สามี
8.0
เขียนโดย พลอยแก้ว
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 07.13 น.
46 ตอน
2 วิจารณ์
17.11K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2565 09.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ความไร้เดียงสาที่พาพ่อปวดหัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสามี(5)
"พี่เจคะ...ฝ่ายบุคคลแจ้งว่ามีนักศึกษาที่มาขอสมัครฝึกงาน พี่เจจะสัมภาษณ์เองหรือว่าให้ฝ่ายบุคคลสัมภาษณ์คะ?" เลขาหน้าห้องเดินเข้ามาบอกจนผมต้องเงยหน้ามอง เพราะได้สั่งไว้ว่าหากมีนักศึกษามาขอฝึกงาน ส่วนมากผมจะสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
"ผมสัมภาษณ์เองครับ...ขอเรซูเม่และเอกสารประกอบมาให้ผมด้วยนะ" ผมตอบกลับเลขาไป
"ค่ะ...สัมภาษณ์เลยไหมคะ? แจงจะได้บอกน้องนักศึกษา" เลขาหน้าห้องถามต่อ
"งั้นรอผมสักห้านาที แล้วเรียกเข้ามาพบผมที่ห้องนี้ได้เลยครับ" ผมบอกกล่าวอย่างสุภาพ ไม่ว่าจะพนักงานระดับไหน ทุกคนล้วนต้องการคนที่พูดดีด้วย และให้ความเป็นกันเอง และผมเชื่อว่าเมื่อไม่มีการเกร็งต่อตำแหน่งใด ๆ งานที่ได้เขาย่อมทำออกมาดี
"ได้ค่ะ" ว่าจบรับคำเลขาหน้าของผมก็เดินย้ำเท้าออกไป
ผมก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่ออย่างไม่รีรอ แม้จะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ก็ต้องกรองคนเสียก่อน เพราะผมไม่ชอบคนที่ทำเพื่อหวังแค่ผ่าน แต่การทำงานแม้จะเพียงการเริ่มต้นหาประสบการณ์ก็ย่อมสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตัวนักศึกษาและบริษัทของผมเช่นกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามทีโดยที่ผมไม่ต้องร้องบอกว่าอนุญาตหรือไม่ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าผมตั้งตารออยู่แล้ว แจงเลขาหน้าห้องเดินเข้ามาพร้อมกับนักศึกษาคนหนึ่ง ท่าทางดูมีความกระฉับกระเฉง ไม่มีทีท่าหวาดกลัวสถานที่แต่อย่างใด พร้อมจ้องมองคนทั้งสองอย่างจับสังเกต
"นี่น้องศึกษาที่มาขอฝึกงานค่ะพี่เจ" แจงเลขาหน้าห้องแนะนำ
"สวัสดีค่ะ" น้องนักศึกษายกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้าที่ส่งมา
"ประวัติและเอกสารประกอบของน้องค่ะ" ผมรับไหว้และผายมือเชื้อเชิญ แฟ้มประวัติและเอกสารประกอบถูกวางลงตรงหน้า ด้วยฝีมือเลขาของผม
"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มรับและตอบกลับเลขาอย่างเช่นที่เคยเป็น ผมไม่ค่อยโวยวายหรือขึ้นเสียงดังต่อลูกน้อง หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ร้ายแรงจนแก้ไขลำบาก เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงาน ... ความผิดพลาดจะไม่เกิดก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นไม่ได้ทำอะไรเลย
ผมเข้าใจดีเพราะผมเคยไปลูกจ้างชั้นล่างมาก่อนเหมือนกัน ก่อนจะผันตัวเองมาเปิดบริษัทเล็ก ๆ กับเพื่อน
"แจงขอตัวนะคะ มีอะไรเรียกแจงได้ตลอด" เลขาหน้าห้องบอกกล่าว ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เธอจะสาวเท้าเดินจากไป
"แนะนำตัวครับ" หลังจากที่แจงเลขาหน้าห้องเดินออกไป ผมตั้งใจและบอกกล่าวแก่น้องนักศึกษาตรงหน้า ที่ไร้ทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใด เธอดูมีความมั่นใจและมาดมั่นซึ่งถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างดี เพราะงานของบริษัทของผมคือการพบปะผู้คน ติดต่อกับลูกค้าเกี่ยวกับการทำแอดโฆษณาในสื่อโซเชี่ยล
"ค่ะ ชื่อ มนพิชชา หรือเรียกว่า แนน ก็ได้ค่ะ ศึกษาอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัย ZZZ .........."
เธอแนะนำตัวเองไปเรื่อย ๆ โดยที่ผมนั้นแทบไม่ต้องถามอะไรให้มากความ ต่างจากนักศึกษาที่เคยสัมภาษณ์ที่บางคนถามคำตอบคำเท่านั้น จากที่ผมฟังและสังเกตท่าทางของเธอจากการแนะนำตัว เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจและตั้งมั่น เธอสามารถแนะนำตัวได้อย่างฉะฉาน การพูดจาคล่องแคล่ว แววตาที่จ้องมองผมนั้นเป็นประกายและเดียงสา ดูมีความตั้งใจกับสิ่งที่ทำ ..... และผมก็ชักสนใจในตัวเด็กคนนี้แล้วสิ ถ้าได้มาร่วมงานด้วยคงจะดีไม่น้อย
"พี่ขอถามนะครับ" ผมเอ่ยขึ้นเมื่อพูดคุยกับเธออยู่นาน จนเริ่มจะเห็นท่าแล้วว่าเธอคนนั้นจะต้องทำออกมาได้ดีแน่ ๆ ทุกคำถามเธอตอบออกมาอย่างไม่ติดขัดสักนิด
"ค่ะ" เธอตอบรับสั้น ๆ และมีรอยยิ้มอ่อนเปื้อนบนใบหน้า
"อะไรที่ทำให้มาฝึกงานที่นี่"
"ที่นี่ตรงกับที่แนนเรียนมาค่ะ ไม่มีเหตุผลอื่น"
เธอตอบออกมาอย่างฉะฉานและนิ่งมาก ไม่มีความวอกแวกแต่อย่างใด
"แล้วอะไรที่คิดว่าพี่จะรับเราเข้ามาฝึกงาน"
"เรื่องนั้นแนนไม่มั่นใจหรอกค่ะว่าคุณจะรับแนนเพราะอะไร แต่ว่าแนนมั่นใจว่าจะสามารถฝึกงานบริษัทของคุณได้ถ้าหากคุณรับแนนฝึกงานนะคะ สิ่งที่แนนต้องทำต่อไปคือรีบคว้าโอกาสและกอบโกยประสบการณ์จากที่นี่ให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่แนนตั้งใจเพราะมันเป็นประโยชน์ต่อตัวแนนเอง....ขอโทษนะคะ ที่เหตุผลนี้ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย"
"หึ .... ไม่เป็นไร ตรงดี พี่ชอบ"
"..........." เธอนิ่งและมองหน้าผมชั่วครู่ ก่อนที่จะก้มหน้ามองบางอย่างเบื้องล่างนั่นคือนาฬิกาที่บอกเวลา
"พร้อมฝึกงานเมื่อไหร่"
"ทันทีค่ะ"
"พี่เจคะ...ฝ่ายบุคคลแจ้งว่ามีนักศึกษาที่มาขอสมัครฝึกงาน พี่เจจะสัมภาษณ์เองหรือว่าให้ฝ่ายบุคคลสัมภาษณ์คะ?" เลขาหน้าห้องเดินเข้ามาบอกจนผมต้องเงยหน้ามอง เพราะได้สั่งไว้ว่าหากมีนักศึกษามาขอฝึกงาน ส่วนมากผมจะสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
"ผมสัมภาษณ์เองครับ...ขอเรซูเม่และเอกสารประกอบมาให้ผมด้วยนะ" ผมตอบกลับเลขาไป
"ค่ะ...สัมภาษณ์เลยไหมคะ? แจงจะได้บอกน้องนักศึกษา" เลขาหน้าห้องถามต่อ
"งั้นรอผมสักห้านาที แล้วเรียกเข้ามาพบผมที่ห้องนี้ได้เลยครับ" ผมบอกกล่าวอย่างสุภาพ ไม่ว่าจะพนักงานระดับไหน ทุกคนล้วนต้องการคนที่พูดดีด้วย และให้ความเป็นกันเอง และผมเชื่อว่าเมื่อไม่มีการเกร็งต่อตำแหน่งใด ๆ งานที่ได้เขาย่อมทำออกมาดี
"ได้ค่ะ" ว่าจบรับคำเลขาหน้าของผมก็เดินย้ำเท้าออกไป
ผมก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่ออย่างไม่รีรอ แม้จะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ก็ต้องกรองคนเสียก่อน เพราะผมไม่ชอบคนที่ทำเพื่อหวังแค่ผ่าน แต่การทำงานแม้จะเพียงการเริ่มต้นหาประสบการณ์ก็ย่อมสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตัวนักศึกษาและบริษัทของผมเช่นกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามทีโดยที่ผมไม่ต้องร้องบอกว่าอนุญาตหรือไม่ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าผมตั้งตารออยู่แล้ว แจงเลขาหน้าห้องเดินเข้ามาพร้อมกับนักศึกษาคนหนึ่ง ท่าทางดูมีความกระฉับกระเฉง ไม่มีทีท่าหวาดกลัวสถานที่แต่อย่างใด พร้อมจ้องมองคนทั้งสองอย่างจับสังเกต
"นี่น้องศึกษาที่มาขอฝึกงานค่ะพี่เจ" แจงเลขาหน้าห้องแนะนำ
"สวัสดีค่ะ" น้องนักศึกษายกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้าที่ส่งมา
"ประวัติและเอกสารประกอบของน้องค่ะ" ผมรับไหว้และผายมือเชื้อเชิญ แฟ้มประวัติและเอกสารประกอบถูกวางลงตรงหน้า ด้วยฝีมือเลขาของผม
"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มรับและตอบกลับเลขาอย่างเช่นที่เคยเป็น ผมไม่ค่อยโวยวายหรือขึ้นเสียงดังต่อลูกน้อง หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ร้ายแรงจนแก้ไขลำบาก เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงาน ... ความผิดพลาดจะไม่เกิดก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นไม่ได้ทำอะไรเลย
ผมเข้าใจดีเพราะผมเคยไปลูกจ้างชั้นล่างมาก่อนเหมือนกัน ก่อนจะผันตัวเองมาเปิดบริษัทเล็ก ๆ กับเพื่อน
"แจงขอตัวนะคะ มีอะไรเรียกแจงได้ตลอด" เลขาหน้าห้องบอกกล่าว ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เธอจะสาวเท้าเดินจากไป
"แนะนำตัวครับ" หลังจากที่แจงเลขาหน้าห้องเดินออกไป ผมตั้งใจและบอกกล่าวแก่น้องนักศึกษาตรงหน้า ที่ไร้ทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใด เธอดูมีความมั่นใจและมาดมั่นซึ่งถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างดี เพราะงานของบริษัทของผมคือการพบปะผู้คน ติดต่อกับลูกค้าเกี่ยวกับการทำแอดโฆษณาในสื่อโซเชี่ยล
"ค่ะ ชื่อ มนพิชชา หรือเรียกว่า แนน ก็ได้ค่ะ ศึกษาอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัย ZZZ .........."
เธอแนะนำตัวเองไปเรื่อย ๆ โดยที่ผมนั้นแทบไม่ต้องถามอะไรให้มากความ ต่างจากนักศึกษาที่เคยสัมภาษณ์ที่บางคนถามคำตอบคำเท่านั้น จากที่ผมฟังและสังเกตท่าทางของเธอจากการแนะนำตัว เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจและตั้งมั่น เธอสามารถแนะนำตัวได้อย่างฉะฉาน การพูดจาคล่องแคล่ว แววตาที่จ้องมองผมนั้นเป็นประกายและเดียงสา ดูมีความตั้งใจกับสิ่งที่ทำ ..... และผมก็ชักสนใจในตัวเด็กคนนี้แล้วสิ ถ้าได้มาร่วมงานด้วยคงจะดีไม่น้อย
"พี่ขอถามนะครับ" ผมเอ่ยขึ้นเมื่อพูดคุยกับเธออยู่นาน จนเริ่มจะเห็นท่าแล้วว่าเธอคนนั้นจะต้องทำออกมาได้ดีแน่ ๆ ทุกคำถามเธอตอบออกมาอย่างไม่ติดขัดสักนิด
"ค่ะ" เธอตอบรับสั้น ๆ และมีรอยยิ้มอ่อนเปื้อนบนใบหน้า
"อะไรที่ทำให้มาฝึกงานที่นี่"
"ที่นี่ตรงกับที่แนนเรียนมาค่ะ ไม่มีเหตุผลอื่น"
เธอตอบออกมาอย่างฉะฉานและนิ่งมาก ไม่มีความวอกแวกแต่อย่างใด
"แล้วอะไรที่คิดว่าพี่จะรับเราเข้ามาฝึกงาน"
"เรื่องนั้นแนนไม่มั่นใจหรอกค่ะว่าคุณจะรับแนนเพราะอะไร แต่ว่าแนนมั่นใจว่าจะสามารถฝึกงานบริษัทของคุณได้ถ้าหากคุณรับแนนฝึกงานนะคะ สิ่งที่แนนต้องทำต่อไปคือรีบคว้าโอกาสและกอบโกยประสบการณ์จากที่นี่ให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่แนนตั้งใจเพราะมันเป็นประโยชน์ต่อตัวแนนเอง....ขอโทษนะคะ ที่เหตุผลนี้ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย"
"หึ .... ไม่เป็นไร ตรงดี พี่ชอบ"
"..........." เธอนิ่งและมองหน้าผมชั่วครู่ ก่อนที่จะก้มหน้ามองบางอย่างเบื้องล่างนั่นคือนาฬิกาที่บอกเวลา
"พร้อมฝึกงานเมื่อไหร่"
"ทันทีค่ะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ