เอาผัวไปเทิร์น
เขียนโดย หนาวร้างน้ำค้างไหว
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.11 น.
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 10.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตัวปัญหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 5 ตัวปัญหา
เตชินมีเงินเก็บมากมายจากการลงทุนเมื่อหลายปีก่อน เขาสนใจธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีระบบเฟรนไชน์ให้เลือกลงทุนโดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปทำงาน มีทีมงานมืออาชีพวางระบบให้ธุรกิจเดินหน้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รับทรัพย์เข้ากระเป๋าแม้ในยามที่เขานอนหลับ
ชายหนุ่มยังมีที่ดินอีกหลายแปลงในย่านธุรกิจที่เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสถานที่รับฝากรถ สร้างรายได้ต่อเดือนมหาศาล
เขาเคยฝันอยากมีร้านกาแฟ และพยายามอย่างมากที่จะสร้างมันขึ้นมาโดยความร่วมมือจากเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันตอนเรียนปริญญาตรี มันไม่ง่ายเลยเมื่อพูดถึงการเรียนที่เขาฟันฝ่ามาเกือบสิบปี
นับจากวันที่เขาตามวิสินีเข้ามาถึงกรุงเทพฯ เธอจัดแจงพาเขาไปสมัครเรียน กศน. จนได้วุฒิการศึกษา และใช้มันเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นจนจบปริญญาตรี ทุกอย่างเป็นความลับที่มีแต่เขาและเธอที่รู้
เขายังจำรอยยิ้มของเธอได้ รอยยิ้มที่เปลี่ยนโลกของเขาให้สว่างสดใส เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาราวเด็กเล็กที่ตื่นเต้นจนไม่อาจระงับความรู้สึก ปากพร่ำแสดงความยินดีที่เขาพยายามเรียนจนจบโดยไม่ถอดใจไปกลางทาง
เติชนไม่เคยอายใครที่ต้องเริ่มเรียนเมื่ออายุเกินเกณฑ์ของคนทั่วไป เพราะมันคือทางที่จะนำเขาไปสู่ความสำเร็จจึงไม่เคยยอมแพ้ที่จะพัฒนาตัวเอง
นับจากวันนั้นสายตาของเขาไม่เคยมีไว้มองคนอื่นนอกจาก...วิสินี
เธอคือทุกอย่างในชีวิต
คาเฟ่สีขาวสไตล์มินิมอลตกแต่งเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวดำเน้นงานไม้เก่าให้ความรู้สึกอบอุ่น ด้านนอกจัดเป็นสวนหย่อมมีซุ้มไว้สำหรับลูกค้าพักผ่อนเหมือนนั่งเล่นอยู่หลังบ้าน เป็นร้านกาแฟที่เตชินทุ่มเทตั้งแต่หาซื้อที่ดินติดริมแม่น้ำนครชัยศรี ดูแลเรื่องการออกแบบไปจนถึงเลือกพนักงานที่มีความสามารถมาดูแลร้าน
Candle café ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่มีโฮมสเตย์ไว้รองรับสำหรับผู้สนใจพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ เขายืนยันสร้างไว้แค่ 2 หลังเพื่อไม่ให้รบกวนธรรมชาติจนเกินไป มีเรือคายัคผูกไว้ที่ท่าน้ำหน้าบ้านแต่ละหลัง เลยเข้าไปในดงแมกไม้จะมีบ้านพักส่วนตัวของเขาและวิสินีซ่อนอยู่ แบ่งเขตชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง
ร่างสูงเพรียวผลักบานประตูไม้สีขาวเข้ามาด้านใน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศช่วยให้ผู้มาเยือนรู้สึกดีขึ้น แว่นกันแดดสีชาถูกเสียบไว้กับคอเสื้อยืดสีขาวที่สอดปลายไว้ในกางเกงยีนฟอกสีจนซีด แต่ที่เด่นสะดุดตาคือรองเท้าหัวแหลมส้นเข็มสีเหลืองสด มันไม่ได้น่าเกลียดเมื่ออยู่บนตัวของเธอ
สวย…จนพนักงานยืนตะลึง
หญิงสาวเดินไปเลือกมุมหนึ่งของร้านที่คนไม่พลุกพล่าน ยังไม่ทันที่พนักงานจะเดินไปถึงโต๊ะ หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในร้านแล้วตรงไปยังคนที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์
คนมาใหม่กวาดมองไปทั่วร้าน ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนที่เดินเข้ามาก่อน
“ก็สวยดีนะ”
พิมลดาลภัสไม่ได้ตอบ มุมปากข้างหนึ่งกดลง ดวงตาปิดบังความริษยาไม่มิด
“ฉันใช้เวลาไปไม่น้อยนะยะกับการตามหาร้านนี้ตามที่หล่อนสั่ง” ฌาดายังคงกระซิบบอก หันไปยิ้มหวานกับพนักงานเพื่อรับเมนู
“ร้านนี้เปิดมานานรึยังจ๊ะ” เธอถามพนักงาน แต่รู้ข้อมูลมาครบถ้วนแล้ว
“ฉลองครบรอบหนึ่งปีไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองค่ะ”
“น่าเสียดายจัง” เธอแกล้งบ่นไม่จริงจัง “แล้วนี่คุณเตชินเข้ามาบ้างรึเปล่า”
“มาเมื่อฉลองร้านค่ะ แต่ตอนนี้ไม่อยู่”
“ไปไหนพอรู้มั้ย”
พนักงานอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ พิมลดาลภัสจึงเอ่ยขึ้น
“ฉันอยากจองที่พักริมน้ำน่ะ แต่รู้มาว่าจองยาก”
“ตอนนี้ยังว่างนะคะ ถ้าคุณสนใจลองไปดูก่อนได้ค่ะ”
“ฉันจองหนึ่งหลัง 2 อาทิตย์” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงานเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น
“ขอบัตรประชาชนด้วยนะคะ”
พิมลดาลภัสตวัดตามองแต่ก็ยอมหยิบบัตรประชาชนส่งให้ เธอไม่ชอบความเรื่องมาก แต่ก็สามารถทำตามกฎได้แม้จะขัดใจไปบ้างก็ตาม
พนักงานเดินหายไปเพียงไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมสมุดวางบิล หญิงสาวหยิบบัตรพร้อมใบเสร็จจองที่พักมาเก็บเข้ากระเป๋า
“หล่อนจะทำอะไร” ฌาดาถาม
“คบกันมานาน คิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”
“ร้ายกาจ...ว่าแต่คุณเตชินจะเล่นด้วยมั้ย”
“ไม่รู้...ก็ต้องลอง” หญิงสาวยิ้มเย็น แววตาหมายมาดเอาจริง
“ว่าแต่...หล่อนแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะกลับมาพักที่นี่ คอนโดหรูหรากลางเมืองสะดวกสบายกว่ากันเยอะ”
“เพราะไม่รู้...ฉันก็เลยจองนี่ไง” เริ่มรำคาญกับการซักไซ้ของเพื่อน มือเรียวยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
ฌาดาถอนหายใจ คบกับพิมลดาลภัสมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รู้ดีว่าถ้าเพื่อนสนใจอยากได้อะไรก็ต้องได้
แต่นี่ผู้ชาย...ไม่ใช่สิ่งของ
แถมมีเจ้าของแล้วอีกต่างหาก
ทันทีที่บินกลับมาถึงกรุงเทพฯ วิสินีก็ได้รับข้อความจากนันทินีหนึ่งในเจ้าของกิจการศูนย์อัญมณีซึ่งกำลังจะเปิดสาขาใหม่ในห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมือง เธอคือหนึ่งในลิสก์คนดังที่ถูกขอร้องให้ช่วยไปเดินแบบการกุศลในครั้งนี้
อยากปฏิเสธแต่ติดที่เธอก็เป็นหุ้นส่วนจึงต้องตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังกลับมาจากพักผ่อนความคิดบางอย่างของวิสินีเริ่มเปลี่ยนไป เธอคิดถึงอนาคตร่วมกันกับเตชินมากขึ้น
“ถ้าคุณเหนื่อย ปฏิเสธไปก็ได้”
“ก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่ฉันเป็นหุ้นส่วนนี่สิ ยังไงก็ทิ้งงานนี้ไม่ได้”
“ผมไปรับส่งคุณเอง” วิสินีเด้งตัวลุกขึ้นจากตักของเขา
“ให้ลุงชินไปคอยรับส่งเหมือนเดิมก็ได้ เธอจะได้พักผ่อน”
“คุณอายคน?” เขาหลุดคำถามตัดพ้อออกมา
วิสินีตกใจ ไม่คิดว่าเตชินจะคิดแบบนี้
“เปล่า ฉัน..แค่ไม่อยากให้เธอไปเจอคนพวกนั้น”
“ก็นั่นไง มันไม่ได้แปลว่าคุณอายที่มีผมอยู่ในชีวิตคุณหรอกเหรอ”
“ไม่ใช่...ฉันจะพูดยังไงให้เธอเข้าใจล่ะ” ไม่ใช่ไม่อยากให้ชายหนุ่มคอยไปรับไปส่ง แต่เธอไม่อยากให้เขาไปเจอบรรดาไฮโซหิวเซ็กส์ต่างหาก
“ถ้าคุณพูดไม่ได้ เราก็เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” เตชินลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องนั่งเล่น ใช้ความเงียบเยียวยาหัวใจที่มีแต่บาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อวิสินีไม่อยู่บ้านชายหนุ่มก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม สู้เอาเวลาที่คิดฟุ้งซ่านไปดูแลร้านกาแฟไม่ดีกว่าหรือ คิดแบบนั้นแล้วสบายใจเตชินก็กลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องนอน หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้
เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกันทำให้วันนี้ชายหนุ่มดูเป็นเพลบอยไม่น้อย เขาอยากได้ความรู้สึกผ่อนคลายจึงเลือกรองท้าผ้าใบสีเดียวกันมาสวม มองไกล ๆ คล้ายหนุ่มน้อยคนหนึ่ง รถยนต์ซีดานสี่ประตูสีดำเคลื่อนออกจากที่พักมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ จุดหมายปลายทางคือคาเฟ่ริมแม่น้ำนครชัยศรี
ร้านกาแฟที่เขาทุ่มเทจนตอนนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าภูมิใจ
“เป็นไงบ้าง” ร่างสูงของเตชินผลักประตูด้านหลังร้านเข้ามา พนักงานประจำ 2 คน ยกมือขึ้นไหว้
“วันนี้คนเยอะมากเลยค่ะ” หนูนิดเป็นคนตอบ เธอแอบยิ้มเขินเล็กน้อย จะไม่ให้เขินได้ไงก็เจ้านายหล่อเป็นบ้าเลย ประกายรุ้งยังคงสนใจอยู่กับการดูแลลูกค้าที่สั่งเค้กหน้าเคาร์เตอร์
เตชินส่งยิ้มกลับไปให้ลูกค้าที่มองเขาแล้วยิ้ม ดีที่เจ้าหล่อนยังไม่เข้ามาขอลายเซ็น แม้จะไม่ใช่ดาราแต่ก็มีบ่อยครั้งที่ถูกขอลายเซ็นเอาดื้อ ๆ แม้เขาจะบอกแล้วว่าไม่ใช่ดารา
‘คุณหล่อกว่าดาราบางคนอีกค่ะ’
คำพูดเหล่านี้มักจะมาจากเด็กวัยรุ่นหรือนักศึกษาที่มาเช็คอินแล้วโพสลงโซเชียล นับว่าเป็นข้อดีที่ไม่ต้องลงทุนค่าโฆษณา และร้านของเขาได้รับการรีวิวระดีมากมาตลอด ทั้งเรื่องรสชาติเครื่องดื่ม และบรรยากาศร้าน
ชายหนุ่มมาช่วยงานที่ร้านเป็นประจำ ทำตัวประหนึ่งเป็นลูกจ้างเพราะเขาไม่เคยอยู่นิ่งแปลงร่างเป็นเด็กเสิร์ฟทุกครั้งที่มา
“โต๊ะไหน พี่ไปส่งให้” เขาอาสาเช่นเคย
“โต๊ะ 5 โซนโอเพ่นแอร์ค่ะ มีเค้กส้มกับอูจิมัทฉะร้อน” ประกายรุ้งวางถาดขนมและเครื่องดื่มบนเคาร์เตอร์เตี้ย ๆ ไม่วายแอบกระซิบเจ้านายหนุ่มถึงลูกค้าโต๊ะนั้น
‘สวยมากเลยค่ะ หนูว่าหน้าคุ้น ๆ เหมือนดารา’
เตชินเดินถือถาดออกมาด้านนอก เดินลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ที่จัดไว้ตามโซน แต่ละโต๊ะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว โต๊ะเบอร์ห้าตั้งอยู่ใต้ต้นลั่นทมใหญ่แผ่กิ่งก้านคลุมทั้งบริเวณ มีลานน้ำตกเล็ก ๆ ไหลตามทางเดินเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่เฟิร์นที่แทรกอยู่ตามก้อนหินที่เขาเลือกมาตกแต่งด้วยตัวเอง โซนนี้ถือเป็นมุมมหาชนที่ทุกคนต้องเข้ามาจับจอง
หญิงสาวนั่งหันหลังเตชินจึงมองสำรวจตามประสาผู้ชาย เส้นผมสีช็อกโกแลตม้วนลอนบริเวณปลายผมยาวสยายถึงกลางหลัง รูปร่างเพรียวบางอยู่ใต้เสื้อครอปผูกคอสีขาว โชว์แผ่นหลังขาวเนียน กางเกงยีนส์สีซีดตัดปลายรุ่ยขนาดพอดีตัวมองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอสวย แถมมีของดีซ่อนอยู่มากกว่าที่ตาเห็น
แต่บางอย่างในใจร้องเตือน คล้ายว่าเขาเคยเห็น แต่บอกตัวเองว่าผู้หญิงสวยหุ่นดีแบบนี้มีให้มองมากมาย เพราะสมัยนี้พวกเธอดูแลรูปร่างหน้าตาของตัวเองแข่งกัน
“เค้กส้มกับอูจิมัทฉะร้อนตามสั่งได้แล้วครับ” ชายหนุ่มวางขนมกับเครื่องดื่มบนโต๊ะ ตอนนี้เขารับหน้าที่เด็กเสิร์ฟไม่คิดจะยุ่งกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้าจึงไม่ทันได้มองหน้า
แต่เป็นหญิงสาวที่หันกลับมาส่งยิ้มและทักทาย
“สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะคุณเตชิน”
คนถูกทักชะงักไปเพียงนิด ไม่คิดว่าโลกจะเหวี่ยงคนอย่างพิมลดาลภัสเข้ามาในชีวิต เค้าลางแห่งความวุ่นวายก่อตัวขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย เขาปั้นหน้ายิ้มรับ
‘นางแม่มด’
***************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ