สะ-กด-รัก
-
6) To become ‘us’
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ สองสัปดาห์ถัดมา ปริมาก็ย้ายมาอยู่ในตึกสองชั้นที่คล้ายคอนโดดูเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับบ้านทรงโมเดิร์นหลังงาม โถงรับแขกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สอนหนังสือ มีโต๊ะเก้าอี้สองชุดวางต่อกันเป็นตัวแอลหน้าจอแอลอีดีขนาดพอดี ปริมาเลือกใช้ข้อสอบตัวจริงย้อนหลังสิบห้าปีติวให้ปริยาภัทร ทั้งคู่ต่างมีไอแพดคนและเครื่อง โดยของติวเตอร์สาวนั้นต่อกับจอเพื่อเขียนอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟังและได้ดูไปด้วย
ถัดจากโถงรับแขกไปเป็นส่วนแพนทรีที่ตั้งเก้าอี้สูงเรียงอยู่สี่ตัว สำหรับทำอาหารง่ายๆทานตอนกลางคืนได้ แต่ตั้งแต่มาอยู่ปริมาก็ยังไม่ได้ทำอะไรกินเองเลยเพราะงามจิตให้เด็กในบ้านมาส่งอาหารกลางวันให้ตลอด ส่วนอาหารเช้าและเย็นจะร่วมโต๊ะกับปฐวีและปริยาภัทรประจำ บนชั้นสองเป็นบริเวณส่วนตัวของเธอทั้งหมด ห้องนอนใหญ่เห็นวิวสวนสวยมีห้องน้ำขนาดกว้างที่มีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำเชื่อมติดกับห้องแต่งตัว
หากมุมที่หญิงสาวชื่นชอบที่สุดเป็นมุมสวนญี่ปุ่นที่มีประตูบานเลื่อนตรงทางขึ้นบันไดเปิดออกมาได้ เป็นมุมที่เป็นส่วนตัวลับสายตาเพราะโอบล้อมด้วยกำแพงสูงของบ้านที่ปลูกต้นสนสูงบังสายตา มีชานไม้ระแนงกว้างยื่นออกไปวางเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่บุเบาะนุ่มลายใบไม้สีเขียวสดใส
มองเห็นสวนที่จัดหินหลากสีเรียงจากสูงมาต่ำคล้ายมีน้ำตกขนาดย่อมต่อกับลำธารเล็กๆลงมาตามแนวหินและต้นไม้พุ่มชนิดต่างๆโดยสุดลำธารทำเป็นบ่อกลมมีน้ำไหลวนกลับคืนไปสู่ต้นทางใหม่ ตรงกลางบ่อวางตะเกียงหินที่เปิดไฟสีเหลืองนวลคู่กับตัวไล่กวางหรือชิชิโอโดชิ เป็นมุมที่เย็น สงบ สบายที่ปริมานั่งเล่นได้ทั้งยามกลางวันและกลางคืน
คืนนี้เป็นอีกคืนที่ปริมามานั่งมองลำธารหลังจากส่งปริยาภัทรเข้านอน เธอสอนเด็กสาวมาได้สามสัปดาห์แล้ว ปริยาภัทรทำได้ดีและตั้งใจมาก ทำคะแนนได้ดีขึ้นเรื่อยๆและทำข้อสอบได้เกือบจะครบสิบห้าปีแล้ว โรงเรียนที่รีโนเวทก็ไปได้อย่างราบรื่นและงานสอนที่มหาวิทยาลัยต่างๆกำลังจะเริ่มอีกครั้ง ปริมาจึงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่นี่ให้เขาต้องจ่ายเงินมากมายให้
เธอสามารถจัดตารางกับปริยาภัทรได้ เธอจึงจะคุยกับปฐวีว่าเธอคงจะอยู่ที่นี่ถึงเพียงสิ้นเดือนเมษายนก็เพียงพอ
ปริมายอมรับว่าการอยู่ที่นี่สะดวกสบายแต่เธอรู้สึกเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา งามจิตนั้นแม้จะดูใจดีและชื่นชมเธอแต่ปริมารู้สึกถึงความระวังระแวงว่าเธออาจจะเป็นเหมือนครูคนอื่นๆที่มาเพื่อหวังได้พ่อมากกว่าสอนลูก บางครั้งเธอถึงกับรู้สึกอึดอัดกับการส่งสารทางอ้อมที่งามจิตพยายามจะขีดเส้นให้เธอรู้เขตแดนของตนเอง ไม่คิดเกินเลยกับปฐวี
ปริมาเข้าใจได้ หัวหน้าแม่บ้านคนเก่าแก่ของที่นี่เลี้ยงดูและเห็นปฐวีมานาน ก็คงอยากจะเห็นเขาลงเอยกับคนที่คู่ควรเหมาะสม เป็นผู้หญิงจากตระกูลร่ำรวยด้วยกันสักคนมากกว่าครูสอนพิเศษธรรมดาๆ โดยปกติเธอเป็นคนพูดเรื่องส่วนตัวน้อยอยู่แล้วและไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้อง ‘แสดง’ ว่ามาจากรากเหง้าใดและมีฐานะทางบ้านอย่างไร
เช่นวันนี้ มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆที่เป็นทางการให้มหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกงคนหนึ่งซึ่งตกลงทำสัญญาซื้อขายมูลค่ามหาศาลกับเอสเอสซี ปฐวี คุยให้ทั้งเธอฟังตอนมื้อเช้าเมื่อวานและเชิญเธอร่วมงานเลี้ยงในฐานะสมาชิกครอบครัวคนหนึ่ง ปริยาภัทรนั้นไม่อยู่เพราะพี่สาวเพื่อนสนิทที่เป็นนักเรียนแพทย์มีเวลาว่างกลับมาบ้าน จึงชวนปริยาภัทรไปค้างเพื่อติววิชาความถนัดทางแพทย์ที่บ้านกับน้องสาวตลอดสัปดาห์
เมื่อปฐวีออกไปทำงานแล้ว งามจิตบอกเธอเป็นนัยว่างามภัค หลานสาวของเธอ ที่ทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯของปฐวีอยู่ในตอนนี้ก็เรียนจบด้านภาษามาและรู้งานของบริษัทดี น่าจะเหมาะสมกว่าที่จะร่วมงานเลี้ยง
‘อาจารย์คงเข้าใจนะคะ การมีผู้หญิงแปลกหน้ามาอยู่ร่วมบ้านกับคุณหนูใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ยังไงวันพรุ่งนี้อาจารย์อยู่ในห้อง พักผ่อนให้สบาย ป้าจะให้เด็กไปส่งอาหารให้ที่ตึกสามมื้อค่ะ’
แปลว่าตรงๆว่าอย่าได้โผล่หน้าออกมาและกำลังสนับสนุนหลานสาวของตนให้คุณหนูใหญ่พิจารณาตัว ปริมามองดาวบนฟ้า อากาศเริ่มดี หลังจากร้อนจัดมาทั้งวันในการเริ่มต้นหน้าร้อนปีนี้ วันนี้เมื่อมั่นใจว่าจะไม่ได้เจอใคร ปริมาจึงหยิบชุดนอนหน้าร้อนที่เธอชื่นชอบมาใส่ เป็นชุดผ้าซาตินนุ่มลื่นเนื้อดีสีเขียวอ่อนพิมพ์ลายดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองนวล กางเกงขาสั้นยาวเพียงคลุมสะโพกบานส่วนปลายขากับเสื้อสายเดี่ยวผ่าหน้าติดกระดุมเข้าชุดกัน คอแหลมลึกถึงหน้าอก
ปริมาชอบชุดนอนแบบนี้มากเพราะนุ่มและเบา นอนสบาย ครั้งแรกเธอได้เป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนๆสมัยเรียนที่อังกฤษยังมองว่าโป๊ไปแต่มีวันหนึ่งได้ลองใส่ก็ติดใจและซื้อเมื่อเจอลายสวยถูกใจเสมอ ตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้เธอไม่ได้ใส่เลย ชุดนอนเป็นผ้าฝ้ายมิดชิดเรียบร้อยและสวมคาร์ดิแกนยาวทับเสมอและถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ออกจากบริเวณของตนเองยามสวมใส่ชุดนอน
ปริมาถอนใจ นับจากวันที่เข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ ปฐวีดูจะไม่ปิดบังความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำตัวชัดเจนขึ้นทุกวันโดยได้แรงสนับสนุนจากบุตรสาวเต็มที่ เขาพาเธอออกไปกินข้าวเย็นข้างนอกในวันว่างตรงกัน ตั้งแต่ร้านหรูในโรงแรมจนถึงก๋วยเตี๋ยวริมคลอง อะไรก็ตามที่เธออยากกิน วันเสาร์อาทิตย์ก็อาสาเป็นสารถีให้ เธอไปไหนขอไปด้วย และในตอนกลางคืนทุกวัน เขาจะโทรมาคุยด้วยไม่เคยขาดแม้ยามเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ
‘ผมยังต้องพูดอีกเหรอว่าที่ทำอยู่คืออะไร’
เขาไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้งามจิตและงามภัคไม่พอใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น ส่วนเธอก็น้ำท่วมปากเพราะต่อหน้าปฐวีทั้งสองทำดีกับเธอเสมอ คิดจะเริ่มพูดก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ไม่มีหลักฐานใด คนเก่าแก่ที่ทำงานมานานกับคนที่เขาเพิ่งรู้จักอย่างเธอ ฝ่ายแรกก็ต้องฟังน่าเชื่อถือกว่าอยู่แล้ว ปริมาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีวันที่มาอยู่ในสถานการณ์ราวกับพล็อตในนวนิยายแต่ก็เป็นไปแล้ว เสี้ยวนาทีในการตัดสินใจเปลี่ยนอะไรไปมากจริงๆ
ปฐวีเดินตรงมาทางตึกที่ปริมาอยู่ทันทีที่ส่งแขกกลับเรียบร้อย อารมณ์กรุ่นไปด้วยความไม่พอใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ไม่สบายตามที่หัวหน้าแม่บ้านพูดและทำไมจะไม่รู้ว่างามจิตต้องการอะไรงามภัคจึงมาปรากฏตัวในห้องอาหาร เห็นทีเขาต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียที ที่ผ่านมายอมอ่อนให้เพราะเป็นคนเก่าแก่และเลี้ยงดูเขาและปริยาภัทรมาอย่างดี แต่ครั้งนี้ ปฐวีถือว่าลำเส้น แต่ ณ ตอนนี้เขามีอย่างอื่นสำคัญกว่าให้ต้องทำ
ประตูบานเลื่อนเลียนแบบลายประตูญี่ปุ่นสว่างไสว ณ เวลานี้คงไม่มีใครมามุมนี้แล้วนอกจากเธอผู้ซึ่งเคยบอกเขาว่า นี่คือมุมโปรดที่สุดของเธอในบ้านหลังนี้ ปฐวีกดโทรศัพท์สั่งเดี่ยวให้ตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณที่พักของเขาและปริมา ก่อนจะเลื่อนบานประตูออกอย่างแผ่วเบา
ปริมาดูดาวฟังเสียงน้ำจนฉ่ำใจแล้ว ไม่อยากเพ้อเจ้อคิดมากจึงเดินกลับไปเอาสมุดโน้ตกับเอกสารและแล็ปท็อปมาวางบนตักทบทวนการทำข้อสอบของปริยาภัทร หญิงสาวเขียนโน้ตสรุปโดยละเอียดว่า ผลคะแนนจากการทำข้อสอบในแต่ละปี เด็กสาวยังไม่เข้าใจ ยังผิดพลาดที่จุดไหน เพื่ออธิบายอีกครั้งและให้ทำแบบฝึกหัดฝึกฝนเพิ่มเติม
ตอนนี้ปัญหาสำคัญของปริยาภัทรคือการอ่านบทกลอนในข้อสอบเก้าวิชาสามัญ ซึ่งเพิ่งออกข้อสอบในรูปแบบนี้มาเมื่อไม่กี่ปี สำหรับเด็กที่เรียนสายวิทย์เช่นปริยาภัทรบางส่วน นี่คือรูปแบบที่ยากที่สุดเพราะต้องตีความให้เข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดและอ่านการเขียนเชิงเปรียบเทียบให้ออก
“ไม่คิดเลยว่าผมจะโชคดี เจอครูที่ทำงานเกินค่าจ้างขนาดนี้”
เสียงทุ้มอ่อนโยนข้างๆหูและไออุ่นจากเรือนกายที่ชิดใกล้ด้านหลังทำให้ปริมาตกใจหันไปมอง ปลายจมูกเล็กจึงชนกับผิวแก้มตึง ได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดอันคุ้นเคยเข้าไปเต็มปอด ปฐวียิ้มกว้างกับปฏิกิริยานั้น
“ชื่นใจจัง เหมือนเวลาสามีกลับบ้านจากงานเหนื่อยๆแล้วภรรยาเข้ามาหอมแก้มต้อนรับเลย”
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆทั้งตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะพบเขา...ใกล้ชิดแบบนี้ เธอผละถอยในทันทีแต่วงแขนแข็งแรงเข้าโอบรัดไว้ทั้งตัวเร็วปานกัน ปฐวีถือโอกาสนั้นเกยคางที่ไหล่นวลเนียน
“เราต้องคุยกันนะ”
ปริมานิ่งงันกับความใกล้ชิดขนาดนี้ครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ ตัวเกร็งอยู่ในอ้อมแขนที่กระชับเข้าแน่น
“ดะ...ได้ค่ะ แต่เรานั่งคุยกันดีๆดีกว่าไหมคะ”
หญิงสาวตะกุกตะกักตอบเขา ใจเต้นแรงกับความใกล้ชิด
“แบบนี้ดีแล้ว ปรางไม่รู้หรอกว่าผมอยากกอดปรางแบบนี้มานานแค่ไหน”
หัวใจปริมาปั่นป่วน ทั้งอยากผลักไสและอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ เธอมีใจให้เขา นั่นใช่ เธอรู้ดี แต่เธอก็ไม่ลืมว่าเธอมาที่นี่ในฐานะอะไรและเธอกับเขาแตกต่างกันเพียงใด
“ปล่อยเถอะค่ะ คุณแดน นั่งคุยกันดีๆนะคะ”
ท้ายเสียงอ้อนวอนขอยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่อยากปล่อย เขาทำให้เธอไม่คาดคิดอีกครั้งเมื่อขยับเข้ามานั่งข้างและยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตัก ขาเรียวเสลาขาวผ่องในกางเกงตัวสั้นพาดอยู่บนขาแข็งแรงของเขาทั้งสอง ปริมายกมือมายันอกกว้างที่แนบเข้าหาโดยอัตโนมัติ เปิดโอกาสให้วงแขนของเขารัดรอบเอวเล็กคอดโดยรอบ
“คุณแดน”
“ครับ ก็นั่งแบบนี้เราจะได้มองหน้าคุยกันดีๆแบบที่ปรางบอกไง”
สายคมโตพราวระยับตอนกวาดมองเธอทั่วทั้งตัว ชุดสีเขียวอ่อนยิ่งขับผิวกายเธอให้กระจ่างในคืนที่จันทร์เต็มดวงเช่นนี้ เขาละมือข้างหนึ่งที่โอบรอบเอวเธอไว้ไล้ต้นแขนเรียวอย่างอดใจไม่ไหว
“ไหนบอกผมซิ ว่าคุณไม่สบายเป็นอะไร ทำไมไม่ไปทานข้าวด้วยกันวันนี้”
ปริมาหัวใจไหวสั่นกับสัมผัสอ่อนโยนที่เรียวแขน เธอรีบคว้ามือของเขาเอาไว้ทำให้เขากุมมือเธอกลับทันที
“ปรางโกหกไม่ได้หรอก เราอาจจะรู้จักกันไม่นานแต่ผมเชื่อว่าปรางก็รู้ว่าที่เรา ‘รู้สึก’ กันอยู่ ไม่ต่างกัน ใช่ไหม”
หญิงสาวจนคำพูดกับสายตาเปิดเผยล้ำลึกและน้ำเสียงที่เจือกระแสเว้าวอนอ่อนหวานในที
“ปรางไม่พูด ผมก็พอรู้และอยากเล่าให้ฟัง”
ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาไล้ไปบนหลังมือเล็กช้าๆ
“ป้างามเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมาเลี้ยงแพท ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมแล้วก็ป้าน้อมจิต พี่สาวแกที่เคยเป็นหัวหน้าคนงานในบ้านทั้งหมดย้ายไปเชียงใหม่กัน ป้างามก็ดูแลทุกอย่างที่นี่แทน อำนาจทำให้คนเราเปลี่ยนกันได้นะ ปรางว่าไหม ผมดูออกว่าป้างามอยากให้งามภัคมาเป็นแม่แพทเพราะคิดว่าเราเหมาะสมกัน ครอบครัวทางแม่ของงามภัคเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่กำลังทำปางไม้ทางเหนือใหญ่โต แต่ผมไม่เคยคิดเกินเลย ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นหลานป้างามแต่เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา”
“ผมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง อะไรที่ใช่ ก็จะใช่ไม่ต้องพยายาม เหมือนที่ผมรู้สึกกับปรางตั้งแต่แรกเจอ ปรางพูดกับแพทไงครับ ว่าแค่เสี้ยวนาทีก็เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ”
ปริมาเหมือนโดนสะกด หัวใจอ่อนยวบ
“รู้ไหม ผมไม่เคยสนใจหรือคิดเลยว่าคนที่ใช่ จะต้องเป็นแบบไหนยังไง คนเราจะรักกันก็ด้วยใจ ไม่ใช่อย่างอื่น อย่างที่ผมพูดไป อะไรที่ใช่ ไม่ต้องพยายามและอะไรที่ไม่ใช่ พยายามมากแค่ไหนก็ไม่ใช่อยู่ดี”
“แต่เราต่างกันมากนะคะ เราเพิ่งรู้จักกันด้วย”
หญิงสาวสบตาเขา เธอไม่อยากวาดวิมานในอากาศ เธอเชื่อเหมือนเขาก็จริง แต่ก็เข้าใจโลกความเป็นจริงและจะไม่โกรธเคืองเลยถ้าเขาจะเปลี่ยนใจตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเธอเองก็ไม่อยากเริ่มต้นด้วยความคลางแคลงในใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผมกับงามภัค ไม่ต่างกันมากกว่าเหรอ ผมไม่ได้ดูถูกใครแต่ถ้าจะมองจากมุมนั้นมุมเดียวจริงๆ พูดแบบไม่ต้องเกรงใจ ปรางก็เหนือเขาทุกอย่าง สำคัญคือถ้าเขาใช่ เขาจะไม่ต้องพยายามอะไรเลย แม่ผมก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือธรรมดาๆคนนึงตอนที่เจอพ่อผม อย่างที่เคยเล่าให้ปรางฟัง เขาก็อยู่กันมาได้ รักกันมานานจนถึงตอนนี้ ผมทำธุรกิจด้วยเหตุผลแต่ความรัก ผมเชื่อในหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง ผมไม่คิดมีคนรักเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ประเภทเรือล่มในหนองหรือทองแผ่นเดียวกัน ไม่ใช่ทางของผม”
เขาจับมือเธอมาวางทาบที่หน้าอกตึงแน่นด้านซ้าย ปริมารู้สึกถึงก้อนเนื้อที่เต้นข้างในไม่ต่างจากเธอ ใช่ เขาพูดถูก พ่อของเธอที่เป็นลูกชายเจ้าของโรงสีใหญ่โตก็เลือกแม่ของเธอที่ในตอนนั้นเป็นเพียงลูกจ้างร้านขายขนมไทยในตลาด แม่ที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าของเธอที่พ่อรักเสมอแม้จะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลยก็ตาม
“ปรางครับ ปรางไม่ใช่คนแรกหรอกที่ป้างามสะกดจิตแบบนี้ ผมเคยมีแฟน เขาก็โดนแบบนี้ไม่ต่างกันแต่ที่เราเลิกกันเพราะผมจับได้ว่าเขานอกใจไปนอนกับแฟนเก่า จับได้คาตาคาเตียง”
ปริมาตาโต ตกใจกับสิ่งที่เขาไม่เคยเล่า
“ตอนที่จับได้ เราคบกันมาห้าปีแล้ว ทุกอย่างดีราบรื่นไปหมด ผมไม่เคยสงสัยหรือเอะใจเพราะเชื่อว่ารู้จักเขาดีและเราคบกันมานาน แบบนี้ปรางยังคิดว่าเวลายังสำคัญอยู่ไหม”
หญิงสาวเชื่อว่าเธอมีความสามารถในการเจรจาหว่านล้อมหลอกล่อเด็กๆพอสมควรจากประสบการณ์สอนอันยาวนานตั้งแต่สมัยเป็นนิสิต แต่ต้องยอมรับว่าปฐวีเหนือกว่าเธอมาก เขาตอบคำถามจนหมดจดจนเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“คราวนี้ เป็นแฟนกันได้รึยัง”
ปริมาเหมือนตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินคำนั้น ตอบเขาทันควัน
“ยังค่ะ ยังไม่ใช่เวลานี้ ตอนที่ปรางยังอยู่ในบ้านคุณแบบนี้ ในเวลาที่แพทกำลังจะสอบสนามสำคัญของชีวิต”
ปฐวีย่นคิ้ว ส่ายหน้า
“ผมไม่เข้าใจ มันเกี่ยวกันตรงไหน ส่วนแพทน่ะ จะจุดพลุฉลองไม่ว่า วันๆเอาแต่ชมปรางให้ผมฟัง ผมรู้ทันลูกหรอก”
“ก็คนเขาจะมองยังไง ปรางมาอยู่บ้านคุณแป๊บเดียวก็เป็นแฟนคุณ เขาจะคิดว่าปรางตั้งใจจะมาจับคุณ โดยเฉพาะป้างาม ถึงจะยังไงก็เป็นคนที่เลี้ยงคุณกับแพทมานะคะ ปรางไม่ได้โลกสวย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกแค่ไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราด้วยการที่คุณต้องผิดใจกับใคร คนที่ไว้ใจได้ ดูแลบ้านได้ดีขนาดนี้ สมัยนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะคะ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมจัดการได้ ปรางจะว่าไง”
ปริมาสีหน้าไม่สบายใจทันที
“คุณจะทำอะไรคะ”
ปฐวีหยิบโทรศัพท์มากด
“ป้างามครับ อีกห้านาที เชิญที่ห้องทำงานผมหน่อย พางามภัคมาด้วยนะครับ”
“คุณแดน จะทำอะไรคะ”
“ผมมีวิธีของผมแล้วกัน สาบานอย่างไม่กลัวฟ้าผ่าเลยว่าผมอยากอยู่แบบนี้กับปรางให้นานที่สุดแต่ปรางเข้าไปรอผมในห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
ถัดจากโถงรับแขกไปเป็นส่วนแพนทรีที่ตั้งเก้าอี้สูงเรียงอยู่สี่ตัว สำหรับทำอาหารง่ายๆทานตอนกลางคืนได้ แต่ตั้งแต่มาอยู่ปริมาก็ยังไม่ได้ทำอะไรกินเองเลยเพราะงามจิตให้เด็กในบ้านมาส่งอาหารกลางวันให้ตลอด ส่วนอาหารเช้าและเย็นจะร่วมโต๊ะกับปฐวีและปริยาภัทรประจำ บนชั้นสองเป็นบริเวณส่วนตัวของเธอทั้งหมด ห้องนอนใหญ่เห็นวิวสวนสวยมีห้องน้ำขนาดกว้างที่มีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำเชื่อมติดกับห้องแต่งตัว
หากมุมที่หญิงสาวชื่นชอบที่สุดเป็นมุมสวนญี่ปุ่นที่มีประตูบานเลื่อนตรงทางขึ้นบันไดเปิดออกมาได้ เป็นมุมที่เป็นส่วนตัวลับสายตาเพราะโอบล้อมด้วยกำแพงสูงของบ้านที่ปลูกต้นสนสูงบังสายตา มีชานไม้ระแนงกว้างยื่นออกไปวางเก้าอี้หวายตัวใหญ่ที่บุเบาะนุ่มลายใบไม้สีเขียวสดใส
มองเห็นสวนที่จัดหินหลากสีเรียงจากสูงมาต่ำคล้ายมีน้ำตกขนาดย่อมต่อกับลำธารเล็กๆลงมาตามแนวหินและต้นไม้พุ่มชนิดต่างๆโดยสุดลำธารทำเป็นบ่อกลมมีน้ำไหลวนกลับคืนไปสู่ต้นทางใหม่ ตรงกลางบ่อวางตะเกียงหินที่เปิดไฟสีเหลืองนวลคู่กับตัวไล่กวางหรือชิชิโอโดชิ เป็นมุมที่เย็น สงบ สบายที่ปริมานั่งเล่นได้ทั้งยามกลางวันและกลางคืน
คืนนี้เป็นอีกคืนที่ปริมามานั่งมองลำธารหลังจากส่งปริยาภัทรเข้านอน เธอสอนเด็กสาวมาได้สามสัปดาห์แล้ว ปริยาภัทรทำได้ดีและตั้งใจมาก ทำคะแนนได้ดีขึ้นเรื่อยๆและทำข้อสอบได้เกือบจะครบสิบห้าปีแล้ว โรงเรียนที่รีโนเวทก็ไปได้อย่างราบรื่นและงานสอนที่มหาวิทยาลัยต่างๆกำลังจะเริ่มอีกครั้ง ปริมาจึงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่นี่ให้เขาต้องจ่ายเงินมากมายให้
เธอสามารถจัดตารางกับปริยาภัทรได้ เธอจึงจะคุยกับปฐวีว่าเธอคงจะอยู่ที่นี่ถึงเพียงสิ้นเดือนเมษายนก็เพียงพอ
ปริมายอมรับว่าการอยู่ที่นี่สะดวกสบายแต่เธอรู้สึกเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา งามจิตนั้นแม้จะดูใจดีและชื่นชมเธอแต่ปริมารู้สึกถึงความระวังระแวงว่าเธออาจจะเป็นเหมือนครูคนอื่นๆที่มาเพื่อหวังได้พ่อมากกว่าสอนลูก บางครั้งเธอถึงกับรู้สึกอึดอัดกับการส่งสารทางอ้อมที่งามจิตพยายามจะขีดเส้นให้เธอรู้เขตแดนของตนเอง ไม่คิดเกินเลยกับปฐวี
ปริมาเข้าใจได้ หัวหน้าแม่บ้านคนเก่าแก่ของที่นี่เลี้ยงดูและเห็นปฐวีมานาน ก็คงอยากจะเห็นเขาลงเอยกับคนที่คู่ควรเหมาะสม เป็นผู้หญิงจากตระกูลร่ำรวยด้วยกันสักคนมากกว่าครูสอนพิเศษธรรมดาๆ โดยปกติเธอเป็นคนพูดเรื่องส่วนตัวน้อยอยู่แล้วและไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้อง ‘แสดง’ ว่ามาจากรากเหง้าใดและมีฐานะทางบ้านอย่างไร
เช่นวันนี้ มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆที่เป็นทางการให้มหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกงคนหนึ่งซึ่งตกลงทำสัญญาซื้อขายมูลค่ามหาศาลกับเอสเอสซี ปฐวี คุยให้ทั้งเธอฟังตอนมื้อเช้าเมื่อวานและเชิญเธอร่วมงานเลี้ยงในฐานะสมาชิกครอบครัวคนหนึ่ง ปริยาภัทรนั้นไม่อยู่เพราะพี่สาวเพื่อนสนิทที่เป็นนักเรียนแพทย์มีเวลาว่างกลับมาบ้าน จึงชวนปริยาภัทรไปค้างเพื่อติววิชาความถนัดทางแพทย์ที่บ้านกับน้องสาวตลอดสัปดาห์
เมื่อปฐวีออกไปทำงานแล้ว งามจิตบอกเธอเป็นนัยว่างามภัค หลานสาวของเธอ ที่ทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯของปฐวีอยู่ในตอนนี้ก็เรียนจบด้านภาษามาและรู้งานของบริษัทดี น่าจะเหมาะสมกว่าที่จะร่วมงานเลี้ยง
‘อาจารย์คงเข้าใจนะคะ การมีผู้หญิงแปลกหน้ามาอยู่ร่วมบ้านกับคุณหนูใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ยังไงวันพรุ่งนี้อาจารย์อยู่ในห้อง พักผ่อนให้สบาย ป้าจะให้เด็กไปส่งอาหารให้ที่ตึกสามมื้อค่ะ’
แปลว่าตรงๆว่าอย่าได้โผล่หน้าออกมาและกำลังสนับสนุนหลานสาวของตนให้คุณหนูใหญ่พิจารณาตัว ปริมามองดาวบนฟ้า อากาศเริ่มดี หลังจากร้อนจัดมาทั้งวันในการเริ่มต้นหน้าร้อนปีนี้ วันนี้เมื่อมั่นใจว่าจะไม่ได้เจอใคร ปริมาจึงหยิบชุดนอนหน้าร้อนที่เธอชื่นชอบมาใส่ เป็นชุดผ้าซาตินนุ่มลื่นเนื้อดีสีเขียวอ่อนพิมพ์ลายดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองนวล กางเกงขาสั้นยาวเพียงคลุมสะโพกบานส่วนปลายขากับเสื้อสายเดี่ยวผ่าหน้าติดกระดุมเข้าชุดกัน คอแหลมลึกถึงหน้าอก
ปริมาชอบชุดนอนแบบนี้มากเพราะนุ่มและเบา นอนสบาย ครั้งแรกเธอได้เป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนๆสมัยเรียนที่อังกฤษยังมองว่าโป๊ไปแต่มีวันหนึ่งได้ลองใส่ก็ติดใจและซื้อเมื่อเจอลายสวยถูกใจเสมอ ตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้เธอไม่ได้ใส่เลย ชุดนอนเป็นผ้าฝ้ายมิดชิดเรียบร้อยและสวมคาร์ดิแกนยาวทับเสมอและถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ออกจากบริเวณของตนเองยามสวมใส่ชุดนอน
ปริมาถอนใจ นับจากวันที่เข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ ปฐวีดูจะไม่ปิดบังความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำตัวชัดเจนขึ้นทุกวันโดยได้แรงสนับสนุนจากบุตรสาวเต็มที่ เขาพาเธอออกไปกินข้าวเย็นข้างนอกในวันว่างตรงกัน ตั้งแต่ร้านหรูในโรงแรมจนถึงก๋วยเตี๋ยวริมคลอง อะไรก็ตามที่เธออยากกิน วันเสาร์อาทิตย์ก็อาสาเป็นสารถีให้ เธอไปไหนขอไปด้วย และในตอนกลางคืนทุกวัน เขาจะโทรมาคุยด้วยไม่เคยขาดแม้ยามเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ
‘ผมยังต้องพูดอีกเหรอว่าที่ทำอยู่คืออะไร’
เขาไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้งามจิตและงามภัคไม่พอใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น ส่วนเธอก็น้ำท่วมปากเพราะต่อหน้าปฐวีทั้งสองทำดีกับเธอเสมอ คิดจะเริ่มพูดก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ไม่มีหลักฐานใด คนเก่าแก่ที่ทำงานมานานกับคนที่เขาเพิ่งรู้จักอย่างเธอ ฝ่ายแรกก็ต้องฟังน่าเชื่อถือกว่าอยู่แล้ว ปริมาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีวันที่มาอยู่ในสถานการณ์ราวกับพล็อตในนวนิยายแต่ก็เป็นไปแล้ว เสี้ยวนาทีในการตัดสินใจเปลี่ยนอะไรไปมากจริงๆ
ปฐวีเดินตรงมาทางตึกที่ปริมาอยู่ทันทีที่ส่งแขกกลับเรียบร้อย อารมณ์กรุ่นไปด้วยความไม่พอใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ไม่สบายตามที่หัวหน้าแม่บ้านพูดและทำไมจะไม่รู้ว่างามจิตต้องการอะไรงามภัคจึงมาปรากฏตัวในห้องอาหาร เห็นทีเขาต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียที ที่ผ่านมายอมอ่อนให้เพราะเป็นคนเก่าแก่และเลี้ยงดูเขาและปริยาภัทรมาอย่างดี แต่ครั้งนี้ ปฐวีถือว่าลำเส้น แต่ ณ ตอนนี้เขามีอย่างอื่นสำคัญกว่าให้ต้องทำ
ประตูบานเลื่อนเลียนแบบลายประตูญี่ปุ่นสว่างไสว ณ เวลานี้คงไม่มีใครมามุมนี้แล้วนอกจากเธอผู้ซึ่งเคยบอกเขาว่า นี่คือมุมโปรดที่สุดของเธอในบ้านหลังนี้ ปฐวีกดโทรศัพท์สั่งเดี่ยวให้ตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณที่พักของเขาและปริมา ก่อนจะเลื่อนบานประตูออกอย่างแผ่วเบา
ปริมาดูดาวฟังเสียงน้ำจนฉ่ำใจแล้ว ไม่อยากเพ้อเจ้อคิดมากจึงเดินกลับไปเอาสมุดโน้ตกับเอกสารและแล็ปท็อปมาวางบนตักทบทวนการทำข้อสอบของปริยาภัทร หญิงสาวเขียนโน้ตสรุปโดยละเอียดว่า ผลคะแนนจากการทำข้อสอบในแต่ละปี เด็กสาวยังไม่เข้าใจ ยังผิดพลาดที่จุดไหน เพื่ออธิบายอีกครั้งและให้ทำแบบฝึกหัดฝึกฝนเพิ่มเติม
ตอนนี้ปัญหาสำคัญของปริยาภัทรคือการอ่านบทกลอนในข้อสอบเก้าวิชาสามัญ ซึ่งเพิ่งออกข้อสอบในรูปแบบนี้มาเมื่อไม่กี่ปี สำหรับเด็กที่เรียนสายวิทย์เช่นปริยาภัทรบางส่วน นี่คือรูปแบบที่ยากที่สุดเพราะต้องตีความให้เข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดและอ่านการเขียนเชิงเปรียบเทียบให้ออก
“ไม่คิดเลยว่าผมจะโชคดี เจอครูที่ทำงานเกินค่าจ้างขนาดนี้”
เสียงทุ้มอ่อนโยนข้างๆหูและไออุ่นจากเรือนกายที่ชิดใกล้ด้านหลังทำให้ปริมาตกใจหันไปมอง ปลายจมูกเล็กจึงชนกับผิวแก้มตึง ได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดอันคุ้นเคยเข้าไปเต็มปอด ปฐวียิ้มกว้างกับปฏิกิริยานั้น
“ชื่นใจจัง เหมือนเวลาสามีกลับบ้านจากงานเหนื่อยๆแล้วภรรยาเข้ามาหอมแก้มต้อนรับเลย”
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆทั้งตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะพบเขา...ใกล้ชิดแบบนี้ เธอผละถอยในทันทีแต่วงแขนแข็งแรงเข้าโอบรัดไว้ทั้งตัวเร็วปานกัน ปฐวีถือโอกาสนั้นเกยคางที่ไหล่นวลเนียน
“เราต้องคุยกันนะ”
ปริมานิ่งงันกับความใกล้ชิดขนาดนี้ครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ ตัวเกร็งอยู่ในอ้อมแขนที่กระชับเข้าแน่น
“ดะ...ได้ค่ะ แต่เรานั่งคุยกันดีๆดีกว่าไหมคะ”
หญิงสาวตะกุกตะกักตอบเขา ใจเต้นแรงกับความใกล้ชิด
“แบบนี้ดีแล้ว ปรางไม่รู้หรอกว่าผมอยากกอดปรางแบบนี้มานานแค่ไหน”
หัวใจปริมาปั่นป่วน ทั้งอยากผลักไสและอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ เธอมีใจให้เขา นั่นใช่ เธอรู้ดี แต่เธอก็ไม่ลืมว่าเธอมาที่นี่ในฐานะอะไรและเธอกับเขาแตกต่างกันเพียงใด
“ปล่อยเถอะค่ะ คุณแดน นั่งคุยกันดีๆนะคะ”
ท้ายเสียงอ้อนวอนขอยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่อยากปล่อย เขาทำให้เธอไม่คาดคิดอีกครั้งเมื่อขยับเข้ามานั่งข้างและยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตัก ขาเรียวเสลาขาวผ่องในกางเกงตัวสั้นพาดอยู่บนขาแข็งแรงของเขาทั้งสอง ปริมายกมือมายันอกกว้างที่แนบเข้าหาโดยอัตโนมัติ เปิดโอกาสให้วงแขนของเขารัดรอบเอวเล็กคอดโดยรอบ
“คุณแดน”
“ครับ ก็นั่งแบบนี้เราจะได้มองหน้าคุยกันดีๆแบบที่ปรางบอกไง”
สายคมโตพราวระยับตอนกวาดมองเธอทั่วทั้งตัว ชุดสีเขียวอ่อนยิ่งขับผิวกายเธอให้กระจ่างในคืนที่จันทร์เต็มดวงเช่นนี้ เขาละมือข้างหนึ่งที่โอบรอบเอวเธอไว้ไล้ต้นแขนเรียวอย่างอดใจไม่ไหว
“ไหนบอกผมซิ ว่าคุณไม่สบายเป็นอะไร ทำไมไม่ไปทานข้าวด้วยกันวันนี้”
ปริมาหัวใจไหวสั่นกับสัมผัสอ่อนโยนที่เรียวแขน เธอรีบคว้ามือของเขาเอาไว้ทำให้เขากุมมือเธอกลับทันที
“ปรางโกหกไม่ได้หรอก เราอาจจะรู้จักกันไม่นานแต่ผมเชื่อว่าปรางก็รู้ว่าที่เรา ‘รู้สึก’ กันอยู่ ไม่ต่างกัน ใช่ไหม”
หญิงสาวจนคำพูดกับสายตาเปิดเผยล้ำลึกและน้ำเสียงที่เจือกระแสเว้าวอนอ่อนหวานในที
“ปรางไม่พูด ผมก็พอรู้และอยากเล่าให้ฟัง”
ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาไล้ไปบนหลังมือเล็กช้าๆ
“ป้างามเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมาเลี้ยงแพท ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมแล้วก็ป้าน้อมจิต พี่สาวแกที่เคยเป็นหัวหน้าคนงานในบ้านทั้งหมดย้ายไปเชียงใหม่กัน ป้างามก็ดูแลทุกอย่างที่นี่แทน อำนาจทำให้คนเราเปลี่ยนกันได้นะ ปรางว่าไหม ผมดูออกว่าป้างามอยากให้งามภัคมาเป็นแม่แพทเพราะคิดว่าเราเหมาะสมกัน ครอบครัวทางแม่ของงามภัคเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่กำลังทำปางไม้ทางเหนือใหญ่โต แต่ผมไม่เคยคิดเกินเลย ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นหลานป้างามแต่เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา”
“ผมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง อะไรที่ใช่ ก็จะใช่ไม่ต้องพยายาม เหมือนที่ผมรู้สึกกับปรางตั้งแต่แรกเจอ ปรางพูดกับแพทไงครับ ว่าแค่เสี้ยวนาทีก็เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ”
ปริมาเหมือนโดนสะกด หัวใจอ่อนยวบ
“รู้ไหม ผมไม่เคยสนใจหรือคิดเลยว่าคนที่ใช่ จะต้องเป็นแบบไหนยังไง คนเราจะรักกันก็ด้วยใจ ไม่ใช่อย่างอื่น อย่างที่ผมพูดไป อะไรที่ใช่ ไม่ต้องพยายามและอะไรที่ไม่ใช่ พยายามมากแค่ไหนก็ไม่ใช่อยู่ดี”
“แต่เราต่างกันมากนะคะ เราเพิ่งรู้จักกันด้วย”
หญิงสาวสบตาเขา เธอไม่อยากวาดวิมานในอากาศ เธอเชื่อเหมือนเขาก็จริง แต่ก็เข้าใจโลกความเป็นจริงและจะไม่โกรธเคืองเลยถ้าเขาจะเปลี่ยนใจตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเธอเองก็ไม่อยากเริ่มต้นด้วยความคลางแคลงในใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผมกับงามภัค ไม่ต่างกันมากกว่าเหรอ ผมไม่ได้ดูถูกใครแต่ถ้าจะมองจากมุมนั้นมุมเดียวจริงๆ พูดแบบไม่ต้องเกรงใจ ปรางก็เหนือเขาทุกอย่าง สำคัญคือถ้าเขาใช่ เขาจะไม่ต้องพยายามอะไรเลย แม่ผมก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือธรรมดาๆคนนึงตอนที่เจอพ่อผม อย่างที่เคยเล่าให้ปรางฟัง เขาก็อยู่กันมาได้ รักกันมานานจนถึงตอนนี้ ผมทำธุรกิจด้วยเหตุผลแต่ความรัก ผมเชื่อในหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง ผมไม่คิดมีคนรักเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ประเภทเรือล่มในหนองหรือทองแผ่นเดียวกัน ไม่ใช่ทางของผม”
เขาจับมือเธอมาวางทาบที่หน้าอกตึงแน่นด้านซ้าย ปริมารู้สึกถึงก้อนเนื้อที่เต้นข้างในไม่ต่างจากเธอ ใช่ เขาพูดถูก พ่อของเธอที่เป็นลูกชายเจ้าของโรงสีใหญ่โตก็เลือกแม่ของเธอที่ในตอนนั้นเป็นเพียงลูกจ้างร้านขายขนมไทยในตลาด แม่ที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าของเธอที่พ่อรักเสมอแม้จะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลยก็ตาม
“ปรางครับ ปรางไม่ใช่คนแรกหรอกที่ป้างามสะกดจิตแบบนี้ ผมเคยมีแฟน เขาก็โดนแบบนี้ไม่ต่างกันแต่ที่เราเลิกกันเพราะผมจับได้ว่าเขานอกใจไปนอนกับแฟนเก่า จับได้คาตาคาเตียง”
ปริมาตาโต ตกใจกับสิ่งที่เขาไม่เคยเล่า
“ตอนที่จับได้ เราคบกันมาห้าปีแล้ว ทุกอย่างดีราบรื่นไปหมด ผมไม่เคยสงสัยหรือเอะใจเพราะเชื่อว่ารู้จักเขาดีและเราคบกันมานาน แบบนี้ปรางยังคิดว่าเวลายังสำคัญอยู่ไหม”
หญิงสาวเชื่อว่าเธอมีความสามารถในการเจรจาหว่านล้อมหลอกล่อเด็กๆพอสมควรจากประสบการณ์สอนอันยาวนานตั้งแต่สมัยเป็นนิสิต แต่ต้องยอมรับว่าปฐวีเหนือกว่าเธอมาก เขาตอบคำถามจนหมดจดจนเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“คราวนี้ เป็นแฟนกันได้รึยัง”
ปริมาเหมือนตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินคำนั้น ตอบเขาทันควัน
“ยังค่ะ ยังไม่ใช่เวลานี้ ตอนที่ปรางยังอยู่ในบ้านคุณแบบนี้ ในเวลาที่แพทกำลังจะสอบสนามสำคัญของชีวิต”
ปฐวีย่นคิ้ว ส่ายหน้า
“ผมไม่เข้าใจ มันเกี่ยวกันตรงไหน ส่วนแพทน่ะ จะจุดพลุฉลองไม่ว่า วันๆเอาแต่ชมปรางให้ผมฟัง ผมรู้ทันลูกหรอก”
“ก็คนเขาจะมองยังไง ปรางมาอยู่บ้านคุณแป๊บเดียวก็เป็นแฟนคุณ เขาจะคิดว่าปรางตั้งใจจะมาจับคุณ โดยเฉพาะป้างาม ถึงจะยังไงก็เป็นคนที่เลี้ยงคุณกับแพทมานะคะ ปรางไม่ได้โลกสวย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกแค่ไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราด้วยการที่คุณต้องผิดใจกับใคร คนที่ไว้ใจได้ ดูแลบ้านได้ดีขนาดนี้ สมัยนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะคะ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมจัดการได้ ปรางจะว่าไง”
ปริมาสีหน้าไม่สบายใจทันที
“คุณจะทำอะไรคะ”
ปฐวีหยิบโทรศัพท์มากด
“ป้างามครับ อีกห้านาที เชิญที่ห้องทำงานผมหน่อย พางามภัคมาด้วยนะครับ”
“คุณแดน จะทำอะไรคะ”
“ผมมีวิธีของผมแล้วกัน สาบานอย่างไม่กลัวฟ้าผ่าเลยว่าผมอยากอยู่แบบนี้กับปรางให้นานที่สุดแต่ปรางเข้าไปรอผมในห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ