Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค change myself (พล็อตเรื่องนี้ผ่านการประกวดบทละครของโครงการ BEC ของช่อง 3
เขียนโดย Gawee
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.23 น.
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567 12.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 'ยัยเกี๊ยวขี้แพ้ หรือว่าฉันจะฆ่าตัวตายจริงๆ'
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
….ความเดิมตอนที่แล้ว…..
ฉันมั่นใจเลยว่า เราจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะดูจากที่เขาเดินตรงมาหาฉันแบบนี้ และฉันก็คุ้นใบหน้าอันหล่อคมเข้มของเขาด้วย
"นายเป็นใครกันแน่?" นั้นคือสิ่งที่ฉันถามออกไป
เมื่อ 5 นาทีก่อน
ณ ทางเดินไปโรงอาหารของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
"อะ...โอ๊ย---ปวดหัวซิX ทำไมฉันต้องมาความจำเสื่อมเป็นไอโง่อยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย!?" ผมบ่นพึมพำให้กับชีวิตที่น่ารันทดของผม
"อะไรน่ะ! กระโดดน้ำฆ่าตัวตายงั้นหรอ!? เฮอะ! บ้าบอสิ้นดี! ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ" ผมบ่นอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงคำพูดของตำรวจพลางเดินกลับห้องผู้ป่วยของผม
"แล้วไอโรงบาลบ้านี้ อาหารผู้ป่วยห่วXแตกซิXหาย!!" ผมบ่นพลางเดินกินไฺอศครีมรสช็อกโก
และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นจากไอศครีมแท่ง ก็ต้องตกตะลึ้งๆๆ ตัวเเข็งทื่อราวกับโดนหยุดเวลา ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ เด็กสาวคนหนึ่งที่อายุพอๆ กับผม ใบหน้าของเธอสวยมาก สวยแบบธรรมชาติไม่ได้แต่งเติมอะไรทั้งสิ้น ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกเล็กๆ ที่เข้ากันได้อย่างดีกับริมฝีปากเล็กๆ แต่ดูอวบอิ่ม ผิวที่ขาวเนียนดุจหิมะ เรียกได้ว่าทุกอย่างลงตัวมาก
ผมเดินมองเธออย่างละสายตาไม่ได้ จนไปถึงระยะที่เห็นชัดมากยิ่งขึ้น ผมยิ่งแน่ใจเลยว่า เธอต้องรู้จักผมแน่นอน เพราะผมคุ้นหน้าเธออย่างประหลาด แต่จะไปถามตรงๆ ก็ดูแปลกๆ ผมเลยเลือกที่จะเดินตรงไปชิดเธอให้มากที่สุด หากเธอรู้จักผมจริงๆ เธอต้องทักผมก่อนแน่ๆ พนันได้เลย
อะ...อ้าว อะไรเนี้ย!? เดินผ่านไปเฉยเลย!? ผมนึกในใจอย่างงุนงง ในเสี้ยววินาทีที่เราเดินสวนกัน
"นะ...นายรู้จักฉันหรือเปล่า!?" เด็กสาวน่ารักคนนั้นพูดขึ้นอย่างกะทันหันพลางหันมาคว้าแขนผมไว้
และด้วยความที่ผมตกใจในการกระทำของเธอคนนี้ ทำให้ผมชักแขนกลับโดยอัตโนมัติ ดูเหมื่อนเธอจะเสียการทรงตัว อาจเพราะขาที่ไม่ปกติของเธอ ทำให้เธอล้มลงนอนทับตัวผม (ผมแอบสัมผัสได้ว่า เธอลูบหน้าท้องผมด้วย)
"ฉะ...ฉันมั่นใจเลยว่า ฉันต้องรู้จักนายแน่ๆ นายเป็นใครกันแน่!?" เด็กสาวคนนี้ถามอะไรแปลกๆ อีกแล้ว
ละ...แล้วผมจะตอบคำถามนี้อย่างไงล่ะ ในเมื่อผมเองก็ยังจำไม่ได้เลยว่า ตัวเองเป็นใคร?
ปัจจุบัน ณ ทางเดินไปโรงอาหารของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
"หน๊อยแน่ ไอลูกคนนี้ ฉันบอกให้แกนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ไง!" เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาแต่ไกล
"แล้วนี้ แกกำลังทำอะไรเนี้ย? รังแกผู้หญิงหรือ!? ไอลูกบ้าคนนี้" ชายวัยกลางคนพูดขึ้นพลางจับตัวเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน
"โธ่ พ่อ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ" เด็กหนุ่มพูดกับคนเป็นพ่อ
"ลุงต้องขอโทษหนูแทนเจ้านี้ด้วยน่า ไม่เป็นไรใช่ไหม" ชายที่คาดว่าเป็นพ่อของเขาพูดกับฉัน
"หนูไม่เป็นไรค่ะ" ฉันตอบพลางส่ายมือไปมาทำท่าทางบอกว่าไม่เป็นไรพร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ให้
"ไปเลยกลับห้องเลย--" ลุงคนนั้นพูดพลางดันหัวลูกชายตัวเองให้เดินไปที่ห้อง
"ขอตัวก่อนนะจ๊ะหนู" ลุงพูดพลางก้มเล็กๆ พร้อมกับกดหัวลูกชายให้ก้มด้วยเป็นเชิงขอโทษและขอตัว
"ค่ะ---" ฉันพูดพลางก้มหัวอำลา แต่สายตาของฉันก็เอาแต่จับจ้องไปที่เขาคนนั้น ซึ่งเขาก็มองฉันไม่ละสายตาเช่นกัน
เมื่ออำลากันเสร็จสิ้น ฉันก็เดินกลับห้องตัวเองไป และนั่งคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
สุดท้าย ฉันก็ไม่รู้อยู่ดีว่า เขาเป็นใคร? แต่ดูเหมือนจะเป็นผู้ป่วยเหมือนฉัน เสียดายจริงๆ ตอนนั้นเขากำลังจะตอบคำถามฉันแล้วเชียวน่ะ ถ้าคุณพ่อของเขาไม่มาขัดจังหวะ (ใจจริงฉันก็แอบเสียดายช่วงเวลาที่ได้ลูบซิกเเพ็คเขาด้วย)
วันครบกำหนดออกจากโรงพยาบาล
"อ่า---ในที่สุดก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลัลล้าๆ---" ฉันพูดขึ้นอย่างดีใจพลางร้องลัลล้า
"แหม ดีใจขนาดนั้นเชียวหรือจ๊ะลูก?" แม่หันมาถามฉันพลางเก็บของใช้ส่วนตัวอยู่ภายในห้องผู้ป่วย
"ก็ใช่น่ะสิค่ะแม่ อยู่ที่นี้น่าเบื่อมากกกก อาหารก็ไม่อร่อยเลย" ฉันพูดพลางเดินไปเกาะแขนผู้เป็นแม่
"จ๊าๆ--- เอาล่ะ เรียบร้อยไปกันเถอะลูก กลับบ้านกัน" แม่พูดพลางเดินไปเปืดประตูเตรียมออกจากห้องผู้ป่วย
จากนั้น เราสองแม่ลูกก็เดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาล เพื่อกลับบ้านกัน ซึ่งฉันก็ไม่รู้เช่นกันว่าบ้านอยู่ไหน T_T
"วะ...ว้าว! นี่รถเราหรือค่ะแม่?" ฉันร้องว้าวไปเลย เมื่อได้เห็นรถยนต์ของแม่ ซึ่งมันดูแตกต่างจากรถยนต์ปกติอย่างเห็นได้ชัด
"ใช่จ๊ะ รถคันนี้เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์จ๊ะ" แม่ฉันพูดพลางเปืดประตูรถให้ฉัน
"พ...พลังงานแสงอาทิตย์หรือค่ะ?" ฉันถามแบบงงๆ เพราะจากที่รู้มา พลังงานแสงอาทิตย์จะใช้เป็นแผงๆ สี่เหลี่ยมๆ
"จ๊ะ รถยนต์คันนี้มีโซลาร์เซลล์ติดอยู่บนหลังคารถด้วยน่ะ เลยทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เองใช้ควบคู่ไปกับพลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จไฟไงจ๊ะ" แม่พูดอธิบายพลางชี้ขึ้นไปที่หลังคารถพร้อมกับสตาร์ทรถ
"แล้วมันดีกว่า รถยนต์ไฟฟ้าธรรมดาอย่างไงค่ะแม่" ฉันถามอย่างสงสัย
"ก็โดยปกติรถยนต์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ในระยะทางที่จำกัดต่อรอบการชาร์จไฟ และเมื่อไฟฟ้าหมดก็อาจเกิดปัญหาได้ แต่ถ้ามีระบบโซลาร์เซลล์นี้ ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าหมดได้จ๊ะ" แม่ฉันอธิบายเสริม
"ไฟฟ้าหมดก็ชาร์จสิค่ะแม่ ฮ่าฮ่า" ฉันพูดพลางขำ
"มันก็ใช่จ๊ะ แต่สถานีชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเรามันมีน้อยมากกกกเลยจ๊ะ ฮ่าฮ่า" แม่ตอบพลางหัวเราะ
"ดีจังเลยค่ะ ได้ช่วยลดมลพิษทางอากาศแถมยังหมดปัญหาไฟฟ้าไม่พออีกด้วย" ฉันพูดพลางส่งยิ้มให้แม่แล้วหันจะมองข้างนอกรถ
"ใกล้จะถึงหมู่บ้านเราแล้วนะจ๊ะ เดียวลูกต้องอึ้งกว่านี้แน่นอน อิอิ" แม่ฉันพูดพลางหักเลี้ยวพวงมาลัยรถพร้อมกับหัวเราะคิก
"อย่างไงหรือ....ว้าวววว! สุดยอดเลยค่ะ มันใหญ่มาก" ฉันยังไม่ทันได้พูดจบก็ต้องอึ้งไปกับแผงโซลาร์เซลล์ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งมันใหญ่มาก
"เห็นไหมล่ะ แม่บอกแล้วว่าต้องอึ้ง ฮ่าฮ่า" แม่พูดขึ้นพลางหัวเราะฉัน
"ทะ...ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ละค่ะ? ปกติโซลาร์เซลล์ตามบ้านมันจะแผงเล็กกว่านี้ แต่นี้มันใหญ่เท่ากับที่ใช้ในโรงงานเลยนะค่ะเนี้ย" ฉันถามอย่างสงสัยในความใหญ่อลังการงานสร้างของแผงโซลาร์เซลล์
"แผงโซลาร์เซลล์นี้ใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับอาคารส่วนกลางของหมู่บ้านนะจ๊่ะ ส่วนกลางของหมู่บ้านมีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด แถมยังใช้ให้ความสว่างในสวนสาธารณะด้วยนะ" แม่พูดพลางชี้ไปที่สวนสาธารณะกลางหมู่บ้าน
"วะ....ว้าว ต้นไม้เยอะมาก หนูขอเปิดหน้าต่างได้ไหมค่ะ อยากรับลมมันน่าจะอากาศดีมากๆ" ฉันพูดพลางจับปุ่มเปิดหน้าต่าง
"จ๊ะ แต่ระวังหน่อยน่ะ" แม่พูดขึ้น
แล้วฉันก็เปืดหน้าต่างรถยื่นมือออกไปสัมผัสกับลม และอากาศของสวนสาธารณะ ซึ่งอากาศมันบริสุทธิ์มาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก แต่ด้วยความที่ลมแรงมาก เลยทำให้ถุงขนมที่ฉันถืออยู่ปลิวออกนอกรถไป
"อ๊ะ!! ตายแล้ว! ถุงขนมฉัน" ฉันร้องอุทานขึ้นพลางหันไปมองตามถุงขนมที่ปลิวไป
วะ...ว๊าย นะ...นั้นมันหมอนั้นนี่น่า ผู้ชายที่ฉันเจอที่ทางเดินโรงพยาบาล ว่าแต่ทำไมมาอยู่ที่หมู่บ้านฉันล่ะ หรือจะตามฉันมา? เป็นสต๊อกเกอร์หรือเปล่าเนี้ย? หรืออาจจะเป็นคนร้ายที่ขับรถชนฉัน!?
ฉันคิดไปต่างๆ นานา จนกระทั่งรถจอดสนิทฉันก็หลุดออกจากภวังค์ด้วยเสียงเรียกและแรงเขย่าแขนของแม่ฉัน
"นี่ ฟ้าใสลูก ถึงบ้านแล้วจ๊ะ" แม่พูดพลางถอดเข็มขัดนิรภัยให้ฉัน
"อะ...อ่อค่ะ นี่บ้านเราหรือค่ะ ว้าววว สวยมากเลยค่ะ" ฉันพูดพลางลงจากรถมองไปรอบๆ บ้านของฉัน
"ใช่จ๊ะ ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย" คุณแม่พูดขึ้นพลางลงจากรถ
"เอ๊ะ! ประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างไงค่ะ?" ฉันถามขึ้น
"เห็นนั้นไหมจ๊ะ ตัวบ้านทำจากกระจกโปร่งใสและโปร่งแสงซะส่วนใหญ่ มันไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเฉยๆ หรอกนะจ๊ะ แต่มันทำให้เราไม่ต้องเปืดไฟตอนกลางวันเลยจ๊ะ" แม่อธิบายข้อดีของบ้านพลางชี้ไปที่กระจกใสที่ตอนนี้ถูกปิดด้วยบานพับกันแสง
"อ่อ แบบนี้นี่เอง" ฉันพูดพลางพยักหน้าเข้าใจ
"ไม่ใช่เท่านั้นนะ บ้านหลังนี้ อ่ะ ไม่ใช่สิ ทุกบ้านในหมู่บ้านนี้จะมีแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาด้วยนะจ๊ะ เพื่อใช้ควบคู่ไปกับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าไงจ๊ะ" แม่พูดพลางชี้ไปที่หลังคาบ้าน
"โอ้โห้ สุดยอดเลยค่ะ แต่ทั้งรถทั้งบ้านคงแพงน่าดูเลยนะค่ะเนี๊ย?" ฉันพูดพลางเดินตามแม่เข้าไปในบ้าน
"มันก็แพงอยู่ล่ะจ๊ะ เมื่อเทียบกับบ้านและรถยนต์ปกติทั่วไป แต่ในอนาคตมันอาจสร้างรายได้ให้เราได้ไงจ๊ะ" แม่อธิบายขึ้นพลางเปิดตู้เย็น
"สร้างรายได้อย่างไงหรือค่ะ?" ฉันที่กำลังเดินดูรอบๆ บ้านถามขึ้นอย่างสงสัย
"ก็สามารถผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์แล้วขายต่อให้การไฟฟ้าหรือโรงงานผลิตไฟฟ้าไงจ๊ะ เหมือนในต่างประเทศนู๊นนนน ที่เขาเรียกว่า ตลาดไฟฟ้าไง" แม่ฉันพูดพลางยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้ฉันที่ยินอยู่หน้าตู้โชว์ของ
"ขอบคุณค่ะ" ฉันเอ่ยขอบคุณ แล้วมองไปมาใบประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัลต่างๆ ในตู้โชว์
"หนูคงเรียนเก่งมากเลยใช้ไหมค่ะ? รางวัลเต็มตู้เลย ฮ่าฮ่า" ฉันหันไปถามแม่พลางหัวเราะ
"ใช่จ๊ะ ลูกได้ระดับท็อปสามของห้อง และท็อปสิบของชั้นเรียนทุกปีเลยละจ๊ะ แม่ล่ะภูมิใจในตัวหนูมากๆ เลย" แม่ตอบพลางลูบหัวฉัน
ฉันเดินดูไปรอบๆ บ้านเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชั้นวางของที่มีรูปครอบครัววางอยู่ ในรูปมี ฉัน แม่ และผู้ชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน ซึ่งฉันเดาว่่าคงเป็นพ่อฉัน
"อะ...เออ ว่าแต่ตั้งแต่หนูฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่เห็นพ่อเลย พ่อไปไหนหรือค่ะแม่?" ฉันถามพลางชี้ไปที่รูปครอบครัว
"พ่อเขาเสียตั้งนานแล้วจ๊ะลูก ตั้งแต่ลูกอายุ 8 ขวบได้มั่ง ท่านเสียเพราะป่วยเป็นโรคปอดอุดตันเรื้อรัง กับโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันนะจ๊ะ" แม่พูดตอบฉันด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"น...หนูขอโทษนะค่ะ ที่ถามแบบนี้ออกไป" ฉันพูดขอโทษอย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ มันผ่านมานานมากแล้ว แล้วหนูก็จำอะไรไม่ได้ ไม่แปลกหรอกจ๊ะ ที่จะถามแบบนั้น" แม่ตอบพลางลูบหัวฉัน
"เพราะแบบนี้ใช่ไหมค่ะ? แม่ถึงอยากให้หนูอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี อากาศบริสุทธิ์ อย่างหมู่บ้านนี้" ฉันพูดขึ้น
"ใช่แล้วจ๊ะ เพราะโรคพวกนี้ ส่วนใหญ่มันเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อย่างฝุ่นควันจากรถ หรือจากเขตก่อสร้าง" แม่พูดพลางยกกระเป๋าไปไว้ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง
"นี่ห้องของลูกจ๊ะ ส่วนของแม่จะอยู่ขวามือด้านใน" แม่พูดพลางชี้ไปที่ห้องตัวเอง
"ถ้าเก็บของเสร็จก็ลงไปกินข้าวนะจ๊ะ แม่จะทำของอร่อยรอ" แม่พูดพลางเดินลงไปชั้นล่างที่ห้องครัว
บ้านของเราเป็นบ้านสองชั้น ห้องนอนฉันกับแม่อยู่ชั้นสองแต่คนละฝั่ง ซึ่งมีห้องน้ำในตัว กั้นกลางด้วยห้องทำงานของแม่ และชั้นล่างก็เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ แชะห้องนอนสำหรับแขก รวมถึงห้องรับประทานอาหารด้วย
ห้องนอนของฉันถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย โดยโทนสีขาว มีสีชมพูกับสีฟ้านิดหน่อย ให้ดูไม่จืดจนเกินไป ดูจากสภาพห้อง ฉันคงเป็นคนเรียบร้อยพอสมควร
แล้วฉันก็จัดของสัมภาระเข้าที่เข้าทาง จนไปเห็นมือถือวางอยู่บนโต๊ะที่ใช้เขียนหนังสื่อ ฉันเปิดดู ถือว่าโชคดีที่ฉันไม่ได้ล็อคมือถือด้วยรหัสผ่าน แต่ใช้สแกนนิ้วมือเอา
อะ...อะไรกันเนี้ย!? มือถือฉันไม่มีเบอร์ใครเลยหรือ? นอกจากเบอร์แม่ กับ เบอร์ที่ไม่รู้จักอีกเบอร์ แล้วรูปถ่ายก็ไม่มีรูปคนอื่นเลย นอกจากฉันกับแม่ มันไม่แปลกสำหรับเด็กสาว ม. ปลายอย่างฉันหรอ? ปกติอย่างน้อยต้องมีรูปเพื่อนสนิทที่ถ่ายคู่กันบ้างสิ ฉันนึกในใจอย่างสงสัยในความแปลกของตัวเอง
แต่เมื่อฉันลองโทรเบอร์ที่ไม่รู้จักดู ก็ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย ฉันเลยโยนมือถือทิ้งบนเตียงและไปอาบน้ำ แล้วลงมากินข้าวกับแม่
"อ่อ! จริงสิจ๊ะ แม่โทรไปลาหยุดกับครูประจำชั้นให้แล้วนะจ๊ะ ว่าจะขอหยุดพักฟื้นอีก 3 วัน" แม่พูดอย่างนึกขึ้นได้พลางตักกับข้าวให้ฉัน
"ออ ขอบคุณค่ะแม่" ฉันพูดพลางจิ้มแตงกวาเข้าปาก
"วะ...ว้าย! ตายแล้วลูก ลูกกินแตงกวาได้แล้วหรอ?" แม่ร้องอุทานขึ้นพลางถามฉัน เมื่อเห็นฉันเคี้ยวแตงกวา
"คะ...ค่ะ!? หนูไม่กินมันหรอค่ะ?" ฉันถามแบบงงๆ เมื่อเห็นแม่ตกใจขนาดนั้น
"ก็ใช้นะสิจ๊ะ ลูกเกลียดแตงกวามากเลย แม่ใส่ในกับข้าวทีไร เป็นต้องบ่นยาวทุกที" แม่พูดขึ้นแล้วกินข้าวต่อ
ปะ...แปลกมากเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ ขนาดเดินดูรอบบ้าน ดูในห้องนอน ดูของใช้ต่างๆ ในห้องนอน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่า ฉันจะนึกอะไรออกสักอย่าง แถมจากที่เกลียดแตงกวาเข้าใส้ กลับกินได้อย่างไม่ติดขัด
"จริงสิ นี่คือหนังสือรวมรุ่นของโรงเรียนลูกจ๊ะ มีทั้งรูปเพื่อนๆ ในห้อง และข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนจ๊ะ เอาไปอ่านสิ อาจจำอะไรได้นะจ๊ะ" แม่ฉันพูดพลางเดินไปหยิบหนังสือรวมรุ่นที่ลิ้นชักโต๊ะวางของมาวางไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหาร
"ขอบคุณค่าาาา งั้นหนูขอตัวไปอ่านก่อนนะค่ะ" ฉันพูดพลางยกจานข้าวที่หมดเกลี้ยงไปล้าง
"ตะ...ตายแล้ว! ลูกคนนี้จะล้างจานเองหรอเนี้ย!?" แม่ฉันพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นฉันจะล้างจาน
"อะ..เอ่ะ ทำไมหรอค่ะ? หรือว่าปกติหนูไม่ล้างจานเอง?" ฉันถามขึ้นอย่างแปลกใจ
"ก็ใช่นะสิลูก ปกติหนูจะให้แม่ล้างให้ตลอดเลย เพราะหนูบอกว่า น้ำยาล้างจานมันกัดมือหนู" แม่พูดพลางยกจานอาหารมาที่อ่างล้างจาน
"ถ้างั้นต่อไปนี้ หนูจะช่วยแม่ล้างจานเองค่ะ อิอิ" ฉันพูดพลางเกาะแขนแม่เป็นเชิงอ้อน
"ก็ดีสิจ๊ะ ตามใจหนูเถอะจ๊ะลูก" แม่พูดพลางลูบหัวฉัน
แล้วเราสองแม่ลูกก็เก็บกวาดและล้างจานจนห้องครัวสะอาดเอี่ยม จากนั้นฉันก็ขอตัวไปอ่านหนังสือรวมรุ่นของโรงเรียน
ฉันทำตัวแปลกๆ อีกแล้ว สิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน แต่อยู่ดีก็ทำมันโดยไม่รู้ตีวเลย ฉันนึกขึ้นพลางเดินเข้าห้องของตน
แล้วฉันก็นั่งอ่านหนังสือรวมรุ่นของโรงเรียน โดยเริ่มจากประวัติโรงเรียน แล้วก็ได้ใจความว่า โรงเรียนฉันถูกก่อตั่งขึ้นโดยท่านประธานใหญ่ของเครือ A กรุ๊ป แล้วก็ถือว่าเป็นโรงเรียนที่ใหญ่มากกกก ที่อาคารทั้งหมด 16 อาคาร ที่ตั้งอยู่ล้อมรอบน้ำพุที่มีรูปปั้นท่านประธานใหญ่ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอยู่ตรงกลางโรงเรียน
นอกจากนี้ ยังมีสนามกีฬากลางแจ้ง อย่างสนามบาส สนามฟุตบอล สนามเทนนิส สนามเปตอง และสระว่ายน้ำขนาดสากล ไม่เพียงแค่นั้นยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 4 แห่ง ตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศตรงประตูทางเข้าโรงเรียน ซึ่งประตูเข้าออกโรงเรียนก็มี 4 ทิศ เช่นกัน
สำหรับชั้นเรียนของโรงเรียนนี้มีตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมปลาย แบ่งฝั่งกันคนละ 5 อาคาร นอกนั้นเป้นอาคารโรงอาหาร 2 หลัง อาคารโรงยิม 2 หลัง อาคารศูนย์การเรียนรู้ (ห้องสมุด) 2 หลัง
"โอ้โห้ อลังการงานสร้างเวอร์ นี้โรงเรียนหรือเขาวงกต ฮ่าฮ่า" ฉันพูดอย่างอึ้งๆ พลางขำไปด้วย
"จากที่ดู ชั้น ม.5 น่าจะอยู่ที่อาคาร 4 มั่งเนี้ย" ฉันพูดกับตัวเองพลางเอานิ้วจิ้วไปที่แผนผังโรงเรียนตรงอาคาร 4
จากนั้นฉันก็พลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ จนถึงหน้ารวมรูปนักเรียนในชั้้น ม.5/1 ซึ่งฉันได้ถามแม่มาแล้วตอนล้างจานว่า ฉันเรียนอยู่ในชั้นนี้
ให้ตายสิ! เพื่อนในห้องมีทั้งหมด 32 คน แต่ฉันกลับจำใครไม่ได้เลยสักคน นึกอะไรไม่ออกสักอย่าง แล้วฉันจะจำชื่อได้หมดไหมละเนี้ย!? ฉันนึกพลางเอาหนังสือรุ่นมานอนอ่านบนเดียงสีขาวลายดอกไม้สีชมพูอ่อน แล้วฉันก็เผลอหลับไป zZzZ
ก่อนวันไปโรงเรียม 1 วัน ตอนเย็น
"ฟ้าใสจ๊ะ ไปกันได้หรือยังลูก เดียวค่ำนะ" แม่ฉันเรียกฉันที่กำลังแต่งตัวเพื่อไปตลาดหาซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเย็นวันนี้
"ค่ะๆ เสร็จแล้วค่าาาา" ฉันเดินออกมาพร้อมชุดไปรเวท เสื้อกันหนาวแบบหมวกสีฟ้า กางเกงขาสามส่วนสีขาวครีม และจบด้วยรองเท้าผ้าใบคอนเวิตสีดำ
"ไปกันเถอะลูก" แม่พูดพลางเปิดประตูบ้าน เตรียมออกไป
"ดะ...เดียวค่ะแม่" ฉันพูดพลางหยิบสมุดขนาดเล็กแบบพกพาพร้อมปากกาออกมาจากกระเป๋าผ้า
"ลืมอะไรหรือจ๊ะลูก?" แม่ถามอย่างสงสัย
"เปล่าค่ะ หนูแค่จะดูก่อนว่ามีอะไรจะหมดหรือหมดแล้วบ้างจะได้จดไว้ไปซื้อทีเดียวเลยค่ะ" ฉันพูดพลางเดินไปเปืดตูู้เย็น
"อืม---ไข่หมด ผักกาดหมด หอมไหญ่ก็หมด ส่วนพวกเครื่องปรุงก็น้ำตาลหมด พริกป่นหมด โอเคครบแล้วค่ะ อิอิ" ฉันจดทุกสิ่งที่หมดลงไปในสมุดพกพาแล้วหันไปยิ้มให้ผู้เป็นแม่
"ละ....ลูกดูแปลกไปจนแม่เริ่มกลัวนะเนี้ย" แม่พูดพลางทำท่าทางหนักใจ
"อะ...เอ่อ แหมแม่ละก็ หนูก็เป็นหนูลูกแม่เนี้ยละค่ะ" ฉันพูดพลางเดินไปกอดเอวหญิงผู้เป็นแม่
"ไปกันเถอะค่ะ Go Go" ฉันพูดพลางดันตัวแม่ไปยังรถของเราที่จอดอยู่หน้าบ้าน
เมื่อมาถึงตลาดเราก็เดินช๊อปปิ้งตามรายการที่ฉันจดไว้ แถมขนมมาด้วยนิดหน่อย อิอิ จนกระทั่งของเต็มถุงผ้าที่ฉันเตรียมมา และเต็มตะกร้าที่แม่ถือมา จากนั้นก็ขึ้นรถกลับบ้าน
ณ หมู่บ้านของฉัน
"แม่ค่ะ หนูขอแวะเดินเล่นที่สวนสาธารณะหน่อยได้ไหมค่ะ เหมือนตอนนี้จะอากาศดีมากเลย" ฉันพูดพลางชี้ไปที่สวนสาธารณะประจำหมู่บ้าน
"ได้สิจ๊ะ แต่กลับมาให้ถึงบ้านก่อน 6 โมงเย็นนะ จำทางกลับบ้านได้ใช่ไหมจ๊ะ?" แม่ฉันถามขึ้น
"จำได้ค่าาาา หนูเคยมากับแม่เเล้วน่า เมื่อวานนี้เอง" ฉันพูดพลางเกาะแขนแม่
แล้วฉันก็ลงจากรถ จากนั้นก็เดินเตร่ๆ ไปเรื่อยๆ ตามถนนในสวนสาธารณะที่ไว้สำหรับคนวิ่ง จนกระทั่งถึงสนามบาสที่มีกรงอยู่ ซึ่งในนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นบาสอยู่ เมื่่อฉันเดินเข้าไปใกล้กรงบาสขึ้นอีกนิด ก็ต้องสเตปแบล็คไปหลบหลังต้นไม้ทันที
นะ...นั้นมันหมอนั้นนี่น่า อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับฉันจริงๆ สินะเนี้ย ว้าวววว เขาใส่อะไรก็ดูดีไปหมดเลยจริงๆ แถมยังเล่นบาสเก่งซะด้วยนะ ฉันที่แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ข้างๆ กรงบาสนึกขึ้นในใจ เมื่อเห็นเขาใส่เสื้อแขนกุดแบบสีหมวกสีดำลายหัวกระโหลกไขว้ กับกางเกงยีนต์สีฟ้าซีดขาดที่เข่า เขาชูตบาส 10 ครั้งลง 9 ครั้ง
จากนั้นไม่นานนัก เขาก็ถลกเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้า ทำให้เผยซิกแพ็คขาวเนียนที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ
วะ....ว้ายยยย อีตาบ้า!! โรคจิตหรือเปล่าเนี้ยยยย >_< อยู่ดีๆ ก็โชว์ซิคเเพ็คเฉยเลย ฉันร้องขึ้นมาในใจพลางยกมือขึ้นปิดตาแต่ก็แอบมองนิดหนึ่ง (ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเองเลย 555+)
สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับเขา ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนในห้องเรียนฉัน รู้สึกจะชื่อ มิน หรือ มิ้นท์ นี่ละ พวกเขาสองคนคุยกันสักพัก เธอคนนั้นก็หัวเราะคิกคักแล้วเดินจากไป
ปะ...แปลกจัง ทำไมเมื่อฉันเห็นภาพนั้น ฉันรู้สึกหัวใจมันโหวงๆ มันร้อนขึ้นมาที่ตาฉัน ฉันนึกขึ้นในใจพลางเดินกลับบ้านด้วยจิตใจที่สับสนกับความรู้สึกของตนเอง
ณ บ้านของฉัน
เมื่อฉันกลับถึงบ้านก็กินข้าวและเข้าห้องนอนทันที แต่ในใจก็ยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่ตลอดว่า เขาสองคนอาจเป็นแฟนกันหรือเปล่าน่า เพราะผู้หญิงคนนั้นก็สวยมากเลย แหมดูลุคคุณหนูสุดๆ ฉันคิดอยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไป ZzZz
วันต่อมา (วันไปโรงเรียน)
ฉันตื่นเช้ามากกกก ฉันเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในห้อง เรื่องความทรงจำของฉัน
ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าพลางหยิบชุดนักเรียนออกมา ช่วงนี้เป็นฤดุหนาว ฉันเลยเลือกยูนิฟอร์มสำหรับฤดูหนาวออกมาใส่ ซึ่งเป็นเสื้อสูทแขนยาวสีแดงแถบสีทองและมีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปักอยู่ที่อกด้านขวาและที่แขนเสื้อตรงไหล่ทั้งสองข้าง ฉันคิดว่าฉันชอบเครื่องแบบของโรงเรียนฉันมากมันสวยและดูหรู จากนั้นก็หยิบป้ายชื่อของฉันที่สลักไว้ว่า 'อิงฟ้า XXXX' (ขอสงวนนามสกุลนะครับ : จากนักเขียน) มากลัดไว้ที่อกซ้ายเหนือกระเป๋า ซึ่งฉันดูแบบมาจากในหนังสือรวมรุ่น แล้วทำการมัดผมรวบตรึงเป็นทรงหางม้า เพื่อความเรียบร้อย
ฉันคือ 'อิงฟ้า' ฉันต้องทำได้ ถึงการไปโรงเรียนทั้งๆ ที่ยังจำอะไรไม่ได้มันจะน่ากลัวและลำบากสำหรับฉัน แต่ฉันเชื่อว่า 'โรงเรียนและเพื่อนในห้อง' จะช่วยฟื้นความทรงจำของฉันได้แน่
ฉันให้กำลังใจกับตัวเองหน้ากระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอน และกินข้าวเช้าพร้อมกับแม่ ซึ่งแม่ก็เป็นห่วงเรื่องความทรงจำของฉันเช่นกัน
"ลูก แน่ใจนะจ๊ะ ที่จะไปเรียนทั้งๆ ที่ยังจำอะไรไม่ได้แบบนี้?" แม่ถามขึ้นพลางเดินไปที่รถหลังจากเรากินข้าวเช้าเสร็จ
"ค่ะ แม่ หนูคิดว่าถ้าไปโรงเรียนอาจจะนึกอะไรออกได้บ้างค่ะ" ฉันพูดพลางคาดเข็มขัดนิรภัย
"งั้นก็โอเค ตามใจหนูเลยจ๊ะ คนเก่งของแม่" แม่พูดพลางบีบจมูกฉันเชิงเอ็นดู
30 นาทีต่อมา
รถของเราก็มาจอดที่หน้าประตูโรงเรียนทางทิศเหนือ แม่ของฉันไม่สามารถเข้าไปส่งที่อาคาร 4 ได้ เพราะโรงเรียนมีกฎว่า 'ห้ามรถรับ-ส่ง นักเรียนที่เป็นรถส่วนตัวเข้ามาในเขตโรงเรียน' เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและลดรถติดช่วงเวลาเร่งรีบ
"หนูไปก่อนนะค่ะ แม่" ฉันที่ลงจากรถแล้วหันมาโบกมือให้ผู้เป็นแม่
"อย่าฝืนมากนะจ๊ะ ถ้ามีอะไรก็โทรบอกแม่ได้เลยนะ" แม่ลดกระจกลงพลางพูดด้วยความเป็นห่วง
ณ ทางเดินในโรงเรียนทางทิศเหนือ
จากนั้นฉันก็หันหลังเดินเข้าประตูโรงเรียนไป พร้อมกับค้นกระเป๋านักเรียนหาหนังสือรวมรุ่นที่มีแผนผังโรงเรียน เพื่อใช้ในการหาว่า อาคาร 4 อยู่ไหน?
ณ หน้าลานน้ำพุของโรงเรียน
ฉันที่ก้มหน้าก้มตาเดินดูแผนผังโรงเรียนอยู่ ก็เดินมาจนถึงลานน้ำพุใจกลางของโรงเรียน และทันใดนั้นเอง
"ฟุบ!...ตุบ! โอ๊ยยย/อ๊ากกก" ฉันร้องขึ้นมาพร้อมกับเสียงตุบที่เป็นเสียงหนังสือรวมรุ่นตกพื้น
โอ๊ยยย เจ็บหัวชะมัดเลย นี่ฉันชนอะไรเนี้ย ต้นไม้หรือเสาไฟฟ้า? แต่เดียวนะ มันร้องอ๊ากกกก ด้วยนี่น่า
"จะ...เจ็บจัง" ฉันบ่นพึมพำพลางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
"ยังจะบ่นเจ็บอีก? ฉันเจ็บกว่าเธอเยอะ เจ็บตีX!" เขาพูดพลางชักเท้าหันหลังกลับแล้วกระโดดเหย่งๆ ไปมา
"ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่หันมอง เป็นอะไรมากไหมค่ะ?" ฉันก้มเก็บหนังสือรวมรุ่นแล้วก้มโค้งขอโทษขอโพยเขายกใหญ่
"มาลองโดนดูบ้างไหมล่ะ? ห่ะ!?" เขาหันมาตอบฉันอย่างอารมณ์เสีย
"อะ...อ้าว! นี่นาย!/เอ่ะ! เธอที่โรงบาลนี่" เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน พลางชี้นิ้วใส่กัน
"นะ...นายอยู่โรงเรียนเดียวกับฉันหรอเนี้ย?" ฉันถามขึ้นมาลอยๆ
"เห็นแล้วยังจะถามอีกหรอครับบบ?" เขาพูดพลางชี้ไปที่ตราโรงเรียนที่อกเสื้อ
"ว่าแต่เธอนี้อย่างไงกัน? เจอหน้าทีไรต้องพุ่งเข้าใส่ฉันเรื่อยเลย คราวก่อนก็พุ่งมานอนทับฉัน" เขาพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้วลูบที่ท้องตัวเองเป็นเชิงล่อฉัน
"วะ...ว่าไงนะ!? เฮอะ! ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะค่ะ! คราวก่อนนายกระชากแขนฉันจนฉันล้มลงไป ขอโทษสักคำก็ยังไม่มี" ฉันพูดขึ้นอย่างโมโหเมื่อเห็นท่าทีล่อเลียนกวนประสาทฉัน
"อ่อหร่าาา ขอโทษที ก็ตอนนั้นอยู่ๆ เธอก็หันกลับมาจับแขนฉัน ฉันเลยตกใจ" เขาพูดพลางยกมือขึ้นมาพนมไว้ข้างหนึ่ง พลางขยิบตาให้ฉัน
วะ....แหวะ น่ารักตายล่ะ แอ๊บแบ๊วไม่ได้ดูหน้าที่คมเข้มของตัวเองเลยยย พ่อคุ๊ณณณ ฉันนึกในใจพลางส่ายหัวไปมา
"ว่าแต่เธอกำลังทำอะไร? ทำไมเดินไม่มองทางแบบนี้ล่ะ ถึงโรงเรียนเราจะไม่มีรถส่วนตัววิ่งพลุกพล่านแต่ก็มีรถบรรจุของกับจักรยานนะ มันอันตราย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"อะ...เอ่อ คือ..." ฉันกำลังจะพูดออกไปว่า หาอาคารเรียนอยู่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อเห็นจุดที่ปกเสื้อของเขา ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาอยู่ชั้น ม.5 เหมือนกัน
มะ...ไม่จริงใช่ไหมเนี้ย? อายุเท่าฉัน แต่อีตานี่กลับสูง 185 ซม. กินเสาไฟฟ้าเป็นอาหารหลักหรือไง? แต่เดียวนะ! งั้นเราก็ให้หมอนี่พาไปที่อาคาร 4 แบบเนียนๆ ได้สิ ขืนบอกไปว่า 'ฉันความจำเสื่อม' คงได้อายน่าดู
"คะ...คือว่า ฉันกำลังไปอาคาร 4 นายก็เรียนอยู่อาคาร 4 เหมือนกันนี้ ใช่ไหม?" ฉันพูดพลางชี้ไปมั่วๆ แล้วชี้ไปที่จุดตรงปกเสื้อของตัวเองเป็นเชิงบอกให้รู้ว่านายอยู่ ม.5 เหมือนฉัน
"อืม ก็คงงั้น ทำไมหรอ?" เขาพูดพลางเอียงคอถาม
"งั้นเราเดินไปด้วยกันเลยสิ จะได้มีเพื่อนคุยตอนเดินไง" ฉันพูดพลางเดินอ้อมไปด้านหลัง แล้วดันหลังเขาให้เดิน
"ละ...แล้วทำไมฉันต้องเดินนำด้วยล่ะ?" เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"อ้าว! ก็นายเป็นผู้ชายนี่ ก็ต้องเดินนำฉันไปสิย่ะ อิอิ" ฉันพูดพลางหัวเราะคิก แล้วนึกในใจ 'สำเร็จ'
ในมุมของต้นกล้า
โอ๊ยยยย! จะบ้าตาย! อะไรของยัยประหลาดนี่ฟะเนี้ย? แล้วผมจะทำไงดีละเนี้ย? จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ก็เล่นพูดซะขนาดนั้น จะบอกว่า 'ผมความจำเสื่อม' ก็ไม่ได้อีก เดียวเสียฟอร์มหมด จะหยิบแผนผังโรงเรียนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูก็ไม่ได้เดียวจะดูโง่ไปอีก!
"อะ...เออๆ ก็ได้ๆ ตามใจเธอเถอะ" ผมตอบตกลงพลางคิดว่า 'เอาฟะ หลับหูหลับตาเดินๆ ไปเดียวคงเจอเองมั้ง ไออาคาร 4 เนี้ย'
แล้วผมกับยัยประหลาดก็เดินไปที่อาคาร 4 ตามแผงผังที่ผมจำได้
ณ อาคาร 4 (ในแผงผัง)
"ถะ...ถึงสักที! อะ...เอ่ะ นี่มันอะไรกัน!?" ฉันที่หอบแฮ่กๆ เพราะเดินมานานกว่า 20 นาที พูดขึ้นเมื่อเห็นป้ายประกาศสีแดงๆ
'อาคารกำลังปรับปรุง นักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 5 ให้ไปเรียนที่อาคาร 7'
"อะ...อ้าวววว! แย่จัง" เขาพูดขึ้นพลางยืนเกาหัว
"ไม่ต้องมา 'อ้าวววว' เลยนะย่ะ นายเดินนำไปอาคาร 7 เลยนะ" ฉันพูดพลางชี้นิ้วสั่งอย่างเริ่มโมโห
"สงสัยฉันจะหยุดเรียนไปนานเลยไม่รู้ว่า อาคาร 4 ปิดปรับปรุงนะ ขอโทษทีนะ" เขาหันมาพูดกับฉัน แล้วเดินนำทางไปต่อ
ในมุมของต้นกล้า
ซะ...ซวยแล้วไง แมร่Xผิดแผนหมดเลย ผมจำมาแค่อาคาร 4 ซะด้วยสิเนี้ย แล้วไออาคาร 7 มันอยู่ไหนฟ่ะเนี้ย
ผมนึกพลางหลับหูหลับตาเดินไปมั่วๆ คิดว่าเดียวคงเจอเองเหมือนอาคาร 4 มั่ง
30 นาทีต่อมา
"โอ๊ยยยย! อะไรเนี้ย!! ถามจริงๆ นายรู้ทางจริงหรือป่าวเนี้ย ห่ะ!?" ฉันถามอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นว่า ตัวเองมายืนอยู่ที่ 'ลานน้ำพุกลางโรงเรียน' เหมือนเดิม
"ขะ...ขอโทษทีนะ พอดีฉันหยุดเรียนไปนานนนนนมากเลยจำทางไปอาคารอื่นไม่ค่อยได้ ฮ่าฮ่า" เขาพูดพลางหัวเราะแห้งๆ ให้ฉัน
"ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะย่ะ! ฉันไม่ขำด้วยนะ! เสียเวลาจริงเลย ให้ตายเถอะ!!" ฉันพูดขึ้นพลางเดินไปตบแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา แล้วหันซ้ายหันขวา
"อ่ะ เจอแล้วๆ นายอยู่นี่ละ ฉันจะไปถามทางกับพวกนั้นดู" ฉันพูดพลางชี้ไปที่กลุ่มนักเรียนชายที่ยืนคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงลานน้ำพุ
"อะ...เอ่อ ขอโทษนะค่ะรุ่นพี่ ไม่ทราบว่าอาคาร 7 อาคารเรียนชั้น ม.5 อยู่ตรงไหนค่ะ" ฉันพูดขึ้นโดยเรียกพวกนักเรียนชายว่ารุ่นพี่เพราะดูจากจุดที่ปกเสื้อ อย่างเขินๆ เพราะต้องถามอะไรแปลกๆ
"อยู่ตรงนู้นไงจ๊ะ รุ่นน้องคนสวย ที่มีต้นจามจุรีอยู่หน้าอาคารนะ" รุ่นพี่คนหนึ่งพูดตอบพลางควักมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"ถ้าไปไม่ถูก ก็เอาเบอร์มาสิ เดียวพี่โทรไปบอกให้น่าาา ฮ่าฮ่า" รุ่นพี่คนนั้นพูดพลางยื่นมือถือมาขอเบอร์ฉัน
อะไรกันละเนี้ย? ขอเบอร์กันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ? ความจริงฉันก็รู้นะว่า 'ฉันสวยน่ารัก' แต่ตอนนี้มันใช่เวลามาตกผู้ชายหรือไง!? มันจะหมดชั่วโมงเรียนแรกแล้วนะ!
"อะ...เอ่อ คือว่า/ฮ่ะ แฺฮ่ม ว่าไงอาคาร 7 อยู่ไหน? ทำไมคุยนานจัง" ฉันที่ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนอีตาบ้านี้เดินมาพูดแทรก
"วะ....เหวอ!! นั้นมันไอต้นกล้า ตัวอันตรายของชั้น ม.5 นี่หว่า!" รุ่นพี่อีกคนหนึ่งกระซิบบอกคนที่กำลังขอเบอร์ฉัน
"อะ...อ่อ จริงสิ พอดีนึกได้ว่ามีธุระขอตัวก่อนนะครับ" รุ่นพี่ที่ขอเบอร์ฉันพูดขึ้นพลางหันหลังเดินจากไปอย่างเร็วพร้อมกันเหล่าสหายอีก 4 คน
"ขอบคุณนะค่ะ ที่ช่วยบอกทางให้ อิอิ" ฉันตะโกนขอบคุณพวกรุ่นพี่พลางขำในความรีบของพวกเขา
"ขอบใจย่ะ!!" ฉันพูดขอบใจหมอนี้ที่ช่วยทำให้ฉันไม่ต้องเสียเวลาไปกับการปฏิเสธการขอเบอร์แบบสายฟ้าแล่บ และทำให้ฉันได้รู้ชื่อของเขาโดยที่ไม่ต้องถาม
"จะมาขอบใจอะไรฉัน? เมื่อกี้ยังโวยวายใส่ฉันอยู่เลย" เขาพูดพลางหันหลังเดิน
"จ้าๆๆ เดินรอกันหน่อยสิ นายต้นกล้า นายเดินนำแบบนั้นรู้หรือไงว่าอาคาร 7 อยู่ไหนน่ะห่ะ!?" ฉันพูดพลางวิ่งไล่ตามหลังเขาไป
"อะ...เออ จริงด้วย ฮ่าฮ่า" เขาพูดพลางสเต็ปแบล็คที่เดินข้างๆ ฉัน
"ว่าแต่ที่พวกรุ่นพี่บอกว่า 'นายเป็นตัวอันตรายของชั้น ม.5' นี่มันความหมายว่าไงหรอ?" ฉันถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่เราเดินเข้าอาคาร 7 กัน
ณ อาคาร 7 (อาคารเรียนชั้น ม.5)
"ไม่รู้สิ ฉันคงเป็นพวกอันธพาลของชั้นเรียนมั่ง" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่มั่นใจในตัวเอง
"ถีงหน้าตานายจะคมเข้มตามฉบับนักเลงในละครหลังข่าว แต่ฉันเชื่อว่านายเป็นคนดีศรีสยามแน่นอน อิอิ ไม่งั้นนายจะเดินมาส่งฉันทำไมละ? ทั้งๆ ที่นายก็จำทางไปอาคารเรียนไม่ได้ จริงไหมล่ะ?" ฉันพูดขึ้นเป็นเชิงให้เขามั่นใจในตัวเองขึ้น ในขณะที่ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 5
"ขะ...ขอบใจนะ ที่เดินมาเป็นเพื่อนฉัน ถึงแม้นายจะทำให้ฉันเสียเวลาไป 1 ชั่วโมงเศษๆ" ฉันพูดขอบใจแต่ก็ยังไม่วายพูดแหนบเขา
"โอเค ไม่เป็นไร แค่นี้จิ๊บๆ ไปละ" เขาพูดขึ้นพลางหันเดินไปทางขวาของทางแยกหน้าลิฟต์ แล้วโบกมือให้ฉัน
ส่วนฉันก็เดินไปทางซ้าย เพื่อเข้าห้องเรียนชั้น ม.5/1 พลางคิดว่า จบกัน! เวลา 1 ชั่วโมงที่ฉันเผื่อไว้สำหรับการเม้ามอยหอยสังข์กับเพื่อนๆ ในห้องเรียน
ณ ห้องเรียนชั้น ม.5/1
"ครื้น--- ขอโทษที่เข้าสายค่ะ พอดีหนูไม่ได้มาเรียนนานเลยไม่รู้ว่า อาคารเรียนเปลี่ยนตีก" เสียงเปิดประตูดังขึ้น หร้อมกับฉันที่เอ่ยขอโทษครูผู้สอน
"อะ...อ้าว มาแล้วหรือจ๊ะ? อิงฟ้า ไม่เป็นไรจ๊ะ ว่าแต่อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะ?" คุณครูพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง ซึ่งแน่นอนว่า ฉันจำไม่ได้ว่าครูชื่ออะไร?
"ค่ะ หนูดีขึ้นมากแล้วค่ะ เลยอยากมาโรงเรียน นอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็เบื่อๆ ค่ะ" ฉันพูดกับครู แล้วเดินไปนั่งที่ของตัวเอง ซึ่งฉันถามมาจากแม่แล้ว
"อะ...อุ๊บ!! ฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงเพื่อนนักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งหัวเราะเบาๆ เหมือนพยายามกลั้นเอาไว้แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นก็มีเสียงพูดคุยตามมาอีกมาก
"เอาเงียบๆ หน่อยค่ะ เปิดหนังสือหน้าที่ 107 บทที่ 6 ค่ะ" คุณครูพูดพลางตบโต๊ะเป็นเชิงห้ามปราบนักเรียน
แล้วฉันก็นั่งเรียนในห้องเรียนของตัวเอง ซึ่งที่นั่งฉันอยู่ตรงริมหน้าต่างแถวกลาง โดยที่นั่งเรียนนั้นจะจัดแบบนั่งคู่กัน เพื่อนที่นั่งคู่กับฉันดูจะเป็นพวกธรรมดาๆ ในห้องเรียนดูไม่ค่อยมีอะไรมากนัก สักพักก็จบคาบเรียนแรก
"อะ...เอ่อคือฉันได้ยินมาว่า เธอโดนรถชนไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?" เพื่อนผู้หญิงที่นั่งคู่ฉันถามขึ้นด้วยเสียงที่เบามากๆ ราวกับกระซิบ
"ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่า 'ฉันจะความจำเสื่อม' นะ ฮ่าฮ่า" ฉันตอบพลางหัวเราะแห้งๆ ด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกระซิบเช่นกัน (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องกระซิบกลับไปด้วย)
"หะ....หา! ว่าไงนะ!" เพื่อนคนนั้นอยู่ๆ ก็ลุกพรวดจากเก้าอี้พลางร้องตะโกนขึ้นมา เธอทำเอาฉันตกใจเลย
"ชู่ว์!! เบาๆ หน่อยสิ เสียงดังทำไม" ฉันพูดขึ้นพลางเอานิ้วชี้มาไว้ที่ปากตัวเองเป็นเชิงให้เงียบๆ แล้วดึงแขนเธอให้นั่งลงตามเดิม
"อะ...เอ่อ ขอโทษที ฉันตกใจไปหน่อย ที่รู้ว่าเธอความจำเสื่อม ว่าแต่ทำไมถึงให้ใครรู้ไม่ได้ล่ะ?" เธอคนนั้นพูดพลางถามอย่างสงสัย
"ฉันมีเหตุจำเป็นนะ เป็นความลับจ๊ะ" ฉับพูดขึ้นพลางนึกในใจว่า
ฉันไม่สามารถไว้ใจใครได้ แม้แต่เพื่อนในห้องเดียวกัน เพราะคนที่ผลักฉันหรือคนที่ขับรถชนฉันอาจเป็นเพื่อนในห้องเรียนฉันก็ได้ และครูประจำชั้นจะเข้ามาบอกเรื่องที่ฉันสูญเสียความทรงจำตอนชั่วโมงโฮมรูม (ชั่วโมงที่ให้ครูประจำชั้นพูดคุยกับนักเรียนของตน) แล้วฉันจะสังเกตุปฏิกิริยาของเพื่อนๆ ในห้องว่าผิดปกติไหม?
"วะ...ว่าแต่ เธอชื่ออะไรนะ? ฉันก็จำเธอไม่ได้เหมือนกัน ฮ่าฮ่า" ฉันถามพลางหัวเราะแห้งๆ
"เอิบ---ฉันชื่อ 'เกศสินี' เรียกสั้นๆ ว่า 'เกศ' ก็ได้" เกศตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่เบาเช่นเดิม
จากนั้นคาบเรียนต่อไปก็เริ่มขึ้น...จนกระทั่งหมดคาบเรียนภาคเช้า ในช่วงพักกลางวัน ฉันลงมากินข้าวคนเดียวที่โรงอาหาร
ณ โรงอาหารฝั่งมัธยมของโรงเรียน
นะ...น่าแปลกจริงๆ เลย ไม่มีเพื่อนในห้องเรียนฉันเดินมาชวนไปกินข้าวหรือไปร้านค้าด้วยกันเลยสักคนเดียว รวมถึงเกศก็ด้วย หรือว่า ฉันจะนั่งกินข้าวกลางวันคนเดียวเป็นเรื่องปกติ!?
ฉันนั่งกินข้าวพลางคิดเรื่องนี้ไปด้วย แล้วอยู่ดีๆ ก็เห็นอีตาต้นกล้าเดินถือจานข้าวตรงมาที่โต๊ะฉัน พร้อมกับเพื่อนผู้ชายอีกคน
"ขอนั่งด้วยคนสิ ได้ไหม?" เขาพูดขึ้นพลางวางจานข้าวตรงข้ามฉัน แล้วนั่งลงหน้าตาเฉย
"จะถามทำไม? ในเมื่อนายก็นั่งลงไปแล้ว ก่อนที่ฉันจะอนุณาติด้วยซ้ำไป" ฉันพูดขึ้นอย่างหน่ายๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
"อ้าวววว! ทำไมล่ะ? เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนใกล้กันนี่น่า เธอยังเคยนอนทับฉัน แล้วก็ลูบ...อุ๊บ" เขาพูดเสียงดังราวกับจะประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงเรื่องน่าอับอายนั้น ฉันก็เลยเอาช้อนตัวเองตักข้าวและยัดใส่ปากหมอนั้นไปซะ จะได้เงียบๆ
"อยากจะนั่งก็นั่งไป แต่ช่วยนั่งเงียบๆ ด้วยล่ะ" ฉันพูดพลางใช้ช้อนนั้นตักข้าวเข้าปากตัวเอง
"โอเค จัดไป!" เขาพูดพลางทำท่างรูดซิปปาก แล้วชี้มาที่ช้อนของฉันและปากของเขากับปากของฉันเป็นเชิงบอกว่า 'เราใช้ช้อนคันเดียวกัน!!'
"กรี้ดๆๆๆ ถุ้ยๆๆ" ฉันร้องกรี้ดพลางวิ่งที่ถุ้ยทิ้งใส่ถังขยะที่รองรับเศษอาหาร แล้วรีบวิ่งไปล้างช้อนโดยด่วน
"ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ยขำฟ่ะ" เสียงเขาหัวเราะเยาะฉันตามไล่หลังมาติดๆ
ฉันที่ลุกออกจากโต๊ะกินข้าวก็สังเกตุได้ว่า มีสายตาหลายสิบคู่มองมาที่ฉัน โดยเฉพาะสายตาทิ่มแทงของเหล่านักเรียนหญิง ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเหล่าบรรดาแฟนตลับของหมอนี้แน่ๆ เพราะเขาหน้าตาดี อาจติดท็อปของโรงเรียนเลยก็ว่าได้
เมื่อฉันจัดการล้างปากล้างช้อนเสร็จก็เดินกลับมาที่โต๊ะตัวเดิมแล้วเก็บกระเป๋ารีบเดินกลับห้องเรียนทันที
"ผลัวะ!! ฝากไว้ก่อนเถอะ อีตาบ้า" ฉันตีเข้าไปที่หลังของเขาอย่างแรง แล้วหันหลังวิ่งออกไปจากโรงอาหาร
"อ้าววว! ตูผิดอะไรวะเนี้ย!? ช้อนนั้นก็ของตัวเองชัดๆ ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงหมอนั้นตะโกนไล่หลังฉันมา
ณ ห้องเรียน ม.5/1
หะ...ให้ตายเถอะ!! น่าอายชะมัดเลย ทั้งเรื่องลูบหน้าท้องนั้น ไหนจะเรี่องใช้ช้อนคันเดียวกันอีก อย่าให้เจออีกนะ ค่อยดูๆ (เดียวๆ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเธอเองไม่ใช่หรอ? : นักเขียน) ฉันที่นั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะประจำชั้นนึกขึ้นอย่างหัวเสีย
"ครื้น---- แหมๆ ช่างกล้าทำแบบนั้นกับผู้ชายที่เพื่อนชอบนะ!" เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงของเพื่อนคนที่หัวเราะฉันตอนเช้าพูดขึ้น
"เธอไม่เป็นไรน่ะ? ยัยมิ้นท์" นักเรียนหญิงอีกคนหนึ่งที่แต่งหน้าซะลอยไปดาวอังคารพูด
"ฉันไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ" นักเรียนหญิงที่ชื่อ 'มิ้นท์' พูดขึ้นพลางยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนคนนั้น
ดะ...เดียวนะ นักเรียนหญิงที่ชื่อมิ้นท์นี่หน้าคุ้นๆ มากเลย เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน....อ่อ ที่กรงบาสในหมู่บ้านฉันนี้เอง ตอนนั้นอยู่กับนายต้นกล้านั้นด้วยนี่น่า อะ...เอ่ะ หรือเป็นแฟนกันจริงๆ !?
"ฉันบอกเธอแล้วไง มิ้นท์ ว่าอย่าไปสุงสิงกับยัยนี้มากนัก คนแบบยัยขี้แพ้นี้ทำดีด้วยก็อาจหักหลังเราได้นะ" เพื่อนอีกคนที่่ปากแดงราวกับผีดูดเลือดพูดพลางชี้มาที่ฉัน
"ใช่ แบบนี้ต้องสั่งสอน!" เพื่อนที่หัวเราะฉันตอนเช้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งพูดขึ้นพลางเดินมาลูบหัวฉัน
"ฉันอยากกินเกี๊ยวจัง หืม!?" เพื่อนที่ลูบหัวฉันพูดขึ้น
"เพี๊ยะ!! อยากกินก็ไปซื้อสิ มาบอกฉันทำไม!?" ฉันปัดมือเพื่อนคนนั้นออกแล้วพูดขึ้น
"เฮอะ!!! ยัยเกี๊ยวขี้แพ้นี้ ท่าทางจะสมองกลับเพราะโดนรถชนล่ะมั่งเนี้ย!? ฮ่าฮ่าฮา" เพื่อนคนนั้นพูดขึ้นพลางหันไปหัวเราะกับแก๊งอีก 2 คน แต่ฉันสังเกตุว่า 'มิ้นท์' ไม่ได้ขำด้วย แถมเธอยังหลบตาฉันอีก
แล้วนักเรียนคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยเข้ามาในห้องเรียนมากขึ้น แต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะมาช่วยห้ามปราบเหตุการณ์นี้ ทุกคนทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติสุดๆ
"นี้หัดสำเนียกในฐานะของตัวเองหน่อยสิ ยัยขึ้เเพ้ฟ้าใส หือ!?" เพื่อนคนที่ปากแดงๆ พูดพลางลูบแก้มฉันและตบเบาๆ
"เพี๊ยะ!! เอามือและหน้าออกไป ฉันเหม็นบุหรี่" ฉันพูดพลางปัดมือเพื่อนคนนั้นออก แลัวสะบัดหน้าหนี
"หน่อย!! นัXบ้านี่ อยากโดนใช่ไหมห่ะ!!?" เพื่อนปากแดงคนนั้นพูดพลางเงื้อมือขึ้นจะตบฉัน ซึ่งตอนนั้นฉันซ็อกกับเหตุการณ์นี้จนยืนนิ่งไปเลย เพราะไม่คิดว่าจะถึงขั้นลงมือตบกัน
"ฮะ...เฉ้ยๆๆ ครูมาแล้วๆ พอๆ แยกย้ายๆ" เสียงนักเรียนชายที่นั่งริมหน้าต่างทางเดินพูดขึ้นพลางหันมาโบกมือไล่ให้นั่งที่ตัวเอง
"รอดตัวไปนะ ยัยขี้แพ้ไม่เจียมกะลาหัว" เพื่อนปากแดงนั้นพูดพลางจิ้มที่มีหน้าผากฉัน
แล้วเหตุการณ์ก็จบลงแบบนั้น เมื่อครูที่สอนวิชาต่อไปได้เข้ามาในห้องเรียน ฉันนั่งเรียนไปสักคร่ก็นึกได้ว่า ไม่เห็นเกศ เพื่อนที่นั่งคู่ฉันเลยตั้งแต่กลางวัน ฉันหันไปถามเพื่อนที่นั่งหลังฉัน เขาก็ส่ายหน้าตอบกลับมา
แล้วฉันก็นั่งเรียนไปยันจบภาคบ่ายทั้งๆ ที่ในใจก็คิดถึงแต่เหตุการณ์ที่กำลังจะโดนตบเมื่อกี้ จะเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะถูกรังแกจากเพื่อนๆ ในห้องเป็นประจำแบบนี้? เพราะจากที่ดูปฏิกิริยาของเพื่อนคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนเรื่องเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
แล้วสักพักก็ถึงคาบโฮมรูมของครูประจำชั้น ครูประจำชั้นก็พูดเรื่องต่างๆ นานา แล้วจบท้ายด้วยเรื่องของฉัน
"ทุกคนคงทราบกันดีแล้วใช่ไหมว่า อิงฟ้า เขาพึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถชนมานะ" ครูประจำชั้นพูดขึ้นพลางผายมือมาที่ฉันที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้องเรียนข้างๆ ครู
"อิงฟ้า เธอได้สูญเสียความทรงจำไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น" ครูประจำชั้นพูดต่อ ฉันก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆ ให้กับเพื่อนๆ ในห้องเรียนพร้อมกับสังเกตุปฏิกิริยาของทุกคน
"ห่ะ/ห่าาา/วะ...ว่าไงนะค่ะ!!" เสียงทุกคนอุทานดังขึ้นพร้อมๆ กัน และจากที่ฉันยืนดูมีอยู่คนหนึ่งที่นิ่งมากจนผิดสังเกตุ
"เอ้าๆๆ เงียบก่อนๆ เป็นแค่การสูญเสียความทรงจำชั่วคราวนะ ไม่ต้องตกใจกันไป" ครูพูดขึ้นพลางเคาะโต๊ะ
"ครูหวังว่าพวกเธอทุกคนจะช่วยเหลืออิงฟ้าในเรื่องต่างๆ ภายในโรงเรียน และช่วยเธอฟื้นคืนความทรงจำให้ได้โดยเร็วนะ" ครูพูดขึ้น
"ค่าาา/ครับบบ" เสียงนักเรียนทุกคนในห้องตอบรับพร้อมๆ กัน
"เอ้าล่ะ อิงฟ้า ไปนั่งที่ได้แล้ว" ครูบอกพลางชี้ไปที่นั่งของฉัน
"โธ่ๆๆ ไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ เดียวพวกเรายังช่วยฟื้นความจำเธอเองน่ะ!" เพื่อนที่หัวเราะฉันตอนเข้าพูดขึ้นพลางลูบหัวฉัน
"ดีมากเลย นักเรียน ครูดีใจนะที่พวกเธอรักและช่วยเหลือกันแบบนี้" ครูพูดขึ้น
"อ่อ แล้วก็วันนี้เกศสินี เขาลาครึ่งวันบ่ายนะ เขาโทรมาบอกกับครูแล้ว เอาละงั้นวันนี้พอแค่นี้ เลิกเรียนได้" ครูพูดพลางเดินออกไปจากห้อง
จากนั้นนักเรียนคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยออกจากห้องเรียนไป ฉันก็กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเช่นกัน
"นี้ฟ้าใส เรื่องเมื่อกี้พวกเราขอโทษนะ เราไม่รู้ว่าเธอความจำเสื่อมนะ" เพื่อนปากแดงๆ พูดพลางจับที่มือฉัน
"มะ...ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง" ฉันพูดพลางกำลังจะเดินออกจากนั่งที่ตัวเอง
"เอาแบบนี้ไหม? เดียวพวกเราจะช่วยเธอฟื้นความทรงจำเอง จริงๆ แล้ว พวกเราก็ 'เล่น' กับเธอบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง" เพื่อนที่หน้าขาววอกพูดขึ้นบ้าง พลางจับแขนอีกข้างของฉัน
"ตามมาสิ รับรองว่าเธอต้องนึกออกแน่ๆ อิอิ" เพื่อนที่ดูเหมือนหัวหน้าแก๊งนี้พูดขึ้นพลางเดินนำทางไป
"อะ...เอ่ะะะ! จริงหรอ1? ว่าแต่จะไปที่ไหนกันหรอ?" ฉันถามขึ้นพลางเดินตามออกไปนอกห้องเรียน
"ดาดฟ้าไงจ๊ะ อิอิ" เพื่อนคนที่เดินนำหันมาตอบพลางหัวเราะคิก
ณ ดาดฟ้าของอาคาร 7
"ว่าแต่เราจะมาทำอะไรกันที่ดาดฟ้าล่ะ? มันไม่เห็นมีอะไรเลยนี่?" ฉันถามขึ้นอย่างงงๆ ว่าที่บอกว่า 'เล่น' กันนี้มันคือเล่นอะไรกันที่ดาดฟ้า
"พอดีว่าอีก 2 วันจะถึงวันเกิดของ A แล้วน่ะ" เพื่อนที่ปากแดงๆ พูดขึ้นพลางหันหน้าไปที่ เพื่อนที่เหมือนหัวหน้าแก๊งที่ชื่อ A (นามสมมุติ)
"เอ่ะ!! งั้นหรอ สุขสันตร์วันเกิดล่วงหน้านะ A" ฉันพูดพลางหันไปบอกสุขสันตร์วันเกิดเธอ
"แต่ฉันอยากได้ของขวัญจากเธอด้วยนะซิเนี้ย ทำไงดีน่าาา" A (นามสมมุติ) พูดขึ้นพลางเดินมาใกล้ฉัน
"อ่ะ! ตะ...แต่ฉันไม่ได้เตรียมมาเลยนี้ ไว้วันหลังนะ อิอิ" ฉันพูดขึ้นพลางหัวเราะแห้งๆ ให้ A
"ไม่ต้องเตรียมเลย เพราะพวกฉัน 2 คน เตรียมมาแล้ว" เพื่อนที่ปากแดงๆ พูดขึ้นพลางชูถุงอะไรบ้างอย่าง แล้วพยักหน้าให้กับเพื่อนที่หน้าขาววอก
"นะ...นั้นอะไรนะ!?" ฉันพูดพลางชี้ไปที่ถุงนั้น
"นี้คือ วัตถุดิบเสริมในการทำ 'เมนูสุดพิเศษ' ของพวกเราไงล่ะ" เพื่อนที่ปากแดงพูดพลางส่ายถุงไปมา
"ใช่แล้วววว และวัตถุดับหลักก็คือ 'เธอ' ไงล่ะ ยัยขี้แพ้" เพื่อนที่หน้าขาววอกพูดขึ้น
"วะ....ว่าไงนะ!!" ฉันที่พึ่งรู้ตัวว่ายัยพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนที่ดีของฉัน ก็กำลังออกตัววิ่งหนีไปที่ประตูดาดฟ้า
"กะ...กรี้ดดดด/จะไปไหนล่ะ หือ!? มาเล่นกันก่อนซิ ยัยขี้แพ้จอมอวดดี อิอิ" ยัย A พูดขึ้นพลางจับที่ผมหางม้าของฉันแล้วกระชากให้กลับมา ฉันทำได้แค่กรีดร้อง
"ยัย B เอาผ้ามามัดปากนัXนี้ไว้ที ฉันหนวกหู!" ยัย A พูดสั่งให้ยัย B หยิบผ้าในถุงนั้นมามัดปากฉัน
"ว่าแต่ วันนี้มี 'เมนูสุดพิเศษ' อะไรเอ๋ย?" ยัย A ถามพลางเดินมาจับที่คางฉัน
"อุ๊ก!!/วันนี้เป็นส้มตำปลาร้า อิอิ ฉันเห็นว่าเธอชอบของเผ็ดๆ แซ่บๆ" ยัย C พูดขึ้นพลางเตะตัดข้อพับขาฉัน ทำให้ฉันล้มลงนั่งกับพื้นที่ร้อนผล่าว
"งั้นก็เริ่มเลย ฉันหิวมากเวอร์ คิคิคิ" ยัย A พูดขึ้นพลางหัวเราะสะใจราวกับคนเสียสติ
"เริ่มแรกก็ใส่พริก" ยัย B พูดพลางหยิบของออกมาจากถุงนั้น
"แต่ขอโทษทีนะ A ฉันหาได้แต่พริกป่น หาพริกสดไม่เจอ อิอิอิ" ยัย B พูดพลางหมุนฝาพริกป่นสีแดงสด
"อื่มม..อื้มม.." ฉันร้องขึ้้น ใขขณะที่พยายามลุกขึ้นหนีจากแรงกดให้นั่งของยัย C
"เพี๊ยะ!! อยู่เฉยๆ จะดีกว่านะ ยัยขี้แพ้ เธอจะได้ไม่เจ็บตัวมาก" ยัย A เดินเข้ามาตบหน้าฉันอย่างแรง จนฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปากตัวเอง
"เทเลยๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงยัย C เชียร์ให้ยัย B เทพริกป่นให้หัวฉัน
"อื่มมม...แฺอ่กๆๆ" แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นที่แสบจมูกและเผ็ดร้อนของพริก รวมถึงพริกป่นสีแดงสดที่ร่วงเต็มพื้นไปหมด
"จากนั้นก็ปรุงรสด้วยนี้!" ยัย B พูดขึ้นพลางชูขวดอะไรบางอย่างออกมาจากถุง
"อะไรของแกย่ะ นั้น?" ยัย A ถามขึ้น
"น้ำปลาตราไส้ตีบ ฮ่าฮ่าฮ่า" ยัย B ตอบพลางขำอย่างบ้าคลั่ง พร้อมหมุนฝาออก
"อะ...โอ๊ยขำเวอร์! เดียวนะ! น้ำปลาเขาใช้หยดๆ กัน แต่แกจะใช้เทเอาหรอ? ก๊ากๆๆๆ" ยัย A พูดขึ้นอย่างหัวเราะไม่หยุด
"อิอิ ก็หยดๆ มันไม่ทันใจฉันไง แบบนี้ล่ะ เลิศแซ่บเวอร์" ยัย B พูดพลางเทน้ำปลานั้นใส่หัวฉันจนหมดขวด แล้วโยนขวดทิ้งข้างๆ ตัวฉัน
"ต่อไปเป็นของเด็ดประจำวันนี้!" ยัย B พูดขึ้นพลางล้วงไปในถุงนั้น
"อะไรย่ะ? ที่ว่าเด็ดอ่ะ?" ยัย C ถามขึ้นอย่างสงสัย
"นี้ไง อิอิ ให้ทายว่าอะไร?" ยัย B ถามยัย C ขึ้นพลางหัวเราะคิก
"โอ้โห้...กลิ่นแบบนี้ใช่เลย!? อย่าบอกนะว่า...." ยัย C พูดขึ้นแล้วเว้นช่วง
"ปลาร้าาาา!!!" ยัยพวกแก๊งผลไม้ (ชื่อยัยพวกนี้เป็นผลไม้ทั้งหมด) นั้นพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
"โอ๊ยยยเลิศมาก แกร่ ฉันว่าน้ำปลาเด็ดแล้ว เจอปลาร้าไปทีนี้ อึ้งไปเลย ฮาฮ่าฮ่า" ยัย A พูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"เทเลยๆๆ" แล้วยัย A กับยัย C ก็ส่งเสียงเชียร์ให้ยัย B เทปลาร้าใส่หัวฉัน
จนถึงตอนนี้ ฉันได้แต่นั่งสั่นเทาไปทั้งตัวและหัวใจ จนไม่สามารถที่จะขัดขืนอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งที่พื้นอันเต็มไปด้วยพริกป่นและน้ำปลา
"เทแล้วน่าาาา นี้เป็นวัตถุดิบปืดท้ายเลยนะ ยัยขี้แพ้" ยัย B พูดพลางเทปลาร้าใส่หัวฉันจนหมดกระป๋อง
ปลาร้าส่งกลิ่นรุนแรงคละคลุ้งไปหมดตลบอบอวลไปทั่วร่างกายฉัน ตัวเนื้อปลาร้าที่อยู่เต็มบนหัวฉันค่อยๆ ตกลงสู่พื้นทีละตัวๆ และในตอนนั้นเองภาพความทรงจำที่ฉันเคยถูกรังแกที่ดาดฟ้าก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด
ภาพในความทรงจำนั้น ฉันก็ถูกจับทำ 'เมนูสุดพิเศษ' แบบนี้ แต่เป็น 'พิซซ่า' และ 'บราวนี่' ด้วยวัตถุดิบที่โหดร้ายไม่ต่างกับเมนู 'ส้มตำปลาร้า' นี้เลย
ในตอนนี้ สติของฉันได้หลุดลอยไปไกลมากแล้ว เนื่องจากความช็อคที่ไม่คิดว่า เพื่อนในห้อง จะทำกับฉันได้ถึงขนาดนี้และไม่ใช่แค่ตรั้งเดียวด้วย
แค่ถึงสติของฉันจะหลุดลอยไปแต่ก็ยังรู้สึกได้ว่า ยัยพวกนั้นกำลังเอามือมาขยี้หัวฉัน คงเผื่อให้ส่วนผสมเข้ากันมั่งนะ แล้วยัยพวกนั้นก็ผลักหัวฉันจนฉันล้มลงไปกองกับพื้นที่เต็นไปด้วย พริกป่นสีแดงสด น้ำปลา และปลาร้า
เมื่อเสร็จสิ้นการ 'เล่น' ของพวกเรา ยัยพวกนั้นก็หันหลังเดินจากไป โดยทิ้งฉันที่นอนจมส่วนผสมเหล่านั้นไว้คนเดียว ราวกับว่า ฉันไม่ต่างอะไรกับปลาร้าที่ตกอยู่เต็มพื้นนี้ แล้วฉันก็นึกถึงคำพูดคำหนึ่งของคนคนหนึ่งได้
"มีคนผลักคุณให้โดนรถชน หรือไม่ก็คุณกระโดดให้รถชนเองไงครับ" ภาพตำรวจคนนั้นพูดขึ้น
ถ้าฉันต้องเจอกับอะไรแบบนี้ ทุกๆ วันที่มาโรงเรียน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่ฉันจะคิดอยากฆ่าตัวตายให้มันพ้นๆ จากเรื่องพวกนี้ซะ 'นี้หรือว่า ฉันจะฆ่าตัวตายจริงๆ กันแน่!!?'
จบตอน 3
เตรียมพบกับตอนที่ 4
'ฉันความจำเสื่อม เพราะสวรรค์อยากให้ฉันเปลี่ยนตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ