เป็นเธอ.
-
เขียนโดย timenology
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 10.50 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
1,772 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 10.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) พักกลางวันที่แสนสงบสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอืมม… เหลือเวลาอีก 40 นาทีถึงจะเข้าคาบบ่าย ไปนั่งที่ไหนดีนะ ?
ฉัน “เรน” ไม่ถึงกับไม่มีเพื่อน แต่เพราะไม่ชอบสุงสิงกับใครมากเกินไป เลยปลีกวิเวกออกมาคนเดียวบ่อยๆ ช่วงพักกลางวันก็เป็นอีกช่วงที่ฉันชอบเพราะได้ใช้เวลาอย่างอิสระ ฉันไม่ค่อยกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร จะซื้อเป็นของกินเล่นหรือขนมมานั่งกินตามสนามหญ้า ใต้ต้นไม้ มุมตึก ดาดฟ้า ห้องสมุด หรือที่อื่นๆ ที่ขาจะพาเดินไปได้ แล้วก็นั่งเล่นจนได้ยินเสียงกริ่งดัง บางทีก็พกหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา บางทีก็งีบหลับสักหน่อย หรือบางทีก็ออกไปเดินเล่นบ้าง
วันนี้ไปห้องศิลปะละกัน ไปดูด้วยว่ามีผลงานใหม่ๆ มาวางรึยัง วิชาศิลปะที่โรงเรียนฉันค่อนข้างเปิดกว้าง นักเรียนสามารถทำงานศิลปะได้หลายรูปแบบและอุปกรณ์ของที่นี่ก็ค่อนข้างครบครัน ไม่ว่าจะสีน้ำ สีน้ำมัน งานปั้น งานไม้ ก็มีให้ทำหมด ผลงานที่นักเรียนทำก็ถูกเก็บไว้ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน ฉันแวะมาดูงานของนักเรียนคนอื่นเป็นครั้งคราว นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วนับจากที่มาดูครั้งล่าสุด ภาพวาดที่เป็นสวนดอกไม้อันนั้นจะเสร็จรึยังนะ ?
“ตะวัน เอ่อ… ฉันคิดกับนายมากกว่าเพื่อน” เสียงผู้หญิงพูดสั่นๆ เหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
ฉันที่กำลังนั่งดูงานแกะสลักไม้อยู่ที่ซอกหนึ่งในห้องได้ยินเสียงแว่วมาจากทางหน้าห้อง “หืม !?” โอเค ไม่เป็นไร เราแค่หลบอยู่ตรงนี้จนกว่าเขาจะคุยกันเสร็จละกัน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ ?”
“ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากบอกนาย”
“อืม ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษด้วย”
“เราคิดไว้แล้วแหละว่าจะเป็นแบบนี้ ตะวัน นายน่ะทั้งสดใส ใจดี มีแต่คนชอบ ขนาดฉันยังชอบนายเลย …ไม่เป็นไรหรอก” เสียงของหญิงสาวเริ่มสั่น ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร
“เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้นิ ใช่มั้ย” เสียงของชายหนุ่มพูดปลอบอย่างใจดี แน่นอนว่าเสียงสะอื้นดังขึ้น
“เดี๋ยวเธอก็ได้เจอคนอื่นอีก เชื่อฉันสิ”
ให้ตายเถอะหมอนี่จะมาใจดีในเวลาแบบนี้มันก็เท่ากับแอบใจร้ายกับฝ่ายหญิงไปหน่อยนะ แต่ช่างเถอะ เมื่อไหร่จะแยกย้ายละเนี่ย
กึก… เสียงประตูปิดลง เสียงคนพูดก็เงียบหายไปด้วย ฉันมองลอดออกไปไม่เห็นคนแล้ว เห้อ… ใกล้จะหมดเวลาพักแล้วด้วย ออกไปเลยดีกว่า
“เฮือก !!” นี่มันตะวัน คนที่โดนสารภาพรักในห้องเมื่อกี้นิ !! “อะ เอ่อ… ขอไปหน่อยนะ จะหมดเวลาพักแล้ว” ฉันเดินก้มหน้างุดออกไปอย่างเร็ว พอลงมาชั้นล่างได้ก็ถอนหายใจยาวๆ เห้อออ… เมื่อกี้มันอะไรกันเนี่ย โอ้ย นายนั่นเดินย้อนกลับมาหรือว่ายืนรออยู่หน้าห้องตั้งแต่แรก แล้วสีหน้านายนั่นตอนเห็นฉันเปิดประตูออกไปเป็นแบบไหนนะ ฉันตกใจตัวแข็งไม่กล้ามองหน้าเลย แล้วทำไมฉันไม่รออีกซักหน่อยค่อยออกมาก็ได้เล่า แต่ว่าถ้ารอจะต้องรอจนถึงตอนไหนใครจะรู้อีกล่ะ โอ้ยยย
หลังคุยกับตัวเองแล้วถอนหายใจยาวๆ ฉันก็มีสติมากขึ้น ฉันตัดสินใจที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น และภาวนาให้นายตะวันลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน
ณ ห้องเรียน
ครูเอมหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วเก็บของเตรียมออกจากห้อง เพื่อนๆ เริ่มหันไปพูดคุยกันเพราะใกล้จะหมดคาบแล้ว
“เอาล่ะ งานชิ้นนี้จะเป็นคะแนนเก็บของพวกเธอ ครูสุ่มคู่มาให้แล้ว มาดูรายชื่อที่หน้ากระดานได้เลย ครูจบคาบเท่านี้ค่ะ” ครูเอม วิชาสังคม สั่งงานให้ไปดูหนังแล้วนำเสนอการวิจารณ์ ซึ่งครูให้ทำเป็นคู่โดยสุ่มรายชื่อให้ ฉันเดินไปดูรายชื่อหน้าห้องเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แล้วกลับมาที่โต๊ะเงียบๆ
“บังเอิญอีกแล้วนะ” ตะวันที่นั่งข้างหลังฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่ง
“…” ฉันลืมไปสนิทว่าอยู่ห้องเดียวกับนายนี่ แล้วฉันก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดไม่รู้ตัวเลยว่านายนี่นั่งข้างหลังฉันมาเกือบเทอมแล้ว !
“ฮะๆ งั้นเราทำเรื่องอะไรดี” ฉันยิ้มแหยๆ บังเอิญอีกแล้วงั้นหรอ ฉันทำเนียนไม่รู้เรื่องแล้วกัน
“ฉันชอบดูหนังรัก เธอล่ะ” เอ่อะ พอได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ แฮะ
“ฉันไม่มีแนวที่ชอบเป็นพิเศษหรอก อะไรก็ได้”
“หรอ ถ้างั้นไว้ฉันเลือกมาให้เธอจะติดอะไรมั้ย”
“ได้สิ เลือกมาเผื่อซัก 2-3 เรื่องก็ได้ แล้วมาคัดอีกที”
“โอเค ถ้างั้นฉันขอไลน์เธอหน่อยสิ จะได้คุยกันต่อได้” แล้วตะวันกับฉันก็แลกไลน์กันก่อนที่จะหันกลับไปเรียนวิชาต่อไป
ครืด~ มือถือฉันแจ้งเตือนว่ามีคนไลน์มา
TAWAAAN : ฮาย
pouringrain : …
TAWAAAN : before sunrise, before sunset, before midnight เธอเอาเรื่องไหน
pouringrain : นั่นมันไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอ
ฉันหันไปมองหน้าตะวันที่ยิ้มแฉ่งตั้งรับไว้แล้ว เห้อ ฉันต้องเลือกสินะ
pouringrain : งั้นฉันเลือก before sunrise ละกัน
“ดีมาก” ตะวันโน้มตัวมากระซิบข้างหลังหูฉัน เฮือก ! ฉันตัวแข็งไปสองวิก่อนที่สติจะกลับมาจดจ่อกับเนื้อหาบนกระดานต่อได้
กริ๊งงง~ เสียงออดวิชาสุดท้ายดังขึ้น พร้อมกับเสียงเพื่อนๆ ที่เก็บของลงกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
ครืด~ เอ้ะ แจ้งเตือนไลน์อีกแล้วหรอ
NameLess : เราส่งของไปให้น่าจะถึงแล้วล่ะ
ฉันรีบเก็บของและเด้งตัวกลับบ้านอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นข้อความ จนไม่ทันสังเกตว่าตะวันทำท่าจะรั้งไว้เหมือนอยากจะคุยด้วย
…
ฉันวิ่งมาถึงหน้าบ้านแล้วและกำลังหอบอยู่ เหนื่อยจัง มีพัสดุวางไว้จริงด้วย ฉันรีบหยิบเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ตื่นเต้นจัง ข้างในจะเป็นอะไรนะ
“เรน ออกมาเอากับข้าวก่อน” เสียงดุๆ ของพี่คินดังขึ้นขัดจังหวะ
“อือ แปปนึง”
พี่คิน หรือ อคิน เป็นพี่ชายข้างบ้านที่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงสองสามปีมานี้พ่อแม่ฉันต้องไปดูธุรกิจที่ต่างจังหวัด ฉันเลยต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยมีบ้านพี่คินช่วยดูแล เมื่อก่อนฉันก็สนิทกับพี่คินนะ เพราะตามต้อยๆ เล่นด้วยกันตลอด แต่พอโตขึ้นต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองมากขึ้นเลยห่างกันเป็นธรรมดา ตอนนี้พี่คินเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วด้วย พ่อกับแม่พี่คินก็ไม่ค่อยมานอนบ้านนี้ซักเท่าไหร่ พี่คินเลยพาเพื่อน พาสาว มานอนด้วยบ่อยๆ ฉันเองก็ไม่ค่อยกล้าไปรบกวนมาก
กลับมาที่พัสดุของฉันดีกว่า เพื่อนทางเน็ตที่รู้จักกันมานานส่งของขวัญวันเกิดล่วงหน้ามาให้ด้วย เพื่อนทางเน็ตเจ้าของชื่อไลน์ว่า NameLess ฉันรู้จักมานานแล้ว เราเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้คุยด้วยแล้วสบายใจ เหมือนกับเขาเป็นเพื่อนในชีวิตเราจริงๆ รับรู้ปัญหาของเราจริงๆ แต่ว่าเราก็ยังไม่เคยเจอกันซักที ชื่อจริงๆ ของเขาคืออะไรฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ซึ่งฉันว่าการรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ น่ะดีแล้ว
ครืด~
NameLess : เปิดดูยางงง
pouringrain : กำลังจะเปิดเนี่ย
ฉันแกะกล่องด้วยความระมัดระวัง น้ำหนักกล่องไม่ได้หนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนเกินไป หลังจากคุ้ยกระดาษฝอยกันกระแทกออกก็เจอกับกล่องเพลงไขลานน่ารักๆ ข้างบนเป็นตุ๊กตาบ้านในสวนดูอบอุ่น ฉันลองไขดูกลไกของกล่องก็หมุนไปพร้อมมีเสียงเพลงน่ารักๆ ออกมา ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดี เขาเลือกของขวัญได้ถูกใจฉันมากอีกแล้ว
pouringrain : ขอบคุณนะ ฉันชอบมากเลย
NameLess : เวลาเธอเหงาก็เอาออกมาเล่นบ่อยๆ นะ มันน่าจะช่วยคลายเหงาได้
นี่ฉันนั่งน้ำตาซึมกับของขวัญจากคนแปลกหน้าหรอเนี่ย หรือว่าฉันจะเหงาเกินไปจริงๆ
“เรนนนนนน” เสียงดุๆ ดังขึ้นขัดจังหวะ ฉันตกใจหมดเลย
“ไปแล้วๆ” ฉันเดินไปหน้าบ้านเจอกับพี่คินแต่งตัวสบายๆ ถือหม้อแกงเลียงมาให้
“อะ ใกล้ถึงวันเกิดละนิ ช่วงนี้ก็ได้กินดีหน่อยนะ”
“โห หอมมาก พี่คินว่างมาทำกับข้าวละหรอ”
“จะเอามั้ยฮะ”
“เอาค่า ขอบคุณนะคะพี่ชาย” ฉันแกล้งหยอกพี่คินด้วยการไหว้ย่อไปหนึ่งที ฮ่าๆ แกล้งคนขี้เก็กมันสนุกแบบนี้แหละ
วันนี้เป็นวันดีๆ อีกหนึ่งวัน รีบกลับบ้านมาเจอกับของขวัญสุดประทับใจ แถมพี่คินยังทำอาหารโปรดมาให้กินอีกด้วย เรื่องที่เจอที่โรงเรียนตอนนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉันแล้ว เย้
หลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ฉันเป็นคนค่อนข้างแบ่งเวลาชัดเจน อาจจะด้วยความที่ต้องอยู่คนเดียว พึ่งตัวเองเป็นหลัก ก็เลยมีวินัยค่อนข้างมาก
ฉันหยิบกล่องเพลงมาไขลานมองดูบ้านหลังน้อยหมุนไปพร้อมเสียงเพลง ฉันฝันอยากมีบ้านแบบนี้แหละ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ชีวิตน่าจะมีความสุข มีชีวิตชีวามากกว่านี้
ครืด~
TAWAAAN : เธอออ
TAWAAAN : เคยดู before sunrise แล้วใช่มั้ย
TAWAAAN : นัดวันคุยงานเลยมั้ย
pouringrain : ได้ เป็นหลังเลิกเรียนดีมั้ย
TAWAAAN : โอเค งั้นหลังเลิกเรียนวันศุกร์นะ จะได้มีเวลาไปคิดก่อนสองวัน
วันศุกร์หรอ วันเกิดฉันพอดีนี่นา แต่เอ้ะ ฉันก็ไม่ได้มีนัดฉลองอะไรกับใครอยู่แล้วนี่ ไม่เป็นไรหรอก
pouringrain : โอเคเลย
…
เช้านี้มาแปลก พี่คินดักรออยู่หน้าบ้านในชุดนักศึกษาพร้อมบิ๊กไบค์คันโต
“ปะ ขึ้นรถ”
“ฮะ ?” ฉันงง ไม่ใช่ว่าพี่คินไม่เคยไปส่งที่โรงเรียนนะ เมื่อก่อนก็เรียนโรงเรียนเดียวกันเลยได้ไปโรงเรียนด้วยกันบ่อยครั้ง แต่นี่ถ้าพี่คินจะใส่ชุดนักศึกษาไปส่งฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
“เดี๋ยวฉันไปส่ง มีเรียนเช้าพอดี”
“อ่า อืม” ฉันเขย่งขึ้นไปนั่งคร่อมที่เบาะคนขับ สูงชะมัด
“จับดีๆ นะ” บรื้น~! บิ๊กไบค์กระชากตัวออกอย่างเร็ว ฉันตกใจจนเผลอกอดเอวพี่คิน ถึงพี่คินจะขับไม่ได้เร็วมากถ้าเทียบกับรถบนถนน แต่ฉันไม่ชินกับการนั่งบิ๊กไบค์ก็เลยแอบกลัว
เห้อ ถึงหน้าโรงเรียนจนได้ พี่คินเอาขาตั้งลงแล้วลงจากรถมาถอดหมวกกันน็อคให้ฉัน
“ผมยุ่งหมดแล้ว” มือพี่คินจัดทรงผมให้ฉัน หน้าเราใกล้กันมากกว่าปกติ ทำเอาฉันคิดว่าที่ผ่านมาเราห่างกันเกินไปรึเปล่า พี่คินโตขนาดนี้แล้วหรอ
“จะลงมายัง”
“ลงๆ” ฉันทุลักทุเลแปปนึงกว่าจะลงจากเบาะได้
“ตั้งใจเรียนล่ะ” พี่คินบอกกับฉันพร้อมยกมือขึ้นทำท่าจะไปแล้ว
“บอกตัวเองเหอะ” ฮ่าๆ ฉันหัวเราะเพราะมือที่ทำท่าจะบ๊ายบายกลายเป็นจะตีฉัน
วันนี้มาโรงเรียนเช้าหน่อย คนยังมาไม่มาก อากาศก็เย็นดี ไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นไม้ก่อนละกัน ฉันเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้าไป ขวามือเป็นสนามบาส เช้าๆ แบบนี้มีนักเรียนมาวิ่งรอบสนามด้วยแฮะ อาจจะเป็นนักกีฬา
“เมื่อกี้ใครหรอ” จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาฉันตกใจหมด
“ฮู่ว นายนี่เอง ตกใจหมดเลย เมื่อกี้พี่เราเอง ทำไมหรอ”
“อ๋อ เปล่า เห็นใส่ชุดนักศึกษามหาลัยที่เราสนใจพอดี” ตะวันทำหน้างงๆ แต่ปากก็บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะมาเซ้าซี้ฉันว่าทำไมมาโรงเรียนเช้าจัง
“แล้วเธอจะไปไหน ไม่ขึ้นห้องเรียนเลยหรอ” ตะวันเดินตามฉันต้อยๆ มาทำไมไม่รู้
“แล้วนายล่ะ ปกติมาเช้าหรอ มาทำอะไรล่ะ”
“ฉันมากินข้าวเช้าที่โรงเรียน แล้วก็บางวันมีนัดเล่นบาสกับเพื่อนบ้าง บางวันก็มีนัดซ้อมดนตรี”
“แล้ววันนี้ไม่มีนัด ?” ฉันถามเพราะนายนี่ทำตัวเหมือนสนิทกันเร็วไปหน่อย
“ตอนแรกมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” นายนี่หน้าเปื้อนยิ้มได้ตลอดเวลาจริงๆ
“แล้ว ?” หมายถึงว่านายจะเอายังไงต่อ
“แล้ว ?” ตะวันล้อเลียนฉัน
“…”
“โหเรนนน แล้วเธอจะไปไหนอะ ไปด้วยดิ”
“อ่า…”
“งั้นไปดาดฟ้ากันมั้ย ฉันพาไปเอง” พูดยังไม่ทันขาดคำ ตะวันก็คว้ามือฉันแล้ววิ่งไปขึ้นลิฟต์
“แฮ่กๆๆ เห้อ นายจะวิ่งทำไมเนี่ย” ฉันยืนหอบอยู่ในลิฟต์ก่อนที่จะขึ้นมาถึงชั้นหก เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกก่อนตะวันจะเปิดประตูออกไปยังดาดฟ้า
ลมเย็นตีเข้าหน้าพร้อมกับแดดอ่อนสีทอง ฉันเดินออกไปเกาะลูกกรง ข้างล่างเห็นเป็นสนามบาสที่มีกลุ่มคนมาเล่นกันแล้ว ทางศาลาก็เริ่มมีกลุ่มเด็กผู้หญิงมาจับจอง ในโรงอาหารก็เห็นคนเข้าออกเยอะขึ้น
สวยดีจัง แสงแดดสีทองที่มาพร้อมกับลมเย็นๆ ทำเอาฉันมองภาพคนเดินไปเดินมาเพลินได้เป็นสิบนาที
“ฉันมาดาดฟ้าบ่อยนะ แต่ไม่เคยขึ้นมาตอนเช้าเลย” ฉันหันไปพูดกับตะวันพร้อมรอยยิ้ม แล้วก็เจอกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของตะวันที่เหมือนกำลังมองฉันอยู่พอดี
“ฉันถึงพาเธอมาไง”
“ฮะ อะไรนะ” เสียงวิทยุประจำวันดังขึ้นมาพอดี นักเรียนชมรมกระจายเสียงจะมีจัดรายการวิทยุตอนเช้าทุกวัน
“อ้อ ฉันชอบมานั่งคิดอะไรเพลินๆ น่ะ ลมมันเย็นดีด้วย”
“คิดไม่ถึงนะว่านายจะมีมุมนี้ด้วย นายดูเพื่อนเยอะจะตาย”
“ไม่หรอก ฉันก็ต้องการเวลาอยู่คนเดียวบ้าง ว่าแต่เธอล่ะ เห็นทีไรก็อยู่คนเดียวตลอด ไม่ไปกับเพื่อนบ้างอะ”
“ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย หลายคนก็หลายความ”
“เธอเก่งจังที่อยู่คนเดียวได้”
“มันชินมากกว่าน่ะ สบายใจกว่าด้วย มีความสุขแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ”
“แล้วเธอไม่เหงาหรอเวลาเห็นเพื่อนคุยเล่นกัน”
“อืม… ก็นะ” ฉันเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกับว่าทุกวันนี้มันก็ดีพอสำหรับฉันอยู่แล้ว ถึงจะเหงาไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไร
กริ๊งงง~ สัญญาณเรียกเข้าแถวดังขึ้นแล้ว
“ปะ ลงไปได้แล้ว” ฉันบอกกับตะวันแล้วเดินนำลงไป
ฉัน “เรน” ไม่ถึงกับไม่มีเพื่อน แต่เพราะไม่ชอบสุงสิงกับใครมากเกินไป เลยปลีกวิเวกออกมาคนเดียวบ่อยๆ ช่วงพักกลางวันก็เป็นอีกช่วงที่ฉันชอบเพราะได้ใช้เวลาอย่างอิสระ ฉันไม่ค่อยกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร จะซื้อเป็นของกินเล่นหรือขนมมานั่งกินตามสนามหญ้า ใต้ต้นไม้ มุมตึก ดาดฟ้า ห้องสมุด หรือที่อื่นๆ ที่ขาจะพาเดินไปได้ แล้วก็นั่งเล่นจนได้ยินเสียงกริ่งดัง บางทีก็พกหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา บางทีก็งีบหลับสักหน่อย หรือบางทีก็ออกไปเดินเล่นบ้าง
วันนี้ไปห้องศิลปะละกัน ไปดูด้วยว่ามีผลงานใหม่ๆ มาวางรึยัง วิชาศิลปะที่โรงเรียนฉันค่อนข้างเปิดกว้าง นักเรียนสามารถทำงานศิลปะได้หลายรูปแบบและอุปกรณ์ของที่นี่ก็ค่อนข้างครบครัน ไม่ว่าจะสีน้ำ สีน้ำมัน งานปั้น งานไม้ ก็มีให้ทำหมด ผลงานที่นักเรียนทำก็ถูกเก็บไว้ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน ฉันแวะมาดูงานของนักเรียนคนอื่นเป็นครั้งคราว นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วนับจากที่มาดูครั้งล่าสุด ภาพวาดที่เป็นสวนดอกไม้อันนั้นจะเสร็จรึยังนะ ?
“ตะวัน เอ่อ… ฉันคิดกับนายมากกว่าเพื่อน” เสียงผู้หญิงพูดสั่นๆ เหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
ฉันที่กำลังนั่งดูงานแกะสลักไม้อยู่ที่ซอกหนึ่งในห้องได้ยินเสียงแว่วมาจากทางหน้าห้อง “หืม !?” โอเค ไม่เป็นไร เราแค่หลบอยู่ตรงนี้จนกว่าเขาจะคุยกันเสร็จละกัน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ ?”
“ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากบอกนาย”
“อืม ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษด้วย”
“เราคิดไว้แล้วแหละว่าจะเป็นแบบนี้ ตะวัน นายน่ะทั้งสดใส ใจดี มีแต่คนชอบ ขนาดฉันยังชอบนายเลย …ไม่เป็นไรหรอก” เสียงของหญิงสาวเริ่มสั่น ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร
“เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้นิ ใช่มั้ย” เสียงของชายหนุ่มพูดปลอบอย่างใจดี แน่นอนว่าเสียงสะอื้นดังขึ้น
“เดี๋ยวเธอก็ได้เจอคนอื่นอีก เชื่อฉันสิ”
ให้ตายเถอะหมอนี่จะมาใจดีในเวลาแบบนี้มันก็เท่ากับแอบใจร้ายกับฝ่ายหญิงไปหน่อยนะ แต่ช่างเถอะ เมื่อไหร่จะแยกย้ายละเนี่ย
กึก… เสียงประตูปิดลง เสียงคนพูดก็เงียบหายไปด้วย ฉันมองลอดออกไปไม่เห็นคนแล้ว เห้อ… ใกล้จะหมดเวลาพักแล้วด้วย ออกไปเลยดีกว่า
“เฮือก !!” นี่มันตะวัน คนที่โดนสารภาพรักในห้องเมื่อกี้นิ !! “อะ เอ่อ… ขอไปหน่อยนะ จะหมดเวลาพักแล้ว” ฉันเดินก้มหน้างุดออกไปอย่างเร็ว พอลงมาชั้นล่างได้ก็ถอนหายใจยาวๆ เห้อออ… เมื่อกี้มันอะไรกันเนี่ย โอ้ย นายนั่นเดินย้อนกลับมาหรือว่ายืนรออยู่หน้าห้องตั้งแต่แรก แล้วสีหน้านายนั่นตอนเห็นฉันเปิดประตูออกไปเป็นแบบไหนนะ ฉันตกใจตัวแข็งไม่กล้ามองหน้าเลย แล้วทำไมฉันไม่รออีกซักหน่อยค่อยออกมาก็ได้เล่า แต่ว่าถ้ารอจะต้องรอจนถึงตอนไหนใครจะรู้อีกล่ะ โอ้ยยย
หลังคุยกับตัวเองแล้วถอนหายใจยาวๆ ฉันก็มีสติมากขึ้น ฉันตัดสินใจที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น และภาวนาให้นายตะวันลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน
ณ ห้องเรียน
ครูเอมหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วเก็บของเตรียมออกจากห้อง เพื่อนๆ เริ่มหันไปพูดคุยกันเพราะใกล้จะหมดคาบแล้ว
“เอาล่ะ งานชิ้นนี้จะเป็นคะแนนเก็บของพวกเธอ ครูสุ่มคู่มาให้แล้ว มาดูรายชื่อที่หน้ากระดานได้เลย ครูจบคาบเท่านี้ค่ะ” ครูเอม วิชาสังคม สั่งงานให้ไปดูหนังแล้วนำเสนอการวิจารณ์ ซึ่งครูให้ทำเป็นคู่โดยสุ่มรายชื่อให้ ฉันเดินไปดูรายชื่อหน้าห้องเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แล้วกลับมาที่โต๊ะเงียบๆ
“บังเอิญอีกแล้วนะ” ตะวันที่นั่งข้างหลังฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่ง
“…” ฉันลืมไปสนิทว่าอยู่ห้องเดียวกับนายนี่ แล้วฉันก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดไม่รู้ตัวเลยว่านายนี่นั่งข้างหลังฉันมาเกือบเทอมแล้ว !
“ฮะๆ งั้นเราทำเรื่องอะไรดี” ฉันยิ้มแหยๆ บังเอิญอีกแล้วงั้นหรอ ฉันทำเนียนไม่รู้เรื่องแล้วกัน
“ฉันชอบดูหนังรัก เธอล่ะ” เอ่อะ พอได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ แฮะ
“ฉันไม่มีแนวที่ชอบเป็นพิเศษหรอก อะไรก็ได้”
“หรอ ถ้างั้นไว้ฉันเลือกมาให้เธอจะติดอะไรมั้ย”
“ได้สิ เลือกมาเผื่อซัก 2-3 เรื่องก็ได้ แล้วมาคัดอีกที”
“โอเค ถ้างั้นฉันขอไลน์เธอหน่อยสิ จะได้คุยกันต่อได้” แล้วตะวันกับฉันก็แลกไลน์กันก่อนที่จะหันกลับไปเรียนวิชาต่อไป
ครืด~ มือถือฉันแจ้งเตือนว่ามีคนไลน์มา
TAWAAAN : ฮาย
pouringrain : …
TAWAAAN : before sunrise, before sunset, before midnight เธอเอาเรื่องไหน
pouringrain : นั่นมันไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอ
ฉันหันไปมองหน้าตะวันที่ยิ้มแฉ่งตั้งรับไว้แล้ว เห้อ ฉันต้องเลือกสินะ
pouringrain : งั้นฉันเลือก before sunrise ละกัน
“ดีมาก” ตะวันโน้มตัวมากระซิบข้างหลังหูฉัน เฮือก ! ฉันตัวแข็งไปสองวิก่อนที่สติจะกลับมาจดจ่อกับเนื้อหาบนกระดานต่อได้
กริ๊งงง~ เสียงออดวิชาสุดท้ายดังขึ้น พร้อมกับเสียงเพื่อนๆ ที่เก็บของลงกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
ครืด~ เอ้ะ แจ้งเตือนไลน์อีกแล้วหรอ
NameLess : เราส่งของไปให้น่าจะถึงแล้วล่ะ
ฉันรีบเก็บของและเด้งตัวกลับบ้านอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นข้อความ จนไม่ทันสังเกตว่าตะวันทำท่าจะรั้งไว้เหมือนอยากจะคุยด้วย
…
ฉันวิ่งมาถึงหน้าบ้านแล้วและกำลังหอบอยู่ เหนื่อยจัง มีพัสดุวางไว้จริงด้วย ฉันรีบหยิบเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ตื่นเต้นจัง ข้างในจะเป็นอะไรนะ
“เรน ออกมาเอากับข้าวก่อน” เสียงดุๆ ของพี่คินดังขึ้นขัดจังหวะ
“อือ แปปนึง”
พี่คิน หรือ อคิน เป็นพี่ชายข้างบ้านที่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงสองสามปีมานี้พ่อแม่ฉันต้องไปดูธุรกิจที่ต่างจังหวัด ฉันเลยต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยมีบ้านพี่คินช่วยดูแล เมื่อก่อนฉันก็สนิทกับพี่คินนะ เพราะตามต้อยๆ เล่นด้วยกันตลอด แต่พอโตขึ้นต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองมากขึ้นเลยห่างกันเป็นธรรมดา ตอนนี้พี่คินเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วด้วย พ่อกับแม่พี่คินก็ไม่ค่อยมานอนบ้านนี้ซักเท่าไหร่ พี่คินเลยพาเพื่อน พาสาว มานอนด้วยบ่อยๆ ฉันเองก็ไม่ค่อยกล้าไปรบกวนมาก
กลับมาที่พัสดุของฉันดีกว่า เพื่อนทางเน็ตที่รู้จักกันมานานส่งของขวัญวันเกิดล่วงหน้ามาให้ด้วย เพื่อนทางเน็ตเจ้าของชื่อไลน์ว่า NameLess ฉันรู้จักมานานแล้ว เราเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้คุยด้วยแล้วสบายใจ เหมือนกับเขาเป็นเพื่อนในชีวิตเราจริงๆ รับรู้ปัญหาของเราจริงๆ แต่ว่าเราก็ยังไม่เคยเจอกันซักที ชื่อจริงๆ ของเขาคืออะไรฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ซึ่งฉันว่าการรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ น่ะดีแล้ว
ครืด~
NameLess : เปิดดูยางงง
pouringrain : กำลังจะเปิดเนี่ย
ฉันแกะกล่องด้วยความระมัดระวัง น้ำหนักกล่องไม่ได้หนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนเกินไป หลังจากคุ้ยกระดาษฝอยกันกระแทกออกก็เจอกับกล่องเพลงไขลานน่ารักๆ ข้างบนเป็นตุ๊กตาบ้านในสวนดูอบอุ่น ฉันลองไขดูกลไกของกล่องก็หมุนไปพร้อมมีเสียงเพลงน่ารักๆ ออกมา ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดี เขาเลือกของขวัญได้ถูกใจฉันมากอีกแล้ว
pouringrain : ขอบคุณนะ ฉันชอบมากเลย
NameLess : เวลาเธอเหงาก็เอาออกมาเล่นบ่อยๆ นะ มันน่าจะช่วยคลายเหงาได้
นี่ฉันนั่งน้ำตาซึมกับของขวัญจากคนแปลกหน้าหรอเนี่ย หรือว่าฉันจะเหงาเกินไปจริงๆ
“เรนนนนนน” เสียงดุๆ ดังขึ้นขัดจังหวะ ฉันตกใจหมดเลย
“ไปแล้วๆ” ฉันเดินไปหน้าบ้านเจอกับพี่คินแต่งตัวสบายๆ ถือหม้อแกงเลียงมาให้
“อะ ใกล้ถึงวันเกิดละนิ ช่วงนี้ก็ได้กินดีหน่อยนะ”
“โห หอมมาก พี่คินว่างมาทำกับข้าวละหรอ”
“จะเอามั้ยฮะ”
“เอาค่า ขอบคุณนะคะพี่ชาย” ฉันแกล้งหยอกพี่คินด้วยการไหว้ย่อไปหนึ่งที ฮ่าๆ แกล้งคนขี้เก็กมันสนุกแบบนี้แหละ
วันนี้เป็นวันดีๆ อีกหนึ่งวัน รีบกลับบ้านมาเจอกับของขวัญสุดประทับใจ แถมพี่คินยังทำอาหารโปรดมาให้กินอีกด้วย เรื่องที่เจอที่โรงเรียนตอนนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉันแล้ว เย้
หลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ฉันเป็นคนค่อนข้างแบ่งเวลาชัดเจน อาจจะด้วยความที่ต้องอยู่คนเดียว พึ่งตัวเองเป็นหลัก ก็เลยมีวินัยค่อนข้างมาก
ฉันหยิบกล่องเพลงมาไขลานมองดูบ้านหลังน้อยหมุนไปพร้อมเสียงเพลง ฉันฝันอยากมีบ้านแบบนี้แหละ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ชีวิตน่าจะมีความสุข มีชีวิตชีวามากกว่านี้
ครืด~
TAWAAAN : เธอออ
TAWAAAN : เคยดู before sunrise แล้วใช่มั้ย
TAWAAAN : นัดวันคุยงานเลยมั้ย
pouringrain : ได้ เป็นหลังเลิกเรียนดีมั้ย
TAWAAAN : โอเค งั้นหลังเลิกเรียนวันศุกร์นะ จะได้มีเวลาไปคิดก่อนสองวัน
วันศุกร์หรอ วันเกิดฉันพอดีนี่นา แต่เอ้ะ ฉันก็ไม่ได้มีนัดฉลองอะไรกับใครอยู่แล้วนี่ ไม่เป็นไรหรอก
pouringrain : โอเคเลย
…
เช้านี้มาแปลก พี่คินดักรออยู่หน้าบ้านในชุดนักศึกษาพร้อมบิ๊กไบค์คันโต
“ปะ ขึ้นรถ”
“ฮะ ?” ฉันงง ไม่ใช่ว่าพี่คินไม่เคยไปส่งที่โรงเรียนนะ เมื่อก่อนก็เรียนโรงเรียนเดียวกันเลยได้ไปโรงเรียนด้วยกันบ่อยครั้ง แต่นี่ถ้าพี่คินจะใส่ชุดนักศึกษาไปส่งฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
“เดี๋ยวฉันไปส่ง มีเรียนเช้าพอดี”
“อ่า อืม” ฉันเขย่งขึ้นไปนั่งคร่อมที่เบาะคนขับ สูงชะมัด
“จับดีๆ นะ” บรื้น~! บิ๊กไบค์กระชากตัวออกอย่างเร็ว ฉันตกใจจนเผลอกอดเอวพี่คิน ถึงพี่คินจะขับไม่ได้เร็วมากถ้าเทียบกับรถบนถนน แต่ฉันไม่ชินกับการนั่งบิ๊กไบค์ก็เลยแอบกลัว
เห้อ ถึงหน้าโรงเรียนจนได้ พี่คินเอาขาตั้งลงแล้วลงจากรถมาถอดหมวกกันน็อคให้ฉัน
“ผมยุ่งหมดแล้ว” มือพี่คินจัดทรงผมให้ฉัน หน้าเราใกล้กันมากกว่าปกติ ทำเอาฉันคิดว่าที่ผ่านมาเราห่างกันเกินไปรึเปล่า พี่คินโตขนาดนี้แล้วหรอ
“จะลงมายัง”
“ลงๆ” ฉันทุลักทุเลแปปนึงกว่าจะลงจากเบาะได้
“ตั้งใจเรียนล่ะ” พี่คินบอกกับฉันพร้อมยกมือขึ้นทำท่าจะไปแล้ว
“บอกตัวเองเหอะ” ฮ่าๆ ฉันหัวเราะเพราะมือที่ทำท่าจะบ๊ายบายกลายเป็นจะตีฉัน
วันนี้มาโรงเรียนเช้าหน่อย คนยังมาไม่มาก อากาศก็เย็นดี ไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นไม้ก่อนละกัน ฉันเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้าไป ขวามือเป็นสนามบาส เช้าๆ แบบนี้มีนักเรียนมาวิ่งรอบสนามด้วยแฮะ อาจจะเป็นนักกีฬา
“เมื่อกี้ใครหรอ” จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาฉันตกใจหมด
“ฮู่ว นายนี่เอง ตกใจหมดเลย เมื่อกี้พี่เราเอง ทำไมหรอ”
“อ๋อ เปล่า เห็นใส่ชุดนักศึกษามหาลัยที่เราสนใจพอดี” ตะวันทำหน้างงๆ แต่ปากก็บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะมาเซ้าซี้ฉันว่าทำไมมาโรงเรียนเช้าจัง
“แล้วเธอจะไปไหน ไม่ขึ้นห้องเรียนเลยหรอ” ตะวันเดินตามฉันต้อยๆ มาทำไมไม่รู้
“แล้วนายล่ะ ปกติมาเช้าหรอ มาทำอะไรล่ะ”
“ฉันมากินข้าวเช้าที่โรงเรียน แล้วก็บางวันมีนัดเล่นบาสกับเพื่อนบ้าง บางวันก็มีนัดซ้อมดนตรี”
“แล้ววันนี้ไม่มีนัด ?” ฉันถามเพราะนายนี่ทำตัวเหมือนสนิทกันเร็วไปหน่อย
“ตอนแรกมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” นายนี่หน้าเปื้อนยิ้มได้ตลอดเวลาจริงๆ
“แล้ว ?” หมายถึงว่านายจะเอายังไงต่อ
“แล้ว ?” ตะวันล้อเลียนฉัน
“…”
“โหเรนนน แล้วเธอจะไปไหนอะ ไปด้วยดิ”
“อ่า…”
“งั้นไปดาดฟ้ากันมั้ย ฉันพาไปเอง” พูดยังไม่ทันขาดคำ ตะวันก็คว้ามือฉันแล้ววิ่งไปขึ้นลิฟต์
“แฮ่กๆๆ เห้อ นายจะวิ่งทำไมเนี่ย” ฉันยืนหอบอยู่ในลิฟต์ก่อนที่จะขึ้นมาถึงชั้นหก เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกก่อนตะวันจะเปิดประตูออกไปยังดาดฟ้า
ลมเย็นตีเข้าหน้าพร้อมกับแดดอ่อนสีทอง ฉันเดินออกไปเกาะลูกกรง ข้างล่างเห็นเป็นสนามบาสที่มีกลุ่มคนมาเล่นกันแล้ว ทางศาลาก็เริ่มมีกลุ่มเด็กผู้หญิงมาจับจอง ในโรงอาหารก็เห็นคนเข้าออกเยอะขึ้น
สวยดีจัง แสงแดดสีทองที่มาพร้อมกับลมเย็นๆ ทำเอาฉันมองภาพคนเดินไปเดินมาเพลินได้เป็นสิบนาที
“ฉันมาดาดฟ้าบ่อยนะ แต่ไม่เคยขึ้นมาตอนเช้าเลย” ฉันหันไปพูดกับตะวันพร้อมรอยยิ้ม แล้วก็เจอกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของตะวันที่เหมือนกำลังมองฉันอยู่พอดี
“ฉันถึงพาเธอมาไง”
“ฮะ อะไรนะ” เสียงวิทยุประจำวันดังขึ้นมาพอดี นักเรียนชมรมกระจายเสียงจะมีจัดรายการวิทยุตอนเช้าทุกวัน
“อ้อ ฉันชอบมานั่งคิดอะไรเพลินๆ น่ะ ลมมันเย็นดีด้วย”
“คิดไม่ถึงนะว่านายจะมีมุมนี้ด้วย นายดูเพื่อนเยอะจะตาย”
“ไม่หรอก ฉันก็ต้องการเวลาอยู่คนเดียวบ้าง ว่าแต่เธอล่ะ เห็นทีไรก็อยู่คนเดียวตลอด ไม่ไปกับเพื่อนบ้างอะ”
“ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย หลายคนก็หลายความ”
“เธอเก่งจังที่อยู่คนเดียวได้”
“มันชินมากกว่าน่ะ สบายใจกว่าด้วย มีความสุขแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ”
“แล้วเธอไม่เหงาหรอเวลาเห็นเพื่อนคุยเล่นกัน”
“อืม… ก็นะ” ฉันเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกับว่าทุกวันนี้มันก็ดีพอสำหรับฉันอยู่แล้ว ถึงจะเหงาไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไร
กริ๊งงง~ สัญญาณเรียกเข้าแถวดังขึ้นแล้ว
“ปะ ลงไปได้แล้ว” ฉันบอกกับตะวันแล้วเดินนำลงไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ