สะ-กด-รัก
-
5) Game on!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสายตาชายหนุ่มทั้งสองที่มองกันถ้าจะเรียกว่าทันเกมกันก็คงไม่ผิด คงมีพียงหญิงสาวคนเดียวตรงนั้นที่ไม่ได้เอะใจใดๆ
“คุณปฐวีรอสักครู่นะคะ ฉันกำลังดูแบบชื่อโรงเรียนอยู่ค่ะ”
“เรียกผมแดนเถอะครับ ปราง ชื่อโรงเรียน? ตัวอักษรแบบที่คุณคุยกับแพทวันก่อนเหรอครับ สนใจเหล็กกันสนิมของโรงงานผมไหม ผมก็ใช้เอง ทนดี สวยไม่มีคราบ ผมสั่งทำสีคัสต้อมให้ได้นะ”
เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเธออีกฝั่ง หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแบบให้ดู เปรมาตาเป็นประกายเมื่อเห็น ตัวอักษรทำจากเหล็กสีดำเหลือบสีสนิมแบบที่เธออยากได้
“ปรางอยากได้แบบนี้เป๊ะเลยค่ะ”
ปฐวีแอบยิ้มกับสรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปของคนที่กำลังตื่นเต้น
“เราคัสต้อมฟ้อนท์ตัวอักษรได้นะ เอาแบบที่ปรางชอบแลยครับ เดี๋ยวผมสั่งแบบพิเศษเคลือบกันสนิมเพิ่มเป็นพิเศษเลย”
“ปรางแอบชอบแบบที่เห็นอยู่นี่เลยค่ะ ตัวหนังสือดูหนักแน่นดี แล้วก็ไม่หวือหวาอยู่ได้นาน โรงเรียนจะได้มั่นคงอยู่ได้นาน”
“คิดเหมือนผมเลย”
ถ้าปฐวีมองเขาออก ชานัทที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็มองออกว่าคนที่พยายามเอาใจหญิงสาวอยู่นี้รู้สึกอย่างไรและพยายามที่จะเอาชนะเขา
“งั้นคงต้องรบกวนทางทีมพี่นัทคุยกับคุณแดนเรื่องวัสดุกับแบบแล้วค่ะ ปรางเลือกอันนี้เลยค่ะ”
“ไม่ต้องรบกวนคุณชานัทหรอกครับ บริษัทผมมีทีมช่าง ทางทีมคุณนัทพร้อมเมื่อไหร่ ก็เข้ามาได้เลย ติดวันเดียวเรียบร้อย ทางผมรอได้ นานแค่ไหนไม่ใช่ปัญหา”
คำพูดปฐวีอาจจะดูธรรมดาแต่สายตาและน้ำเสียงโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่หันมาทางเขาสื่อความกินนัยยะว่า ‘รอได้’ นั้นคือรออะไร
“ขอบคุณค่ะ คุณแดน ค่าใช้จ่ายแจ้งปรางได้เลยนะคะ”
“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ว่าแต่นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าครับ”
“เราคุยกันเรียบร้อยพอดีค่ะ เหลือเรื่องนี้ที่พี่นัทใจดีอาสาจะช่วย”
“งั้นดีเลยครับ ผมมาคุยกับปรางเรื่องเรียนของแพท”
“คุณแดนเป็นสามีที่น่ารักมากเลยนะครับ ดูแลลูกสาวใกล้ชิดมาก ภรรยาโชคดีจริงๆ”
ชานัทรู้มาเหมือนคนอื่นในแวดวงว่าปฐวีที่ค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวเป็นคนเปิดเผยเสมอเมื่อกล่าวถึงเรื่องบุตรสาวคนเดียว
“แพทเป็นลูกสาวที่ผมกับน้องชายเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เขาเกิด จริงๆหลายคนไม่รู้แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดปิดบังอะไร ที่นี่ก็มีแต่คนกันเอง”
ประโยคหลังเขาหันไปทางหญิงสาวที่ตั้งใจฟังอยู่
“แพทเป็นลูกของเพื่อนนักเรียนไทยของแดนกับผู้หญิงลูกครึ่งอเมริกันคนนึง เธอกำลังจะได้เป็นนางแบบก็มาท้องก่อน พอคลอดแพทได้ เธอก็หายไปจากโรงพยาบาลเลย เพื่อนของแดนออกไปตามหาแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย”
“ตอนนั้นเรากำลังทำธีสิสกันทั้งคู่ ก็เลยพอมีเวลาช่วงแรกเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นกัน ไม่รู้ทำไมเราหลงรักเด็กน้อยคนนั้นตั้งแต่สบตา แพทก็เหมือนจะรู้ เลี้ยงง่ายมาก ไม่งอแงเลย กินนม นอน กินนม นอน ตื่น แล้วหัวเราะกับยิ้ม พ่อแม่เราสองคนบินไปหาตอนนั้น ก็อยู่นานเป็นเดือนเลย”
“แพทเขาก็รู้ก่อนเขาเรียน ม.1 ตอนตรวจเลือด ตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียน”
“น้องเป็นยังไงบ้างคะ”
ปริมาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยจริงจัง ที่ทำให้ปฐวีใจสั่นไหวอีกครา
“ไม่เป็นไรเลยครับ เราส่งคนของเราประกบทั้งที่บ้านที่โรงเรียน ทุกอย่างปกติจนเราคุยกับเขากันทั้งบ้าน ให้เขารู้ว่าพวกเรารักเขาจากใจจริงและเขาคือครอบครัวเรา เขาก็บอกเราว่าเขาไม่รู้สึกว่าเขาขาดอะไร มีแต่คนรักเขาเต็มไปหมด เขามีพ่อกับแด้ดดี้แล้วก็ปู่กับย่าตั้งสี่คน”
“โธ่ สาวน้อย”
“มีอยู่ครั้งนึงที่ผมป่วยมาก ไข้เลือดออกน่ะครับ แพทก็ไปคอยเฝ้า เขาเจอหมอผู้หญิงที่รักษาผม เขาถามทุกวันอย่างละเอียดเลย จนหมอบอกว่าเก่งแบบนี้ น่าจะมาเป็นหมอจะได้ช่วยคนให้หายเจ็บเยอะๆ. แพทจำคำนั้นมาจนวันนี้ เขาก็เลยตั้งใจเรียนมากๆอย่างที่ปรางเห็น”
“ไม่ว่าเขาจะเกิดมายังไงเขาก็เป็นลูกที่ผมรักเท่าชีวิต ใครจะมองผมแบบไหน ผมไม่แคร์นะ แคร์คนที่ควรแคร์ก็พอ”
ปฐวีหันไปทางปริมาที่ยิ้มกว้างให้
“จริงค่ะ ชีวิตเราไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา ทุกข์สุขเราเลือกเอง แพทโชคดีมากๆที่มาเจอคุณค่ะ”
“ผมกับครอบครัวก็โชคดีมากครับ วันนี้ที่มาก็เพราะเขาโทรมาขอผมนี่แหละ ปกติไม่เคยขออะไรเลยนอกจากเรื่องเรียน”
น้ำเสียงที่เอ่ยถึงลูกสาวอ่อนโยนเปี่ยมด้วยวามภูมิใจและความรักล้นจากดวงตาคมโตจนคนฟังรู้สึกได้ ชานัทเริ่มรู้สึกว่าเขาได้รับสัญญาณว่าเป็นส่วนเกินและเสร็จธุระแล้ว จึงเอ่ยขอตัว
“ถ้าอย่างนั้น พี่กลับก่อนนะครับปราง แล้วเราค่อยคุยกันนะ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่นัท ปรางไปส่...”
“ไม่เป็นไรครับ จะได้คุยเรื่องน้องแพทต่อ ขอตัวก่อนนะครับคุณแดน”
“ครับ คุณนัท”
ชายหนุ่มทั้งสองทำเพียงยิ้มพยักหน้าให้กันแต่สายตานั้นเหมือนจะส่งสารท้าทายกันอยู่ในที ชานัทได้ยินปฐวีพูดตอนเดินผ่านประตูออกมา
“เย็นพอดี ผมรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยอยู่ร้านนึงไม่ไกล เรากินไปด้วยคุยกันไปด้วยได้ไหมครับ ไปรถผมแล้วเดี๋ยวผมวนมาส่ง วันนี้งานผมยุ่งมากกลางวันกินแต่กาแฟ”
“ตายจริง ปรางก็ลืมถามคุณเลย ไปค่ะ ขอโทษนะคะคุณหิวแย่เลย ขอปรางเก็บของแป๊บเดียวค่ะ”
ขณะขับรถกลับคืนนั้นชานัทแน่ใจว่าเขากำลังเจอคู่แข่งที่น่ากลัวมาที่ชื่อ ปฐวี
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปฐวีพามานั้นอยู่ในซอยเล็กๆบนถนนหน้าโครงการที่ดินจัดสรรหรูหราที่ปริมาได้รู้ทีหลังว่าที่เป็นที่ตั้งบ้านของเขา ตัวร้านสร้างเลียนแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณซ่อนตัวอยู่ในป่าไผ่สูงทึบ ภายในแบ่งเป็นส่วนที่เป็นห้องอาหารปกติและมีห้องส่วนตัวที่ด้านข้างฝั่งรอบนอกเป็นกระจกใสตีกรอบสีไม้เป็นตารางใหญ่เปิดให้เห็นต้นไผ่เขียวอ่อนมีโคมไฟตั้งพื้นแบบญี่ปุ่นเป็นระยะและที่ปริมาชอบมาคือลำธารน้ำใสเล็กๆที่จัดเอาไว้อย่าประณีตล้อมรอบตัวร้าน
ปฐวีเลือกห้องเล็กนั่งบนเสื้อทาทามิ สั่งชุดซาชิมิรวมและหม้อไฟนาเบะ ส่วนปริมาสั่งไก่ย่างเสียบไม้กับอิคุระมาเป็นของกินเล่นเพิ่ม ระหว่างรออาหารหญิงสาวขยับเข้าใกล้กระจก ถ่ายภาพลำธารน้อยกับโคมไฟและป่าไผ่ได้หลายมุม จนปฐวีเอ่ยปาก
“ปราง หันมายิ้มนะครับ มุมนี้สวย หนึ่ง สอง สาม”
เขากดหน้าจอไปหลายรูป
“เดี๋ยวผมไลน์ส่งให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
อาหารมาเสิร์ฟพอดี ทุกอย่างอร่อยมากอย่างน่าประทับใจ
“คุณแดนหาร้านนี้เจอได้ยังไงคะ ปรางบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านดีๆแบบนี้อยู่”
เธอเอ่ยถาม ใช้ที่ตักไม้ตักของในหม้อนาเบะใส่ถ้วยให้เขา
“การมีร้านอาหารดีๆเป็นอีกหนึ่งงานที่คนแบบผมต้องรู้นะ คนเราจะตกลงกันง่ายขึ้นตอนได้กินอะไรอร่อยๆ อย่าได้คุยตอนลูกค้าหิวเด็ดขาด อากงผมสอนมา”
ปริมาหัวเราะ
“คุณก็เลยชวนปรางมากินข้าวใช่ไหมคะ โอเคค่ะ ดีลของคุณวันนี้คืออะไรคะ”
ปฐวียิ้ม ชอบความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า
“แพทอยากขอเรียนพิเศษแบบเดี่ยวกับคุณจนกว่าจะสอบเข้ามหาลัยครับ”
ปริมาไม่แปลกใจนักเรื่องเรียนแต่นิ่งไปเหมือนคิดหนักเมื่อเขากล่าวต่อ
“ผมเลยอยากเชิญคุณมาสอนแพทที่บ้าน อยู่บ้านผมเลยในช่วงปีนี้ เพราะแพทเรียนพิเศษเลข เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ สังคม ภาษาไทยแล้วก็ความถนัดแพทย์ตารางเต็มทุกวัน อยากเรียนในเวลาที่เรียนวิชาพวกนี้เรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นวันละชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่ง เขาบอกว่า วิชานี้เขาไม่มั่นใจที่สุดและชอบการสอนของคุณมากๆ ผมเกรงว่าจะดึกก็ไม่อยากให้ครูที่มาสอนต้องเดินทางและบ้านเราก็ค่อนข้างสะดวก”
ปริมาพยักหน้าคิดตาม
“อันที่จริงแพทเขามีแผนในใจสองแผน ถ้าสอบไม่ได้แพทย์อย่างที่เขาหวัง เขาจะขอให้ผมส่งเขาไปอังกฤษ ไปเรียนหมอที่นู่น แพทหาข้อมูล เริ่มเตรียมตัวมานานแล้วครับ เขาอยากเป็นหมอมากๆจริงๆ”
ข้อนี้หญิงสาวเห็นด้วยมากๆ ปริยาภัทรมีแววตาที่แน่วแน่จริงจังเมื่อพูดถึงความฝันของเธอ
“ค่าตอบแทนผมให้เป็นเงินเดือนเทียบเท่าอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่รวมค่าสอนรายชั่วโมงเรทเดียวกับที่คุณได้จากการเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาลัยเท่าที่สอนตามจริง สวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล อาหารทุกมื้อ น้ำไฟฟรี เหมือนมาพักบ้านญาติ
“มากเกินไปรึเปล่าคะ ปรางเกรงใจค่ะ”
“ผมรู้มาว่าคุณจบปริญญาโทมาสองใบจากอังกฤษ เคยทำงานฝ่ายกฎหมายให้...ผมเดาว่าตอนนั้นคุณได้รายเดือนมากกว่าตอนนี้อีกนะ อีกอย่างแพทไม่เคยเดินมาขอผมว่าอยากเรียนกับครูคนไหนเป็นพิเศษเลย มีคุณคนแรกนี่แหละครับ เพื่อความสุขของลูก มันไม่มากไปหรอกครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวเลขนะ ผมหมายถึงมูลค่าทางใจ”
นี่สินะ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ วาทะศิลป์และศิลปะในการเจรจาต่อรองของเขาทำเธอตกลงใจไปแล้วมากกว่าครึ่ง
“ถ้าปรางตกลง ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ผมจะพาไปดูบ้านให้ปรางตัดสินใจ เผื่อได้เจอแพทด้วย เขาคงดีใจมากครับที่เห็นคุณ”
ปริมาก็งงๆเหมือนกันว่าเหตุใดเธอจึงตกลงมากับเขาง่ายๆแบบนี้ รู้ตัวอีกทีรถตู้ของเขาก็เลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้านเดี่ยวโมเดิร์นขนาดใหญ่ ผ่านโรงรถที่มีรถหลายคันจอดเรียงรายและสวนขนาดใหญ่ที่จัดแต่งอย่างสวยงามเปิดไฟไลท์อัพ สว่างไสว จนมาจอดเทียบที่บันไดทางขึ้นบ้าน
ปฐวีพาเธอเดินผ่านประตูทึบบานใหญ่ที่ติดตั้งรหัสล็อคอัตโนมัติอย่างดี เข้าไปเจอแกรนด์เปียโนตัวใหญ่สีขาวเด่นสะดุดตา บนนั้นมีกรอบรูปตั้งโต๊ะบานใหญ่ สมาชิกในบ้านยิ้มกว้างให้กล้องมีเด็กหญิงน่ารักตัวน้อยนั่งอยู่ตรงกลางยิ้มกว้างกว่าใครจนตาหยี ถัดลงมามีหญิงสูงวัยรูปร่างเล็กบอบบางผู้หนึ่งในชุดเสื้อคอบัวสีขาวแขนยาวเรียบร้อยกับกระโปรงสีน้ำเงินเข้มยาวเกือบถึงข้อเท้ายืนกุมมือยิ้มอยู่
“ป้างามจิตครับ บอสใหญ่ของทุกคนที่นี่”
ผู้สูงวัยหันมาค้อนเจ้านายหนุ่มก่อนจะยกมือไหว้หญิงสาวจนปริมาแทบรีบยกมือมารับไหว้แทบไม่ทัน
“เรียกป้างามก็ได้ค่ะ อาจารย์ สวยน่ารักเหมือนที่คุณหนูเล่าให้ฟังไม่มีผิดเลยค่ะ”
งามจิตรู้สึกถูกใจหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักในชุดเรียบร้อยมิดชิดสีหวานสวยตั้งแต่แรกเห็น ครูสาวคนก่อนๆหน้านี้ยกเว้นแก้วตาที่แต่งงานมีลูกมีสามีแล้วนั้น แต่งตัวทั้งรัดทั้งสั้นทั้งเปิดเผยเนื้อตัว ราวกับจะมาจับเจ้านายหนุ่มมากกว่ามาสอนหนังสือเด็กอย่างไรอย่างนั้น
“สวัสดีค่ะ ป้างาม คราวหน้าไม่ต้องไหว้ปรางนะคะ ปรางเด็กกว่ามาก ให้คุณป้าไหว้ไม่ได้ค่ะ”
ท่าทีจริงใจ คำพูดจริงจังนั้น ทำให้งามจิตยิ่งพึงใจรวมถึงปฐวี
“เดี๋ยวป้างามจะพาคุณไปดูห้องครับ บ้านเราแบ่งเป็นฝั่งๆเหมือนคอนโดทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง เราใช้ส่วนกลางด้วยกัน จะมีเจ้าตัวแสบนั่นแหละครับที่ทุกที่เป็นของตัวเองหมด”
“คุณพ่อว่าแพทอีกแล้วว”
เสียงใสมาดังมาก่อนที่สาวน้อยตัวเล็กจะโผล่มาตรงทางเดินติดกระจกใสชั้นบน แต่พอเห็นปริมาเท่านั้น คนตัวเล็กก็น้ำเสียงเปลี่ยนทันที
“พี่ปราง เย้ๆๆ พี่ปรางมาอยู่กับเราแล้ว”
ร่างเล็กนั้นวิ่งซอยเท้าเร็วๆลงบันไดมาจนงามจิตร้องให้ระวัง เด็กสาววิ่งมาคว้ามือปริมาไว้ ยิ้มกว้าง
“พี่เขายังไม่ได้ตกลงเลย พ่อพาเขามาดูบ้านเราก่อน ไปตัวแสบ ไปขายของซิ เกิดสอบไม่ได้ขึ้นมา ต้องมาขายเหล็กแบบพ่อนะ ดูซิว่าจะไหวรึเปล่า”
“ขายเหล็กน่ะ ไม่ไหวแน่นอนค่ะ เพราะแพทจะต้องไปเป็นอาจารย์หมอผ่าตัดรักษาคนไข้ให้ได้ แต่บ้านเราเนี่ย ให้แพทพาพี่ปรางไปเอง รับรอง พี่ปรางตกลงแน่ๆค่ะ”
สาวน้อยยิ้มอย่างมั่นใจแล้วควงแขนพาหญิงสาวเดินลึกเข้าไปชมบ้าน
“คุณปฐวีรอสักครู่นะคะ ฉันกำลังดูแบบชื่อโรงเรียนอยู่ค่ะ”
“เรียกผมแดนเถอะครับ ปราง ชื่อโรงเรียน? ตัวอักษรแบบที่คุณคุยกับแพทวันก่อนเหรอครับ สนใจเหล็กกันสนิมของโรงงานผมไหม ผมก็ใช้เอง ทนดี สวยไม่มีคราบ ผมสั่งทำสีคัสต้อมให้ได้นะ”
เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเธออีกฝั่ง หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแบบให้ดู เปรมาตาเป็นประกายเมื่อเห็น ตัวอักษรทำจากเหล็กสีดำเหลือบสีสนิมแบบที่เธออยากได้
“ปรางอยากได้แบบนี้เป๊ะเลยค่ะ”
ปฐวีแอบยิ้มกับสรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปของคนที่กำลังตื่นเต้น
“เราคัสต้อมฟ้อนท์ตัวอักษรได้นะ เอาแบบที่ปรางชอบแลยครับ เดี๋ยวผมสั่งแบบพิเศษเคลือบกันสนิมเพิ่มเป็นพิเศษเลย”
“ปรางแอบชอบแบบที่เห็นอยู่นี่เลยค่ะ ตัวหนังสือดูหนักแน่นดี แล้วก็ไม่หวือหวาอยู่ได้นาน โรงเรียนจะได้มั่นคงอยู่ได้นาน”
“คิดเหมือนผมเลย”
ถ้าปฐวีมองเขาออก ชานัทที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็มองออกว่าคนที่พยายามเอาใจหญิงสาวอยู่นี้รู้สึกอย่างไรและพยายามที่จะเอาชนะเขา
“งั้นคงต้องรบกวนทางทีมพี่นัทคุยกับคุณแดนเรื่องวัสดุกับแบบแล้วค่ะ ปรางเลือกอันนี้เลยค่ะ”
“ไม่ต้องรบกวนคุณชานัทหรอกครับ บริษัทผมมีทีมช่าง ทางทีมคุณนัทพร้อมเมื่อไหร่ ก็เข้ามาได้เลย ติดวันเดียวเรียบร้อย ทางผมรอได้ นานแค่ไหนไม่ใช่ปัญหา”
คำพูดปฐวีอาจจะดูธรรมดาแต่สายตาและน้ำเสียงโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่หันมาทางเขาสื่อความกินนัยยะว่า ‘รอได้’ นั้นคือรออะไร
“ขอบคุณค่ะ คุณแดน ค่าใช้จ่ายแจ้งปรางได้เลยนะคะ”
“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ว่าแต่นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าครับ”
“เราคุยกันเรียบร้อยพอดีค่ะ เหลือเรื่องนี้ที่พี่นัทใจดีอาสาจะช่วย”
“งั้นดีเลยครับ ผมมาคุยกับปรางเรื่องเรียนของแพท”
“คุณแดนเป็นสามีที่น่ารักมากเลยนะครับ ดูแลลูกสาวใกล้ชิดมาก ภรรยาโชคดีจริงๆ”
ชานัทรู้มาเหมือนคนอื่นในแวดวงว่าปฐวีที่ค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวเป็นคนเปิดเผยเสมอเมื่อกล่าวถึงเรื่องบุตรสาวคนเดียว
“แพทเป็นลูกสาวที่ผมกับน้องชายเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เขาเกิด จริงๆหลายคนไม่รู้แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดปิดบังอะไร ที่นี่ก็มีแต่คนกันเอง”
ประโยคหลังเขาหันไปทางหญิงสาวที่ตั้งใจฟังอยู่
“แพทเป็นลูกของเพื่อนนักเรียนไทยของแดนกับผู้หญิงลูกครึ่งอเมริกันคนนึง เธอกำลังจะได้เป็นนางแบบก็มาท้องก่อน พอคลอดแพทได้ เธอก็หายไปจากโรงพยาบาลเลย เพื่อนของแดนออกไปตามหาแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย”
“ตอนนั้นเรากำลังทำธีสิสกันทั้งคู่ ก็เลยพอมีเวลาช่วงแรกเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นกัน ไม่รู้ทำไมเราหลงรักเด็กน้อยคนนั้นตั้งแต่สบตา แพทก็เหมือนจะรู้ เลี้ยงง่ายมาก ไม่งอแงเลย กินนม นอน กินนม นอน ตื่น แล้วหัวเราะกับยิ้ม พ่อแม่เราสองคนบินไปหาตอนนั้น ก็อยู่นานเป็นเดือนเลย”
“แพทเขาก็รู้ก่อนเขาเรียน ม.1 ตอนตรวจเลือด ตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียน”
“น้องเป็นยังไงบ้างคะ”
ปริมาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยจริงจัง ที่ทำให้ปฐวีใจสั่นไหวอีกครา
“ไม่เป็นไรเลยครับ เราส่งคนของเราประกบทั้งที่บ้านที่โรงเรียน ทุกอย่างปกติจนเราคุยกับเขากันทั้งบ้าน ให้เขารู้ว่าพวกเรารักเขาจากใจจริงและเขาคือครอบครัวเรา เขาก็บอกเราว่าเขาไม่รู้สึกว่าเขาขาดอะไร มีแต่คนรักเขาเต็มไปหมด เขามีพ่อกับแด้ดดี้แล้วก็ปู่กับย่าตั้งสี่คน”
“โธ่ สาวน้อย”
“มีอยู่ครั้งนึงที่ผมป่วยมาก ไข้เลือดออกน่ะครับ แพทก็ไปคอยเฝ้า เขาเจอหมอผู้หญิงที่รักษาผม เขาถามทุกวันอย่างละเอียดเลย จนหมอบอกว่าเก่งแบบนี้ น่าจะมาเป็นหมอจะได้ช่วยคนให้หายเจ็บเยอะๆ. แพทจำคำนั้นมาจนวันนี้ เขาก็เลยตั้งใจเรียนมากๆอย่างที่ปรางเห็น”
“ไม่ว่าเขาจะเกิดมายังไงเขาก็เป็นลูกที่ผมรักเท่าชีวิต ใครจะมองผมแบบไหน ผมไม่แคร์นะ แคร์คนที่ควรแคร์ก็พอ”
ปฐวีหันไปทางปริมาที่ยิ้มกว้างให้
“จริงค่ะ ชีวิตเราไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา ทุกข์สุขเราเลือกเอง แพทโชคดีมากๆที่มาเจอคุณค่ะ”
“ผมกับครอบครัวก็โชคดีมากครับ วันนี้ที่มาก็เพราะเขาโทรมาขอผมนี่แหละ ปกติไม่เคยขออะไรเลยนอกจากเรื่องเรียน”
น้ำเสียงที่เอ่ยถึงลูกสาวอ่อนโยนเปี่ยมด้วยวามภูมิใจและความรักล้นจากดวงตาคมโตจนคนฟังรู้สึกได้ ชานัทเริ่มรู้สึกว่าเขาได้รับสัญญาณว่าเป็นส่วนเกินและเสร็จธุระแล้ว จึงเอ่ยขอตัว
“ถ้าอย่างนั้น พี่กลับก่อนนะครับปราง แล้วเราค่อยคุยกันนะ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่นัท ปรางไปส่...”
“ไม่เป็นไรครับ จะได้คุยเรื่องน้องแพทต่อ ขอตัวก่อนนะครับคุณแดน”
“ครับ คุณนัท”
ชายหนุ่มทั้งสองทำเพียงยิ้มพยักหน้าให้กันแต่สายตานั้นเหมือนจะส่งสารท้าทายกันอยู่ในที ชานัทได้ยินปฐวีพูดตอนเดินผ่านประตูออกมา
“เย็นพอดี ผมรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยอยู่ร้านนึงไม่ไกล เรากินไปด้วยคุยกันไปด้วยได้ไหมครับ ไปรถผมแล้วเดี๋ยวผมวนมาส่ง วันนี้งานผมยุ่งมากกลางวันกินแต่กาแฟ”
“ตายจริง ปรางก็ลืมถามคุณเลย ไปค่ะ ขอโทษนะคะคุณหิวแย่เลย ขอปรางเก็บของแป๊บเดียวค่ะ”
ขณะขับรถกลับคืนนั้นชานัทแน่ใจว่าเขากำลังเจอคู่แข่งที่น่ากลัวมาที่ชื่อ ปฐวี
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปฐวีพามานั้นอยู่ในซอยเล็กๆบนถนนหน้าโครงการที่ดินจัดสรรหรูหราที่ปริมาได้รู้ทีหลังว่าที่เป็นที่ตั้งบ้านของเขา ตัวร้านสร้างเลียนแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณซ่อนตัวอยู่ในป่าไผ่สูงทึบ ภายในแบ่งเป็นส่วนที่เป็นห้องอาหารปกติและมีห้องส่วนตัวที่ด้านข้างฝั่งรอบนอกเป็นกระจกใสตีกรอบสีไม้เป็นตารางใหญ่เปิดให้เห็นต้นไผ่เขียวอ่อนมีโคมไฟตั้งพื้นแบบญี่ปุ่นเป็นระยะและที่ปริมาชอบมาคือลำธารน้ำใสเล็กๆที่จัดเอาไว้อย่าประณีตล้อมรอบตัวร้าน
ปฐวีเลือกห้องเล็กนั่งบนเสื้อทาทามิ สั่งชุดซาชิมิรวมและหม้อไฟนาเบะ ส่วนปริมาสั่งไก่ย่างเสียบไม้กับอิคุระมาเป็นของกินเล่นเพิ่ม ระหว่างรออาหารหญิงสาวขยับเข้าใกล้กระจก ถ่ายภาพลำธารน้อยกับโคมไฟและป่าไผ่ได้หลายมุม จนปฐวีเอ่ยปาก
“ปราง หันมายิ้มนะครับ มุมนี้สวย หนึ่ง สอง สาม”
เขากดหน้าจอไปหลายรูป
“เดี๋ยวผมไลน์ส่งให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
อาหารมาเสิร์ฟพอดี ทุกอย่างอร่อยมากอย่างน่าประทับใจ
“คุณแดนหาร้านนี้เจอได้ยังไงคะ ปรางบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านดีๆแบบนี้อยู่”
เธอเอ่ยถาม ใช้ที่ตักไม้ตักของในหม้อนาเบะใส่ถ้วยให้เขา
“การมีร้านอาหารดีๆเป็นอีกหนึ่งงานที่คนแบบผมต้องรู้นะ คนเราจะตกลงกันง่ายขึ้นตอนได้กินอะไรอร่อยๆ อย่าได้คุยตอนลูกค้าหิวเด็ดขาด อากงผมสอนมา”
ปริมาหัวเราะ
“คุณก็เลยชวนปรางมากินข้าวใช่ไหมคะ โอเคค่ะ ดีลของคุณวันนี้คืออะไรคะ”
ปฐวียิ้ม ชอบความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า
“แพทอยากขอเรียนพิเศษแบบเดี่ยวกับคุณจนกว่าจะสอบเข้ามหาลัยครับ”
ปริมาไม่แปลกใจนักเรื่องเรียนแต่นิ่งไปเหมือนคิดหนักเมื่อเขากล่าวต่อ
“ผมเลยอยากเชิญคุณมาสอนแพทที่บ้าน อยู่บ้านผมเลยในช่วงปีนี้ เพราะแพทเรียนพิเศษเลข เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ สังคม ภาษาไทยแล้วก็ความถนัดแพทย์ตารางเต็มทุกวัน อยากเรียนในเวลาที่เรียนวิชาพวกนี้เรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นวันละชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่ง เขาบอกว่า วิชานี้เขาไม่มั่นใจที่สุดและชอบการสอนของคุณมากๆ ผมเกรงว่าจะดึกก็ไม่อยากให้ครูที่มาสอนต้องเดินทางและบ้านเราก็ค่อนข้างสะดวก”
ปริมาพยักหน้าคิดตาม
“อันที่จริงแพทเขามีแผนในใจสองแผน ถ้าสอบไม่ได้แพทย์อย่างที่เขาหวัง เขาจะขอให้ผมส่งเขาไปอังกฤษ ไปเรียนหมอที่นู่น แพทหาข้อมูล เริ่มเตรียมตัวมานานแล้วครับ เขาอยากเป็นหมอมากๆจริงๆ”
ข้อนี้หญิงสาวเห็นด้วยมากๆ ปริยาภัทรมีแววตาที่แน่วแน่จริงจังเมื่อพูดถึงความฝันของเธอ
“ค่าตอบแทนผมให้เป็นเงินเดือนเทียบเท่าอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่รวมค่าสอนรายชั่วโมงเรทเดียวกับที่คุณได้จากการเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาลัยเท่าที่สอนตามจริง สวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล อาหารทุกมื้อ น้ำไฟฟรี เหมือนมาพักบ้านญาติ
“มากเกินไปรึเปล่าคะ ปรางเกรงใจค่ะ”
“ผมรู้มาว่าคุณจบปริญญาโทมาสองใบจากอังกฤษ เคยทำงานฝ่ายกฎหมายให้...ผมเดาว่าตอนนั้นคุณได้รายเดือนมากกว่าตอนนี้อีกนะ อีกอย่างแพทไม่เคยเดินมาขอผมว่าอยากเรียนกับครูคนไหนเป็นพิเศษเลย มีคุณคนแรกนี่แหละครับ เพื่อความสุขของลูก มันไม่มากไปหรอกครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวเลขนะ ผมหมายถึงมูลค่าทางใจ”
นี่สินะ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ วาทะศิลป์และศิลปะในการเจรจาต่อรองของเขาทำเธอตกลงใจไปแล้วมากกว่าครึ่ง
“ถ้าปรางตกลง ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ผมจะพาไปดูบ้านให้ปรางตัดสินใจ เผื่อได้เจอแพทด้วย เขาคงดีใจมากครับที่เห็นคุณ”
ปริมาก็งงๆเหมือนกันว่าเหตุใดเธอจึงตกลงมากับเขาง่ายๆแบบนี้ รู้ตัวอีกทีรถตู้ของเขาก็เลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้านเดี่ยวโมเดิร์นขนาดใหญ่ ผ่านโรงรถที่มีรถหลายคันจอดเรียงรายและสวนขนาดใหญ่ที่จัดแต่งอย่างสวยงามเปิดไฟไลท์อัพ สว่างไสว จนมาจอดเทียบที่บันไดทางขึ้นบ้าน
ปฐวีพาเธอเดินผ่านประตูทึบบานใหญ่ที่ติดตั้งรหัสล็อคอัตโนมัติอย่างดี เข้าไปเจอแกรนด์เปียโนตัวใหญ่สีขาวเด่นสะดุดตา บนนั้นมีกรอบรูปตั้งโต๊ะบานใหญ่ สมาชิกในบ้านยิ้มกว้างให้กล้องมีเด็กหญิงน่ารักตัวน้อยนั่งอยู่ตรงกลางยิ้มกว้างกว่าใครจนตาหยี ถัดลงมามีหญิงสูงวัยรูปร่างเล็กบอบบางผู้หนึ่งในชุดเสื้อคอบัวสีขาวแขนยาวเรียบร้อยกับกระโปรงสีน้ำเงินเข้มยาวเกือบถึงข้อเท้ายืนกุมมือยิ้มอยู่
“ป้างามจิตครับ บอสใหญ่ของทุกคนที่นี่”
ผู้สูงวัยหันมาค้อนเจ้านายหนุ่มก่อนจะยกมือไหว้หญิงสาวจนปริมาแทบรีบยกมือมารับไหว้แทบไม่ทัน
“เรียกป้างามก็ได้ค่ะ อาจารย์ สวยน่ารักเหมือนที่คุณหนูเล่าให้ฟังไม่มีผิดเลยค่ะ”
งามจิตรู้สึกถูกใจหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักในชุดเรียบร้อยมิดชิดสีหวานสวยตั้งแต่แรกเห็น ครูสาวคนก่อนๆหน้านี้ยกเว้นแก้วตาที่แต่งงานมีลูกมีสามีแล้วนั้น แต่งตัวทั้งรัดทั้งสั้นทั้งเปิดเผยเนื้อตัว ราวกับจะมาจับเจ้านายหนุ่มมากกว่ามาสอนหนังสือเด็กอย่างไรอย่างนั้น
“สวัสดีค่ะ ป้างาม คราวหน้าไม่ต้องไหว้ปรางนะคะ ปรางเด็กกว่ามาก ให้คุณป้าไหว้ไม่ได้ค่ะ”
ท่าทีจริงใจ คำพูดจริงจังนั้น ทำให้งามจิตยิ่งพึงใจรวมถึงปฐวี
“เดี๋ยวป้างามจะพาคุณไปดูห้องครับ บ้านเราแบ่งเป็นฝั่งๆเหมือนคอนโดทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง เราใช้ส่วนกลางด้วยกัน จะมีเจ้าตัวแสบนั่นแหละครับที่ทุกที่เป็นของตัวเองหมด”
“คุณพ่อว่าแพทอีกแล้วว”
เสียงใสมาดังมาก่อนที่สาวน้อยตัวเล็กจะโผล่มาตรงทางเดินติดกระจกใสชั้นบน แต่พอเห็นปริมาเท่านั้น คนตัวเล็กก็น้ำเสียงเปลี่ยนทันที
“พี่ปราง เย้ๆๆ พี่ปรางมาอยู่กับเราแล้ว”
ร่างเล็กนั้นวิ่งซอยเท้าเร็วๆลงบันไดมาจนงามจิตร้องให้ระวัง เด็กสาววิ่งมาคว้ามือปริมาไว้ ยิ้มกว้าง
“พี่เขายังไม่ได้ตกลงเลย พ่อพาเขามาดูบ้านเราก่อน ไปตัวแสบ ไปขายของซิ เกิดสอบไม่ได้ขึ้นมา ต้องมาขายเหล็กแบบพ่อนะ ดูซิว่าจะไหวรึเปล่า”
“ขายเหล็กน่ะ ไม่ไหวแน่นอนค่ะ เพราะแพทจะต้องไปเป็นอาจารย์หมอผ่าตัดรักษาคนไข้ให้ได้ แต่บ้านเราเนี่ย ให้แพทพาพี่ปรางไปเอง รับรอง พี่ปรางตกลงแน่ๆค่ะ”
สาวน้อยยิ้มอย่างมั่นใจแล้วควงแขนพาหญิงสาวเดินลึกเข้าไปชมบ้าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ