Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค change myself (พล็อตเรื่องนี้ผ่านการประกวดบทละครของโครงการ BEC ของช่อง 3
เขียนโดย Gawee
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.23 น.
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567 12.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตอนที่ 4 ฉันความจำเสื่อม เพราะสวรรค์ต้องการให้ฉันเปลี่ยนตัวเอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
..ความเดิมตอนที่แล้ว….
เพื่อนๆ ห้องเดียวกับฉันชื่อ "แก๊งผลไม้" อาสาช่วยฉัน 'ฟื้นความทรงจำ' เพราะบอกว่า เรา 'เล่น' ด้วยกันบ่อยๆ แต่ความจริงแล้วการ 'เล่น' ของยัยพวกนั้นคือ 'การรังแก'
ฉันที่กำลังถูกรุมทำ 'เมนูสุดพิเศษ' อยู่นั้น ก็ได้ผุดภาพความทรงจำที่โดนรังแกต่างๆ มากมายในหัว และสติของฉันก็หลุดลอยไป ส่วนตัวฉันก็ได้นอนจมกองปลาร้าราวกับว่า ฉันเป็นแค่หนอนตัวหนึ่ง เท่านั้น!!
ย้อนไปเมื่อตอนพักกลางวัน ณ โรงอาหาร
"ผล๊วะ" เสียงตีหลังผมดังขึ้นสนั่นโรงอาหาร และเมื่อผมหันไปดูก็พบเธอคนนั้นยืนแลบลิ้นใส่ผม
"ฝากไว้ก่อนเถอะ อีตาบ้า" เธอพูดมาแบบนั้น แล้วก็วิ่งกลับอาคารเรียนไปเลย ไม่รู้ด้วยความโกรธหรือความอายกันแน่
"ตูผิดอะไรเนี้ย! ช้อนนั้นก็ของตัวเองชัดๆ ฮ่าฮ่าฮ่า" ผมพูดขึ้นมาเสียงดังพลางหัวเราะร่า
"นี้ นายรู้จักยัยนั้นด้วยหรือวะ" เพื่อนผมที่นั่งคู่กันในห้องเรียนชื่อ เหน่ง ถามขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก
"พึ่งรู้จักมั่ง มึXนี้ถามแปลก ตูความทรงเสื่อมจะไปจำใครได้ล่ะ ขนาดมึXที่บอกว่าเป็นเพื่อนสนิท ตูยังจำไม่ได้เลย ฮ่าฮ่า" ผมพูดขำๆ พลางตักข้าวเข้าปากบ้าง
"เออวะตูลืม แต่ยัยนั้นดังมากเลยนะในชั้น ม.5 อ่ะ" ไอเหน่งพูดพลางยกส้อมมาชี้ไปที่ทางที่เธอคนนั้นเดินจากไป
"อย่างไงว่ะ?" ผมถามด้วยความสนใจ
"ก็ยัยนั้นได้ฉายาว่า 'นางฟ้าแห่งชั้น ม.5' เลยนะเฟ้ย" ไอเหน่งพูดพลางจิ้มไปที่ไส้กรอกทอด
"ห่ะ!? แบบยัยเพี้ยนนั้นนะหรือนางฟ้า!? โรงเรียนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย" ผมตกใจมาก เพราะคำว่า 'นางฟ้า' เป็นอะไรที่ไกลจากตัวยัยเพี้ยนนั้นมากเลย
"เห็นแบบนั้นแต่เรียนเก่งติดท็อปชั้นเรียนตลอดเลยนะโว้ย แถมยังสวยติดอันดับโรงเรียนเลยด้วย ถ้าเล่นกีฬาเก่งนี้ เรียกว่า ครบเครื่องเลย" ไอเหน่งร่ายยาวมาก สงสัยจะเป็นแฟนคลับยัยเพี้ยนนั้น
"แหม มึXนี้ปลื้มออกหน้าออกตาเกินไปนะ นี้แน่ ไอเหน่ง" ผมพูดอย่างหมั่นไส้มันพลางผลักหัวไปทีหนึ่ง
จากนั้นพวกเราสองคนก็เดินกลับเข้าอาคาร 7 กัน เพราะใกล้ได้เวลาเริ่มเรียนแล้ว
ณ อาคาร 7 ห้อง ม.5/5
"ตูว่าวิชาต่อไปตูต้องไปเฝ้าพระอินทร์แน่เลย ง่วงซิXหาย" ไอเหน่งพูดพลางฟุบลงบนโต๊ะเรียน
"ตูก็ไม่ต่างกัน สงสัยกินเยอะไปหน่อย" ผมพูดพลางฟุบไปที่โต๊ะเรียนข้างๆ มันเช่นกัน
และไม่นานวิชาที่ชวนหลับฝันดีก็เริ่มขึ้น มันคือวิชาคณิตศาสตร์ ห้องผมถือได้ว่าเป็นห้องอันดับท้ายของชั้นเรียนที่แบ่งแยกตามเกณฑ์เฉลี่ยที่ทำได้แต่ละปี ทำให้ในห้องผมมีแต่พวกเรียนๆ เล่นๆ เต็มไปหมด
และแล้วผมกับไอเหน่งก็ได้ไปเฝ้าพระอินทร์ตามที่บอกไว้ ผมหลับแบบหลับในทั้งๆ ที่ยังนั่งตัวตรงอยู่
"...หาญ...นายกล้าหาญ ได้ยินไหม!?" เสียงใครไม่รู้เรียกชื่อผมให้หลุดออกจากการเข้าเฝ้า
"โว้วๆๆ ครับๆๆๆ จารย์" ด้วยความตกใจทำให้ผมลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ
"หลับในหรือไงห่ะ!? อย่าคิดว่าแค่หน้าตาดีหน่อย เล่นกีฬาเก่งหน่อย แล้วจะไม่ต้องเรียนก็ได้นะ มานี้เลยๆ" ครูวิชาคณิตศาสตร์เรียกผมให้ออกไปหน้าห้อง
"โธ่---ครูครับ ผมแค่พักสายตาเอง ฮ่าฮ่า" ผมพูดพลางหันไปขำกับไอเหน่งที่หลับน้ำลายหกเต็มโต๊ะแล้วตอนนี้
"ไอห่Xนี่ ตื่นซิฟ่ะ งานเข้าแล้ว!" ผมพูดพลางตบหัวทรงสกินแฮดของมันไปทีหนึ่ง
"หือ--? ขอกินอีกหน่อยน่าาา ไส้กรอก" ไอนี้ถ้าจะละเมอหนัก
"ปัง!!" เสียงครูตีมาที่โต๊ะไอเหน่ง
"อะไรๆๆ!! ไฟไหม้หรอ? ตรงไหนๆ?" ไอเหน่งพูดพลางลุกขึ้นจะวิ่ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงนักเรียนในห้องรวมถึงผมด้วยหัวเราะขึ้น
"ไปเลย! ออกไปทำโจทย์เลขบนกระดานเดี่ยวนี้เลย" เสียงครูพูดพลางชี้ไปที่กระดาน
"โธ่--- ครูครับจะเอาอะไรกับเด็กห้องบ๊วยแบบผม" ไอเหน่งพูดขึ้นพลางเดินไปหน้าห้องพร้อมกับผม เพื่อทำโจทย์เลข
"อะ...เออ แต่ครูค่ะ โจทย์นั้นเรายังไม่ได้เรียนเลยนะค่ะ" เสียงนักเรียนหญิงในห้องพูดขึ้น
"เงียบไปเลย หรือเธออยากออกมาทำเอง หือ!?" เสียงครูพูดขึ้น
"ไม่ล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า" นักเรียนหญิงคนนั้นพูดพลางขำแห้งๆ
"แล้วใครมันจะไปทำได้วะเนี้ย ใช้ไหมต้นกล้า?" ไอเหน่งพูดพลางหันมาถามผมที่กำลังทำโจทย์เลขอยู่
"เห้ยยยย ไม่จริงอ่ะ! มึXทำมั่วๆ ใช่ไหม? สารภาพบาปมาซะดีๆ" ไอเหน่งตกใจที่เห็นผมทำโจทย์ได้
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่เห็นมันก็รู้คำตอบเองเลยเหมือนเคยเรียนมาก่อน" ผมพูดอย่างงงๆ กับตัวเอง
"ว้าวๆๆ หรือนี้จะเป็นผลจากความทรงจำเสื่อม? งั้นมึXทุบหัวตูที ตูอยากเป็นแบบมึXบ้าง ฮ่าฮ่า" ไอเหน่งพูดพลางหัวเราะ
"บอกคำตอบตูทีสิ นะนะ" ไอเหน่งกระซิบผม
"เออๆ เลี้ยงไอศครีมตูด้วยนะโว้ย" ผมพูด จากนั้นก็บอกคำตอบพร้อมวิธีการแก้โจทย์ให้มัน
และแล้ววิชาคณิตศาสตร์ก็ผ่านไปด้วยดี แต่ผมก็ยังงงๆ กับตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงทำโจทย์เลขที่ไม่เคยเรียนได้แบบนั้น?
จากนั้นชั่วโมงโฮมรูมก็เริ่มขึ้น ครูประจำชั้นแจ้งเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องที่ผมสูญเสียความทรงจำชั่วคราวด้วย โดยบอกกับทุกคนว่า ผมเกิดอุบัติเหตุ 'ตกน้ำ' คงเพราะไม่อยากให้ผมคิดมากเรื่องที่ตำรวจแจ้งว่าผม 'ฆ่าตัวตาย' ซึ่งใจจริงผมก็ไม่เชื่อแบบนั้นหรอกแต่มีหลักฐานชัดเจนมาก
หลักฐานที่ว่าคือ กล้องวงจรปิดของสะพานข้ามแม่น้ำที่ผมกระโดดลงน้ำไป มันถ่ายติดว่าตอนนั้นไม่มีคนอยู่ข้างๆ ผมเลยสักคนเดียว ทำให้ตำรวจยิ่งแน่ใจว่าผมฆ่าตัวตาย
ทำไมฉันถึงคิดสั้นฆ่าตัวตายล่ะ!? หากมองจากปัจจัยแวดล้อมรอบตัวมันไม่มีอะไรเลยที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น ทั้งครอบครัวที่อบอุ่นถึงแม้ผมจะมีแค่พ่อคนเดียวก็ตาม แล้วที่โรงเรียนไอเหน่งก็บอกว่า ผมไม่ได้ถูกใครรังแกเลย มีแต่จะไปรังแกคนอื่นซะมากกว่า
ผมนั่งคิดเรื่องนี้ทั้งชั่วโมงโฮมรูม และไม่นานครูประจำชั้นก็ปล่อยเลิกเรียน ผมที่กำลังเก็บกระเป๋านักเรียนอยู่กับไอเหน่งก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ซุบซิบนินทาจากกลุ่มนักเรียนชายในห้องผม
"นี้ๆ นายได้ยินข่าวลือนั้นไหม?" เสียงนักเรียนคนหนึ่งพูดแบบกระซิบเบาๆ
"เออๆ เรื่องนั้นใช่ป่ะว่ะ? แมร่Xตูว่าไอต้นกล้ามันอาจทำจริงๆ ก็ได้นะโว๊ย" เสียงนักเรียนชายอีกคนพูดขึ้นพลางหันมามองที่ผม ในขณะที่ผมเองก็มองมันกลับไป
"ข่าวลือเชี่Xไร? ทำไมไม่มาพูดต่อหน้าตูเลยล่ะ ไอเวX?" ผมพูดพลางเดินไปหาพวกมัน
"ปะ...ปล่อยๆ ไม่มีไรๆ ฮ่าฮ่า กลับก่อนนะ" นักเรียนชายทั้งสองคนพูดพลางขำกลบเกลื่อน และกำลังจะเดินหนีผมไป
"ไม่มีอะไร! แล้วมึXเอ่ยชื่อตูทำเชี่Xไร ห่ะห่ะ!!?" ผมเดินเข้าไปขวางประตูห้องไว้ พร้อมกับถามพวกมันพลางผลักไหล่มันไปสองที จนมันล้มลงนั่งบนโต๊ะนักเรียน
"พูดออกมาดีกว่าก่อนที่พวกมึXจะเจ็บตัวกัน หือ!?" ไอเหน่งพูดพลางลูบไปที่แก้มพวกมัน
"คะ...คือมีข่าวลือว่า นายเป็นคนขับรถชนฟ้าใสห้อง ม.5/1 นะ" นักเรียนชายใส่แว่นในกลุ่มนั้นพูดขึ้น
"ฟ้าใสนี้ใครวะ?" ผมหันไปถามไอเหน่งแบบงงๆ
"อ้าว! ไอห่านี้ ก็นางฟ้าของตูไง มึXคุยกันไงไม่รู้ชื่อกัน?" ไอเหน่งพูดพลางผลักหัวผมไปทีหนึ่ง
"ออ--- ยัยเพี้ยนนั้นชื่อฟ้าใสหรือเนี้ย?" ผมพูดพลางพยักหน้า
"ก็เออนะสิ แล้วมึXจะเอาไงต่อ!?" ไอเหน่งถามขึ้น
"ถามแปลกๆ ตูก็ต้องไปถามความจริงจากเจ้าตัวเองดิฟ่ะ" ผมตอบพลางเลื่อนประตูเปิด
"เฮ้ย ตูไปด้วยยยย ตูอยากเจอหน้านางฟ้า" ไอเหน่งพูดด้วยน้ำเสียงเคลิ้ม
"ไม่ต้องยุ่งเลย เรื่องนี้ตูขอเคลียร์เอง" ผมพูดพลางเดินออกจากห้องไป
"งั้นก็ตามใจ ว่าแต่กลับบ้านเองถูกใช่ไหม? พ่อนายฝากฉันดูแลนายนะ" ไอเหน่งเดินออกตามมา
"มรึXเห็นตูเป็นเด็ก 5 ขวบหรือไง ห่ะ!?" ผมพูดพลางตบหัวไปทีหนึ่ง แล้วรีบวิ่งไปที่ห้อง ม.5/1 ของยัยเพี้ยนฟ้าใสนั้น
ณ ห้อง ม.5/1
"ครื้น--- " เสียงผมเปิดประตูห้อง ม.5/1
"อ้าว! ต้นกล้ามาหาฉันหรือจ๊ะ ฮิฮิ?" นักเรียนหญิงที่ผมเคยเจอที่สนามบาสของหมู่บ้านเดินมาหาผม
"เอ่ะ! เธออยู่ห้อง 1 งั้นหรือเนี้ย? บังเอิญจังเลย" ผมพูดอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอคนนี้
"ก็ใช่นะสิ แหมๆ อยากเจอหน้าฉันขนาดนั้นเลย?" นักเรียนหญิงที่ชื่อ มิน หรือ มิ้นท์ นี่ล่ะ พูดพลางจับผมตัวเองม้วนๆ
"ปะ...เปล่า ฉันมาหาฟ้าใส เธออยู่ห้องนี้ใช่ไหม?" ผมถามขึ้นพลางมองไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบวี่แววยัยนั้น
"อะ...เอิบ! กะ...ก็ใช่ มีเรื่องอะไรหรือ?" มิ้นท์ถามอย่างติดๆ ขัดๆ พลางทำหน้าบอกบุญไม่รับให้ผม
"เรื่องส่วนตัว จบนะ!! บอกมาว่ายัยนั้นอยู่ไหน?" ผมตอบแล้วถามขึ้นอย่างตัดบท เพราะไม่อยากเสียเวลา
"อือ--- เห็นว่าไป 'เล่น' กับเพื่อนๆ ในห้องที่ดาดฟ้าล่ะมั่งนะ ฮิฮิ" มิ้้นท์ตอบพลางหัวเราะคิก
"ไปเล่นอะไรกันที่ดาดฟ้า?" ผมถามอย่างงงๆ
"เรื่องของห้องฉัน นายอย่ารู้เลย อิอิ" ยัยมิ้นท์นั้นตอบพลางเดินผ่านผมไป
จากนั้นผมก็ออกกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ดาดฟ้าของอาคาร เพื่อที่จะได้ถามความจริงเกี่ยวกับข่าวลือนั้น เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมเป็นคนขับรถชนเธอหรือเปล่า? และผมมีลางสังหรณ์ว่า อุบัติเหตุรถชนของเธออาจเกี่ยวข้องกับการที่ผมฆ่าตัวตายก็เป็นได้
ณ ดาดฟ้าอาคาร 7 เวลาปัจจุบัน
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นหลังจากที่หมดสติ เพราะช็อคกับความทรงจำอันเลวร้ายที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางกองปลาร้า น้ำปลา และพริกป่น
ฉันพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พร้อมกับตัวปลาร้าที่ตกลงสู่พื้นทีละตัว จากนั้นฉันค่อยๆ เดินไปที่ริมดาดฟ้าอย่างเหม่อลอย ในหัวพลางคิดว่า
อุบัติเหตุนั้นคงเป็นความติดที่จะจบชีวิตของฉันเองสินะ ฉันน่าจะตายๆ ไปซะ ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่น่ารอดมาเจออะไรแบบนี้เลย เพื่อนในห้องที่เมินเฉยต่อฉันตอนที่ฉันถูกรังแก ทำเหมือนมันเป็นเรื่องสนุกและปกติสุดๆ
ถ้าฉันจบชีวิตตัวเองซะตอนนี้มันคงจะดีไม่น้อย ยัยพวกนั้นจะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างไหมนะ? ชีวิตฉันมันก็ไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับหนอนในปลาร้าตัวหนึ่่งเท่านั้น!!
"ฮื้อ---ฮึ๊กๆ ฉันมันไม่ควรรอดมาเลยจริงๆ ฮื้อๆ" ฉันร้องไห้พลางพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่ขาของตัวเองก็ได้ไปยืนหยุดอยู่ที่ริมขอบดาดฟ้าของอาคารเรียบร้อยแล้ว
"ลาก่อนค่ะแม่ หนู/ปัง!!! ยัยบ้านั้นเธอกำลังจะทำอะไรน่ะ ห่ะ!!?" ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดดังขึ้นสนั่น ตามด้วยเสียงที่ฉันคุ้นเคย
ฉันหันไปดูตามต้นเสียง ก็เห็นผู้ชายคนนั้นที่ชอบมาอยู่ในหัวของฉันตลอดเวลา ในขณะที่เขาเดินมาหาฉันที่ยืนนิ่งอยู่ริมขอบดาดฟ้า ภาพความทรงจำหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหัวสมองของฉัน
ภาพในความทรงจำนั้น เหมือนกับตอนนี้ไม่มีผิด แต่ต่างกันตรงจุดยืนของเราที่มันสลับกันอยู่ ในความทรงจำฉัน เขายืนอยู่ตรงจุดที่ฉันยืน ณ ตอนนี้ และฉันก็เป็นฝ่ายวิ่งมาและตะโกนว่า 'นายต้นกล้า นั้นนายจะทำอะไรนะ ห่ะ!?' เหมือนกับเขาในตอนนี้ที่กำลังห้ามฉันไม่ให้คิดสั้นฆ่าตัวตาย
ฉันยืนนิ่งราวกับถูกมนตร์สะกด เพราะความทรงจำนั้น ทำให้ในหัวของฉันมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด และทันใดนั้นเอง ต้นกล้าก็จับมือฉับไว้แน่น ฉันสัมแัสได้ถึงไออุ่นที่คุ้นเคยอย่างประหลาด จากนั้นก็กระชากตัวฉันให้ออกมาจากจุดริมขอบดาดฟ้านั้น
"วะ...ว้าย!!" ฉันหลุดออกจากภวังค์ความทรงจำนั้นโดยแรงกระชากของหมอนี้
"วะ...เหวอๆๆ" เสียงต้นกล้าร้องขึ้นอย่างเสียหลัก เพราะฉันเองก็เสียการทรงตัวจากแรงกระชากนั้น ทำให้เราสองคนล้มลงไปนอนกองกับพื้น
และตามคาด ฉันนอนทับบนตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามของเขา แต่ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีตัวปลาร้าที่ตกลงมาจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนของฉันเต็มหน้าท้องของเขาเลย
หมอนั้นเบียนหน้าหนีฉัน ในขณะที่อยู่ข้างล่างร่างกายฉัน ไม่รู้เพราะเขินหรือเพราะกลิ่นปลาร้ากันแน่?
"จะ...จะไม่ลงไปหรือไงห่ะ!?" ต้นกล้าถามฉันพลางหน้าแดง
"อะ...เอ่อ โทษที แต่จะทำไงดี? เสื้อนายเลอะปลาร้าหมดแล้ว ฉันปัดออกให้นะ" ฉันพูดพลางปัดๆ หน้าท้องของเขาอย่างร้อนรนและเหมือนคนขาดสติ
"นี้!! หยุดเลย! ตั้งสติหน่อย ฟ้าใส เมื่อกี้เธอจะทำอะไร ่ห่ะ!? ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงคนรอบข้างบ้างล่ะ..." เขาพูดพลางเขย่าตัวฉัน แล้วก็ชะงักไปชั่วครู่
ทันใดนั้นเอง ภาพความทรงจำที่ต่อจากเมื่อกี้ก็ลอยเข้ามาในหัวของฉัน ในความทรงจำ ฉันพูดกับหมอนี่ว่า 'นายจะทำอะไร? ทำไมทำอะไรไม่คิดถึง เรโกะ บ้างล่ะ ถ้าเธอรู้ว่า เธอช่วยนาย เพื่อให้นายมาจบชีวิตตัวเองแบบนี้ เรโกะจะเสียใจแค่ไหน ฮื้ออออ'
"ฟ้า....ฟ้าใส นี้ยัยบ้าตั้งสติหน่อย ได้ยินไหม!?" เสียงต้นกล้าดึงให้ฉันออกจากภวังค์ความทรงจำอีกครั้ง
"วะ...ว่าไงนะ? โทษทีพอทีฉันคิดไรเพลินๆ ฮ่าฮ่า" ฉันถามขึ้นพลางขำแห้งๆ
"เพลินกับผีนะสิ ดูสภาพตัวเองก่อนดีกว่าไหม!? ทำไมเป็นแบบนี้? เกิดไรขึ้น?" ต้นกล้าถามพลางปัดปลาร้าตามตัวฉันให้อย่างไม่รังเกียจ
"อ่อ พอดี เพื่อนในห้องจับฉันทำเมนูสุดพิเศษนะ" ฉันลุกขึ้นยืนและปัดๆ ตัวเอง
"อย่าบอกนะว่า นี้คือการ 'เล่น' ที่ยัยมิ้นท์นั้นพูดถึง?" ต้นกล้าพึมพำกับตัวเอง
"ออ มิ้นท์บอกนายหรอ ว่าฉันอยู่ที่นี้? แล้วนายมาหาฉันมีเรื่องอะไร?" ฉันถามขึ้นแต่ในใจก็คิดขอบคุณเขาที่มาช่วยดึงสติฉัน
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ลงไปข้างล่างกัน ฉันมีชุดพละสำรองเดียวให้ยืมเปลี่ยน" เขาพูดตัดบทพลางดึงมือฉันให้เดิมตามไปที่ประตูดาดฟ้า
"ดะ...เดียวก่อน แล้วเราจะปล่อยไอนี้ไว้แบบนี้หรือ?" ฉันถามพลางชี้ไปที่กองส่วนผสมบนพื้น
"ทำไม? อย่าบอกนะว่า เธอคิดจะทำความสะอาดพื้นดาดฟ้านี้" ต้นกล้าพูดพลางชี้จะไปกองนั้นด้วย
"ก็ใช่สิย่ะ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก เกิดหนอนขึ้นขึ้นมาทำไง?" ฉันพูดพลางเดินไปหาไม้กวาดก้านมะพร้าวที่กำแพงข้างๆ ประตูดาดฟ้า
"เอาจริง!? โอ้ยอยากจะบ้าตาย! ขนาดเจอสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจตกต่ำแบบนี้ ยังมีกะจิตกะใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีก" เขาพูดพลางเดินไปที่ก็อกน้ำและหยิบสายยาง
และทันทีที่ฉันได้ยินประโยคนั้น ภาพความทรงจำหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว ในความทรงจำ ฉันอยู่ในห้องน้ำสาธารณะแห่งหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย มีผู้ชายแปลกหน้าที่ฉันก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร แถมแต่งตัวประหลาด ด้วยชุดทัคซิโด้ขาว หมวกไหมทรงสูง และผ้าคลุมสีขาวพริ้ว
พร้อมกับคำพูดที่ว่า 'ขนาดเจอสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของตุณตกต่ำอย่างคนรักป่วยหนักแบบนี้ คุณก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกนะ เมี๊ยว---'
"อะ...โอ๊ยยยย ปวดหัวจะระเบิดแล้ว" ฉันหลุดออกจากภวังค์ความทรงจำเพราะเกิดอาการปวดตึงๆ ที่หัวอย่างรุนแรง พร้อมกับความรู้สึกเหมือนจะนึกเรื่องที่สำคัญมากๆ ขึ้นมาได้
"เฮ้ยๆ เป็นอะไรหรือเปล่า ยัยเพี๊ยน?" เขาถามขึ้นพลางวิ่งมาจับหัวฉันดู
"มะ...ไม่เป็นไร แค่ปวดตึงๆ ที่หัว" ฉันพูดตอบพลางจับมือเขาออกจากหัวฉัน
"รีบทำเถอะจะได้เสร็จๆ เดียวจะค่ำก่อน" ฉันพูดขึ้นพลางกวาดพื้นไปด้วย ในขณะที่ต้นกล้าคอยฉีดน้ำให้ฉัน
เราใช้เวลากว่า 45 นาที ในการทำความสะอาดพื้นดาดฟ้า ซึ่งตลอดเวลานั้นต้นกล้าไม่ได้ถามหรือชวนคุยอะไรเลย คงเพราะอยากให้ฉันได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง หรือเขาเองอาจกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันก็ไม่อาจล่วงรู้ได้
ณ ห้องล็อคเกอร์ของโรงยิม
จากนั้น เราสองคนก็เดินมาจนถึงโรงยิม โดยต้นกล้าใช้เสื้อตัวนอกมาคลุมหัวและตัวฉันไว้ไม่ให้ใครเห็น แล้วก็ตรงเข้าไปที่ห้องล็อคเกอร์ชาย ซึ่งฉันทำได้แค่ยืนรออยู่ข้างนอก เพราะถึงตอนนี้จะ 6 โมงเย็น แต่ก็ยังมีนักเรียนชายจากชมรมกีฬาใช้ห้องล็อคเกอร์อยู่
เมื่อฉันได้ชุดพละมาพร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัว (เป็นของต้นกล้าทั้งหมด) ฉันก็รีบตรงเข้าไปห้องอาบน้ำในห้องล็อคเกอร์หญิงทันที
ณ ทางเดินไปประตูเหนือของโรงเรียน ตอน 6 โมงครึ่ง
เราสองคนเดินออกจากโรงยิมด้วยความเงียบสงัด ทั้งฉันและเขาต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดก่อน มีแต่เสียงลมพัดและเสียงนกร้องเท่านั้น
โอ้ยยย เงียบเกินไปแล้วนะ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ? จะแข่งว่าใครอดทนต่อความเงียบได้ดีกว่ากันหรอ? ก็ได้มาเลย มา!!
"อะ...เอ่ออออ ต้นกล้า" ฉันยอมแพ้ค่าาาา เพราะฉันมีสิ่งทีต้องพูดออกไปก่อนที่มันจะสาย
"หะ...ห่ะ!? ว่าไง" เขาเหมือนจะหลุดออกจากภวังค์ความติดของตนเอง และหันมาถามฉัน
"ฉะ...ฉันมีคำที่จะต้องบอกกับนายก่อนที่มันจะสายไป" ฉันหยุดนิ่งไป พลางหันหลังไปรวบรวมสมาธิและสติ
"อะไรหรอ?" เขาเอ๋ยถามขึ้น
"ขะ...ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกเรื่องในวันนี้" ฉันหันมาพูดกับต้นกล้าด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนๆ ที่เข้ากับตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายของฉัน
ต้นกล้ายืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน และหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน จากนั้นเขาเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยนจนทำให้ฉันใจเต้นระรัว
"ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจช่วยเธอ" ต้นกล้าพูดพลางส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ฉัน ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนยามตกดินที่เข้ากันได้ดีกับผมสีน้ำตาลเข้มของเขา
"อืม!" ฉันตอบกลับพลางวิ่งนำหน้าไปด้วยความเขิน
"ฮ่าฮ่า รอด้วยสินี่" ต้นกล้าพูดพลางขำท่าทางฉัน แล้ววิ่งตามมาติดๆ
จากนั้นเราสองคนก็เดินมาถึงที่หน้าประตูโรงเรียนทางทิศเหนือ ขณะนั้นเราทั้งคู่ได้แต่เงียบ อาจเพราะเขินหรือกำลังคิดอะไรอยู่
"อะ...เออ--- ให้ฉันไปส่งที่บ้านเธอนะ" ต้นกล้าอ้ำอึงแล้วก็เอ่ยออกมา
"จะดีหรอ? รบกวนนายเปล่าๆ" ฉันหันไปถามเขาตามมารยาท แต่ในใจก็รู้ดีว่า เรากลับบ้านทางเดียวกัน เพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน
"ไม่เป็นไร ฉันอยากไปส่งเธอที่บ้าน" เขาตอบพลางส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ฉัน
"งั้นก็ตามใจนายล่ะกัน" ฉันพูด ในขณะที่เราเดินมาถึงป้ายรถเมล์
"นายนั่งรถเมล์ได้ใช่ไหม?" ฉันถามขึ้น
"ก็ได้นะ แต่มันจะดีหรอ ถึงเธอจะอาบน้ำมาแล้ว แต่กลิ่นก็ยังมีอยู่นะ ฮ่าฮ่า" เขาพูดขึ้นพลางหัวเราะเอามือปิดจมูก
"ฟุดฟิดๆ เอ่อ จริงด้วยเเหะ ฮ่าฮ่า" ฉันจับผมตัวเองมาดมก็ยังได้กลิ่นปลาร้าอยู่จริงๆ ด้วย พลางขำแห้งให้กับตัวเอง
"งั้นนั่งแท็กซี่เถอะ" ต้นกล้าพูด จากนั้นก็โบกรถแท็กซี่
และแล้วเราก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านกัน ในระหว่างทางฉันได้โทรหาคุณแม่เพื่อบอกว่าจะกลับดึกหน่อย เพราะกลัวแม่จะเป็นห่วง
สักพักแท็กซี่ก็มาถึงหมู่บ้านที่ฉันอยู่ ต้นกล้าหันหน้ามาหาฉันพร้อมทำหน้างุนงง
"ยะ..อย่าบอกนะว่า เธออยู่หมู่บ้านนี้" เขาพูดพลางชี้ไปที่แผงโซลาเซลล์ใหญ่ยักษ์หน้าหมู่บ้านอันเสมือนสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านก็ว่าได้
"ใช่ ฮ่าฮ่า ทำไมหรอ?" ฉันตอบไปพลางแอบขำท่าทางงงๆ ของเขา แล้วเเกล้งถามแบบใสซื่อ
"ฉันเองก็อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกัน" เขาตอบพลางทำหน้าอึ้งๆ ในความบังเอิญ
"อ้าวววว! งั้นหรอบังเอิญจังเลยนะ" ฉันร้องอ้าวยาวๆ
"จร๊อกกกก---" เสียงอะไรบางอย่างจากตัวฉัน
โอ๊ยยยย ไอท้องมาร ไอท้องบ้า จะมาหิว จะมาแหกปากร้องอะไรตอนที่นั่งอยู่ในแท็กซี่สองคนกับหมอนี้ด้วยเนี้ย ใครก็ได้เอาฉันออกไปจากที่นี้ทีเถอะ!!
"เสียงอะไรน่ะ? หรือว่าเธอหิวข้าว?" ต้นกล้าหันมาถามฉัน
"โทษทีนะ พอดีช่วงเวลานี้ เป็นเวลากินข้าวประจำของบ้านฉันนะ ฮ่าฮ่า" ฉันพูดขึ้นพลางหยืบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่า ตอนนี้ 1 ทุ่ม 20 นาทีแล้ว
"พี่คนขับครับจอดตรงนี้ก็ได้ครับ" ต้นกล้าเอ่ยขึ้นกับคนขับ
"จอดทำไมล่ะ? นี้พึ่งถึงสวนสาธารณะของหมู่บ้านเองนะ บ้านฉันอยู่กลางๆ หมู่บ้านนะ" ฉันถามขึ้นพลางชี้ไปที่สวนสาธารณะยามค่ำคืน
"ไปหาไรกินกัน แถวนี้มีร้านสะดวกซื้ออยู่ มีที่นั่งกินหน้าร้านด้วยนะ" ต้นกล้าพูดพลางหยิบเงินมาจ่ายค่าแท็กซี่
"มะ....ไม่เป็นไร ค่าแท็กซี่หารกันเถอะ" ฉันรีบล้วงกระเป๋าเงินออกมา
"ไว้เดียวเธอเลี้ยงไอศครีมกับม่าม่X ฉันแล้วกัน โอเคนะ?" ต้นกล้าพูด จากนั้นก็ก้าวลงจากรถแท็กซี่
จากนั้น เราสองคนก็เดินไปยังร้านสะดวกซื้อข้างๆ สวนสาธาณะของหมู่บ้าน หลังออกจากโรงพยาบาลฉันก็พึ่งจะเคยมาที่ร้านนี้ครั้งแรก เพราะฉะนั้นสำหรับฉันในตอนนี้มันคือครั้งแรกของฉัน
ณ ร้านสะดวกซื้อข้างๆ สวนสาธารณะหมู่บ้าน
"สวัสดีค่ะ อะ...อ้าว! น้องทั้งสองคนนี้" พี่สาวแคชเชียร์พูดขึ้นเมื่อเห็นฉันกับต้นกล้าเดินเข้าร้าน
"คะ...ค่ะ? พวกหนูทำไมหรอค่ะพี่?" ฉันสะดุ้งเล็กน้อยพลางก้มลงไปจับเสื้อตัวเองดมเพราะกลัวจะมีกลิ่นปลาร้าอยู่
"ก็น้องทั้งสองคนไม่ได้มาด้วยกันที่ร้านพี่ทั้งนานแล้ว อิอิ พี่นึกว่าพวกน้องย้ายบ้านไปแล้วนะเนี้ย" พี่สาวแคชเชียร์พูดพลางส่งยิ้มมาให้พวกฉัน
"วะ...ว่าไงนะครับ? มาด้วยกันหรอ?" ต้นกล้าเดินมาถามแคชเชียร์ที่หน้าเคาท์เตอร์
"ใช่ค่ะ มาด้วยกันบ่อยๆ เลย โดยเฉพาะหลังเลิกเรียน ชอบซื้อไอศครีมแล้วนั่งกินกันออกร้านที่โต๊ะนั้น" แคชเชียร์พูดพลางชี้ไปที่โต๊ะติดหน้าต่างร้าน
"จะ....จำคนผิดหรือเปล่าค่ะพี่? ฮ่าฮ่า หนูพึ่งมาร้านนี้ครั้งแรกเลย" ฉันพูดพลางขำแห้งๆ ให้พี่เขา
"พี่จำไม่ผิดหรอกจ้า ก็ทั้งสองคนทั้งสวยทั้งหล่อเบอร์นี้ ไม่มีทางที่จะจำผิดคนแน่นอน อิอิ" พี่แคชเชียร์พูดขึ้นพลางหัวเราะคิก
"อ่อ ค่ะ งั้นหนูไปเลือกของก่อนนะค่ะ" ฉันตอบไปแบบงงๆ พลางเดินไปเลือกของ และดูเหมือนต้นกล้าก็จะงงๆ เช่นกัน เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หลังจากที่เราสองคนไปซื้อของกิน อย่าง ม่าม่X ไส้กรอก ไอศครีม และขนมขบเคี้ยวนิดหน่อย เราก็มานั่งที่โต๊ะติดหน้าต่างตัวนั้น
"อะ....เอ่อ ที่พี่สาวคนนั้นพูด นายรู้อะไรไหม? นายเคยมาที่ร้านนี้กับฉันหรือเปล่า?" ฉันเลือกที่จะทำลายความเงียบก่อน ก็มันค้างใจมากเลย ฉันเลยตัดสินใจถามเขาดู ถึงมันจะดูแปลกๆ ไปบ้าง
"ทะ...โทษทีนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่ทำไมเธอถามแปลกๆ อีกแล้ว?" ต้นกล้าตอบหลังจากนั่งนิ่งคิดอยู่นาน แล้วถามฉันกลับ
"อะ...เออ คือ.../หรือว่าเธอ?" ฉันอ้ำอึ้งลังเลว่าจะบอกความจริงเรื่อง ความจำเสื่อม ดีไหม แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นมาเหมือนรู้แล้ว
"ชะ...ใช่ ฉันสูญเสียความทรงจำชั่วคราวนะ แฮะๆ" ฉันพูดพลางเกาหัวแกรกๆ
"วะ...ว่าไงน่าาา!? จบกันหนทางที่จะได้รู้ความจริง" ต้นกล้าพูดเสียงดังพลางลุกขึ้น
"เบาเสียงหน่อยสิยะ ทำไมต้องตกใจอะไรขนาดนั้น? แล้วที่พูดหมายความว่าไงกัน?" ฉันพูดพลางฉุดแขนเขาให้นั่งตามเดิม
"เฮ้อออ อะไรมันจะบังเอิญโลกกลมได้ขนาดนี้เนี้ย" ต้นกล้าถอนหายใจยาวพลางพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า
"มะ...หมายความว่าไง?" ฉันถามอย่างสงสัย
"อือออ เอาเถอะ ไหนๆ เธอก็จำอะไรไม่ได้เลย ฉันจะบอกความจริงให้ละกัน" ต้นกล้านั่งคิดอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากพูด
"ความจริงเรื่องอะไรล่ะ?" ฉันเอียงคอถาม ขณะจิ้มไส้กรอกเข้าปาก
"ที่จริง...ฉันเองก็ความจำเสื่อมเหมือนกัน ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าตอบพลางขำแห้งๆ ให้ฉัน
"หาาาา!! ไม่จริงน่า หรือว่าที่นายเข้าโรงพยาบาลเมื่อตอนนั้นก็เพราะเรื่องนี้?" ฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้
"ใช่แล้วล่ะ ฉันเกิดอุบัติเหตุเลยความจำเสื่อมชั่วคราวนะ" เขาพยักหน้าพลางอธิบายเสริม
มะ....ไม่น่าเชื่อ มันบังเอิญมากเกินไป คนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน เกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แถมความจำเสื่อมทั้งคู่อีก คิดอย่างไงก็ต้องมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันแน่ๆ
"เฮ่ยๆๆ นี้ๆ ได้ยินไหม!? ฟ้าใส" ต้นกล้าเรียกสติฉัน
"หะ...ห่ะ! ว่าไงนะ? โทษที คิดไรเพลินๆ อยู่" ฉันหลุดออกจากภวังค์ความติด
"ฉันกำลังถามเธอว่า เธอโดนรถชนเลยความจำเสื่อมใช่ไหม?" ต้นกล้าถามซ้ำอีกครั้ง
"อะ...อ่อ ใช่ๆ ทำไมหรอ?" ฉันตอบพลางถามกลับ
"...ละ...แล้วเธอจำคนขับรถคันนั้นได้ไหม?" ต้นกล้าเงียบไปสักพักก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา และเต็มไปด้วยความลังเล และไม่มั่นใจ
"ฉันจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป ว่าแต่ถามทำไมหรอ?" ฉันตอบพลางถามกลับ
"ปะ...เปล่า" ต้นกล้าพูดพลางกินม่าม่Xต่อ
หลังจากที่เราสองคนนั่งกินอาหารค่ำด้วยกันเสร็จ ต้นกล้าก็อาสาเดินมาส่งฉันที่บ้าน เขาบอกว่า บ้านฉันเป็นทางผ่านบ้านเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจไป แต่ในระหว่างทางเดินกลับบ้านนั้น ความเงียบสงัดก็ได้เข้ามาจู่โจมเราสองคน เพราะไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรเลย มีเพียงเสียงลมพัดเท่านั้น
"พะ...พรุ่งนี้เธอจะมาเรียนใช่ไหม?" ต้นกล้าเอ่ยถามขึ้นหลังเงียบอยู่นาน ในขณะที่เรากำลังจะถึงบ้านของฉันแล้ว
"ไม่รู้สิ แค่คิดว่าต้องเจอหน้ายัยแก๊งผลไม้นั้น ฉันก็ไม่อยากไปโรงเรียนแล้วล่ะ" ฉันหันไปตอบเขา
"เธอจะยอมแพ้ ยอมให้ยัยพวกนั้นรังแกต่อไปหรอ?" ต้นกล้าหยุดเดิน เมื่อเรามาถึงหน้าบ้านฉัน
"แล้วนายจะให้ฉันทำอย่างไงล่ะ?" ฉันหยุดเดินแล้วหันหลังไปถามเขา
"เธอไม่คิดที่จะลองสู้กับยัยพวกนั้นซึ่งๆ หน้าบ้างหรอ?" ต้นกล้าถามขึ้นพลางเดินมาหาฉัน
"เธอไม่คิดหรือว่า การที่เธอความจำเสื่อมแบบนี้ อาจเป็นเพราะสวรรค์ต้องการให้เธอเปลี่ยนตัวเองซะใหม่นะ?" ต้นกล้าพูดพลางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ณ ตอนนั้นแสงจันทร์ได้สาดส่องลงมาที่ตัวเขามันสะท้อนให้เห็นถึงแววตาคู่นั้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยที่มีให้แก่ฉัน แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความลังเลและสับสนในใจของเขาเอง
"อะ...อืม! ฉันจะลองดู" ฉันตอบรับพลางส่งยิ้มไปให้
"ฉันจะเอาใจช่วยเธอนะ ฟ้าใส เพราะฉันเองก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเหมือนกัน เป็นการเปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูดขึ้น
"ขอบคุณมากเลยนะ สำหรับคำแนะนำที่ดี ไว้เจอกันพรุ่งนี้ บายๆ" ฉันพูด แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป
"แล้วเจอกัน บาย" ต้นกล้าพูดพลางเดินจากไป
จากนั้น ฉันก็เดินเข้าประตูบ้านไป แล้วพบว่าแม่ได้เข้านอนไปแล้ว ฉันจึงรีบเข้าห้องนอนเช่นกัน เพราะไม่อยากให้แม่ตื่นขึ้นมาเจอฉันในสภาพที่ยังมีกลิ่นปลาร้าอยู่
เมื่อฉันเข้าห้องนอนก็รีบอาบน้ำอีกรอบทันที ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำประมาณ 30 นาที ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ฉันก็นึกถึงเรื่องที่โดนยัยแก๊งผลไม้นั้นจับทำเมนูสุดพิเศษ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
น้ำตาของฉันผสมปนเปไปกับสายน้ำจากฝักบัวจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ที่ฉันร้องไห้มันเป็นเพราะฉันสมเพชตัวเองที่ไม่สามารถตอบโต๊อะไรได้เลย ได้แต่นั่งนิ่งให้ยัยพวกนั้นรังแก
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็แต่งตัวอยู่หน้ากระจก
ที่ต้นกล้าบอกฉันไว้เมื่อกี้ ฉันจะสามารถเปลี่ยนตัวเองได้จริงไหมนะ? ฉันที่เคยเป็นยัยขี้แพ้จะสามารถยืนหยัดสู้กับพวกนั้นได้ใช่ไหม? ฉันนึกขึ้นในใจพลางเป่าผมตัวเองไปด้วย
เฮ้ออออ วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนยาวนานสำหรับฉันจริงๆ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็ได้ความทรงจำกลับมาบางส่วนแล้ว อิอิ ฉันนึกในใจพลางหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา
'บันทึกความทรงจำที่หายไปของฉัน'
1. ฉันเป็นยัยเกี๊ยวขี้แพ้ที่ถูกเพื่อนในห้องรังแกและเมินเฉยต่อฉัน
2. ฉันเคยรู้จักกับต้นกล้ามาก่อน (ยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์)
3. ต้นกล้าเคยคิดฆ่าตัวตายที่ดาดฟ้าอาคารเรียน แต่ฉันห้ามไว้ได้ทัน (ยังไม่รู้สาเหตุที่เขาทำแบบนั้น)
4. เรโกะเป็นใคร? มีความสัมพันธ์กับฉันและต้นกล้าอย่างไร?
5. ผู้ชายแต่งตัวประหลาดในห้องน้ำสาธารณะตนนั้นเป็นใคร? มีความสัมพันธ์กับฉันอย่างไร?
6. และที่เขาบอกว่า 'คนรักที่ป่วยหนัก' คนๆ นั้นคือใคร?
ฉันเขียนบันทึกลงไปในสมุดแล้ววิเคราะห์ ฉันรู้สึกว่าข้อ 5, 6 มันแปลกมากเหมือนมันจะไม่เข้าพวกกับความทรงจำหรือสิ่งที่ฉันได้พบเจอมาตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจากโรงพยาบาลนั้น ฉันจะต้องหาตัวผู้ชายประหลาดนั้น และคนรักที่ป่วยหนักให้ได้ เพราะฉันรู้สึกว่า 'มันเป็นเรื่องสำคัญ'
หลังจากเขียนเสร็จฉันก็เก๊บใส่ลิ้นชักโต๊ะหนังสือ แล้วปิดไฟเข้านอน แต่ภายในใจก็พยายามนึกเรื่องความทรงจำที่เกี่ยวกับผู้ชายแต่งตัวประหลาดนั้น กับคนรักที่ป่วยหนักแต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์...
"แหมๆ คุณนี้น่าชื่นชมจริงๆ เลยนะ เมี๊ยว--- ขนาดเจอสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของคุณตกต่ำ อย่างคนรักป่วยหนักแบบนี้ คุณยังมีกะจิตกะใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกนะเนี้ย เมี๊ยว---" เสียงผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น
สะ...เสียงแบบนี้มัน ผู้ชายคนนั้นนี้ ถ้างั้นคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ที่หน้ากระจกห้องน้ำก็คิอฉันสินะ ฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำได้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาส่องกระจก
และทันใดนั้นเอง หัวใจฉันก็ตกวูบเหมือนตกจากตึก 10 ชั้น เพราะภาพสะท้อนที่ฉันเห็นในกระจกมันไม่ใช้ตัวฉันที่เป็น 'ฟ้าใส' แต่เป็นหญิงวัยกลางคน ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาลูบใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
และสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจสุดขีดยิ่งกว่าเดิมคือ ภาพสะท้อนในกระจกเงาห้องน้ำนั้น ผู้หญิงคนนั้นกำลังแสยะยิ่มส่งมาที่ฉัน พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว
"เธอไม่ใช่ฟ้าใส!!" ผู้หญิงในกระจกเงานั้นพูดขึ้นพร้อมแสยะยิ้มด้วยริมฝีปากสีแดงเข้มนั้น
หลังจากประโยคนั้นจบลง ก็ปรากฏภาพสะท้อนของผู้หญิงคนนั้นเต็มห้องน้ำไปหมด พร้อมกับพูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา ราวกับจะตอกย้ำฉันว่า 'ฉันไม่ใช่ฟ้าใส" รวมไปถึงผู้ชายแต่งตัวประหลาดนั้นก็กลายเป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นด้วยเช่นกัน...
"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!" ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีดพลางลุกขึ้นนั่ง ฉันหันซ้ายหันขวาก็พบว่า ตัวเองอยู่ในห้องนอน
"ฝะ....ฝันหรอเนี้ย!? ฝันบ้าบออะไรเนี้ย?" ฉันพูดพึมพำกับตัวเองพลางยกมือขึ้นมาปิดปากที่ตอนนี้สั่นเท่าไปหมด
"ก๊อกๆๆๆ ฟ้าใสๆ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?" เสียงแม่เคาะประตูห้องนอนฉัน แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
"มะ...ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่ฝันร้ายค่ะ" ฉันพูดพลางลุกขึ้นไปยืนที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องฉัน
"งั้นหรือจ๊ะ? ไงก็สวดมนต์ ทำสมาธิก่อนนอนนะ อาจช่วยได้" แม่พูดพลางเดินกลับไปที่ห้องของตน
"ค่ะ ขอบคุณค่ะแม่" ฉันหันไปพูดขอบตุณแม่ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวของฉันยังสั่นจากความกลัวของความฝันนั้นไม่หาย
ฉันค่อยๆ ลูบไปที่ใบหน้าของตัวเองอย่างช้าๆ ภาพในกระจกห้องของฉันสะท้อนว่า 'ฉันคือฟ้าใส' ไม่ผิดแน่ แล้วความฝันนั้นมันคืออะไรกันล่ะ?
"เฮ้อออ หรือจะแค่ฝันร้ายเพ้อเจ้อไปเรี่อย ฮ่าฮ่าฮ่า" ฉันหัวเราะแห้งๆ ให้กับตัวเองในกระจก
"นั้นสิ สงสัยความทรงจำของผู้ชายแต่งตัวประหลาดคนนั้นก็อาจจะไม่ใช้ความทรงจำที่เกิดขึ้นกับฉันโดยตรง แต่อาจเป็นแค่ฉากๆ หนึ่งในหนังหรือการ์ตูนที่ฉันเคยดูก็เป็นได้เหมือนกัน" ฉันพึมพำกับตัวเองพลางพยักหน้าแล้วหันไปดูนาฬิกาแขวนที่ผนังห้องนอน
อะไรกันเนี้ย? ตี 5 แล้วหรอ? จะนอนต่อก็คงนอนไม่หลับแล้วมั่ง งั้นก็อาบน้ำแต่งตัวเลยเถอะ
จากนั้น ฉันก็อาบน้ำและออกมาแต่งตัวที่หน้ากระจก
อะ...โอโห้!! ถ้าสังเกตดูดีๆ รอยช้ำที่โดนยัย A นั้นตบยังชัดอยู่เลยนะเนี้ย ทำไงดีละเนี้ย? ออกไปแบบนี้ แม่ได้ยิงคำถามใส่ฉันเป็นชุดแน่เลย เอาแบบนี้ละกัน
"มะ...แม่ค่ะ หนูขอยืมเครื่องสำอางหน่อยได้ไหมค่ะ?" ฉันลงมาถามแม่ที่ชั้นล่าง แม่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่
"รอแปปนะจ๊ะ" แม่พูดพลางขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง
"ว่าแต่ลูกไม่เคยแต่งหน้าเลยนะ จะเอาไปทำอะไรล่ะเนี้ย?" แม่ถามขึ้นพลางปิดประตูห้อง
"คะ...คือหนูเป็นสิวที่คางนะค่ะ เลยจะเอามาปกปิด ฮ่าฮ่า" ฉันพูดพลางชี้ไปที่คาง ที่ตอนนี้ปกปิดด้วยหน้ากากอนามัย (ปกปิดรอยซ้ำนะ)
"อ่อออออ แล้วแต่งหน้าเป็นหรอจ๊ะลูก?" แม่ถามแบบสงสัย
"น่าจะเป็นค่ะ เดียวลองดูก่อน อิอิ" ฉันรับกระเป๋าเครื่องสำอางมาแล้วปิดประตูเข้าห้องนอนตัวเองไปแต่งหน้าปกปิดรอยซ้ำที่มุมปากและแก้ม
15 นาทีต่อมา
"เอาล่ะ แค่นี้ก็เรียบร้อย ฝีมือเราก็ใช้ได้เลยนะเนี้ย อิอิ" ฉันพูดกับตัวเองพลางยืนหน้าไปใกล้กระจก ตอนนี้หน้าฉันเนียนกริบไร้รอยใดๆ ทั้งสิ้น แล้วฉันก็ปิดท้ายด้วยทินน์สีชมพูอ่อนๆ ให้เข้ากับแก้มที่ปัดด้วยบลัชออนช์สีชมพูอ่อนเช่นกัน
ในขณะที่ฉันหวีผมอยู่นั้น ในใจก็คิดนึกคำพูดของตันกล้าที่ให้ฉันเปลี่ยนตัวเอง
"ให้ฉันเปลี่ยนตัวเองงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า งั้นเริ่มเปลี่ยนจากตรงไหนก่อนดีล่ะ? ....เอาแบบนี้เป็นไง อิอิ?" ฉันพูดพลางวางหวีลงและทำในสิ่งที่คิดไว้ แล้วแต่งตัวลงมาทานอาหารเช้า
"ว้าววววว ลูกสาวแม่จริงหรือเนี้ย?" แม่พูดขึ้นในขณะที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จ
"ดะ...ดูแปลกหรอค่ะแม่? แหะๆ" ฉันพูดพลางเลื่อนเกาอี้นั่งลงตรงข้ามแม่
"ไม่เลยจ๊ะ ลูกสาวแม่สวยกว่าทุกวันเลย อิอิ นี้ขนาดแต่งหน้าครั้งแรกเลยนะเนี้ย สุดยอดมาก" แม่พูดพลางลูบมาที่หัวฉัน
"อิอิ ขอบคุณมาก งั้นหนูไปเรียนก่อนนะค่ะ" ฉันพูดพลางเก็บจานอาหารที่หมดเกลี้ยงแล้ว
"จ๊ะ ไฟติ้งๆ ลูกสาวคนสวยของแม่" แม่พูดพลางเก็บจานอาหารเช่นกัน
ฉันสะพายกระเป๋านักเรียน แล้วใส่รองเท้า และเปิดประตูออกจากบ้านพลางคิดว่า 'การที่ฉันความจำเสื่อม อาจเป็นเพราะสวรรค์ต้องการให้ฉันเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น' ฉันก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยความมั่นใจว่าจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับฉัน พร้อมกับสายลมยามเช้าที่พัดเข้ามาปะทะตัวฉัน นั้นคือ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฉัน
จบตอนที่ 4
เตรียมพบกับตอนที่ 5
'ฉันคือพยานคนสำคัญ ผู้รู้ความจริงของอุบัติเหตุนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ