สะ-กด-รัก

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.23 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,317 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Jealousy

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
            หลังจากผ่านพ้นช่วงวันหยุด การติวอันเข้มข้นของปริยาภัทรก็กลับมาอีกครั้งก่อนที่เด็กสาวจะเปิดเทอม เธอย้ายเครื่องนอนและอุปกรณ์ส่วนตัวทุกอย่างมาอยู่ที่ตึกของปริมา การติวดำเนินไปทั้งกลางวันและกลางคืน เด็กสาวยึดตัวปริมาเอาไว้เป็นของตัว ทำให้ปฐวีได้เจอคนรักเพียงช่วงมื้อเย็นที่กินข้าวด้วยกันเท่านั้น
 
            เมื่อเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม ปริมาจึงขอย้ายกลับบ้านเนื่องจากต้องเตรียมการสอนคอร์สเปิดเทอมของตนเองด้วยและนัดปริยาภัทรเรียนในช่วงหลังเลิกเรียนสัปดาห์ละสองครั้ง เด็กสาวเริ่มทำข้อสอบย้อนหลังสิบปีเป็นรอบที่สองซึ่งเป็นไปตามแผนที่ปริมาได้วางไว้ พร้อมๆกับฝึกข้อสอบแต่ละแบบเพิ่มทั้งบทสนทนา คำศัพท์ โครงสร้างหลักภาษา การอ่าน การเรียงย่อหน้า การอ่านกลอน
 
            ระหว่างวัน ปริมาจะแวะเข้าไปดูความคืบหน้าของการก่อสร้างโรงเรียนที่ก้าวหน้าไปมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดงานโครงสร้าง ทาสีและตกแต่งภายในเท่านั้น วันนี้จึงเป็นวันที่เธอนัดกับอินทีเรียดีไซน์มาดูเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่จะสั่งทำใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะโต๊ะนั่งเรียนของเด็กๆที่ปริมาต้องการแบบที่ทั้งนั่งสบายและเขียนหนังสือได้สะดวกที่สุดทั้งสำหรับคนที่ถนัดมือซ้ายและมือขวา เข้าออกลุกนั่งได้สะดวก เธอกับทีมอินทีเรียและทีมช่างของโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ใช้เวลาคุยกันเรื่องนี้ตลอดบ่าย
            เมื่อตกลงแบบกันได้เรียบร้อย จึงพากันไปที่โรงเรียนเพื่อร่างขนาดคร่าวๆให้ได้พอดีที่สุด ขณะที่กำลังคุยกันนั้น ชานัทก็แวะเข้ามาหลังจากไม่ได้เจอกันนาน
 
            “พี่นัท”
 
            “โอเคไหม ปราง มีอะไรจะแก้บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
 
            “ยังนะคะ เก้าอี้นี่เป็นเรื่องสำคัญสุดแล้วค่ะ ส่วนห้องน้ำก็โอเคแล้วเหลือเก็บงานนิดหน่อย”
 
            “พี่เอาแปลนสวนมาให้ดู ถ้าปรางโอเค จะได้ให้ช่างเข้าหน้างานเลย”
 
            ชานัทคลี่ม้วนกระดาษที่ถือติดมือมาวางบนโต๊ะ ปริมาเดินมานั่งดูแบบที่เขาอธิบายทันที เธอตั้งใจว่าจะสั่งทำน้ำพุปูนปั้นด้านหน้า มีตัวอักษรภาษาอังกฤษปั้นเป็นชื่อโรงเรียนและปลูกไม้ดอกเพิ่มเติมรอบตัวอาคารให้มีสีสันและเพื่อความสดชื่น สำหรับผู้ปกครองที่มานั่งรอรับเด็กๆที่มาเรียน
 
            “ตรงใต้กระจกอยากได้เป็นดอกไม้ที่ดูแลง่ายเพิ่มไปรอบอาคารได้ไหมคะ แล้วก็ปรางอยากได้ต้นแก้วมันหอมดีค่ะ”
 
            ชานัทขยับเข้ามาใกล้ตรงที่หญิงสาวใช้ปากกาชี้
            “อีกอย่างตรงมุมตรงนี้ตรงทางเข้า อยากได้เป็นน้ำวนเล็กๆกับดอกไม้หลายๆสี”
 
            ชานัทจดรายละเอียดเพิ่มเติมลงไปและลองสเก็ตช์ภาพให้ปริมาดู
 
            “เอาแบบนี้ไหม เราไปตลาดต้นไม้กันเลย ให้ปรางไปเลือกแบบน้ำพุกับอกไม้ที่ชอบเลยแบบตามที่พี่วาด”
 
            ปริมาไม่มีสอนเย็นนี้จึงตกลงทันที ชานัทจึงเสนอให้ไปรถเขาและให้เอารถหญิงสาวไปเก็บที่บ้านที่อยู่เพียงฝั่งตรงข้ามก่อน ชายหนุ่มขับรถพาหญิงสาวออกไปยังถนนชานเมืองกรุงเทพฯที่มีร้านต้นไม้หลากหลายเรียงรายเต็มสองฝั่งถนน หญิงสาวเข้าออกร้านนู้นร้านนี้อย่างเพลิดเพลินตลอดทั้งบ่ายโดยมีสายตาของชานัทแอบมองอย่างเพลิดเพลินเช่นเดียวกัน
 
            ปฐวีเข้าประชุมตลอดทั้งบ่าย ฟังแผนการขยายโรงงานกับคลังเก็บสินค้าจากน้องชายและระบบการจัดการใหม่ที่จะนำมาใช้ในการเช็คข้อมูลสินค้าตั้งแต่ต้นทางการผลิตออกจากโรงงาน การเก็บ เบิก จ่ายในคลังสินค้าและการขนส่งจนกว่าจะถึงมือลูกค้า โดยระบบที่ปฐพีเสนอนั้นจะเป็นระบบที่สามารถดึงข้อมูลทุกอย่างทั้งแบบเรียลไทม์และย้อยหลังได้ในทุกขั้นตอน เพื่อสามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
 
           
ปฐวีพอใจมากทีเดียวกับสิ่งที่น้องชายไปทำการบ้านมา มีเพียงแต่ผู้อาวุโสบางแผนกที่ทำงานกับบริษัทมานานตั้งแต่รุ่นพ่อของเขาทั้งสองเท่านั้นที่ออกอาการไท่พึงใจ เนื่องจากไม่อยากปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่และมองว่าในเมื่อของที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนแปลงไปทำไม
 
เวลาทั้งบ่ายนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องอธิบาย ไกล่เกลี่ย ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือจากทุกคน เนื่องจากน้องชายค่อนข้างเป็นสายบู๊ พูดตรงจนบางครั้งก็ติดจะห้วนจนเหมือนไม่รักษาน้ำใจคนที่ทำงานด้วย แต่สำหรับเขาที่เป็นผู้บริหารสูงสุด ถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่จะรักษาน้ำใจ รักษาคนที่ทำงานให้บริษัททุกคน
 
พนักงานทั้งหลายทยอยเดินออกจากห้องประชุมใหญ่ เหลือเพียงสองหนุ่มพี่น้อง
 
“ไปหัวร้อนที่ไหนมา เครื่องจักรมันรวนรึไง”
 
ฝ่ายพี่ชายเอ่ยทักน้องชายที่นั่งหน้าไม่สบอารมณ์
 
“นายก็รู้ กว่าเราจะคิดระบบนี้มาได้ เราวางแผนกันมานานขนาดไหน แต่ดูพวกผู้เฒ่าทั้งหลายดิ จะไม่เอา ไม่เอาท่าเดียว ไม่ฟังอะไรเลย”
 
ปฐวีหัวเราะกับน้องชายที่หน้ามุ่ยเหมือนกลับไปเป็นเด็กชายตัวเล็กๆเวลาโดนแย่งของเล่น
 
“ใจเย็นน่า ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยเวลา นายก็รู้ใจเขาไม่เชื่อพวกเราเท่าทำงานกับพ่ออยู่แล้ว นี่นายจะมารื้อของที่เขาทำกันอยู่ใหม่หมด มันก็เข้าใจได้ บริษัทมันเดินมาได้ดีตลอดเป็นสิบๆปี เป็นธรรมดาที่เขาจะคิดได้ว่าจะเปลี่ยนทำไมแล้วมันจะดีขึ้นจริงรึเปล่า”
 
ปฐพีรับฟังพี่ชายตามความจริง คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการเปลี่ยนแปลงนี้
 
“เคลียร์วันมาแล้วกัน เราจะทำทาวน์ฮอลกัน นายควรมาพูดเอง”
 
น้องชายเลิกคิ้ว ไม่แปลกใจนักกับแผนการของพี่ชาย
 
“นายมีงานต่อไหม ไม่เจอกันนาน ไปกินข้าวด้วยกันหน่อย”
 
“ไปสิ เดี่ยวอยู่ ต่อได้”
 
หมายความว่าดื่มได้ สองพี่น้องได้รับการอบรมมาอย่างเคร่งครัดจากปราชญ์ ผู้เป็นบิดาว่าห้ามขับรถตอนที่ดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด
 
ร้านอาหารที่ชานัทเลือกเป็นสไตล์กึ่งบาร์กึ่งร้านอาหาร มีดนตรีจากเปียโนบรรเลงเบาๆ ปริมาอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากขัดคนที่ขอเลี้ยงข้าวเธอสักครั้ง บรรยากาศดี อาหารอร่อยแต่หญิงสาวเอาแต่คิดว่าถ้าได้มากับใครอีกคนน่าจะดีกว่านี้
 
“ปรางชอบร้านนี้ไหม”
 
“ดีนะคะ อาหารอร่อยค่ะ”
 
“เป็นร้านแรกที่พี่ออกแบบให้ล่ะ”
 
“สวยค่ะ พี่นัทมีฝีมือจริงๆ”
 
“ดีใจจัง เป็นครั้งแรกที่พี่ออกแบบร้านอาหารเลย ปราง ลองชิมปลาจานนี้ครับ เป็นจานซิกเนเจอร์แรกๆของร้านเลยนะ”
 
ชานัทตักเนื้อปลาขาวราดน้ำซอสสีเหลืองนวลมาให้ในจาน
 
“อื้มม อร่อยค่ะ ปลาสดมากเลย”
 
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามยิ้มอย่างพอใจแล้วตักเพิ่มให้อีก ไม่รู้เลยว่าภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของคนที่เดินตรงเข้ามาพร้อมน้องชาย แววตาที่มองมาเหมือนมีกองเพลิงเล็กๆคุอยู่ภายใน
 
“แดน ที่เดิมไหม”
 
“ไม่ล่ะ นายจะโอเคไหมถ้าจะไปร่วมโต๊ะกับเพื่อนหน่อย”
 
“เพื่อน? ใครวะ”
“สวัสดีครับ คุณชานัท บังเอิญจัง คงไม่รังเกียจถ้าขอร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหมครับ”
 
เสียงทุ้มกังวานของปฐวีทำให้ชานัทที่กำลังยิ้มมองหญิงสาวชะงักค้าง
 
“พี่แดน”
 
“พี่นั่งด้วยได้ไหมครับ เพิ่งประชุมเลิกมา หิวมากเลย”
 
ปริมาหันไปมองชานัทที่ได้แต่นิ่ง ปฐวีดึงเก้าอี้ฝั่งข้างหญิงสาวออกมานั่งลงอย่างสบายๆ ทำให้น้องชายต้องลงนั่งฝั่งข้างชายหนุ่มอีกคน
 
“สวัสดีครับ คุณนัท ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
 
ปฐพีทักสถาปนิกหนุ่ม เขาเคยพบกับชานัทหลายครั้งในงานสัมมนาและงานแฟร์ต่างๆที่คนในแวดวงก่อสร้างไปออกบูธ
 
“สวัสดีครับคุณปฐพี สบายดีนะครับ”
 
“เรื่อยๆครับ งานเยอะหน่อยช่วงนี้”
 
“นี่รู้จักกันหมดเลยเหรอคะ”
 
ปริมาที่เป็นหญิงสาวคนเดียวในโต๊ะถามขึ้นงงๆ
 
“ในวงการเราจะว่ากว้างก็กว้างจะว่าแคบก็แคบนะ แต่ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทคุณชานัทหรอกครับ เก่งและมีชื่อเสียงมาก”
 
“ปรางเป็นคนเดียวที่อยู่วงนอกเลยนะคะเนี่ย”
 
“ปรางเป็นแฟนพี่ ก็อยู่วงในแล้วครับ ไหนกินอะไร ช่วยพี่เลือกหน่อย เหนื่อยมาก หิวมากเลย”
 
คำว่า “แฟนพี่” ที่ปฐวีเอ่ยออกมานั้นทำให้ชานัทนิ่งงันอีกครั้ง ส่วนปฐพีพยายามกลั้นยิ้ม เริ่มเข้าใจว่าทำไมพี่ชายที่ปกติไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เลือกมานั่งโต๊ะนี้
 
“พี่แดนชอบเนื้อ อันนี้ดีไหมคะ ปรางอยากลองชิมด้วย”
 
“เอาสิครับ ปรางเอาอะไรเพิ่มอีกไหม”
 
“ไม่ไหวแล้วค่ะ รอขนมหวานดีกว่า เชิญหนุ่มๆเลยค่ะ”
 
ปฐวีและปฐพีสั่งอาหารเพิ่มและไวน์แดงอีกขวด ฝ่ายผู้เป็นน้องชายชวนชานัทคุยถึงโปรเจคโรงแรมที่ชายหนุ่มออกแบบและเพิ่งได้รับรางวัลไป
 
“งานของคุณนัทมีลายเซ็นชัดเสมอเลยนะครับ ผมประทับใจมาก ตอนนี้โปรเจคใหม่ทำอะไรอยู่ครับ”
 
ชานัทเอ่ยชื่อคอนโดหรูใจกลางย่านธุรกิจออกมา ปริมาตาวาวขึ้นมาทันที
 
“โครงการนั้นพี่นัทออกแบบเหรอคะ ปรางขับรถผ่านหลายครั้งชอบมากเลย”
 
“นั่นสิครับ เราเคยเข้าไปดูห้องกันด้วย ปรางติดใจมากเลย”
 
ปฐวีย้ำคำว่า ‘เรา’ พร้อมมองตรงสบตาชานัท ชายหนุ่มจึงเพียงยิ้มรับ
 
“ขอบคุณครับที่ชอบ จริงๆก็ช่วยๆกันในทีม โชคดีที่เรามีสถาปนิกดาวรุ่งเก่งๆหลายคนมาร่วมงานด้วย”
 
“เป็นงานที่ผมอยากทำนะ แต่คงอดทนไม่พอ ทุกวันนี้แค่คุยกะเครื่องจักรก็เหนื่อยแล้ว”
 
ปฐพีทำหน้ามุ่ยจนทุกคนหัวเราะ ไวน์แดงรสดีทำให้บทสนทนาลื่นไหลและมีสีสันมากขึ้น
 
“ได้ข่าวมาว่ากำลังขยายกำลังการผลิตใช่ไหมครับ”
“ครับ เราพยายามขยายฐานตลาดลูกค้าในอาเซียนมากขึ้นด้วยเพราะมีโปรเจคสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายอย่าง กำลังพัฒนามากเลย แต่ผมไม่ถนัดหาลูกค้าเพิ่ม เรื่องนี้ยกให้แดนทำ”
 
ปฐพีบุ้ยใบ้ไปทางพี่ชายที่นั่งวาดแขนข้างหนึ่งไปบนเก้าอี้ของหญิงสาวข้างกาย
 
“วันหลังคงต้องขอคำแนะนำจากคุณนัทบ้าง ลูกค้าคุณนัทมีหลายประเทศมากเลย เป็นโปรเจคใหญ่ๆทั้งนั้น เท่าที่รู้มาเป็นคุณนัทที่ดีลกับลูกค้าใช่ไหมครับ”
 
ปฐวีถาม ตักอาหารใส่จานของปริมาไปด้วย
 
“ครับ ผมเป็นหลักแต่บางงานก็ช่วยกันครับ อย่างที่บอกว่าโชคดีที่เรามีน้องๆในทีมที่เก่งมาก”
 
“นั่นสิครับ ผมยังแปลกใจตอนที่เห็นคุณนัทลงมาทำงานของปรางเอง ปกติงานสเกลเล็กแบบนี้ ผู้บริหารไม่น่าลงมาลุยเอง”
 
สายตาของปฐวีมีนัยยะบางอย่างเกินกว่าคำถาม ชานัทที่เป็นผู้ชายด้วยกันรู้สึกได้
 
“ปรางเป็นรุ่นน้องที่ผมรู้จักน่ะครับ ก็เลยลงมาดูแลให้”
 
“พี่นัทเก่งมากค่ะ วันนี้เราก็เพิ่งไปดูต้นไม้กับน้ำพุกันมา ได้แบบที่อยากได้เลย”
 
ปริมาหันไปเล่าให้คนรักฟัง
 
“ขอบคุณ คุณนัทมากนะครับที่ดูแลงานนี้ด้วยตัวเอง วันนี้ผมขอเลี้ยงแล้วกันนะครับ ถือเป็นการขอบคุณแทนปราง”
 
ปฐวีวาดแขนมาโอบไหล่ของหญิงสาวข้างกาย ส่งยิ้มให้ชานัทแสดงความเป็นเจ้าของด้วยกิริยาและแววตาที่เปิดเผย
 
บทสนทนาหลังจากนั้น เป็นปฐพีที่ชวนชานัทพูดคุยเรื่องงานโดยทีปฐวีและปริมาฟังเป็นหลัก จนเวลาล่วงเลยมาพอสมควร ทั้งหมดจึงเห็นตรงกันว่าควรแยกย้าย ปริมาแยกกับปฐพีกลับไปกับปฐวี ชานัทได้แต่ยืนมองตามหญิงสาวขึ้นรถยนต์คันหรูไปจนสุดสายตา
 
เดินทางออกมาจากร้านอาหารได้พอสมควร ปริมาจึงลองชวนคนที่เงียบผิดปกติคุย
 
“พี่แดน เป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูเงียบแปลกๆ”
 
“ปรางรู้สึกด้วยเหรอ”
 
“ก็ต้องรู้สึกสิคะ มีอะไรรึเปล่าคะ”
ชายหนุ่มถอนใจ ใบหน้าตึงขึ้น
 
“ชานัท เขาชอบปราง ดูก็รู้ พี่ไม่ชอบให้เขามาเข้าใกล้ปราง เปลี่ยนคนทำงานโรงเรียนปรางได้รึเปล่า”
 
“แต่ปรางไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลยนะคะ อีกอย่างพี่นัทก็ดูแลงานนี้มาจนจะจบแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายนอกนิดหน่อยแค่นั้น”
 
“พี่ก็ไม่ชอบอยู่ดี วันนี้หมอนั่นก็หาเรื่องขับรถพาปรางไปดูต้นไม้ซะไกลกันแค่สองคน เดี๋ยวมันก็หาโอกาสเข้าใกล้ปรางอีก”
 
“พี่แดนคะ มันเป็นงานของเขา แล้วก็ไปกันตอนกลางวัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
 
ปริมาไม่เคยเห็นปฐวีดูหงุดหงิดและไม่มีเหตุผลเช่นนี้มาก่อนเลย
 
“ผู้ชายถ้ามันคิด จะตอนไหนมันก็ทำอะไรได้ทั้งนั้น”
 
“พี่แดน”
 
“บอกตรงๆว่าพี่ไม่ไว้ใจ ถ้าปรางไม่อยากพูด เดี๋ยวพี่คุยให้เอง”
 
“พี่แดนคะ ปรางว่านี่ไปกันใหญ่แล้ว ปรางโตแล้วนะคะ ดูแลตัวเองได้แล้วปรางก็ไม่เคยมีท่าทีอะไรกับพี่นัทเขานอกจากเรื่องงานเลย”
รถของเขาเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ที่ปีกหน้าตึกเขาพอดี ชายหนุ่มหันตัวมาพูดกับเธอด้วยสีหน้าชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจ
 
“ปรางไม่คิด แต่มันคิด”
 
ปริมาเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ไม่เข้าใจเขาเลย งานของเธอกำลังไปได้ด้วยดีแท้ๆ เธอพอใจสิ่งที่ชานัทออกแบบมาให้ตรงใจและเธอแน่ใจว่าวางตัวชัดเจนมาตลอด สำหรับเธอนี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเป็นประเด็นให้พูดกันด้วยซ้ำ
 
“ก็ในเมื่อปรางไม่คิด เขาคิดฝ่ายเดียว มันก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นนี่คะ”
 
ปฐวีขบกราม ไม่เข้าใจหญิงสาว แค่เปลี่ยนคนทำงานเพื่อให้เขาสบายใจทำไมทำไม่ได้
 
“พี่ไม่เข้าใจ แค่เปลี่ยนคนทำงาน มันจะเสียหายอะไรกับงาน”
 
“ปรางก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเปลี่ยน ในเมื่อไม่มีเหตุผล”
 
“ที่มันชอบปราง ทำตาเยิ้มใส่ตลอดเวลา พยายามหาโอกาสใกล้ชิดปรางสองต่อสองนี่ยังไม่มีเหตุผลอีกเหรอ ปรางไม่รู้จริงๆหรือทำเป็นแกล้งไม่รู้ หรือกำลังบริหารเสน่ห์ตัวเอง”
 
 
ปริมาทั้งตกใจทั้งไม่คาดคิดกับน้ำเสียงหงุดหงิดและคำพูดของเขา
 
“พี่แดน ทำไมพูดแบบนี้คะ”
 
“ก็มันยากอะไร แค่เปลี่ยนจากชานัทเป็นคนอื่น ปรางติดใจอะไรมันมากมาย”
 
หญิงสาวตาวาววับกับคำพูดของเขาที่ชักจะล้ำเส้นมากไปทุกที
 
“พี่แดนกำลังพูดว่าปรางนอกใจงั้นเหรอคะ”
 
“ก็แล้วปรางทำไมทำตามที่พี่ขอไม่ได้ จะให้พี่คิดยังไง”
 
เสียงเขาเข้มดัง จนเธอผงะ
 
“ถ้าพี่แดนคิดว่าผู้หญิงทุกคนต้องนอกใจเหมือนคนที่พี่แดนเคยคบ ปรางว่าเราก็หยุดคุยกันแค่นี้ดีกว่าค่ะ”
 
ปริมาเอ่ยเสียงเรียบเย็น ปลุกความหงุดหงิดหึงหวงที่สุมในใจปฐวีให้ตื่นขึ้น
 
“ปราง”
 
 
“รู้ไหมคะ การที่พี่แดนเอาแต่คิดว่าปรางจะนอกใจหวั่นไหวไปกับคนอื่นมันแสดงถึงความไม่เคารพ ไม่เชื่อใจ ไม่ให้เกียรติปราง ยิ่งกว่านั้น มันแสดงให้เห็นว่าพี่แดนไม่เคยลืมเรื่องแฟนเก่าพี่แดนเลย พี่แดนเอาแต่คิดถึงเขาแล้วเปรียบเทียบเขากับปรางตลอดเวลา”
 
“ไม่ใช่นะ ปราง พี่...”
 
“ปรางเข้าใจว่าพี่แดนเจ็บปวดแค่ไหนที่โดนหักหลังจากผู้หญิงที่รักมาก แต่ปรางไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น พี่แดนไม่ควรคบใครถ้ายังไม่ลืมเธอ”
 
ดวงตาของหญิงสาวมีน้ำตาเอ่อเล็กน้อย ก่อนจะหายไปในพริบตา
 
“ความสัมพันธ์ที่อยู่ด้วยความไม่เชื่อใจ มันไปกันไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าในหัวใจพี่แดนยังไม่ลืมคนเก่าก็ไม่ควรเริ่มต้นกับใครใหม่ คนที่ไม่รู้อะไรด้วยไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ปรางวางตัวชัดเจนมาตลอดกับพี่นัท ปรางไม่คิดบริหารเสน่ห์อะไรทั้งนั้น พี่แดนใจร้ายมากที่กล่าวหาปรางแบบนั้น”
 
หญิงสาวขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงจากรถทันที ปฐวีรีบขยับตัวลงตามคว้าแขนเธอเอาไว้
 
“ปราง พี่ขอโทษที่พูดแบบนั้น โอเค เราคุยกันก่อนนะ”
 
“ไม่มีอะไรต้องคุยหรอกค่ะ ตราบใดที่ใจพี่แดนยังเปรียบเทียบปรางกับคนรักเก่าของพี่อยู่ คุยยังไงเราก็คุยกันไม่รู้เรื่อง”
ปริมารู้สึกว่าเธอทั้งน้อยใจ เสียใจและผิดหวังในตัวเขา
 
“ปรางว่าเราห่างกันซักพักดีกว่า ให้พี่แดนได้คิดว่า จริงๆแล้วพี่แดนยังลืมแฟนคนเก่าไม่ได้รึเปล่า ปรางไม่ใช่ตัวแทนของใคร ระหว่างนี้ ปรางจะติดต่อเรื่องเรียนโดยตรงกับน้องแพทเอง ไม่ต้องห่วงค่ะ ปรางแยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
 
น้ำเสียงของหญิงสาวนิ่ง สงบและเยียบเย็น
 
“ปรางครับ”
 
“ขอตัวนะคะ ปรางจะกลับบ้านค่ะ”
 
“ปราง ปราง ปราง”
 
เธอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาแล้ววิ่งออกมาตามทางเข้าบ้านหลังใหญ่ เคลื่อนประตูออกและโบกแท็กซี่คันหนึ่งที่ผ่านมาพอดี ปฐวีวิ่งตามมาไม่ทัน เขายืนหอบหายใจมองตามไปรถที่หายไปในความมืด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา