แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) นักเรียนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความม.5 เทอม 2 ณ โรงอาหารของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านกลางกรุง
"ไอ้แพรว วันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่ด้วย" ฟ้าเพื่อนสนิทของฉันที่เก่งวิชาสังคมที่สุด (ว่าง่ายๆ ก็คือเผือกเรื่องชาวบ้านเก่งเป็นที่หนึ่งนั่นแหละ) คาบข่าวมาบอกโดยไว ด้วยความที่คุณเพื่อนสนิทคนนี้นางเป็นสายเอนเตอร์เทรน คงไม่แปลกที่จะดีใจเวลามีนักเรียนใหม่เข้ามา แต่จะว่าไปตั้งแต่ ขึ้น ม.4 มาเราก็ไม่มีนักเรียนเข้าใหม่อีกเลย
-นั่นสิ แล้วใครจะอยากอยู่ โรงเรียนแบบนี้กัน-
โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนใจกลางเมืองที่คนรู้จักน้อยมากทั้งที่ตั้งอยู่ติดถนน เพราะป้ายโรงเรียนอยู่ลึกเกินกว่าคนผ่านไปมาจะสังเกตเห็น ถ้าจะให้พูดถึงคุณภาพของโรงเรียนนี้ บอกได้เลยว่า…ห่วยแตก โรงเรียนของเรารับเด็กใหม่โดยพิจารณาจากราคาที่จ่าย จ่ายหนักก็เข้าง่าย จ่ายน้อยก็เข้ายากหน่อย คนจ่ายหนักถึงจะมาวันสุดท้ายของภาคเรียน ที่นี่ก็ทำให้เด็กคนนั้นเหมือนว่ามีตัวตนมาตลอดทั้งเทอมได้ (ดีที่ฉันเป็นเด็กทุน เลยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายของที่นี่แต่ก็ต้องทำกิจกรรมสารพัดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน) ส่วนเด็กใหม่ๆ ถ้ามีปัญหาจากโรงเรียนไหนมา โรงเรียนเรารับหมดถ้าเงินถึง รับมาแล้วใช่ว่าจะอบรมให้นิสัยดีขึ้น แต่เปล่าเลยทำให้เด็กพวกนั้นเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้เด็กเรียนอย่างฉันต้องคอยสู้รบอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายโรงเรียนนี้มีแต่นักเลง ห้องเรียนที่ฉันอยู่ปัจจุบันก็วุ่นวายพอตัวอยู่แล้วดันมีนักเรียนมาเพิ่มทั้งที่ตอนนี้คือกลางเทอมของเทอมสอง ฉันว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ โดนไล่ออกมาชัวร์ ยังไงขออยู่ให้ห่างจากพวกนี้ดีกว่า
"มึง~ โคตรหล่อ ขาว สูง โอ๊ยกูตาย กูตายตรงนี้เลย"
"แล้วไง มาเข้าเอาเทอม 2 ใครเขาทำกัน"
กายเพื่อนสนิทที่คบกันมาสิบปี นอนหนุนกระเป๋าอยู่ข้างๆ ฉันขยับตัวเล็กน้อย ทำท่าทางเหมือนกับว่าฉันไปรบกวนการนอนของมันยังไงยังงั้น
"โหย~ มันจะเป็นอะไรมาก็ช่าง กูให้อภัยทุกกรณี หล่อขนาดนี้กูไปดูแลก่อนนะ"
"แล้วแต่มึงเลยที่รัก กูจะทำการบ้าน หรือวันนี้มึงจะไม่ลอกการบ้านกูแล้ว ชวนกูคุยอยู่ได้"
"ลอกสิ โธ่ อีเด็กเรียนเดี๋ยวกูไปส่องผู้ แป๊บ เดี๋ยวมา"
"เดี๋ยวนี้มึงเห็นผู้ชายดีกว่ากูหรอก"
“ไม่ใช่ มึงเข้าใจกูผิดละ กูเห็นผู้ชายดีกว่ามึงมาโดยตลอด” พูดแล้วมันก็วิ่งหนีออกไปไวปานความเร็วแสง
“อีฟ้า มึงอย่าหนีสิวะ” เป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่าวะเนี่ย
“โอ๊ย~ เสียงดังจริงวุ้ย กูไปนอนที่อื่นก็ได้ แพรวเอานี่ไป แล้วเอาเข้าห้องให้กูด้วย”
“ภาระกูจริงๆ เลยมึง เอะอะก็ให้กูถือกระเป๋าให้เป็นผู้ชายซะเปล่า”
“กระเป๋ากู ไม่มีเชี่ย~อะไรเลยนะครับ เบาจะตายถือเข้าห้องให้กูด้วย” (โถ่ ถ้าจะเชี่ยใส่กู ไม่ต้องนะครับก็ได้ปะวะ)
“ถือเข้าห้องให้กูที แล้วนั่นเครื่องเขียน ซื้อมาให้ บ่นว่าเครื่องเขียนไม่พอใช้ไม่ใช่หรอ เปิดดูเอาว่าพอใช้ไหม” คนพูด พูดจบแล้วก็เดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่แท้จริงแล้วแค่แกล้งเดินออกไปอย่างนั้นเพื่อจะแอบหันกลับมามองอาการของผู้ได้รับว่าจะเป็นอย่างไร
เชอะ มองเราเป็นคนเห็นแก่ของเล็กน้อยพวกนี้ไปได้ ซื้ออะไรมาละเนี่ย...เซตปากกาสี my colour โอ๊ย~ กูรักมึงล้านเปอร์เซ็นต์ แค่บ่นว่าอยากมึงก็จัดมาเซตใหญ่ให้เลยเหรอเนี่ย โอ๊ย~ อยากจะกรีดร้องออกไปแค่ไหนแต่ก็ต้องข่มใจ ท่องไว้ภาพพจน์ค่ะ ภาพพจน์
เมื่อผู้ให้เห็นอาการของผู้รับที่ดีใจแต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ ก็อดใจไม่ได้ที่จะย้อนกลับมากวนประสาทอีกสักหน่อย “แล้วไปตั้งใจทำการบ้าน กับสรุปสวยๆ ให้กูลอกด้วยล่ะ กูไปละ”
นึกว่าไปแล้วซะอีก มันจะเห็นตอนเราดีใจไหมนะ แล้วกายก็โดดคาบเช้าอีกตามเคย เทอมนี้ผลสอบจะผ่านไหมเนี่ย
ผ่านไป 10 นาที ฉันก็แก้โจทย์คณิตอันแสนยากจนเสร็จ บางทีก็ไม่แน่ใจว่าอาจารย์แกกะว่าตั้งโจทย์ให้ชาตินี้ แก้ออกอีกทีชาติหน้าหรือไง ก็รู้อยู่ว่าโรงเรียนเรามีเด็กเรียนหนังสือน้อยมากชนิดที่ว่านับนิ้วมือยังเหลือ ให้การบ้านยากๆ ก็ลำบากฉันทำให้เพื่อนลอกอีก
เข้าฤดูหนาวแล้ว มีลมโชยอ่อน พัดกระทบตัวเบาๆ โรงอาหารที่เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน ทำให้ลมพัดผ่านได้รอบ บรรยากาศเวลานี้ชวนนอนอย่างที่สุด ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบิดขี้เกียจพร้อมสูดลมหายใจรับความสดชื่นให้เต็มปอดสักหน่อย
"สวัสดีครับ เราชื่อเจมส์พึ่งมาวันนี้เป็นวันแรก เธอชื่ออะไร" เจมส์นักเรียนใหม่ทักฉันจากข้างหลังจนฉันสะดุ้งเฮือก ขนลุกไปทั้งตัว ด้วยความที่เจ้าตัวเอาหน้าเข้ามาใกล้มากซะจนอีกนิดเดียวหน้าก็จะชนกันแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วมาอยู่นี่ได้ไง ไหนไอ้ฟ้าบอกว่าจะไปหานักเรียนใหม่ นักเรียนใหม่ก็อยู่นี่ แล้วตอนนี้มันไปหาใครวะ
"โอ๊ย ตกใจหมด มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉันพูดเสียงดังกึ่งตวาดเพราะเริ่มหงุดหงิดที่มาขัดขวางการทอดอารมณ์ของฉัน แต่ฉันกลับได้รับรอยยิ้มละลายใจกลับมา จนฉันเองต้องคลายหงุดหงิดและเปลี่ยนเป็นเขินแทน
เพอร์เฟคจริงๆ หน้าได้รูป ดั้งโด่งเป็นสัน ผิวขาว ตัวสูง โอ๊ยเอาอะไรมาเป็นนักเลงก่อนฉันต้องคาดการณ์ผิดไปแน่ หล่อกว่ากายอีก เราจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วมั้ง ไม่ได้สิเราต้องห้ามไว้ใจใคร โดยเฉพาะ บุรุษหน้าหล่อ เขาอาจจะไม่ใช่คนดี ตั้งสติโว้ยแพรว อย่าให้ความหล่อมันมาทำให้เราไขว้เขว
"มีอะไรเหรอ" คนฟังยื่นหน้ามาใกล้ โอ๊ยฉันเหลือแต่กายหยาบแล้ว
"อ๋อ... เปล่า...เอ่อ คือ ชื่อ แพรว" โอ๊ยปกติฉันเป็นคนพูดชัดถ้อยชัดคำเสมอเพราะเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียน เจอตานี่เข้าไป จากพูดเก่ง อยู่ๆ ฉันก็เหมือนคนโดนตัดลิ้นซะอย่างงั้น
"ครับ" อย่ายิ้ม อย่ายิ้มอีกนะได้โปรด โอ๊ยไอ้บ้าเอ๊ย หน้าชั้นร้อนไปหมดแล้ว หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ยิ้มหวานก่อนหันหลังเดินไปที่ลานหน้าเสาธง มาถามแค่เนี่ย มายิ้มให้ฉันละลายและตายอย่างสงบ แล้วก็จากไป แบบนี้เนี่ยนะ
ว่าแต่ทำไมสุภาพขนาดนี้ มันผิดกับนักเรียนคนอื่นที่โรงเรียนนี้รับเข้ามากลางเทอมมาก ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่ๆ
“แพรว…”
“...”
“ไอ้แพรว…”
“...”
“อี…พะ..”
“เดี๋ยวกูตบ”
“เหม่ออะไรคะ เพื่อน แหม่ผู้มาคุยด้วยหน่อย เหม่อเลยนะมึง”
“โอ๊ย มึงนิ”
“เห็นหน้าเงียบๆ ฟาดเรียบนะคะ ทำไมเด็กใหม่เข้ามาก็ต้องเข้าหามึงทุกคนเลยวะ”
“ก็กู ประธานนักเรียน ไม่เห็นป้ายที่คอกูหรือไง เขาจะเข้ามาถามก็ไม่แปลก”
“อ้อ เออกูลืม ว่ามึงคือเด็กดี ขวัญใจคนภายนอกที่ไม่รู้ว่าจริงๆ มึงแสบแค่ไหน ละเมื่อกี้ พ่อเทพบุตรกู ถามอะไรมึงวะ เผลอแป๊บเดี๋ยวหนีกูมาอยู่กับมึงเฉย”
ชายใดเจอมึงก็ต้องหนีทุกรายแหละ ก็มึงเล่นจะเขมือบ ผู้ชายทุกคนที่หล่อหมดเลย
“ชื่ออะไร”
“เอ้า กูก็ฟ้าไงเพื่อนมึงเอง กูไปแป๊บเดียวลืมกูซะงั้น”
“โอ๊ย~ เขาถามกูว่ากู ชื่อ...อะไร... กูบอกให้มึงกินปลาก็หัดกินบ้างจะได้ฉลาด”
“ปากมึงก็แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นถึงประธานนักเรียน แล้วมาแค่ถามชื่อมึงอะนะ มันแอบคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าวะ”
“อย่าชง กูขอร้อง กูอยากอยู่อย่างสงบ จบนะ ละตำแหน่งประธานนักเรียนถ้าไม่ใช่เพราะมึงไปแอบลงชื่อให้กู กูจะตกในสภาพนี้ไหม งานเยอะฉิบหาย”
“กูกลัวมึงเหงา เห็นเรียนแต่หนังสือ”
“โว้ย~ หงุดหงิด”
“หงุดหงิดเด็กใหม่?”
“มึงนั่นแหละ”
“อุ๊ปส์”
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันหน้าที่ประธานนักเรียนคือการรับผิดชอบกิจกรรมหน้าเสาธงทั้งหมด ฉันยืนอยู่บนเวทีกลางแจ้งนำเคารพธงชาติ นำสวดมนต์ นำกล่าวคำปฏิญาณตน
“พวกเราเป็นไทย อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะเรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งบรรพบุรุษของเรา ...” ร้อนชะมัดสาบานว่านี่คืออากาศหน้าหนาวเย็นสบายได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วตอนนี้แดดมาจากไหนก่อน ช่วงกิจกรรมหน้าเสาธงอันยาวนานที่นักเรียนทุกคนรวมถึงฉันต้องยืนกลางแจ้ง แต่ครูกลับหนีหลบร่มกันหมดเห็นแบบนี้แล้วก็อดเคืองไม่ได้
ช่วงเวลาที่ยืนอยู่บนเวที ฉันจะมองเห็นภาพมุมกว้างของนักเรียนทั้งหมดที่ยืนเข้าแถวที่สนาม แต่ละคนยืนก้มหน้าหลบแดดร้อน ไม่ก็ยุกยิกคุยกันในแถว ยกเว้นแต่สายตาคู่หนึ่งที่จ้องฉันอยู่ตลอดเวลา เจมส์นั่นเอง เรียกได้ว่ามีสายตาแค่คู่เดียวที่จ้องมายังฉันตอนนี้เลยก็ว่าได้
กิจกรรมยังไม่จบแค่นี้เพราะต้องร้องเพลงปลุกใจอีก 1 เพลง เสียงแหลมของนักร้องวงสุนทราภรณ์ขึ้นเมื่อไหร่จะได้เห็นสีหน้าเหยเก ของนักเรียนหลายๆ คน หลังจากนั้นอาจารย์จะขึ้นมากล่าวโอวาทประจำวัน ฉันว่าอาจารย์คงเหงาแหละถึงได้มีเรื่องมาคุยกับเด็กไม่เว้นแต่ละวัน ที่สำคัญคือในเมื่ออาจารย์อยากจะกล่าวโอวาท ยาวๆ ทำไมไม่มายืนกล่าวกลางแดดด้วยกันเล่า!!! ไปยืนหลบร่มกันทำไม เอาเปรียบกันชะมัด เมื่อพิธีกรรมช่วงเช้าจบสิ้นนักเรียนทั้งหมดก็ทยอยเดินเข้าห้องเรียน
ไม่รู้โรงเรียนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แต่โรงเรียนของฉันมีชั่วโมงรักการอ่านซึ่งมันจะเกิดขึ้นทุกวันหลังเข้าแถวเสร็จ โดยมีเสียงตามสายเปิดเพลงชวนง่วง เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่านี่คือช่วงเวลาอ่านหนังสือนอกเวลา ซึ่งไม่มีอยู่จริง เราไม่ได้อ่านหนังสือที่อยากจะอ่าน เพราะครูห้องภาษาไทยจะเป็นคนจัดพิมพ์เอกสาร 2 หน้ากระดาษ A4 เพื่อให้เราอ่านและสรุปความ ซึ่งบทความในวันนี้คือ
‘กระเป๋าเล็ก กระเป๋าใหญ่’ บทความอะไรกันคะเนี่ย แต่ก็ต้องอ่านสินะ ฉันมองไปที่คนรอบข้างซึ่งทุกคนนอนหลับกันหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจมส์เด็กใหม่
เกิดคดีความฟ้องร้องต่อศาล
ชายเหี้ยมหาญฮึกสยบตบผู้หญิง
สอบปากคำจำเลยเผยความจริง
เหตุผลติงสำนวนต่อน่าพอใจ
พิจารณาสรุปความคำถามสุดท้าย
จำเลยชายต้องตอบคำถามใหม่
"คุณเป็นชายแล้วไปตบหล่อนทำไม
เหตุผลใดให้การมาอย่าโมเม"
ชายเหลือบดูคู่กรณีเห็นทีหยิ่ง
แล้วให้การตามจริงไม่หันเห
ผมเจอหล่อนที่ป้ายรถเมล์
ยืนหน้าเบ้บุญไม่รับอัประมาณ
ขึ้นรถเมล์คันเดียวกันมันงี่เง่า
พอกระเป๋าเขามาเก็บค่าโดยสาร
เธอสำแดงเดชบอกออกอาการ
สุดทนทานนั่งข้างเธอ ผมเผลอไป
-ก็นั่งมาด้วยกันตบกันทำไมวะ เฮ้อ~ อ่านต่อก็ได้-
เธอเปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
หยิบแบงก์จากกระเป๋าเล็กในทันใด
แล้วเปิดกระเป๋าใหญ่ในทันที
เธอปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
ส่งเงินให้เด็กกระเป๋าขมันขมี
พลางปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรี
ครั้นรับตั๋วทันทีเธอฉับไว
เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
-เดี๋ยวนะ จะให้สรุปไอ้นี่จริงดิ ทั้งตอนมีแต่กระเป๋าใหญ่ กับกระเป๋าเล็ก นี่ครูไปคัดลอกมาจากเว็บไหน ได้อ่านก่อนเอามาวางให้เด็กสรุปไหมเนี่ย หัวจะปวด อ่านต่อไปก่อนก็ได้วะ-
เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
เอาตั๋วใส่กระเป๋าเล็กอย่างเร็วไว
แล้วเธอปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอช้า
ปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
แล้วก็ปิดกระเป๋าใหญ่อย่างแน่นหนา
.....
-โอ๊ย~ สรุปอีนางมีกระเป๋า 2 ใบ หรือใบเดียว หรือมีหลายใบวะ ชักงง-
ครั้นนายตรวจขึ้นมาหาช้าไม่
เธอเปิดกระเป๋าใหญ่หยิบกระเป๋าเล็กหน้าตาเฉย
ปิดกระเป๋าใหญ่เปิดกระเป๋าเล็กไม่ช้าเลย
หยิบตั๋วเผยให้นายตรวจได้ตรวจตรา
แล้วปิดกระเป๋าเล็กก่อนเปิดกระเป๋าใหญ่
ใส่กระเป๋าเล็กลงไปไม่กังขา
แล้วเธอเปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรา
พอรับตั๋วกลับมามิช้าใย
-เอาเวลา 5 นาทีกูคืนมา...-
ตุลาการนั่งฟังความตามคดี
บอก "หยุดทีฟังแล้วน่าเวียนหัว " -เออ เวียนหัวด้วย แล้วเราจะอินตามมันทำไมวะเนี่ย-
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ดูพันพัว
น่าเวียนหัวพัลวันพอกันที"
จำเลยชายได้จังหวะจึงฉะฉาน
"ข้าแต่ศาลที่เคารพคิดดูถี"
ท่านเพียงฟังยังเวียนหัวถึงเพียงนี้
แล้วผมนี่นั่งข้างหล่อนจะทนไย"
ตุลาการพินิจถึงต้นเหตุ
พิจารณาพิเศษเห็นสมควรจะตบได้" -เออดีๆ เป็นกู กูก็ตบค่ะ-
จึงยกฟ้องปลดปล่อยจำเลยไป
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่พอกันที
จบแล้วแต่หาสาระไม่ได้เลย นี่จะเน้นเอาฮาหรือไง แล้วจะเอาอะไรไปสรุปคะครู ครูหาบทความแบบนี้ไม่ได้สิ โอ๊ยฉันจะบ้าตายกับครูภาษาไทย
“รักการอ่านต้องทำยังไงหรือครับ” อยากจะถามต้นเสียงนั้นกลับไปจริงๆ ว่าอ่านหรือยัง...ไปอ่านก่อนไหม ใครจะไปสรุปไหวฟะ อะไรก็ไม่รู้กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ มั่วไปหมด พอฉันหันไปหาเจมส์เท่านั้นแหละ
เฮือก~ เจมส์เอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันมาก ใกล้มากๆ ใกล้จนรู้สึกลมหายใจอยู่แถวต้นคอเลย
“ไม่ต้องใกล้มากก็ได้” ฉันกดเสียงต่ำพร้อมกัดฟันไปพูดไป
“แล้วรักการอ่านต้องทำยังไงเหรอ ทำไม่เป็น”
“เนี่ย เวลาครูสอนก็เอาแต่นอน ฟังครูบ้างสิ” เฉไฉไปงั้น ใจจริงอยากจะฉีกรักการอ่านวันนี้ทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย สรุปไม่เป็นโว้ย~
“ครับ” ยิ้มตาปิดอีกแล้ว
“โว้ย~ แม่เจ้าโว้ยเด็กใหม่คิดจีบประธานนักเรียนสุดฮอตของเราเลยหรอวะ”
“พอเลยไอ้กาย” ฉันรีบห้ามทัพ นอกจากกายจะมีตำแหน่งเป็นเพื่อนเก่าแก่ของฉัน มันยังเป็นหัวโจกของโรงเรียนนี้ เวลาฉันกับกายอยู่ด้วยกันครูทุกคนต่างลงความเห็นว่า เราสองคนคือคู่ดีสุดขั้วกับชั่วสุดขีด มันกวนประสาทครูทุกคน ตั้งตนเป็นศาลเตี้ย ใครมีปัญหานี่ก็ต้องรีบแจ้นไปหาเรื่อง เอ๊ย! ไปช่วยเขาทุกเรื่อง (นิยามง่ายๆ เผือก) ที่น่ารำคาญคือใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉัน ไอ้กายมันจะตามรังควาน (ฉัน) ไม่เลิก นี่แหละสาเหตุหลักที่ฉันยังโสดสนิท
“ทำไมวะ แหม่ปล่อยนิดปล่อยหน่อย อ่อยผู้ชายเหรอมึง”
“มึงนิ…” ฟิ้วว…ผลัวะ สมุดที่ฉันกำลังจะอธิบายให้เจมส์ฟังเรื่องรักการอ่าน ก็ลอยไปฟาดหัวไอ้กายเป็นที่เรียบร้อย
“ไอ้แพรว กูเจ็บนะ”
“เดินเอามาคืน กู ด้วย!!!” องค์แม่ลงโดยไม่สนใจพ่อหนุ่มหน้ามนที่ยืนข้างๆ ฉันซึ่งตอนนี้ตาค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ใจก็อยากจะหันไปถามอาการ แต่ขอจัดการกับไอ้กายก่อน
“กู...ไม่...ให้...อยากได้มึงก็เดินมาสิ” แบบนี้แสดงว่าอยากลองของ
“ได้ เดี๋ยวมึงเจอกูกาย เจมส์ เดี๋ยวค่อยมาเล่าเรื่องรักการอ่านให้ฟังนะ ตอนนี้รักตัวเองไปก่อนเนอะ ไอ้กายมึงตาย!!!!!”
แล้วฉันก็สวมวิญญาณ ศิษย์วัดเส้าหลิน เดินเหยียบโต๊ะที่วางอยู่ข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วเพราะทำเป็นประจำแต่ครูไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ก่อนจะล๊อคคอไอ้กายจากข้างหลัง และดึงหูอย่างแรง
“โอ๊ย กูเจ็บ… พอก่อนมึงเดี๋ยวหูกูก็ขาดพอดี”
“โอ๊ย กัดกันดีจริงๆ คู่นี้ อย่าให้เห็นว่ารักกันทีหลังนะมึง” เสียงพวกผู้ชายในห้องร้องตะโกนแซว เว้นแต่ว่ามันไม่เข้าหูฉันสักนิด มีแต่คำตอบของกายเท่านั้นที่กระแทกหูฉันเข้าอย่างจัง “ต่อให้คนโลกทั้งโลกอยู่กันครบ คนเดียวที่กูจะเลือกก็คือไอ้แพรว”
ฉันผู้ที่โดนสายตาของคนทั้งห้องจ้องเป็นตาเดียว กึก! ร่างกายฉันเหมือนโดนสต๊าฟเอาไว้ และปล่อยมือที่ดึงหูมันทันที
"ไอ้แพรว วันนี้มีนักเรียนเข้าใหม่ด้วย" ฟ้าเพื่อนสนิทของฉันที่เก่งวิชาสังคมที่สุด (ว่าง่ายๆ ก็คือเผือกเรื่องชาวบ้านเก่งเป็นที่หนึ่งนั่นแหละ) คาบข่าวมาบอกโดยไว ด้วยความที่คุณเพื่อนสนิทคนนี้นางเป็นสายเอนเตอร์เทรน คงไม่แปลกที่จะดีใจเวลามีนักเรียนใหม่เข้ามา แต่จะว่าไปตั้งแต่ ขึ้น ม.4 มาเราก็ไม่มีนักเรียนเข้าใหม่อีกเลย
-นั่นสิ แล้วใครจะอยากอยู่ โรงเรียนแบบนี้กัน-
โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนใจกลางเมืองที่คนรู้จักน้อยมากทั้งที่ตั้งอยู่ติดถนน เพราะป้ายโรงเรียนอยู่ลึกเกินกว่าคนผ่านไปมาจะสังเกตเห็น ถ้าจะให้พูดถึงคุณภาพของโรงเรียนนี้ บอกได้เลยว่า…ห่วยแตก โรงเรียนของเรารับเด็กใหม่โดยพิจารณาจากราคาที่จ่าย จ่ายหนักก็เข้าง่าย จ่ายน้อยก็เข้ายากหน่อย คนจ่ายหนักถึงจะมาวันสุดท้ายของภาคเรียน ที่นี่ก็ทำให้เด็กคนนั้นเหมือนว่ามีตัวตนมาตลอดทั้งเทอมได้ (ดีที่ฉันเป็นเด็กทุน เลยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายของที่นี่แต่ก็ต้องทำกิจกรรมสารพัดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน) ส่วนเด็กใหม่ๆ ถ้ามีปัญหาจากโรงเรียนไหนมา โรงเรียนเรารับหมดถ้าเงินถึง รับมาแล้วใช่ว่าจะอบรมให้นิสัยดีขึ้น แต่เปล่าเลยทำให้เด็กพวกนั้นเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้เด็กเรียนอย่างฉันต้องคอยสู้รบอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายโรงเรียนนี้มีแต่นักเลง ห้องเรียนที่ฉันอยู่ปัจจุบันก็วุ่นวายพอตัวอยู่แล้วดันมีนักเรียนมาเพิ่มทั้งที่ตอนนี้คือกลางเทอมของเทอมสอง ฉันว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ โดนไล่ออกมาชัวร์ ยังไงขออยู่ให้ห่างจากพวกนี้ดีกว่า
"มึง~ โคตรหล่อ ขาว สูง โอ๊ยกูตาย กูตายตรงนี้เลย"
"แล้วไง มาเข้าเอาเทอม 2 ใครเขาทำกัน"
กายเพื่อนสนิทที่คบกันมาสิบปี นอนหนุนกระเป๋าอยู่ข้างๆ ฉันขยับตัวเล็กน้อย ทำท่าทางเหมือนกับว่าฉันไปรบกวนการนอนของมันยังไงยังงั้น
"โหย~ มันจะเป็นอะไรมาก็ช่าง กูให้อภัยทุกกรณี หล่อขนาดนี้กูไปดูแลก่อนนะ"
"แล้วแต่มึงเลยที่รัก กูจะทำการบ้าน หรือวันนี้มึงจะไม่ลอกการบ้านกูแล้ว ชวนกูคุยอยู่ได้"
"ลอกสิ โธ่ อีเด็กเรียนเดี๋ยวกูไปส่องผู้ แป๊บ เดี๋ยวมา"
"เดี๋ยวนี้มึงเห็นผู้ชายดีกว่ากูหรอก"
“ไม่ใช่ มึงเข้าใจกูผิดละ กูเห็นผู้ชายดีกว่ามึงมาโดยตลอด” พูดแล้วมันก็วิ่งหนีออกไปไวปานความเร็วแสง
“อีฟ้า มึงอย่าหนีสิวะ” เป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่าวะเนี่ย
“โอ๊ย~ เสียงดังจริงวุ้ย กูไปนอนที่อื่นก็ได้ แพรวเอานี่ไป แล้วเอาเข้าห้องให้กูด้วย”
“ภาระกูจริงๆ เลยมึง เอะอะก็ให้กูถือกระเป๋าให้เป็นผู้ชายซะเปล่า”
“กระเป๋ากู ไม่มีเชี่ย~อะไรเลยนะครับ เบาจะตายถือเข้าห้องให้กูด้วย” (โถ่ ถ้าจะเชี่ยใส่กู ไม่ต้องนะครับก็ได้ปะวะ)
“ถือเข้าห้องให้กูที แล้วนั่นเครื่องเขียน ซื้อมาให้ บ่นว่าเครื่องเขียนไม่พอใช้ไม่ใช่หรอ เปิดดูเอาว่าพอใช้ไหม” คนพูด พูดจบแล้วก็เดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่แท้จริงแล้วแค่แกล้งเดินออกไปอย่างนั้นเพื่อจะแอบหันกลับมามองอาการของผู้ได้รับว่าจะเป็นอย่างไร
เชอะ มองเราเป็นคนเห็นแก่ของเล็กน้อยพวกนี้ไปได้ ซื้ออะไรมาละเนี่ย...เซตปากกาสี my colour โอ๊ย~ กูรักมึงล้านเปอร์เซ็นต์ แค่บ่นว่าอยากมึงก็จัดมาเซตใหญ่ให้เลยเหรอเนี่ย โอ๊ย~ อยากจะกรีดร้องออกไปแค่ไหนแต่ก็ต้องข่มใจ ท่องไว้ภาพพจน์ค่ะ ภาพพจน์
เมื่อผู้ให้เห็นอาการของผู้รับที่ดีใจแต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ ก็อดใจไม่ได้ที่จะย้อนกลับมากวนประสาทอีกสักหน่อย “แล้วไปตั้งใจทำการบ้าน กับสรุปสวยๆ ให้กูลอกด้วยล่ะ กูไปละ”
นึกว่าไปแล้วซะอีก มันจะเห็นตอนเราดีใจไหมนะ แล้วกายก็โดดคาบเช้าอีกตามเคย เทอมนี้ผลสอบจะผ่านไหมเนี่ย
ผ่านไป 10 นาที ฉันก็แก้โจทย์คณิตอันแสนยากจนเสร็จ บางทีก็ไม่แน่ใจว่าอาจารย์แกกะว่าตั้งโจทย์ให้ชาตินี้ แก้ออกอีกทีชาติหน้าหรือไง ก็รู้อยู่ว่าโรงเรียนเรามีเด็กเรียนหนังสือน้อยมากชนิดที่ว่านับนิ้วมือยังเหลือ ให้การบ้านยากๆ ก็ลำบากฉันทำให้เพื่อนลอกอีก
เข้าฤดูหนาวแล้ว มีลมโชยอ่อน พัดกระทบตัวเบาๆ โรงอาหารที่เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน ทำให้ลมพัดผ่านได้รอบ บรรยากาศเวลานี้ชวนนอนอย่างที่สุด ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบิดขี้เกียจพร้อมสูดลมหายใจรับความสดชื่นให้เต็มปอดสักหน่อย
"สวัสดีครับ เราชื่อเจมส์พึ่งมาวันนี้เป็นวันแรก เธอชื่ออะไร" เจมส์นักเรียนใหม่ทักฉันจากข้างหลังจนฉันสะดุ้งเฮือก ขนลุกไปทั้งตัว ด้วยความที่เจ้าตัวเอาหน้าเข้ามาใกล้มากซะจนอีกนิดเดียวหน้าก็จะชนกันแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วมาอยู่นี่ได้ไง ไหนไอ้ฟ้าบอกว่าจะไปหานักเรียนใหม่ นักเรียนใหม่ก็อยู่นี่ แล้วตอนนี้มันไปหาใครวะ
"โอ๊ย ตกใจหมด มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉันพูดเสียงดังกึ่งตวาดเพราะเริ่มหงุดหงิดที่มาขัดขวางการทอดอารมณ์ของฉัน แต่ฉันกลับได้รับรอยยิ้มละลายใจกลับมา จนฉันเองต้องคลายหงุดหงิดและเปลี่ยนเป็นเขินแทน
เพอร์เฟคจริงๆ หน้าได้รูป ดั้งโด่งเป็นสัน ผิวขาว ตัวสูง โอ๊ยเอาอะไรมาเป็นนักเลงก่อนฉันต้องคาดการณ์ผิดไปแน่ หล่อกว่ากายอีก เราจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วมั้ง ไม่ได้สิเราต้องห้ามไว้ใจใคร โดยเฉพาะ บุรุษหน้าหล่อ เขาอาจจะไม่ใช่คนดี ตั้งสติโว้ยแพรว อย่าให้ความหล่อมันมาทำให้เราไขว้เขว
"มีอะไรเหรอ" คนฟังยื่นหน้ามาใกล้ โอ๊ยฉันเหลือแต่กายหยาบแล้ว
"อ๋อ... เปล่า...เอ่อ คือ ชื่อ แพรว" โอ๊ยปกติฉันเป็นคนพูดชัดถ้อยชัดคำเสมอเพราะเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียน เจอตานี่เข้าไป จากพูดเก่ง อยู่ๆ ฉันก็เหมือนคนโดนตัดลิ้นซะอย่างงั้น
"ครับ" อย่ายิ้ม อย่ายิ้มอีกนะได้โปรด โอ๊ยไอ้บ้าเอ๊ย หน้าชั้นร้อนไปหมดแล้ว หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ยิ้มหวานก่อนหันหลังเดินไปที่ลานหน้าเสาธง มาถามแค่เนี่ย มายิ้มให้ฉันละลายและตายอย่างสงบ แล้วก็จากไป แบบนี้เนี่ยนะ
ว่าแต่ทำไมสุภาพขนาดนี้ มันผิดกับนักเรียนคนอื่นที่โรงเรียนนี้รับเข้ามากลางเทอมมาก ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่ๆ
“แพรว…”
“...”
“ไอ้แพรว…”
“...”
“อี…พะ..”
“เดี๋ยวกูตบ”
“เหม่ออะไรคะ เพื่อน แหม่ผู้มาคุยด้วยหน่อย เหม่อเลยนะมึง”
“โอ๊ย มึงนิ”
“เห็นหน้าเงียบๆ ฟาดเรียบนะคะ ทำไมเด็กใหม่เข้ามาก็ต้องเข้าหามึงทุกคนเลยวะ”
“ก็กู ประธานนักเรียน ไม่เห็นป้ายที่คอกูหรือไง เขาจะเข้ามาถามก็ไม่แปลก”
“อ้อ เออกูลืม ว่ามึงคือเด็กดี ขวัญใจคนภายนอกที่ไม่รู้ว่าจริงๆ มึงแสบแค่ไหน ละเมื่อกี้ พ่อเทพบุตรกู ถามอะไรมึงวะ เผลอแป๊บเดี๋ยวหนีกูมาอยู่กับมึงเฉย”
ชายใดเจอมึงก็ต้องหนีทุกรายแหละ ก็มึงเล่นจะเขมือบ ผู้ชายทุกคนที่หล่อหมดเลย
“ชื่ออะไร”
“เอ้า กูก็ฟ้าไงเพื่อนมึงเอง กูไปแป๊บเดียวลืมกูซะงั้น”
“โอ๊ย~ เขาถามกูว่ากู ชื่อ...อะไร... กูบอกให้มึงกินปลาก็หัดกินบ้างจะได้ฉลาด”
“ปากมึงก็แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นถึงประธานนักเรียน แล้วมาแค่ถามชื่อมึงอะนะ มันแอบคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าวะ”
“อย่าชง กูขอร้อง กูอยากอยู่อย่างสงบ จบนะ ละตำแหน่งประธานนักเรียนถ้าไม่ใช่เพราะมึงไปแอบลงชื่อให้กู กูจะตกในสภาพนี้ไหม งานเยอะฉิบหาย”
“กูกลัวมึงเหงา เห็นเรียนแต่หนังสือ”
“โว้ย~ หงุดหงิด”
“หงุดหงิดเด็กใหม่?”
“มึงนั่นแหละ”
“อุ๊ปส์”
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันหน้าที่ประธานนักเรียนคือการรับผิดชอบกิจกรรมหน้าเสาธงทั้งหมด ฉันยืนอยู่บนเวทีกลางแจ้งนำเคารพธงชาติ นำสวดมนต์ นำกล่าวคำปฏิญาณตน
“พวกเราเป็นไทย อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะเรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งบรรพบุรุษของเรา ...” ร้อนชะมัดสาบานว่านี่คืออากาศหน้าหนาวเย็นสบายได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วตอนนี้แดดมาจากไหนก่อน ช่วงกิจกรรมหน้าเสาธงอันยาวนานที่นักเรียนทุกคนรวมถึงฉันต้องยืนกลางแจ้ง แต่ครูกลับหนีหลบร่มกันหมดเห็นแบบนี้แล้วก็อดเคืองไม่ได้
ช่วงเวลาที่ยืนอยู่บนเวที ฉันจะมองเห็นภาพมุมกว้างของนักเรียนทั้งหมดที่ยืนเข้าแถวที่สนาม แต่ละคนยืนก้มหน้าหลบแดดร้อน ไม่ก็ยุกยิกคุยกันในแถว ยกเว้นแต่สายตาคู่หนึ่งที่จ้องฉันอยู่ตลอดเวลา เจมส์นั่นเอง เรียกได้ว่ามีสายตาแค่คู่เดียวที่จ้องมายังฉันตอนนี้เลยก็ว่าได้
กิจกรรมยังไม่จบแค่นี้เพราะต้องร้องเพลงปลุกใจอีก 1 เพลง เสียงแหลมของนักร้องวงสุนทราภรณ์ขึ้นเมื่อไหร่จะได้เห็นสีหน้าเหยเก ของนักเรียนหลายๆ คน หลังจากนั้นอาจารย์จะขึ้นมากล่าวโอวาทประจำวัน ฉันว่าอาจารย์คงเหงาแหละถึงได้มีเรื่องมาคุยกับเด็กไม่เว้นแต่ละวัน ที่สำคัญคือในเมื่ออาจารย์อยากจะกล่าวโอวาท ยาวๆ ทำไมไม่มายืนกล่าวกลางแดดด้วยกันเล่า!!! ไปยืนหลบร่มกันทำไม เอาเปรียบกันชะมัด เมื่อพิธีกรรมช่วงเช้าจบสิ้นนักเรียนทั้งหมดก็ทยอยเดินเข้าห้องเรียน
ไม่รู้โรงเรียนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แต่โรงเรียนของฉันมีชั่วโมงรักการอ่านซึ่งมันจะเกิดขึ้นทุกวันหลังเข้าแถวเสร็จ โดยมีเสียงตามสายเปิดเพลงชวนง่วง เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่านี่คือช่วงเวลาอ่านหนังสือนอกเวลา ซึ่งไม่มีอยู่จริง เราไม่ได้อ่านหนังสือที่อยากจะอ่าน เพราะครูห้องภาษาไทยจะเป็นคนจัดพิมพ์เอกสาร 2 หน้ากระดาษ A4 เพื่อให้เราอ่านและสรุปความ ซึ่งบทความในวันนี้คือ
‘กระเป๋าเล็ก กระเป๋าใหญ่’ บทความอะไรกันคะเนี่ย แต่ก็ต้องอ่านสินะ ฉันมองไปที่คนรอบข้างซึ่งทุกคนนอนหลับกันหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจมส์เด็กใหม่
เกิดคดีความฟ้องร้องต่อศาล
ชายเหี้ยมหาญฮึกสยบตบผู้หญิง
สอบปากคำจำเลยเผยความจริง
เหตุผลติงสำนวนต่อน่าพอใจ
พิจารณาสรุปความคำถามสุดท้าย
จำเลยชายต้องตอบคำถามใหม่
"คุณเป็นชายแล้วไปตบหล่อนทำไม
เหตุผลใดให้การมาอย่าโมเม"
ชายเหลือบดูคู่กรณีเห็นทีหยิ่ง
แล้วให้การตามจริงไม่หันเห
ผมเจอหล่อนที่ป้ายรถเมล์
ยืนหน้าเบ้บุญไม่รับอัประมาณ
ขึ้นรถเมล์คันเดียวกันมันงี่เง่า
พอกระเป๋าเขามาเก็บค่าโดยสาร
เธอสำแดงเดชบอกออกอาการ
สุดทนทานนั่งข้างเธอ ผมเผลอไป
-ก็นั่งมาด้วยกันตบกันทำไมวะ เฮ้อ~ อ่านต่อก็ได้-
เธอเปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
หยิบแบงก์จากกระเป๋าเล็กในทันใด
แล้วเปิดกระเป๋าใหญ่ในทันที
เธอปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
ส่งเงินให้เด็กกระเป๋าขมันขมี
พลางปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรี
ครั้นรับตั๋วทันทีเธอฉับไว
เปิดกระเป๋าใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเล็ก
-เดี๋ยวนะ จะให้สรุปไอ้นี่จริงดิ ทั้งตอนมีแต่กระเป๋าใหญ่ กับกระเป๋าเล็ก นี่ครูไปคัดลอกมาจากเว็บไหน ได้อ่านก่อนเอามาวางให้เด็กสรุปไหมเนี่ย หัวจะปวด อ่านต่อไปก่อนก็ได้วะ-
เปิดกระเป๋าเล็กแล้วปิดกระเป๋าใหญ่
เอาตั๋วใส่กระเป๋าเล็กอย่างเร็วไว
แล้วเธอปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอช้า
ปิดกระเป๋าเล็กแล้วใส่ลงกระเป๋าใหญ่
แล้วก็ปิดกระเป๋าใหญ่อย่างแน่นหนา
.....
-โอ๊ย~ สรุปอีนางมีกระเป๋า 2 ใบ หรือใบเดียว หรือมีหลายใบวะ ชักงง-
ครั้นนายตรวจขึ้นมาหาช้าไม่
เธอเปิดกระเป๋าใหญ่หยิบกระเป๋าเล็กหน้าตาเฉย
ปิดกระเป๋าใหญ่เปิดกระเป๋าเล็กไม่ช้าเลย
หยิบตั๋วเผยให้นายตรวจได้ตรวจตรา
แล้วปิดกระเป๋าเล็กก่อนเปิดกระเป๋าใหญ่
ใส่กระเป๋าเล็กลงไปไม่กังขา
แล้วเธอเปิดกระเป๋าใหญ่ไม่รอรา
พอรับตั๋วกลับมามิช้าใย
-เอาเวลา 5 นาทีกูคืนมา...-
ตุลาการนั่งฟังความตามคดี
บอก "หยุดทีฟังแล้วน่าเวียนหัว " -เออ เวียนหัวด้วย แล้วเราจะอินตามมันทำไมวะเนี่ย-
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ดูพันพัว
น่าเวียนหัวพัลวันพอกันที"
จำเลยชายได้จังหวะจึงฉะฉาน
"ข้าแต่ศาลที่เคารพคิดดูถี"
ท่านเพียงฟังยังเวียนหัวถึงเพียงนี้
แล้วผมนี่นั่งข้างหล่อนจะทนไย"
ตุลาการพินิจถึงต้นเหตุ
พิจารณาพิเศษเห็นสมควรจะตบได้" -เออดีๆ เป็นกู กูก็ตบค่ะ-
จึงยกฟ้องปลดปล่อยจำเลยไป
กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่พอกันที
จบแล้วแต่หาสาระไม่ได้เลย นี่จะเน้นเอาฮาหรือไง แล้วจะเอาอะไรไปสรุปคะครู ครูหาบทความแบบนี้ไม่ได้สิ โอ๊ยฉันจะบ้าตายกับครูภาษาไทย
“รักการอ่านต้องทำยังไงหรือครับ” อยากจะถามต้นเสียงนั้นกลับไปจริงๆ ว่าอ่านหรือยัง...ไปอ่านก่อนไหม ใครจะไปสรุปไหวฟะ อะไรก็ไม่รู้กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ มั่วไปหมด พอฉันหันไปหาเจมส์เท่านั้นแหละ
เฮือก~ เจมส์เอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันมาก ใกล้มากๆ ใกล้จนรู้สึกลมหายใจอยู่แถวต้นคอเลย
“ไม่ต้องใกล้มากก็ได้” ฉันกดเสียงต่ำพร้อมกัดฟันไปพูดไป
“แล้วรักการอ่านต้องทำยังไงเหรอ ทำไม่เป็น”
“เนี่ย เวลาครูสอนก็เอาแต่นอน ฟังครูบ้างสิ” เฉไฉไปงั้น ใจจริงอยากจะฉีกรักการอ่านวันนี้ทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย สรุปไม่เป็นโว้ย~
“ครับ” ยิ้มตาปิดอีกแล้ว
“โว้ย~ แม่เจ้าโว้ยเด็กใหม่คิดจีบประธานนักเรียนสุดฮอตของเราเลยหรอวะ”
“พอเลยไอ้กาย” ฉันรีบห้ามทัพ นอกจากกายจะมีตำแหน่งเป็นเพื่อนเก่าแก่ของฉัน มันยังเป็นหัวโจกของโรงเรียนนี้ เวลาฉันกับกายอยู่ด้วยกันครูทุกคนต่างลงความเห็นว่า เราสองคนคือคู่ดีสุดขั้วกับชั่วสุดขีด มันกวนประสาทครูทุกคน ตั้งตนเป็นศาลเตี้ย ใครมีปัญหานี่ก็ต้องรีบแจ้นไปหาเรื่อง เอ๊ย! ไปช่วยเขาทุกเรื่อง (นิยามง่ายๆ เผือก) ที่น่ารำคาญคือใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉัน ไอ้กายมันจะตามรังควาน (ฉัน) ไม่เลิก นี่แหละสาเหตุหลักที่ฉันยังโสดสนิท
“ทำไมวะ แหม่ปล่อยนิดปล่อยหน่อย อ่อยผู้ชายเหรอมึง”
“มึงนิ…” ฟิ้วว…ผลัวะ สมุดที่ฉันกำลังจะอธิบายให้เจมส์ฟังเรื่องรักการอ่าน ก็ลอยไปฟาดหัวไอ้กายเป็นที่เรียบร้อย
“ไอ้แพรว กูเจ็บนะ”
“เดินเอามาคืน กู ด้วย!!!” องค์แม่ลงโดยไม่สนใจพ่อหนุ่มหน้ามนที่ยืนข้างๆ ฉันซึ่งตอนนี้ตาค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ใจก็อยากจะหันไปถามอาการ แต่ขอจัดการกับไอ้กายก่อน
“กู...ไม่...ให้...อยากได้มึงก็เดินมาสิ” แบบนี้แสดงว่าอยากลองของ
“ได้ เดี๋ยวมึงเจอกูกาย เจมส์ เดี๋ยวค่อยมาเล่าเรื่องรักการอ่านให้ฟังนะ ตอนนี้รักตัวเองไปก่อนเนอะ ไอ้กายมึงตาย!!!!!”
แล้วฉันก็สวมวิญญาณ ศิษย์วัดเส้าหลิน เดินเหยียบโต๊ะที่วางอยู่ข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วเพราะทำเป็นประจำแต่ครูไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ก่อนจะล๊อคคอไอ้กายจากข้างหลัง และดึงหูอย่างแรง
“โอ๊ย กูเจ็บ… พอก่อนมึงเดี๋ยวหูกูก็ขาดพอดี”
“โอ๊ย กัดกันดีจริงๆ คู่นี้ อย่าให้เห็นว่ารักกันทีหลังนะมึง” เสียงพวกผู้ชายในห้องร้องตะโกนแซว เว้นแต่ว่ามันไม่เข้าหูฉันสักนิด มีแต่คำตอบของกายเท่านั้นที่กระแทกหูฉันเข้าอย่างจัง “ต่อให้คนโลกทั้งโลกอยู่กันครบ คนเดียวที่กูจะเลือกก็คือไอ้แพรว”
ฉันผู้ที่โดนสายตาของคนทั้งห้องจ้องเป็นตาเดียว กึก! ร่างกายฉันเหมือนโดนสต๊าฟเอาไว้ และปล่อยมือที่ดึงหูมันทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ