เมื่อคิมหันต์มาเยือน
เขียนโดย ตะวันอัศวิน
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 22.31 น.
แก้ไขเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 00.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) น้ำผึ้งตะวัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความถึงจะคาดหวังเช่นนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ติดขัดหากชายหนุ่มคิดที่จะล่วงละเมิดและทำทุกอย่างตามปรารถนา ผมได้มอบอำนาจนั้นแก่เขาตั้งแต่วินาทีที่ริมฝีปากของเราประกบกันราวกับการบรรจบระหว่างทะเลและแผ่นดิน เขามีสิทธิ์ทำให้ผมทุรนทุรายด้วยวาจาเพียงสองสามคำ ทำให้ผมอ่อนระทวยด้วยสายตาคู่นั้น หรือเปลี่ยนสถานการณ์ให้มืดมนหากเขาไม่คิดจะสานต่อเรื่องทั้งหมดนี้
คิมหันต์ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ขอให้ผมไปให้พ้นหน้า ตลอดจนถึงการถอดเสื้อผ้าและชั้นในตัวจิ๋วออกช้า ๆ ผมจะกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายทันทีหากมันทำให้เขาพึงพอใจ แล้วผมก็แทบจะขอร้องให้คิมหันต์สั่งให้ยืนนิ่ง ๆ ที่ปลายเตียงเพื่อที่จะได้เผยสัดส่วนต่อหน้าเขา อวดให้รู้ว่าร่างกายนี้พร้อมเต็มที่ราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง รอคอยที่จะถูกดอมดมด้วยหมู่ภุมริน
ซึ่งนั่นแปลว่าผมไม่สนใจว่ามันจะทำลายความบริสุทธิ์ที่รักษาไว้มาเนิ่นนาน มันไม่ใช่สิ่งที่ผมหวงแหนเท่ากับห่วงว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะลงมือ เพื่อที่จะได้สัมผัสเส้นผม หัวไหล่กลม สะโพกและบั้นทายของเขา หรือเป็นฝ่ายคิมหันต์ที่สัมผัสของผม เปลี่ยนผมให้เป็นของเขา หรือทำให้เขากลายเป็นของผม
เราจะทำให้กันและกัน นั่นแหละคือสิ่งที่ผมยอมตายเพื่อแลกมันมา
และจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งบนโลก พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคงผิดหวังกับความคิดของผม กับตัวตนที่ผมเป็นในวันนี้ แต่ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเขียนจดหมายส่งไปบอกพวกเขาว่าคุณไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้นตั้งแต่ปล่อยให้ผมนอนอยู่ในกอหญ้าข้างวัดเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ที่จริงแล้วไม่มีใครมีสิทธิ์ในร่างกายของผมทั้งนั้น ไม่มีเลย แม้แต่พระเจ้าก็ตาม...
“ไปไหน” ผมถามเสียงอ่อน
“ที่ที่มิดชิดกว่านี้” เขาตอบ “นายคงไม่อยากให้ใครเห็นเราทำแบบนั้นที่สระน้ำหรอกใช่ไหม”
ทุกย่างก้าวที่เราเดินมีน้ำหยดไปตลอดทาง แต่นั่นไม่อาจหยุดคิมหันต์ให้จูงมือผมผ่านห้องครัว ห้องนั่งเล่น ก่อนจะพาขึ้นไปยังห้องนอน หัวใจของผมเต้นข้ามจังหวะพร้อม ๆ กับที่ผมเดินข้ามขั้นบันไดอย่างร้อนรน
พอเข้ามาในห้องแล้วคิมหันต์ก็เดินไปปิดหน้าต่างและประตูทางออกสู่ระเบียง ส่วนผมยืนมองดูนิ่ง ๆ อยู่หน้าตู้เสื้อผ้า รู้สึกประหม่ากับบรรยากาศแปลกใหม่ที่เราสร้างขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น ถ้าไม่ใช่เพราะผมใฝ่ฝันถึงมันมานานป่านนี้คงวิ่งหนีไปแล้ว
แต่...ผมไม่มีที่อื่นให้ไป หรือต่อให้มีผมก็ไม่อยากไปอยู่ดี
ผมอยากอยู่ที่นี่ ต่อหน้าเขา มีเพียงเราสองคนยืนเหนียมอายอยู่ในห้องหลังการเผยตัวตนและความรู้สึกตามประสาวัยรุ่น รวมไปถึงการถึงเนื้อต้องตัวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงออกทางอารมณ์ตามธรรมชาติ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากพิสูจน์กับจิตใต้สำนึกที่ไขว้เขวว่ามันเป็นไปได้ที่ชายสองคนสามารถมีความสัมพันธ์กัน ทั้งเชิงลึกและตื้นเหมือนดั่งที่คู่ชายหญิงมีต่อกันในทุกรูปแบบ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด
เราก็แค่สองชีวิตที่โชคดีได้พานพบกัน สองร่างกายที่ถวิลหาในแต่ละฝ่าย และหัวใจสองดวงที่เต้นเพื่อกันและกันด้วยความโหยหา ซึ่งนั่นเพียงพอแล้วที่จะเผาไหม้สายตาเดียดฉันท์ของผู้คนรอบข้าง หรือกระตุ้นความเกลียดชังอันไร้เหตุผลเพียงเพราะเห็นมนุษย์สองคนตกหลุมรัก
พวกเขาอาจสาปแช่ง หรือกระทั่งเวทนาสงสารมนุษยชาติที่กำลังล่มสลาย
ทว่าพวกเขากลับเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า ความเห็นแก่ตัวต่างหากคือชนวนสงครามล้างเผ่าพันธุ์ และการที่ชายผู้หนึ่งกับชายอีกคนยอมรับกันในทุก ๆ ด้านก็เป็นแค่สิ่งเล็กน้อยเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับอำนาจที่ผู้เกลียดชังใช้รังแก ข่มเหง หรือทึกทักเอาเองว่าสมควรถูกทำลาย
แต่ถ้าวันใดที่พวกเขายอมเปิดใจรับฟัง และดวงตาเริ่มมองเห็นความงดงามของทุก ๆ ความสัมพันธ์ เมื่อนั้นผมคงมีโอกาสเดินจูงมือคิมหันต์ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเปิดเผย ไม่ว่าจะสวนหลวงหรือที่ใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งเขตวัดคาทอลิกทั่วโลก
ผมจมอยู่กับความคิดจนไม่สังเกตเลยว่าอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวแล้ว คิมหันต์อยู่ห่างจากผมแค่ช่วงศอก ผมขยับตัวเล็กน้อยเมื่อสติกลับคืนมา
“นายไปอาบน้ำก่อนเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย” คิมหันต์พูดเมื่อเรายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องมาได้สักพัก
“นายก่อนเลย” ผมเกี่ยง
“ไม่เป็นไร นายไปอาบก่อน”
“ถ้างั้นอาบด้วยกันเลยดีไหม” ผมโพล่งออกมาจนได้
คิมหันต์กระแอมไอเหมือนสำลักน้ำลาย ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งเกาด้านหลังศีรษะและมองไปทางโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง ส่วนผมยืนหน้าแดงก่ำจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“เอ่อ จะดีเหรอ” เขาเอ่ยเบา ๆ เหมือนคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดอะไรสักอย่าง
“...” ผมนิ่งเงียบ เขินอายเกินกว่าจะพูดภาษามนุษย์ได้อีกต่อไป
แต่ก่อนที่จะอกแตกตายเพราะคำพูดของตัวเองผมจึงรีบหาเรื่องอื่นมาคุย ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องหมากรุกกับอาหารการกิน ผมรู้ว่าหัวข้อพวกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเมื่อเทียบกับเรื่องที่คุยกันข้างสระน้ำ ทว่าคิมหันต์กลับกระตือรือร้นในการตอบมากจนผมรู้สึกชื่นชมและขอบคุณ
เมื่อเราเงียบอีกครั้งผมก็ตัดสินใจยอมเดินเข้าห้องน้ำ แต่แทนที่จะปิดประตูให้เรียบร้อยผมกลับเลือกที่จะเปิดทิ้งไว้ มันคือกระทำเพื่อเชื้อเชิญและสื่อเป็นนัย ๆ ว่าผมขอยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่เหลือก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างไร
นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่นะ
ผมมองเงาสะท้อนในกระจก ก่อนจะหลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ที่ปะทุเดือดในทรวงอก ไม่รู้เลยว่าที่กำลังทำอยู่นั้นเร็วเกินควรหรือช้าเกินไป เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเรายังเป็นแค่เพื่อนซี้ธรรมดา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าปลายลิ้นของผมกำลังไล่ล่าริมฝีปากและส่วนอื่น ๆ ของเขาอย่างมัวเมา หรือบางทีเขาเองก็ด้วย
“เป็นอะไร”
ผมลืมตาขึ้นทันที คิมหันต์กำลังยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เราต่างมองกันและกันผ่านเงาในกระจกเบื้องหน้า
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ผมเลี่ยงที่จะพูดความในใจ
“เป็นสิ ดูก็รู้” เขาว่า
ให้ตายเถอะ ผมอ่านง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ที่ผ่านมาคิมหันต์คงมองผมออกมาหลายครั้งหลายคราแล้วสินะ
“คิม นายคิดว่ามันเร็วเกินไปหรือเปล่า เรื่องที่เรา...ที่พวกเรา...กำลังจะทำ”
เงาสะท้อนของเขาพยักหน้าเล็กน้อย แววตาเผยร่องรอยแห่งการครุ่นคิด
“ถ้าคิดอีกแง่ก็ใช่ มันออกจะเร็วไปสักหน่อยสำหรับเด็กอย่างเรา” คิมหันต์พูดเรียบ ๆ “แต่อย่าโกหกตัวเองเลยว่าเราไม่ได้รอสิ่งนี้มานานแล้ว ใช่ไหม...นายก็รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมครางรับในลำคอหลังผ่านไปสองสามวินาที หัวใจสั่นไหวกับสิ่งที่ได้ยิน
คิมหันต์พูดถูก ผมอาจกังวลเรื่องเพศสภาพและความบรรลุนิติภาวะเพราะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผมเฝ้าคอยเวลานี้มาตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน หรือบางทีอาจจะตั้งแต่ก่อนกาลเวลา
ครั้งหนึ่งผมเคยสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต แต่ตอนนี้คำตอบอยู่ตรงหน้าผมแล้วและมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมัวเสียเวลาอีกต่อไป
ขณะกำลังคิดสรรหาคำพูด ตอนนั้นเองที่ผมรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มนวลที่รอบเอว ก่อนจะตามมาด้วยความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทั่วแผ่นหลังจนผมเผลอบีบขอบอ่างล้างหน้าจนข้อนิ้วซีดขาว
“อยู่นิ่ง ๆ แป๊บนึงนะ” คิมหันต์กระซิบข้างหูเมื่อเกยคางที่ไหล่ขวาของผม “เราชอบนายมากจริง ๆ”
ทั้งน้ำเสียง สัมผัสและอ้อมกอดที่เขามอบให้นั้นมากเกินกว่าที่ผมจะทนรับได้ในวันเดียว คิมหันต์ไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เพื่อที่จะทำให้ผมหยุดคิดเรื่องการหักห้ามตัวเองเลย ทุกอย่างเป็นไปโดยอิสระตามความต้องการอันไร้ขอบเขต
“เหมือนกัน...อือ...นายทำอะไรน่ะ”
“กอด คิดว่านะ” เขากำลังแกล้งผม “แล้วนายอยากให้ทำอะไรล่ะ”
“...”
“ว่าไง” เขาถามย้ำอย่างยียวนจนผมต้องกัดฟัน
“ม...ไม่รู้”
อย่าโทษผมเลยที่ไม่เหลือสติให้ประมวลสิ่งใด เพราะขณะที่เขากอดผมอยู่คิมหันต์ไม่ได้ทำแค่อย่างที่ปากว่าเท่านั้น แต่เขายังใช้สองมือลูบไล้หน้าท้องของผมราวกับมันคือแผนที่ค้นหาขุมทรัพย์ล้ำค่า
ผมแขม่วท้องและเกร็งตัวไปหมด ขนลุกเพราะสัมผัสซุกซนจากฝ่ามือหนาซึ่งทำให้สมองกลายเป็นสีขาวโพลน จนผมต้องละมือจากขอบอ่างมาจับแขนอีกฝ่ายแทนเพื่อระบายอารมณ์ แต่นั่นดูเหมือนจะยังไม่ทำให้เขาพอใจมากนัก
“แบบนี้ดีไหม” ว่าแล้วคิมหันต์ก็หมุนตัวผมให้หันไปหาเขา จากนั้นก็จูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อของผมหนึ่งทีโดยไม่ทันตั้งตัว
“ไม่ชอบเหรอ งั้นแบบนี้เป็นไง”
แล้วชายหนุ่มก็ย้ายลงมาหอมแก้มทั้งสองของผมอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากของเขาเฉียดกับของผมไปนิดเดียวตอนเปลี่ยนข้างราวกับทดลองความอดทนอันจำกัดจำเขี่ย
ผมกลืนน้ำลายหลังจากเขาเอนตัวเว้นระยะห่าง ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าอากาศข้างนอกเป็นไหน ๆ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ปั้นให้ฟังดูสงบ
“แบบนี้ดีกว่า”
ผมคล้องแขนรอบคอหนาของคิมหันต์ ไม่เคยเลยแม้แต่ในความฝันที่ผมจะกล้าทำเช่นนี้ เราสบตากันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ผมจะโน้มตัวอีกฝ่ายลงมาจรดจูบอย่างหิวโซ ซึ่งเขาก็ตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อนด้วยลิ้นอุ่นและการลูบไล้
คุณพระช่วย…ผมชอบสิ่งที่กำลังทำอยู่เหลือเกิน แม้ตอนแรกดูจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม ทว่าด้วยความเมตตาจากทุกสิ่งผมก็ได้เขามาอยู่ในอ้อมแขน ซึ่งผลลัพธ์ของมันเหมือนกับการได้ลิ้มรสผลไม้หวานฉ่ำ หอมหวนจนผมไม่อยากให้การจูบนี้สิ้นสุดลงแค่ในฤดูคิมหันต์ แต่อยากให้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
“โอ...”
ผมเผลออุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นมาวางบนอ่างล้างหน้า แต่ผมไม่มีจังหวะให้พูดหรือเว้นช่วงเพราะคิมหันต์ต่อด้วยการลากริมฝีปากลงมาที่ซอกคอ ส่วนผมก็ลากมือไปทั่วหัวไหล่กลมแน่นก่อนจะขยุ้มเส้นผมสั้นเพราะจั๊กจี้
“ฮึก…คิม…”
ผมเริ่มร้องไม่เป็นศัพท์เมื่อเขาใช้ลิ้นเลียลูกกระเดือก ก่อนจะเคลื่อนต่ำลงไปยังหน้าอกเปลือยเปล่าซึ่งยอดถันชี้แข็งไม่ต่างจากอวัยวะภายใต้ชั้นในที่ชูชัน
คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมาถาม
“ต่อไหมหรือจะพอแค่นี้”
ผมขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
“ต..ต่อสิ”
เขายิ้มที่มุมปาก แววตาดูเหมือนหมาป่าหยอกล้อเหยื่อ จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงแหบห้าวว่า
“อย่าเสียใจทีหลังนะ”
“อืม ได้โปรด อ้า...”
ผมถึงขั้นร้องเสียงหลงเมื่อเขาครอบงำหัวนมข้างซ้ายอย่างอุกอาจ ผมสะดุ้งแอ่นรับ ทั้งกัดฟันและสูดหายใจเข้าออกเพื่อระงับความเสียวซ่าน แต่นั่นยังไม่ใช่ที่สุดจนกระทั่งคิมหันต์เริ่มตวัดปลายลิ้นอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นเองวิญญาณของผมก็แทบเตลิดออกจากร่างอันน่าสมเพชไปแดนสวรรค์ทันที
ชายหนุ่มทำสลับข้างไปมา เสียงดูดเปียกแฉะและเสียงร้องน่าอายดังก้องระงมไม่ขาดสาย ผมไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้วนอกจากลูบมือสะเปะสะปะไปทั่วเรือนร่างกำยำ ดื่มด่ำเต็มอิ่มกับมัดกล้ามที่เฝ้าเทิดทูนมาตลอดหลายเดือน ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะคลำลงไปที่เจ้าโลกของเขา หากแต่มันอยู่ต่ำเกินกว่าที่มือจะเอื้อมถึง
ผมถึงกับเงยหน้าขึ้นเพดานเมื่อลิ้นกับริมฝีปากอุ่นเลื่อนต่ำลงไปที่ท้องน้อย ดวงตาเหลือกเข้าไปในกะโหลกเพราะความเสียวซ่านที่ได้รับ คิมหันต์จูบที่ลิ้นปี่ ก่อนจะใช้ลิ้นชอนไชเข้าไปในรูสะดือ ส่งผลให้ผมดิ้นพล่านจนเกือบตกจากอ่างล้างหน้า
“ค...ค่อย ๆ มันส...เสียว”
“ว่าไงนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย” เขาพูดโดยที่ใบหน้ายังคงแนบกับท้องของผม
เจ้าเล่ห์ ผมคิดในใจ อย่าให้ถึงคราวของผมบ้างก็แล้วกัน!
“มันเสียว” ผมพูดเสียงแผ่ว รู้สึกกระดากอายมากที่เปล่งคำนี้ออกมา
แต่เดาว่าเขาคงชอบมันเพราะชายหนุ่มครางเสียงทุ้มในลำคออย่างพอใจขณะเริ่มทำกิจกรรมต่อ ส่วนผมก็พยายามบิดเร้าให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทรงตัวไม่ให้ตกลงมา
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจมูกโด่งสะกิดโดนส่วนปลายที่ฟูพองอยู่ในกางเกงขาสั้นเปียกชื้น หัวใจเต้นรัวกับภาพสยิวใต้สะดือที่กำลังมองดู ใครจะไปรู้ว่าเขามีทักษะลีลาดีเยี่ยมขนาดนี้ แล้วชายหนุ่มก็ใช้มือหนาข้างหนึ่งลูบส่วนอ่อนไหวของผมอย่างละมุนละม่อม สลับด้วยการบดคลึงและบีบเบา ๆ เป็นจังหวะ
“แข็งจังเลย” เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อน “อยากให้ช่วยไหม”
พูดจบเขาก็บีบคลึงส่วนหัวเพื่อเร่งเร้าให้ผมตอบ
“อ๊า...อยาก” ผมเลียริมฝีปากแห้งผากอย่างสิ้นไร้ไม้ตอก “อย่าหยุด”
แล้วผมก็ถูกประกบจูบอีกครั้งอย่างดูดดื่มจนศีรษะเอนหงาย ก่อนที่คิมหันต์จะถอนออกไปอย่างรวดเร็วและก้มลงไปยังส่วนที่รอคอยการถูกปรนเปรอ ซึ่งตอนนี้เปียกแฉะและแข็งจนปวดหนึบไปหมด
ทันทีที่กางเกงถูกดึงลง อวัยวะสงวนของผมก็ดีดผึงตระหง่านต่อหน้าชายหนุ่ม ผมเขินอายมากจนเผลอหุบขา ขณะเดียวกันก็รู้สึกร้อนวูบวาบทั่วทั้งตัว
“ไม่ต้องเขินหรอกของเราใหญ่กว่า” เขาพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับใช้มือถ่างขาผมออกกว้าง ๆ
“ลามก” ผมหันไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการมองหน้า ยังไม่คุ้นชินกับการได้ยินคิมหันต์พูดจาทะลึ่งเช่นนี้
แล้วเขาก็กดหน้าอกผมด้วยมือซ้ายจนแผ่นหลังแนบกับกระจก ส่วนมืออีกข้างก็คว้าท่อนเอ็นของผมเอาไว้ก่อนจะเริ่มสาวขึ้นลงช้า ๆ เน้น ๆ และเร็วขึ้นตามลำดับจนเกิดเสียงเปียกแฉะ
ผมกัดปากแน่นและแอ่นตัวรับสัมผัสสุขสม คิมหันต์ใช้มือทำหน้าที่ได้ไม่นานก็ก้มลงไปใช้ปากครอบดุ้นเนื้อจนมิด ความร้อนระอุในโพรงปากให้ความรู้สึกดีเกินกว่าที่สมองของผมจะรับได้ ยังไม่รวมถึงการเคลื่อนไหวซุกซนจากลิ้นที่คนในหว่างขาใช้ตวัดเป็นเกลียว
ผมร้องเหมือนคนละเมอพร้อมกับขยุ้มหัวอีกฝ่ายเพื่อหาทางระบายอารมณ์ คิมหันต์ครางในลำคอฟังไม่รู้เรื่องเมื่อผมเด้งสะโพกเพื่อเพิ่มความกระสัน
“อ่อก..อ้อก…”
“ซี๊ด…อืมมมมม”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมกดหัวคิมหันต์ให้ก้มลงลึกกว่าเดิมจนอีกฝ่ายบีบต้นขาเพื่อส่งสัญญาณ แต่ผมหาได้สนใจไม่นอกจากเสยกระทุ้งเข้าไปถี่รัวอย่างเคลิบเคลิ้ม
“อืม ก…ใกล้แล้วคิม”
คิมหันต์ตอบกลับด้วยเสียงจ๊วบจ๊าบและโครกครากในลำคอ มือหนาบีบต้นขาของผมแรงกว่าเดิมจนเริ่มรู้สึกเจ็บ ทว่าก็ไม่ช่วยให้ผมผ่อนปรนแรงราคะที่กำลังระบายใส่โพรงปากอ่อนนุ่ม
ทุกนาทีที่ผ่านไปผมบวกแรงเด้งสะโพกมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนเขาเองก็ขยับหัวและใช้ลิ้นปรนนิบัติอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน ราวกับการทำปฏิกิริยาระหว่างน้ำมันกับไฟ
และแล้วก็ถึงฝั่งฝัน ผมครางลั่นห้องน้ำและจิกหัวคิมหันต์อย่างแรงจนน่ากลัว ร่างกายเกร็งกระตุก ดวงตาเหลือกกลอกและยังรับรู้ได้ถึงพลังงานที่ถูกถ่ายเทออกผ่านแก่นกลาง สาบานได้เลยว่ามันเป็นการปลดปล่อยที่วิเศษสุดในชีวิตที่ผมเคยได้รับ
ผมไม่รู้ว่าคิมหันต์จัดการอย่างไรกับน้ำหลั่ง แต่ผมเดาว่าถ้าไม่บ้วนทิ้งก็คงกลืนลงท้อง ทว่าความคิดอย่างหลังกลับยิ่งทำให้ผมหดเกร็งช่องท้อง เสมือนมีผีเสื้อทั้งฝูงบินว่อนข้างในนั้น
ชายหนุ่มไอสำลัก ก่อนจะเช็ดริมฝีปากวาววับด้วยหลังมือ
“ใส่ไม่ยั้งเลยนะ กะจะฆ่าให้ตายเลยเหรอ”
“ขอโทษ” ผมพูดอย่างรู้สึกผิดขณะลงมายืนบนพื้นห้องน้ำด้วยขาอ่อนปวกเปียก
“ล้อเล่นน่า” เขาขยี้หัวผมแรง ๆ “ทำหน้าหง่อยเชียว”
แล้วคิมหันต์ก็จูงมือผมออกจากห้องน้ำไปยังเตียงนอน
กลายเป็นว่าเราสองคนลืมเรื่องอาบน้ำไปแล้ว ที่จริงมันก็แค่ส่วนหนึ่งในการหาข้ออ้างให้ผมกับเขาทำเรื่องถึงเนื้อถึงตัว ตอนนี้ผมยืนเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าคิมหันต์ที่ปลายเตียง สายตาและความคิดเพ่งไปยังเป้ากางเกงของอีกฝ่ายซึ่งดุนดันจนแทบทะลุเนื้อผ้าออกมา
ผมกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ รู้สึกเสียวท้องน้อยวูบวาบ
ร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้จนห่างกันไม่ถึงคืบ ก่อนจะจรดหน้าผากชนกันและกัน ผมฉวยโอกาสนี้ใช้มือลูบคลึงเอ็นแข็งขืนใต้เนื้อผ้าบาง เขาสูดปากและเปล่งเสียงครางต่ำแผ่วเบา ผมอยากให้คิมหันต์รู้ว่าผมโหยหาที่จะคุกเข่าลงแทบตาย
“ดูเหมือนนายเองก็ต้องการคนช่วยนะ” ผมเขย่งปลายเท้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหู จงใจใช้โทนเสียงยียวนเท่าที่จะทำได้
“แล้วรออะไรอยู่ล่ะ”
เขายอมรับอย่างมีเชิงจนน่าหมั่นไส้ ถ้าไม่ใช่เพราะอารมณ์กำหนัดขึ้นหน้าผมคงกวนประสาทเขาต่ออีกสักหน่อยเพื่อให้ลงแดงเล่น
จากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาเอ่ยขอร้อง ผมเข้าถึงใบหูและซอกคออย่างอดอยาก ขบ เม้มและดูดตรงนั้นทีตรงนี้ทีอย่างเพลิดเพลิน สัมผัสถึงชีพจรเต้นถี่เร็วและความร้อนที่กระทบริมฝีปาก ก่อนจะลากเลื่อนมายังลูกกระเดือก ไหปลาร้าและหัวไหล่กลมซึ่งผมโปรดปรานเป็นพิเศษ ตั้งใจฟังเสียงลมหายใจหนักหน่วงเมื่อผมละเลงลิ้นที่ยอดเนินอก
“อืมมมมม” คิมหันต์ครางและบีบเคล้นบั้นท้ายผมไปด้วย เป็นสัมผัสที่ทำผมเกือบผละออกด้วยความตกใจ
ต่อมาผมก็เลียนแบบการเล้าโลมของเขาแทบจะหมดทุกอย่าง โชคดีที่คิมหันต์เป็นคนเริ่มก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงขายหน้ามากเมื่อถึงคราวต้องลงมือ ซึ่งมันคงงกเงิ่นและดูไม่ประสีประสา
ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์เท่ากับที่อีกฝ่ายทำให้ แต่ผมก็ทำให้เขาแขม่วเกร็งเมื่อคุกเข่าลงไปจูบหน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยรอนกล้าม ก่อนจะแกล้งใช้ฟันขบเจ้าโลกเบา ๆ จนคิมหันต์ถึงกับร้องเสียงดังลั่นห้อง
“ชอบไหม” ผมเงยหน้าแกล้งถาม
“อืม”
“อะไรนะ ฟังไม่ชัดเลย”
“อืม ชอบ”
เขาเค้นเสียงตอบเพราะขณะนั้นผมใช้ปากถูไถเนื้อผ้าปูดนูนอย่างจงใจ จากนั้นจึงปลดเชือกรัดเอวและค่อย ๆ ดึงกางเกงกีฬาลงไปกองที่ตาตุ่ม และเมื่อชั้นในสีน้ำตาลถูกดึงตามลงไป เอ็นร้อนสีคล้ำขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ดีดโดนแก้มซ้ายผมจนเกิดเสียงแป๊ะเบา ๆ ผมจ้องมองมันตาไม่กะพริบ
ทันใดนั้นความทรงจำในคืนที่ฝนตกก็ลอยเข้ามาในหัว ถึงจะมองไม่เห็นและใช้แค่มือช่วยให้คิมหันต์สำเร็จความใคร่ผมก็สัมผัสได้ว่าเขามีขนาดไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้เห็นชัด ๆ กับตาจึงตระหนักว่ามันใหญ่ยาวกว่าที่รู้สึกมากโข
ผมประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าก็ตัดสินใจสาวท่อนเนื้อหนาแข็งปั๋งเป็นจังหวะจนน้ำล่อลื่นไหลเยิ้มลงมาโดนนิ้ว กลิ่นความเป็นชายที่ลอยกระทบจมูกยิ่งกระตุ้นเพลิงราคะให้ลุกโหม จนผมหมดความอดทนในที่สุด
“อ้า”
ชายหนุ่มร้องอย่างสุขสมเมื่อผมเริ่มใช้ปากทำกิจกรรม ความใหญ่โตคับเต็มโพรงปากจนหายใจแทบไม่ออก กลิ่นคาวฉุนกึกยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่จะปรับสภาพ ผมค่อย ๆ ขยับเข้าออกอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมใช้ลิ้นหมุนวนที่ส่วนหัว
ผ่านไปยังไม่ทันไรดูเหมือนคิมหันต์เริ่มเอาคืนผมแล้ว เขาขยับเอวกว้างโดยไม่รอให้ผมตั้งตัว อีกทั้งยังล็อกหัวผมไว้ในตำแหน่งเดิมไม่ให้หันหรือหนีไปไหน
“อึก…อ่อกกกกก” ผมสำลักจนน้ำตาไหลเมื่อส่วนปลายกระทุ้งชนคอหอย พยายามฝืนกลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนจนน้ำลายฟูมที่มุมปาก เล็บมือทั้งสองเผลอจิกลงต้นขาแกร่ง
“อืออออ...อืมมมมม”
มีหลายจังหวะที่คิมหันต์กระทุ้งเข้าไปจนสุดโคนจนผมต้องโก่งคอ ผมส่งเสียงโครกครากและตีต้นขาอีกฝ่ายรัว ๆ เพื่อประท้วง ผมต้องการอากาศหายใจเดี๋ยวนี้!
แต่แทนที่เขาจะทำตามที่ผมอุทธรณ์ ทว่ากลับยิ่งกดหัวเข้าไปลึกกว่าเดิมจนปลายจมูกชิดหย่อมขนดกดำ ณ จุด ๆ นั้นผมถึงกับดิ้นรนตะเกียกตะกาย รัวกำปั้นทุบตีไปทั่วทุกแห่งหนบนกายใหญ่ ไม่นานก็สำลักของเหลวที่จู่ ๆ ก็ทะลักท่วมปากและไหลย้อนลงคอ
คิมหันต์ยังไม่เอามันออกไปสักทีจนผมไม่มีทางเลือกนอกจากรีบกลืนลงไปทั้งหมด ผมหลับตาปี๋เพราะคิดว่ามันน่าขยะแขยง ทว่ารสชาติของมันกลับออกหวานปะแล่มคล้ายน้ำผึ้ง แถมยังอุ่นจัดราวกับกลืนแสงตะวันยามเช้าเข้าไป
แล้วชายหนุ่มก็ดึงหัวผมออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังป๊อป เขามองสีหน้าเจียนตายของผมแวบหนึ่งก่อนจะโน้มลงมาประทับริมฝีปากจนมันบวมเจ่อ ผมหลับตาพริ้มรับรสจูบเร่าร้อนที่ไม่มีวันเบื่อ ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ถูกอุ้มขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วจนกระทั่งแผ่นหลังสัมผัสกับผ้าห่มนุ่ม
คิมหันต์ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับคนเมาสุรา จากนั้นก็ใช้หลังมือขวาสัมผัสพวงแก้มของผมอย่างอ่อนโยน
“รัน เราขอนะ” คิมหันต์ขออนุญาตโดยจ้องเข้ามาในดวงตาวูบไหว ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ซึ่งนั่นทำให้ผมหน้าแดงตามไปด้วย
“อืม” ผมพยักหน้าอยู่ใต้ร่างแข็งแรงที่กำลังค่อมเอาไว้ “แล้วรออะไรอยู่ล่ะ”
นั่นคือการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันหวนคืน บางอย่างข้างในตัวผมเหมือนถูกเปิดออกเพื่อรอรับการเติมเต็ม มันให้รู้สึกดีเยี่ยมจนชีวิตนี้ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกหวาดกลัวลงไปถึงกระดูกทุกชิ้น
ถ้าเพียงจะรู้ก่อนสักนิดว่าต้องนอนโก้งโค้งแอ่นสะโพกขึ้นฟ้า หากเป็นเช่นนั้นผมคงขอเวลาสักประเดี๋ยวเพื่อพิจารณาเสียก่อน ผมอายมากจนต้องซุกใบหน้ากับผ้าห่มซึ่งอบอวลด้วยกลิ่นตัวเฉพาะของคิมหันต์ มือทั้งสองกำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่
“โห ทำไมมันชมพูจัง”
“พูดอะไรน่ะ อ...ไอ้บ้า” ผมต่อว่า ยิ่งเขินเข้าไปกันใหญ่กับคำพูดนั้น
ต่อมาก็มีเสียงบ้วนน้ำลาย จากนั้นผมก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่บริเวณทางเข้า ตามด้วยสัมผัสจากนิ้วมือที่อีกฝ่ายใช้ละเลงและวนทั่วปากรู ผมเผลอขมิบอย่างช่วยไม่ได้และแอ่นสะโพกยิ่งกว่าเก่าเพราะความเสียว
“ค่อย ๆ นะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ ทว่าส่วนหนึ่งในใจกลับคิดตรงกันข้าม
“อืม อย่าเกร็งล่ะ ทำตัวสบาย ๆ”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำตาม
“โอ้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อคิมหันต์แหย่นิ้วเข้ามาเพียงหนึ่งนิ้ว ความเจ็บแปลบที่ช่องทางทำให้ผมนิ่วหน้าเหยเก
“ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย” เขาพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ราวกับกำลังภาวนาเพื่อผมอยู่ “ไม่อย่างนั้นนายจะเจ็บกว่าเดิมนะรู้ไหม”
ผมรู้! แต่ว่านี่มันครั้งแรกนี่หน่า เขาไม่เห็นหรือว่าผมพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะผ่อนคลาย
ตอนแรกมันเจ็บมากจนต้องร้องโอดครวญเหมือนคนใกล้สิ้นใจ แต่ก็ต้องขอบคุณคิมหันต์ที่ไม่ยอมหยุดเพราะตอนนี้ผมเริ่มเข้าถึงรสสวาทนั่นแล้ว ความทรมานค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสุขสมจนสมองเบลอ
จากหนึ่งนิ้วก็เพิ่มเป็นสอง สองเป็นสามและสี่ตามลำดับอย่างใจเย็น ผมแหงนหน้ากรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มใช้นิ้วควานภายในแบบวนและทวนเข็มนาฬิกา แล้วจึงดึงนิ้วทั้งหมดออกอย่างฉับพลันจนผมสะดุ้งเพราะความโหวงเหวง
“จะเอาเข้าไปละนะ” เขาเตือน น้ำเสียงฟังดูใกล้หมดความอดทนเต็มที
ผมตอบกลับด้วยเสียงครางอื้ออึง
ไม่นานเกินรอคิมหันต์จัดการจ่อแท่งร้อนตรงรูชุ่มแฉะ จากนั้นก็ดันส่วนหัวเข้ามาช้า ๆ ทีละนิดจนหูรูดขยายตึงแน่น เขาสูดปากและครางทุ้มในลำคออย่างพึงพอใจ ส่วนตัวผมซึ่งถูกกดอยู่ใต้ล่างกำลังอ้าปากตาเหลือกเพราะความเจ็บและจุกอย่างสุดซึ้ง
“อ๊า….เจ็บบบบบ!” ผมร้องอย่างทรมาน พยายามจะขยับสะโพกหนีสิ่งใหญ่โตที่รุกล้ำเข้ามา
“อีกนิดเดียว” เขาพูดปลอบ ก่อนจะโน้มลงมาจูบแผ่นหลัง ซอกคอและเม้มเลียติ่งหู
อย่างน้อยการเล้าโลมสั้น ๆ ที่คิมหันต์มอบให้ก็ช่วยหันเหความสนใจได้มากทีเดียว เขาทำแบบนั้นพร้อมกับกดสะโพกหนาตลอดจนในที่สุดก็เข้าไปหมดลำอย่างปาฏิหาริย์
ผมกลั้นเสียงร้องด้วยการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความเจ็บก็อีกส่วนหนึ่งทว่าความคับแน่นภายในนั้นแทบจะฉีกร่างผมเป็นสองซีก ผมรับรู้ได้ถึงกระตุกตอดรัดตุบ ๆ จากการปรับสภาพ ซึ่งมันยิ่งทำให้คิมหันต์ร้องครวญเหมือนคนสติหลุด
“อูยยยยย…อ้า…อย่าเกร็ง…มันตอดเกินไป!”
“ฮึก…ข...ขยับหน่อย” ผมร้องขอเสียงอ่อน การแช่ไว้นานทำให้เจ็บจนตาลาย
คิมหันต์ประเคนให้ทันที เขาเริ่มขยับเอวสอบช้า ๆ เป็นจังหวะ เข้าสุดออกสุด เนิบนาบอ่อนโยน ทุกการเคลื่อนไหวมอบความรู้สึกแตกต่างกัน แต่โดยรวมมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น กระทั่งผ่านไปหลายนาทีผมจึงเริ่มรู้สึกดีขึ้นมากจนเผลอเด้งเอวรับเบา ๆ
“อืมมมมม” ผมครางเพราะความเสียววาบในช่องท้องเป็นครั้งแรก
ส่วนเขาพล่ามร้องนับครั้งไม่ถ้วน
“โอย มันรัดมากเลย...อุ่นมากด้วย”
เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมทั่วห้องที่ค่อย ๆ มืดลงทุกขณะ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเรามีความสุข ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว รู้เพียงแค่ไม่อยากให้กิจกรรมนี้จบลงเลย ผมยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ช่วงเวลานี้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด
เพื่อที่คิมหันต์จะส่งมันเข้าไป...
ส่วนผมซึมซับพลังทั้งหมดนั้นไว้...
ประสานเราเป็นเนื้อเดียวตลอดกาล
ขณะที่จุดสงวนเริ่มชูชันอีกครั้ง ผมก็ถูกจับพลิกให้นอนอ้าขากว้างทั้ง ๆ ที่มันยังคาอยู่ข้างใน แต่มันก็ทำให้ผมเห็นมุมมองใหม่ที่ดีกว่า เช่น ร่างของคิมหันต์ที่โทรมด้วยเหงื่อจนผิวกายมันวาว เมื่อรวมกับใบหน้าหล่อเหลาซึ่งกำลังบิดเบี้ยวนั้นก็ทำให้ผมแทบหลั่งเป็นรอบที่สอง
จากนั้นทุกอย่างก็ทวีความหนักหน่วงขึ้น รุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับขาของผมที่ถูกแหกกว้างจนปวดร้าว เราต่างส่งเสียงน่าอายโดยไม่สนใจโลก ปล่อยกายและใจให้ราคะเผาไหม้จนไม่เหลือยางอาย จมลงไปกับสัมผัสบาปที่ทำให้ผมรู้สึกกำลังจะตาย…
“อ๊า!”
เมื่อเราประสานเสียงกรีดร้องลั่นเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็รู้สึกถึงแรงกระตุกถี่รัวตรงบริเวณปากรูและภายใน ตามมาด้วยแรงฉีดและความอุ่นจนเกือบร้อนที่แผ่ขยายทั่วช่องท้องจนสมองล่องลอย
ชายหนุ่มแช่เอาไว้พักหนึ่งก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกอีกครั้ง เน้นย้ำตรงจุดที่เขารู้ดีว่าผมจะดิ้นพล่านอย่างเสียสติ ไม่นานผมก็เกร็งกระตุกและระเบิดน้ำสีไข่มุกออกมาโดยไม่ได้สัมผัสเลย ของเหลวกระฉูดกระจายเต็มหน้าท้องของเรา แล้วคิมหันต์ก็โถมตัวลงมากอดผมอย่างเหนื่อยหอบ บดขยี้ส่วนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอดถอนมันออกช้า ๆ
สุดยอดไปเลย
จากนั้นคิมหันต์ก็จูบผมอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยถามพร้อมกับมองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ยืนไหวไหม”
ผมไม่รู้ ดังนั้นจึงลองขยับและเหยียดขาไปมาบนที่นอน แล้วก็นึกเสียใจทันทีเพราะความเจ็บที่สะโพกนั้นแล่นจี๊ดไปตามไขสันหลัง ผมกัดปากและขมวดคิ้ว
“อยู่นิ่ง ๆ”
จากนั้นชายหนุ่มจึงยืนขึ้นอย่างคล่องตัว ก่อนจะใช้มือสอดใต้ร่างของผมอย่างระมัดระวังและอุ้มขึ้นมาแอบอกในท่าเจ้าหญิง
“ขอโทษที่รุนแรงไปหน่อย เดี๋ยวอาบน้ำให้เป็นการชดเชย”
เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย ผิดกับผู้ฟังอย่างผมซึ่งหน้าแดงไปถึงใบหู
“ไม่เป็นไรเราอาบเองได้” ผมอายจัดจนไม่กล้ามองหน้า
“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า” เขาพูดยิ้ม ๆ “ถือว่าเป็นบริการพิเศษแล้วกัน เราไม่เคยถูตัวให้ใครหรอกนะรู้เปล่า”
ผมควรดีใจใช่ไหม แต่ทว่าก็เผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ตามใจแล้วกัน” ผมบอก
จากนั้นคิมหันต์ก็อุ้มผมเข้าไปในห้องน้ำ สถานที่ที่ความเร่าร้อนเริ่มต้นขึ้นและจบลงราวกับการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ซึ่งผมจะไม่มีวันลืมไปจนวันตาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ