Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค สงครามแห่งโลกใหม่
1) บทนำ (เจ้าหญิงผู้สละตนทั้งสองพระองค์)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ทวีปทางตอนเหนือ อาณาจักรออสเตรีย พระราชวังออสเครีย
"มาเรีย ข้าคิดถึงเสด็จน้องของข้าเสียเหลือเกิน" ข้าพูดด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ที่มีให้แก่เสด๊จน้องฝาแฝดของข้าที่ต้องพลัดพลากจากโลกแห่งนี้ไปตั้งแต่พวกเราเกิด
"องค์หญิงอาดิสเพค่ะ โปรดอย่าทรงเศร้าพระทัยไปเลย องค์หญิงเรโอน่าได้สละตนเองเพื่ออาณาจักรแห่งนี้นะเพค่ะ" มาเรียผู้เป็นสาวใช้คนสนิทที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับข้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากใจจริง
"ข้ารู้ แต่ทำไมต้องเป็นเสด็จน้องของข้า? ทำไมไม่เป็นข้าที่ต้องจากไป เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ปวดใจทุกครั้งไป" ข้าพูดขึ้นพลางยกมือกุมหน้าอกไว้ สายตายังคงจับจ้องไปที่พระจันทร์สีชาดยามค่ำคืนที่มืดสนิดของโลกใบนี้
"องค์หญิงเพค่ะ..." มาเรียพูด ก่อนที่จะเดินมาจับมือที่กุมหน้าอกของข้าไว้
"มันคงเป็นเพราะว่าข้ามีพลังเวทมนตร์มากกว่าเสด็จน้องของข้า จึงทำให้เสด็จปู่เลือกที่จะกำจัดเสด็จน้องฝาแฝดของข้าทิ้ง" ข้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น พลางบีบมือของมาเรียไว้แน่น
"หม่อมฉันเชื่อว่าเสด็จปู่ของพระองค์ต้องมีเหตุผลเป็นแน่เพค่ะ" มาเรียพูดพลางยกมือคู่นั้นมาทาบไว้ที่หน้าอกตรงหัวใจของข้า
"องค์หญิงเรโอน่ามิได้หายไปไหนเลยเพค่ะ แต่พระนางทรงอยู่ในนี้เพค่ะ ในหัวใจของพระองค์ตลอดกาล" มาเรียพูดขึ้น ก่อนจะปาดน้ำตาให้แก่ข้า
"ข้าขอบใจเจ้าจริงๆ มาเรีย หากไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมอีกแล้ว ทั้งเสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จน้อง ทุกคนหายจากข้าไปหมด มีแต่ข้าคนเดียวที่ยังอยู่บนโลกใบนี้ ฮือออ" ข้าพูดขึ้น ก่อนจะปล่อยร้องไห้โฮอย่างอดกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
"พระองค์ยังทรงมีหม่อนฉันอยู่นะเพค่ะ ฮิฮิ ทรงมาดื่มชากับคุกกี้ที่ได้มาจากโลกเก่ากันเถอะเพค่ะ ข้าได้ยินมาว่า สาวๆ นอกพระราชวังชอบกินสิ่งนี้มากเลยเพค่ะ" มาเรียพูด ก่อนจะดึงมือของข้าไปที่โค๊ะดื่มชาของว่างที่อยู่ริมหน้าต่างในห้องบรรทมของข้า
"ทูลองค์หญิงอาดิส ฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้าเพค่ะ" เสียงสาวใช้นอกห้องที่คอยเฝ้าประตูทูลบอกข้า
"ข้ารู้แล้ว ฝากทูลเรียนฝ่าบาทด้วยว่า อีก 10 นาที ข้าจะไปเข้าเฝ้าเอง" ข้าตะโกนบอกสาวใช้หน้าห้องบรรทม
พระองค์ทรงมีเรื่องอันใดน่ะ ถึงเรียกให้ข้าเข้าเฝ้ากลางดึกเช่นนี้ ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย ข้านึกในใจ ขณะที่มาเรียกำลังแต่งตัว เพื่อเข้าเฝ้าให้แก่ข้า
"มาเรีย ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย ข้าสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่" ข้าบอกกับมาเรียด้วยสีหน้าเคร่งเคลียด
"โธ่---- องค์หญิงอย่าทรงตรัสเช่นนั้นซิเพค่ะ ลางสังหรณ์ของพระองค์ทรงแม่นยำเสียยิ่งกว่าจอมเวทนักพยากรณ์คลาส S ซะอีกนะเพค่ะ" มาเรียพูดขึ้น ก่อนจะถอยห่างเมื่อแต่งตัวใ่ห้แก่ข้าเสร็จสรรพแล้ว
"ข้าพูดจริงนะ" ข้ายังคงพูดย้ำ
"พอๆ เลยเพค่ะ ทรงหยุดตรัสเช่นนี้ได้แล้วเพค่ะ ทอดพระเนตรนี้สิเพค่ะ หม่อมฉันขนลุกไปทั้งตัวเลย นี้ถ้าหม่อมฉันมิได้เกล้าผมไว้ คงได้ขนหัวลุกเป็นแน่เพค่ะ" มาเรียพูดพลางชูแขนที่มีขนลุกให้ข้าดู ก่อนจะจับที่หัวของนาง ทำท่างตัวสั่น
"ฮ่าฮ่าฮ่า จ้าๆ ไปกันเถอะ" ข้าหัวเราะ ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องบรรทม
"ฮิฮิ ในที่สุด พระองค์ก็ทรงพระสรวลได้แล้ว" มาเรียพูดพลางหัวเราะคิก ก่อนจะเปิดประตูห้องให้ข้า
"ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ" ข้าหันไปพูดกับนาง ขณะที่ข้ากับสาวใช้ทั้งหมดที่อยู่หน้าห้องบรรทมกำลังจะเดินไปที่ท้องพระโรง
"หามิได้เพค่ะ ฮิฮิ" มาเรียยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ณ ท้องพระโรง พระราชวังออสเตรีย
"ถวายบังคมเพค่ะ ฝ่าบาท ทรงเกษมสำราญดีหรือไม่เพค่ะ" ข้าทำความเคารพฝ่าบาท ผู้ที่เป็นเสด็จปู่ของข้า ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ใครจะรู้หรือไม่ว่า ในใจของข้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อพระองค์เพียงใด
เสด็จปู่ของข้า ผู้ที่ออกพระบรมราชโองการสั่งให้สังหารเสด็จน้องฝาแฝด และเสด็จแม่ที่ขัดขวาง รวมถึงเสด็จพ่อของข้าที่ตอนนั้นเป็นรัชทายาทของอาณาจักรในข้อหาหลอกลวงฝ่าบาท แต่ใครจะรู้ว่า ความจริงเสด็จปู่อาจต้องการสังหารรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว เพียงเพราะเรื่องพระราชบัลลังค์
"ข้าสบายดี เหตุใดเจ้าถึงทำสีหน้าเช่นนั้นใส่ข้า" ฝ่าบาททรงตรัสถามข้าด้วยน้ำเสียงไม่พอพระทัย
"แล้วพระองค์ติดว่า หม่อมฉันควรทำสีหน้าเช่นใดกับคนที่สังหารครอบครัวของหม่อมฉันล่ะ เพค่ะ ฝ่าบาท" ข้าพูด ก่อนจะเงยหน้าสบตากับพระองค์ตรงๆ
"บังอาจเกินไปแล้ว!!!" ฝ่าบาทตะคอกใส่ข้า ผู้เป็นหลานสาว และเป็นเชื้อพระวงค์เพียงคนเดียวที่เหลือรอดอยู่
"ทำไมละเพค่ะ หรือพระองค์จะมีพระบรมราชโองการให้หม่อมฉันปลิดชีพตัวเอง เหมือนเสด็จแม่ของหม่อมฉันล่ะเพค่ะ" ข้าเอียงคอถามฝ่าบาทด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาแข็งกร้าว
"ช่างโอหังไม่ต่างจากแม่ของเจ้าเลย อย่าคิดว่าข้าไม่กล้านะ องค์หญิงอาดิส!!" ฝ่าบาททรงตวาดใส่ข้า ถึงตอนนี้ในท้องพระโรงจะไม่มีผู้อื่นอยู่ แต่ข้าราชบริภารหน้าห้องต้องได้ยินเป็นแน่
"หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ทรงกล้าทำเช่นนั้นอยู่แล้วเพค่ะ ขนาดพระโอรสแท้ๆ ของพระองค์ยังสังหารได้ลงคอ นับประสาอะไรกับหลานสาวอย่างหม่อมฉันล่ะเพค่ะ" ข้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
"ปากคอเราะรายยิ่งนัก" ฝ่าบาทตรัสขึ้นพลางกำพระหัตถ์แน่น
"ขอบพระทัยที่ทรงชมเพค่ะ หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ทรงไม่สามารถสังหารหม่อมฉันได้หรอกเพค่ะ เพราะหม่อมฉันเป็นเชื้อพระวงค์เพียงคนเดียวที่เหลือรอด หากพระองค์ทรงสังหารหม่อมฉัน ก็จะไม่มีผู้ใดสืบสายเลือดของราชวงค์ในอาณาจักรออสเตรีย" ข้าอธิบายยาวด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ เพราะข้าถือไพ่เหนือกว่าพระองค์
"หึ ข้าช่างอวดดี แต่ก็เฉลียวฉลาดยิ่งนัก" ฝ่าบาทหัวเราะในลำคอ ก่อนจะตรัสขึ้น
"และที่สำคัญ หม่อมฉันมีพลังเวทมนตร์ที่มหาศาลหาใครเทียบได้ พลังเวทของหม่อมฉันคอยค้ำจุนอาณาจักรแห่งนี้อยู่ หากหม่อมฉันสิ้นพระชนน์ไป อาณาจักรของพระองค์ได้ล่มสลายเป็นแน่แท้ จริงหรือไม่เพค่ะ ฝ่าบาท" ข้าพูดขึ้น อย่างเป็นต่อ
อันที่จริง ข้ามิได้มีพลังเวทมนตร์มหาศาลเช่นนี้ คงต้องบอกว่า ไม่มีผู้ใดในโลกใหม่แห่งนี้ที่จะมีพลังเวทย์มากพอที่จะค้ำจุนอาณาจักรได้ แต่ข้าได้รับการถ่ายทอดพลังเวทย์จากเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และเสด็จน้องของข้า พลังเวทย์ของทั้งสามคนอยู่ในตัวข้า
ตอนนั้นข้ามิอาจเข้าใจเหตุผลที่เสด็จพ่อ และเสด็จแม่ทรงทำแบบนี้ แต่เมื่อข้าโตขึ้น ข้าก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะพลังเวทย์นี้ทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ถูกสังหารทิ้ง
"ช่างรู้ดีจริงๆ ก็ดีข้าจะได้เข้าเรื่องที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้" ฝ่าบาทพูดพลางหยิบม้วนกระดาษพระบรมราชโองการที่อยู่บนโต๊ะทรงงานขึ้นมา
"แล้วทรงมีเรื่องอันใดล่ะ เพค่ะ" ข้าเอ่ยทูลถาม
"ท่านราชเลขา อยู่ข้างนอกใช่หรือไม" ฝ่าบาททรงตะโกนเรียกท่านราชเลขาประจำพระองค์
"มีเรื่องอันใดจะทรงรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท" ท่านราชเลขาเปืดประตู ก่อนจะก้าวเข้ามาในห้องท้องพระโรง
"เจ้าช่วยประกาศพระบรมราชโองการนี้ แก่องค์หญิงอาดิสที" ฝ่าบาทตรัลพลางยื่นม้วนกระดาษให้ราชเลขา
"ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท" ท่านราชเลขารับม้วนนั้นมา ก่อนจะเปิดประกาศแก่ข้า
**************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ