้า….”
“พอ พอ พอ อีนี่ กูแค่แซว ด่าตัวเองก็ได้นะมึงเนี่ย ว่าแต่คบกันยัง”
“ไม่ได้คบ”
“เอ้า ดูแลกันดีขนาดนั้น เขาไม่คบมึงก็ขอเลย”
“อีบ้า ยางอายมีบ้างสิมึง”
“ด้านได้อายก็อด”
“เผื่อ เขาไม่ได้ชอบกูล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงไอ้กายเอามันตายแน่”
“หมายความว่าไงวะ เกี่ยวอะไรกับไอ้กาย”
“ถ้าเจมส์ให้ท่ามึงขนาดนี้ แต่ไม่ได้คิดอะไรกับมึง มึงคิดว่าคนแบบไอ้กายจะปล่อยเจมส์ไว้ไหมล่ะ”
“ใครกันแน่ที่จะไม่รอด กูว่าเจมส์ต่อยเก่งอยู่นะ”
เสียเจี๊ยะปากของฟ้าดังขึ้น “ไม่ทันไรก็เข้าข้างเจมส์แล้วเหรอ มึง”
“ไม่ได้เข้าข้าง ก็กู…”
“จะบอกว่าวันนั้นที่พวกมันต่อยกันอะนะ เจมส์เลยเก่งกว่าในสายตามึง”
“ก็รู้สึกแบบนั้นนิดหนึ่ง”
“ยังไง มึงก็อย่าไปทำร้ายจิตใจไอ้กายมันมากนักล่ะ”
“กูไปทำร้ายอะไรมัน มึงบ้าปะเนี่ย”
“เออๆ ตั้งใจเรียนไปมึง ไม่เข้าใจห่าอะไรเลย”
พูดอะไรของมัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ