แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) กลับบ้าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ไม่เสียใจแน่นะ...ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกไม่นาน" กายยังคงนอนกอดฉันไว้พร้อมลูบหัวระหว่างคุยกัน ฉันจะจดจำความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับนี้ไว้ให้นานที่สุด
"อื้อ แค่อยู่ด้วยกันก็ดีมากแล้ว"
"ไม่เชื่อ...เดี๋ยวก็ได้นั่งร้องไห้อีก" กายเอานิ้วจิ้มหน้าผากฉันหนึ่งที
"เวลาเสียใจก็ต้องร้อง แต่จะเสียใจกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้บอกรักกาย"
กายขยับฉันเข้ามากอดแน่นขึ้น
"วันนี้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะ"
"คนกำลังมีความรักก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ" ถึงเสียงจะแหบและเบาแต่วันนี้ฉันรู้สึกว่ากายพูดแบบไม่หอบเลย "วันนี้นอนตรงนี้แหละ ขอนอนกอดคืนหนึ่งนะ"
"กอดแบบนี้ไปทุกคืนเลยก็ได้"
คนฟังเอาแต่ยิ้มแล้วสักพักก็ผล็อยหลับไป ฉันรู้ดีว่าเวลาเหลือไม่มากแล้วดังนั้นไม่ควรเสียเวลาโศกเศร้าอีกต่อไป ฉันควรทำให้ตัวเองและกายมีความสุขแบบนี้ถึงจะถูก
ทุกวันฉันตื่นนอนขึ้นมาพร้อมหัวใจที่เป็นกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะหมดลมหายใจ ฉันมักเอามือไปอังแถวจมูกไม่ก็สังเกตการหายใจตรงช่วงอกถ้าอีกฝ่ายยังคงหายใจเป็นปกติฉันถึงจะวางใจไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองได้
วันนี้เป็นวันที่กายต้องออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวที่บ้าน ฉันเริ่มเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านของกายและส่งไลน์บอกแม่และเจมส์เป็นที่เรียบร้อยตามคำสั่งของทั้งคู่
"ถ้าจะออกจากโรงพยาบาลช่วงไหนไลน์บอกด้วยนะครับ"
"จะออกจากโรงพยาบาลเวลาไหนบอกแม่ด้วยนะ"
เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นฉันเลยออกไปเตรียมเอกสารการออกจากโรงพยาบาลพร้อมทั้งไปรับยาตามแพทย์สั่ง เหลือไว้แค่เอกสารที่ผู้ปกครองต้องเป็นคนมาเซ็นรับรองเอง นอกเหนือจากนั้นฉันจัดการเอาไว้หมดแล้ว
"เมื่อคืนดิฉันไม่อยากจะปลุกคุณกลางดึก คุณควรทราบไว้ว่าไม่ควรขึ้นไปนอนบนเตียงกับคนไข้แบบนั้นนะคะ" ฉันโดนพยาบาลหน้าห้องเอ็ดไปหนึ่งยก
"ขอโทษค่ะ หนูเผลอหลับไป" แล้วฉันก็ยิ้มหวานใส่พยาบาล จนพยาบาลคนนั้นยืนอึ้งไป ในใจคงคิดว่า 'คนอะไรโดนบ่นแต่ก็ยังยิ้มออกอีก' ก็ในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับกายอีกแล้ว
"กาย ลุงคนขับรถไลน์มาว่าถึงแล้ว" กายพยักหน้าให้ฉัน ฉันเข็นรถเข็นของกายพาไปรอที่ประตูทางออกของโรงพยาบาล พ่อของกายถึงเวลานี้ก็ดูไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกชายคนนี้มากนักวันนี้เป็นวันที่กายต้องออกจากโรงพยาบาลยังแค่มาเซนต์เอกสารแล้วก็กลับไป ไม่คิดจะพาลูกกลับบ้านด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
"แล้ว...เมื่อไหร่แพรวจะมาหาอีก"
"ยังไงนะ" กายหมายความว่าไงนะ
"ก็...แพรวจะกลับบ้านแพรวใช่ไหมล่ะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก" อ้อ~ ลืมบอกไปสนิทเลย ว่าฉันจะไปอยู่กับนายตลอดช่วงที่ปิดเทอมเลย ฉันได้รับอนุญาตจากแม่ของฉันเป็นที่เรียบร้อยส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับทราบและยินดีให้ฉันอยู่ดูแลกายในช่วงนี้ ฉันคิดว่าถ้ากำลังใจดีปาฏิหาริย์อาจมีอยู่จริงก็ได้
"อืม..." ฉันแกล้งทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก จนทำให้อีกฝ่ายเริ่มแสดงอาการงอแง แต่ปากก็บอกว่า "ไม่เป็นไร เรา...เข้าใจ ไว้ว่างๆ ค่อย...มาก็ได้" ไม่เป็นไรของกายในตอนนี้คงกำลังแปลว่ามีปัญหาแบบสุดๆ
ฉันเลยนั่งยองๆ หน้ารถเข็น แล้วจับมือกายไว้ "งั้นขอไปอยู่ที่บ้านด้วยคนได้ไหม"
"ฮะ!!!" มีแรงตกใจได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
"ก็ตอนอยู่โรงพยาบาลฉันยังอยู่กับกายได้ทุกวันเลย ก็ขอกลับไปนอนค้างที่บ้านด้วยเลยได้ไหมล่ะ" กายที่ก้มหน้ามาฟังฉันพูดจาเอาใจก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน "ถ้าพูดเพราะๆ แล้วไม่ชิน ก็กูมึงปกติเถอะ" พอกายพูดจบก็เอามือมาขยี้หัวฉันแรงๆ แบบที่เคยทำ พอได้ยินแบบนี้ก็ทำเอาฉันอายจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย คนมันเคยกูมึงมาตลอดชีวิตพอลองพยายามพูดเพราะๆ แล้วมันออกจะขัดยังไงพิกล
"เออ ดีเหมือนกันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว" คนได้ฟังหัวเราะเบาๆ แบบชอบอกชอบใจ "คือง่ายๆ กูจะไปอยู่กับมึงที่บ้าน โอเคไหมที่รัก"
"ค่อยรื่นหูหน่อย" ใครมาได้ยินก็ว่าบ้า คุยหยาบกลับบอกรื่นหูแต่มันก็จริงสำหรับคู่เราคุยเพราะแล้วมันกระดากปากยังไงพิกล
แล้วรถของที่บ้านกายก็มาจอดหน้าโรงพยาบาลฉันค่อยพยุงกายให้ลุกออกจากรถเข็นแล้วนั่งรถกลับบ้านไปพร้อมกัน
"กลับบ้านกันครับคุณหนู"
"ไม่โผล่หัวมาเลยนะ" กายทักทายคนขับรถ
"แหม่ผมจะโผล่ไปเป็นก้างขวางคอทำไมละครับ"
"โธ่~ลุง หนูอายจริงจังแล้วนะ อย่าแซวหนูสิคะ"
"ฮ่าๆ ครับๆ ไม่แซวแล้วครับ"
ระหว่างทางที่ฉันอยู่บนรถกายเอนตัวพิงไหล่ฉันแล้วหลับตาลง ก็ไม่แน่ใจว่าหลับจริงหรืออยากพักสายตากันแน่ แต่สายตาของฉันที่มองไปยังกระจกมองหลังกลับเห็นนัยน์ตาของลุงคนขับรถแดงก่ำ ใครที่เห็นกายในตอนนี้ก็อดสงสารไม่ได้แต่เราต้องเข้มแข็งเพราะคนป่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันในตอนนี้ยังอดทนต่อความทรมานและพยายามมีชีวิตอยู่เพื่อเราทุกคน เราจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
"อื้อ แค่อยู่ด้วยกันก็ดีมากแล้ว"
"ไม่เชื่อ...เดี๋ยวก็ได้นั่งร้องไห้อีก" กายเอานิ้วจิ้มหน้าผากฉันหนึ่งที
"เวลาเสียใจก็ต้องร้อง แต่จะเสียใจกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้บอกรักกาย"
กายขยับฉันเข้ามากอดแน่นขึ้น
"วันนี้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะ"
"คนกำลังมีความรักก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ" ถึงเสียงจะแหบและเบาแต่วันนี้ฉันรู้สึกว่ากายพูดแบบไม่หอบเลย "วันนี้นอนตรงนี้แหละ ขอนอนกอดคืนหนึ่งนะ"
"กอดแบบนี้ไปทุกคืนเลยก็ได้"
คนฟังเอาแต่ยิ้มแล้วสักพักก็ผล็อยหลับไป ฉันรู้ดีว่าเวลาเหลือไม่มากแล้วดังนั้นไม่ควรเสียเวลาโศกเศร้าอีกต่อไป ฉันควรทำให้ตัวเองและกายมีความสุขแบบนี้ถึงจะถูก
ทุกวันฉันตื่นนอนขึ้นมาพร้อมหัวใจที่เป็นกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะหมดลมหายใจ ฉันมักเอามือไปอังแถวจมูกไม่ก็สังเกตการหายใจตรงช่วงอกถ้าอีกฝ่ายยังคงหายใจเป็นปกติฉันถึงจะวางใจไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองได้
วันนี้เป็นวันที่กายต้องออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวที่บ้าน ฉันเริ่มเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านของกายและส่งไลน์บอกแม่และเจมส์เป็นที่เรียบร้อยตามคำสั่งของทั้งคู่
"ถ้าจะออกจากโรงพยาบาลช่วงไหนไลน์บอกด้วยนะครับ"
"จะออกจากโรงพยาบาลเวลาไหนบอกแม่ด้วยนะ"
เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นฉันเลยออกไปเตรียมเอกสารการออกจากโรงพยาบาลพร้อมทั้งไปรับยาตามแพทย์สั่ง เหลือไว้แค่เอกสารที่ผู้ปกครองต้องเป็นคนมาเซ็นรับรองเอง นอกเหนือจากนั้นฉันจัดการเอาไว้หมดแล้ว
"เมื่อคืนดิฉันไม่อยากจะปลุกคุณกลางดึก คุณควรทราบไว้ว่าไม่ควรขึ้นไปนอนบนเตียงกับคนไข้แบบนั้นนะคะ" ฉันโดนพยาบาลหน้าห้องเอ็ดไปหนึ่งยก
"ขอโทษค่ะ หนูเผลอหลับไป" แล้วฉันก็ยิ้มหวานใส่พยาบาล จนพยาบาลคนนั้นยืนอึ้งไป ในใจคงคิดว่า 'คนอะไรโดนบ่นแต่ก็ยังยิ้มออกอีก' ก็ในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับกายอีกแล้ว
"กาย ลุงคนขับรถไลน์มาว่าถึงแล้ว" กายพยักหน้าให้ฉัน ฉันเข็นรถเข็นของกายพาไปรอที่ประตูทางออกของโรงพยาบาล พ่อของกายถึงเวลานี้ก็ดูไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกชายคนนี้มากนักวันนี้เป็นวันที่กายต้องออกจากโรงพยาบาลยังแค่มาเซนต์เอกสารแล้วก็กลับไป ไม่คิดจะพาลูกกลับบ้านด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
"แล้ว...เมื่อไหร่แพรวจะมาหาอีก"
"ยังไงนะ" กายหมายความว่าไงนะ
"ก็...แพรวจะกลับบ้านแพรวใช่ไหมล่ะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก" อ้อ~ ลืมบอกไปสนิทเลย ว่าฉันจะไปอยู่กับนายตลอดช่วงที่ปิดเทอมเลย ฉันได้รับอนุญาตจากแม่ของฉันเป็นที่เรียบร้อยส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับทราบและยินดีให้ฉันอยู่ดูแลกายในช่วงนี้ ฉันคิดว่าถ้ากำลังใจดีปาฏิหาริย์อาจมีอยู่จริงก็ได้
"อืม..." ฉันแกล้งทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก จนทำให้อีกฝ่ายเริ่มแสดงอาการงอแง แต่ปากก็บอกว่า "ไม่เป็นไร เรา...เข้าใจ ไว้ว่างๆ ค่อย...มาก็ได้" ไม่เป็นไรของกายในตอนนี้คงกำลังแปลว่ามีปัญหาแบบสุดๆ
ฉันเลยนั่งยองๆ หน้ารถเข็น แล้วจับมือกายไว้ "งั้นขอไปอยู่ที่บ้านด้วยคนได้ไหม"
"ฮะ!!!" มีแรงตกใจได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
"ก็ตอนอยู่โรงพยาบาลฉันยังอยู่กับกายได้ทุกวันเลย ก็ขอกลับไปนอนค้างที่บ้านด้วยเลยได้ไหมล่ะ" กายที่ก้มหน้ามาฟังฉันพูดจาเอาใจก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน "ถ้าพูดเพราะๆ แล้วไม่ชิน ก็กูมึงปกติเถอะ" พอกายพูดจบก็เอามือมาขยี้หัวฉันแรงๆ แบบที่เคยทำ พอได้ยินแบบนี้ก็ทำเอาฉันอายจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย คนมันเคยกูมึงมาตลอดชีวิตพอลองพยายามพูดเพราะๆ แล้วมันออกจะขัดยังไงพิกล
"เออ ดีเหมือนกันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว" คนได้ฟังหัวเราะเบาๆ แบบชอบอกชอบใจ "คือง่ายๆ กูจะไปอยู่กับมึงที่บ้าน โอเคไหมที่รัก"
"ค่อยรื่นหูหน่อย" ใครมาได้ยินก็ว่าบ้า คุยหยาบกลับบอกรื่นหูแต่มันก็จริงสำหรับคู่เราคุยเพราะแล้วมันกระดากปากยังไงพิกล
แล้วรถของที่บ้านกายก็มาจอดหน้าโรงพยาบาลฉันค่อยพยุงกายให้ลุกออกจากรถเข็นแล้วนั่งรถกลับบ้านไปพร้อมกัน
"กลับบ้านกันครับคุณหนู"
"ไม่โผล่หัวมาเลยนะ" กายทักทายคนขับรถ
"แหม่ผมจะโผล่ไปเป็นก้างขวางคอทำไมละครับ"
"โธ่~ลุง หนูอายจริงจังแล้วนะ อย่าแซวหนูสิคะ"
"ฮ่าๆ ครับๆ ไม่แซวแล้วครับ"
ระหว่างทางที่ฉันอยู่บนรถกายเอนตัวพิงไหล่ฉันแล้วหลับตาลง ก็ไม่แน่ใจว่าหลับจริงหรืออยากพักสายตากันแน่ แต่สายตาของฉันที่มองไปยังกระจกมองหลังกลับเห็นนัยน์ตาของลุงคนขับรถแดงก่ำ ใครที่เห็นกายในตอนนี้ก็อดสงสารไม่ได้แต่เราต้องเข้มแข็งเพราะคนป่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันในตอนนี้ยังอดทนต่อความทรมานและพยายามมีชีวิตอยู่เพื่อเราทุกคน เราจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ