Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค change myself (พล็อตเรื่องนี้ผ่านการประกวดบทละครของโครงการ BEC ของช่อง 3
7.3
เขียนโดย Gawee
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.23 น.
10 ตอน
9 วิจารณ์
6,695 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567 12.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ 1 "ไม่่ว่าอย่างไงฉันก็ต้องช่วยเขาให้ได้"
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ โรงพยาบาลในเครือ A กรุ๊ป
"แฮ่กๆ พ...พี่เอกค่ะ ท่านประธานเป็นอย่างไรบ้างค่ะ อาการหนักมากไหมค่ะ" ฉันถามพี่เอกที่เป็นเลขาของท่านประธาน
"ตอนนี้ท่านประธานยังไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูครับ" พี่เอกพูดพลางนั่งก้มหน้าส่ายหน้ากุ้มขมับ
"แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไงค่ะ เขาป่วยเป็นอะไรกันแน่ค่ะพี่" ฉันพูดพลางนั่งลงข้างๆ พี่เอก
"แพทย์ประจำตัวท่านบอกว่า ท่านเป็นโรคปอดอุดตันเรื้อรัง และหลอดเลือดหัวใจอุดตัน" พี่เอกพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองท่านประธานผ่านกระจกในห้องไอซียู
"ถ...ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นมานานแล้วสิค่ะ? เพราะโรคแบบนี้มันเป็นโรคเรื้อรัง" ฉันหันไปถามพี่เอก
"ก็น่าจะใช่ แต่อาการคงไม่ได้ร้ายแรงอะไร ท่านประธานเลยไม่ได้บอกใคร แม้แต่ผม คงเพราะกลัวว่าหากข่าวแพร่ออกไปจะทำให้หุ้นรวมของบริษัทในเครือตกต่ำลง คุณก็รู้ดีว่า เขาห่วงบริษัทนี้ขนาดไหน?" เลขาคนสนิทของเขาพูดพลางน้ำตาคลอ
"เรื่องนั้นฉันรู้ดีกว่าใครเลยค่ะ แต่ถึงขนาดละเลยสุขภาพตัวเองแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกันค่ะพี่" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย
"เอาเถอะน่าคุณขวัญ ท่านประธานเขาก็คงมีความคิดของเขาเอง เราก็คงได้แต่ภาวนาให้ท่านฟื้นขึ้นมาไวๆ เฮ้อ--- ผมจะไปหาอะไรดื่มคุณจะเอาอะไรหน่อยไหม?" พี่เอกพูดพลางลุกขึ้นหันมาถามฉัน
"อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินมาแล้วค่ะพี่ ตามสบายเลยค่ะ" ฉันพูดพลางลุกขึ้นยืนเดินไปหน้ากระจกห้องไอซียู เพื่อมองหน้าเขาได้ชัดๆ
ทั้งหมดนี้มันอาจเป็นความผิดของฉันเอง ที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ ฉันไม่น่าตอบรับข้อตกลงของ "เธอคนนั้น" เลย ฉันน่าจะยืนอยู่ข้างๆ คุณให้ถึงที่สุด คอยดูแลคุณไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
"อึ้ก...ฉ...ฉันขอโทษค่ะคุณเดช มันเป็นความผิดของฉันเอง หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ทำพลาดแบบนี้อีกแล้ว" ฉันพูดพลางปาดน้ำตาไปด้วย
"ฉันนี้ต้องบ้าไปแล้ว เพ้อเจ้อไปเรื่อยนี้ไม่ใช้การ์ตูนโดเรมอนนะจะได้นั่งไทม์แมชชีมได้ ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าเรา" ฉันพูดพลางเดินไปห้องน้ำ
ณ ห้องน้ำในโรงพยาบาล
ฉันล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างหน้าหน้ากระจกอยู่พักใหญ่ แล้วก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้าห้องน้ำ แล้วจะทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้
"ดะ...เดียวค่ะคุณพี่ คุณจะทำอะไรค่ะ?" ฉันหันไปถามพี่สาวคนนั้น เมื่อเห็นเธอกำลังจะทิ้งขยะลงในถังขยะที่อยู่ในห้องน้ำ
"ก็ทิ้งขยะไงจ๊ะน้อง เห็นแล้วยังจะถามอีก?" พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นพลางหยุดมือที่ถือแก้วน้ำพลาสติกที่มีน้ำกว่าครึ่งแก้ว
"อันนั้นหนูเห็นค่ะพี่ แต่ขยะที่พี่ถือว่ามันคือแก้วพลาสติกที่มีน้ำอยู่นะค่ะ" ฉันพูดขึ้น
"แล้วไงค่ะน้อง ทิ้งไม่ได้หรือไง? พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นน้ำเสียงเริ่มมีน้ำโห
"ทิ้งได้ค่ะพี่ แต่ถังขยะที่พี่กำลังจะทิ้ง มันมีไว้สำหรับทิ้งกระดาษทิชชู และขยะติดเชื้ออย่างหน้ากากอมามัยนะค่ะ" ฉันพูดพลางชี้ไปที่ถังขยะสแตนเลสที่มีถุงสีแดงรองรับขยะอยู่
"อ้าวหรอ? โทษทีนะพี่ไม่รู้ เพราะเห็นถังมันไม่มีสีบอกประเภท" พี่คนนั้นพูดขึ้น
"ถ้าถังขยะไม่มีสีบอกประเภทขยะ ก็ต้องสังเกตุจากถุงขยะที่เขาใช้รองรับขยะค่ะ ถุงสีแดงใช้รองรับขยะติดเชื้อเท่านั้นค่ะพี่" ฉันอธิบายเสริม
"แล้วจะให้พี่ทำอย่างไงล่ะ?" พี่คนนั้นถามขึ้น ดูเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว
"พี่เห็นถังขยะสีเหลืองที่เขียนว่าขยะรีไซเคิลไหมค่ะ?" ฉันพูดพลางชี้ไปที่ถังขยะด้านนอกห้องน้ำตรงทางเดิน
"เห็นสิ แต่เท่าที่รู้มาถังเหลืองไว้ใส่ขยะแห้งที่รีไซเคิลได้นี้น่า แต่นี้มันเปียกน่ะ น้ำเต็มแก้วเลย" พี่สาวพูดขึ้นพลางชูแก้วพลาสติกที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว
"นั้นเอามานี้ค่ะ เดียวหนูทำให้ดู" ฉันพูดพลางยื่นมือขอแก้วน้ำจากพี่สาวคนนั้น
เมื่อฉันได้แก้วน้ำมาก็จัดการเทน้ำทิ้งใส่ให้อ่างล้างหน้า และล้างแก้วประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นก็ใช้ทิชชูในห้องน้ำเช็ดให้แห้งแล้วนำทิชชูไปทิ้งในถังขยะติดเชื้อ
"อ่ะนี้ค่ะพี่ แค่นี้มันก็กลายเป็นขยะแห้งที่รีไซเคิลได้แล้ว ที่เขาตั้งถังขยะใกล้ห้องน้ำส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เราสามารถทำแบบนี้ได้ไงค่ะ" ฉันพูดอธิบายพร้อมยื่นแก้วน้ำที่แห้งสนิทให้พี่คนนั้น
"อ้อ แบบนี้เอง ขอบใจนะจ๊ะคุณน้อง" พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องน้ำ ในขณะที่ฉันกำลังล้างมืออยู่
"ไม่เป็น.../แปะๆๆๆ" ฉันพูดขึ้นพลางหันหน้าไปทางพี่คนนั้น พร้อมกับเสียงใครบางคนปรบมือขึ้น
"แหมๆ คุณนี้น่าชื่นชมจริงๆ เลยนะ เมี๊ยว---" ฉันได้เสียงผู้ชายดังขึ้นจากในห้องส้วมที่อยู่ในห้องน้ำหญิง ย้ำว่าเสียงผู้ชาย
"ขนาดเจอสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของคุณตกต่ำอย่างคนรักป่วยหนักแบบนี้ คุณก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกนะเนี้ย เมี๊ยว---" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายที่ทำเอาฉันอึ้งไปเลย เพราะด้วยความ 'ประหลาด' ของเขา
"กะ...กรี้ดดดดด ช่วยด้วยค่ะ โรคจิตค่ะ" เมื่อฉันดึง สติตัวเองกลับมาได้ ฉันก็แหกปากร้องลั่นห้องน้ำพร้อมหันซ้ายหันขวา
"คะ...คุณพี่ค่ะ ช่วยด้วยคะ มีผู้ชายโรคจิตแต่งตัวประหลาดโผล่มาจากห้องส้วมค่ะ" ฉันพูดพลางวิ่งไปเกาะแขนพี่สาวคนเมื่อกี้ที่ตอนนี้กำลังหันหลังจะเดินออกจากห้องน้ำ
"เปล่าประโยชน์น่า เมี๊ยว---" ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สาวคนนั้น
"เพราะเธอคนนี้ในตอนนี้ไม่สามารถรับรู้อะไรได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสียง หรือความรู้สึกใดๆ น่ะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางหยิบแว่นตาออกจากใบหน้าของพี่สาวคนนั้นที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง จากนั้นก็โยนแว่นตาทิ้งจะเหยียบจนมันแตกละเอียดไม่เหลือซาก
"คะ...คุณทำอะไรกับพี่เขาน่ะ แล้วทำแบบนี้เพื่ออะไร?" ฉันถามเขาพลางโบกมือไปมาตรงหน้าพี่สาวคนนั้น พี่เขาแข็งทื่อราวรูปปั้น
"ผมก็แค่หยุดเวลาทั้งหมดที่อยู่ในห้องน้ำนี้น่ะ ดูนั้นสิ เมี๊ยว---" เขาพูดเรื่องประหลาดพอๆ กับเครื่องแต่งกายของเขาพลางชี้ไปที่อ่างล้างหน้า
"นะ...นี้มันอะไรกัน ไม่จริงใช่ไหม!?" ฉันอุทานขึ้นในขณะที่เอื้อมมือในหาสายน้ำจากก๊อกน้ำที่ฉันเปืดไว้แต่ทว่าตอนนี้สายน้ำนั้นกลับหยุดนิ่งไป ราวกับว่าเวลาของมันได้หยุดลง
"ก็อย่างที่คุณเห็น เวลาในห้องน้ำหยุดลงทั้งสายน้ำนั้น หรือแม้แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางชี้ไปที่สายน้ำและพี่สาวคนนั้น
"อะ...เอาเป็นว่าฉันเชื่อคุณก็ได้ แต่ทำไมต้องทำลายแว่นตาพี่เขาด้วยละ?" ฉันถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจผู้ชายประหลาดคนนี้ ซึ่งมีอีกหลายคำถามในหัวของฉัน
"ก็เพราะผมหงุดหงิดและโกรธมากที่มีคนว่าผม 'ประหลาด' และก็ 'โรคจิต' ด้วยไง เมี๊ยว---" เขาอธิบาย
"นี้นายลองคิดดูนะ ฉันเป็นผู้หญิงแล้วอยู่ๆ มีผู้ชายแต่งตัวประหลาดโผล่ออกมาจากห้องส้วมในห้องน้ำหญิง นายจะให้ฉันคิดว่านาย 'ปกติ' หรือ?" ฉันพูดขึ้นในขณะที่เดินไปจับผ้าคลุมแพรไหมสีขาวของเขาแล้วเดินไปชี้ห้องส้วมที่เขาโผล่ออกมา
"ผมแต่งตัวประหลาดตรงไหนกัน นี้ปกติสุดๆ แล้วนะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางสะบัดๆ ผ้าคลุมสีขาว
"นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? จอมโจรคริตส์จากเรื่องโคนัX หรือไง? อะไรเนี๊ย? ผ้าคลุมสีขาว ชุดทักซิโด้ขาว และหมวกไหมทรงสูงสีขาว" ฉันพูดพลางเดินไปจับตามที่ฉันพูดทีละอย่าง
"อะ...อะไรเนี๊ย หูกระต่าย! ของจริงหรือเปล่าเนี้ย? ฉันพูดขึ้นพลางตกใจเล็กน้อย ในขณะที่จับและลูบหูกระต่ายของเขาเล่น ซึ่งมันนิ่มและเหมือนจริงมาก
"ยะ...ยุ่งน่า เมี๊ยว--- เอามือออกไปเลยนะ เมี๊ยว" เขาพูดพลางปัดมือฉันออกและเก็บหูไว้ในหมวกทรงสูงเช่นเดิม (ฉันแอบสังเกตเห็นว่า เขาหน้าแดงด้วย)
"ขะ...ของจริงนี้น่า ว้าวสุดยอดเลย!! เอ๊ะ! เดียวนะ นายเป็นกระต่ายขาวแต่ทำไมร้อง 'เมี๊ยว' ละ มันไม่แปลกหรือ?" ฉันทำท่าเหมือนพึ่งนึกได้พลางเอียงคอถามเล็กน้อย
"ก็เพราะฉันไม่รู้ว่า กระต่ายมันร้องอย่างไง แล้วอีกอย่างฉันก็ชอบแมวมากกว่ากระต่ายด้วย เมี๊ยว---" เขาพูดพลางสะบัดหน้าหนี
"อ่อ--- เป็นกระต่ายแอ๊บแมวนี้เอง" ฉันพูดพึมพำกับตัวเองพลางทำท่าเข้าใจ
"เงียบไปเลยนะ! ผมได้ยินนะ เมี๊ยว เดียวก็ไม่ช่วยสะเลย เมัํยว" กระต่ายแอ๊บแมวพูดขึ้นพลางชี้นิ้วมาฉัน
"ช่วยหรอ? จะช่วยอะไรฉัน??" ฉันถามอย่างสงสัย
"ก็ช่วยให้โอกาสคุณได้ช่วยคนที่คุณรักไงละ" เขาพูดพลางล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน
"จะ...จริงสิ ตอนแรกนายก็พูดว่าคนรักของฉันที่ป่วยอยู่ นี้นายรู้ได้อย่างไง?" ฉันถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
"เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก เมี๊ยว ว่าไงล่ะ อยากให้ผมช่วยไหมล่ะ เมี๊ยว---?" เขาทำท่าโบกมือไปมาแล้วพูดขึ้นพลางหยิบสร้อยคอที่มีนาฬิกาทรงกลมเหมือนของยุคโบราณมาโชว์
ดูจากที่อีตาประหลาดได้แสดงให้เห็นเมื่อกี้นี้ เขาน่าจะควบคุมเวลาได้ แล้วนาฬิกานั้นคงเป็นอะไรที่คล้ายๆ ไทม์แมชชีนของโคเรม่อX ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเขาก็สามารถช่วยย้อนแวลาให้ฉันได้สินะ!!
"ฉันตกลง!! ถ้านายช่วยฉันได้ จะให้ฉันทำอะไรก็ยอมหมดเลย" ฉันพูดเสียงดังฟังชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าข้อตกลงแลกเปลี่ยนสำเร็จ แล้วเจอกันใหม่ในห้วงมิติเวลาอื่นนะ เมี๊ยว" เขาพูดพลางหมุนๆ ปุ่มปรับเข็มนาฬิกานั้น
"ดะ...เดียวนะ!! แลกเปลี่ยน!? อะไรกัน?" ฉันถามขึ้นในขณะที่มีช่องโหว่ของห้วงมิติอะไรสักอย่างปรากฏขึ้น
"เดียวคุณก็จะได้รู้เอง เมื่อหาผมเจอในห้วงมิตินั้น เมี๊ยว---" เขาพูดพลางก้าวเท้าเข้าใปในห้วงมิตินั้น
"ดะ...เดียวสิ อิตากระต่ายแอ๊บแมว!!!" ฉันตะโกนเรียกเขา ทั้งๆ ที่ห่วงมิตินั้นหายไปแล้ว
"อ้อ--- เกือบลืมไป ผมชื่อ 'อีวาน อิดิสัน' ไม่ใช้กระต่ายแอ๊บแมวนะ เมี๊ยว--- แล้วก็ขอให้คุณเตรียมใจรับกับข้อแลกเปลี่ยนด้วยนะ เมี๊ยว เป๊าะ!" อีวานพูดขึ้นพร้อมกับแขนที่ยื่นออกมาจากห้วงมิติเล็กๆ แล้วดีดนิ้ว
"ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าอย่างไงฉันก็ต้องช่วยเขาให้ได้" ฉันตะโกนขึ้น หลังจากสิ้นสุดเสียงเขา
หลังจากเสียงดีดนิ้วของอีวานสิ้นสุดลง เสียงสายน้ำจากก๊อกน้ำ เสียงฝีเท้าของพี่สาวคนนั้นที่มีแว่นตาอยู่บนหน้าราวกับว่า มันไม่เคยถูกเหยียบมาก่อน และเสียงประกาศตามสายของโรงพยาบาลก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับ นั้นทำให้ฉันรู้ว่า 'เวลาได้เดินต่อไปแล้ว'
ณ หน้าห้องไอซียูที่ท่านประธานเดชอยู่
ฉันเดินออกจากห้องน้ำมาที่หน้าห้องไอซียูด้วยความงุนงงสุดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ฉันก็ยังเห็นท่านประธานนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิม
"คุณขวัญครับ ข่าวดีครับ แพทย์ประจำตัวท่านประธานบอกว่า สามารถย้ายท่านออกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้แล้วครับ" พี่เอกเดินมาบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงดีใจมาก
"งั้นก็แสดงว่า อาการดีขึ้นแล้วสิค่ะพี่ โล่งอกไปที" ฉันพูดพลางถอนหายใจ
"คุณขวัญจะกลับก่อนก็ได้นะครับ แค่นี้ก็รบกวนแย่แล้วครับ" พี่เอกพูดขึ้้นพลางยืนโซเซเหมือนจะเป็นลม
"รบกวนอะไรกันค่ะพี่ คนกันเองทั้งนั้น ว่าแต่พี่โอเคไหมค่ะ ดูเพลียๆ" ฉันพูดพลางเดินเข้าไปประคองแขนของคนที่เป็นเหมือนพี่ชายฉัน
"สงสัยจะพักผ่อนน้อยไป เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย" เขาพูดพลางทิ้งตัวลงนั้งที่เก้าอี้
"ถ้าอย่างไงให้หนูอยู่เฝ้าท่านประธานแทนพี่ก็ได้นะค่ะ" ฉันพูดขึ้น
"จะรบกวนคุณขวัญมากเกินไปหรือเปล่าครับ" พี่เอกหันมาถามฉัน
"รบกวนอะไรกันค่ะพี่ หนูเต็มใจอยู่เองค่ะ พี่ก็รู้ว่าถึงหนูจะ 'เลิก' กับเขาไปนานแล้ว แต่หนูก็ยังรักเขาอยู่ค่ะ" ฉันพูดพลางเดินไปที่หน้ากระจกห้องไอซียูราวกับว่าอยากพูดให้เขาได้ยินชัดๆ
"ถ้างั้นผมรบกวนด้วยนะครับ ผมจะกลับไปพักผ่อนแล้วเครียมเอกสารแจ้งเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นรายอื่นในเครือครับ" เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินจากไป
และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ท่านประธานก็ได้ย้ายมาอยู่ในห้องธรรมดาแบบวีไอพี ทำให้ฉันสามารถเฝ้าเขาได้แบบใกล้ชิดติดขอบเตียง
ฉันคิดถึงคุณจริงๆ หลังจากที่เราเลิกกัน ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าคุณอีกเลย ยิ่งคุณได้แต่งงานกับ 'เธอคนนั้น' ฉันยิ่งไม่กล้าโผล่หน้าไปพบคุณเขาไปอีก
ฉันนึกขึ้นพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง แล้วเกิดคิดถึงคำพูดของอีตาบ้าอีวานนั้น
"ฉันมันบ้าไปเอง ที่หลงเชื่อคำพูดของคนประหลาดๆ แบบนั้น" ฉันพูดพลางหยิบหนังสือแนวรักษ์โลกที่ฉันชอบอ่านก็มาอ่านฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ามีของสิ่งหนึ่่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฉัน และนั้นทำให้ฉันต้องพบเจอกับเรื่องวุ่นวายมากมาย ที่จะตามมา
จบตอนที่ 1
เตรียมพบกับ
ตอนที่ 2 'ฉันเป็นใครกัน แล้วนายเป็นใครกัน'
"แฮ่กๆ พ...พี่เอกค่ะ ท่านประธานเป็นอย่างไรบ้างค่ะ อาการหนักมากไหมค่ะ" ฉันถามพี่เอกที่เป็นเลขาของท่านประธาน
"ตอนนี้ท่านประธานยังไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูครับ" พี่เอกพูดพลางนั่งก้มหน้าส่ายหน้ากุ้มขมับ
"แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไงค่ะ เขาป่วยเป็นอะไรกันแน่ค่ะพี่" ฉันพูดพลางนั่งลงข้างๆ พี่เอก
"แพทย์ประจำตัวท่านบอกว่า ท่านเป็นโรคปอดอุดตันเรื้อรัง และหลอดเลือดหัวใจอุดตัน" พี่เอกพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองท่านประธานผ่านกระจกในห้องไอซียู
"ถ...ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นมานานแล้วสิค่ะ? เพราะโรคแบบนี้มันเป็นโรคเรื้อรัง" ฉันหันไปถามพี่เอก
"ก็น่าจะใช่ แต่อาการคงไม่ได้ร้ายแรงอะไร ท่านประธานเลยไม่ได้บอกใคร แม้แต่ผม คงเพราะกลัวว่าหากข่าวแพร่ออกไปจะทำให้หุ้นรวมของบริษัทในเครือตกต่ำลง คุณก็รู้ดีว่า เขาห่วงบริษัทนี้ขนาดไหน?" เลขาคนสนิทของเขาพูดพลางน้ำตาคลอ
"เรื่องนั้นฉันรู้ดีกว่าใครเลยค่ะ แต่ถึงขนาดละเลยสุขภาพตัวเองแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกันค่ะพี่" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย
"เอาเถอะน่าคุณขวัญ ท่านประธานเขาก็คงมีความคิดของเขาเอง เราก็คงได้แต่ภาวนาให้ท่านฟื้นขึ้นมาไวๆ เฮ้อ--- ผมจะไปหาอะไรดื่มคุณจะเอาอะไรหน่อยไหม?" พี่เอกพูดพลางลุกขึ้นหันมาถามฉัน
"อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินมาแล้วค่ะพี่ ตามสบายเลยค่ะ" ฉันพูดพลางลุกขึ้นยืนเดินไปหน้ากระจกห้องไอซียู เพื่อมองหน้าเขาได้ชัดๆ
ทั้งหมดนี้มันอาจเป็นความผิดของฉันเอง ที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ ฉันไม่น่าตอบรับข้อตกลงของ "เธอคนนั้น" เลย ฉันน่าจะยืนอยู่ข้างๆ คุณให้ถึงที่สุด คอยดูแลคุณไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
"อึ้ก...ฉ...ฉันขอโทษค่ะคุณเดช มันเป็นความผิดของฉันเอง หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ทำพลาดแบบนี้อีกแล้ว" ฉันพูดพลางปาดน้ำตาไปด้วย
"ฉันนี้ต้องบ้าไปแล้ว เพ้อเจ้อไปเรื่อยนี้ไม่ใช้การ์ตูนโดเรมอนนะจะได้นั่งไทม์แมชชีมได้ ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าเรา" ฉันพูดพลางเดินไปห้องน้ำ
ณ ห้องน้ำในโรงพยาบาล
ฉันล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างหน้าหน้ากระจกอยู่พักใหญ่ แล้วก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้าห้องน้ำ แล้วจะทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้
"ดะ...เดียวค่ะคุณพี่ คุณจะทำอะไรค่ะ?" ฉันหันไปถามพี่สาวคนนั้น เมื่อเห็นเธอกำลังจะทิ้งขยะลงในถังขยะที่อยู่ในห้องน้ำ
"ก็ทิ้งขยะไงจ๊ะน้อง เห็นแล้วยังจะถามอีก?" พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นพลางหยุดมือที่ถือแก้วน้ำพลาสติกที่มีน้ำกว่าครึ่งแก้ว
"อันนั้นหนูเห็นค่ะพี่ แต่ขยะที่พี่ถือว่ามันคือแก้วพลาสติกที่มีน้ำอยู่นะค่ะ" ฉันพูดขึ้น
"แล้วไงค่ะน้อง ทิ้งไม่ได้หรือไง? พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นน้ำเสียงเริ่มมีน้ำโห
"ทิ้งได้ค่ะพี่ แต่ถังขยะที่พี่กำลังจะทิ้ง มันมีไว้สำหรับทิ้งกระดาษทิชชู และขยะติดเชื้ออย่างหน้ากากอมามัยนะค่ะ" ฉันพูดพลางชี้ไปที่ถังขยะสแตนเลสที่มีถุงสีแดงรองรับขยะอยู่
"อ้าวหรอ? โทษทีนะพี่ไม่รู้ เพราะเห็นถังมันไม่มีสีบอกประเภท" พี่คนนั้นพูดขึ้น
"ถ้าถังขยะไม่มีสีบอกประเภทขยะ ก็ต้องสังเกตุจากถุงขยะที่เขาใช้รองรับขยะค่ะ ถุงสีแดงใช้รองรับขยะติดเชื้อเท่านั้นค่ะพี่" ฉันอธิบายเสริม
"แล้วจะให้พี่ทำอย่างไงล่ะ?" พี่คนนั้นถามขึ้น ดูเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว
"พี่เห็นถังขยะสีเหลืองที่เขียนว่าขยะรีไซเคิลไหมค่ะ?" ฉันพูดพลางชี้ไปที่ถังขยะด้านนอกห้องน้ำตรงทางเดิน
"เห็นสิ แต่เท่าที่รู้มาถังเหลืองไว้ใส่ขยะแห้งที่รีไซเคิลได้นี้น่า แต่นี้มันเปียกน่ะ น้ำเต็มแก้วเลย" พี่สาวพูดขึ้นพลางชูแก้วพลาสติกที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว
"นั้นเอามานี้ค่ะ เดียวหนูทำให้ดู" ฉันพูดพลางยื่นมือขอแก้วน้ำจากพี่สาวคนนั้น
เมื่อฉันได้แก้วน้ำมาก็จัดการเทน้ำทิ้งใส่ให้อ่างล้างหน้า และล้างแก้วประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นก็ใช้ทิชชูในห้องน้ำเช็ดให้แห้งแล้วนำทิชชูไปทิ้งในถังขยะติดเชื้อ
"อ่ะนี้ค่ะพี่ แค่นี้มันก็กลายเป็นขยะแห้งที่รีไซเคิลได้แล้ว ที่เขาตั้งถังขยะใกล้ห้องน้ำส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เราสามารถทำแบบนี้ได้ไงค่ะ" ฉันพูดอธิบายพร้อมยื่นแก้วน้ำที่แห้งสนิทให้พี่คนนั้น
"อ้อ แบบนี้เอง ขอบใจนะจ๊ะคุณน้อง" พี่สาวคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องน้ำ ในขณะที่ฉันกำลังล้างมืออยู่
"ไม่เป็น.../แปะๆๆๆ" ฉันพูดขึ้นพลางหันหน้าไปทางพี่คนนั้น พร้อมกับเสียงใครบางคนปรบมือขึ้น
"แหมๆ คุณนี้น่าชื่นชมจริงๆ เลยนะ เมี๊ยว---" ฉันได้เสียงผู้ชายดังขึ้นจากในห้องส้วมที่อยู่ในห้องน้ำหญิง ย้ำว่าเสียงผู้ชาย
"ขนาดเจอสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจของคุณตกต่ำอย่างคนรักป่วยหนักแบบนี้ คุณก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกนะเนี้ย เมี๊ยว---" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายที่ทำเอาฉันอึ้งไปเลย เพราะด้วยความ 'ประหลาด' ของเขา
"กะ...กรี้ดดดดด ช่วยด้วยค่ะ โรคจิตค่ะ" เมื่อฉันดึง สติตัวเองกลับมาได้ ฉันก็แหกปากร้องลั่นห้องน้ำพร้อมหันซ้ายหันขวา
"คะ...คุณพี่ค่ะ ช่วยด้วยคะ มีผู้ชายโรคจิตแต่งตัวประหลาดโผล่มาจากห้องส้วมค่ะ" ฉันพูดพลางวิ่งไปเกาะแขนพี่สาวคนเมื่อกี้ที่ตอนนี้กำลังหันหลังจะเดินออกจากห้องน้ำ
"เปล่าประโยชน์น่า เมี๊ยว---" ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สาวคนนั้น
"เพราะเธอคนนี้ในตอนนี้ไม่สามารถรับรู้อะไรได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสียง หรือความรู้สึกใดๆ น่ะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางหยิบแว่นตาออกจากใบหน้าของพี่สาวคนนั้นที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง จากนั้นก็โยนแว่นตาทิ้งจะเหยียบจนมันแตกละเอียดไม่เหลือซาก
"คะ...คุณทำอะไรกับพี่เขาน่ะ แล้วทำแบบนี้เพื่ออะไร?" ฉันถามเขาพลางโบกมือไปมาตรงหน้าพี่สาวคนนั้น พี่เขาแข็งทื่อราวรูปปั้น
"ผมก็แค่หยุดเวลาทั้งหมดที่อยู่ในห้องน้ำนี้น่ะ ดูนั้นสิ เมี๊ยว---" เขาพูดเรื่องประหลาดพอๆ กับเครื่องแต่งกายของเขาพลางชี้ไปที่อ่างล้างหน้า
"นะ...นี้มันอะไรกัน ไม่จริงใช่ไหม!?" ฉันอุทานขึ้นในขณะที่เอื้อมมือในหาสายน้ำจากก๊อกน้ำที่ฉันเปืดไว้แต่ทว่าตอนนี้สายน้ำนั้นกลับหยุดนิ่งไป ราวกับว่าเวลาของมันได้หยุดลง
"ก็อย่างที่คุณเห็น เวลาในห้องน้ำหยุดลงทั้งสายน้ำนั้น หรือแม้แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางชี้ไปที่สายน้ำและพี่สาวคนนั้น
"อะ...เอาเป็นว่าฉันเชื่อคุณก็ได้ แต่ทำไมต้องทำลายแว่นตาพี่เขาด้วยละ?" ฉันถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจผู้ชายประหลาดคนนี้ ซึ่งมีอีกหลายคำถามในหัวของฉัน
"ก็เพราะผมหงุดหงิดและโกรธมากที่มีคนว่าผม 'ประหลาด' และก็ 'โรคจิต' ด้วยไง เมี๊ยว---" เขาอธิบาย
"นี้นายลองคิดดูนะ ฉันเป็นผู้หญิงแล้วอยู่ๆ มีผู้ชายแต่งตัวประหลาดโผล่ออกมาจากห้องส้วมในห้องน้ำหญิง นายจะให้ฉันคิดว่านาย 'ปกติ' หรือ?" ฉันพูดขึ้นในขณะที่เดินไปจับผ้าคลุมแพรไหมสีขาวของเขาแล้วเดินไปชี้ห้องส้วมที่เขาโผล่ออกมา
"ผมแต่งตัวประหลาดตรงไหนกัน นี้ปกติสุดๆ แล้วนะ เมี๊ยว---" เขาพูดพลางสะบัดๆ ผ้าคลุมสีขาว
"นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? จอมโจรคริตส์จากเรื่องโคนัX หรือไง? อะไรเนี๊ย? ผ้าคลุมสีขาว ชุดทักซิโด้ขาว และหมวกไหมทรงสูงสีขาว" ฉันพูดพลางเดินไปจับตามที่ฉันพูดทีละอย่าง
"อะ...อะไรเนี๊ย หูกระต่าย! ของจริงหรือเปล่าเนี้ย? ฉันพูดขึ้นพลางตกใจเล็กน้อย ในขณะที่จับและลูบหูกระต่ายของเขาเล่น ซึ่งมันนิ่มและเหมือนจริงมาก
"ยะ...ยุ่งน่า เมี๊ยว--- เอามือออกไปเลยนะ เมี๊ยว" เขาพูดพลางปัดมือฉันออกและเก็บหูไว้ในหมวกทรงสูงเช่นเดิม (ฉันแอบสังเกตเห็นว่า เขาหน้าแดงด้วย)
"ขะ...ของจริงนี้น่า ว้าวสุดยอดเลย!! เอ๊ะ! เดียวนะ นายเป็นกระต่ายขาวแต่ทำไมร้อง 'เมี๊ยว' ละ มันไม่แปลกหรือ?" ฉันทำท่าเหมือนพึ่งนึกได้พลางเอียงคอถามเล็กน้อย
"ก็เพราะฉันไม่รู้ว่า กระต่ายมันร้องอย่างไง แล้วอีกอย่างฉันก็ชอบแมวมากกว่ากระต่ายด้วย เมี๊ยว---" เขาพูดพลางสะบัดหน้าหนี
"อ่อ--- เป็นกระต่ายแอ๊บแมวนี้เอง" ฉันพูดพึมพำกับตัวเองพลางทำท่าเข้าใจ
"เงียบไปเลยนะ! ผมได้ยินนะ เมี๊ยว เดียวก็ไม่ช่วยสะเลย เมัํยว" กระต่ายแอ๊บแมวพูดขึ้นพลางชี้นิ้วมาฉัน
"ช่วยหรอ? จะช่วยอะไรฉัน??" ฉันถามอย่างสงสัย
"ก็ช่วยให้โอกาสคุณได้ช่วยคนที่คุณรักไงละ" เขาพูดพลางล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน
"จะ...จริงสิ ตอนแรกนายก็พูดว่าคนรักของฉันที่ป่วยอยู่ นี้นายรู้ได้อย่างไง?" ฉันถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
"เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก เมี๊ยว ว่าไงล่ะ อยากให้ผมช่วยไหมล่ะ เมี๊ยว---?" เขาทำท่าโบกมือไปมาแล้วพูดขึ้นพลางหยิบสร้อยคอที่มีนาฬิกาทรงกลมเหมือนของยุคโบราณมาโชว์
ดูจากที่อีตาประหลาดได้แสดงให้เห็นเมื่อกี้นี้ เขาน่าจะควบคุมเวลาได้ แล้วนาฬิกานั้นคงเป็นอะไรที่คล้ายๆ ไทม์แมชชีนของโคเรม่อX ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเขาก็สามารถช่วยย้อนแวลาให้ฉันได้สินะ!!
"ฉันตกลง!! ถ้านายช่วยฉันได้ จะให้ฉันทำอะไรก็ยอมหมดเลย" ฉันพูดเสียงดังฟังชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าข้อตกลงแลกเปลี่ยนสำเร็จ แล้วเจอกันใหม่ในห้วงมิติเวลาอื่นนะ เมี๊ยว" เขาพูดพลางหมุนๆ ปุ่มปรับเข็มนาฬิกานั้น
"ดะ...เดียวนะ!! แลกเปลี่ยน!? อะไรกัน?" ฉันถามขึ้นในขณะที่มีช่องโหว่ของห้วงมิติอะไรสักอย่างปรากฏขึ้น
"เดียวคุณก็จะได้รู้เอง เมื่อหาผมเจอในห้วงมิตินั้น เมี๊ยว---" เขาพูดพลางก้าวเท้าเข้าใปในห้วงมิตินั้น
"ดะ...เดียวสิ อิตากระต่ายแอ๊บแมว!!!" ฉันตะโกนเรียกเขา ทั้งๆ ที่ห่วงมิตินั้นหายไปแล้ว
"อ้อ--- เกือบลืมไป ผมชื่อ 'อีวาน อิดิสัน' ไม่ใช้กระต่ายแอ๊บแมวนะ เมี๊ยว--- แล้วก็ขอให้คุณเตรียมใจรับกับข้อแลกเปลี่ยนด้วยนะ เมี๊ยว เป๊าะ!" อีวานพูดขึ้นพร้อมกับแขนที่ยื่นออกมาจากห้วงมิติเล็กๆ แล้วดีดนิ้ว
"ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าอย่างไงฉันก็ต้องช่วยเขาให้ได้" ฉันตะโกนขึ้น หลังจากสิ้นสุดเสียงเขา
หลังจากเสียงดีดนิ้วของอีวานสิ้นสุดลง เสียงสายน้ำจากก๊อกน้ำ เสียงฝีเท้าของพี่สาวคนนั้นที่มีแว่นตาอยู่บนหน้าราวกับว่า มันไม่เคยถูกเหยียบมาก่อน และเสียงประกาศตามสายของโรงพยาบาลก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับ นั้นทำให้ฉันรู้ว่า 'เวลาได้เดินต่อไปแล้ว'
ณ หน้าห้องไอซียูที่ท่านประธานเดชอยู่
ฉันเดินออกจากห้องน้ำมาที่หน้าห้องไอซียูด้วยความงุนงงสุดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ฉันก็ยังเห็นท่านประธานนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิม
"คุณขวัญครับ ข่าวดีครับ แพทย์ประจำตัวท่านประธานบอกว่า สามารถย้ายท่านออกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้แล้วครับ" พี่เอกเดินมาบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงดีใจมาก
"งั้นก็แสดงว่า อาการดีขึ้นแล้วสิค่ะพี่ โล่งอกไปที" ฉันพูดพลางถอนหายใจ
"คุณขวัญจะกลับก่อนก็ได้นะครับ แค่นี้ก็รบกวนแย่แล้วครับ" พี่เอกพูดขึ้้นพลางยืนโซเซเหมือนจะเป็นลม
"รบกวนอะไรกันค่ะพี่ คนกันเองทั้งนั้น ว่าแต่พี่โอเคไหมค่ะ ดูเพลียๆ" ฉันพูดพลางเดินเข้าไปประคองแขนของคนที่เป็นเหมือนพี่ชายฉัน
"สงสัยจะพักผ่อนน้อยไป เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย" เขาพูดพลางทิ้งตัวลงนั้งที่เก้าอี้
"ถ้าอย่างไงให้หนูอยู่เฝ้าท่านประธานแทนพี่ก็ได้นะค่ะ" ฉันพูดขึ้น
"จะรบกวนคุณขวัญมากเกินไปหรือเปล่าครับ" พี่เอกหันมาถามฉัน
"รบกวนอะไรกันค่ะพี่ หนูเต็มใจอยู่เองค่ะ พี่ก็รู้ว่าถึงหนูจะ 'เลิก' กับเขาไปนานแล้ว แต่หนูก็ยังรักเขาอยู่ค่ะ" ฉันพูดพลางเดินไปที่หน้ากระจกห้องไอซียูราวกับว่าอยากพูดให้เขาได้ยินชัดๆ
"ถ้างั้นผมรบกวนด้วยนะครับ ผมจะกลับไปพักผ่อนแล้วเครียมเอกสารแจ้งเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นรายอื่นในเครือครับ" เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินจากไป
และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ท่านประธานก็ได้ย้ายมาอยู่ในห้องธรรมดาแบบวีไอพี ทำให้ฉันสามารถเฝ้าเขาได้แบบใกล้ชิดติดขอบเตียง
ฉันคิดถึงคุณจริงๆ หลังจากที่เราเลิกกัน ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าคุณอีกเลย ยิ่งคุณได้แต่งงานกับ 'เธอคนนั้น' ฉันยิ่งไม่กล้าโผล่หน้าไปพบคุณเขาไปอีก
ฉันนึกขึ้นพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง แล้วเกิดคิดถึงคำพูดของอีตาบ้าอีวานนั้น
"ฉันมันบ้าไปเอง ที่หลงเชื่อคำพูดของคนประหลาดๆ แบบนั้น" ฉันพูดพลางหยิบหนังสือแนวรักษ์โลกที่ฉันชอบอ่านก็มาอ่านฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ามีของสิ่งหนึ่่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฉัน และนั้นทำให้ฉันต้องพบเจอกับเรื่องวุ่นวายมากมาย ที่จะตามมา
จบตอนที่ 1
เตรียมพบกับ
ตอนที่ 2 'ฉันเป็นใครกัน แล้วนายเป็นใครกัน'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ