ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) ตื่นมารอแต่เช้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“คุณชายเหอผู้นั้นไม่ได้พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางแล้วขอรับ” เสียงผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวรายงานต่อแม่ทัพหวางชุนเทียนผู้สั่งการให้กัวเสี่ยนหรงไปตรวจสอบชายต้องสงสัยที่คาดว่าปลอมตัวเป็นพ่อค้าต่างแคว้น หวังจะเข้ามาล้วงความลับทางการทหาร

แต่ด้วยหวางชุนเทียนได้วางอุบายไว้อย่างแยบยล สารลับที่ส่งถึงกันระหว่างองค์ชายใหญ่ลี่หมิงถูกเก็บไว้ในช่องลับอย่างดี ส่วนสารหลายม้วนที่หายไปเป็น ‘ของปลอม’ เอาไว้ใช้หลอกล่อเท่านั้น

จนกระทั่งสารปลอมได้สูญหายไปในวันที่เหอไป่เฉินและผู้ช่วยเข้ามาในจวน ทำให้แม่ทัพหนุ่มแน่ใจว่าผู้ขโมยสารปลอมไปก็คือเขาทั้งสองซึ่งเป็น ‘ขุนพลฝีมือดี’ ที่ถูกส่งตัวมาจากแคว้นม่งอู๋

“หรือว่าหนีออกนอกเมืองไปแล้ว”กัวเสี่ยนหรงพูดออกความเห็น

หวางชุนเทียนส่ายหน้าช้าๆ ไม่เห็นด้วย ลักษณะท่าทางของเหอไป่เฉินผู้นั้นดูไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเชื่อว่าสายลับต่างแคว้นทั้งสองคนยังคงรอดูลาดเลาอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวงนี้อย่างแน่นอน

          “ว่าแต่…วันนี้ท่านแม่ทัพตื่นแต่เช้าตรู่ มีสิ่งใดต้องเร่งทำในวันนี้ หรือว่า...ท่านแม่ทัพรอผู้ใดอยู่หรือขอรับ” นางกองหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด

เพราะสิ่งที่เขาเห็นก่อนที่จะเดินมาถึง คืออากัปกิริยาของหวางชุนเทียนที่ดูแปลกไป แม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งทอดสายตามองความสวยงามของดอกบัวที่เบ่งบานอยู่เต็มสระน้ำด้วยสายตาหลงใหลราวกับคิดถึงใครบางคนอยู่ในใจ

กัวเสี่ยนหรงเดาใจเจ้านายของเขาได้ไม่ยาก ผู้ที่ทำให้เขาคนนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่มีใครอื่นนอกจาก...

“ไม่มีอะไรนี่...ข้าก็แค่อยากตื่นมาชมบรรยากาศยามเช้าเท่านั้น” แม่ทัพหนุ่มปรายตามองไปทางอื่น ที่จริงแล้วเขาออกมาเดินเล่นอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำตั้งแต่ย่ำรุ่ง รอจนใกล้ถึงเวลารับอาหารเช้าจึงสั่งให้สาวใช้ไปตามเหม่ยหลิน

“แล้วเจ้าเล่าเสี่ยนหรง ปกติเจ้าเข้าจวนมารอข้าตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ทุกครั้งหรือ” หวางชุนเทียนหันหน้ามาถามนายกองกัวที่ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง

กัวเสี่ยนหรงก็แปลกใจตัวเองที่วันนี้อยากตื่นเร็วกว่าทุกวันเพื่อที่จะเข้าจวนให้เร็วขึ้น ทั้งที่คืนที่ผ่านมาเขากลับออกจากจวนจนดึกดื่น นั่นเพราะใช้เวลานั่งคุยกับจูผิงสาวใช้ประจำตัวคุณหนูเหม่ยหลินอยู่นานพอสมควร

จูผิงผู้นี้จะเป็นคนเข้ามาทักทายเขาก่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทุกครั้งที่พบกัน ทั้งยังร่าเริงสดใส จนเขาคิดว่านางดูน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“หรือว่าในจวนแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจจนทำให้เจ้าอยากมาให้เร็วที่สุด” แม่ทัพผู้บังคับบัญชาของนางกองกัวเอ่ยขึ้นเหมือนได้ยินเสียงในความคิดของลูกน้อง

“ข้า…ข้าเพียงอยากรีบมาแจ้งข่าวให้ท่านแม่ทัพทราบโดยเร็วเท่านั้นขอรับ” กัวเสี่ยนหรงเองก็พูดแบบไม่สบตาเช่นกัน

จนกระทั่ง...สตรีที่ชายหนุ่มทั้งคู่ตั้งตารอคอยก็เดินใกล้เข้ามา เบื้องหลังของเหม่ยหลินคือเหล่าสาวใช้ที่ทำหน้าที่ถือสำรับอาหารเดินที่เพิ่งปรุงเสร็จตามมาเป็นแถว หนึ่งในขบวนสาวใช้นั้นมีจูผิงที่ถือถาดชุดน้ำชามาด้วย

เมื่อเห็นว่าถึงเวลาอาหารเช้าของเจ้านาย นายกองหนุ่มจึงขอตัวเดินออกไป แต่ไม่วายหันไปสบตากับจูผิงจนทำให้หญิงสาวใจฟูขึ้นมา แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงมีใจให้ตนเองอยู่บ้าง

ทางฝ่ายของเหม่ยหลินกลับทำตรงกันข้าม เธอไม่กล้ามองหน้าแม่ทัพหวางด้วยยังรู้สึกเก้อเขินอยู่ไม่น้อย  เธอเข้าประจำที่นั่งอย่างเงียบๆ เตรียมตัวรับประทานอาหารตามหน้าที่

ขณะที่นั่งกันอยู่สองคน บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งแม่ทัพหนุ่มพูดขึ้นก่อน

“เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางคีบอาหารใส่จานของหญิงสาวด้วยความเอาใจใส่

 “เจ้าค่ะ” พยักหน้าตอบรับ ก้มหน้าก้มตาคีบอาหารเข้าปาก รีบๆ เคี้ยว รีบๆ กลืน หวังให้มื้ออาหารนี้จบลงโดยเร็ว

แต่ก็คิดผิดจนได้ เมื่อรู้สึกว่าอาหารก้อนโตที่กินเข้าไปเมื่อครู่ติดอยู่ในลำคอ!

หญิงสาวใช้มือตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ และหยิบน้ำชายกดื่มพรวดเดียวเพื่อให้อาหารลงคอได้สะดวกมากขึ้น หวางชุนเทียนเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ เขายกสำรับของตัวเองเข้ามานั่งเคียงข้างหญิงสาวแล้วช่วยรินน้ำชาลงถ้วยชาใบเดิม

“เหตุใดต้องรีบร้อนนัก มา...ค่อยๆดื่มนะ” เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก ส่วนมืออีกข้างโอบกอดด้านหลังของหญิงสาวไว้

“ข้าดื่มเองได้เจ้าค่ะ” พูดพลางฉวยถ้วยน้ำชาจากมือของชายหนุ่มเอามาไว้ในมือของตนเองโดยไม่เงยหน้ามองผู้ที่หวังดี

“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...” หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นมองหลังจากที่ได้ยินเสียงตัดพ้อของชายหนุ่ม จนสะดุดเข้ากับใบหน้าคมคายที่ก้มลงมาในระยะประชิด เหม่ยหลินเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจ้องมองเธอไม่กะพริบทำให้เธอนิ่งงันไปชั่วครู่

แล้วจู่ๆ ก็เกิดอาการหายใจติดขัดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“อึก!” เหม่ยหลินใช้มือป้องปาก ตกใจกับอาการสะอึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าอิ่มแล้ว...อึก!..เจ้าค่ะ”

“อิ่มแล้ว? เจ้าเพิ่งกินไปแค่สองสามคำเอง”

“ข้าขอตัวกลับห้องก่อน...อึก!” ทั้งที่ดื่มน้ำชาไปหลายถ้วยแล้ว อาการสะอึกก็ยังไม่หายไป

 “อาการของเจ้าน่าเป็นห่วง เดี๋ยวข้าพาเจ้ากลับห้องเอง” แขนของเขายังโอบที่ไหล่ทั้งสองของเหม่ยหลินทำท่าจะฉุดร่างบางให้ลุกเดิน แต่เสียงร้องห้ามของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“ไม่ต้อง...ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าเดินกลับเองได้” หญิงสาวยังคงขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกจากโต๊ะ

“จูผิง!”เธอหันไปเรียกสาวใช้หวังให้รีบเข้ามาหา...

เมื่อไม่มีเสียงตอบก็พยายามส่งเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง “จูผิง เจ้าอยู่ไหน อึก...อึ๊ก!”

เห็นอาการแบบนี้ทำให้แม่ทัพหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาตัดสินใจใช้วิธีเดิมอีกครั้ง...

“ว้าย! ท่านแม่ทัพ!” เหม่ยหลินร้องเสียงหลงเมื่อถูกอุ้มอย่างไม่ทันตั้งตัว

“สาวใช้ของเจ้าเดินออกไปตั้งนานแล้ว รู้สึกว่าจะออกไปพร้อมเสี่ยนหรง” หวางชุนเทียนทำน้ำเสียงชี้ชัดเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าไม่จำเป็นต้องเรียกหาใครอื่น

‘จูผิงนะจูผิง หายไปตั้งแต่เมื่อไร นี่เห็นผู้ชายดีกว่าข้างั้นรึ!’ เหม่ยหลินนึกโมโหที่สาวใช้ตัวดีหายตัวไปในเวลาเช่นนี้ หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองดูรอบข้างด้วยอายสาวใช้คนอื่นๆที่ยืนมองอยู่ห่างๆ

“ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้าลงเถิดนะเจ้าคะ” เมื่อไม่เห็นหนทางอื่น เธอจำเป็นต้องทำน้ำเสียงอ้อนวอนด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มอุ้มเธอเดินไปทั่วจวนให้ใครต่อใครเห็นอีก

“เจ้าจะกลับห้องไม่ใช่หรือ ข้าจะพาไปนี่ไง” เขาพูดอย่างหน้าตาย ไม่สนใจร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน

“ไม่กลับก็ได้เจ้าค่ะ ข้าหายสะอึกแล้ว...เห็นมั้ย หายแล้ว” เหม่ยหลินพูดพลางเอามือแตะที่หน้าอกด้วยน้ำเสียงออกจะแปลกใจที่อาการน่ากังวลนั้นอยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ

เขาหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างผู้มีชัย “ถ้าไม่กลับห้องแล้ว เรากินข้าวกันต่อดีหรือไม่”

“ดี...ดีเจ้าค่ะ” พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ ยอมปล่อยร่างเล็กลงยังตำแหน่งเดิม

หญิงสาวนั่งทำหน้างอไม่พอใจทั้งเจ้าของจวนทั้งสาวใช้ประจำกาย ตอนนี้เธอจำต้องคีบอาหารใส่ปากอย่างช้าๆ เพราะกลัวอาหารจะติดคออีก ซึ่งตรงกับความต้องการของแม่ทัพหวางที่อยากทอดเวลาอาหารมื้อเช้าด้วยกันให้สมกับที่เขาต้องตื่นมารอตั้งแต่เช้าตรู่...   

 

ทางด้านเหอไป่เฉินผู้ที่ตอนนี้หลบมาพำนักอยู่ที่เรือนเจียวลู่ เขายังคิดไม่ตกว่าเหตุใดข้อความในสารที่ขโมยมาจึงไม่เป็นอย่างที่คิด ‘หากสารเหล่านี้เป็นของปลอมล่ะ?’

รองแม่ทัพต่างแคว้นอดคิดไม่ได้ว่าหวางชุนเทียนจะรู้ตัวก่อนแล้วทำการซ้อนแผนของเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่สามารถเข้าสู่จวนสกุลหวางได้อย่างเปิดเผยอีกแล้ว จะทำอย่างไรดีจึงจะรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง

เขาคิดจะหันไปหยิบสารเหล่านั้นออกมาดูอีกครั้ง พลันเหลือบไปเห็นกล่องใส่ผ้าเช็ดหน้าที่วางไว้เคียงข้างกันจึงเปลี่ยนใจ มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกล่องมองดูลายปักอักษรจีนเป็นชื่อของหญิงสาว

‘ใช่...เจ้าของผ้าเช็ดหน้านี้คือเหม่ยหลิน แต่ผู้ที่ให้มันมากลับเป็นอีกคนหนึ่ง’

ครั้นแล้วเหอไป่เฉินหันไปถามหลัวอี้ชิงว่าช่วงนี้มีใครมาตามหาเราสองคนที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางหรือไม่

“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนมีคนของจวนสกุลหวางมาถามหาขอรับ”

“ใคร? ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“มีทั้งสองขอรับ ผู้ชายคงจะเป็นทหารคนสนิทของแม่ทัพหวางชุนเทียน แต่ผู้หญิงนี่…ข้าคุ้นหน้าว่าเป็นคนของจวนสกุลหวางเช่นกัน”

“ใช่แม่นางเหม่ยหลินหรือไม่?” เหอไป่เฉินตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่หลิวอี้ชิงส่ายหัวปฏิเสธกลับบอกว่าน่าจะเป็นแม่นางอีกคนที่เคยมาด้วยกันกับแม่นางเหม่ยหลิน 

“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าหญิงจากจวนสกุลหวางมาตามหางั้นหรือ” อยู่ๆ เหอไป่เฉินก็คิดอะไรขึ้นมาได้

หากไม่ใช่เหม่ยหลินก็คงจะเป็นลู่หลิ่ง สังเกตได้ว่าสตรีนางนี้พยายามจะทำให้เขาสนใจเหม่ยหลิน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเหม่ยหลินคือหญิงที่แม่ทัพหวางหวงแหน ดูแล้วคงไม่ได้หวังดีกับเหม่ยหลินอย่างแน่นอน แต่หากว่าการใดที่เป็นประโยชน์ก็ไม่ควรปล่อยโอกาสหลุดลอยไป

‘ลู่หลิ่งผู้นี้อาจจะช่วยให้เราเข้าไปสืบข่าวในจวนแม่ทัพได้อีกครั้ง’

วันต่อมา เหอไป่เฉินจึงไปซุ่มรอพบลู่หลิ่งที่หน้าจวน จนกระทั่งเห็นหญิงสาวขึ้นรถม้าออกมาจากจวน เขาจึงแอบวิ่งตามไปและขว้างกระดาษข้อความเข้าไปทางหน้าต่างรถม้า เพื่อเป็นการบอกให้รู้เป็นนัยว่าเขาอยู่ใกล้ๆ

เย่เหยาสาวใช้ข้างกายของลู่หลิ่งเก็บกระดาษที่ห่อก้อนหินไว้ขึ้นมาดู

“คุณหนูเจ้าคะ รู้สึกว่าจะเป็นคุณชายเหอเป็นคนขว้างเข้ามาเจ้าค่ะ” หันกลับมารายงานหลังจากแกะกระดาษนั้นออกมาอ่าน

“แสดงว่าเขาอยู่แถวนี้น่ะสิ บอกให้รถม้าหยุดก่อน” ลู่หลิ่งดีใจที่จะได้พบชายผู้นี้สักที ไปตามหาเขาที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางถึงได้รู้ว่าเขายกเลิกห้องพักที่โรงเตี๊ยมนั้นไปแล้ว

หญิงทั้งสองก้าวลงจากรถม้ากลางทางออกมารออยู่ด้านนอก ยืนอยู่เพียงไม่นานก็ได้พบเหอไป่เฉินปรากฏตัวด้วยชุดผ้าคลุมสีดำก้าวออกมาจากซอกมุมของกำแพงเตี้ย

“ได้ข่าวว่าแม่นางต้องการพบข้า”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา