ราคีกามกามา
-
เขียนโดย Domewriter
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 17.19 น.
5 บท
0 วิจารณ์
2,977 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 14.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คนบ้าแซ่ฮ่วม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ เมืองอวง เขตแคว้นช่อ ชายในชุดชาวบ้านยากไร้ผู้หนึ่งกำลังปีนออกจากหน้าต่างบ้านหลังหนึ่ง หญิงสาวนางหนึ่งอยู่ภายในห้องนอน นางพึ่งสวมใส่อาภรณ์แต่งกายเสร็จ หันไป กล่าวว่า "พรุ่งนี้ สามีข้าพเจ้าอยู่บ้าน วันมะรืน ท่านค่อยมาได้ อย่าลืมมาเสียละ"
ชายผู้นั้นได้ยินคำพูดของหญิงสาวในห้อง แต่ไม่แยแสสนใจตอบคำ หรือหันมามองดูหญิงสาวแม้แต่น้อย รีบปีนออกทางหน้าต่าง หญิงสาวยิ้มด้วยรู้ว่าชายชู้ของนางอย่างไร ต้องกลับมาหานางอีก ชายผู้นั้นเดินย่องหลบหายไปทางสวนผักหลังบ้าน
ฮ่วมลี้ หรือ ฟ่านหลี เขามีนิสัยปล่อยตัวไม่สำรวม ตั้งแต่ฮ่วมลี้เป็นหนุ่มจนเข้าวัยกลางคน พฤติกรรมมักอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน จนชาวบ้านในเมืองเรียกเป็นฮ่วมฮวงจื้อ (คนบ้าแซ่ฮ่วม)
บุ้นเจ้ง ชายกลางคนได้มารับตำแหน่งนายอำเภอคนใหม่ที่เมืองอวง เมื่อได้ยินคำเล่าขานถึงพฤติกรรมและคำพูดของคนบ้าแซ่ฮ่วมที่แตกต่างจากคนทั่วไป จึงสนใจไปพบหน้าด้วยตนเองสักครั้ง ฮ่วมลี้อาศัยอยู่บ้านพี่ชายที่เป็นพ่อค้า บุ้นเจ้งไปที่บ้านครั้งแรกไม่พบ เนื่องจากฮ่วมลี้หลบหน้า บุ้นเจ้งมาถึงบ้านพี่ชายฮ่วมลี้ ใช้คำพูดเรียกฮ่วมลี้เป็นฮ่วมซิงแซแตกต่างจากชาวบ้านที่เห็นว่าฮ่วมลี้เป็นฮ่วมฮวงจื้อ ฮ่วมลี้จึงเกิดความสนใจนายอำเภอบุ้นเจ้ง เขาคาดว่าบุ้นเจ้งไปแล้วต้องย้อนกลับมาอีก อย่างไรนายอำเภอบุ้นเจ้งคงต้องการพบหน้าสักครั้งจึงเลิกรา ฮ่วมลี้ชอบใส่เสื้อผ้าชาวบ้านยากไร้ ในครั้งนี้จึงยืมเสื้อผ้าพี่ชายมาแต่งตัวให้ดูดีเรียบร้อย เพื่อรอบุ้นเจ้งย้อนกลับมาอีกครั้ง หลายชั่วยามต่อมาบุ้นเจ้งย้อนกลับมาตามที่ฮ่วมลี้คาดเดาเอาไว้ บุ้นเจ้งจึงได้พบกับฮ่วมลี้ ทั้งสองนั่งสนทนาวิพากวิจารณ์ปรัชญาการบริหารปกครองบ้านเมืองอย่างเป็นที่ถูกใจ ฮ่วมลี้ไม่ได้เปบ้าอย่างที่บุ้นเจ้งคาดคิดไว้จริงๆ ส่วนฮ่วมลี้พึ่งพบคนที่ปราชญ์เปรื่องสามารถเข้าใจรู้ความคิดอ่านของเขาได้เป็นครั้งแรก เมื่อทั้งสองคนต่างเห็นว่าแคว้นโง้วมีความเข้มแข็งมีความเจริญก้าวหน้า แคว้นช่อในตงง้วนที่อาศัยอยู่ แม้มีความยิ่งใหญ่แต่ก็วุ่นวายมีสภาพตกต่ำ หลังจากถูกแคว้นโง้วบุกเข้าตีเมืองหลวงเท่งโต้วจนพ่ายแพ้ บุ้นเจ้งเห็นว่าหากคิดหาความก้าวหน้า เวลาไม่อาจชักช้าจะสายเกินไป จึงชักชวนฮ่วมลี้ไปสมัครรับราชการที่แคว้นโง้ว โดยเขาจะลาออกจากการเป็นนายอำเภอเมืองอวง ฮ่วมลี้เห็นความจริงจังของบุ้นเจ้ง จึงตกลงร่วมเดินทางไปเมืองโง้ว ตลอดการเดินทางบุ้นเจ้งกับฮ่วมลี้กินนอนอาศัยที่เดียวกัน ยิ่งรู้จักนิสัยใจคอกัน ฮ่วมลี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฮ่วมฮวงจื้ออย่างที่ชาวบ้านเรียกขาน แต่จริงๆ เขาเป็นคนบ้าราคะ สมควรเรียกว่าคนบ้าราคะแซ่ฮ่วม บุ้นเจ้งเองก็เป็นคนบ้าราคะเช่นกัน แต่พื้นฐานเป็นขุนนางบ้านเมืองและมีคิดเป็นใหญ่ ดังนั้นถือหลักการปกครองว่าบ้าราคะเกินไปกลับมิอาจเป็นใหญ่ได้ บุ้นเจ้งจึงมิอาจประพฤติตัวนอกลู่นอกทางโดยไม่ยึดหลักศีลธรรมประเพณีเลยทีเดียวเฉกเช่นเดียวกับฮ่วมลี้ แต่ทั้งสองคนต่างก็ล้วนคิดตรงกันว่าหากได้รับตำแหน่งขุนนางใหญ่ในราชวัง เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ประจำแคว้น เมื่อมีทั้งอำนาจฐานะความเป็นอยู่ที่ดีย่อมทำให้สามารถมีหญิงงามเป็นภรรยาสี่ห้าร้อยนางบำเรอ บุ้นเจ้งเมื่อรู้ว่าฮ่วมลี้นอกจากเป็นมีสติปัญญาดีแล้ว แท้จริงยังเป็นคนบ้าราคะ จึงสอบถามว่าเหตุใดไม่มีข่าวเรื่องชู้สาวให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ฮ่วมลี้บอกว่า ตนเองมีพฤติกรรมเพี้ยนๆ คล้ายคนบ้า ย่อมไม่มีใครสนใจสังเกตรู้ถึงเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวของตนเองกับสตรีงดงามที่ไร้คู่รักและหญิงงามที่มีสามีที่อยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองอวง บุ้นเจ้งกับฮ่วมลี้พักอาศัยในเมืองโกวโซวในแคว้นโง้ว หลังจากสืบหาข้อมูลเรื่องแคว้นโง้วหลายเดือน ทั้งสองคนทราบว่าขุนนางต่างๆ ในราชสำนักของตี้ฮูซา ในเรื่องการปกครองบ้านเมืองของแคว้นโง้ว ตี้ฮูซาเพียงรับฟังซุนวูเสนาธิการและแม่ทัพคู่ใจนามว่าโง้วจื้อซู พวกตนเองทั้งสองคนไม่อาจเหนือล้ำกว่าซุนวูได้ จึงเดินทางมายังแคว้นอ้วกที่อยู่ติดกัน เพื่อแสวงหาโอกาสแสดงฝีมือเข้ารับยศตำแหน่งใหญ่ในราชวัง ทั้งสองคนสนทนากับทหารที่เฝ้าประตูราชวังโดยจ่ายค่าน้ำใจเพื่อขอเข้าไปสมัครเป็นขุนนางฝ่ายใน หากได้เป็นขุนนางในวังหลวงจะมีค่าตอบแทนให้อีก ทหารเฝ้าประตูจึงไปติดต่อขุนนางในวังให้ทั้งสองเข้าไปพบผู้ดูแลฝ่ายใน ขุนนางผู้ดูแลฝ่ายในสนทนากับบุ้นเจ้งและฮ่วมลี้แล้วพบว่าทั้งสองคนเป็นบันฑิตผู้มีความรู้โดยเฉพาะเรื่องในแคว้นโง้วก็ทราบโดยละเอียด ขุนนางผู้ดูแลฝ่ายในจึงรับบุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ทั้งสองไว้ทำหน้าที่เป็นขุนนางรับใช้ผู้ช่วยงานของตัวเอง ฮ่วมลี้และบุ้นเจ้งเป็นขุนนางอยู่ในวังหลวง ทั้งสองมีความคิดและพฤติกรรมที่เปล่งประกายเจิดจ้า จนในที่สุด ตี้เกาเจี้ยนเห็นความสามารถของ บุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ทั้งสองคนแล้วบังเกิดความนิยมชมชอบเลื่อนตำแหน่งทั้งสองเป็นผู้ช่วยขุนนางที่ปรึกษาทางทหารให้แคว้นอ้วก ต่อมาไม่นาน บุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางใหญ่ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน .....จบบทที่สาม
ชายผู้นั้นได้ยินคำพูดของหญิงสาวในห้อง แต่ไม่แยแสสนใจตอบคำ หรือหันมามองดูหญิงสาวแม้แต่น้อย รีบปีนออกทางหน้าต่าง หญิงสาวยิ้มด้วยรู้ว่าชายชู้ของนางอย่างไร ต้องกลับมาหานางอีก ชายผู้นั้นเดินย่องหลบหายไปทางสวนผักหลังบ้าน
ฮ่วมลี้ หรือ ฟ่านหลี เขามีนิสัยปล่อยตัวไม่สำรวม ตั้งแต่ฮ่วมลี้เป็นหนุ่มจนเข้าวัยกลางคน พฤติกรรมมักอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน จนชาวบ้านในเมืองเรียกเป็นฮ่วมฮวงจื้อ (คนบ้าแซ่ฮ่วม)
บุ้นเจ้ง ชายกลางคนได้มารับตำแหน่งนายอำเภอคนใหม่ที่เมืองอวง เมื่อได้ยินคำเล่าขานถึงพฤติกรรมและคำพูดของคนบ้าแซ่ฮ่วมที่แตกต่างจากคนทั่วไป จึงสนใจไปพบหน้าด้วยตนเองสักครั้ง ฮ่วมลี้อาศัยอยู่บ้านพี่ชายที่เป็นพ่อค้า บุ้นเจ้งไปที่บ้านครั้งแรกไม่พบ เนื่องจากฮ่วมลี้หลบหน้า บุ้นเจ้งมาถึงบ้านพี่ชายฮ่วมลี้ ใช้คำพูดเรียกฮ่วมลี้เป็นฮ่วมซิงแซแตกต่างจากชาวบ้านที่เห็นว่าฮ่วมลี้เป็นฮ่วมฮวงจื้อ ฮ่วมลี้จึงเกิดความสนใจนายอำเภอบุ้นเจ้ง เขาคาดว่าบุ้นเจ้งไปแล้วต้องย้อนกลับมาอีก อย่างไรนายอำเภอบุ้นเจ้งคงต้องการพบหน้าสักครั้งจึงเลิกรา ฮ่วมลี้ชอบใส่เสื้อผ้าชาวบ้านยากไร้ ในครั้งนี้จึงยืมเสื้อผ้าพี่ชายมาแต่งตัวให้ดูดีเรียบร้อย เพื่อรอบุ้นเจ้งย้อนกลับมาอีกครั้ง หลายชั่วยามต่อมาบุ้นเจ้งย้อนกลับมาตามที่ฮ่วมลี้คาดเดาเอาไว้ บุ้นเจ้งจึงได้พบกับฮ่วมลี้ ทั้งสองนั่งสนทนาวิพากวิจารณ์ปรัชญาการบริหารปกครองบ้านเมืองอย่างเป็นที่ถูกใจ ฮ่วมลี้ไม่ได้เปบ้าอย่างที่บุ้นเจ้งคาดคิดไว้จริงๆ ส่วนฮ่วมลี้พึ่งพบคนที่ปราชญ์เปรื่องสามารถเข้าใจรู้ความคิดอ่านของเขาได้เป็นครั้งแรก เมื่อทั้งสองคนต่างเห็นว่าแคว้นโง้วมีความเข้มแข็งมีความเจริญก้าวหน้า แคว้นช่อในตงง้วนที่อาศัยอยู่ แม้มีความยิ่งใหญ่แต่ก็วุ่นวายมีสภาพตกต่ำ หลังจากถูกแคว้นโง้วบุกเข้าตีเมืองหลวงเท่งโต้วจนพ่ายแพ้ บุ้นเจ้งเห็นว่าหากคิดหาความก้าวหน้า เวลาไม่อาจชักช้าจะสายเกินไป จึงชักชวนฮ่วมลี้ไปสมัครรับราชการที่แคว้นโง้ว โดยเขาจะลาออกจากการเป็นนายอำเภอเมืองอวง ฮ่วมลี้เห็นความจริงจังของบุ้นเจ้ง จึงตกลงร่วมเดินทางไปเมืองโง้ว ตลอดการเดินทางบุ้นเจ้งกับฮ่วมลี้กินนอนอาศัยที่เดียวกัน ยิ่งรู้จักนิสัยใจคอกัน ฮ่วมลี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฮ่วมฮวงจื้ออย่างที่ชาวบ้านเรียกขาน แต่จริงๆ เขาเป็นคนบ้าราคะ สมควรเรียกว่าคนบ้าราคะแซ่ฮ่วม บุ้นเจ้งเองก็เป็นคนบ้าราคะเช่นกัน แต่พื้นฐานเป็นขุนนางบ้านเมืองและมีคิดเป็นใหญ่ ดังนั้นถือหลักการปกครองว่าบ้าราคะเกินไปกลับมิอาจเป็นใหญ่ได้ บุ้นเจ้งจึงมิอาจประพฤติตัวนอกลู่นอกทางโดยไม่ยึดหลักศีลธรรมประเพณีเลยทีเดียวเฉกเช่นเดียวกับฮ่วมลี้ แต่ทั้งสองคนต่างก็ล้วนคิดตรงกันว่าหากได้รับตำแหน่งขุนนางใหญ่ในราชวัง เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ประจำแคว้น เมื่อมีทั้งอำนาจฐานะความเป็นอยู่ที่ดีย่อมทำให้สามารถมีหญิงงามเป็นภรรยาสี่ห้าร้อยนางบำเรอ บุ้นเจ้งเมื่อรู้ว่าฮ่วมลี้นอกจากเป็นมีสติปัญญาดีแล้ว แท้จริงยังเป็นคนบ้าราคะ จึงสอบถามว่าเหตุใดไม่มีข่าวเรื่องชู้สาวให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ฮ่วมลี้บอกว่า ตนเองมีพฤติกรรมเพี้ยนๆ คล้ายคนบ้า ย่อมไม่มีใครสนใจสังเกตรู้ถึงเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวของตนเองกับสตรีงดงามที่ไร้คู่รักและหญิงงามที่มีสามีที่อยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองอวง บุ้นเจ้งกับฮ่วมลี้พักอาศัยในเมืองโกวโซวในแคว้นโง้ว หลังจากสืบหาข้อมูลเรื่องแคว้นโง้วหลายเดือน ทั้งสองคนทราบว่าขุนนางต่างๆ ในราชสำนักของตี้ฮูซา ในเรื่องการปกครองบ้านเมืองของแคว้นโง้ว ตี้ฮูซาเพียงรับฟังซุนวูเสนาธิการและแม่ทัพคู่ใจนามว่าโง้วจื้อซู พวกตนเองทั้งสองคนไม่อาจเหนือล้ำกว่าซุนวูได้ จึงเดินทางมายังแคว้นอ้วกที่อยู่ติดกัน เพื่อแสวงหาโอกาสแสดงฝีมือเข้ารับยศตำแหน่งใหญ่ในราชวัง ทั้งสองคนสนทนากับทหารที่เฝ้าประตูราชวังโดยจ่ายค่าน้ำใจเพื่อขอเข้าไปสมัครเป็นขุนนางฝ่ายใน หากได้เป็นขุนนางในวังหลวงจะมีค่าตอบแทนให้อีก ทหารเฝ้าประตูจึงไปติดต่อขุนนางในวังให้ทั้งสองเข้าไปพบผู้ดูแลฝ่ายใน ขุนนางผู้ดูแลฝ่ายในสนทนากับบุ้นเจ้งและฮ่วมลี้แล้วพบว่าทั้งสองคนเป็นบันฑิตผู้มีความรู้โดยเฉพาะเรื่องในแคว้นโง้วก็ทราบโดยละเอียด ขุนนางผู้ดูแลฝ่ายในจึงรับบุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ทั้งสองไว้ทำหน้าที่เป็นขุนนางรับใช้ผู้ช่วยงานของตัวเอง ฮ่วมลี้และบุ้นเจ้งเป็นขุนนางอยู่ในวังหลวง ทั้งสองมีความคิดและพฤติกรรมที่เปล่งประกายเจิดจ้า จนในที่สุด ตี้เกาเจี้ยนเห็นความสามารถของ บุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ทั้งสองคนแล้วบังเกิดความนิยมชมชอบเลื่อนตำแหน่งทั้งสองเป็นผู้ช่วยขุนนางที่ปรึกษาทางทหารให้แคว้นอ้วก ต่อมาไม่นาน บุ้นเจ้งและฮ่วมลี้ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางใหญ่ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน .....จบบทที่สาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ