ใต้รัตติกาล
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.32 น.
11 ตอน
1 วิจารณ์
4,947 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 15.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนลินทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องรับแขกอย่างหมดแรงในทันทีที่มาถึงคอนโด กว่าจะจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่าย เก็บข้าวของต่างๆนานา นัดหมายเวลาเก็บกระดูกและลอยอังคารรวมถึงของที่ต้องจัดเตรียมสำหรับพรุ่งนี้เสร็จก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งทุ่ม ฝ่ารถติดเย็นวันเสาร์ต้นเดือนบนทางด่วนมาอีกเกือบชั่วโมงครึ่ง เธอรู้สึกเหนื่อย เพลียและง่วงงุ่นจนอยากจะหลับไปตรงนั้น แต่สุดท้ายก็ลากตัวเองเข้ามาในห้องนอน อาบน้ำอุ่นจัด สระผมและไดร์จนแห้งสนิท ก่อนคลานขึ้นเตียงสอดตัวลงในผ้านวมนุ่มลื่น ที่ที่นลินรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองที่สุด
หญิงสาวเปิดลิ้นชักหัวเตียง แกะยาก่อนนอนที่กินมาเป็นประจำหลายปีออกมา ก่อนจะหยิบเข้าปาก เธอชะงักไป เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักชั้นล่างและหยิบยาออกมาอีกแผง แกะยาเม็ดเล็กกว่าเม็ดแรกออกมา แล้วเอาเข้าปากไปทั้งสองเม็ด พรุ่งนี้เธอยังต้องทำพิธีเก็บกระดูกและลอยอังคารให้ผู้เป็นย่าจนสำเร็จสมบูรณ์ตามคำสั่งเสียของผู้ล่วงลับ การฝันร้ายแล้วนอนหลับๆตื่นๆตลอดคืนคงไม่ดีกับตัวเธอ เกิดเป็นไมเกรนขึ้นมาด้วย พาลจะต้องเดือดร้อนคนอื่นพาไปโรงพยาบาลอีก
ที่ผ่านมา เธอพยายามจะรบกวนคนอื่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หญิงสาวกราบพระสวดมนต์แผ่เมตตาตามที่ปู่เคยสอนตั้งแต่เด็ก นอนมองความมืดมิดในห้องกว้างเย็นฉ่ำ ตลอดทั้งหกวันที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่หญิงสาวจะไม่ได้ยินคำทักว่า 'อ้วน' 'อ้วนขึ้น' 'ไม่เหมือนพี่สาวเลย' ถึงจะเลือกยิ้มรับเหมือนตลกขบขันไปด้วยแต่นลินรู้ดีว่าเป็นอีกครั้งที่ แผลที่กำลังจะสมานเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำอีก
เธอไม่ได้มีรูปร่างผอมบางแบบพิมพ์นิยม ส่วนสูงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดกับน้ำหนักหกสิบกิโลกรัมทำให้หญิงสาวพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะญาติมิตร งานบุญ งานมงคล งานศพที่ผ่านมา เลี่ยงได้ก็เลี่ยงใส่ซองตลอด เพื่อรักษาใจตัวเอง
นลินพยายามควบคุมอาหารตั้งใจออกกำลังกายมาตลอดแต่ก็ทรมานเหมือนต่อสู้กันเองในร่างกายและจิตใจ เธอตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีเนื่องด้วยเป็นข้อบังคับขององค์กร ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ระดับคอเลสเตอรอลตัวไม่ดีต่ำกว่าเกณฑ์มาเสมอ
หากหญิงสาวบอกกล่าวเรื่องนี้กับใคร ก็จะกลายเป็นการ 'หาข้ออ้างหรือหลอกตัวเอง' สำหรับคนขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่มีความตั้งใจจะผอม นลินจึงไม่เคยตอบโต้ผู้ที่ทัก ล้อเลียน เสียดสี หรืออะไรก็ตามที่คนคนหนึ่งจะโดนคนอื่นพูดด้วยได้เรื่องรูปร่าง หญิงสาวคิดว่าเธอเป็นคนหนึ่งในโลกที่โดนมาหมดแล้วทุกอย่างตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่อายุย่างเข้าปีที่สามสิบหก
การตั้งใจทุ่มเทกับการเรียน มุอ่านหนังสือถึงเกือบรุ่งสางทุกๆคืนเป็นความตั้งใจของนลิน เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลายหญิงสาวได้เรียนรู้จักความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างของพื้นที่บนโลกที่อื่นๆ รู้จักคำว่า "body shaming" คำว่า "verbal harassment" และเรียนรู้เรื่องโรค "BDD - Body Dysmorphic Disorder" จึงตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้หาที่พักใจ อยู่ในสังคมที่ถือว่าการพูดเรื่องรูปร่างหน้าตา เพศ ผิว เชื้อชาติของผู้อื่น เป็นการล่วงละเมิด เป็นการคุมคามทางวาจา
ไม่นานหญิงสาวก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยาทั้งสองเม็ด
ภายในรถตู้เบียดแน่นไปด้วยเด็กหญิงเด็กชายตัวน้อยในชุดนักเรียน เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยจอแจ วันนี้เด็กหญิงนลินมาไม่ทันได้ที่นั่งเพราะอยากทำการบ้านให้เสร็จที่โรงเรียน เด็กหญิงยืนเกาะเบาะรถตู้เพดานต่ำตรงกลางทางเดิน เหงื่อผุดซึมตามใบหน้าขาว แก้มกลมทั้งสองแดงก่ำ อากาศอบอ้าวด้วยจำนวนนักเรียนที่อัดแน่นและลมแอร์ของรถที่ออกมาเพียงเบาบาง
รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง นักเรียนมีมาก คนขับจำต้องทำเวลาเพื่อส่งทุกคนกลับบ้านและวนกลับไปส่งครูประจำรถที่โรงเรียน เด็กหญิงนลินพยายามทรงตัวตามแรงเหวี่ยงของรถ ระมัดระวังไม่ให้โดนเพื่อนๆคนใด พักใหญ่ เด็กหญิงเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก อยากอาเจียน มือเล็กสีขาวอมชมพูเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเล็กๆประจำกายออกมาดื่ม หวังให้อาการอยากอาเจียนหายไป แต่กลับพบว่ายิ่งแย่ เด็กหญิงพยายามสูดหายใจเข้าลึกแต่อากาศมีน้อยเหลือเกิน บอกตัวเองให้อดทน กลั้นใจไว้ อีกสองสามบ้านจะถึงบ้านของเธอ
รถเหวี่ยงอีกครั้งและจอดด้วยความแรง ตัวของเด็กหญิงไถลไปด้านหน้าใกล้ประตูรถ เธอกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป อาเจียนออกมาเต็มเสื้อขาวและกระโปรงบานสีน้ำเงินเข้ม ประตูรถตู้เปิดออก หญิงสาวรูปร่างสูงผอมในชุดเสื้อขาวกระโปรงสอบสีชมพูอ่อน สบถออกมาเสียงดัง
“โอ๊ย น่ารำคาญจริง อ้วกอีกแล้ว เมารถแล้วจะมานั่งรถโรงเรียนทำไมเนี่ย”
เด็กหญิงนลินได้แต่น้ำตาคลอ ตกใจ รู้สึกผิดและหวาดกลัว
“เอาทิชชู่ไป เช็ดให้สะอาดนะ อย่าอ้วกอีก อ้วนเกะกะที่คนอื่นแล้วยังจะอ้วกอีก น่ารำคาญจริงๆ”
ครูสาวตวาดเสียงดังใส่ นลินน้ำตาหยดลงตามแก้ม มือเล็กรีบปาดออกและกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ถ้าไปถึงบ้านแล้วพ่อกับแม่เห็นเธอร้องไห้ เธอจะโดนดุซ้ำแน่ๆ แค่อาเจียนออกมาจนเลอะชุดไปหมดก็คงจะโดนดุมากอยู่แล้ว เธอพยายามบอกตัวเองให้อดทน อีกบ้านเดียวจะถึงปากซอยบ้านเธอ
ไม่นานรถตู้ก็มาจอดหน้าบริเวณรั้วบ้านที่อัดแน่นด้วยต้นไม้ มีทางโรยหินกรวดเข้าไปสู่ตัวบ้านที่เห็นหลังคาลิบๆ ครูสาวคนเดิมกระชากประตูเปิดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย นลินยกมือไหว้ย่อตัวลงอย่างที่ทำเป็นนิสัย แล้วเดินก้มตัวผ่านครูไป
ทันทีที่พ้นประตูรั้วบ้าน เด็กหญิงเดินเข้าไปในส่วนท้องร่องสวน ทรุดตัวลงนั่งแล้วกัดปากร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาอุ่นร้อนไหลนองเต็มใบหน้า นลินร้องราวกับอยากตะโกนความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาจากหัวใจ ร้องจนเสียงสะอื้นหนักๆค่อยๆลดลงจนรู้สึกดีขึ้น เด็กหญิงลุกขึ้นปาดน้ำตาออกจนหมด สูดหายใจเข้าลึกเดินลัดเลาะตามร่องสวนตรงไปที่ตัวบ้าน
นลินตื่นลืมตาในความมืดมิด ในหัวใจเจ็บหนึบเหมือนกับความรู้สึกของเด็กหญิงนลินในความฝัน นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาตีห้าเศษ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ฝันร้ายที่ตามมาทุกครั้งที่เจอตัวกระตุ้น มือเอื้อมไปที่ลิ้นชักข้างเตียงตัวเดิม หยิบแผงยายาวออกมาฉีก ดึงยาเม็ดแคปซูลสีขาวชมพูออกมาสองเม็ดและกรอกเข้าปาก ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะออกเดินทางวันนี้ แต่เธอก็คงนอนไม่หลับแล้ว
เธอเดินออกมาจากห้องนอนเดินเข้ามาในห้องที่ทุบกั้นทำเพิ่มดัดแปลงจากห้องนอนแขก รูดม่านหนาทึบสีน้ำตาลออกเหลือเพียงม่านกรองแสงสีขาวบาง กลางห้องมีโต๊ะทำงานตั้งคอมพิวเตอร์จอใหญ่และแล็ปท็อปอีกตัวคู่กัน ผนังรอบห้องตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานเต็มไปด้วยหนังสือที่หญิงสาวสะสม อ่านหนังสือคงไม่พอ
นลินจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ กดเข้าไปที่เว็บไซต์ประจำ เลื่อนดูซีรี่ส์ไปเรื่อยๆ จนเจอเรื่องที่เคยดูแล้วแต่ยังอยากดูซ้ำ พยายามบังคับใจให้จดจ่อกับเนื้อหาของเรื่องราวในจอเพื่อลืมฝันร้ายที่เกิดขึ้น
รถยนต์ซีดานเลี้ยวเข้ามาจอดที่โชว์รูมรถหรูสัญชาติยุโรปในเวลาแปดโมงครึ่งพอดี นลินกล่าวขอบคุณคนขับพร้อมจ่ายค่าโดยสาร วันนี้เป็นวันที่รถคันใหม่ที่ซื้อด้วยเงินเก็บสะสมมานาน ได้ป้ายทะเบียนขาวเรียบร้อยพร้อมออกสู่ถนน เธอไม่ได้ดูฤกษ์ยามอันใดเป็นพิเศษ ถือเอาฤกษ์สะดวกเป็นหลัก เซลล์สาวสวยแต่งกายเรียบร้อยยืนยิ้มรอไหว้สวัสดีเธออย่างนอบน้อม พาเธอเดินนำเข้าไปในตัวโชว์รูมกว้างขวางสว่างไสว
หลังจากส่งมอบคู่มือรถ คู่มืออื่นๆและเอกสารต่างๆเรียบร้อยพร้อมของที่ระลึกทั้งหมวก ร่ม ตุ๊กตา แก้วน้ำ นลินก็เดินถือกุญแจใหม่เอี่ยมมาที่รถ SUV สีดำระยับที่จอดรอเทียบท่า เดินตรวจรอบรถและภายในเรียบร้อย หญิงสาวก็กล่าวขอบคุณเซลล์และพนักงานฝ่ายช่างอีกสองคนก่อนจะเคลื่อนรถคันใหม่เอี่ยมออกมาสู่ถนน
การจราจรสายวันอาทิตย์เบาบาง นลินเพิ่มน้ำหนักลงไปบนคันเร่งบนทางด่วนโล่ง ยิ้มเบาบางพอใจกับความเงียบและสมรรถนะของรถที่ตัดสินใจควักเงินก้อนใหญ่ซื้อมา ไม่ถึงชั่วโมงดี เธอก็เลี้ยวเข้าสู่เขตวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง จากหางตามองเห็นรถของอาๆจอดเรียงรายอยู่ เธอถอยรถเข้าเทียบจอดเคียงข้างรถคันอื่นๆ ลงมาแล้วแตะกดที่มือจับประตู สัญญาณไฟก็กระพริบว่ารถล็อคเรียบร้อย
หญิงสาวเดินลัดเลาะตามต้นไม้ใหญ่เพื่อตรงไปที่ศาลา หากต้นตะแบกที่ออกดอกสีม่วงสะพรั่งทั้งต้นระหว่างทางก็หยุดเธอไว้ ฟ้าโปร่งสีฟ้าสดใสจากพระอาทิตย์ยามเช้าเป็นฉากหลัง ทำให้อดใจไม่ไหวยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาเก็บภาพดอกไม้สีม่วงเข้มสวยไว้หลายภาพ
"ยังชอบดอกไม้เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลยนะ"
เสียงทุ้มนุ่มอันคุ้นเคยดังขึ้น นลินหันไปเจอผู้ชายตัวสูงผิวสีแทนในเชิ้ตสีขาวคอจีนกับกางเกงยีนส์ขายาว แขนเสื้อม้วนไว้ที่ข้อศอก ในมือหนึ่งมีปิ่นโตสามชั้นสี่เถาอีกมือหนึ่งเกี่ยวอยู่ที่กระเป๋ากางเกง ท่าทีสบาย เปิดยิ้มกว้างกระจ่างไปถึงดวงตา
"พี่ณุ"
หญิงสาวไม่คิดว่าจะเจอเขาในวันนี้อีก คิดเพียงว่าจะมีเพียงบิดามารดาพี่สาวและอาๆเท่านั้น ชายหนุ่มก้าวยาวๆตรงมาใกล้ด้วยท่าทีสบายๆ หยุดเคียงข้างเธอแหงนมองต้นตะแบก
"สวยเนอะ บานสวยเต็มต้นเลย เมื่อก่อนที่บ้านสวนเราก็มีสองสามต้น"
นลินยิ้มเมื่อนึกถึงบ้านสวนที่อยู่ในวัยเยาว์ ตามร่องสวนที่เป็นแนวยาวริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ชนิดต่างๆที่ผลัดกันออกผลให้เก็บกินได้ตลอดปี
"แม่พี่อยากร่วมถวายเพล เลยทำกับข้าวมา ของชอบคุณย่า ยำถั่วพลู แกงเทโพ แล้วก็ขนมถ้วย"
"ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณป้าเหนื่อยแย่เลย"
"เขามีความสุข กระวีกระวาดไปตลาดแต่เช้า อยากจะมาด้วยแต่ก็ติดไปงานเพื่อนอย่างที่บอกเมื่อวาน พี่เลยมาเอง"
นลินทำท่าจะเข้ามาช่วยถือของ แต่ชายหนุ่มเบี่ยงมือหนี
"ไม่หนักหรอก สบายมาก บัวอยากถ่ายรูปกับดอกไม้ไหม พี่ถ่ายให้"
ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไร ภาณุก็ดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วตั้งกดโทรศัพท์สองสามครั้ง เขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอ ตั้งโทรศัพท์มาตรงใบหน้านวล
"ยิ้มหน่อยครับ หนึ่ง สอง สาม"
"เดี๋ยวพี่ไลน์ส่งรูปไปให้ ไปกันเถอะ จะได้ไปเตรียมของถวายพระกัน"
มือใหญ่สีแทนแตะที่ข้อศอกหญิงสาวอย่างสุภาพพาออกเดินไปด้วยกัน โดยนลินไม่รู้เลยว่าภาพรอยยิ้มของเธอกับดอกไม้สีสวยและท้องฟ้างดงาม ได้สร้างแรงกระเพื่อมในหัวใจของคนที่เดินเคียงกันอยู่มากแค่ไหน
หญิงสาวเปิดลิ้นชักหัวเตียง แกะยาก่อนนอนที่กินมาเป็นประจำหลายปีออกมา ก่อนจะหยิบเข้าปาก เธอชะงักไป เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักชั้นล่างและหยิบยาออกมาอีกแผง แกะยาเม็ดเล็กกว่าเม็ดแรกออกมา แล้วเอาเข้าปากไปทั้งสองเม็ด พรุ่งนี้เธอยังต้องทำพิธีเก็บกระดูกและลอยอังคารให้ผู้เป็นย่าจนสำเร็จสมบูรณ์ตามคำสั่งเสียของผู้ล่วงลับ การฝันร้ายแล้วนอนหลับๆตื่นๆตลอดคืนคงไม่ดีกับตัวเธอ เกิดเป็นไมเกรนขึ้นมาด้วย พาลจะต้องเดือดร้อนคนอื่นพาไปโรงพยาบาลอีก
ที่ผ่านมา เธอพยายามจะรบกวนคนอื่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หญิงสาวกราบพระสวดมนต์แผ่เมตตาตามที่ปู่เคยสอนตั้งแต่เด็ก นอนมองความมืดมิดในห้องกว้างเย็นฉ่ำ ตลอดทั้งหกวันที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่หญิงสาวจะไม่ได้ยินคำทักว่า 'อ้วน' 'อ้วนขึ้น' 'ไม่เหมือนพี่สาวเลย' ถึงจะเลือกยิ้มรับเหมือนตลกขบขันไปด้วยแต่นลินรู้ดีว่าเป็นอีกครั้งที่ แผลที่กำลังจะสมานเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำอีก
เธอไม่ได้มีรูปร่างผอมบางแบบพิมพ์นิยม ส่วนสูงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดกับน้ำหนักหกสิบกิโลกรัมทำให้หญิงสาวพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะญาติมิตร งานบุญ งานมงคล งานศพที่ผ่านมา เลี่ยงได้ก็เลี่ยงใส่ซองตลอด เพื่อรักษาใจตัวเอง
นลินพยายามควบคุมอาหารตั้งใจออกกำลังกายมาตลอดแต่ก็ทรมานเหมือนต่อสู้กันเองในร่างกายและจิตใจ เธอตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีเนื่องด้วยเป็นข้อบังคับขององค์กร ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ระดับคอเลสเตอรอลตัวไม่ดีต่ำกว่าเกณฑ์มาเสมอ
หากหญิงสาวบอกกล่าวเรื่องนี้กับใคร ก็จะกลายเป็นการ 'หาข้ออ้างหรือหลอกตัวเอง' สำหรับคนขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่มีความตั้งใจจะผอม นลินจึงไม่เคยตอบโต้ผู้ที่ทัก ล้อเลียน เสียดสี หรืออะไรก็ตามที่คนคนหนึ่งจะโดนคนอื่นพูดด้วยได้เรื่องรูปร่าง หญิงสาวคิดว่าเธอเป็นคนหนึ่งในโลกที่โดนมาหมดแล้วทุกอย่างตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่อายุย่างเข้าปีที่สามสิบหก
การตั้งใจทุ่มเทกับการเรียน มุอ่านหนังสือถึงเกือบรุ่งสางทุกๆคืนเป็นความตั้งใจของนลิน เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลายหญิงสาวได้เรียนรู้จักความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างของพื้นที่บนโลกที่อื่นๆ รู้จักคำว่า "body shaming" คำว่า "verbal harassment" และเรียนรู้เรื่องโรค "BDD - Body Dysmorphic Disorder" จึงตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้หาที่พักใจ อยู่ในสังคมที่ถือว่าการพูดเรื่องรูปร่างหน้าตา เพศ ผิว เชื้อชาติของผู้อื่น เป็นการล่วงละเมิด เป็นการคุมคามทางวาจา
ไม่นานหญิงสาวก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยาทั้งสองเม็ด
ภายในรถตู้เบียดแน่นไปด้วยเด็กหญิงเด็กชายตัวน้อยในชุดนักเรียน เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยจอแจ วันนี้เด็กหญิงนลินมาไม่ทันได้ที่นั่งเพราะอยากทำการบ้านให้เสร็จที่โรงเรียน เด็กหญิงยืนเกาะเบาะรถตู้เพดานต่ำตรงกลางทางเดิน เหงื่อผุดซึมตามใบหน้าขาว แก้มกลมทั้งสองแดงก่ำ อากาศอบอ้าวด้วยจำนวนนักเรียนที่อัดแน่นและลมแอร์ของรถที่ออกมาเพียงเบาบาง
รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง นักเรียนมีมาก คนขับจำต้องทำเวลาเพื่อส่งทุกคนกลับบ้านและวนกลับไปส่งครูประจำรถที่โรงเรียน เด็กหญิงนลินพยายามทรงตัวตามแรงเหวี่ยงของรถ ระมัดระวังไม่ให้โดนเพื่อนๆคนใด พักใหญ่ เด็กหญิงเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก อยากอาเจียน มือเล็กสีขาวอมชมพูเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเล็กๆประจำกายออกมาดื่ม หวังให้อาการอยากอาเจียนหายไป แต่กลับพบว่ายิ่งแย่ เด็กหญิงพยายามสูดหายใจเข้าลึกแต่อากาศมีน้อยเหลือเกิน บอกตัวเองให้อดทน กลั้นใจไว้ อีกสองสามบ้านจะถึงบ้านของเธอ
รถเหวี่ยงอีกครั้งและจอดด้วยความแรง ตัวของเด็กหญิงไถลไปด้านหน้าใกล้ประตูรถ เธอกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป อาเจียนออกมาเต็มเสื้อขาวและกระโปรงบานสีน้ำเงินเข้ม ประตูรถตู้เปิดออก หญิงสาวรูปร่างสูงผอมในชุดเสื้อขาวกระโปรงสอบสีชมพูอ่อน สบถออกมาเสียงดัง
“โอ๊ย น่ารำคาญจริง อ้วกอีกแล้ว เมารถแล้วจะมานั่งรถโรงเรียนทำไมเนี่ย”
เด็กหญิงนลินได้แต่น้ำตาคลอ ตกใจ รู้สึกผิดและหวาดกลัว
“เอาทิชชู่ไป เช็ดให้สะอาดนะ อย่าอ้วกอีก อ้วนเกะกะที่คนอื่นแล้วยังจะอ้วกอีก น่ารำคาญจริงๆ”
ครูสาวตวาดเสียงดังใส่ นลินน้ำตาหยดลงตามแก้ม มือเล็กรีบปาดออกและกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ถ้าไปถึงบ้านแล้วพ่อกับแม่เห็นเธอร้องไห้ เธอจะโดนดุซ้ำแน่ๆ แค่อาเจียนออกมาจนเลอะชุดไปหมดก็คงจะโดนดุมากอยู่แล้ว เธอพยายามบอกตัวเองให้อดทน อีกบ้านเดียวจะถึงปากซอยบ้านเธอ
ไม่นานรถตู้ก็มาจอดหน้าบริเวณรั้วบ้านที่อัดแน่นด้วยต้นไม้ มีทางโรยหินกรวดเข้าไปสู่ตัวบ้านที่เห็นหลังคาลิบๆ ครูสาวคนเดิมกระชากประตูเปิดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย นลินยกมือไหว้ย่อตัวลงอย่างที่ทำเป็นนิสัย แล้วเดินก้มตัวผ่านครูไป
ทันทีที่พ้นประตูรั้วบ้าน เด็กหญิงเดินเข้าไปในส่วนท้องร่องสวน ทรุดตัวลงนั่งแล้วกัดปากร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาอุ่นร้อนไหลนองเต็มใบหน้า นลินร้องราวกับอยากตะโกนความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาจากหัวใจ ร้องจนเสียงสะอื้นหนักๆค่อยๆลดลงจนรู้สึกดีขึ้น เด็กหญิงลุกขึ้นปาดน้ำตาออกจนหมด สูดหายใจเข้าลึกเดินลัดเลาะตามร่องสวนตรงไปที่ตัวบ้าน
นลินตื่นลืมตาในความมืดมิด ในหัวใจเจ็บหนึบเหมือนกับความรู้สึกของเด็กหญิงนลินในความฝัน นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาตีห้าเศษ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ฝันร้ายที่ตามมาทุกครั้งที่เจอตัวกระตุ้น มือเอื้อมไปที่ลิ้นชักข้างเตียงตัวเดิม หยิบแผงยายาวออกมาฉีก ดึงยาเม็ดแคปซูลสีขาวชมพูออกมาสองเม็ดและกรอกเข้าปาก ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะออกเดินทางวันนี้ แต่เธอก็คงนอนไม่หลับแล้ว
เธอเดินออกมาจากห้องนอนเดินเข้ามาในห้องที่ทุบกั้นทำเพิ่มดัดแปลงจากห้องนอนแขก รูดม่านหนาทึบสีน้ำตาลออกเหลือเพียงม่านกรองแสงสีขาวบาง กลางห้องมีโต๊ะทำงานตั้งคอมพิวเตอร์จอใหญ่และแล็ปท็อปอีกตัวคู่กัน ผนังรอบห้องตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานเต็มไปด้วยหนังสือที่หญิงสาวสะสม อ่านหนังสือคงไม่พอ
นลินจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ กดเข้าไปที่เว็บไซต์ประจำ เลื่อนดูซีรี่ส์ไปเรื่อยๆ จนเจอเรื่องที่เคยดูแล้วแต่ยังอยากดูซ้ำ พยายามบังคับใจให้จดจ่อกับเนื้อหาของเรื่องราวในจอเพื่อลืมฝันร้ายที่เกิดขึ้น
รถยนต์ซีดานเลี้ยวเข้ามาจอดที่โชว์รูมรถหรูสัญชาติยุโรปในเวลาแปดโมงครึ่งพอดี นลินกล่าวขอบคุณคนขับพร้อมจ่ายค่าโดยสาร วันนี้เป็นวันที่รถคันใหม่ที่ซื้อด้วยเงินเก็บสะสมมานาน ได้ป้ายทะเบียนขาวเรียบร้อยพร้อมออกสู่ถนน เธอไม่ได้ดูฤกษ์ยามอันใดเป็นพิเศษ ถือเอาฤกษ์สะดวกเป็นหลัก เซลล์สาวสวยแต่งกายเรียบร้อยยืนยิ้มรอไหว้สวัสดีเธออย่างนอบน้อม พาเธอเดินนำเข้าไปในตัวโชว์รูมกว้างขวางสว่างไสว
หลังจากส่งมอบคู่มือรถ คู่มืออื่นๆและเอกสารต่างๆเรียบร้อยพร้อมของที่ระลึกทั้งหมวก ร่ม ตุ๊กตา แก้วน้ำ นลินก็เดินถือกุญแจใหม่เอี่ยมมาที่รถ SUV สีดำระยับที่จอดรอเทียบท่า เดินตรวจรอบรถและภายในเรียบร้อย หญิงสาวก็กล่าวขอบคุณเซลล์และพนักงานฝ่ายช่างอีกสองคนก่อนจะเคลื่อนรถคันใหม่เอี่ยมออกมาสู่ถนน
การจราจรสายวันอาทิตย์เบาบาง นลินเพิ่มน้ำหนักลงไปบนคันเร่งบนทางด่วนโล่ง ยิ้มเบาบางพอใจกับความเงียบและสมรรถนะของรถที่ตัดสินใจควักเงินก้อนใหญ่ซื้อมา ไม่ถึงชั่วโมงดี เธอก็เลี้ยวเข้าสู่เขตวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง จากหางตามองเห็นรถของอาๆจอดเรียงรายอยู่ เธอถอยรถเข้าเทียบจอดเคียงข้างรถคันอื่นๆ ลงมาแล้วแตะกดที่มือจับประตู สัญญาณไฟก็กระพริบว่ารถล็อคเรียบร้อย
หญิงสาวเดินลัดเลาะตามต้นไม้ใหญ่เพื่อตรงไปที่ศาลา หากต้นตะแบกที่ออกดอกสีม่วงสะพรั่งทั้งต้นระหว่างทางก็หยุดเธอไว้ ฟ้าโปร่งสีฟ้าสดใสจากพระอาทิตย์ยามเช้าเป็นฉากหลัง ทำให้อดใจไม่ไหวยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาเก็บภาพดอกไม้สีม่วงเข้มสวยไว้หลายภาพ
"ยังชอบดอกไม้เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลยนะ"
เสียงทุ้มนุ่มอันคุ้นเคยดังขึ้น นลินหันไปเจอผู้ชายตัวสูงผิวสีแทนในเชิ้ตสีขาวคอจีนกับกางเกงยีนส์ขายาว แขนเสื้อม้วนไว้ที่ข้อศอก ในมือหนึ่งมีปิ่นโตสามชั้นสี่เถาอีกมือหนึ่งเกี่ยวอยู่ที่กระเป๋ากางเกง ท่าทีสบาย เปิดยิ้มกว้างกระจ่างไปถึงดวงตา
"พี่ณุ"
หญิงสาวไม่คิดว่าจะเจอเขาในวันนี้อีก คิดเพียงว่าจะมีเพียงบิดามารดาพี่สาวและอาๆเท่านั้น ชายหนุ่มก้าวยาวๆตรงมาใกล้ด้วยท่าทีสบายๆ หยุดเคียงข้างเธอแหงนมองต้นตะแบก
"สวยเนอะ บานสวยเต็มต้นเลย เมื่อก่อนที่บ้านสวนเราก็มีสองสามต้น"
นลินยิ้มเมื่อนึกถึงบ้านสวนที่อยู่ในวัยเยาว์ ตามร่องสวนที่เป็นแนวยาวริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ชนิดต่างๆที่ผลัดกันออกผลให้เก็บกินได้ตลอดปี
"แม่พี่อยากร่วมถวายเพล เลยทำกับข้าวมา ของชอบคุณย่า ยำถั่วพลู แกงเทโพ แล้วก็ขนมถ้วย"
"ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณป้าเหนื่อยแย่เลย"
"เขามีความสุข กระวีกระวาดไปตลาดแต่เช้า อยากจะมาด้วยแต่ก็ติดไปงานเพื่อนอย่างที่บอกเมื่อวาน พี่เลยมาเอง"
นลินทำท่าจะเข้ามาช่วยถือของ แต่ชายหนุ่มเบี่ยงมือหนี
"ไม่หนักหรอก สบายมาก บัวอยากถ่ายรูปกับดอกไม้ไหม พี่ถ่ายให้"
ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไร ภาณุก็ดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วตั้งกดโทรศัพท์สองสามครั้ง เขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอ ตั้งโทรศัพท์มาตรงใบหน้านวล
"ยิ้มหน่อยครับ หนึ่ง สอง สาม"
"เดี๋ยวพี่ไลน์ส่งรูปไปให้ ไปกันเถอะ จะได้ไปเตรียมของถวายพระกัน"
มือใหญ่สีแทนแตะที่ข้อศอกหญิงสาวอย่างสุภาพพาออกเดินไปด้วยกัน โดยนลินไม่รู้เลยว่าภาพรอยยิ้มของเธอกับดอกไม้สีสวยและท้องฟ้างดงาม ได้สร้างแรงกระเพื่อมในหัวใจของคนที่เดินเคียงกันอยู่มากแค่ไหน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ