Love At First Sight ปิ๊งรักยัยสวยเวอร์
-
เขียนโดย พลอยแก้ว
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 10.13 น.
12 ตอน
0 วิจารณ์
6,237 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 10.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ยอมผมสิ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ#ยอมผมสิ
"น้องกวนอะไรคุณอานักรบคะ" เธอเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งรออยู่ในรถ กดสายตาจ้องมองไปยังน้องมะนาวที่กำลังจะอ้าปากพูดกับนักรบที่นั่งอยู่ด้านหน้า ด้วยรู้นิสัยของลูกสาวดีว่าเป็นคนช่างพูดแค่ไหน ที่ได้ถามออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะนึกรำคาญเสียมากกว่า
"น้องเปล่ากวนนะคะ เราสองคนคุยกันรอคุณแม่เฉย ๆ" เด็กหญิงตอบกลับผู้เป็นแม่ ไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะติดขัด ทุกคำล้วนฉะฉานชัดเจน จนทำให้แม่ที่นั่งมองต้องระบายยิ้มอ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักรบที่คอยมองอยู่เงียบ ๆ มองหน้าหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง บ้างก็หันไปยิ้มให้กับเด็กหญิงมะนาวผู้เดียงสา พกพาความน่ารักสยบหัวใจนักรบจนลุ่มหลงและเอ็นดู
"จ้า...มะนาวไม่ได้กวนใจอะไรคุณใช่ไหมคะ?" ผู้เป็นแม่ตอบรับลูกสาว จากนั้นจึงหันไปถามนักรบด้วยความเกรงใจ
"ไม่เลยครับ...น้องน่ารักมากแถมคุยเก่งด้วย" เขาตอบเธอด้วยความรู้สึกจริงจากใจ ไม่ได้บิดเบือนเพื่อเอาใจเธอแต่อย่างใด
"เห็นไหมคะน้องบอกแล้วว่าน้องไม่ได้กวนสักจิดเดียว" เด็กหญิงมะนาวพูดต่อหลังจากที่ผู้ใหญ่สองคนคุยกันจบประโยค มือป้อม ๆ ยกขึ้นจรดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เข้าหากัน เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ความหมายคำว่าจิดเดียว(นิดเดียว) ตามคำพูดของเธอที่ยังไม่ชัดถ้อยคำ
"เก่งมากค่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยชมพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวตัวน้อยอย่างแสนรัก
"เดี๋ยวผมขับไปส่งที่บ้านนะครับ" นักรบเอ่ยอาสา
"แล้วคุณจะกลับยังไงคะ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณนักรบก่อนแล้วค่อยขับกลับเองก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้เจ็บมากแล้ว" น้ำส้มที่รู้สึกเกรงใจอย่างมาก เธอรีบออกปากทันที แต่มีหรือคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจจะยินยอม เขากลับขับรถออกมาทั้งที่น้ำส้มยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ ทำเป็นนิ่งหูทวนลมไม่สนใจแม้แต่น้อย จนน้ำส้มต้องยอมให้เขาทำตามแต่ใจไปโดยปริยาย
"คนเอาแต่ใจ" น้ำส้มนั่งมองไปด้านข้าง ทอดสายตาออกไปนอกตัวรถ แล้วพร่ำบ่นเสียงแผ่วเบาเมื่อเขานั้นเป็นอย่างที่เธอเห็น
"ว่าอะไรนะครับน้ำส้ม พอดีผมฟังไม่ชัด" แต่เขาดันหูดี และหันมาถามเธออย่างต้องการใคร่รู้
"เปล่านี่คะ ฉันแค่พูดว่าวันนี้สดใสดี" เธอหันไปปั้นหน้ายิ้มแล้วให้คำตอบที่มันตรงกันข้าม
"คงไม่ได้นินทาผมหรอกนะ" นักรบแซวขึ้น
"ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ" เธอตอบอย่างอ่อนน้อม แม้จะแอบบ่นเขาไปแล้วก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่ได้จริงจังแค่บางครั้งความเกรงใจของเธอ เหมือนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสักนิด...แค่หมั่นไส้ในความมั่นหน้า!
"ก็ดีครับ...บอกทางผมนะ"
"ค่ะ เดี๋ยวถึงไฟแดงข้างหน้าเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ"
"โอเค"
ตลอดเส้นทางหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาในซอยล้วนมีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงของเพลงที่คลอเบา ๆ และเสียงลมที่เป่าออกมาจากแอร์รถยนต์เท่านั้น แม้กระทั่งน้องมะนาวที่ช่างพูดก็เงียบสงบ...เพราะเธอหลับ!
"คุณแม่ขาน้องหิวข้าว เรากินข้าวก่อนได้ไหมคะ" แต่แล้วเด็กหญิงก็เอ่ยขึ้นดับความเงียบระหว่างที่รถแล่นออกไปได้ไกลจวนจะถึงบ้าน เมื่อเกิดอาการหิวขึ้นมาฉับพลัน
"น้องอดทนไปกินที่บ้านได้ไหมคะ เพราะอีกแป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว" เธอบอกกับลูกสาวด้วยเหตุผล
"ก็ได้ค่ะน้องจะอดทนให้ถึงที่สุด...แต่น้องก็เริ่มจะหิวมาก ๆ นะคะคุณแม่ขา" เด็กหญิงยอมอย่างว่าง่าย แต่ประโยคสุดท้ายก็ช่างเหมือนกดดันผู้เป็นแม่ให้ยินยอม
"วันนี้รบกวนคุณอานักรบเกินไปแล้วค่ะ" เธออธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยได้เข้าใจ วันนี้ทั้งวันล้วนมีนักรบข้องเกี่ยวตลอด ไม่สิ! ตั้งแต่ที่เธอเริ่มรับงานนี้เขาก็เข้ามาพัวพันในชีวิตประจำวันของเธอและลูกเสมอทุกครั้งที่เจอะเจอกัน
"เป็นแบบนี้อีกละ ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ" จากที่ฟังสองแม่ลูกพูดคุยกัน มันกับสะกิดหูคนฟังที่นั่งเงียบอยู่นานจนต้องแทรกกลางการสนทนา ชักสีหน้านิ่งอย่างคนน้อยเนื้อต่ำใจ ทุกครั้งที่เธอพูดว่าเกรงใจมันเหมือนกับผลักไสเขาให้ออกห่าง ทั้งที่ทุกอย่างที่เขาทำให้ล้วนเกิดจากความเต็มใจ...นี่เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยหรือไง ว่าเขาน่ะกำลังตามจีบอยู่
"ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ" น้ำส้มทักท้วงด้วยอาการลนลาน สีหน้าของเธอเจื่อนทันทีเมื่อเขาพูดจบ ยกมือปัดปฏิเสธเป็นพัลวัน กลัวว่าเขาจะคิดมาก ยิ่งสีหน้านิ่งของเขาในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอหวาดหวั่น และมองความหมายของเธอผิดเพี้ยน "จอดรถหลังข้างหน้าเลยค่ะ นั่นบ้านของฉัน" เธอชี้นิ้วบอกทั้งที่สีหน้าไม่สู้ดี
"ไม่รู้ล่ะ ผมน้อยใจไปแล้ว" นักรบจอดรถยนต์นิ่งสนิทหน้าบ้านที่น้ำส้มบอก พลางพูดย้ำต่ออย่างคนเอาแต่ใจตัวเอง
"ต้องให้ฉันทำยังไงล่ะคะ" ทำให้น้ำส้มไม่รู้จะต้องทำยังไงเขาถึงจะหายโกรธ จนเธอต้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละห้อยอย่างกับคนหมดหวัง
"ยอมผมสิครับ" เขาโน้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหูอย่างกะทันหัน ทำเอาน้ำส้มกรูหลังกลับแทบไม่ทัน ไม่ได้สนเลยว่ามีเด็กน้อยผู้เดียงสาจับสังเกตอยู่ด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
"!!" สิ่งที่เขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงยะเยือก ทำเอาน้ำส้มถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ จนพูดต่อไม่ออกได้แต่อึ้งและมองตาปริบ ๆ พร้อมใบหน้าที่เห่อร้อนเขินอายเมื่อได้ชิดใกล้ อาการที่เธอแสดงต่อหน้ากลับสร้างรอยยิ้มให้แก่นักรบคนเจ้าเล่ห์
"น้องกวนอะไรคุณอานักรบคะ" เธอเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งรออยู่ในรถ กดสายตาจ้องมองไปยังน้องมะนาวที่กำลังจะอ้าปากพูดกับนักรบที่นั่งอยู่ด้านหน้า ด้วยรู้นิสัยของลูกสาวดีว่าเป็นคนช่างพูดแค่ไหน ที่ได้ถามออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะนึกรำคาญเสียมากกว่า
"น้องเปล่ากวนนะคะ เราสองคนคุยกันรอคุณแม่เฉย ๆ" เด็กหญิงตอบกลับผู้เป็นแม่ ไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะติดขัด ทุกคำล้วนฉะฉานชัดเจน จนทำให้แม่ที่นั่งมองต้องระบายยิ้มอ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักรบที่คอยมองอยู่เงียบ ๆ มองหน้าหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง บ้างก็หันไปยิ้มให้กับเด็กหญิงมะนาวผู้เดียงสา พกพาความน่ารักสยบหัวใจนักรบจนลุ่มหลงและเอ็นดู
"จ้า...มะนาวไม่ได้กวนใจอะไรคุณใช่ไหมคะ?" ผู้เป็นแม่ตอบรับลูกสาว จากนั้นจึงหันไปถามนักรบด้วยความเกรงใจ
"ไม่เลยครับ...น้องน่ารักมากแถมคุยเก่งด้วย" เขาตอบเธอด้วยความรู้สึกจริงจากใจ ไม่ได้บิดเบือนเพื่อเอาใจเธอแต่อย่างใด
"เห็นไหมคะน้องบอกแล้วว่าน้องไม่ได้กวนสักจิดเดียว" เด็กหญิงมะนาวพูดต่อหลังจากที่ผู้ใหญ่สองคนคุยกันจบประโยค มือป้อม ๆ ยกขึ้นจรดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เข้าหากัน เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ความหมายคำว่าจิดเดียว(นิดเดียว) ตามคำพูดของเธอที่ยังไม่ชัดถ้อยคำ
"เก่งมากค่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยชมพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวตัวน้อยอย่างแสนรัก
"เดี๋ยวผมขับไปส่งที่บ้านนะครับ" นักรบเอ่ยอาสา
"แล้วคุณจะกลับยังไงคะ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณนักรบก่อนแล้วค่อยขับกลับเองก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้เจ็บมากแล้ว" น้ำส้มที่รู้สึกเกรงใจอย่างมาก เธอรีบออกปากทันที แต่มีหรือคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจจะยินยอม เขากลับขับรถออกมาทั้งที่น้ำส้มยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ ทำเป็นนิ่งหูทวนลมไม่สนใจแม้แต่น้อย จนน้ำส้มต้องยอมให้เขาทำตามแต่ใจไปโดยปริยาย
"คนเอาแต่ใจ" น้ำส้มนั่งมองไปด้านข้าง ทอดสายตาออกไปนอกตัวรถ แล้วพร่ำบ่นเสียงแผ่วเบาเมื่อเขานั้นเป็นอย่างที่เธอเห็น
"ว่าอะไรนะครับน้ำส้ม พอดีผมฟังไม่ชัด" แต่เขาดันหูดี และหันมาถามเธออย่างต้องการใคร่รู้
"เปล่านี่คะ ฉันแค่พูดว่าวันนี้สดใสดี" เธอหันไปปั้นหน้ายิ้มแล้วให้คำตอบที่มันตรงกันข้าม
"คงไม่ได้นินทาผมหรอกนะ" นักรบแซวขึ้น
"ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ" เธอตอบอย่างอ่อนน้อม แม้จะแอบบ่นเขาไปแล้วก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่ได้จริงจังแค่บางครั้งความเกรงใจของเธอ เหมือนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสักนิด...แค่หมั่นไส้ในความมั่นหน้า!
"ก็ดีครับ...บอกทางผมนะ"
"ค่ะ เดี๋ยวถึงไฟแดงข้างหน้าเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ"
"โอเค"
ตลอดเส้นทางหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาในซอยล้วนมีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงของเพลงที่คลอเบา ๆ และเสียงลมที่เป่าออกมาจากแอร์รถยนต์เท่านั้น แม้กระทั่งน้องมะนาวที่ช่างพูดก็เงียบสงบ...เพราะเธอหลับ!
"คุณแม่ขาน้องหิวข้าว เรากินข้าวก่อนได้ไหมคะ" แต่แล้วเด็กหญิงก็เอ่ยขึ้นดับความเงียบระหว่างที่รถแล่นออกไปได้ไกลจวนจะถึงบ้าน เมื่อเกิดอาการหิวขึ้นมาฉับพลัน
"น้องอดทนไปกินที่บ้านได้ไหมคะ เพราะอีกแป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว" เธอบอกกับลูกสาวด้วยเหตุผล
"ก็ได้ค่ะน้องจะอดทนให้ถึงที่สุด...แต่น้องก็เริ่มจะหิวมาก ๆ นะคะคุณแม่ขา" เด็กหญิงยอมอย่างว่าง่าย แต่ประโยคสุดท้ายก็ช่างเหมือนกดดันผู้เป็นแม่ให้ยินยอม
"วันนี้รบกวนคุณอานักรบเกินไปแล้วค่ะ" เธออธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยได้เข้าใจ วันนี้ทั้งวันล้วนมีนักรบข้องเกี่ยวตลอด ไม่สิ! ตั้งแต่ที่เธอเริ่มรับงานนี้เขาก็เข้ามาพัวพันในชีวิตประจำวันของเธอและลูกเสมอทุกครั้งที่เจอะเจอกัน
"เป็นแบบนี้อีกละ ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ" จากที่ฟังสองแม่ลูกพูดคุยกัน มันกับสะกิดหูคนฟังที่นั่งเงียบอยู่นานจนต้องแทรกกลางการสนทนา ชักสีหน้านิ่งอย่างคนน้อยเนื้อต่ำใจ ทุกครั้งที่เธอพูดว่าเกรงใจมันเหมือนกับผลักไสเขาให้ออกห่าง ทั้งที่ทุกอย่างที่เขาทำให้ล้วนเกิดจากความเต็มใจ...นี่เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยหรือไง ว่าเขาน่ะกำลังตามจีบอยู่
"ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ" น้ำส้มทักท้วงด้วยอาการลนลาน สีหน้าของเธอเจื่อนทันทีเมื่อเขาพูดจบ ยกมือปัดปฏิเสธเป็นพัลวัน กลัวว่าเขาจะคิดมาก ยิ่งสีหน้านิ่งของเขาในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอหวาดหวั่น และมองความหมายของเธอผิดเพี้ยน "จอดรถหลังข้างหน้าเลยค่ะ นั่นบ้านของฉัน" เธอชี้นิ้วบอกทั้งที่สีหน้าไม่สู้ดี
"ไม่รู้ล่ะ ผมน้อยใจไปแล้ว" นักรบจอดรถยนต์นิ่งสนิทหน้าบ้านที่น้ำส้มบอก พลางพูดย้ำต่ออย่างคนเอาแต่ใจตัวเอง
"ต้องให้ฉันทำยังไงล่ะคะ" ทำให้น้ำส้มไม่รู้จะต้องทำยังไงเขาถึงจะหายโกรธ จนเธอต้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละห้อยอย่างกับคนหมดหวัง
"ยอมผมสิครับ" เขาโน้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหูอย่างกะทันหัน ทำเอาน้ำส้มกรูหลังกลับแทบไม่ทัน ไม่ได้สนเลยว่ามีเด็กน้อยผู้เดียงสาจับสังเกตอยู่ด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
"!!" สิ่งที่เขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงยะเยือก ทำเอาน้ำส้มถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ จนพูดต่อไม่ออกได้แต่อึ้งและมองตาปริบ ๆ พร้อมใบหน้าที่เห่อร้อนเขินอายเมื่อได้ชิดใกล้ อาการที่เธอแสดงต่อหน้ากลับสร้างรอยยิ้มให้แก่นักรบคนเจ้าเล่ห์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ