ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  16.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) กรุ่นกลิ่นหอม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          บ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นหลังใหญ่ ตัวบ้านเป็นแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ยกใต้ถุนสูงรับลมพัดผ่าน หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องสีน้ำตาล เฉลียงหน้าบ้านไม้ฉลุเชิงชายสวยงาม ราวบันไดไม้สักทอดตัวขึ้นสู่ระเบียงชั้นสอง ภายนอกล้อมรอบด้วยสวนโปร่งกว้าง ร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นแผ่กิ่งก้านประสานกันอยู่เหนือพื้นหญ้า บรรยายกาศเงียบสงบด้วยที่ตั้งของบ้านห่างจากถนนใหญ่มากกว่าสองกิโลเมตร

          ลมโชยอ่อนพัดกลิ่นหอมของดอกไม้จาก 'ต้นหอมหมื่นลี้' ที่เติบโตอยู่ห่างจากตัวบ้านเพียงเล็กน้อย ลักษณะทรงพุ่มเรือนยอดรูปไข่ออกดอกเป็นช่อแซมตามกิ่งก้าน แต่ละดอกมี 4 กลีบเล็กจิ๋ว ปลายกลีบโค้งมนส่งกลิ่นหอมฟุ้งหอมไกลไปทั่วบริเวณบ้านรัศมีสิบเมตร

          หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวผุดผ่องกำลังเอื้อมมือเด็ดดอกหอมหมื่นลี้ที่กำลังเบ่งบานอยู่สูงจากศีรษะราวครึ่งเมตร มือเรียวยาวบรรจงหยิบดอกไม้วางลงในตระกร้าหวายทรงกลมขนาดย่อมที่คล้องแขนอยู่อย่างระมัดระวัง  ดอกไม้ในตระกร้ามีมากพอสมควรแล้วแต่เธอยังเพลิดเพลินอย่างไม่รู้เบื่อ

          จนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากห้องโถงใต้ถุนบ้าน

         “หนูเอม หนูเอม ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะลูก” เสียงแหลมเล็กของหญิงชราร้องเรียกหลานสาว

          “ค่ะ คุณยาย” ดวงหน้าขาวผ่องหันกลับมาตามเสียงเรียก รีบสาวเท้าเดินมุ่งหน้าไปสู่ตัวบ้าน เพียงไม่กี่สิบก้าวก็ถึงห้องโถงรับประทานอาหารซึ่งออกแบบให้อยู่ใต้ถุนบ้านที่สามารถมองเห็นบรรยากาศธรรมชาติจากสวนสวย

          “ดูนี่สิคะคุณยาย ดอกหอมหมื่นลี้เต็มตระกร้าเลย กลิ่นห๊อมหอม” เอมมาลินยกตะกร้าที่บรรจุดอกไม้อวดหญิงชราผู้เป็นยาย

          “ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นหอมฟุ้ง แล้วนี่เหนูเอมยังจะเด็ดมาทำไมอีกล่ะ”

          “เอมจะชงชาดอกกุ้ยฮวาค่ะ”

          “หือ...ชาดอก...ดอกอะไรนะลูก”

          “ดอกหอมหมื่นลี้ในภาษาจีนเรียกว่าดอกกุ้ยฮวาค่ะ เอมอยากรู้ว่ารสชาติจะหอมหวานเหมือนชาต้นตำรับแบบฉบับของเมืองกุ้ยหลินหรือเปล่า” หญิงสาวยกดอกไม้ขึ้นมาดมอย่างช้าๆ ตั้งแต่ปลูกต้นไม้ชนิดนี้มาก็สองปีแล้วสินะ ปีนี้ต้นหอมหมื่นลี้ออกดอกบานสะพรั่งเป็นปีแรก

          ทำให้หวนคิดถึงที่มาของต้นไม้ชื่อแสนไพเราะทั้งสวยทั้งหอมนี้

          เมื่อสองปีที่แล้ว เอมมาลิน เกียรติสรณ์ สาวน้อยลูกครึ่งไทยจีนเจ้าของร่างบางผิวขาวผ่องตามเชื้อชาติของบิดาแต่หากมีใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอิ่มดูสวยคมตรึงสายตาเช่นหญิงไทยตามอย่างมารดา หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมต้น เธอตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน

          ในระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับการพำนักอยู่จีน เอมมาลินในฐานะนักศึกษาต่างชาติสามารถเดินทางกลับประเทศของตนเองในช่วงเวลาสั้นๆได้ ดังนั้นก่อนกลับประเทศไทยเอมมาลินจึงถือโอกาสนี้ชวนเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกันเดินทางไปท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของเมืองจีน

          ‘เมืองกุ้ยหลิน’ คือสถานที่ที่น่าสนใจ ด้วยขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมืองสวรรค์บนพื้นพิภพ’ หรือชื่อภาษาจีนว่า ’ซื่อไหว้เถาหยวน’ ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงตอนใต้ของจีน ด้วยธรรมชาติอันงดงาม ทิวทัศน์สวยดุจสวรรค์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายแวะเวียนมาเที่ยวไม่ขาดสาย อีกทั้งเป็นสถานที่ที่นิยมของนักท่องเที่ยว โดยชาวบ้านละแวกนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จึงสามารถทำการค้าขายสินค้าพื้นเมืองสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน

          หญิงสาวปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนๆ เข้าไปเดินเลือกซื้อชาดอกไม้จากร้านค้าพื้นบ้านที่ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ ในหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำหลี่เจียง 

          ทั้งที่นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ แต่ในร้านนี้กลับมีเธอเป็นลูกค้าเพียงคนเดียว

          พอก้าวออกจากร้านเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ได้ยินเสียงใสๆส่งเสียงเรียกจากทางด้านหลัง

          “พี่สาวคะ” เอมมาลินหยุดเดินผินหน้ากลับมาตามเสียงเรียก

          “พี่สาว ช่วยซื้อเมล็ดพันธ์ดอกไม้นี้ได้ไหมคะ”

          สาวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูแก้มแดงระเรื่อยืนใกล้กับประตูทางออก ไม่แน่ใจว่าสาวน้อยผู้นี้ยืนอยู่จุดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ใบหน้าที่ดูน่ารักสดใสส่งยิ้มละไมให้ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ

          “ไหน ดอกอะไรนะจ๊ะ สวยหรือเปล่า”

          “ดอกกุ้ยฮวาค่ะ พี่สาวรับเอาไปปลูกแล้วจะเกิดสิ่งมหัศจรรย์กับพี่สาวค่ะ”

          “เข้าใจพูดจริงๆ ยังไงพี่ก็ซื้อจ๊ะสาวน้อย”

          “จริงๆ นะคะ พี่สาวเท่านั้นที่จะพบกับสิ่งมหัศจรรย์ค่ะ”

          หญิงสาวหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู  แม่ค้าตัวน้อยคนนี้คงจะเป็นลูกสาวของใครสักคนในย่านร้านค้านี้และพยายามเชิญชวนลูกค้าให้ซื้อผลิตภัณฑ์ตามที่ฝึกฝนมา ช่างน่ารักเสียจริง

          “ราคาเท่าไรจ๊ะ พี่ซื้อถุงหนึ่งนะ”

          ยื่นมือรับถุงเมล็ดพันธุ์จากมือเด็กน้อยมาถือไว้ พลางก้มหน้าควานหาเงินในกระเป๋า

          พอเงยหน้าขึ้นมา ได้แต่แปลกใจที่สาวน้อยปริศนาหายไปเสียแล้ว!!

 

          เอมมาลินหยุดความคิดในอดีตลง เมื่อได้ยินเสียงของหญิงรับใช้คนเก่าแก่ของเจิมจันทร์

          “คุณหนูเอมคะ ชุดน้ำชาตามที่สั่งมาแล้วค่ะ”

          กาน้ำทรงกลมหูหิ้วทำจากไม้ไผ่ทรงโค้งพันรอบด้วยเส้นหวายและถ้วยชาลวดลายเข้าชุดกันถูกจัดวางครบชุดเรียงรายในถาดสีสวย หญิงสาวพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ

          ในบรรดาชุดน้ำชาที่คุณยายเจิมจันทร์สะสมไว้ตั้งแต่สมัยยังเป็นสาว เอมมาลินชื่นชอบกาน้ำชาชุดนี้มากที่สุด จึงสั่งให้ป้าสร้อยทำความสะอาดเตรียมไว้

          “หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เรามาดื่มชาด้วยกันนะคะคุณยาย อ่อ ป้าสร้อยด้วยนะ” คำเชิญชวนอย่างไม่ถือตัวด้วยความสนิทสนมและนับถือหญิงรับใช้สูงวัยที่ช่วยคุณยายเจิมจันทร์เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กในขณะที่คุณสายสุนีย์ผู้เป็นมารดามัวแต่ยุ่งกับกิจการที่กรุงเทพเป็นส่วนใหญ่

          “โอ๊ย แม่สร้อยคงไม่ชอบดื่มชาหรอก น่าจะชอบดื่มอย่างอื่นเสียมากกว่า” เจิมจันทร์พูดแซวหญิงรับใช้คนสนิท จนสร้อยหัวเราะชอบอกชอบใจ

          “อย่างที่คุณท่านพูดจริงๆค่ะ เชิญคุณหนูตามสบายเลยค่ะ ป้ารีบจัดโต๊ะอาหารดีกว่าเดี๋ยวคุณผู้หญิงกลับมาถึงแล้วจะได้รับประทานกันเลย” สร้อยไม่ลืมหน้าที่สำคัญ

          เสียงสนทนาของคนทั้งสามพูดคุยกันยังไม่ทันจบก็ได้เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นเป็นจังหวะการเดินของผู้มาใหม่

          “คุยอะไรกันอยู่คะ เสียงดังไปถึงประตูหน้าบ้าน” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวพ้นประตูเข้ามา

          เอมมาลินหันหน้าไปตามเสียงพูดนั้น “คุณแม่!” รอยยิ้มกว้างระคนดีใจโผเข้ากอดบุพการี

          “เป็นอย่างไรบ้างลูก ไม่เจอกันนานเลยนะเรา” มือข้างหนึ่งของสายสุนีย์ลูบผมบุตรสาวเบาๆ พลางหันไปสั่งให้นายชดคนขับรถยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปวางที่ชั้นสองของบ้าน

          หลังจากคุยกับลูกสาวสักพักแล้ว สายสุนีย์ก็เข้าไปกอดทักทายเจิมจันทร์

          “เหนื่อยไหมลูก อันที่จริงให้หนูเอมนั่งเครื่องไปหาสุนีย์ที่กรุงเทพก็ได้นะลูก”

          “นั่นสิคะคุณแม่ เอมขออยู่กับคุณยายไม่กี่วันแล้วไปหาคุณแม่ก็ได้นะคะ ดูสิคุณแม่เหนื่อยแย่เลย” เอมมาลินกล่าวเห็นด้วยกับเจิมจันทร์ น้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อยจนสายสุนีย์อมยิ้ม

          “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ สุนีย์ต้องมาเชียงใหม่อยู่แล้วเพราะมีนัดพาลูกค้าเยี่ยมชมโรงงานทอผ้าค่ะ ก็แค่ให้ยายเอมล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้นเองค่ะ” สายสุนีย์กล่าวตามความเป็นจริง  

          “คุณลุงกับน้องไอซ์สบายดีไหมคะคุณแม่ เอมคิดถึงทุกคนเลยค่ะ”

          สายสุนีย์ยิ้มอย่างพอใจที่เอมมาลินไม่ลืมที่จะถามถึงบุคคลที่เรียกว่า ‘คุณลุง’ และน้องชายต่างบิดา ด้วยสิบกว่าปีที่ผ่านมาเอมมาลินยอมรับการแต่งงานใหม่ระหว่างสายสุนีย์กับภาคินัยผู้มีฐานะเป็นพ่อเลี้ยงโดยไม่ตะขิดตะขวางใจ อีกทั้งมีความเอ็นดูเด็กชายภคพงษ์น้องชายตัวน้อยน่ารักที่อายุห่างจากเธอเป็นสิบปี แต่ด้วยความเกรงใจครอบครัวใหม่ของมารดาหญิงสาวยินดีที่จะใช้ชีวิตกับผู้เป็นยายที่เชียงใหม่มากกว่าบ้านหลังใหญ่ที่กรุงเทพ

          ส่วนเจิมจันทร์ภรรยาของคุณกิตติกร เกียรติสรณ์ บิดาของสายสุนีย์และเป็นคุณตาของเอมมาลิน คุณกิตติกรได้ล่วงลับด้วยโรคประจำตัวในวัยหกสิบห้าปี เป็นเหตุผลให้เจิมจันทร์ในขณะนั้นอายุห้าสิบแปดปีขอวางมือจากธุรกิจผลิตผ้าไหมทอที่ร่วมทำกันมากับสามีส่งต่อให้สายสุนีย์สืบทอด เพื่อออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านหลังงามในเชียงใหม่ มีป้าสร้อยคนรับใช้ดั้งเดิมและนายชดหลานชายที่บัดนี้ทั้งสองเสมือนญาติมากกว่าลูกจ้างคอยดูแลนายหญิงชราของบ้านเป็นอย่างดี

          คุณยายเจิมจันทร์ในวัยชราอายุย่างเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ยังดูแข็งแรงสมบูรณ์กว่าผู้สูงอายุในวัยเดียวกัน ด้วยเป็นคนใส่ใจในสุขภาพ ทั้งการกิน การนอน ทุกอย่างอยู่ในกรอบที่สมควรทั้งสิ้น อย่างไรเสียสายสุนีย์ก็ไม่วายเป็นห่วงมารดา แม้ว่าจะชวนมารดาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ แต่เจิมจันทร์ก็ปฏิเสธอย่างจริงจัง

          สายสุนีย์ มารดาของเอมมาลินใช้ประโยชน์จากความรู้การทอผ้าลวดลายสมัยเก่าที่รับสืบทอดจากมารดามาประยุกต์ให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยทำให้ก่อเกิดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ดูคลาสสิกผสมผสานจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าแบรนด์ดังทั้งในและต่างประเทศ

          เหตุผลที่เธอตัดสินใจหย่าขาดจากสามีชาวจีนนามว่า ถางเล่อถง เนื่องจากไม่สามารถอดทนต่อขนบธรรมเนียมของครอบครัวสามี อีกทั้งสามียังแอบไปมีภรรยาใหม่จนให้กำเนิดบุตรชายที่สร้างความพึงพอใจให้แก่สกุลมากกว่าเธอที่มีบุตรสาว เธอจึงตัดสินใจพาเอมมาลินย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยและขอกลับมาใช้นามสกุลเดิมโดยไม่อาลัยในทรัพย์สมบัติของฝั่งสามี

          หลังจากสิ้นสุดการรับประทานอาหาร ทุกคนต่างพากันมานั่งคุยต่อในห้องรับแขก จนเอมมาลินลืมเสียสนิทว่าจะชงชาดอกไม้ให้แก่ทุกคนได้ลองดื่ม ทั้งที่อุตส่าห์สั่งให้ป้าสร้อยจัดเรียงดอกหอมหมื่นลี้ใส่ในโถแก้วใสใบใหญ่วางเตรียมไว้อย่างดี

          จนเมื่อเวลาหัวค่ำทุกคนต่างทยอยแยกย้ายไปเข้าห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน ร่างบางในชุดนอนแบบเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนกำลังยืนรับลมอยู่ริมระเบียงของห้องนอน บรรยากาศในสวนช่างดูมีชีวิตชีวาด้วยแสงส่องสว่างจากไฟประดับสำหรับตกแต่งสวนในยามค่ำคืน  เธอทอดสายตามองต้นไม้ใบไม้หลากหลายชนิดที่สะท้อนแสงของไฟประดับด้วยความรู้สึกสบายใจ

          สายลมพัดนำพาให้กลิ่นหอมของดอกไม้ช่องามแตะจมูกโด่งเรียวเล็ก จนเธอนึกขึ้นได้ว่าลืมทำบางสิ่งบางอย่าง คิดได้ดังนั้นเธอรีบสาวเท้าลงบันไดตรงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง  โถแก้วใสที่บรรจุดอกหอมหมื่นลี้ยังคงวางเคียงข้างถาดชุดน้ำชาสีสวย น่าแปลกใจที่กลีบดอกไม้ยังไม่เหี่ยวเฉาแม้เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง

          ร่างบางเดินกลับเข้าห้องนอนพร้อมชุดน้ำชาและเดินตรงไปวางไว้ที่โต๊ะริมระเบียงนอกห้อง เธอบรรจงรินน้ำชาลงในถ้วยเซรามิกสีหวาน กลิ่นชาหอมกรุ่นพร้อมดื่มสร้างความสดชื่นในขณะที่หยิบหนังสือวรรณกรรมจีนร่วมสมัยเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน เมื่อจิบชาครั้งแรกก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นและเพลิดเพลินในชั่วโมงแห่งความสุข

          เพียงไม่นานหญิงสาวเกิดอาการง่วงงุน จึงลุกจากเก้าอี้กลับเข้าภายในห้องนอน เมื่อหัวถึงหมอนสักครู่เสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าของร่างบางเข้าสู่นิทราไปแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา