สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) จดหมายจาก ‘พ่อ’
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคุณน้าลดายื่นจดหมายสีขาวฉบับหนึ่งให้ฉัน
ฉันแปลกใจจึงเอื้อมมือไปหยิบมาอ่านดูหน้าซอง
“จากคุณพ่อของหนูจ้ะ น้าเห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ลืมหยิบมาให้” คุณน้าพูดขึ้น
‘จากคุณพ่อ’
นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่
คุณน้ามีท่าทีอึกอักเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็ชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันน้อมหัวให้น้าลดา แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง
“รีบแต่งตัวนะจ้ะริณ เดี๋ยวจะสาย” เธอกล่าวก่อนจะเดินกลับลงไปตระเตรียมอาหารเช้าต่อ
ส่วนฉันก็เดินไปรูดม่านสีขาวมุก เปิดให้พอมีแสงยามเช้าลอดเข้ามาแล้วจึงนั่งลงตรงขอบเตียงแกะซองจดหมายสีขาวขนาดห้าคูณเจ็ดนิ้วซึ่งเขียนชื่อพ่อและที่อยู่ไว้อย่างชัดเจนอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกแปลกใจระคนดีใจ เพราะปกติเราสองพ่อลูกจะสื่อสารกันโดยการใช้โทรศัพท์หากันเสียมากกว่า ทว่าทำไมคราวนี้พ่อถึงเขียนจดหมายมาถึงฉันกันนะ หรืออาจจะเป็นเพราะอาการป่วยไข้ของท่านในพักหลังๆ นี้ก็เป็นได้ละมั้ง
ภายในซองมีกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกพับครึ่งสอดไว้อยู่ข้างใน ฉันไม่รีรอที่จะหยิบและเปิดอ่านข้อความในหน้าจดหมายอย่างรวดเร็ว
เพลงพิรุณลูกรัก
ตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มีชิวิตอยู่ทันเห็นหน้าลูกอีกสักครั้งมั๊ย พ่อกำลังป่วยหนัก และมีบางอย่างอยากจะบอกลูกก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป เพลงพิรุณถ้าลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พ่ออยากให้ลูกกลับบ้าน มาหาพ่อ ได้โปรดกลับมาหมู่บ้านของเรา สักครั้ง พ่อคิดถึงลูก กลับมาหาพ่อนะ พ่อจะคอย
รักลูกเสมอ
ธินกร
“พ่อคะ” พอฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกที น้ำใสๆ ก็เอ่อท้นออกมาจากขอบตามาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงท่านจับใจ ฉันรีบโทรกลับไปที่บ้านทันที แต่คนที่รับสายกลับเป็นน้าสายทิพย์แม่เลี้ยงของฉัน
“ฮัลโหล คุณพ่ออยู่มั๊ยคะ? คือหนูเพิ่งได้รับจดหมาย…”
“ตอนนี้พ่อแกกินยาหลับไปแล้ว” เนื้อเสียงที่ตอบกลับมานั้นแหบห้าวและฟังดูเย็นชาราวกับผู้ใหญ่ที่ไว้เนื้อถือตัว
“เอ่อ...แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ ท่านเป็นอะไร?” ฉันถามรู้สึกใจคอไม่ดี
“ถ้าอยากรู้แกก็มาดูเอาเองสิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำ
ฉันพยายามข่มความโกรธเคืองไว้ในใจ น้าสายทิพย์มักจะพูดจาไม่เข้ารู้หูฉันอยู่บ่อยๆ และนี่คือหนึ่งในการแสดงออกของเธอ ที่ทำให้รู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน
“งั้นพรุ่งนี้หนูจะกลับหมู่บ้านนะคะ กว่าจะถึงก็คงเย็น พอจะมีใครมารับหนูได้ที่ปากทางเข้ามั๊ยคะ?”
ถึงแม้ว่าจะปรับน้ำเสียงให้นอบน้อมเพียงไร แต่ก็ไม่เคยช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ฉันรู้จักน้าสายทิพย์มาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านคนก่อน หน้าตาสะสวย รูปร่างสูงระหง ดูฉลาดเฉลียว แต่ก็เป็นบุคคลที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างที่สุด เพราะเธอทั้งเย่อหยิ่ง และอารมณ์ร้าย
โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของฉันด้วยแล้ว ก็ยิ่งจองหองผองขน และทำเสมือนว่าพ่อเป็นสมบัติของตนแต่เพียงผู้เดียวโดยชอบธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจยอมรับได้ ทว่าฉันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ผู้ที่เปิดประตูเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรานั้นก็คือ พ่อของฉันนั่นเอง และ ณ ตอนนั้นฉันก็มาอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล เกินกว่าจะทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันจะลองถามอาสุบรรณให้ดู...แค่นี้นะฉันต้องไปทำงานต่อพ่อแกน่ะทำความลำบากให้ฉันมากเลยรู้มั๊ย” เธอพูดค่อนแคะจนฉันรู้สึกสะอึก
“เอ่อเดี๋ยวก่อนค่ะ...คุณน้าพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณอาสุบรรณมั๊ยคะ?” ฉันยิงคำถามเพราะเกรงว่าเจ้าหล่อนจะตัดบทวางสายไปเสียดื้อๆ
น้าสายทิพย์บอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณอามาตามสายอย่างรวดเร็ว ฉันรีบจดเลขเหล่านั้นลงกระดาษบันทึก
“ไม่ทราบว่าพอจะมีเบอร์มือถือมั๊ยคะ?” ฉันถามต่อ
“หึหึ…เธอคงจะไปอยู่ในเมืองเสียนานจนจำไม่ได้ว่าคนที่นี่เขาไม่ค่อยใช้ของพวกนี้กันหรอกนะ” น้าสายทิพย์เหน็บแนมก่อนจะกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ฉัน
“ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด!”
ในตอนนั้นฉันอยากจะเขวี้ยงหูโทรศัพท์ทิ้งเพื่อระบายความโกรธ แต่ก็ได้แค่คิดแล้วจึงต่อสายถึงเบอร์ที่เพิ่งได้รับมาเป็นรายต่อไป หลังจากโทรนัดแนะกับคุณอาสุบรรณเรียบร้อยแล้วจึงโทรไปหาแสงพลอยเป็นคนสุดท้าย
ฉันแปลกใจจึงเอื้อมมือไปหยิบมาอ่านดูหน้าซอง
“จากคุณพ่อของหนูจ้ะ น้าเห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ลืมหยิบมาให้” คุณน้าพูดขึ้น
‘จากคุณพ่อ’
นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่
คุณน้ามีท่าทีอึกอักเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็ชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันน้อมหัวให้น้าลดา แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง
“รีบแต่งตัวนะจ้ะริณ เดี๋ยวจะสาย” เธอกล่าวก่อนจะเดินกลับลงไปตระเตรียมอาหารเช้าต่อ
ส่วนฉันก็เดินไปรูดม่านสีขาวมุก เปิดให้พอมีแสงยามเช้าลอดเข้ามาแล้วจึงนั่งลงตรงขอบเตียงแกะซองจดหมายสีขาวขนาดห้าคูณเจ็ดนิ้วซึ่งเขียนชื่อพ่อและที่อยู่ไว้อย่างชัดเจนอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกแปลกใจระคนดีใจ เพราะปกติเราสองพ่อลูกจะสื่อสารกันโดยการใช้โทรศัพท์หากันเสียมากกว่า ทว่าทำไมคราวนี้พ่อถึงเขียนจดหมายมาถึงฉันกันนะ หรืออาจจะเป็นเพราะอาการป่วยไข้ของท่านในพักหลังๆ นี้ก็เป็นได้ละมั้ง
ภายในซองมีกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกพับครึ่งสอดไว้อยู่ข้างใน ฉันไม่รีรอที่จะหยิบและเปิดอ่านข้อความในหน้าจดหมายอย่างรวดเร็ว
เพลงพิรุณลูกรัก
ตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มีชิวิตอยู่ทันเห็นหน้าลูกอีกสักครั้งมั๊ย พ่อกำลังป่วยหนัก และมีบางอย่างอยากจะบอกลูกก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป เพลงพิรุณถ้าลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พ่ออยากให้ลูกกลับบ้าน มาหาพ่อ ได้โปรดกลับมาหมู่บ้านของเรา สักครั้ง พ่อคิดถึงลูก กลับมาหาพ่อนะ พ่อจะคอย
รักลูกเสมอ
ธินกร
“พ่อคะ” พอฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกที น้ำใสๆ ก็เอ่อท้นออกมาจากขอบตามาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงท่านจับใจ ฉันรีบโทรกลับไปที่บ้านทันที แต่คนที่รับสายกลับเป็นน้าสายทิพย์แม่เลี้ยงของฉัน
“ฮัลโหล คุณพ่ออยู่มั๊ยคะ? คือหนูเพิ่งได้รับจดหมาย…”
“ตอนนี้พ่อแกกินยาหลับไปแล้ว” เนื้อเสียงที่ตอบกลับมานั้นแหบห้าวและฟังดูเย็นชาราวกับผู้ใหญ่ที่ไว้เนื้อถือตัว
“เอ่อ...แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ ท่านเป็นอะไร?” ฉันถามรู้สึกใจคอไม่ดี
“ถ้าอยากรู้แกก็มาดูเอาเองสิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำ
ฉันพยายามข่มความโกรธเคืองไว้ในใจ น้าสายทิพย์มักจะพูดจาไม่เข้ารู้หูฉันอยู่บ่อยๆ และนี่คือหนึ่งในการแสดงออกของเธอ ที่ทำให้รู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน
“งั้นพรุ่งนี้หนูจะกลับหมู่บ้านนะคะ กว่าจะถึงก็คงเย็น พอจะมีใครมารับหนูได้ที่ปากทางเข้ามั๊ยคะ?”
ถึงแม้ว่าจะปรับน้ำเสียงให้นอบน้อมเพียงไร แต่ก็ไม่เคยช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ฉันรู้จักน้าสายทิพย์มาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านคนก่อน หน้าตาสะสวย รูปร่างสูงระหง ดูฉลาดเฉลียว แต่ก็เป็นบุคคลที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างที่สุด เพราะเธอทั้งเย่อหยิ่ง และอารมณ์ร้าย
โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของฉันด้วยแล้ว ก็ยิ่งจองหองผองขน และทำเสมือนว่าพ่อเป็นสมบัติของตนแต่เพียงผู้เดียวโดยชอบธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจยอมรับได้ ทว่าฉันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ผู้ที่เปิดประตูเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรานั้นก็คือ พ่อของฉันนั่นเอง และ ณ ตอนนั้นฉันก็มาอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล เกินกว่าจะทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันจะลองถามอาสุบรรณให้ดู...แค่นี้นะฉันต้องไปทำงานต่อพ่อแกน่ะทำความลำบากให้ฉันมากเลยรู้มั๊ย” เธอพูดค่อนแคะจนฉันรู้สึกสะอึก
“เอ่อเดี๋ยวก่อนค่ะ...คุณน้าพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณอาสุบรรณมั๊ยคะ?” ฉันยิงคำถามเพราะเกรงว่าเจ้าหล่อนจะตัดบทวางสายไปเสียดื้อๆ
น้าสายทิพย์บอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณอามาตามสายอย่างรวดเร็ว ฉันรีบจดเลขเหล่านั้นลงกระดาษบันทึก
“ไม่ทราบว่าพอจะมีเบอร์มือถือมั๊ยคะ?” ฉันถามต่อ
“หึหึ…เธอคงจะไปอยู่ในเมืองเสียนานจนจำไม่ได้ว่าคนที่นี่เขาไม่ค่อยใช้ของพวกนี้กันหรอกนะ” น้าสายทิพย์เหน็บแนมก่อนจะกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ฉัน
“ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด!”
ในตอนนั้นฉันอยากจะเขวี้ยงหูโทรศัพท์ทิ้งเพื่อระบายความโกรธ แต่ก็ได้แค่คิดแล้วจึงต่อสายถึงเบอร์ที่เพิ่งได้รับมาเป็นรายต่อไป หลังจากโทรนัดแนะกับคุณอาสุบรรณเรียบร้อยแล้วจึงโทรไปหาแสงพลอยเป็นคนสุดท้าย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ